เพชฌฆาตสาว (เพ็ญศิริ)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: -
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 150.00 บาท 37.50 บาท
ประหยัด: 112.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

1                                                                                                                       เพชฌฆาตสาว

ประพันธ์โดย เพ็ญศิริ

              

               ท่ามกลางความสับสนของสังคมเมือง

               ผู้คนมากมายพากันเดินขวักไขว่ โดยที่ไม่มีใครสนใจใครนักนอกจากจะสอดส่ายสายตาดูสินค้าจากข้างทางฝั่งซ้ายมือ เพราะด้านนั้นถูกจัดเป็นศูนย์การค้าแบบย่อย ๆ เพื่อให้เหล่าพ่อค้าแม่ขายได้จัดตั้งแผงจำหน่ายสินค้ามากมายประดา มีทั้งเสื้อผ้าโหลแบบราคาถูก ซึ่งจริง ๆ แล้วคุณภาพของมันก็ไม่ได้แตกต่างไปจากห้างใหญ่ ๆ ทั้งหลายมากนัก อาจจะมีตำหนิบ้างนิดหน่อยแต่ก็ไม่มากจนเกินไป

               แต่อย่างว่า...สังคมคนไทยปัจจุบันในยุคโลกโซเชียล ผู้คนส่วนใหญ่พากันเห่อของในห้าง จึงทำให้นักลงทุนพากันทุ่มทุนสร้างห้างสรรพสินค้าขึ้นมาดาดดื่นเหมือนดอกเห็ด และทุ่มทุนโปรโมตเรียกความสนใจจากผู้คนจนแน่นห้างแทบถล่มทลาย เช่นห้างสรรพสินค้าเพิ่งสร้างและเปิดใหม่เมื่อไม่นานมานี้เอง

               คนไทยเบอร์ห้าทั้งหลายเห่อของนอก ดูได้จากห้างร้านทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่แทบจะหาชื่อไทย ๆ ไม่เจอ เอะอะก็ชื่อฝรั่งมังค่าเสียหมด แม้แต่ชื่อลูกชื่อเต้าก็ยังกระแดะตั้งฝรั่งมังค่าทั้ง ๆ ตัวดำปี๋

               บางทีฝรั่งนักท่องเที่ยวที่หมายจะเข้ามาชมของแบบไทย ๆ กลับนึกสงสัย นี่มันเมืองไทยแน่หรือฟะ ว่าไปนั่น

               ครั้นใครหน้าไหนใช้ของเมคอินไทยแลนด์ให้เพื่อนเห็นอาจถูกล้อเลียนเอาได้ว่า แหม! อะไรจะไท้ไทยปานนี้ เฉิ่มซะไม่เมียะ ก็นี่แหละคือไทยยุคนิกส์ที่ว่าเจริญกันแล้ว

               แท็กซี่มิเตอร์หรูพาหนะยานยนต์ ที่คนไทยกำลังเห่อ เพราะว่ามันราคายุติธรรมดีมีให้วิ่งอยู่ขวักไขว่มากมายเต็มท้องถนน ทำให้บรรดาแท็กซี่แบบธรรมด๊าธรรมดา เก่าก่อนสูญเสียลูกค้าไปก็มากหลายจนบางรายต้องกลั้นอกกลั้นใจขายหันไปเช่ามิเตอร์ยี่ห้อดังรุ่นใหม่มาขับเสียแทน

               ถึงใครจะหันไปสนของใหม่แค่ไหน แต่ชายขับแท็กซี่คนนี้ก็ไม่ยี่หระ เขายังคงตั้งหน้าตั้งตาควบแท็กซี่อีแก่คู่ใจที่เขาผูกสมัครเช่ามันมาขับนานเนไปบนท้องถนนอยู่นั่นเอง 

               ข้างกายของเขามีขวดเหล้าตั้งอยู่ด้วยไม่เคยขาด มันเสมือนยาบำรุงชนิดเยี่ยมปลุกความรู้สึกของเขาให้ตื่นตัวเร้าใจอยู่เสมอ

               สีหน้าของชายขับแท็กซี่คนนั้นช่างเย็นชาประดุจใบหน้ารูปปั้นของปูนปลาสเตอร์เรียบสนิทเหมือนไร้ชีวิตจิตใจ ไม่รู้สึกต่อสิ่งใด ๆ ทั้งสิ้น

               หากลึกลงไปในก้นบึ้ง ไม่มีใครทราบว่าชายขับแท็กซี่คนนี้คิดอะไรอยู่บ้าง

               ท่ามกลางยวดยานอันคับคั่งมากมาย และติดกันยาวเป็นโบกี้รถไฟสายใต้ เขาจับรถตามหลังรถคันอื่นมาช้า ๆ เมื่อถึงคราวเจอรถติดเขาก็จำต้องจอดตามบ้าง

               เบาะท้ายของรถว่างเปล่าปราศจากผู้โดยสาร ภายในรถมีเขาซึ่งเป็นสารถีนั่งอยู่เพียงคนเดียว เมื่อเจอภาวะรถติดแบบวิกฤตการณ์เช่นนี้เข้า เขาก็หงุดหงิด ‘เหล้า’ ดูจะเป็นเพื่อนเขาได้ดีที่สุด

               เขาเอี้ยวร่างไปเอื้อมหยิบขวดกลม ๆ สีน้ำตาล ซึ่งมีแอลกอฮอล์แบบเพียว ๆ ชนิดเหล้าโรงยกขึ้นดื่มพรวดเดียวเกือบครึ่งขวดพลางใช้มือปราดหยาดเหล้าที่มุมปากทิ้ง ตายังจับจ้องมองดูยวดยานคันข้างหน้าไม่กระพริบ

               เป็นนานเท่านาน เขายังไม่อาจจะขยับรถเคลื่อนไปไหนได้ มันช่างเป็นเวลาที่น่าเบื่อหน่ายนัก เหล้าในขวดนั้นอันตรธานหายเข้าไปอยู่ในกระเพาะเขาจนเกลี้ยงไม่เหลือแม้เพียงหยดเดียว เขาสำนึกเมื่อยกมันขึ้นจ่อปากแต่กลับไม่มีอะไรไหลรินให้เขาลิ้มรสเข้าไประงับความพลุ่งพล่านที่ปีนเกลียวที่อกแทบระเบิดเปรี้ยงอกมา

               “ไอ้ ห่......”

               มันเป็นคำแรกที่เขาหลุดสบถมาเบา ๆ สีหน้าเรียบเปลี่ยนเป็นดุดันไปนิดหนึ่ง แล้วเมื่อรถคันหน้าทำท่าว่าจะขยับตัวได้ เขาก็ใส่เกียร์รถพุ่งพรวดตามจ่อก้นไปติด ๆ แทบจะชนท้ายคันหน้านั้น

               เสียงรถเบรกดังลั่นสนั่นเมื่อจู่ ๆ ก็มีผู้คนทะเล่อทะล่าตัดหน้ารถหมายจะข้ามถนนในระยะกระชั้นชิดแบบฉิวเฉียด

               “อยากตายโหงเรอะ...ไอ้ฉิบหาย”

               ชายขับแท็กซี่ยื่นหน้าออกไปด่าหยาบโลน ทำให้คนข้ามถนนสองสามคนนั้นมามองเขาตาขุ่นขวางเอาบ้าง

               “หยาบคาย ทุเรศ จนแล้วไม่เจียมกะลาหัว”

               ผู้หญิงสาวคนหนึ่งโต้ตอบเขากลับมาบ้าง แต่ก็คงเป็นแค่การตอบโต้ที่เกิดจากอารมณ์เพียงเล็กน้อย ใครเลยจะนึกว่าแค่คำพูดสั้น ๆ นั้นจะไปจุดชนวนระเบิดในความรู้สึกพลุ่งพล่านของคนที่ซ่อนความกดดันมายาวนาน

               มันจะเป็นแค่ถ้อยคำสั้น แต่มันก็แทงใจดำคนฟังจนเจ็บจี๊ด...จน...จน...ก็ใครล่ะอยากจะจน ดวงตาคู่หรี่ปรือของคนขับแท็กซี่มีอันเบิกกว้างแทบถลน...นรก...นรก...นรกชัด ๆ

               วูบนั้นเองที่กระชากสัมปชัญญะส่วนที่ดีให้ขาดผึง ขาดความยับยั้งไร้สติที่ดีงาม

               แท็กซี่คันเก่าคร่ำแล่นตะบึงเข้าใส่ร่างผู้ใช้ถนนกลุ่มนั้นที่กำลังจะข้ามไปถึงอีกฝั่งอย่างรวดเร็ว ปานสายฟ้าฟาดเกินที่ใครจะทันคิด หรือหาทางยับยั้ง

               “ว้าย...”

               “โอ๊ย...”

               “โครม...”

               หลายต่อหลายเสียงที่ดังขึ้นติด ๆ กันจนแยกแยะเวลาไม่ถูก ร่างผู้คนเหล่านั้นล้มกระเด็นลอยหวือไปตกข้างหน้าด้วยแรงชนของแท็กซี่

               แต่ยังไม่หนำใจ ชายคนขับแท็กซี่ยังบึ่งรถตะลุยเข้าไปหาร่างที่ยังตั้งตัวไม่ทัน ล้อรถมีน้ำหนักเหยียบขยี้ไปบนเรือนร่างผู้คนเคราะห์ร้ายเหล่านั้นอย่างโหดเหี้ยม

               “กรี๊ดดดดด...”

               ผู้หญิงหลายสิบคนที่หันมาเห็นเหตุการณ์นั้นเข้าหลุดเสียงวี้ดว้ายออกมา ภาพตรงหน้ามันช่างสยดสยองสั่นประสาทพวกหล่อนช็อกไปในบัดดล

               ร่างเหยื่อเคราะห์ร้ายที่หาได้มีส่วนรับผิดชอบต่อความปากเปราะของผู้หญิงคนต่อปากต่อคำกับแท็กซี่ แต่กลับต้องสังเวยร่างให้กับลูกล้อรถทั้งสี่ที่บดขยี้ร่างพวกเขาและหล่อน เหมือนมัจจุราชไร้ความปราณี

               มันโหดเหี้ยม...ชนิดที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ทว่าชายคนขับแท็กซี่จะสำนึกว่าตนกำลังก่อการเขย่าขวัญผู้คนอย่างโหดเหี้ยมอยู่หรือไม่ ในเมื่อเวลานี้ใบหน้าเขาแลดูทมิฬ ขมับสองข้างเต้นตุ๊บและหัวคิ้วขมวดมุ่นมองภาพ ‘เหยื่อ’ ของเขาเหล่านั้นเละเทะเลือดปนมันละเลงเต็มพื้นถนน บางร่างงองุ้มไม่ผิดกับเศษผ้าขี้ริ้วสีแดงลายยังไงยังงั้น

               ‘เหยื่อ’ บางรายเมื่อรถแท็กซี่ถอยออกไปพ้นจากร่างแล้ว แขนขาบางส่วนยังคงกระตุกยึก แม้วิญญาณจะหลุดลอยจากร่างไปแล้ว นั่นคือการตายโดยไม่ตั้งใจ และตายโดยไม่ทันรู้ตัว

               คนขับรถแท็กซี่แหงนหน้าหัวเราะร่าดุจคนบ้า เมื่อรถหยุดชั่วอึดใจมองดูฝีมือของความโหดร้ายผสมความวิปริตทางอารมณ์ของตนแล้วเต็มตา

               ไม่มีความปราณีหลงเหลืออยู่ในมโนสำนึก นอกจากความคึกคักและต้องการจะเข่นฆ่าต่อไป

               “ตาย...ตาย...พวกมันต้องตาย”
                เขาแหงนหน้าขึ้นระเบิดเสียงพูดตะโกนกับตัวเอง บึ่งรถไปข้างหน้าต่อไป ขณะนี้บนท้องถนนซึ่งแต่แรกมีรถรามากมาย กลับว่างเปล่าโล่งเตียนเหมาะที่เขาจะขับเจ้าแท็กซี่บุกเข้าขยี้สิ่งกีดขวางสายตาทุก ๆ อย่างไม่ละเว้น                ในเมื่อมันขึ้นอยู่กับความต้องการพึงพอใจ เขาย่อมบงการตัวเองได้ทั้งสิ้น เหล่าไทยมุงที่ทั้งอยากรู้อยากเห็น ทั้งที่หวาดเสียวตื่นเต้นแทบเป็นบ้ากลับต้องเป็นเหยื่ออารมณ์ป่าเถื่อนของแท็กซี่วิปริตคนนี้เข้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ทัน                “ว้าย...ไอ้บ้ามันขับรถมาทางนี้แล้ว หนีเร็ว”                หญิงสาวคนหนึ่งซึ่งยืนดูเหตุการณ์อยู่ด้วยหวีดร้องลั่นออกมาก่อนจะหันหน้าวิ่งหนีความตาย แต่อนิจจาหล่อนคือ 'เหยื่อ' รายต่อมาที่ถูกรถพุ่งเข้าชน และเหยียบขยี้เข้าเต็มล้อ                ไม่มีเสียงร้องหลุดออกมา เพราะตายกะทันหัน                เท่านั้นยังไม่สะใจแท็กซี่วิปริตยังบดขยี้ทุกสิ่งที่ขวางหน้าไม่ว่าจะมีชีวิตหรือไม่ก็ตาม ชนดะไม่ละเว้น                เขาไม่สนใจทุกสิ่งรอบกาย เว้นเสียแต่ความตายที่เขาได้หยิบยื่นให้แก่ทุกชีวิตที่ตกเป็น ‘เหยื่อ’ ความบ้าระห่ำของเขาเหล่านั้น แม้แต่เสียงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่กำลังป่าวประกาศผ่านโทรโข่งบอกให้เขาหยุดรถเสีย                “เราให้เวลาท่านแค่นับหนึ่งถึงสาม หากท่านไม่จอดรถเราจำเป็นจะต้องจัดการกับท่านขั้นเด็ดขาด”                เจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่งประกาศดังก้องเช่นนั้น ปืนหลายสิบกระบอกเบนไปยังร่างแท็กซี่วิปริตจุดหมายเดียวกัน                ทว่า...อนิจจา คนขับแท็กซี่ผู้นั้นหาได้สัมผัสต่อสถานการณ์ที่เลวร้ายลงทุกขณะไม่ ใบหน้าเหี้ยมโหดถมึงถึงและดวงตาโปนที่เพิ่งไปข้างหน้าบอกถึงความกดดันบางอย่างที่ระเบิดเป็นเสี่ยง ๆ ไม่มีใครรู้ว่าเขานึกอะไรอยู่                ภาพตรงหน้าในโสตประสาทของเขามีเพียงสีแดงของเลือดและเสียงร้องโหยหวนดังระงม ทว่า...เขากลับบอกตัวเองว่านั่นมันคือเสียงร้องของเหล่าศัตรู                ศัตรูที่เขาจะต้องเข่นฆ่าให้หมด...ให้ตาย...ไม่เหลือซากแม้สักชีวิตเดียว                “ตาย...มันต้องตาย...ตาย”                เสียงเข้มถูกเข่นออกมาจากริมฝีปากแห้งสนิทที่เผยอขึ้นเพียงเล็กน้อย หลายชีวิตที่พยายามตะเกียกตะกายหนีความตายแต่ไม่พ้นยังคงเกิดขึ้น                เสียงรถที่ห้อตะบึงกลับหลอนเขาว่าเป็นเสียงปืนที่อยู่ในมือของเขา มันถูกกดไกลั่นยิงไปยังข้าศึกเหล่านั้นโดยไร้ความปราณี                “กูคือ...เอกราช หัวหน้าทหารพรานกล้าตายแห่งค่ายปักธงชัย กูจะฆ่ามึงให้หมด ไอ้พวกระยำ”                เขาบอกตัวเองเช่นนั้น ใช่แล้ว ในความรู้สึกที่สับสน เขาไม่ใช่คนขับแท็กซี่ขี้เมาที่แสนกระจอกอย่างที่เหยื่อคนนั้นร้องตะโกนใส่หน้าเขาเมื่อครู่นี้เลย                “หยาบคาย ทุเรศ จนแล้วไม่เจียมกะลาหัว”                ไม่ใช่ มันต้องไม่ใช่ เขาคือนายทหารพราน ยศหัวหน้ากองผู้เคยนำลูกน้องใต้บังคับบัญชาออกสู้สมรภูมิสงคราม เคยประหัตรประหารชีวิตข้าศึกมานับครั้งไม่ถ้วน และเขาจะนำชัยชนะมาสู่ค่ายทุก ๆ ครั้งไป                เกียรติยศของเขา ใครหน้าไหนจะมาลบหลู่ไม่ได้ เพราะมันเหล่านั้นจะต้องตายทุกคน                “เราให้โอกาสสุดท้ายแก่ท่านแค่หนึ่งนาที หากท่านไม่ยอมหยุดรถ เราจำเป็นจะต้องหยุดท่านทันที”                เสียงเฉียบขาดของเจ้าหน้าที่ตำรวจคนเดิมยังคงดังผ่านโทรโข่งก้องออกมาหลังจากให้โอกาสนับหนึ่งถึงสามไปแล้ว แต่แท็กซี่วิปริตก็ยังหาได้หยุดยั้งการกระทำอันบ้าระห่ำลงไม่ ตรงกันข้าม เขากลับขับรถบุกลุยไปข้างหน้าฝ่าดงชีวิตสิ่งของมีค่าต่อไปไม่มีถอย                หนึ่งนาทีเป็นนาทีชีวิตที่แท็กซี่วิปริตไม่ยี่หระ เขาแทบไม่ได้สัมผัสกับเสียงร้องของตำรวจที่บ่งบอกถึงความกังวลพะวักพะวนอย่างใหญ่หลวงนั้นไม่                เปล่าเลย เขาไม่ได้ยินอะไรสักนิด นอกจากเสียงปืน และเสียงศัตรูที่ร้องกึกก้องอย่างเจ็บปวดคล้ายกับสัตว์ได้รับบาดเจ็บ                ร่างของผู้คนที่ถูกเขาขับรถพุ่งชนตะกายอากาศไม่ผิดกับข้าศึกที่เขายิงถูกผวาหามัจจุราช มันกลับไปกระตุ้นความบ้าคลั่งให้เขากระหายชีวิตผู้คนยิ่งขึ้น                นับเป็นเรื่องบ้าบอแท้ ๆ และยิ่งบ้าไปใหญ่เมื่อตำรวจจำเป็นต้องจัดการ 'หยุด' เขาด้วยวิธีการสุดท้ายที่ไม่อยากจะทำสักนิด                ประสาทของทุกคนเกร็ง เครียด และจำใจ                “เปรี้ยง...เปรี้ยง...เปรี้ยง...เปรี้ยง!”                เมื่อโอกาสสุดท้ายถูกโยนทิ้งอย่างไร้ความหมาย ปืนในมือเจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องถูกยกขึ้นเหนี่ยวไก เสียงของมันก้องกังวานบาดลึกเข้าไปในประสาทของทุกผู้ทุกคน                ภาพของแท็กซี่วิปริตที่ปล่อยสองมือจากพวงมาลัยรถยกขึ้นตะกายธาตุอากาศยังฝังลึกอยู่ในความทรงจำอันสยดสยองของผู้คนละแวกนั้นไม่เลือนราง                ทว่า...หาได้มีเสียงร้องดังจากปากที่เผยอจากกันน้อย ๆ นั้นไม่เลยแม้คำเดียว ดวงตาแข็งกร้าวของเขายังเบิกกว้างจ้องมองเบื้องหน้าเหมือนเดิม                ใครล่ะจะรู้ ภาพสุดท้ายในห้วงอนุสติของแท็กซี่วิปริตคือภาพนายทหารพรานที่ยืนจังก้าถือปืนเข่นฆ่าข้าศึก และตัวเองก็ถูกยิงจนเลือดแดงฉานไปทั้งแผ่นอก                “ธงไตรรงค์...ธงชาติ”                ใจที่จวนเจียนจะขาดรอน ๆ ร่ำร้องหาสัญลักษณ์ของประเทศสิ่งสูงสุดที่ทหารหาญทุกคนภาคภูมิใจกันนัก                ทว่า ความหวังของเขาจะสมหวังหรือไม่ พระเจ้าเท่านั้นที่จะตอบเมื่อรถหยุดสนิท เช่นเดียวกับใบหน้าเครียดที่ฟุบลงกับพวงมาลัยนิ่งสงบ ตราบนานเท่านาน                “เย้มันตายแล้ว...มันตายแล้ว”                เสียงผู้คนรอบข้างเปล่งร้องด้วยความดีใจและโล่งอก ทว่า เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติการ 'จับตาย' แท็กซี่ผู้เคราะห์ร้ายเหล่านั้น เขาคิดอย่างไรกัน                ร่างเล็กบอบบางร่างหนึ่งโผล่พรวดพราดออกมาจากกลุ่มผู้คน เธอวิ่งถลาด้วยใบหน้านองน้ำตาเข้าไปหาร่างแท็กซี่ผู้เสียชีวิตไปแล้ว เสียงร้องตะโกนของเธอสะกดทุกคนให้หยุดยืนนิ่งแทบจะลืมหายใจไปชั่วขณะ                “พ่อ...พ่อขา...พ่อ”                เธอกระชากประตูรถเปิดกว้าง ร่างบางผวาเข้ากอดร่างโชกเลือดอันไร้วิญญาณของแท็กซี่วิปริต กอดไว้แน่นเต็มอ้อมแขนเรียว กลิ่นเลือดคละคลุ้งปะปนกับกลิ่นแอลกอฮอล์ที่ระเหยมาจากร่างไร้วิญญาณนั้น                “พ่อ...พ่อถูกยิง...ทำไม...ทำไม ทำไมพวกคุณต้องฆ่าพ่อฉัน พวกตำรวจใจร้าย ใจร้ายที่สุด”                เธอหันไปเกรี้ยวกราดกับบรรดาตำรวจที่มือยังถือปืน ซึ่งครั้งหนึ่งมันใช้สังหารเพื่อนมนุษย์จนด้าวดิ้นอย่างเลือดเย็น                ไม่มีใครตอบเธอได้ว่า ทำไมตำรวจจึงต้องใช้วิธีนั้นยุติชีวิตพ่อของเธอ หรือว่า...มันหมดวิธีอื่นเสียแล้วจริง ๆ
                                              
                               **********************************                ภาพทุกอย่างค่อยมลายไปจากม่านตาเบิกกว้างของสาวน้อย เบื้องหน้าของเธอหลงเหลือเพียงความมือสลัว ๆ และผู้คนเพียงไม่กี่คนที่ยังอยู่ในสวนสาธารณะแห่งนั้น                นวาระทอดถอนใจยาวออกมา เธอจะมานั่งคิดถึงเหตุการณ์เก่า ๆ ให้ปวดร้าวจิตใจอยู่ทำไม ในเมื่อพ่อของเธอก็ถูกตำรวจยิงตายไปแล้ว และเป็นการตายที่ถูกประณามเหยียดหยามเสียอีก                “ดี...ตายเสียได้ก็ดี ไอ้คนบ้า ๆ แบบนี้อยู่ไปก็เป็นอันตรายกับสังคม!”                เธอได้ยินเพื่อนบ้านบางคนแอบถ่มถุยใส่พ่อเธอเสียอีก หญิงสาวดันกายขึ้นจากม้านั่งหินอ่อนเพื่อเตรียมจะเดินตามผู้คนออกจากสวนแห่งนั้นไปเป็นคนสุดท้าย                แต่ก่อนที่เธอจะพาร่างพ้นประตูเหล็กหน้าสวน ชายร่างสูงคนหนึ่งก็ถลันออกมาจากมุมมืดเข้าขวางหน้าเธอไว้เสียก่อน                “โอ๊ะ!...”
 
                                              *******************************

รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (80 รายการ)

www.batorastore.com © 2024