หยิ่งนักรักซะเลย (นางแก้ว)

หยิ่งนักรักซะเลย (นางแก้ว)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: หยิ่งนักรักซะเลย
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 150.00 บาท 37.50 บาท
ประหยัด: 112.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

ตอนที่ 1  เขาคนนั้นใช่เลย

 

            เสียงเชียร์ดังอย่างหูดับตับไหม้มาจากแฟนกรีฑา และกีฬาซึ่งมีเข้ามาหนาแน่นมาก เพราะเป็นนัดสำคัญ แข่งกีฬาเยาวชนระดับเขต แม้จะจัดที่ต่างจังหวัด แต่คนต่างจังหวัดที่มีกีฬาอยู่ในหัวใจมิใช่น้อย ดังนั้นการแข่งครั้งนี้จึงไม่เงียบเหงาเลยกลุ่มนักเรียนจากหลายสถาบัน ต่างแหกปากตะโกนเชียร์นักกีฬาฝ่ายตนอย่างเข้มแข็งทีเดียว

รายการแข่งกรีฑาระดับเยาวชน ซึ่งมาจากทุกภาค โดยที่จังหวัด ทางภาคตะวันออกเป็นเจ้าภาพในการแข่งขันในปีนี้ ซึ่งมีการแข่งกรีฑาก่อนการปิดท้ายด้วยฟุตบอล ซึ่งถือว่าเป็นสุดยอกของเหรียญทอง เพียงเหรียญเดียวแต่ต้องขับเคี่ยวมาตั้งแต่ก่อนเปิดการแข่งขันอย่างเป็นทางการ จนปิดสนาม

วันนี้ไม่ได้มีแต่กองเชียร์ฟุตบอลเท่านั้น เพราะการแข่งกรีฑาในปีนี้เป็นที่น่าสังเกตว่าได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากกลุ่มวัยรุ่นเป็นจำนวนมาก

ยิ่งเมื่อ เด็กหนุ่ม รูปร่างสูงแข็งแรง พุ่งทะยาน แตะริบบิ้นเป็นคนแรก ในการแข่งวิ่งสองร้อยเมตร เด็กสาวหลายคนมาจากโรงเรียนต่างจังหวัด...ลุ้นมากกระโดดเหยง ชูมือสุดเหยียด

            “ไชโย ชนะแล้ว...ชนะแล้ว ชนะรายการแรกแล้ว” นับดาวกู่ตะโกนก้อง โผกอดเพื่อคู่หู

            เด็กหญิงร่างตุ้ยนุ้ย โดนกอดแน่นหายใจแทบไม่ออก หน้าจึงแดงกล่ำ

            “เออแกดีใจ แต่ฉัน ฉันจะตายอยู่แล้ว”

            “อ้าวหมู โทษที นับดีใจมากไปหน่อย”

            นับดาวยิ้มแหยรีบปล่อยเพื่อน แต่ยังปรบมือด้วยความดีใจไม่เลิก

            กลุ่มนักเรียนหญิงซึ่งมาจากโรงเรียนเดียวกับเด็กหนุ่มหันมามองเด็กหญิงรุ่นเป็นตาเดียว หลายคนมองค้อนหมั่นไส้ และแหนหวง บางคนใจกล้าตะโกนแซวเสียงดังอย่างหาเรื่อง

            “ญาติข้างไหนกั้นใส่เสื้อก็บ้านน๊อกบ้านนอก”

            นับดาวหันขวับไปทางต้นเสียง แม้ว่าเธอจะมีรูปร่างจะโปร่งบาง ด้วยอายุยังน้อยไม่เต็มสาวดีนัก หากหัวใจของนับดาวคนนี้เกินร้อยเสมอ และ เด็กร่างอ้วนเพื่อนสนิทรู้เท่าทันว่า นับดาวไม่เงียบแน่ จะต้องตอบโต้ ดังนั้น ด้วยความหวังดีจึงรีบดึงแขน เพื่อนรักให้เดินตามร่างอ้วนของเธอไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว

            ขณะที่ปากก็พร่ำบอกเพื่อนว่า

            “ไปเหอะนับ เขาคงเป็นแฟนพี่เรน เหมือนกัน แต่คลั่งกว่านับเยอะ อย่าไปมีเรื่องกับเขาเลยน่า”

 พูดแล้วดึงกึ่งลากนับดาวให้เดินลิ่วๆ

กลุ่มเด็กนักเรียนสหศึกษาจากต่างจังหวัดเป่าปากไล่หลัง สองเด็กหญิงซึ่งสวมวัยรุ่น เมื่อเห็นคนที่ตนหาเรื่องเปิดหนีต่างหัวเราะเยาะ เป่าปาก ปิ้ว ราวกับว่ารบชนะสงครามมาแล้วก็ไม่ปาน

เมื่อโดนเยาะเย้ยมากเข้านับดาวไม่พอใจจึงหยุดเท้านิด อยากกลับไปเอาเรื่อง แต่หมู เพื่อนรักรีบกระตุกแขนอีกครั้งดึงกึ่งลาก ด้วยรู้ว่าเพื่อนร่างบางคนนี้จะต้องวกลับไปเอาเรื่องอย่างไม่ต้องสงสัย

            “ไปเหอะนับไปนั่งทางโน้นก็ได้ พี่เรนมีแข่งวิ่ง 100 เมตรอีก ขืนมีเรื่องตัวเองน่ะแหละจะอดดูนักกีฬาที่ตัวชอบ การดูกีฬาให้สนุกต้องอย่ามีเรื่องรู้มั้ย”

            นับดาว ทำใจให้สงบ ตามใจเพื่อนสาวยอมเดินแยกไปนั่งทางอื่นที่ไกลออกไป

            แต่คนที่ไม่ยอมให้เรื่องจบ เพราะคิดว่าพวกตนเหนือกว่าคือ กลุ่มเด็กสาว 4  คนท่าทางเปรี้ยว เมื่อเห็นว่าหาเรื่องแล้วอีกฝ่ายทำราวกับว่ากลัว และมีท่าทีเหมือนหนี ทั้งสี่ จึงคิดว่าเป็นพวกแหย เธอจึงรวมหัวกันจะก้าวตามไปหาเรื่องให้จงได้

เด็กสาวร่างอ้วนหันไปมองพวกเด็กสาวสี่คนตามมา เธอหน้าถอดเผือดซีด เพราะไม่ชอบการทะเลาะเบาะแว้ง ซึ่งต่างกันเหลือเกินกับนับดาว ซึ่งไม่ยอมถอยหนี แม้เพื่อนจะลากให้หนีไปอีกทาง

            “เขามาหาเรื่องแน่ๆ เลยนับ...ไปเหอะ” หมูดึงดันลากอีกฝ่าย ซึ่งขืนตัว ไม่ยอมไปง่าย ด้วยความดื้อดึง

หมูเตือนสติ นับดาว ว่า

            “อย่าบวกกับพวกเขาเลย ฉันน่ะไม่กลัวหรอก แค่ฉันคนเดียวบดพวกนั้นได้สามคนไม่ต้องห่วง แต่ฉันมาดูกีฬาไม่ใช่มาเอาเรื่องให้ใครเขาด่าว่าเอานะ”

            นับดาวยิ้มมุมปาก

“ใครด่าล่ะ ไม่สนใจหรอก”

“สนหน่อยเถอะ ไม่ว่าถูกหรือผิด เขาต้องออกข่าวว่าฉันไม่ดีทั้งนั้นล่ะ”

 “นั่งซะหมู หากเขาจะหาเรื่องต่อให้ได้ ฉันหนีไปรอบสนามเขาก็ตามจนได้ ก็ให้มันรู้ไปเลยว่าฉันจะอดทนได้หรือเปล่า”

“ตามใจ แล้วอดให้ได้ล่ะ”

นับดาวยิ้มสวยเมื่อเพื่อนยอมทำตาม และไม่สนใจสี่เด็กสาวที่ตามมาเอาเรื่อง

             เสียงโฆษกในสนามเรียกตัวนักกีฬาวิ่งระยะ 100 เมตรให้เตรียมตัวลงสนาม ซึ่ง หนึ่ง ใน แปด เป็นที่จับตามอง คือเขาคือ อริยะ ฮาตะแก้วไพฑูรย์ นักวิ่งระยะสั้นที่เป็นดาวรุ่ง ซึ่งพึ่งแข่งขันวิ่งสองร้อยเมตรไปเมื่อครู่นี้ 

อารยะเป็นเด็กหนุ่มรูปร่างหน้าตาดี และกำลังมาแรงในแวดวงกีฬา การได้มีข่าวทางหนังสือพิมพ์ และให้สัมภาษณ์นิตยสาร รวมทั้งเป็นแบบให้หนังสือวัยรุ่นฉบับหนึ่ง แม้จะมีการทาบทามให้เข้าวงการบันเทิง แต่ เขายืนยันว่าไม่คิดเดินสายนั้น เขายังมุ่งมั่นที่จะเรียนและเป็นนักกรีฑาระดับประเทศให้จงได้  จากคำสัมภาษณ์หนักแน่นนี้ ยิ่งส่งให้โด่งดังรวดเร็ว

            สี่สาวตามมาเอาเรื่องแต่ยังไม่ทันได้เรื่อง เด็กนักเรียนสหศึกษากลุ่มหนึ่งเข้าไปนั่งใกล้กับนับดาว  ทั้งยังส่งยิ้มให้กับนับดาวมาด้วย สี่สาวจึงคิดว่าเป็นพวกเดียวกับนับดาว ดังนั้น  พวกเธอจึงเดินเลี่ยงกลับมาที่เดิม

            ... หมูยกมือทาบอกอย่างโล่งใจที่พ้นการมีเรื่อง

            นับดาวไม่สนใจพวกที่ล่าถอยไป แต่ให้ความสำคัญกับมิตรใหม่มากกว่า ท่าทางของแต่ละคนดูเอาเรื่องไม่น้อย แต่ทำไมจึงดูน้ำใจไมตรี และหนึ่งในกลุ่มเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกัน มีเด็กหนุ่มท่าทางบอกชัดว่าเป็นวิญญาณคนละร่างจริง

เขาให้คำวิจารณ์นักกรีฑาที่ตนหลงใหล อย่างค่อนข้างชื่นชมและดุเดือดว่า

            “โรงเรียนที่มันเรียนก็เข้ายากฉิบหอ ความหล่อเฉือนใจฉันได้อย่างนี้ เนี่ยให้ฉันสักครั้งจะไม่ลืมพระคุณเล้ย”

            กล่าวพลางยกมือไหว้รอบทิศ หวังสิ่งศักดิ์สิ่งให้ช่วยได้สมใจ

มัยเรียมเด็กสาวหน้าคมผิวคล้ำผมตัดสั้นท่าทางแก่นแก้ว ยกมือท่วมหัว

            “สาธุ อะไรที่นังแห้งมันได้จากพี่เรน ขอลูกสักครึ่งหนึ่งด้วยเถิ้ด ขอให้....”เด็กสาวงึมงำขมุบขมิบ

            ชันษาหญิงในร่างชาย ถามด้วยความไม่เข้าใจ

“ให้อะไรยะนังเรียม”

            “พี่เรนให้อะไรฉันเอาทั้งนั้นแหละ” มัยเรียมยังแสนแก่นก้าว “ให้รองเท้าก็เอา พอได้มาแล้วฉันจะเอามาประทับหน้าแกไงนังแห้ง”

            “แกมันเถื่อนจริงๆ คลั่งมากทำไมไม่ย้ายโรงเรียนไปเฝ้าซะเลยเล่า”

            “ฉันอยากย้ายเต็มทีแล้วเนี่ย” มัยเรียมเอ่ย “แต่ฉันสอบไม่ติดมาปีแล้ว ปีหน้านี่แหละฉันจะสอบอีก”

            “แล้วถ้าตกอีก”

            “ปากไม่มีมงคลอย่างนี้แหละพระเจ้าจึงเกลียดนักส่งแกมาเป็นกะเทย”

            “เออพระเจ้ารักแกมากนักนี่”ชันษาจีบปากจีบคอว่า

            “ให้เกิดมาเป็นผู้หญิงแต่ส่งขนมาให้ยาวยุบยับมีหนวดเขียวอีกต่างหาก”

            มัยเรียมทำปากจิ๊กจั๊ก คิดว่าพระเจ้าคงคิดอย่างที่ชันษาว่าเหมือนกัน ทั้งสองจึงเหมือนหยิบเพศมาผิด แต่ว่า ท่านคงทำให้มีใจดวงเดียวกัน ที่พากันลุ่มหลง อริยะ นักกรีฑา ซึ่งกำลังไต่ลำดับขึ้นสู่ทีมชาติ ด้วยการแข่งชนะทุกแม็ตการแข่งขัน

ชันษาสงสารเพื่อนซึ่งอายุมากกว่าหนึ่งปี ที่พยายามสอบเข้าโรงเรียนของเด็กหนุ่ม แต่พลาดมาหนึ่งปี ปีนี้อริยะขึ้นม.5 มัยเรียมยังต้องไปสอบเข้าม.4ด้วยความมุ่งมั่น ส่วนชันษา ตั้งใจไปสอบเข้าปีนี้ เขาลดเสียงเบาเอ่ยอย่างเห็นใจมัยเรียมว่า

            “เขาจะสนแกเหรอเรียมถึงแกจะสอบเข้าไปเรียนได้ก็เห่อะ”

            “นี่อย่ายุ่งกับอนาคตฉันเลย ห่วงอนาคตตัวเองเห่อะมีทั้งพวง ดันไม่ภูมิใจ”

“แกมาเปลี่ยนกะฉันไม่ล่ะนังเรียม”

“แค่ขนนี่ฉันก็กลุ้มพอแล้ว ไม่ต้องให้ส่วนเกินมาอีกหรอก”

“เชอะ มาแช่งคนอื่น ตัวเองก็อย่าคิดจะสมหวังล่ะ”

“จะอกหักชักตายก็ช่างฉัน ว่าแต่แกอย่ามาชอบฉันเสียเองล่ะเพราะแกจะอกหักดัง เป๊าะ”

            “ว้ายตาย ช่างพูดมาด้ายไม่อายปาก ชอบแกล่ะก็ ให้ฉันนั่งปอกกล้วยเล่นเสียดีกว่านังหอยหลอด”

เสียงพูดคุยของทั้งสองบอกให้รู้ แฟนอาริยะมีค่อนสนามทีเดียว

“นี่พวกมึงทั้งสอง ช่วยหุบปากหน่อย โฆษกเขาพูดถึงพี่เรน กูไม่ได้ยิน”เพื่อนกลุ่มเดียวกันเอ็ดสองคนให้เงียบ

            หมูป้องปากกระซิบกระซิบกับเพื่อนด้วยความเป็นห่วง เพราะรู้ดีว่านับดาวคลั่งอารยะมากเพียงใด

            “จะไหวหรือนับ...แฟนเขามากจังเลย นี่ขนาดจะข้ามจังหวัดไปสอบเข้าเรียนโรงเรียนเดียวกันเชียวนะ”

            นับดาวเอ่ยอย่างน่าชื่นว่า

            “เฮ่ย..ถึงทั้งสนามจะพากันชอบเขา แต่คนที่เขาชอบ คือแฟนตัวจริงของเขานั่งอยู่นี่”

            “ไหน” หมูพาซื่อเหลียวหาโดยรอบ แล้วมาหยุดสายตาที่นับดาว เมื่อนับดาวจับหน้าเพื่อนให้หันมามองตนเองกล่าวด้วยดวงตาแจ่มใสหากใบหน้าสวยทะเล้นยิ่ง หมูทำหน้าอูม

            “แฟนทั้งประเทศอาจใช่ แต่ตัวจริงมีคนเดียวนั่งอยู่ตรงนี้ นี่”

            “ยี๊...โม้”

            “ไม่ได้โม้...”

            “จะเป็นไปได้ยังไงล่ะนับ เธออยู่จังหวัดนี้ เขาอยู่จังหวัดโน้น โรงเรียนก็ดังเข้ายาก”

            “เออ น่า สุภาษิต นโปเลียนว่าไว้ ความสำเร็จเป็นของผู้มีความพยายามมากที่สุด หัวใจมันมีปีกบินเสมอแหละ”

            บุคคลที่ผู้พาดพิงถึงตัดผมสั้นเรียบร้อยใบหน้าคมคาย ดวงตาคมยาวดำสนิทจึงดูดุไปบ้าง จมูกโด่งเป็นสันตรงรับกับริมฝีปากหนาได้รูป คางบุ๋ม

...ทั้งหล่อทั้งเก่งจึงถูกจับตามองเป็นพิเศษ ผู้บรรยายชมทุกครั้งที่ร่างสูง 180 ซม. ลงสนาม

            “ลงสนามเรียบร้อยแล้วครับจากเขต 10 ....ปีนี้มาแรงได้อย่างไม่น่าเชื่อ ถ้าเขต 3 ซึ่งเป็นแชมป์เก่าต้องการรักษาแชมป์ต้องพยายามกันอีกนิดเพราะอริยะฝีเท้าจัดจ้านดีเหลือเกิน ชนะสงร้อยเมตรโค่นแชมป์เก่าไปได้แล้ว นี่บทพิสูจน์อีกครั้งว่าเด็กหนุ่มมัธยมจะแซงหน้ารุ่นพี่ได้หรือไม่ หล่อแถมเก่งขอเสียงหน่อย”โฆษกเอ่ยเรียกเสียงฮาราวกับแสดงคอนเสิร์ท

            สาวๆ กรีดเสียงรับคำขอดังลั่น หากนักกีฬาขวัญใจยืนนิ่งไม่ทักทายใครทั้งสิ้น จนนักกีฬาเขต 3 ไปขอจับมือ เขาส่งมือให้จับ ทักทายอยู่สองสามคำ จากนั้นต่างคนต่างเดินสู่ลู่ของตนเอง

            “หยิ่ง ฉิบหอ” ชันษาบ่น “ฉันรึอุตส่าห์ถ่อแท่งมาเชียร์”

            “แกยังใช้การได้หรือ แท่งที่ว่านังแห้ง”

            “นังเรียมเดี๋ยวฉันจะเลิกคบกะแกนังคนปากไม่สร้างสรรค์ แกก็รู้ว่าฉันไม่ได้อยากมีมันให้เดินแกว่งไปมาอย่างนี้”

            “แล้วทำไมแกอยากได้ของคนอื่น”

            “คนอื่นที่ไหน พี่อริยะน่ะกันเอ๊งกันเอง” ชันษาทำเสียงสูงๆ ต่ำๆด้วยความพอใจตัวเองยิ่งนัก

นักกีฬาถูกเรียกเข้าประจำที่ โวยเสียงเรียกที่พิสดารทุกสนาม เขาจะต้องเรียกด้วยเสียงทุ้มต่ำ จนหลายคนสงสัยว่าทำไมต้องเรียกด้วยเสียงผิดคีย์เช่นนั้น หากแท้จริงเขาจะระมัดระวัง เรื่องสมาธิของนักกีฬา จึงจำเป็นต้องลากเสียงต่ำว่า

 ข้าว....ที่....แทนที่จะเรียกเข้าที่

 ...ซึ่งแน่ล่ะว่าต่อให้ลากเสียให้ต่ำมากแค่ไหน หัวใจนักกีฬาทุกคนอยู่ที่ปลายเท้าที่วิ่งด้วยอัตราการวิ่งอย่างลืมตายทุกคนในรอบชิงชนะเลิศเช่นนี้

 ทุกคนใจจดใจจ่อแทบลืมหายใจในเวลาไม่กี่วินาที

เสียงปืนระเบิดขึ้น

ปัง....

...ร่างสูงของเด็กหนุ่มทั้งแปดคน ต่างพุ่งทะยานไปข้างหน้า ท่ามกลางการโห่ร้องของกองเชียร์ เขตสามเคนนำ และครองแชมป์มาทุกปี แต่เพราะเมื่อชั่วโมงที่ผ่านมาพึ่งเสียแชมป์ให้กับเขตสิบไป ในการวิ่งสองร้อยเมตร ซึ่งการวิ่งระยะร้อยเมตรนี้ แม้เปลี่ยนคน แต่เขตสิบยังคงใช้คนเดิมอยู่ และอริยะดูเหมือนว่าจะทำสถิติดีมากกว่าวิ่งระยอสองร้อยเมตรเสียอีก

ใครไม่เข้าใจโลกของวินาทีว่ามีความกดดันเพียงใด หากร่างกายไม่พร้อมอาจเป็นตะคริวได้....

โฆษกตระโกนออกไมค์จนหอนรับลำโพง

            “แชมป์เปลี่ยนไปอยู่เขต 10 แล้วครับ ดาวรุ่งหนุ่มกรุงคนนี้ อนาคตไกลด้วยวัยเพียงสิบหกปีเท่านั้น

ตัวแทนเยาวชนทีมชาติอยู่ไม่ไกลแล้วครับ เขาเป็นแชมป์ไปสองรายการแล้วครับ

            ดวงตาคู่คม จริงจังของ อริยะมีประกายเจิดจ้าเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เมื่อผู้บรรยายเอ่ยถ้อยประโยคเหล่านั้น

...เขาหวังมาตลอดฝึกซ้อมมานานปี เพื่อสวมเสื้อทีมชาติไทย มิใช่เพียงเป็นตัวแทนเยาวชน หากเขาทะเยอทะยานอยากเป็นทีมชาติที่อายุน้อยที่สุดเท่าที่เคยมีมาให้จงได้

ความมุ่งหวังนี้เขารับรู้เพียงลำพัง โดยไม่รู้ว่า มีหัวใจน้อยๆดวงหนึ่งแอบส่งแรงเชียร์ให้เขาทำลายทุกสถิติในประเทศไทย แม้แต่สถิติ การเข้าทีมชาติด้วยอายุน้อยสุดอริยะสวมกางเกงวอร์มและเสื้อ เพื่ออบอุ่นร่างกาย พร้อมกับก้มกายลงหยิบกระเป๋ากีฬาสะพายบ่า แล้วเดินโบกมือให้คนดูโดยรอบ แต่ไม่ได้ส่งยิ้มให้ใคร

            นับดาววิ่งตามร่างสูง ซึ่งสะพายกระเป๋าผ้าร่มออกจากสนามแข่ง

            “พี่ค้าขอรูปหนึ่งค่ะ” เธอร้องบอก พร้อมยกกล้องเตรียมถ่ายรูป หากอาริยะรีบโบกมือไม่อนุญาต พลางหันกายหนีห่างออกมาทันที เขามีความรู้สึกว่าไม่อยากให้เด็กสาวคนไหนมารุมล้อมราวกับเขาเป็นดารา

ทั้งที่เวลานี้เขากลายเป็นดาราไปแล้ว แม้ว่าจะถูกปฏิเสธพร้อมเดินหนีอย่างเร็ว แต่นับดาวตามตื้อไม่เลิก ปากแดงระเรื่อ ฉอเลาะ ทั้งออด ทั้งอ้อน ดวงตาคู่ใส แววฉลาด ทำท่าวิงวอน

            “นะคะ นับชอบพี่มากเลย ขอรูปหนึ่งนะคะ”

            “ไม่...” เขาเอ่ยไม่ไยดี หากดวงใจเบาหวิวเมื่อมองอีกฝ่ายถนัดตา เด็กอะไร น่าตาน่ารักเหลือเกิน เขาอดคิดไม่ได้ แต่รีบกลบเกลื่อนโดยเร็ว พลางเดินหนีจากไปอย่างไม่สนใจ

            นับดาวกัดริมฝีปากนิดด้วยความเจ็บใจ.. ก่อนร้องตะโกนเสียงดังตามหลังอีกฝ่ายไปว่า

            “หวงรูปนักใช่มั้ย...ด๊าย...ถ่ายก้นก็ได้ จะเอาไปปิดประกาศบอร์ดโรงเรียน ก้น อริยะ ป๊อด ปอด”

            อาริยะชะงักกึก เมื่อได้ยินคำขู่ เขาหันขวับมามองตาดุ

นับดาวกดชัตเตอร์อย่างรอจังหวะอยู่ก่อน เมื่อทำสำเร็จ เธอชูกล้องล้อเลียนอีกฝ่าย แต่เขาไม่สนุกสัดนิด กลับต่อว่านับดาว

            “เสียมารยาท” เขาว่าแล้วจากไปโดยไม่หันกลับมามอง ไม่มีใครรู้หรอกว่า เขาโดนถ่ายภาพมานับพันนับหมื่น แต่ภาพที่อยู่ในกล้องเด็กสาวคือภาพที่อริยะอยากเห็นตัวเองที่สุด ทำไมเขาคิดอย่างนั้นเขาก็ไม่เข้าใจตนเองเช่นกัน!

            หมูวิ่งตามเพื่อนมาทีหลัง เห็นท่าทางของเขาแล้วหมดความนิยมไปในทันที ซ้ำยังต่อว่าเขาว่า

            “คนบ้า หยิ่งฉิบเป๋ง”

            “แหม ก็เขา เป็นนักกีฬา ไม่ใช่ดารานี่หมูจะได้เอาอกเอาใจแฟน ๆ”

            “ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ถึงวันนี้เขาเป็นคนของประชาชนเขาน่าจะทำตัวให้มีมนุษย์สัมพันธ์มั่ง”

            “เขาเป็นคนธรรมดาที่มีความรู้สึกเหมือนพวกเรา ชอบก็บอกว่าชอบ ไม่ชอบก็บอกว่าไม่ชอบ เขาไม่โกหกเป็นเรื่องที่ดีแล้วนี่นา”

            “พูดอย่างนี้แสดงว่าไม่โกรธ”

            “ไม่โกรธสักนิด...แต่นับชอบมากขึ้นต่างหาก”กล่าวพลางจับกล้องแน่นส่ายร่างมาอย่างปลื้มสุดขีด

            “เว่อร์ซะจริงเพื่อนฉัน”

                                                ...........................

            ในห้องสีชมพูอ่อน มีโทรทัศน์ยี่สิบนิ้วจอแบน ตั้งอยู่มุมหนึ่ง เจ้าของห้องนั่งอยู่บนเตียงขนาดห้าคูณเจ็ดฟุต บนเตียง ปูผ้าสีชมพู ลายตุ๊กตาหลากสี มีตุ๊กตาหมี หมู หมาเป็นเจ้าของเสียครึ่งหนึ่ง ฝาผนังมีสิ่งประดิษฐ์ จากวัสดุของเหลือใช้จัดทำอย่างน่ารัก ทั้งซองใส่จดหมายทำเป็นรูปหมีใส่ชุดไปรษณีย์ ขวดพลาสติกใส่ตัดแต่งเป็นรูปหมู เลี้ยงพลูด่างทอดยอดระย้า...

            ไม่ว่าที่ใดก็ตามในห้องส่วนตัวนี้ จะมีรูปนักกีฬาชาย ติดหลายภาพ และมีแฟ้มสีชมพู ติดหลวดเหน็บกระดาษสีชมพู

เมื่อเปิดออกจะเป็นกระดาษข่าวจากหนังสือพิมพ์มีภาพ ขาว-ดำ ของอริยะ

            นับดาวหลงใหลกับนักกีฬาเยาวชนคนนี้มานานปี ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาย่างเข้าลงแข่งขันระดับจังหวัดตั้งแต่อายุเขาสิบสี่และเธอเองอายุเพียงสิบสองปี จนบัดนี้ เขาขึ้นระดับเขต

เขาจะขึ้นแข่งระดับประทศ หรือเปล่า?

…ในเมื่อตอนนี้เขาไต่อันดับเป็นแชมป์ระดับเขตขึ้นไปแล้ว

โอยไม่รู้ทำไมต้องมาหลงใหลผู้ชายหน้าตาดีคนนี้ด้วยก็ไม่รู้

 

ใจเอ๋ย ทำไมลอยตามเขาไป

ได้โปรดจงรีบคืนกลับ

อย่าได้ตามเลยหายลับ

รีบกลับเร็วๆนะใจ


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (72 รายการ)

www.batorastore.com © 2024