
เทพบุตรเถื่อน (แก้วชวาลา)
ประหยัด: 118.65 บาท ( 35.00% )
เนื้อหาบางส่วน
บทนำ
หนอนบ่อนไส้
ภายในห้องชุดหรูหราชั้นบนสุดของอาคารเลอร์วาร์ด
เอ็นเตอร์เทนเมนต์บนโซฟากำมะหยี่สีแดงสดใจกลางห้องมีสตรี
ร่างบางคนหนึ่งกำลังนั่งหน้าซีดตัวสั่นอยู่มือเล็กเรียวที่ขาวปาน
กระดาษพอๆกับสีหน้าของหล่อนนั้นกำกระเป๋าถือใบเก่าๆในมือแน่น
บางครั้งก็สะดุ้งเสียเองเมื่อเล็บแหลมคมจิกเข้าไปในผิวเนื้อของตน
“ท่านคะเอ่อ....คุณรังสิมันดิฉันน้ำรินมาถึงแล้วค่ะ”
เงียบ! นั่นคือสัญญาณตอบรับเพียงประการเดียวในเวลา
ร่วมสามสิบนาทีหลังจากที่น้ำรินได้ขึ้นมานั่งอยู่บนโซฟาเรือนแสน
ภายในห้องแอร์เย็นฉ่ำที่มีกลิ่นลาเวนเดอร์หอมอบอวลไปทั่วทั้งห้อง
แบบนี้รังสิมันหรือลัคกี้เลอร์วาร์ดเจ้านายผู้ยิ่งใหญ่ของเธอบุรุษที่
น้ำรินกำลังกลัวไม่ยอมหันกลับมาพูดกับเธอเลยสักคำเดียวทั้งๆที่
ตัวเขาเองเป็นคนเร่งรัดที่จะพบเธอให้ได้ตั้งแต่เมื่อคืนวานนี้แล้ว
“ท่านคะเอ่อ...ดิฉันมาถึงแล้วนะคะ”
เรียกไปแล้วก็ลอบถอนใจทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมเขายังคง
ยืนนิ่งเป็นหุ่นหินร่างสูงสง่าภายใต้ชุดคลุมผ้าแพรยังคงเฉยไม่ไหวติง
น้ำรินได้แต่นั่งอึ้งไม่รู้จะทำอย่างไรกับเขาดีจะโมโหโกรธาใส่อารมณ์
ไปก็ใช่ที่ในเมื่อเธอเองมีชนักติดหลังอยู่แถมชนักนั้นยังใหญ่โตซะ
ด้วยสิ
“ท่านคะคุณรังสิมันเลอร์วาร์ด”
น้ำรินตัดสินใจเรียกเจ้านายใหญ่เป็นรอบที่สิบเอ็ดแล้วก็ต้อง
ถอนใจอีกหนเมื่อเขายังคงยืนเฉยไม่แสดงท่าทีรู้สึกรู้สมถึงการมา
เข้าพบของเธอเลยแม้แต่น้อย
“ดิฉันมาแล้วนะคะ............”
กล่าวเสียงอ่อยลงทุกทีมือบางยกขึ้นปาดเหงื่อที่บริเวณ
หน้าผากและจมูกเขาคนนี้ไม่เบาเลยจริงๆรังสิมันเลอร์วาร์ดกำลัง
ทำให้น้ำรินรู้สึกเหมือนตัวเองนั่งอยู่บนเตาไฟนรกทั้งที่ภายในห้อง
เปิดแอร์เย็นเฉียบปานน้ำแข็งขั้วโลกเจ้านายของเธอรังสิมันผู้อหังการ
เขากำลังเล่นสงครามประสาทกับน้ำรินซึ่งเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆ
พนักงานต๊อกต๋อยไม่มีวันสู้รบปรบมือกับเขาได้อย่างแน่นอน
“อ...อะ...เอ่อ....พี่อนุตราบอกให้ดิฉันขึ้นมาพบท่านด่วนเลย
ค่ะสั่งว่ามาถึงเลอร์วาร์ดตอนไหนให้ขึ้นมาหาท่านที่ห้องพักส่วนตัว
ทันที”
เอ่ยไปเท่านั้นทุกอย่างก็เงียบกริบน้ำรินได้แต่มองแผ่นหลัง
ตั้งตรงของเจ้านายใหญ่บุคคลที่เธอไม่เคยเผชิญหน้ากับเขามาก่อนเลย
ในชีวิตตาปริบๆชักสงสัยขึ้นมาตงิดๆแล้วว่าตกลงรังสิมันเลอร์วาร์ด
จะเอายังไงกับเธอกันแน่เขาต้องการพบเธอจริงหรือเปล่า?
จะว่ารังสิมันเลอร์วาร์ดเป็นคนหูหนวกก็ไม่น่าใช่เธอเคย
ได้ยินบรรดาพนักงานของที่นี่ซุบซิบกันบ่อยๆว่าเขาเป็นคนหูดีมาก
ใครอย่าได้ไปนินทาเขาในระยะร้อยเมตรให้ได้ยินทีเดียวหากพูดถูกหู
อาจได้ขึ้นเงินเดือนแต่หากไม่ถูกหูเล่าอาจโดนไล่ออกก็ได้ใครจะไปรู้!
“เอ่อ....คือ.......”
น้ำรินจะเรียกเขาอีกหนแล้วก็ปิดปากฉับเรียกไปก็คง
เหมือนๆเดิมนั่นแหละต่อให้ครบรอบที่สามสิบเขาก็คงจะยืนนิ่ง
อมลิ้นเล่นอยู่ในท่านั้นคิ้วเรียวงามสีน้ำตาลอ่อนเริ่มขมวดเข้าหา
กันมุ่นดวงตาโตปลายเฉียงน้อยๆดุจเม็ดอัลมอนด์พันธุ์ดีหรี่ลงช้าๆ
นึกทบทวนคำพูดของอนุตราหัวหน้าแผนกที่ได้คุยกันเมื่อวานนั้น
ดูอีกทีหนึ่งตกลงแล้วรังสิมันเลอร์วาร์ดต้องการพบเธอจริงๆหรือ?
“นั่นเธอกำลังทำอะไรอยู่น้ำริน”
“เอ่อ...เปล่าค่ะ”
น้ำรินกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์ด้วยความรู้สึกหวาดระแวง
เล็กน้อยเนื่องจากเธอเพิ่งได้รับฟังข่าวร้ายจากคำสารภาพของพี่ชาย
ไปหมาดๆทุกการกระทำของณัฐกวีนั้นล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับ
หน้าที่การงานของเธอทั้งสิ้นแถมยังเกี่ยวพันในแง่ลบซะด้วยสิ
“เอ่อ...พี่อนุตรามีอะไรกับน้ำหรือเปล่าคะ?”ถามหัวหน้าแผนก
เสียงกล้าๆกลัวๆอนุตราไม่เคยโทรหาเธอดึกๆดื่นๆและไม่เคยทำ
เสียงเข้มใส่น้ำรินมาก่อนเลยสักหน
“อ๋อ.....มีแน่น้ำริน! ว่าแต่เธอเถอะมาที่เลอร์วาร์ดเดี๋ยวนี้เลย
ได้ไหมตอนนี้พวกเราทุกคนกำลังรอเธออยู่และหนึ่งในพวกเรานี้ก็
รวมถึงคุณรังสิมันด้วยเราต้องการคำอธิบายจากเธอ!”
“คืนนี้เลยหรือคะ?”น้ำรินรีบถามกำกระบอกโทรศัพท์แน่น
ใจสั่นระรัว
“ใช่! คืนนี้! และเดี๋ยวนี้! เราทุกคนอยากจะคุยกับเธอเกี่ยวกับ
รอยรั่วของผังรายการโทรทัศน์!”
“ไม่ได้ค่ะ! ดึกแล้วที่นี่ไม่มีรถน้ำไม่สะดวก”
น้ำรินรีบตอบมือสั่นระริกปรายตามองไปยังพี่ชายก็เห็นเขา
จ้องมาที่เธอนัยน์ตาแดงก่ำ
“อ๋อ...ไม่ได้งั้นหรืองั้นก็คงรู้ตัวแล้วสินะว่าเราต้องการพบ
เธอเรื่องอะไรกันแน่ผังรายการนั่นหลุดไปถึงมือคู่แข่งเพราะเธอกับ
พี่ชายตัวแสบของเธอจริงๆสินะอย่างนี้ก็คงไม่ต้องสอบสวนอะไรกัน
ให้มากความอีกแล้วล่ะในเมื่อไส้ศึกมันหางโผล่ออกมารวดเร็วขนาดนี้”
“เอ่อ....คือ....เอ่อ.......แต่...น้ำอธิบายได้นะคะ...........”
เอ่ยเท่านั้นก็เม้มปากแน่นเมื่อเจ้านายสวนกลับมาด้วยเสียง
เดือดดาล
“พี่จะไม่คุยกับเธออีกต่อไปแล้วน้ำรินพี่สะอิดสะเอียนกับ
การโกหกหลอกลวงของเธอเต็มทนแล้วและถ้าคุณรังสิมันจะจัดการ
กับเธอและพี่ชายยังไงพี่ก็จะไม่สนใจปล่อยให้ตามกรรมสนองเธอ
เองแล้วกัน”
“แต่....พี่อนุตราคะ.........ฟังน้ำก่อน.......”
“พอแค่นี้แหละน้ำรินอย่าพูดอะไรอีกเลยเอาเป็นว่าเช้าวัน
พรุ่งนี้ถ้าเธอไปถึงเลอร์วาร์ดเมื่อไรรีบขึ้นไปหาคุณรังสิมันที่ห้องพัก
ของเขาเลยก็แล้วกันเธอทำอะไรลงไปรู้ตัวบ้างไหมมีสามัญสำนึก
ผิดชอบชั่วดีบ้างหรือเปล่าเธอตอบแทนน้ำใจของพี่และเพื่อนร่วมงานที่ดี
กับเธอเสมอมาด้วยการแทงข้างหลังแบบนี้หรือน้ำริน?”
“พี่อนุตราคะน้ำขอโทษ”เอ่ยได้เท่านั้นก็กลั้นสะอื้นเมื่อเสียง
ปลายสายสวนมา
“พอแล้วพี่ไม่อยากได้ยินเสียงของเธออีกและก่อนที่เราจะ
ไม่คุยกันอีกเลยพี่ขอบอกเธอไว้อย่างหนึ่งนะพี่ผิดหวังในตัวเธอจริงๆ”
เสียงเอ็ดของหัวหน้าแผนกทำให้มือที่กำกระบอกโทรศัพท์
ของน้ำรินสั่นระริก
“ถ้าเธออยากแก้ไขตัวเองก็ทำให้คุณรังสิมันรู้สิว่าพวกเรา
ทั้งแผนกไม่มีใครรู้เห็นเป็นใจกับการกระทำเลวๆของเธอเลยสักคน
เธอทำได้ไหมน้ำรินอธิบายให้ท่านเข้าใจว่าการที่เธอเข้ามาสอดแนม
ที่นี่น่ะพวกเราทุกคนในแผนกไม่มีใครรู้เห็นเป็นใจกับการเป็น
หนอนบ่อนไส้ของเธอสักคนเดียว”
“ค่ะพี่อนุตราแล้วน้ำจะอธิบายให้คุณรังสิมันทราบทันทีที่พบ
ท่านเลยนะคะว่าพวกเราทุกคนไม่มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องนี้เลย”
“ก็ดี! แล้วก็ขอบใจที่สอนให้รู้ว่ากับคนบางคนน่ะถึงแม้หน้า
มันจะใสซื่อแต่ใจใช่ว่าจะใสเหมือนใบหน้าของมันทุกคนไปอย่างน้อย
ก็มีหนึ่งคนแล้วล่ะที่ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย”
“น้ำขอโทษค่ะ”
น้ำรินเอ่ยเท่านั้นก็เปล่าประโยชน์เมื่อหัวหน้าแผนกวางสาย
ลงเพราะความหุนหันพลันแล่นมัวเมาในความรักของณัฐกวีแท้ๆ
ทำให้น้ำรินซึ่งเป็นน้องสาวต้องตกที่นั่งลำบากกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
อยู่อย่างนี้เธอไม่ใช่หนอนบ่อนไส้ไม่ใช่คนเอาความลับของบริษัท
ไปขายแต่คนที่ขโมยมันไปคือณัฐกวีพี่ชายของเธอต่างหากซึ่งตอนนี้
เขาก็รับกรรมไปแล้วความผิดของน้ำรินมีเพียงประการเดียวนั่นก็คือ
การโกหกทุกคนว่าตนไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนทำงานอยู่ที่บริษัทคู่แข่ง
เลย
ซึ่งการโกหกในครั้งนั้นได้ส่งผลให้เธอกลายเป็นคนลวงโลก
ไปแล้วในวันนี้และน้ำรินก็ไม่สามารถแก้ตัวกับใครได้เลยสักคน
ในเมื่อผังรายการโทรทัศน์ที่วางกันไว้ครั้งล่าสุดนั้นได้รั่วไหลออกไป
แล้วแล้วก็รั่วไหลจากเธอโดยตรงซะด้วยต่อให้เธอไม่ได้ทำแบบนั้น
จริงๆก็พูดกับใครไม่ได้อยู่ดีน้ำรินถอนใจอีกครั้งหนักใจกับเรื่องวุ่นๆ
ที่เกิดขึ้นไม่น้อยหญิงสาวดึงสมาธิกลับมาที่ร่างสูงอีกหนสูดลมหายใจ
เข้าปอดลึกๆตัดสินใจลองเรียกเขาดูอีกที
“ท่านคะดิฉันคิดว่าท่านได้ยินที่ดิฉันเรียกนะคะคือว่าเมื่อ
คืนนี้พี่อนุตราหัวหน้าแผนกของดิฉันน่ะค่ะเธอโทรศัพท์ไปหาบอกว่า
ท่านต้องการพบดิฉันด่วน”
เงียบ! เหมือนเคย! น้ำรินกำหมัดแน่นเธอรู้ว่าทุกคนเกลียด
เธอเธอคือตัวปัญหาแล้วยังไงล่ะรังสิมันอาจไม่พอใจเขาสามารถ
ไล่เธอออกได้แต่เขาก็ไม่ทำกลับเรียกน้ำรินมาพบแล้วทำกับน้ำริน
เหมือนเธอเป็นหมูเป็นหมาไม่อยากจะเสวนาด้วยหญิงสาวคิดว่า
แบบนี้มันเกินไปหน่อยเมื่อเห็นว่าต่อให้เรียกเขาจนคอแห้งตาย
รังสิมันก็ไม่มีวันจะหันมาคุยด้วยอย่างแน่นอนจึงรวบกระเป๋าสะพาย
ขึ้นเอ่ยออกไปเสียงแข็งๆ
“ถ้าท่านไม่มีธุระอะไรงั้นดิฉันขอตัวกลับเลยนะคะ”บอก
ได้เท่านั้นยังไม่ทันที่เจ้าของร่างสูงจะตอบอะไรเสียงหวานของสตรี
นางหนึ่งก็ดังขึ้นมาเสียก่อน
“คุณรังสิมันขาทำไมคุยนานจังล่ะคะพัชรอจนจะแก่ตาย
อยู่แล้วนะกลับมาที่เตียงของเราเถอะค่ะก็แค่หนอนบ่อนไส้ตัวเล็กๆ
หนึ่งตัวที่มาชอนไชเลอร์วาร์ดของคุณเล่นเท่านั้นไล่ออกไปซะก็
จบเรื่องไม่เห็นจะต้องเรียกมาสอบสวนให้เสียเวลาเปล่าเลยนี่คะ
สู้เอาเวลามาสนุกกับพัชต่อดีกว่าเชื่อพัชเถอะค่ะอย่าไปสนใจกับ
คนพวกนี้เลยแต่ถ้าโมโหนักก็จับยัดใส่ตะรางไปซะเท่านี้ก็จบ!”
เสียงหวานที่ดังขึ้นทำให้น้ำรินไม่ชอบใจนักคนอะไรธุระก็
ไม่ใช่ทำไมจะต้องมาแขวะกันด้วยแต่พอเหลือบไปดูที่มาของเสียง
เท่านั้นก็ต้องอ้าปากหวอเมื่อเห็นพัชรินทร์นางแบบคนสวยที่กำลัง
โด่งดังสุดขีดในตอนนี้กำลังยืนอิงประตูอยู่ในซีทรูเนื้อบางเฉียบส่ง
สายตาหวานฉ่ำมายังเขาผมยาวของหล่อนฟูน้อยๆน้ำรินมองแล้ว
ต้องร้องอู้หูในใจพัชรินทร์ตัวจริงเสียงจริงนั้นสวยกว่าในทีวีเป็นกอง
เลยน้ำรินไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่านางแบบไร้สังกัดผู้นี้จะเป็นหนึ่งใน
ของเล่นอีกชิ้นของรังสิมันหรือลัคกี้เลอร์วาร์ดเจ้าพ่อสื่อบันเทิงของ
เมืองไทยด้วย
“ออกมาทำไม! บอกแล้วไม่ใช่หรือว่าให้รออยู่ในห้อง!”
เสียงกังวานที่ดังมาห้วนๆนั้นทำเอาน้ำรินเย็นวาบเหลือบตา
ไปทางนางแบบสาวก็เห็นอีกฝ่ายยังยิ้มหวานไม่ได้สะทกสะท้านกับ
น้ำเสียงห้วนๆของเขาเลยแม้แต่น้อยร่างโปร่งระหงชนิดอกเป็นอก
เอวเป็นเอวเดินนวยนาดตรงมายังเขาพอถึงตัวรังสิมันได้มือบางของ
เจ้าหล่อนก็วางแหมะไปที่บ่ากว้างหลังจากนั้นหน้างามๆของคนสวย
ก็แหงนขึ้นจ้องเขานิ่งนัยน์ตาหยาดเยิ้มราวกับจะกลืนกินกันเข้าไป
เลยทีเดียว
น้ำรินเห็นแล้วต้องลอบกลืนน้ำลายเอื๊อกเธอเองก็ไม่รู้
เหมือนกันว่าตัวเป็นๆของรังสิมันน่ะจะน่ากินอย่างที่สายตาของ
นางแบบสาวกำลังฟ้องอยู่หรือเปล่าเพราะยังไม่มีโอกาสได้เห็น
หน้าตาเขาจริงๆจังๆสักหนอย่างมากสุดก็เห็นแค่แผ่นหลังของเขา
นี่แหละแล้วก็เพิ่งเห็นในเวลาไม่เต็มชั่วโมงดีด้วยแต่เท่าที่น้ำรินเคย
เห็นเขาในหน้าหนังสือพิมพ์นั้นต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่ารังสิมันหน้าตา
ดุ๊ดุคงไม่ใช่คนที่ใครจะแหย่เล่นหรือสาวที่ไหนจะจับเขากินได้ง่ายๆ
เลย
น้ำรินกลืนน้ำลายเอื๊อกเริ่มเห็นเค้าว่าตนคงจะได้ชมบท
เลิฟซีนในเวลาอีกไม่นานเมื่อมือเรียวงามของนางแบบสาวเริ่มไต่ไป
ตามลำแขนกำยำบ่าไหล่แข็งแรงสุดท้ายแขนเรียวงามของสาวสวย
ก็โอบกระหวัดไปที่ลำคอของรังสิมันตามติดด้วยร่างงามๆที่พยายาม
เบียดกระแซะราวกับจะผนึกร่างให้หลอมเป็นเนื้อเดียวกันกับเขา
หญิงสาวรีบเบือนหน้าหนีเมื่อเห็นพัชรินทร์เขย่งปลายเท้าขึ้นหมาย
จะจูบรังสิมันต่อหน้าเธอแล้วก็ต้องประหลาดใจเมื่อเสียงเขาดังขึ้น
มาห้วนๆ
“ไม่เอาละ! กลับเข้าห้องไปได้แล้วพัชรินทร์!”
“ทำไมล่ะคะ”
เสียงพัชรินทร์ที่ดังมาอย่างไม่พอใจนั้นทำให้น้ำรินต้องหัน
กลับไปมองอีกครั้งเห็นนางแบบสาวกำลังยืนหน้างอส่วนตัวเขาเองก็
ยืนเฉยในที่เดิมและท่าเดิมไม่เขยื้อนกายไปไหนทั้งสิ้น
“คุณรังสิมันคะคุณหนีพัชออกมาตั้งนานแล้วนะคะเชื่อพัช
เถอะค่ะเราสองคนกลับไปนอนต่อกันเถอะค่ะพัชเง้าเหงารอแล้วรอ
อีกรอตั้งนานแล้วแต่คุณก็ยังไม่กลับไปหาพัชสักที”
นางแบบสาวเอ่ยเสียงขึ้นจมูกดวงตาคมเซ็กซีตวัดมองเขา
อย่างเว้าวอนพอเขายังเฉยไม่พูดไม่ตอบหล่อนก็ตัดพ้อเขาไปอีก
ระลอกหนึ่ง
“ใจร้ายที่สุด! ปล่อยให้พัชนอนรอเป็นแม่สายบัวคอยเก้อ
ใจคอคุณน่ะจะทำแต่งานตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยหรือคะกลับเข้าห้อง
ไปกับพัชนะคะคนดีส่วนใครบางคนที่ทำตัวไม่ดีก็ให้เขานั่งรอไปก่อน
สิทำผิดก็ต้องโดนลงโทษคุณไม่จำเป็นต้องใจดีเอาเวลาที่ควรจะเป็น
ความสุขส่วนตัวของเรามาคุยกับพนักงานกระจอกๆจิตใจสกปรก
คดในข้องอในกระดูกแบบนี้เลยนี่คะ”
น้ำรินสะอึกกับคำพูดของคนสวยเม้มปากแน่นเมื่อนางแบบ
สุดฮอตปรายตามาที่ตนหมิ่นๆแต่ก็ถูกกระทำใส่เพียงแวบเดียวเท่านั้น
นางแบบคนดังก็หันกลับไปสนใจรังสิมันต่อหน้าสวยๆแหงนขึ้น
จ้องเขานิ่งริมฝีปากเผยอน้อยๆส่งสายตาเจ้าชู้ประกายตาเจิดจรัส
แฝงเร้นราคะไปยังเขาอย่างเปิดเผยส่วนมือเรียวงามนั้นก็ลูบไล้ไปที่
ท้ายทอยของรังสิมันอย่างเล้าโลมสักพักก็เอนศีรษะเล็กๆซบลงไปที่
บ่ากว้างของเขาน้ำรินมองคนกอดกันได้สักครู่ก็เริ่มหันซ้ายหันขวา
คิดว่าเขาคงไม่ต้องการคุยอะไรกับเธอแล้วในเมื่อมีเหยื่อสาวสุดสวย
แสนสวาทเสนอตัวให้ถึงที่แบบนี้หญิงสาวขยับกายลุกหนีไม่อยาก
อยู่เป็นก้างขวางคอใครอีกต่อไป
“นั่งลงซะเธอยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องลุกหนีไปไหน
ทั้งสิ้น!”
เสียงที่ดังขึ้นทำเอาน้ำรินตาโตหันไปมองซ้ายขวาดูว่า
เขากำลังพูดอยู่กับใครกันแน่แต่มองสักเท่าไรก็ไม่เห็นใครสักคน
นอกจากเขาเธอและพัชรินทร์คนสามคนที่อยู่ในห้องชุดสุดหรูเท่านั้น
“เอาล่ะนะน้ำรินตราบใดที่เรายังไม่ได้คุยกันเธอก็ยังไปไหน
ไม่ได้ทั้งนั้นนั่งลงซะรอฉันอยู่อย่างเงียบๆตรงโซฟานั่นแหละทำไมล่ะ
เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงดีเธอรอไม่ได้เชียวหรือเวลาเท่านี้มันเทียบไม่ได้
เลยนะกับการที่ฉันและทีมงานรอให้เธอมาสะสางปัญหาที่ก่อเอาไว้
กับพวกเราเมื่อคืนวานนี้!”
เสียงเข้มนั้นทำให้น้ำรินหน้าเจื่อนร่างบางค่อยๆนั่งลงไป
ใหม่ด้วยความรู้สึกงงๆพอนั่งลงเรียบร้อยแล้วจึงจ้องไปยังเจ้าของ
บ่ากว้างที่ยืนหันหลังให้ตนอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจสักเท่าไรนัก
‘ตาข้างหลังก็ไม่มีแล้วรู้ได้ยังไงว่าเรากำลังจะหนีกลับบ้าน’
หญิงสาวแอบนินทาในใจแล้วก็นั่งนิ่งรอคอยเขาตามเดิม
อย่างน้อยตอนนี้ก็พอสรุปได้อย่างหนึ่งล่ะว่าเขาไม่ได้หูตึงรับรู้ถึงการ
มาของเธอได้ยินทุกถ้อยคำที่เธอเรียกและพล่ามบอกเขาว่าเธอมาถึง
แล้วนะ
“เอาล่ะนะพัชรินทร์ก่อนที่ผมจะคุยธุระของตัวเองเห็นทีเรา
คงต้องพูดกันให้รู้เรื่องก่อนสินะ”
เสียงเย็นชาของรังสิมันไร้ผลสำหรับนางแบบคนสวย
เหมือนเดิมเจ้าหล่อนยังคงแหงนหน้ายิ้มระรื่นส่งสายตาเชิญชวน
ให้เขาเป็นระยะ
“ขอบคุณนะสำหรับเรื่องเมื่อคืนนี้”
คำแรกของเขาทำให้นางแบบนัยน์ตาชวนฝันค่อยๆหุบยิ้มลง
“แต่มันควรจะสิ้นสุดลงแค่เช้าวันนี้เท่านั้นแหละจริงไหมพัช”
“คุณรังสิมัน!”
นางแบบสาวเรียกชื่อเขาเสียงตกใจพอคนสวยจะอ้าปากพูด
ต่อเสียงรังสิมันก็แทรกขึ้นมาก่อน
“ถึงเวลาที่คุณควรจะกลับบ้านได้แล้วล่ะพัชคุณเห็นใช่ไหม
ว่าเช้านี้ผมมีงานแต่ไก่โห่เชียวและผมคงไม่มีเวลาให้ใครอีกแล้ว
โดยเฉพาะเพื่อนผู้หญิง! แน่นอนว่าผมจะไม่กลับไปที่เตียงตามที่
คุณเรียกร้องมาอย่างแน่นอนเพราะนี่เป็นเวลาทำงานของผมแล้ว
อีกอย่างวันนี้ทั้งวันผมมีงานให้สะสางอีกตั้งมากมายเอาเป็นว่าไว้
ผมว่างเมื่อไรจะติดต่อคุณกลับไปเองก็แล้วกันสำหรับวันนี้คงต้อง
บอกว่าสวัสดี”
“แต่ว่าคุณรังสิมันคะพัช......คือ......พัช......”
“กลับไปซะ!”
เสียงไล่เฉียบขาดชนิดไม่รักษาน้ำใจกันอีกแล้วนั้นทำเอา
น้ำรินอ้าปากหวอส่วนพัชรินทร์นางแบบคนสวยนั้นก็หุบยิ้มหน้าเจื่อน
ลงไปทันทีสักพักดวงตาสวยๆก็ช้อนขึ้นมองเขาอย่างตัดพ้อห้องทั้ง
ห้องเงียบไปอึดใจกระทั่งเสียงของรังสิมันดังขึ้นมาอีกทีนั่นแหละ
“ผมเอาสร้อยสวยๆวางไว้ที่หัวเตียงเรียบร้อยแล้วคุณหยิบ
ไปใช้ได้เลยนะและถ้าคุณเข้าใจอะไรง่ายๆไม่ใช่ผู้หญิงที่ต้องพูดจา
ซ้ำซากหลายๆรอบละก็เราอาจได้พบกันอีกแต่ทุกอย่างต้องเป็นไป
ตามกติกาที่เราตกลงกันไว้นะอย่าละเมิดแม้แต่ข้อเดียวไม่ก้าวก่าย
ชีวิตส่วนตัวและการงานของผมเหมือนอย่างที่คุณกำลังเป็นอยู่ใน
ตอนนี้!”
“คุณรังสิมัน!”
สาวสวยเรียกชื่อเขาพร้อมกระทืบเท้าเร่าๆหลังจากนั้นดวงตา
สวยๆก็ตวัดมาทางน้ำรินอย่างเอาเรื่องทำให้น้ำรินซึ่งอยู่ในฐานะผู้ชม
ต้องหันซ้ายหันขวาอึดอัดหนักเข้าไปอีกเมื่อรู้แน่แท้แล้วว่าเธอ
นี่แหละคือคนที่โดนคนสวยมองมาด้วยสายตาเป็นอริเธอเพียง
คนเดียวอย่างแน่นอน!
“ดิฉันว่า...เอ่อ...ง่า....คือไงดี....เอาเป็นว่าดิฉันไปรออยู่
ข้างนอกก่อนดีไหมคะไว้คุณสองคนคุยกันเรียบร้อยแล้วดิฉันค่อย
กลับเข้ามาใหม่อีกครั้งก็แล้วกัน”
เอ่ยแล้วก็ทำท่าจะลุกหนีแต่แล้วก็สะดุ้งเมื่อเสียงเขาดังมา
ห้วนๆ
“ไม่ต้อง! เธอนั่งลงไปตามเดิมนั่นแหละฉันกับพัชรินทร์คุย
กันเรียบร้อยแล้วพัชเขากำลังจะกลับบ้านภายในเวลาสิบห้านาที
นี้แหละเพราะฉะนั้นเธอไม่จำเป็นจะต้องลุกไปไหนทั้งสิ้น”
“เอ่อคือ.........”
น้ำรินได้ยินคำสั่งนั้นก็อึกอักจำใจนั่งลงไปใหม่เขายังคง
หันหลังให้น้ำรินดุจเดิมแต่คนสวยที่เขาบอกว่าคุยกันเรียบร้อยแล้ว
นี่สิกลับมองตรงมาที่น้ำรินนัยน์ตาเขียวปั้ดต่อมาหญิงสาวก็ต้อง
ยิ้มจืดเมื่อคนสวยกระทืบเท้าเร่าๆชี้หน้ามาทางเธออย่างโมโหโกรธา
“อย่าให้ฉันเจอแกอีกครั้งนะนังปลาสำลักน้ำ! รับรองได้เลย
ว่าฉันจะจับแกฉีกเป็นชิ้นๆอย่างแน่นอนเมื่อคืนรออยู่ตั้งค่อนคืน
ทำไมไม่รู้จักมาบทจะโผล่ก็โผล่มาไม่รู้จักเวล่ำเวลาซะบ้างเลย”
นางแบบสุดแสนเพอร์เฟ็กต์กล่าวได้เท่านั้นก็สะบัดหน้าพรืด
เดินหนีกันไปดื้อๆไม่เปิดโอกาสให้นังปลาสำลักน้ำอย่างน้ำรินได้
โต้ตอบสักคำน้ำรินมองตามร่างสวยๆไปแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าระอา
แต่พอหันกลับมาเท่านั้นก็สะดุ้งเมื่อประสานเข้ากับดวงตาดำใหญ่
สีสนิมเข้าอย่างจังแค่เพียงสบตาคู่คมเท่านั้นร่างบางที่ถูกล้อมรอบ
ด้วยโซฟาหนานุ่มก็สั่นสะท้าน
บัดนี้น้ำรินรู้แล้วว่าเหตุใดพัชรินทร์ถึงได้มองบิ๊กบอสของเธอ
ด้วยสายตาราวกับจะกลืนกินเข้าไปขนาดนั้นรังสิมันตัวจริงต่างไป
จากในทีวีหรือหน้าหนังสือพิมพ์ลิบลับเขาทั้งหล่อทั้งเข้มดูอ่อนเยาว์
กว่าภาพที่ปรากฏในสื่อต่างๆมากทีเดียวแต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงความเป็น
เอกลักษณ์ไว้ก็คือความเข้มคมดุดันมันเป็นความดุดันบวกกับความ
คมเข้มที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัวและเพราะความหล่อเหลาแบบ
ดุดันเข้มข้นบาดตานี้เองเลยทำให้น้ำรินลิ้นคับปากพูดอะไรไม่ออก
เมื่อต้องประสานกับสายตาคมกริบของเขา
“เอ่อ.............คือ.........ดิฉันมาพบท่านตามคำสั่งของหัวหน้า
แผนกค่ะ”
เอ่ยได้เท่านั้นก็เห็นริมฝีปากกว้างได้รูปยกขึ้นอย่างเยาะหยัน
“หน้าตาซีดๆเซ่อๆแบบนี้ไม่น่าจะทำให้เลอร์วาร์ด
เอ็นเตอร์เทนเมนต์ของฉันต้องโกลาหลจนเกือบเสียทีคู่แข่งได้เลยนะ
เธอนี่มันแสบจริงๆน้ำรินรับเงินของฉันอยู่ทุกเดือนแท้ๆยังหักหลัง
กันได้ลงคอ”
“เอ่อ...คือว่า....คือ....เรื่องนี้ดิฉันอธิบายได้ค่ะ.........”
“เชิญ! อยากจะพูดอะไรก็เดินตามมาแล้วกัน”
เสียงกังวานแต่แววตาดูถูกนั้นทำให้หญิงสาวต้องข่มใจ
ก้มหน้าเดินตามเขาไปความสวยหรูและข้าวของมีราคาทุกชิ้นใน
ห้องชุดไม่ได้ช่วยบรรเทาความวิตกกังวลของเธอไปได้เลย
1
เข้าใจผิด
“เข้ามาแล้วก็ปิดประตูด้วย”
เสียงสั่งห้วนๆของคนที่ยืนจ้องเขม็งอยู่หน้าโต๊ะทำงานตัวโต
นั้นทำให้น้ำรินเกิดอาการเงอะงะขึ้นมากะทันหันพอเห็นเขามองมา
ดุๆหรี่ตาลงช้าๆอย่างเอาเรื่องจึงรีบหันกลับไปปิดประตูทันที
“เสร็จแล้วก็เดินไปนั่งตรงนั้น!”
เสียงสั่งฉายแววรำคาญนิดๆเมื่อน้ำรินปิดประตูเสร็จ
เรียบร้อยแล้วก็เอาแต่ยืนนิ่งจ้องเขาไม่เต็มตายึกๆยักๆเหมือนคน
ไม่รู้จะเดินไปทางไหนดี
“ค...คะ....ค่ะ”
หญิงสาวรีบรับคำจากนั้นก็เดินตัวลีบไปนั่งที่โซฟาใหญ่รู้ดีว่า
ทุกอิริยาบถของตนนั้นอยู่ในสายตาจ้องจับผิดของเขาตลอดเวลา
“เอาล่ะนะทีนี้ก็ว่ามาอะไรคือข้อแก้ตัวของเธอน้ำรินสำหรับ
ความเสียหายของเลอร์วาร์ดในครั้งนี้”
“คะอะไรนะคะ?”ถามเท่านั้นก็กลืนน้ำลายเอื๊อกเมื่อเขาส่ง
สายตาดุๆแกมหงุดหงิดมาให้
“เอ่อ...........”หญิงสาวยังคงอึกอักลอบกลืนน้ำลายอีกอึกหนึ่ง
“คือว่า....ดิฉันไม่เข้าใจที่ท่านพูดค่ะและคงไม่มีอะไรที่จะแก้ตัวกับ
ความผิดพลาดในครั้งนี้ดิฉันก็แค่อยากขอโทษท่านดิฉันผิดไปแล้วค่ะ
แต่ดิฉันก็ไม่อยากให้เรื่องราวทุกอย่างมันเป็นแบบนี้เลยนะคะ”
น้ำรินรีบพูดแหงนมองรังสิมันอย่างร้อนใจเห็นเขากอดอกนิ่ง
มองเธอสีหน้าเครียดริมฝีปากกว้างได้รูปสวยบิดน้อยๆอย่างเยาะหยัน
“แต่มันก็เป็นไปแล้วนี่นาผังรายการที่วางแผนไว้ล่าสุดของฉัน
มันเล็ดลอดออกไปแล้ว”
“ค่ะ”น้ำรินรับคำเสียงแผ่วเบาหลุบตาลงไม่กล้าประสาน
สายตาของเจ้านายจอมดุเห็นเงาของรังสิมันไหววูบเคลื่อนไหวไปมา
อึดใจหนึ่งเสียงห้าวก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
“ถ้าอยากจะขอโทษฉันอย่างที่เธอพูดออกมาจริงๆละก็
เราต้องคุยกันตรงๆ”
“ดิฉันพูดตรงแล้วค่ะท่านอาจเคยพบดิฉันเป็นครั้งแรกแต่
ดิฉันขอยืนยันกับท่านได้เลยว่าดิฉันไม่ใช่คนชอบพูดโกหก”
น้ำรินเอ่ยปลายเสียงสั่นน้อยๆมือบางกำกระเป๋าถือใบย่อม
ของตนแน่นไม่อยากสบตาเขาเลยสายตาคมๆที่มองมาแต่ละครั้งนั้น
ดุจดั่งแส้ที่ฟาดกระหน่ำลงมาบนผิวเนื้ออ่อนๆของเธอไม่มีผิด
“ไม่เลยน้ำรินเธอไม่ได้พูดจาตรงๆกับฉันเลยสักนิดเพราะ
ถ้าเธอพูดตรงๆแล้วละก็ฉันจะพอใจและประทับใจในตัวเธอมาก
แต่นี่ไม่ใช่นะขนาดคุยกันแค่สองคนเธอยังไม่กล้าสบตาฉันเลยแล้ว
จะให้เชื่อหรือว่าเธอไม่ได้มีลับลมคมใน”
“เอ่อ.............”
น้ำรินร้องได้เท่านั้นก็จำใจแหงนหน้าขึ้นประสานสายตา
กับดวงตาดุๆที่จ้องมายังเธอไม่กะพริบจะบอกได้อย่างไรว่าสายตา
ของเขานั้นทำให้หญิงสาวพูดไม่ออกถึงแม้เธอจะเป็นผู้บริสุทธิ์เสมอมา
ก็ตาม
“ดิฉันไม่มีเหตุผลที่จะต้องพูดโกหกท่านเลยนะคะขอให้เชื่อ
เถอะค่ะไหนๆเรื่องทั้งหมดมันก็เลยเถิดมาถึงขนาดนี้แล้วถ้าโกหกก็
มีแต่จะแย่ไปกันใหญ่ท่านสามารถวางใจได้ค่ะหากว่าถามอะไรมา
สิ่งที่ดิฉันตอบกลับไปก็คือความจริงทั้งหมด”
“อย่างนั้นเลยหรือ?”
เสียงเยาะๆแฝงประกายขบขันน้อยๆนั้นทำให้คนที่ยืนอยู่
บนรากฐานของความจริงคอแข็งอึดใจหนึ่งดวงหน้านวลก็ก้มต่ำ
พยักหน้ายืนยืนเบาๆ
“ค่ะดิฉันมาพบท่านพร้อมกับความจริง! จะไม่โกหกกับทุก
คำถามที่ท่านถามมาอย่างแน่นอน”
“งั้นก็ดี!”
เสียงเอ่ยอย่างขอไปทีนั้นทำให้น้ำรินต้องจ้องเข้าไปใน
ดวงตาดำใหญ่ไม่มีความรู้สึกใดฉายออกมาจากแววตาคู่นั้น
นอกจากความอำมหิตดุกระด้างห้องทั้งห้องเงียบกริบเขาคือมัจจุราช
และเธอคือคนที่โดนยมบาลจับมาฟังคำพิพากษาผิดตัวหญิงสาว
เม้มปากแน่นเมื่อได้ยินเสียงรังสิมันถอนใจเบาๆดวงตาดำใหญ่คู่นั้น
มองมาที่เธออย่างเหนื่อยหน่ายกึ่งรำคาญนิดๆ
“เอาตรงๆเลยนะน้ำรินนี่ไม่ใช่เวลามาบริหารเสน่ห์หรือใช้
เล่ห์กลทำตาแดงๆหน้าเศร้าๆเพื่อให้ฉันสงสารหรอกนะจะบอกอะไร
ให้เวลาทำงานน่ะฉันไม่เคยอ่อนไหวไปกับพวกสาวๆเลยสักครั้ง
ตรงกันข้ามพวกที่ชอบใช้มารยาหญิงมาปะปนกับเรื่องงานน่ะ
ส่วนใหญ่แล้วจะได้รับโทษคูณสองกลับไปแทบทั้งนั้น”
“บริหารเสน่ห์! ทำตัวน่าสงสาร! คุณพูดกับดิฉันอยู่หรือเปล่า
คะ?”
น้ำรินถามกลับไปอย่างงงๆมองเขาด้วยความรู้สึกไม่ค่อย
เข้าใจอย่างหนักรังสิมันคิดได้ยังไงกัน? ปลาสำลักน้ำแบบเธอเนี่ยนะ
ริอาจจะไปบริหารเสน่ห์กับเขาแล้วเสน่ห์ของเธอมันอยู่ตรงไหนกันล่ะ?
มีอะไรให้งัดออกมาใช้ได้บ้าง? ถ้าเทียบกับพัชรินทร์และผู้หญิงที่เคย
เป็นข่าวกับเขาแล้วเธอมันก็แค่ตัวอีกัวน่าดีๆนี่เองไม่ใช่เหล่าเทพธิดา
นางฟ้าอย่างที่เขาเคยเด็ดดมแล้วก็ขยี้ทิ้งอยู่บ่อยๆซะหน่อยเมื่อรู้ตัว
ว่าไม่สะสวยเหมือนคนอื่นเขาแล้วน้ำรินจะไปทำอะไรที่น่ารังเกียจ
น่าสมเพชทำไมกันคิดได้เท่านั้นก็อ้าปากค้างเมื่อเขายังยืนยันกลับมา
ด้วยเสียงหนักๆ
“ใช่! ก็เธอนั่นแหละ”รังสิมันเอ่ยปรายตามองไปยังคนที่ทำ
หน้างงใส่เขา
“อย่ามาใช้มารยาหญิงกับฉันเธอก็เห็นแล้วไม่ใช่หรือว่า
เมื่อครู่นี้น่ะฉันไล่นางแบบที่สวยที่สุดและดังที่สุดไปแล้วเพราะฉะนั้น
อย่าคิดหาทางเอาตัวรอดโดยการตีหน้าเศร้าเพื่อให้ตัวเองพ้นผิด
เพราะถ้าเธอกลัวจริงๆละก็เธอคงไม่กล้าเอาความลับของที่นี่ไปขาย
หรอกจริงไหมหรือว่าฉันเข้าใจผิดงั้นก็อธิบายสิ่งที่ถูกมาเลย”
เสียงที่ดังมานั้นทำเอาน้ำรินผงะแล้วก็หน้าเจื่อนเมื่อเห็น
แววตาเกรี้ยวกราดของเขา
“เลิกเสแสร้งตีหน้าซื่อทำตัวสั่นแล้วก็เลิกหลอกลวงได้แล้ว
ทีนี้ก็บอกฉันมาตรงๆว่าบริษัทคู่แข่งของฉันน่ะเขาจ้างเธอและพี่ชาย
ไปเท่าไรกันแน่เธอถึงได้กล้าทำเรื่องที่มันอุกอาจเสี่ยงคุกเสี่ยงตะราง
แบบนี้คายความจริงออกมาไวๆเดี๋ยวนี้เชียวน้ำริน!”
“ไม่ค่ะไม่มีใครจ้างแต่ว่าเราทั้งคู่ฉันกับพี่ณัฐเราสองคน
รู้เท่าไม่ถึงการณ์”
น้ำรินรีบบอกรังสิมันเสียงระรัวสะดุ้งน้อยๆเมื่อเจ้าของมือ
เรียวหนาโยนอะไรบางอย่างลงมาที่โต๊ะเล็กๆเบื้องหน้าเธอ
“รู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือน้ำรินหน้าก็ซื่อตาก็ใสแต่ทำไมถึงได้
โกหกเป็นไฟแบบนี้ล่ะแล้วไอ้ที่ขีดเครื่องหมายถูกลงไปหน้ากระดาษ
คำถามก่อนที่เธอจะเข้ามาสอดแนมล้วงเอาความลับของบริษัทฉัน
ไปน่ะมันหมายความว่ายังไงหลักฐานทนโท่แบบนี้แล้วยังจะพูดว่า
เธอรู้เท่าไม่ถึงการณ์อีกไหม?”
คำถามนั้นทำให้น้ำรินเบิ่งตากว้างมองใบสมัครงานของตน
หน้าเจื่อน
“เอ้า...เงียบทำไมล่ะแม่คนหน้าเซ่อจะให้ฉันขยายความไหม
ว่าในใบสมัครน่ะมันมีคำถามอยู่ว่าตัวเธอเองไม่เคยมีญาติ! มีพี่น้อง
ที่ไหน! ทำงานอยู่ในแวดวงเกี่ยวกับโทรทัศน์โฆษณาสื่อบันเทิงแขนง
ต่างๆเลยใช่ไหม? แล้วเธอก็กาเครื่องหมายถูกลงไปว่าใช่ซึ่งหมายถึง
ว่าเธอไม่เคยมีญาติมีพี่น้องทำงานด้านสื่อบันเทิงไม่ว่าแขนง
ใดๆทั้งสิ้นแล้วอะไรล่ะคือความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเธอในเมื่อเธอ
โกหกพวกเรามาตั้งแต่ต้น”
“คือ...เอ่อ....ดิฉัน....ดิฉันไม่ได้ตั้งใจค่ะตอนนั้นดิฉันแค่คิดว่า
มันไม่ใช่เรื่องสำคัญเลยความจริงพี่ชายของดิฉันก็จะฝากให้ทำงาน
ที่เดียวกันอยู่แล้วนะคะแต่ว่าดิฉันชอบเลอร์วาร์ดเอ็นเตอร์เทนเมนต์
มากกว่าค่ะตอนที่ขีดเครื่องหมายถูกลงไปในนั้นดิฉันแค่คิดง่ายๆว่า
การที่พี่ชายตัวเองทำงานอยู่บริษัทคู่แข่งของคุณไม่ใช่ปัญหาอะไร
สักนิดเลย”น้ำรินเสียงอ่อยลงเรื่อยๆร่างบางสะดุ้งโหยงเมื่อคนตัวสูง
ตบโต๊ะดังปัง
“หมายความว่ายังไงน้ำรินนี่เธอกำลังจะบอกกับฉันว่า
ไอ้คำถามในใบสมัครของที่นี่น่ะมันห่วยแตกมากใช่ไหม?”
“เปล่าค่ะไม่ใช่อย่างนั้น”น้ำรินรีบส่ายหน้าร้อนใจเห็นตาคม
มองมาขุ่นเขียวจึงรีบแก้ตัวพัลวัน“ก็อย่างที่เรียนท่านไปแล้วดิฉันแค่
คิดว่ามันไม่น่าจะมีปัญหาเท่าไรกับเครื่องหมายถูกที่ดิฉันกาลงไป”
“แต่มันมีปัญหาแล้ว!”รังสิมันลากเสียงหนักกับแม่หน้าซื่อ
ดวงหน้าหล่อเหลาบึ้งตึงก่อนอิงสะโพกเพรียวกับขอบโต๊ะทำงาน
แรงๆ
“นี่เธอ..ทำไมถึงต้องเถียงกันข้างๆคูๆแบบนี้ด้วยหืม...? เธอ
เห็นฉันเป็นอะไรโง่เง่าหลอกง่ายนักหรือไงถ้ามันไม่ใช่ปัญหาไม่ใช่
เรื่องสำคัญแล้วมันจะมีคำถามนี้อยู่ในใบสมัครของเราทุกๆใบได้ยังไง
คำถามนี้มันถามพนักงานทุกคน! ทุกรุ่น! ทุกสมัย! ไม่ว่าตำแหน่ง
หน้าที่การงานของคนๆนั้นจะสูงส่งขนาดไหนก็ตามและนี่ไงก็คือ
ปัญหาของฝ่ายบุคคลที่รับคนเข้ามาทำงานผิดๆหลงเชื่อในสิ่งที่เธอ
หลอกลวงทำให้แผนผังรายการโทรทัศน์ของพวกเราที่วางกันเอาไว้
ตลอดแทบทั้งปีต้องเล็ดลอดออกไปถึงมือคู่แข่งเธอทำให้บริษัท
ของฉันโกลาหลไปหมดถูกคู่แข่งสบประมาทโดยการจัดรายการ
เกทับพวกเรา! แม่หนอนเหม็น!”
เสียงตะคอกพร้อมถ้อยคำประณามเธอยืดยาวนั้นทำเอา
น้ำรินหน้าเจื่อนดวงหน้าซีดๆเล็กๆแหงนหน้าขึ้นไปมองเขาเพียง
แวบเดียวก็หลบตาเมื่อเห็นเขามองด้วยใบหน้าบึ้งตึง
“ดิฉันขอโทษค่ะที่ทำให้ท่านต้องวุ่นวายถ้าอย่างนั้นดิฉัน
ขอรับผิดชอบด้วยการลาออก”
น้ำรินเอ่ยเสียงแผ่วหมดอาลัยตายอยากความจริงแล้วมัน
ไม่ใช่ความผิดของเธอเลยสักนิดต้องโทษวิภาดาสาวสังคมเจ้าเล่ห์
คนนั้นถึงจะถูกผู้หญิงสวยไร้ที่ติที่เข้ามาตีสนิทหลอกให้พี่ชายของเธอ
หลงรักเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองและพอวิภาดาบรรลุเป้าหมาย
เรียบร้อยแล้วหล่อนก็หลบหน้าพี่ชายของเธอโดยการไปพักผ่อนยาว
ที่ต่างประเทศทิ้งให้ณัฐกวีพี่ชายของเธอถูกลุงและป้าสะใภ้ของหล่อน
ตอกใส่หน้าว่าฝันเฟื่อง
เจ้านายของณัฐกวีซึ่งเป็นลุงกับป้าสะใภ้ของวิภาดาบอกกับ
พี่ชายเธอว่าวิภาดาไม่เคยคิดอะไรกับณัฐกวีเลยนอกจากคำว่า
เพื่อนเพราะหล่อนมีคู่หมั้นของหล่อนอยู่แล้วเมื่อทราบความจริง
ณัฐกวีเจ็บยิ่งกว่าเจ็บเพราะก่อนหน้านั้นวิภาดาได้ให้ความหวังกับ
พี่ชายของเธอเอาไว้ว่าหากณัฐกวีเอาข้อมูลอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับ
เลอร์วาร์ดเอ็นเตอร์เทนเมนต์ซึ่งน้ำรินทำงานอยู่ไปให้หล่อนแล้ว
ละก็ลุงกับป้าสะใภ้ของวิภาดาจะเปิดใจยอมรับเขาเป็นหลานเขย
อย่างแน่นอนแรกนั้นณัฐกวีก็ลังเลเพราะห่วงว่าน้ำรินจะเสียหาย
แต่วิภาดารับรองว่าหากน้ำรินโดนไล่ออกบริษัทของหล่อน
ก็จะอ้าแขนรับทันทีแถมให้ตำแหน่งดีๆด้วยณัฐกวีเลยตกลงปลงใจ
คอยหาช่องทางทำตามที่นางจิ้งจอกสาวเจ้าเล่ห์ขอร้องระหว่างนั้น
น้ำรินก็ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยกระทั่งณัฐกวีขโมยข้อมูลไปให้
วิภาดาสำเร็จนั่นแหละ
หญิงสาวหวนคิดถึงต้นสายปลายเหตุทั้งหมดแล้วถอนใจ
แหงนหน้ามองไปทางรังสิมันก็เห็นเขายังทำหน้ายุ่งๆใส่เธออยู่จึงย้ำ
ไปอีกครั้ง
“จริงๆนะคะท่านดิฉันยินดีลาออกโดยไม่รับเงินเดือนล่วงหน้า
แม้แต่บาทเดียวส่วนเงินที่ทำมาตลอดทั้งเดือนนั้นดิฉันก็ไม่ขอรับ
เหมือนกันค่ะ”
“เธอไม่จำเป็นต้องลาออกเลยนะน้ำริน”
เสียงเข้มหนักนั้นทำให้หญิงสาวต้องจ้องหน้ารังสิมันจริงจัง
เห็นเขายังมองมาที่เธอด้วยสีหน้าเคร่งเครียดดุจเดิม
“หมายความว่ายังไงคะก็ดิฉันทำความผิด?”
“ก็แล้วมันจะหมายความว่ายังไงไปได้ล่ะที่ฉันบอกว่าเธอ
ไม่ต้องลาออกน่ะเพราะฉันได้ไล่เธอออกไปนานแล้วฉันไล่เธอออก
ตั้งแต่ที่รู้ว่าเธอเป็นหนอนบ่อนไส้แล้วนั่นแหละยังแปลกใจอยู่ว่า
ทำไมหัวหน้าเธอไม่บอกเรื่องนี้เลยเธอถึงได้กล้าใส่ชุดฟอร์มของบริษัท
ขึ้นมาหาฉันถึงที่นี่เธอไม่ได้มีความละอายใจสักนิดเลยนะแม่คน
หน้าซื่อ”
รังสิมันเอ่ยแล้วส่ายหน้าช้าๆมองหล่อนด้วยหางตาเอ่ย
กลับไปเสียงแข็งๆห้วนๆ
“ก็ดี! ในเมื่อเธอไม่รู้สึกรู้สมอะไรแล้วเค้นคอยังไงก็ไม่ยอม
พูดกันตรงๆงั้นฉันก็จะไม่เสียเวลาคุยกับเธออีกต่อไปแล้วแต่ฉันจะ
ให้ทนายคุยกับเธอและพี่ชายแทนก็แล้วกันคอยดูสิ! ฉันจะเอาเรื่อง
พวกเธอสองพี่น้องให้ถึงที่สุดเลยทีเดียว”
เสียงลอดไรฟันนั้นทำให้น้ำรินอ้าปากค้างปากคอสั่นขึ้นมา
กะทันหันกับหน้าตาเด็ดเดี่ยวจริงจังของเขา
“ท...ทะ...ท่านจะฟ้องร้องพวกเราสองพี่น้องเลยหรือคะฟ้อง
ทำไม! ทำไมต้องฟ้องเราสองคนด้วยในเมื่อท่านเองก็หาทางออกให้
กับปัญหานี้ได้แล้วถ้าหากท่านฟ้องร้องขึ้นมาจริงๆแล้วเราสองพี่น้อง
จะเอาอะไรมาสู้กับท่านล่ะคะอย่าว่าแต่เงินจ้างทนายเลยตอนนี้ที่จะ
ซุกหัวนอนพวกเรายังไม่มีอยู่เป็นหลักเป็นแหล่งเลยนะคะ”
น้ำรินบอกเสียงสั่นความกลัวเริ่มเกาะกินหัวใจได้ยินเสียง
เขาหัวเราะฮึๆแต่สายตานั้นกลับเยาะเย้ยสมเพชตนหนักหนาเธอ
เกลียดเขาที่สุด! คนใจร้าย! คนใจดำ! ซาตานในร่างของเทพบุตรชัดๆ
“ถามแปลกดีนะฟ้องร้องทำไมแล้วมันมีเหตุผลอะไรเพียงพอ
ให้ฉันปล่อยเธอและพี่ชายไปบ้างล่ะเธอทำผิดนะน้ำรินเธอเอาเอกสาร
ที่เป็นความลับของบริษัทฉันออกไปจากที่นี่เธอเอามันออกไปเพื่อให้
พี่ชายของเธอขายมันให้กับบริษัทคู่แข่งของฉัน!”
“ไม่จริ๊ง!”น้ำรินปฏิเสธเสียงแหลมรีบกลืนทุกอย่างลงไปใน
ลำคอเมื่อเขาจ้องตนนัยน์ตาแข็งกร้าว
“ไม่จริงยังไงล่ะไหนบอกมาสิว่าอะไรที่ไม่จริงเธอไม่ได้
เป็นต้นเหตุที่ทำให้คู่แข่งรู้แผนงานของฉันหรือ? อย่าพูดเชียวนะว่า
ไม่ใช่เพราะฉันเกลียดคนโกหกที่สุด! และถ้าพูดออกมาอีกครั้งละก็
โทษที่หนักอยู่แล้วก็จะเพิ่มขึ้นมาอีกเป็นเท่าตัวเชียวล่ะ”
“ท่านอย่าฟ้องพวกเราสองคนพี่น้องเลยนะคะเราไม่มีปัญญา
สู้ท่านได้หรอกค่ะปล่อยเราไปนะคะ”
น้ำรินไม่ตอบคำถามรู้ดีว่ามันเป็นเรื่องอธิบายยากเถียงยังไง
ก็ไม่ขึ้นอยู่แล้วตอนนั้นเธอแค่มีเจตนาดีจะเอาสรุปผังรายการโทรทัศน์
ไปพิมพ์ที่บ้านให้เท่านั้นไม่รู้สักนิดว่าพี่ชายกำลังรอคอยโอกาสทองอยู่
“อย่าเอาเรื่องเราสองคนเลยนะคะดิฉันขอร้องล่ะ”
หญิงสาววิงวอนอีกครั้งรู้ดีว่ารังสิมันได้ขจัดปัญหาในกรณี
ที่ข้อมูลได้ถูกขโมยไปเรียบร้อยแล้วผังรายการโทรทัศน์ใหม่ของเขา
ดีกว่าผังรายการเดิมเป็นร้อยเป็นพันเท่าหญิงสาวจ้องตาเขานิ่งส่ง
ประกายอ้อนวอนไม่เลิกราแล้วก็หน้าเจื่อนเมื่อเห็นเขาส่ายศีรษะ
เด็ดเดี่ยวแววตาแน่วแน่
“ไม่ล่ะฉันปล่อยเธอไปไม่ได้หรอกมันจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี
กับลูกน้องของฉันกลับไปบ้านของเธอได้แล้วน้ำรินฉันไม่มีอะไรจะพูด
กับเธออีกแล้วเดี๋ยวฉันจะโทรบอกทนายความของฉันให้เขาไปเจรจา
กับเธอเองไม่ต้องมาต่อรองอะไรกับฉันอีกทั้งนั้นเพราะทนายของฉัน
พร้อมที่จะคุยกับเธอเสมอ”
รังสิมันบอกเท่านั้นก็เอื้อมมือไปยกหูโทรศัพท์ขึ้นแต่ก่อนที่
เขาจะโทรหาปลายสายเพื่ออนุมัติให้เดินเรื่องฟ้องร้องได้นั้นร่างบาง
ของคนตาซื่อๆหน้าเซ่อๆก็พุ่งเข้ามาหาทันทีและโดยที่เขาไม่คาดคิด
มาก่อนกระบอกโทรศัพท์ก็ถูกกระชากออกไปอย่างรวดเร็วเจ้าพ่อ
แห่งวงการโทรทัศน์นี้โกรธจัดไม่คิดเลยว่าผู้หญิงหน้าตาซีดๆเซ่อๆ
จะกล้าทำกับตนแบบนี้
“น้ำริน!”เรียกสตรีที่หน้าขาวปานกระดาษเสียงลอดไรฟัน
“ไม่ได้นะคะฟ้องร้องไม่ได้อย่าฟ้องร้องเลยนะคะให้มันจบๆ
ไปดิฉันขอร้องล่ะค่ะ”
น้ำรินบอกเสียงระรัวมือกำกระบอกโทรศัพท์แน่นถ้าเขา
ฟ้องร้องเธอกับพี่ชายจะเอาเงินจากไหนไปขึ้นศาลไปต่อกรแล้วถ้า
เขาเรียกค่าเสียหายล่ะโอ๊ย...จะมีปัญญาหาเงินที่ไหนไปใช้เขากันล่ะ
“ขอโทรศัพท์ฉันคืนด้วยน้ำรินคนทำผิดต้องรับโทษถ้าฉัน
ไม่เอาเรื่องเธอแล้วจะโยงไปถึงตัวบงการได้ยังไงฉันไม่ชอบให้ศัตรู
มันกำแหงกับฉัน! ส่งโทรศัพท์คืนมาเดี๋ยวนี้!”
“พวกคุณก็ไปสู้กันเองสิคะมันเริ่มที่พวกคุณทั้งนั้นชิงดีชิงเด่น
แข่งขันกันไม่รู้จักจบจักสิ้นอย่าเอาฉันกับพี่ชายไปเกี่ยวด้วยเลยเรา
สองคนเป็นแค่เหยื่อในเกมธุรกิจของพวกคุณเท่านั้นฉันกับพี่ชายก็
โดนพวกเขาหลอกใช้เหมือนกันนะคะอย่าให้เราต้องขึ้นโรงขึ้นศาล
เลย”
น้ำรินพูดเสียงวิงวอนมือกำกระบอกโทรศัพท์แน่นดื้อดึง
ไม่ยอมคืนให้เขา
“ถ้าเธอบริสุทธิ์ใจกระบวนการยุติธรรมก็จะพิสูจน์เอง”
“พวกนั้นมีเงินตั้งมากอีกอย่างพี่ชายของดิฉันเป็นคนส่งข้อมูล
ให้เขาจริงๆถ้าเขาไม่ยอมรับแล้วโยนแล้วความผิดมาให้พวกเราดื้อๆ
ล่ะคะดิฉันกับพี่ชายไม่ต้องเดินเข้าคุกไปฟรีๆทั้งที่ตัวเองไม่ผิดหรือคะ”
“เธอจะถูกหรือผิดมันไม่ใช่หน้าที่ของฉันที่จะฟังคำอธิบาย
อีกแล้วนะมันเป็นหน้าที่ของทนายที่จะต้องคุยกับพวกเธอแทนฉัน
ฉันไม่อยากเสียเวลากับคนหน้าซื่อที่โกหกเป็นไฟอีกต่อไปแล้ว”
พอเขาปฏิเสธไม่คุยด้วยแบบนี้น้ำรินก็ใจเสียหญิงสาวค่อยๆ
เดินไปหาเขาตัดสินใจวิงวอนเป็นครั้งสุดท้ายดวงหน้าซีดเซียว
แหงนขึ้นสบตาเขาเว้าวอนมือบางแตะไปที่ลำแขนแข็งแรงอย่าง
กล้าๆกลัวๆ
“จะทำยังไงล่ะคะคุณถึงจะปล่อยพวกเราไปคุณต้องการให้
ฉันทำยังไงบอกมาเถอะค่ะฉันยินดีทำทุกอย่างขอแค่อย่าฟ้องร้อง
ดิฉันกับพี่ชายเลยนะคะ”
ถามพร้อมจ้องเขาเขม็งเห็นดวงตาดำใหญ่จ้องมานิ่งมือบาง
บีบกระชับต้นแขนที่อุดมไปด้วยมัดกล้ามเหมือนให้สัญญาเขาจะ
ลงโทษให้เธอไปเป็นแม่บ้านล้างส้วมเก็บขยะหรือทำงานฟรีโดย
ไม่จ่ายเงินเดือนให้เลยก็ย่อมได้ขอแค่อย่างเดียวอย่ามาฟ้องร้องเธอ
กับณัฐกวีก็พอ
“ฟ้องไปคุณก็ไม่ได้อะไรหรอกค่ะเพราะฉันไม่มีเงินจะชดใช้
ให้จริงๆแต่ถ้าคุณให้ฉันทำงานชดใช้นั้นพอไหวดิฉันทำงานได้ทุกอย่าง
ค่ะขอเพียงคุณบอกมาเท่านั้นดิฉันจะไม่บ่นเลยสักคำจะไม่ทำให้
คุณหงุดหงิดรำคาญใจด้วยดิฉันทำงานชดใช้ความเสียหายให้คุณได้
จริงๆนะคะและพร้อมจะทำทุกอย่างตามที่คุณสั่งให้ทำด้วยขอแค่
อย่าให้เรื่องนี้ถึงตำรวจก็พอค่ะ”
หญิงสาวเอ่ยแหงนหน้าขึ้นสบสายตาเขาอย่างรอคอยเห็น
ดวงตาดำใหญ่ค่อยๆหรี่ลงช้าๆคิ้วเล็กเรียวย่นเข้าหากันน้อยๆเมื่อจู่ๆ
มือหนาก็เคลื่อนมาทาบทับมือเธอที่กำลังเกาะต้นแขนแข็งแรงของเขา
อยู่ส่วนสายตาคู่คมนั้นก็จับอยู่ที่ใบหน้าของน้ำรินนิ่งไม่ยอมเคลื่อน
ไปไหน
“เธอทำทุกอย่างได้จริงๆหรือทำไมไม่คิดบ้างล่ะว่าฉันไม่
ต้องการอะไรจากเธอเลยนอกจากการได้ฟ้องร้องเพื่อความสะใจ
เท่านั้น”
“รังแกคนไม่มีทางสู้ก็ได้บาปติดตัวไปเปล่าๆนะคะพิจารณา
ข้อเสนอของดิฉันใหม่เถอะค่ะฟ้องไปคุณก็ไม่คุ้มหรอกเพราะดิฉัน
ไม่มีอะไรจะให้จริงๆแต่ถ้าคุณเมตตาให้ดิฉันทำงานชดใช้อย่างน้อย
คุณก็จะได้อะไรนิดๆหน่อยๆกลับคืนไปบ้างนะคะ”
“ก็น่าคิด! ฟ้องไปก็ไม่คุ้มแต่เรื่องบางเรื่องหากเรียกค่าชดเชย
เป็นบางอย่างอาจจะคุ้มกว่าอืม..ไม่เลว”
เสียงห้าวๆนั้นมันแปร่งปร่าพิกลแต่น้ำรินไม่มีเวลาคิดมากนัก
เห็นเขาจ้องมาที่ตนนิ่งอย่างพินิจพิเคราะห์จึงพยายามส่งยิ้มให้
แปลกใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงไม่ยอมปล่อยมือจากตนสักที
“เพื่อเห็นแก่เพื่อนมนุษย์ค่ะปล่อยเราสองพี่น้องไปเถอะนะคะ
แล้วฉันจะชดเชยความผิดให้คุณเอง”
“ชดเชยความผิดหรือ?”
รังสิมันเอ่ยพร้อมช้อนคางน้ำรินขึ้นพลิกดวงหน้าเล็กเรียว
ไปมาราวกับกำลังสำรวจสินค้าสำหรับตนเลยทีเดียวดวงตาคู่คม
ฉายแววครุ่นคิดขณะที่อีกคนมองอย่างรอคอย
“อืม...ก็ได้นะชดเชยความผิดก็ได้มันคงเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
ของเราสินะเพื่อเห็นแก่ประโยชน์ของเธอและกิเลสตัณหาของฉันเอง”
รังสิมันเอ่ยเท่านั้นก็ยกร่างบางขึ้นไปยังโต๊ะทำงานของตน
จากนั้นก็ผลักอีกฝ่ายล้มหงายร่างหนาตามติดใช้สองมือยันขอบโต๊ะ
ไว้กักคนหน้าซีดนัยน์ตาตระหนกให้อยู่ในอ้อมแขนกลายๆ
“เป็นการแสดงที่สวยงามมากแม่นกน้อยหน้าซีดตัวสั่น
บทบาทของผู้หญิงอ่อนแอไร้ทางสู้แม่นกกระจิบตกน้ำเธอดูเร้า
อารมณ์ทำให้ฉันลุกเป็นไฟสวยงามยอดเยี่ยมยิ่งกว่าสาวไฟแรงสูง
แบบพัชรินทร์อีกแน่ะรู้ตัวบ้างไหมแม่นกน้อย....”รังสิมันเอ่ยเสียงพร่า
มือหนาไต่ไปที่ต้นขาขาวๆอย่างไม่เกรงใจ
“ท...ทะ...ท่าน...จะทำอะไรคะ?”
น้ำรินถามได้เท่านั้นก็สะดุ้งเมื่อซิปกระโปรงถูกปลดออก
“ฉันควรถามเธอมากกว่านะแม่นกกระจิบว่าเธอใช้เซ็กซ์เพื่อ
เอาตัวรอดแบบนี้เสมอหรือไง”
“ยังไงคะอย่าค่ะ”
เสียงถามพร้อมอาการดิ้นน้อยๆมือบางเริ่มผลักไสเขาออกห่าง
แต่รังสิมันไม่สนใจอะไรแล้วพอหล่อนผลักตรงนี้เขาก็เอื้อมไปปลด
ตรงนั้นหากหล่อนดิ้นหนีเขาก็ตามติดหล่อนพูดบางอย่างแต่เขาหูอื้อ
แถมยังตาลายอีกต่างหากสุดท้ายแม่นกกระจิบตัวน้อยๆหน้าซีดๆก็
อยู่ในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ยดูเซ็กซีเย้ายวนได้อย่างไม่น่าเชื่อยิ่งมองก็
ยิ่งน่าจับมาลงโทษเป็นที่สุด
“อย่าค่ะดิฉันมาขอร้องท่านนะคะไม่ใช่มาเสนอ...”
“รำคาญน่าเลิกเล่นเอาเถิดเจ้าล่อกับฉันได้แล้วแม่นกน้อย....”
รังสิมันขัดได้เท่านั้นก็โน้มหน้าลงไปจุมพิตระหว่างจูบริมฝีปาก
นุ่มๆหวานๆนั้นก็ทำเสียงฮึ่มๆใส่อีกฝ่ายเมื่อหล่อนยังคงดิ้นหนีไม่
เลิกรา
“เลิกสร้างความเร้าใจได้แล้วน่าเท่านี้ก็ร้อนจนไม่รู้จะร้อน
ไปถึงไหนแล้ว”
ถอนริมฝีปากออกมาพูดกับหล่อนเสียงอู้อี้เสร็จแล้วก็ก้มลง
ไปจุมพิตใหม่ร่างแข็งแกร่งสะดุ้งเมื่อกำปั้นน้อยๆทุบมากลางหลัง
อย่างแรง
“เจ็บนะนกน้อย”
“ก็ปล่อยสิหยุด!”
หล่อนเอ่ยได้เท่านั้นรังสิมันก็ก้มลงจูบปิดปากตัดความรำคาญ
มือหนารวบมือเล็กๆที่ทั้งข่วนทั้งทุบตนขึ้นเหนือศีรษะตั้งหน้าตั้งตา
จูบเจ้าของฉายาแม่นกกระจิบอย่างจริงจังนานที่สุดเท่าที่จะนานได้
กระทั่งร่างบางที่ดิ้นขลุกขลักค่อยๆอ่อนระทวยลงภายใต้ร่างแข็งแรง
ของตน
“สวย...........”รังสิมันลากเสียงนุ่มเมื่อผละออกจากร่างบาง
ได้ชุดคลุมผ้าแพรเลื่อนหลุดไปก่อนที่เขาจะกลับมาหาหล่อนอีกครั้ง
พอสัมผัสร่างนุ่มนิ่มได้อีกฝ่ายก็สะดุ้งเหมือนได้สติ
“ไม่ค่ะคุณกำลังเข้าใจผิดใจเย็นๆก่อนนะคะปล่อยก่อน”
“ไม่เย็นแล้ว”รังสิมันเสียงพร่ากอดร่างหอมๆสวยๆเอาไว้
แน่นดวงตาดำใหญ่หลุบลงมองร่างงามอย่างหลงใหล
“ใครใจเย็นก็บ้าแล้วเธอทั้งสวยทั้งซ่อนรูปขนาดนี้อย่างที่
เราตกลงกันไว้นั่นแหละเธอต้องชดใช้ค่าเสียหายมาและถ้าเธอเบี้ยว
ฉันขึ้นมาในนาทีนี้ละก็ฉันจะถลกหนังเธอกับพี่ชายออกมาทาเกลือซะ
เสร็จแล้วก็จะเอาไปตากแห้งให้อีแร้งลงมากิน!”
“ไม่!”น้ำรินเอ่ยเท่านั้นริมฝีปากก็ถูกปิดสนิทมือหนาร้อนผ่าว
ของเขาเริ่มร่ายมนตร์วิเศษให้เธองงงวยร่างบอบบางค่อยๆอ่อนระทวย
ลงด้วยน้ำมือเขาทุกสัมผัสที่เคลื่อนผ่านนั้นร้อนรุ่มอ่อนไหวหวิวๆ
หวานๆยากยิ่งเกินกว่าหัวใจจะทัดทานได้กระทั่ง.............
“กรี๊ดดดดดดดดดดดด”
น้ำรินกรีดร้องลั่นช็อกอย่างสุดขีดรู้สึกเหมือนร่างทั้งร่าง
กำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆพอได้สติอีกครั้งมือบางก็ผลักไสเขา
ออกไปเป็นพัลวัน
“ไม่! ออกไปนะออกไป๊! ไม่! ไม่! ฉันเกลียดคุณ!”
ตัดพ้อต่อว่าได้เท่านั้นความเจ็บปวดก็มลายหายสิ้นชุดคลุม
ผ้าแพรของรังสิมันถูกโยนลงมาปกปิดเรือนกายของเธอร่างบาง
ถูกยกขึ้นสูงใบหน้าของรังสิมันบึ้งตึงสุดๆดวงตาดำใหญ่ของเขา
ลุกโชนดุจเปลวเพลิงเลยทีเดียวในยามนี้น้ำรินไม่กลัวอะไรอีก
แล้วจะมีก็แต่ความอาดูรอดสูใจเมื่อเช้านี้เธอยังเป็นสาวพรหมจรรย์
ไร้ราคีอยู่เลยแต่เขาก็ทำลายมันย่อยยับเพียงช่วงเวลาไม่ถึงชั่วโมง
ด้วยซ้ำไป