หิมะละลายแค้น (หั่วจู)

หิมะละลายแค้น (หั่วจู)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: หิมะละลายแค้น
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 199.00 บาท 49.75 บาท
ประหยัด: 149.25 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

บทนำ

ท่ามกลางเหมันตฤดูอันกราดเกรี้ยว ทั่วอาณาเขตแคว้นมู่ล้วนปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน เมฆหมอกลอยตัวเป็นกลุ่มก้อนแน่นหนาเหนือน่านฟ้า บดบังแสงอาทิตย์ที่จะช่วยเพิ่มความอบอุ่นไปจนเกือบหมดสิ้น ลมหนาวพัดกระโชกแรง เสียดแทงผิวกายของผู้คนห้าสิบสองชีวิตที่ถูกตรึงอยู่บนหลักไม้กลางลานประหารวันนี้ ชุดนักโทษซึ่งตัดเย็บจากผ้าดิบ หาได้ช่วยปกป้องพวกเขาจากความหนาวเย็นแม้เพียงกระผีกริ้น

“รออะไรอยู่เล่าหมิงเหวินจง ไยไม่รีบสั่งจุดไฟ หากเจ้ามัวชักช้า ระวังฮ่องเต้ชั่วจะสั่งประหารเจ้าไปด้วยอีกคน” น้ำเสียงท้าทายนั้นแข็งกร้าว กึกก้อง มิมีส่วนหนึ่งส่วนใดแสดงถึงความหวาดกลัวหรือหมดอาลัยตายอยากอย่างคนใกล้ตายเลยแม้แต่น้อย ช่างแตกต่างลิบลับจากน้ำเสียงของผู้ที่เอ่ยตอบกลับมาอย่างสิ้นเชิง

“ยะ...ยัง...ยังไม่ถึงฤกษ์ประหาร” เจ้ากรมอาญา หมิงเหวินจงตอบอย่างตะกุกตะกัก ดวงตาคมทอดมองไปยังลานประหารเบื้องหน้าด้วยความร้าวรานใจหาใดเปรียบ

บัดนี้ ใต้ฝ่าเท้าของเฉินหั่วและสมาชิกในตระกูลเฉินทั้งหมด มีกองฟืนกองโตสุมอยู่ เพชฌฆาตที่เคยจับดาบเล่มโตคมกริบ วันนี้เปลี่ยนเป็นถือคบเพลิงรอคำสั่งเขาอยู่ใกล้ๆ กันนั้น แค่เพียงโยนป้ายคำสั่งลงพื้น ห้าสิบสองชีวิตก็จะถูกเผาทั้งเป็นตามพระประสงค์ขององค์ฮ่องเต้

 แต่หนึ่งในห้าสิบสองชีวิตนั้น มีคุณหนูใหญ่ เฉินเสวี่ยถิงรวมอยู่ด้วย จะให้เขาหักใจสั่งเผาสาวงามปานนางฟ้านางสวรรค์ผู้นั้นได้อย่างไรกัน หญิงงามผู้นี้คือผู้ที่กุมหัวใจเขาตั้งแต่แรกพบ และหากแม่ทัพเฉินหั่วมิได้ต้องโทษประหารเก้าชั่วโคตรแล้วละก็ ป่านนี้เขาคงส่งแม่สื่อไปสู่ขอนางมาเป็นฮูหยินแล้วด้วยซ้ำ

“ฤกษ์ประหารคือยามตะวันตรงหัวมิใช่หรือใต้เท้าหมิง แม้วันนี้ท้องฟ้าจะมืดมัวมองไม่เห็นดวงอาทิตย์ แต่ยามนี้ก็น่าจะถึงเวลานั้นแล้ว ขอใต้เท้ารีบลงมือเถิด ข้ากับท่านพ่อและคนอื่นๆ จะได้พ้นจากความเหน็บหนาวเสียที พวกเราสกุลเฉินล้วนรอคอยเปลวเพลิงที่อบอุ่นจากท่านอยู่ โปรดสงเคราะห์ด้วย” ถ้อยวาจาแว่วหวานกังวานหูของเฉินเสวี่ยถิง ราบเรียบไร้ร่องรอยวิตกกังวลหรือขลาดกลัว มิต่างจากน้ำเสียงของผู้เป็นบิดาแม้แต่น้อย

สมแล้วที่เป็นถึงบุตรีของแม่ทัพใหญ่ ช่างกล้าหาญ เด็ดเดี่ยวยิ่งกว่าหญิงใด...ยิ่งเห็น ยิ่งได้ยิน หมิงเหวินจงก็ยิ่งเสียดาย ยากจะตัดใจทำลายบุปผางามล่มเมืองดอกนี้ให้มอดไหม้ได้จริงๆ

แต่ครั้นจะยืดเวลาต่อไปอีกก็มิอาจทำได้ วงราชการแก่งแย่งชิงดีกันยิ่งกว่าอะไร ยามนี้หากมีคนของอริแฝงตัวมาเฝ้าชมการประหาร แล้วนำเรื่องที่เขาอ้อยอิ่งไม่ยอมลงมือขึ้นกราบทูล ถึงยามนั้น ไม่เพียงตำแหน่งขุนนางขั้นสามจะปลิดปลิว แม้แต่ศีรษะก็ยากจะรักษาไว้บนบ่าได้

ระหว่างหญิงงามกับชีวิตตนเอง หมิงเหวินจงจำต้องตัดสินใจเลือก ในที่สุดเขาก็หยิบแผ่นป้ายคำสั่งไม้ขึ้นมาถือไว้ในมือ หลับตาแน่นแล้วหักใจโยนออกไปเบื้องหน้า พร้อมกับออกคำสั่ง...

“ประหาร!”

“ช้าก่อน!”

เสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมาพร้อมกับการสำแดงวิชาตัวเบาอันล้ำเลิศกระโจนเข้ามาคว้าแผ่นป้ายคำสั่งไว้ได้ก่อนมันจะร่วงหล่นลงสู่พื้น ยังผลให้เพชฌฆาตยั้งมือรอด้วยความลังเล ยิ่งเมื่อเห็นว่าผู้ที่มาขัดขวางการประหารในครั้งนี้เป็นถึงแม่ทัพใหญ่ของแคว้น หากรีบลงมืออย่างไม่รู้เหนือรู้ใต้ มีหวังอาจจะถึงคราวเคราะห์ตามคนสกุลเฉินไปด้วย

“ท่านแม่ทัพหม่า?” หมิงเหวินจงตะลึงงัน คาดไม่ถึงว่า หม่าหยุนไห่ ผู้ที่เปิดโปงความผิดของแม่ทัพเฉินจนก่อให้เกิดการประหารในวันนี้ จะกลายเป็นผู้ที่มาขัดขวางการประหารเสียเอง แต่ยังมิทันที่เขาจะได้เอ่ยถามใดๆ เสียงม้าเร็วก็ดังตามมา

ราชองค์รักษ์คนสนิทของฮ่องเต้หยุดม้าที่หน้าปรำพิธี ในมือถือม้วนผ้าสีเหลืองทอง กระโดดลงจากม้าพร้อมเสียงประกาศก้อง

“หมิงเหวินจงรับราชโองการ”

สิ้นประโยคนั้น เจ้ากรมอาญาก็รีบก้าวลงจากแท่นไม้ยกพื้นสูงลงมาคุกเข่ากับพื้น เจ้าหน้าที่ทุกคนบริเวณลานประหารรวมถึงประชาชนที่มาเฝ้ารอชมการประหารก็เช่นกัน ทุกคนล้วนแต่ก้มลงคุกเข่ารอรับราชโองการอย่างใจจดใจจ่อ ในอกอัดแน่นไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น เพราะชายหนุ่มทั่วแคว้น ล้วนไม่มีใครอยากให้หญิงงามเลื่องชื่อถูกเผาทั้งเป็น

“ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่ง แม่ทัพหม่าหยุนไห่ มีความดีความชอบ ปราบกบฏเผ่าอู๋ทางตอนเหนือได้สำเร็จ ประธานเฉินเสวี่ยถิง หญิงงามให้เป็นรางวัล เว้นโทษประหารแก่เฉินเสวี่ยถิง ยกนางให้เป็นสมบัติของแม่ทัพหม่าหยุนไห่สืบไป”

“หมิงเหวินจงน้อมรับราชโองการ ขอจงทรงพระเจริญ หมื่นปี หมื่นๆ ปี” หมิงเหวินจงลุกขึ้นรับราชโองการจากมือราชองครักษ์ด้วยความโล่งใจที่เฉินเสวี่ยถิงรอดตายในครั้งนี้ แม้นางจะต้องตกไปเป็นของชายอื่น แต่ก็ยังดีกว่าต้องถูกเผาทั้งเป็นเป็นไหนๆ

 “ไม่นะ!...ข้าจะตายพร้อมท่านพ่อ” เฉินเสวี่ยถิงร้องประท้วง แต่ชั่วพริบตา หม่าหยุนไห่ก็เคลื่อนกายด้วยความรวดเร็วจนแทบมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ใช้กริชพกประจำกายตัดเชือกที่ยึดกายนางไว้กับแท่นไม้ออก แล้วอุ้มร่างบางเย็นเฉียบออกจากกองฟืนทันที

“ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ ๆ” เฉินหั่วหัวเราะลั่นตามมา “หม่าเกาซานเอ๋ย...ข้าสมเพชเจ้านักที่มีลูกชายไม่เอาไหนเยี่ยงนี้ ป่านนี้เจ้าคงร้องไห้อยู่ในปรโลกแล้ว สุดท้ายผู้กล้าก็มิอาจผ่านด่านสาวงามได้จริงๆ ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ”

“หุบปาก!” หม่าหยุนไห่ตวาดกร้าว รัดอ้อมแขนแน่นขึ้น เพื่อให้ร่างน้อยหยุดดิ้นรน แม้อีกฝ่ายจะยังไม่ละความพยายามก็ตาม

“สั่งให้ข้าหุบปากเพราะอับอายผู้คนหรือหม่าหยุนไห่...ข้าเป็นคนออกอุบายให้พ่อเจ้าต้องตายในสนามรบ ทำให้ทหารกล้าสกุลหม่าอีกหลายชีวิตต้องดับสิ้นแท้ๆ แต่เจ้ากลับอยากได้บุตรสาวของข้า จนต้องไปขอให้ฮ่องเต้ชั่วละเว้นโทษตายให้ถิงเอ๋อ ช่างน่าขัน น่าขันจริงๆ ฮ่าๆ ๆ ๆ”

“เจ้าต่างหากที่น่าขัน ความคิดของเจ้าช่างตื้นเขินยิ่งนัก สมแล้วที่ต้องมีจุดจบเช่นนี้” หม่าหยุนไห่ตอบโต้พร้อมด้วยเสียงหัวเราะทีหลังที่ดังกว่าหลายเท่า ทำให้เฉินหั่วหยุดเสียงหัวเราะ สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นทันใด

“ก่อนจะพ่นวาจาส่อถึงความโง่เขลาออกมา ข้าว่าเจ้าลองใช้สมองอันน้อยนิดของเจ้าตรองดูก่อนเถิดเฉินหั่ว...คนอย่างข้า แม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นมู่ จะขาดแคลนหญิงงามขนาดต้องยอมลดศักดิ์ศรีคว้าลูกศัตรูมายกย่องเป็นเมียอย่างนั้นหรือ”

“นี่เจ้า!...” เฉินหั่วหน้าซีดเผือด เมื่อเริ่มเข้าใจจุดประสงค์ของอีกฝ่ายขึ้นมาลางๆ

แน่นอนว่าแม่ทัพใหญ่อย่างหม่าหยุนไห่ ต่อให้ต้องการหญิงงามสักยี่สิบสามสิบคนก็หาใช่เรื่องยาก ไม่ว่าเชื้อพระวงศ์หรือขุนนางด้วยกัน ล้วนแต่หวังจะเกี่ยวดองกับแม่ทัพหนุ่มรูปงามผู้นี้ทั้งสิ้น ไม่มีความจำเป็นใดเลยที่เขาจะต้องลดตัวลงมาเกลือกกลั้วกับลูกศัตรู ยกเว้นเสียแต่ว่า...

“ข้าเพียงคิดว่า ความตายมันยังไม่เพียงพอสำหรับคนชั่วช้าอย่างเจ้า” แม่ทัพหนุ่มยกมุมปากคลี่ยิ้มเย็นยะเยือกเข้าไปถึงขั้วหัวใจของศัตรู

“คนอย่างเจ้า หากจะต้องตาย ก็ไม่ควรจะได้ตายตาหลับ แม้อยู่ในปรโลกก็ไม่ควรได้อยู่อย่างสงบสุข ข้าจะให้วิญญาณของเจ้าได้เฝ้าดูลูกสาวตัวเองต้องทนทุกข์ทรมานเหมือนตายทั้งเป็น มองดูนางกลายเป็นของเล่นมีชีวิตของข้า และหากข้าเบื่อนางเมื่อใด ข้าก็จะมอบนางให้เป็นเครื่องระบายตัณหาแก่ทหารกล้าทั้งหลาย เป็นบุปผางามที่ผลัดกันชมไปทั้งกองทัพ...เจ้าลองคิดดูสิ หากข่าวนี้แพร่ออกไป ข้าว่าคงมีคนหนุ่มอีกมากมายรีบแย่งกันมาสมัครเป็นทหารของกองทัพสกุลหม่าเพื่อจะได้มีโอกาสลองลิ้มชิ้มรสโฉมงามเฉินเสวี่ยถิงสักครั้งหนึ่งในชีวิตอย่างแน่นอน”

“เจ้า!...หม่าหยุนไห่ เป็นข้าที่ผิดต่อพ่อเจ้า ผิดต่อเจ้า ถิงเอ๋อนางไม่เกี่ยวอะไรด้วย เจ้าจะไปลงที่นางเช่นนั้นไม่ได้ ได้โปรด...ข้าขอร้อง...ได้โปรดละเว้นนางด้วย” หัวอกคนเป็นพ่อร้อนรุมดั่งเพลิงผลาญทั้งที่ยังมิได้ถูกเผา ยอมอ่อนข้อวิงวอนชายหนุ่มรุ่นลูกทั้งน้ำตานองหน้า เพราะมิอาจทำใจยอมรับชะตากรรมอันเลวร้ายของบุตรสาวได้

“ท่านพ่อไม่จำเป็นต้องวิงวอนต่อคนผู้นี้ ข้าจะไม่มีวันให้เขาสมหวังเด็ดขาด ข้าจะรีบตามท่านไปปรโลกให้เร็วที่สุด” เฉินเสวี่ยถิงหยุดดิ้นรน แล้วกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว

“คิดจะฆ่าตัวตายหรือ มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก” หม่าหยุนไห่เอ่ยกับดรุณีในอ้อมแขน ก่อนจะสกัดจุดสลบนาง ลูกสาวศัตรูจึงหมดสติตัวอ่อนปวกเปียกทำให้เขายกร่างขึ้นพาดบ่าได้โดยง่าย

“หม่าหยุนไห่ ข้าขอร้อง ละเว้นนางด้วย อย่าให้นางต้องตกนรกทั้งเป็นเลย ท่านแม่ทัพหม่า ใต้เท้าหม่า โปรดเมตตาด้วย” คำสรรพนามแสดงความเคารพนบนอบต่ออีกฝ่ายไล่ลำดับขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขีดสุด หวังเพียงแม่ทัพหนุ่มจะเปลี่ยนใจ แต่ดูเหมือนจะไร้ผล หม่าหยุนไห่ยังคงยิ้มให้เขาอย่างเหี้ยมเกรียม จากนั้นก็หันไปเอ่ยกับเจ้ากรมอาญาให้เริ่มการประหารทันที

 

รายละเอียด

บทนำ

ท่ามกลางเหมันตฤดูอันกราดเกรี้ยว ทั่วอาณาเขตแคว้นมู่ล้วนปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน เมฆหมอกลอยตัวเป็นกลุ่มก้อนแน่นหนาเหนือน่านฟ้า บดบังแสงอาทิตย์ที่จะช่วยเพิ่มความอบอุ่นไปจนเกือบหมดสิ้น ลมหนาวพัดกระโชกแรง เสียดแทงผิวกายของผู้คนห้าสิบสองชีวิตที่ถูกตรึงอยู่บนหลักไม้กลางลานประหารวันนี้ ชุดนักโทษซึ่งตัดเย็บจากผ้าดิบ หาได้ช่วยปกป้องพวกเขาจากความหนาวเย็นแม้เพียงกระผีกริ้น

“รออะไรอยู่เล่าหมิงเหวินจง ไยไม่รีบสั่งจุดไฟ หากเจ้ามัวชักช้า ระวังฮ่องเต้ชั่วจะสั่งประหารเจ้าไปด้วยอีกคน” น้ำเสียงท้าทายนั้นแข็งกร้าว กึกก้อง มิมีส่วนหนึ่งส่วนใดแสดงถึงความหวาดกลัวหรือหมดอาลัยตายอยากอย่างคนใกล้ตายเลยแม้แต่น้อย ช่างแตกต่างลิบลับจากน้ำเสียงของผู้ที่เอ่ยตอบกลับมาอย่างสิ้นเชิง

“ยะ...ยัง...ยังไม่ถึงฤกษ์ประหาร” เจ้ากรมอาญา หมิงเหวินจงตอบอย่างตะกุกตะกัก ดวงตาคมทอดมองไปยังลานประหารเบื้องหน้าด้วยความร้าวรานใจหาใดเปรียบ

บัดนี้ ใต้ฝ่าเท้าของเฉินหั่วและสมาชิกในตระกูลเฉินทั้งหมด มีกองฟืนกองโตสุมอยู่ เพชฌฆาตที่เคยจับดาบเล่มโตคมกริบ วันนี้เปลี่ยนเป็นถือคบเพลิงรอคำสั่งเขาอยู่ใกล้ๆ กันนั้น แค่เพียงโยนป้ายคำสั่งลงพื้น ห้าสิบสองชีวิตก็จะถูกเผาทั้งเป็นตามพระประสงค์ขององค์ฮ่องเต้

 แต่หนึ่งในห้าสิบสองชีวิตนั้น มีคุณหนูใหญ่ เฉินเสวี่ยถิงรวมอยู่ด้วย จะให้เขาหักใจสั่งเผาสาวงามปานนางฟ้านางสวรรค์ผู้นั้นได้อย่างไรกัน หญิงงามผู้นี้คือผู้ที่กุมหัวใจเขาตั้งแต่แรกพบ และหากแม่ทัพเฉินหั่วมิได้ต้องโทษประหารเก้าชั่วโคตรแล้วละก็ ป่านนี้เขาคงส่งแม่สื่อไปสู่ขอนางมาเป็นฮูหยินแล้วด้วยซ้ำ

“ฤกษ์ประหารคือยามตะวันตรงหัวมิใช่หรือใต้เท้าหมิง แม้วันนี้ท้องฟ้าจะมืดมัวมองไม่เห็นดวงอาทิตย์ แต่ยามนี้ก็น่าจะถึงเวลานั้นแล้ว ขอใต้เท้ารีบลงมือเถิด ข้ากับท่านพ่อและคนอื่นๆ จะได้พ้นจากความเหน็บหนาวเสียที พวกเราสกุลเฉินล้วนรอคอยเปลวเพลิงที่อบอุ่นจากท่านอยู่ โปรดสงเคราะห์ด้วย” ถ้อยวาจาแว่วหวานกังวานหูของเฉินเสวี่ยถิง ราบเรียบไร้ร่องรอยวิตกกังวลหรือขลาดกลัว มิต่างจากน้ำเสียงของผู้เป็นบิดาแม้แต่น้อย

สมแล้วที่เป็นถึงบุตรีของแม่ทัพใหญ่ ช่างกล้าหาญ เด็ดเดี่ยวยิ่งกว่าหญิงใด...ยิ่งเห็น ยิ่งได้ยิน หมิงเหวินจงก็ยิ่งเสียดาย ยากจะตัดใจทำลายบุปผางามล่มเมืองดอกนี้ให้มอดไหม้ได้จริงๆ

แต่ครั้นจะยืดเวลาต่อไปอีกก็มิอาจทำได้ วงราชการแก่งแย่งชิงดีกันยิ่งกว่าอะไร ยามนี้หากมีคนของอริแฝงตัวมาเฝ้าชมการประหาร แล้วนำเรื่องที่เขาอ้อยอิ่งไม่ยอมลงมือขึ้นกราบทูล ถึงยามนั้น ไม่เพียงตำแหน่งขุนนางขั้นสามจะปลิดปลิว แม้แต่ศีรษะก็ยากจะรักษาไว้บนบ่าได้

ระหว่างหญิงงามกับชีวิตตนเอง หมิงเหวินจงจำต้องตัดสินใจเลือก ในที่สุดเขาก็หยิบแผ่นป้ายคำสั่งไม้ขึ้นมาถือไว้ในมือ หลับตาแน่นแล้วหักใจโยนออกไปเบื้องหน้า พร้อมกับออกคำสั่ง...

“ประหาร!”

“ช้าก่อน!”

เสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมาพร้อมกับการสำแดงวิชาตัวเบาอันล้ำเลิศกระโจนเข้ามาคว้าแผ่นป้ายคำสั่งไว้ได้ก่อนมันจะร่วงหล่นลงสู่พื้น ยังผลให้เพชฌฆาตยั้งมือรอด้วยความลังเล ยิ่งเมื่อเห็นว่าผู้ที่มาขัดขวางการประหารในครั้งนี้เป็นถึงแม่ทัพใหญ่ของแคว้น หากรีบลงมืออย่างไม่รู้เหนือรู้ใต้ มีหวังอาจจะถึงคราวเคราะห์ตามคนสกุลเฉินไปด้วย

“ท่านแม่ทัพหม่า?” หมิงเหวินจงตะลึงงัน คาดไม่ถึงว่า หม่าหยุนไห่ ผู้ที่เปิดโปงความผิดของแม่ทัพเฉินจนก่อให้เกิดการประหารในวันนี้ จะกลายเป็นผู้ที่มาขัดขวางการประหารเสียเอง แต่ยังมิทันที่เขาจะได้เอ่ยถามใดๆ เสียงม้าเร็วก็ดังตามมา

ราชองค์รักษ์คนสนิทของฮ่องเต้หยุดม้าที่หน้าปรำพิธี ในมือถือม้วนผ้าสีเหลืองทอง กระโดดลงจากม้าพร้อมเสียงประกาศก้อง

“หมิงเหวินจงรับราชโองการ”

สิ้นประโยคนั้น เจ้ากรมอาญาก็รีบก้าวลงจากแท่นไม้ยกพื้นสูงลงมาคุกเข่ากับพื้น เจ้าหน้าที่ทุกคนบริเวณลานประหารรวมถึงประชาชนที่มาเฝ้ารอชมการประหารก็เช่นกัน ทุกคนล้วนแต่ก้มลงคุกเข่ารอรับราชโองการอย่างใจจดใจจ่อ ในอกอัดแน่นไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น เพราะชายหนุ่มทั่วแคว้น ล้วนไม่มีใครอยากให้หญิงงามเลื่องชื่อถูกเผาทั้งเป็น

“ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่ง แม่ทัพหม่าหยุนไห่ มีความดีความชอบ ปราบกบฏเผ่าอู๋ทางตอนเหนือได้สำเร็จ ประธานเฉินเสวี่ยถิง หญิงงามให้เป็นรางวัล เว้นโทษประหารแก่เฉินเสวี่ยถิง ยกนางให้เป็นสมบัติของแม่ทัพหม่าหยุนไห่สืบไป”


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (75 รายการ)

www.batorastore.com © 2024