Walking Friend ซอมบี้น่ะเหรอ... อ๋อ! นั่นเพื่อนผมเอง เล่ม 1 (ราชานกฮูก)

Walking Friend ซอมบี้น่ะเหรอ... อ๋อ! นั่นเพื่อนผมเอง เล่ม 1 (ราชานกฮูก)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786164238145
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 450.00 บาท 112.50 บาท
ประหยัด: 337.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

ผมน่ะ เคยถูกพวกมันกัดเข้าให้แล้ว! แต่ก่อนอื่น ผมต้องพูดเรื่องนี้เสียก่อน มันสำคัญมาก เพราะ เป็นต้นเหตุของเหตุการณ์โกลาหลพวกนี้ ต้นไม้เลือด ที่ได้ชื่อนี้เพราะว่าลำต้นของมันจะหลั่งของเหลวสีแดงคล้าย เลือดออกมาตลอดเวลา ขนาดของมันเล็กพอๆ กับตึกสามสิบชั้น ซึ่ง ทะลุพื้นคอนกรีตขึ้นมาในใจกลางเมือง ผมดูจากข่าว และได้ยินว่ามี ต้นไม้แบบนี้เกิดขึ้นทั่วโลกในวันและเวลาเดียวกัน ในตอนที่ต้นไม้เลือดทะลุจากพื้นและเติบโตขึ้น นักข ่าว พูดเอาไว้ว่ามันได้ปล ่อยละอองสีแดงสดจำนวนมหาศาล และผล ที่ตามมา ก็คือจุดเริ่มต้นของสิ่งมีชีวิตอย่าง ‘มัน’ บทนำ� 8 vWalking Friend และก็อย่างที่บอก ผมน่ะ เคยถูกมันกัดเข้าให้แล้ว ที่ว่า ‘มัน’ น่ะเราไม่ได้กำลังหมายถึงสัตว์จำพวกสุนัข แมวยุงงู หรือว่ายีราฟหรอกนะ...แต่เอ๊ะยีราฟก็กัดเป็นด้วยเหรอ คิดแล้วก็สงสัย อยากจะวิ่งไปให้มันกัดสักทีสองทีบ้างจะได้รู้ว่ามันกัดได้จริงรึเปล่า อะไรนะ ผมไม่ควรจะนอกเรื่อง? เข้าใจแล้ว ตรงนั้นผมผิดเองกลับมาที่เดิมก่อน พวกมันที่ผมหมายถึง...จะว่ายังไงดีล่ะเรียกว่า ‘ซอมบี้’ ดีไหม แบบว่าอะไรก็ตามที่‘เคย’ เป็นมนุษย์มาก่อนพอตายแล้วดันตายไม่จริง อยู่ๆ ก็ยืนขึ้นมาเฉยเลย! นอกจากนี้ยังชอบทำตาขวาง เหมือนว่าใคร ก็ตาม ล้วนบ่มเพาะความแค้นมิอาจอยู่ร่วมโลกเดียวกันได้สุดท้าย จะรีบเดินเข้ามาหาคุณเท่าที่สังขารมันจะอำนวยซึ่งก็ถือว่าว่องไว...มั้ง เอ่อ ไม่รู้สิอันที่จริงผมไม่อยากเติมคำว่ามั้งเข้าไปเลย มันดู เสียความน่ากลัวไปยังไงก็ไม่รู้ คือเอาจริงๆ นะ ท่าทีของพวกเขาก็ดูโกรธแค้นอยู่หรอก แต่ไหง กลับค่อยๆ เดินเข้ามาหาซะอย่างนั้น แถมยังเซไปเซมาเหมือนคนเมา วอดก้าอีกต่างหากเพราะงั้นมันก็เลยค่อนไปทางช้ามากกว่า ซึ่งถ้ามันจบแค่นั้น พวกเขาก็ยังนับว่าเป็นคนที่น่ารักอยู่หรอก แต่ให้ตาย ปัญหาของพวกเขาคือหิวตลอดเวลา และก็ไม่ยอมที่จะกิน อาหารแบบคนทั่วไปเสียด้วย ทำไมพวกเขาไม่กินอาหารแบบคนทั่วๆไปน่ะเหรอ... ผมก็ไม่รู้นะ อันนี้ค่อนข้างซีเรียส แต่ก็ไม่ค่อยมีอารมณ์ไป หาคำตอบนักหรอก เพราะว่าพวกเขาช่างไม่น่ารักเอาซะเลย มีที่ไหน 9 หิวจนหันมากินคนกันเอง ราชานกฮูก v ใช่... ผมหมายถึง หันมากินคนกันเองนั่นล่ะ แบบว่ากัดเข้าไป คำนึง เคี้ยวบ้างไม่เคี้ยวบ้างกลืนเข้าไปเลย เรื่องที่แย่ที่สุดคือ ไอ้นิสัยเสียๆ อย่าง ‘หันมากินคนกันเอง’ นี่ ดันสามารถถ่ายทอดได้เสียด้วย พระเจ้า! ทำไมนิสัยดีๆ ไม่สามารถ ถ ่ายทอดผ่านการกัดแบบนี้ได้กันนะ! ตอนเด็กๆ ผมเคยถูกเพื่อน คนหนึ่งกัดเข้าให้ที่แขน ต่อมาอีกสิบปีเพื่อนคนนั้นกลายเป็นเป็น อัจฉริยะระดับสุดยอด ไอคิวกว่า 220 แน่ะ ถ้าเรื่องดีๆถ่ายทอดได้เหมือนนิสัยนั่น ผมคงไม่ถูกใครๆ ด่าว่า เป็นไอ้ทึ่มแบบนี้หรอก แต่ว่าไปเถอะ ผมเป็นคนใจกว้าง ไม่ใส่ใจเรื่องในสมัยเด็กๆ เท่าไหร่หรอก ต่อนะ คือแบบว่า... ไม่รู้สิผมก็เล่าเรื่องไม่ค่อยจะเก่งสักเท่าไร แต่ พวกเขากัดกันต่อไปเรื่อยๆ เหมือนกับอยากส่งต่อความสำเร็จในชีวิต (และขอย้ำอีกครั้ง ถ้าความฉลาดส่งต่อกันได้แบบนี้บ้างก็ดีสิ) เผลอ แป๊บเดียว คนทั้งเมืองก็กลายเป็นคนนิสัยเหมือนกันไปจนหมด แต่มีวันหนึ่ง ที่ผมเปลี่ยนจากเรียก‘พวกเขา’ เป็น ‘พวกมัน’ วันนั้นผมได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่าง อย่างแรก‘พวกมัน’ ไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้ว... เรื่องมันเกิดขึ้นหลังจากการแพร่ระบาดของละอองสีแดง ที่มาพร้อมต้นไม้เลือดนั่น ซึ่งต่อมาถูกระบุว่าเป็นไวรัสชนิดหนึ่ง... อ๊ะ 10 vWalking Friend ผมไม่ได้เป็นค้นพบเรื่องไวรัสอะไรแบบนั้นหรอกฟังมาจากข่าวอีกทีน่ะ ไวรัสนี้ทำให้คนกลายเป็นซอมบี้แต ่ก็ยังโชคดีที่ไม ่ได้แพร ่ ในอากาศเข้มข้นอะไรมาก คือต่อให้มีแผล พวกเราก็จะไม่เปลี่ยนเป็น แบบพวกมัน ตราบใดที่ ‘เรื่องบังเอิญ’ ไม่ได้เกิดขึ้น เรื่องบังเอิญคืออะไรน่ะเหรอ? มันก็มีหลากหลายความหมายล่ะนะ ผมอาจจะเป็นคนที่ อุปมาอุปไมยได้ไม ่ค ่อยดีเท ่าไรนัก ในกรณีนี้เรื่องบังเอิญมันก็คือ การที่เราอาจจะล้มลง แล้วก็บังเอิญมีอะไรแหลมๆ อย่างเช่น อ่า... อาจจะเป็นจอบ ขวาน หรือ หรืออาจจะเป็นหินที่มีมุมแหลมๆ วางอยู่ ที่พื้นอะไรแบบนี้ซึ่งแน่นอน จอบ หรือขวาน ต้องบังเอิญวางเอาไว้ใน มุมพอดิบพอดีที่ ตัวเราจะล้มลงไป แล้วแทงเข้าที่ตัวเราเป๊ะๆ เลยน่ะ นะ นั่นล่ะ เราก็จะ...ตายนั่นเอง พอเราตาย ไวรัสมันก็จะเข้าไปควบคุมสมองแทนเรา คราวนี้ แหละ เราก็จะกลายเป็นพวกมัน คำถามคือ ตกลงวันนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่วะเนี่ย! โอเค ผมยอมรับ ว่าเป็นคนที่ค่อนข้างจะเล่าเรื่องไม่ค่อยจะเก่ง แต่ผมให้คำปฏิญาณ ซึ่งตอนนี้ผมกำลังชูสามนิ้วอยู่ ผมสัญญา ว่าจะ พยายามเล่าให้ฟังจนจบให้ได้ ซึ่งแน่นอน มันจะต้องรู้เรื่องด้วย วันนั้นเป็นวันที่หนึ่งร้อยกว่าๆ ของหลังวันสิ้นโลก ผมเรียก แบบนั้นแหละ คือวันนั้นน่ะ ผมกับเพื่อนของผม โทมัส ได้พยายามที่จะ 11 ออกจากหอพักนักศึกษา เพื่อจะไปมินิมาร์ทหน้ามหาวิทยาลัย ราชานกฮูก เพราะ v บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่เราบังเอิญจับฉลากได้มาสิบกว่าลัง ดันหมดจนได้ ตอนลงไปที่มินิมาร์ทล ่ะสนุกน ่าดู พวกมันไม ่รู้มาจากไหน เยอะแยะพุ่งเข้ามาจะกัดผมกับเพื่อนเสียให้ได้พวกเราวิ่งกันจ้าละหวั่น เลยทีเดียว สุดท้าย พวกเราก็รอด ผมและเพื่อนกลับมาถึงห้อง พร้อมกับ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอีกสองห่อใหญ่ เสียอย่างเดียวคือ มันดันเป็นรสซุป กุ้งทะเล ซึ่ง... ผมดันแพ้กุ้งนิดๆเสียด้วยสิ “เอบิเกล เมื่อไรนายจะเลิกเรียกพวกมันว่าพวกเขาซะทีวะ” โทมัสหัวเสียเสียงของเขาดูหงุดหงิดมาก อ้อ ดูเหมือนผมจะลืมบอกเอบิเกลน่ะชื่อผมเอง “โธ่เอ๊ยเพื่อน พวกเขาก็แค่นิสัยไม่ดีเท่านั้นเอง” “นายจะบ้าเรอะ” เพื่อนของผมแทบจะตวาดใส่ ผมสะดุ้ง เล็กน้อยเพราะเพื่อนคนนี้โกรธยากพอสมควรเลย “นี่นายไม่เคยดูหนังพวกซอมบี้รึไง ไอ้พวกนั้นน่ะ เราเรียกว่า ซอมบี้โว้ย!” โทมัสหน้าซีด เขาตัวสั่นพั่บๆไม่หยุด อืม...บางทีผมอาจจะเปิดแอร์แรงไป “นายจะเรียกพวกเขาว่าซอมบี้ได้ไง พวกเขายังดูดีมีชีวิตชีวา นะ” ผมว่า สายตาเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างด้านนอก จึงกวักมือ เรียกให้โทมัสมาดูด้วยกัน “ดูนั่น พวกเขากำลังเล่นวิ่งไล่จับกับอลิสัน ดาวชมรมเชียร์ลีดเดอร์อยู่เลย” โทมัสกุมขมับตัวเองอย ่างปวดใจ จากนั้น เขาพยายาม 12 vWalking Friend จะพูดอะไรบางอย่าง ซึ่งผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรนัก เขาหันมาทางผม พร้อมกับชี้มาที่แขนของตัวเอง “นายดูนี่” ผมเลื่อนสายตาไปยังจุดที่เขาชี้แล้วก็หัวใจหล่นวูบลงไปถึง ตาตุ่ม แขนของโทมัส...มีรอยเลือด เนื้อของเขาหลุดหายออกไปเลือด สดๆ พุ่งออกมาไม่หยุด “โทมัส ที่แท้นายก็ไม่ได้หนาว นายเสียเลือดเองหรอกเหรอ!” “ไม่ใช่ประเด็นนั้นโว้ย!” โทมัสตบกบาลผมเข้าไปหนึ่งเพียะ สาบานได้เลย มันเหมือนได้เจอหน้าพ่อแม่ที่จากไปเมื่อหลายปีก่อน ท่านทำหน้าเหมือนไม่ค่อยพอใจเหมือนเห็นผมฉี่รดที่นอน ทั้งที่โตแล้ว อา...แต่ผมก็ไม่ได้ฉี่รดที่นอนมานานแล้วนะจริงๆ นะ! “เอบิเกล นายต้องฟังฉันนะพวก”โทมัสจับไหล่ผม แววตาของ เขาดูจริงจังพอๆกับน้ำเสียง “โลกของเรามันจบสิ้นแล้วจากนี้ไป นาย จะต้องหาอาหารเอง” “หา! หาอาหารเอง?!” ผมอุทาน นี่ผมจะโดนโทมัสทิ้งแล้ว... อย่างนั้นเหรอ “ไม่เอาสิฉันเลิกฉี่ราดมานานแล้วนะ นายจะทิ้งฉันไป อีกเหรอ...” เท่านั้นแหละ เพื่อนสนิทตั้งแต ่เด็กของผม ก็ทำท ่าเหมือน อยากจะเอาหม้อต้มน้ำร้อนราดหัวผม เขาเปรยบ่อยมากเวลาผมทำ อะไรโง่ๆ ลงไปโดยที่ไม่รู้ตัว พร้อมบอกต่อว่า ‘ถ้าสมองของนายร้อน ขึ้น จะประมวลผลได้ดีขึ้นบ้างไหม’ 13 “เอบิเกล นายเป็นคนมองโลกในแง่ดีเกินไป” เขาตัดสินใจเข้ ราชานกฮูก า v เรื่องสำคัญของเขาต่อ เอื้อมมือบีบบ่าผมเบาๆ “จากนี้ไป นายต้อง ระวังพวกมัน ส่วนฉัน...ก็เหมือนกับคนที่ตายไปแล้ว ดังนั้น ก่อนที่ฉัน จะกลายเป็นซอมบี้ฉันจะไปให้ไกลจากนาย” “โทมัส ทำไมล่ะ...” ผมไม่ใช่ไม่รู้ความอะไรเลย จากที่เขาพูด แบบนี้แสดงว่าเขาเสียเลือดมากเพราะโดนพวกมันกัด และอีกไม่นาน โทมัสก็จะกลายไปเป็นเหมือนพวกมัน “ฉันไม่เข้าใจ” น้ำตาผมไหลลงมาจนได้อุตส่าห์กลั้นเอาไว้แท้ๆ ...คือเจ็บน ่ะ เมื่อกี้เพื่อนคนนี้มันดันตบกบาลผมแรงไปนิด ผมไปทำอะไรเขามา ทำไมต้องตบกบาลผมแรงขนาดนี้ด้วยไม่เข้าใจ! โทมัสยิ้ม ซึ่งผมมั่นใจว่าเขาต้องเข้าใจอะไรผิดสักอย่างแหง เพราะเขาดูมีความรู้สึกปนเปกันมาก “เอบิเกล นายจำเอาไว้ถึงแม้ตอนเด็กๆ ฉันเคยกัดนายเข้าทีนึง แต่ครั้งนี้ฉันจะไปให้ไกลที่สุด เพื่อที่จะได้มั่นใจว่าจะไม่กัดนายเหมือน คราวนั้น” ผมลืมบอกเพื่อนสมัยเด็กที่เคยกัดผม แล้วอีกหลายปีต่อมาก ลายเป็นสุดยอดอัจฉริยะก็คือโทมัสนี่แหละ เขาสั่งเสียผมหลายอย่างกำชับว่าอย่าตามเขาไป เขาไม่อยาก ให้ผมเห็นตอนเขากลายร่างเป็นซอมบี้กลายร่างเป็นแบบพวกมัน และ บอกต่อว่าไม่อยากให้ผมเป็นซอมบี้เหมือนที่เขากำลังจะเป็น ผมในเวลานั้นจิตใจแย่มาก โทมัสเดินออกจากห้อง ผมห้าม ใจตัวเองไม่ให้เปิดประตูแล้ววิ่งตามเขาไป แสดงให้เห็นว่าแม้ผมจะโง่ 14 vWalking Friend แต่ผมก็ว่านอนสอนง่าย เอาจริงๆ มันทนไม่ได้หรอก! แอ๊ด...ด ผมกระชากประตูอย่างแรงจนเกิดเสียง พุ่งตัวออกจากห้อง หันมองซ้ายขวา แล้วขอบสายตาก็เห็นเขาไปทางซ้ายมือ ทางนั้นเป็น บันไดเพื่อจะลงไปข้างล่าง โทมัสกำลังจากผมไป ขอบคุณสวรรค์เขายังไปได้ไม่ไกล ผมออกตัววิ่งในมือถือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปซองหนึ่ง ตั้งใจจะชวน เขามากินอาหารมือสุดท้ายด้วยกัน...แน่ล่ะ มันเป็นข้ออ้างโง่ๆ ผมแค่ ไม่อยากให้เขาไป “โทมัส!” ผมตะโกนเรียกชื่อเขา เขาหยุดเดินทันทีตัวสั่นไม่หยุด ยิ่งกว่ามือถือปิดเสียงแล้วมีคนโทรฯ เข้า “ไม่เห็นต้องร้องไห้ขนาดนั้น เลยถึงนายจะนิสัยเปลี่ยนไป แต่ยังไง นายก็เป็นเพื่อนของฉันนะโว้ย!” ผมเป็นคนใจกว้าง ต่อให้เพื่อนจะเปลี่ยนไปยังไง ผมรับเขาได้ แน่นอนอยู่แล้ว! หลังผมพูดจบ โทมัสก็ตัวสั่น...อุหวา เขาต้องร้องไห้ซาบซึ้ง ในน้ำใจผมแน่เลย แหงล่ะ ผมน่ะมีความใจกว้างแบบกินขาดเชียวนะ ไม่ว่าใครในโลกนี้ก็เทียบผมไม่ได้หรอก อ๊ะ เขาหยุดตัวสั่นสักทีสงสัยทำใจกลั้นน้ำตาได้แล้วมั้ง ผมจ้องเขา รู้สึกกระตือรือร้นขึ้นมาทันทีแบบนี้แสดงว ่า 15 เดี๋ยวต้องมีฉากที่เพื่อนต้องโผกอดเพื่อนด้วยความดีใจแน่ๆ ราชานกฮูก ถ้าเขาทำ v แบบนั้นจริง ผมจะรับเขาด้วยความเต็มใจเลยล่ะ! แต่เมื่อเห็นสภาพอีกฝ่ายตอนหันมา ผมรู้เลยว่าตัวเองคิดผิด เต็มประตู แววตาของโทมัสดูเลื่อนลอยเหมือนไม ่ใช ่คน เขาเห็นผม แล้วอ้าปากพร้อมขยับกรามขึ้นลง เสียงอู้อี้ในลำคอถูกส ่งออกมา คล้ายกับคนแก่เวลามีเสมหะ ต้องขากเสลดบ่อยๆ ร่างกายสั่นกระตุก คล้ายโดนไฟดูดผสมกับหนาวสั่น โทมัสกลายเป็นพวกมันไปแล้ว หลักฐานอีกอย่างคือท่าเดินคล้ายเท้าซ้ายและเท้าขวากำลัง ทะเลาะกันตลอดเวลา แต ่ก็ยังมีทิศทาง โทมัสรีบเดินมาทางผม... อย่างน้อยก็ดูรีบนะ แต่เดินไม่ตรงเอาเสียเลย ผมล่ะเป็นห่วง กลัวเขา จะล้มหกคะเมนไม่เป็นท่า ตอนนั้นคือผมกำลังร้องไห้คราวนี้ไม่ใช่เพราะเจ็บแผลจากการ โดนเขกกบาลอีกแล้ว เขา...จากผมไปแล้ว โทมัสคือเพื่อนในวัยเด็กซึ่งในตอนนั้น พวกเราถูกคุณครูขืนใจ แกมบังคับให้จับมือกัน ไม่ต้องถามว่าเรื่องไหนหรอกก็เรื่องที่เขากัดผม นั่นล่ะ แต่ก็ไม่เลว ตั้งแต่นั้นผมและเขาก็สนิทกันมาก บวกกับตลอดร้อยกว่าวันที่ผ่านมา ก็ได้โทมัสนี่แหละที่คอย สอนผม และช่วยให้ผมสามารถเอาตัวรอดได้ในยุคที่ซอมบี้ครองโลก ไม่อย่างนั้นผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะรอดมาได้ยังไง 16 vWalking Friend บอกตรงๆเขาฉลาดจนขนาดผมยังตกใจเลย แต่มันก็ไม่สำคัญแล้ว ต่อให้คนเราฉลาดแค่ไหน โดนพวกมัน กัดเข้าหนึ่งทีก็หมายถึงจุดจบในฐานะมนุษย์ ไม่รู้สิบางทีผมอาจจะไม่ค่อยมั่นใจเท่าไรนักว่าผมจะสามารถ อยู่ได้โดยไม่มีโทมัส จะว่ายังไงดีบะหมี่กึ่งสุกกึ่งดิบในห้องอาจจะแค่ ทำให้ผมอยู่รอดไปได้อีกสองสามสัปดาห์แล้วหลังจากนั้นล่ะ? ผมไม่มีทางหากินได้เองหรอกถ้าไม่เป็นพวกมันตามโทมัสไป ก็หิวตายจนศพเน่าเฟะในห้องแน่นอน เห็นบทสรุปแบบนี้ผมจึงปล่อยให้โทมัสวิ่งเข้ามากัดผมโดยไม่ คิดวิ่งหนีเลยสักนิด กร้วม! โทมัสกัดเข้าที่ต้นแขนด้านซ้ายของผม ซึ่งเป็นบริเวณเดียวกับ ที่เคยกัดตอนเด็ก แต่เอาจริงๆเจ็บกว่าตอนนั้นเยอะมากเหมือนมีอะไร อุ่นๆ เหนียวๆ ไหลลงมาด้วยแหละ...แต่ไม่เป็นไร ผมรู้ว่าเขาไม่ตั้งใจ ดังนั้น ผมไม่โกรธเขาหรอก เหตุการณ์นั้นทำให้ผมเข้าใจ ว่าผมควรจะเรียกพวกเขาว่า ‘พวกมัน’ ผมมั่นใจแล้ว ว่าความเป็นมนุษย์จะหมดลงไปอย่างสิ้นเชิง ทันทีที่เรากลายเป็นซอมบี้ โทมัสกัดผมไม่พอยังจะกระชากเนื้อของผมออกไปกินอีก มัน เจ็บมากเจ็บสุดๆ! เจ็บจนผมนำ้ตาแทบไหล เจ็บจนผมร้องอ๊ากออกมา ถึงเสียงจะสะท้อนไปทั้งทางเดิน ผมก็ไม่สนแล้ว! 17 นี่ผมเตรียมใจโดนกัดแล้วแท้ๆ แต่ใครมันจะไปคิดว่ ราชานกฮูก าอีกฝ่าย v จะกระชากเนื้อไหล่ผมหลุดด้วยล่ะ! เจ็บโคตรเลย! ผมกำลังจะหันไปโวยวายใส่เขา แต่ก็เห็นดวงตาของเขาลุกวาว ขึ้นมาเสียก่อน ก่อนที่เขาจะ... อ้วก! เขาอ้วกออกมาเยอะมาก มื้อที่แล้วต้องแอบกินไปเยอะกว่าผม แน่ๆ มันถึงออกมาเยอะขนาดนี้แน่นอนว่าผมทำใจไม่ได้ถึงแม้จะเจ็บ จนแทบบ้าและโดนโกงของกิน แต่ก็เดินเข้าไปลูบหลังเขา... “ขอโทษเพื่อน นายก็รู้ว่าฉันไม่ได้อาบน้ำมาหลายวันแล้ว” โทมัสเหมือนจะรังเกียจผมมาก แม้ว่าเขาจะกลายเป็นซอมบี้ ไปแล้ว แต่ผมมั่นใจเลยว่าใช่แน่นอนร้อยเปอร์เซนต์โดยเฉพาะเมื่อ เห็นเขาเดินหันหลังแล้ววิ่งไปในทางที่ผมหันหน้าไป จะเรียกว่าวิ่งก็ไม่ได้เอาเป็นเดินเร็วก็แล้วกัน... “โอ๊ย บ้าฉิบ กัดซะแรงเลย...” แต่ในตอนนั้นผมยังจำความเจ็บ ปวดนี้ได้ดีเลือดอุ่นๆ ไหลออกมาเยอะมาก เปียกชุ่มไปหมด ผมไม่มี ปัญญาจะไล่ตามเขาไปในสภาพนี้เลยกะว่าจะกลับห้องไปตั้งหลัก ในตอนนั้นเองที่ผมมาถึงห้อง ตัวมันร้อนไปหมด ความรู้สึกนี้ ค่อนข้างชัดเจน มันเหมือนกับเป็นไข้สูง ผมหอบหายใจ หนังตาหนัก ชะมัด สุดท้าย ผมก็ค่อยๆ มีสติน้อยลง นี่สินะ ที่เขาเรียกว่าเสียสติ ผมว่านี่เป็นอาการของคนที่กำลังจะเปลี่ยนเป็นซอมบี้นั่นล่ะ ผมไม่โกรธโทมัสหรอกเรื่องที่เขากัดผม เขาไม่เป็นตัวของตัวเองนี่นา 18 vWalking Friend ...แต่เรื่องโดนโกงของกินนี่โกรธแน่ๆ เอาเถอะ เอาเป็นว่าหลังจากนั้น ผมก็หลับไปราวๆ สามวันได้ ผมไม่มั่นใจเท่าไหร่ เอาเป็นว่าในที่สุดผมก็ตื่นขึ้นมา หัว...มันปวดมากๆถ้าให้อธิบาย มันเหมือนกับว่ามีรถบรรทุก พุ่งเข้าใส่สมองตรงๆ ผมดิ้นไปมาอยู่เป็นวันๆ แล้วเมื่อแสงแรกของวัน ถัดไปมาถึงอาการทั้งหมด... มันก็หายไป คือหัวมันโล่งมากๆเหมือนกับเพิ่งจะตื่นขึ้นมาหลังจากนอนไป มากกว่ายี่สิบสี่ชั่วโมง ผมมองเห็นอะไรชัดขึ้น นั่นล่ะ คือสิ่งที่ผมรู้สึกได้ ผมพบว่าตัวเองยังปกติดีตอนที่ส่องกระจกในห้องน้ำ คือต่อให้ผมไม่ค่อยฉลาด หรือคนแถวบ้านอาจจะเรียกว่าโง่ แต่ผมก็แยกแยะได้ถ้าเป็นซอมบี้แววตาต้องลอยๆเหมือนคนเมากาว ต้องเดินช้าๆกะโผลกกะเผลกเหมือนขาสองข้างทะเลาะกัน แถมเวลา เห็นมนุษย์ต้องอยากกระโดดเข้าไปงับ แต่ผมไม่มีอาการพวกนี้เลยสัก อย่าง ผมตาใสกิ๊งมากข้อนี้นี่ผ่าน ผมเดินหรือวิ่งได้นี่ก็ผ่าน ส่วนเรื่อง กัดมนุษย์ผมทดสอบแล้ว ผ่านแน่นอน ทดสอบยังไงน่ะเหรอ ก็...ผมลองมองไปที่นิตยสารสำหรับผู้ชาย หน้าปกมีหญิงสาว สวยหุ่นเซ็กซี่สุดๆในชุดว่ายนำ้ตัวจิ๋ว ผมจ้องอยู่ครู่หนึ่งก็ไม่รู้สึกว่าอยาก จะกัดเท่าไรอยากทำอย่างอื่นมากกว่า ผมคิดว่าตัวเองไม่น่าจะเป็นซอมบี้หรอกนะ 19 บางทีก็สงสัยนะว่าเซลล์สมองผมมีน้อยเกินกว่าที่ไวรัสจะเข้ ราชานกฮูก า v ครอบงำหรือเปล่า... โชคร้าย ตอนนั้นมีซอมบี้เดินผ่านหน้าห้องผมพอดี คนๆ นี้คือใครผมก็ไม่รู้จัก แต่น่าจะเป็นนักศึกษาแบบผมนั่น ล่ะ เขาเป็นซอมบี้ไปแล้ว สภาพของเขาน่ากลัวมาก แขนขาด ใบหน้า เริ่มเน่า ไส้ไหลออกมาเป็นทางยาว ดูท่าก่อนที่เขาจะกลายเป็นซอมบี้ คงถูกโดยซอมบี้ตัวอื่นๆกินไปเยอะน่าดู ผมกลัวแทบแย่ เหมือนเขาจะเห็นผม เขาเดินเข้ามาทันที หนึ่งก้าว สองก้าว สามก้าว ผมตัวแข็งทื่อจนสั่นยังสั่นไม่ออก เหงื่อผุดขึ้นมาไปหมด ฟันกระทบกันยิ่งกว่าวัวเคี้ยวหญ้า นี่คือประสบการณ์การพบปะทักทายแบบถึงเนื้อถึงตัวกับ ซอมบี้ที่สยองที่สุดในตลอดชีวิตของผม ที่ผ่านๆ มา ผมเคยเจอน่ากลัว สุดก็แค่มีแผลสามแผลเท่านั้นเอง โดนกัดอีกแหง! ขอไม่โดนกัดแล้วกระชากเนื้อหลุดรอบสอง แล้วนะขอร้องล่ะ! ทว่า ซอมบี้ตัวนี้ก็เดินเลยผมไป ราวกับไม ่เห็นผมอยู ่ใน สายตา... นี่สินะ ที่เขาเรียกว่าถูกมองข้าม... มันเดินออกจากห้องไปในที่สุด ผมรีบถอนหายใจโล่งอก รู้สึก กลัวแทบแย่ พอขยับตัวได้ก็รีบวิ่งเข้าไปปิดประตูทันที ก็นั่นล่ะอย่างที่ผมได้บอกเอาไว้จวบจนตอนนี้ผมก็ยังงงๆ 20 vWalking Friend แต่ก็นั่นล่ะ ผมยังยืนยันคำพูดเดิม ผมน่ะ เคยถูกพวกมันกัดเข้าให้แล้ว!

รายละเอียด

ผมน่ะ เคยถูกพวกมันกัดเข้าให้แล้ว! แต่ก่อนอื่น ผมต้องพูดเรื่องนี้เสียก่อน มันสำคัญมาก เพราะ เป็นต้นเหตุของเหตุการณ์โกลาหลพวกนี้ ต้นไม้เลือด ที่ได้ชื่อนี้เพราะว่าลำต้นของมันจะหลั่งของเหลวสีแดงคล้าย เลือดออกมาตลอดเวลา ขนาดของมันเล็กพอๆ กับตึกสามสิบชั้น ซึ่ง ทะลุพื้นคอนกรีตขึ้นมาในใจกลางเมือง ผมดูจากข่าว และได้ยินว่ามี ต้นไม้แบบนี้เกิดขึ้นทั่วโลกในวันและเวลาเดียวกัน ในตอนที่ต้นไม้เลือดทะลุจากพื้นและเติบโตขึ้น นักข ่าว พูดเอาไว้ว่ามันได้ปล ่อยละอองสีแดงสดจำนวนมหาศาล และผล ที่ตามมา ก็คือจุดเริ่มต้นของสิ่งมีชีวิตอย่าง ‘มัน’ บทนำ� 8 vWalking Friend และก็อย่างที่บอก ผมน่ะ เคยถูกมันกัดเข้าให้แล้ว ที่ว่า ‘มัน’ น่ะเราไม่ได้กำลังหมายถึงสัตว์จำพวกสุนัข แมวยุงงู หรือว่ายีราฟหรอกนะ...แต่เอ๊ะยีราฟก็กัดเป็นด้วยเหรอ คิดแล้วก็สงสัย อยากจะวิ่งไปให้มันกัดสักทีสองทีบ้างจะได้รู้ว่ามันกัดได้จริงรึเปล่า อะไรนะ ผมไม่ควรจะนอกเรื่อง? เข้าใจแล้ว ตรงนั้นผมผิดเองกลับมาที่เดิมก่อน พวกมันที่ผมหมายถึง...จะว่ายังไงดีล่ะเรียกว่า ‘ซอมบี้’ ดีไหม แบบว่าอะไรก็ตามที่‘เคย’ เป็นมนุษย์มาก่อนพอตายแล้วดันตายไม่จริง อยู่ๆ ก็ยืนขึ้นมาเฉยเลย! นอกจากนี้ยังชอบทำตาขวาง เหมือนว่าใคร ก็ตาม ล้วนบ่มเพาะความแค้นมิอาจอยู่ร่วมโลกเดียวกันได้สุดท้าย จะรีบเดินเข้ามาหาคุณเท่าที่สังขารมันจะอำนวยซึ่งก็ถือว่าว่องไว...มั้ง เอ่อ ไม่รู้สิอันที่จริงผมไม่อยากเติมคำว่ามั้งเข้าไปเลย มันดู เสียความน่ากลัวไปยังไงก็ไม่รู้ คือเอาจริงๆ นะ ท่าทีของพวกเขาก็ดูโกรธแค้นอยู่หรอก แต่ไหง กลับค่อยๆ เดินเข้ามาหาซะอย่างนั้น แถมยังเซไปเซมาเหมือนคนเมา วอดก้าอีกต่างหากเพราะงั้นมันก็เลยค่อนไปทางช้ามากกว่า ซึ่งถ้ามันจบแค่นั้น พวกเขาก็ยังนับว่าเป็นคนที่น่ารักอยู่หรอก แต่ให้ตาย ปัญหาของพวกเขาคือหิวตลอดเวลา และก็ไม่ยอมที่จะกิน อาหารแบบคนทั่วไปเสียด้วย ทำไมพวกเขาไม่กินอาหารแบบคนทั่วๆไปน่ะเหรอ... ผมก็ไม่รู้นะ อันนี้ค่อนข้างซีเรียส แต่ก็ไม่ค่อยมีอารมณ์ไป หาคำตอบนักหรอก เพราะว่าพวกเขาช่างไม่น่ารักเอาซะเลย มีที่ไหน 9 หิวจนหันมากินคนกันเอง ราชานกฮูก v ใช่... ผมหมายถึง หันมากินคนกันเองนั่นล่ะ แบบว่ากัดเข้าไป คำนึง เคี้ยวบ้างไม่เคี้ยวบ้างกลืนเข้าไปเลย เรื่องที่แย่ที่สุดคือ ไอ้นิสัยเสียๆ อย่าง ‘หันมากินคนกันเอง’ นี่ ดันสามารถถ่ายทอดได้เสียด้วย พระเจ้า! ทำไมนิสัยดีๆ ไม่สามารถ ถ ่ายทอดผ่านการกัดแบบนี้ได้กันนะ! ตอนเด็กๆ ผมเคยถูกเพื่อน คนหนึ่งกัดเข้าให้ที่แขน ต่อมาอีกสิบปีเพื่อนคนนั้นกลายเป็นเป็น อัจฉริยะระดับสุดยอด ไอคิวกว่า 220 แน่ะ ถ้าเรื่องดีๆถ่ายทอดได้เหมือนนิสัยนั่น ผมคงไม่ถูกใครๆ ด่าว่า เป็นไอ้ทึ่มแบบนี้หรอก แต่ว่าไปเถอะ ผมเป็นคนใจกว้าง ไม่ใส่ใจเรื่องในสมัยเด็กๆ เท่าไหร่หรอก ต่อนะ คือแบบว่า... ไม่รู้สิผมก็เล่าเรื่องไม่ค่อยจะเก่งสักเท่าไร แต่ พวกเขากัดกันต่อไปเรื่อยๆ เหมือนกับอยากส่งต่อความสำเร็จในชีวิต (และขอย้ำอีกครั้ง ถ้าความฉลาดส่งต่อกันได้แบบนี้บ้างก็ดีสิ) เผลอ แป๊บเดียว คนทั้งเมืองก็กลายเป็นคนนิสัยเหมือนกันไปจนหมด แต่มีวันหนึ่ง ที่ผมเปลี่ยนจากเรียก‘พวกเขา’ เป็น ‘พวกมัน’ วันนั้นผมได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่าง อย่างแรก‘พวกมัน’ ไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้ว... เรื่องมันเกิดขึ้นหลังจากการแพร่ระบาดของละอองสีแดง ที่มาพร้อมต้นไม้เลือดนั่น ซึ่งต่อมาถูกระบุว่าเป็นไวรัสชนิดหนึ่ง... อ๊ะ 10 vWalking Friend ผมไม่ได้เป็นค้นพบเรื่องไวรัสอะไรแบบนั้นหรอกฟังมาจากข่าวอีกทีน่ะ ไวรัสนี้ทำให้คนกลายเป็นซอมบี้แต ่ก็ยังโชคดีที่ไม ่ได้แพร ่ ในอากาศเข้มข้นอะไรมาก คือต่อให้มีแผล พวกเราก็จะไม่เปลี่ยนเป็น แบบพวกมัน ตราบใดที่ ‘เรื่องบังเอิญ’ ไม่ได้เกิดขึ้น เรื่องบังเอิญคืออะไรน่ะเหรอ? มันก็มีหลากหลายความหมายล่ะนะ ผมอาจจะเป็นคนที่ อุปมาอุปไมยได้ไม ่ค ่อยดีเท ่าไรนัก ในกรณีนี้เรื่องบังเอิญมันก็คือ การที่เราอาจจะล้มลง แล้วก็บังเอิญมีอะไรแหลมๆ อย่างเช่น อ่า... อาจจะเป็นจอบ ขวาน หรือ หรืออาจจะเป็นหินที่มีมุมแหลมๆ วางอยู่ ที่พื้นอะไรแบบนี้ซึ่งแน่นอน จอบ หรือขวาน ต้องบังเอิญวางเอาไว้ใน มุมพอดิบพอดีที่ ตัวเราจะล้มลงไป แล้วแทงเข้าที่ตัวเราเป๊ะๆ เลยน่ะ นะ นั่นล่ะ เราก็จะ...ตายนั่นเอง พอเราตาย ไวรัสมันก็จะเข้าไปควบคุมสมองแทนเรา คราวนี้ แหละ เราก็จะกลายเป็นพวกมัน คำถามคือ ตกลงวันนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่วะเนี่ย! โอเค ผมยอมรับ ว่าเป็นคนที่ค่อนข้างจะเล่าเรื่องไม่ค่อยจะเก่ง แต่ผมให้คำปฏิญาณ ซึ่งตอนนี้ผมกำลังชูสามนิ้วอยู่ ผมสัญญา ว่าจะ พยายามเล่าให้ฟังจนจบให้ได้ ซึ่งแน่นอน มันจะต้องรู้เรื่องด้วย วันนั้นเป็นวันที่หนึ่งร้อยกว่าๆ ของหลังวันสิ้นโลก ผมเรียก แบบนั้นแหละ คือวันนั้นน่ะ ผมกับเพื่อนของผม โทมัส ได้พยายามที่จะ 11 ออกจากหอพักนักศึกษา เพื่อจะไปมินิมาร์ทหน้ามหาวิทยาลัย ราชานกฮูก เพราะ v บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่เราบังเอิญจับฉลากได้มาสิบกว่าลัง ดันหมดจนได้ ตอนลงไปที่มินิมาร์ทล ่ะสนุกน ่าดู พวกมันไม ่รู้มาจากไหน เยอะแยะพุ่งเข้ามาจะกัดผมกับเพื่อนเสียให้ได้พวกเราวิ่งกันจ้าละหวั่น เลยทีเดียว สุดท้าย พวกเราก็รอด ผมและเพื่อนกลับมาถึงห้อง พร้อมกับ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอีกสองห่อใหญ่ เสียอย่างเดียวคือ มันดันเป็นรสซุป กุ้งทะเล ซึ่ง... ผมดันแพ้กุ้งนิดๆเสียด้วยสิ “เอบิเกล เมื่อไรนายจะเลิกเรียกพวกมันว่าพวกเขาซะทีวะ” โทมัสหัวเสียเสียงของเขาดูหงุดหงิดมาก อ้อ ดูเหมือนผมจะลืมบอกเอบิเกลน่ะชื่อผมเอง “โธ่เอ๊ยเพื่อน พวกเขาก็แค่นิสัยไม่ดีเท่านั้นเอง” “นายจะบ้าเรอะ” เพื่อนของผมแทบจะตวาดใส่ ผมสะดุ้ง เล็กน้อยเพราะเพื่อนคนนี้โกรธยากพอสมควรเลย “นี่นายไม่เคยดูหนังพวกซอมบี้รึไง ไอ้พวกนั้นน่ะ เราเรียกว่า ซอมบี้โว้ย!” โทมัสหน้าซีด เขาตัวสั่นพั่บๆไม่หยุด อืม...บางทีผมอาจจะเปิดแอร์แรงไป “นายจะเรียกพวกเขาว่าซอมบี้ได้ไง พวกเขายังดูดีมีชีวิตชีวา นะ” ผมว่า สายตาเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างด้านนอก จึงกวักมือ เรียกให้โทมัสมาดูด้วยกัน “ดูนั่น พวกเขากำลังเล่นวิ่งไล่จับกับอลิสัน ดาวชมรมเชียร์ลีดเดอร์อยู่เลย” โทมัสกุมขมับตัวเองอย ่างปวดใจ จากนั้น เขาพยายาม 12 vWalking Friend จะพูดอะไรบางอย่าง ซึ่งผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรนัก เขาหันมาทางผม พร้อมกับชี้มาที่แขนของตัวเอง “นายดูนี่” ผมเลื่อนสายตาไปยังจุดที่เขาชี้แล้วก็หัวใจหล่นวูบลงไปถึง ตาตุ่ม แขนของโทมัส...มีรอยเลือด เนื้อของเขาหลุดหายออกไปเลือด สดๆ พุ่งออกมาไม่หยุด “โทมัส ที่แท้นายก็ไม่ได้หนาว นายเสียเลือดเองหรอกเหรอ!” “ไม่ใช่ประเด็นนั้นโว้ย!” โทมัสตบกบาลผมเข้าไปหนึ่งเพียะ สาบานได้เลย มันเหมือนได้เจอหน้าพ่อแม่ที่จากไปเมื่อหลายปีก่อน ท่านทำหน้าเหมือนไม่ค่อยพอใจเหมือนเห็นผมฉี่รดที่นอน ทั้งที่โตแล้ว อา...แต่ผมก็ไม่ได้ฉี่รดที่นอนมานานแล้วนะจริงๆ นะ! “เอบิเกล นายต้องฟังฉันนะพวก”โทมัสจับไหล่ผม แววตาของ เขาดูจริงจังพอๆกับน้ำเสียง “โลกของเรามันจบสิ้นแล้วจากนี้ไป นาย จะต้องหาอาหารเอง” “หา! หาอาหารเอง?!” ผมอุทาน นี่ผมจะโดนโทมัสทิ้งแล้ว... อย่างนั้นเหรอ “ไม่เอาสิฉันเลิกฉี่ราดมานานแล้วนะ นายจะทิ้งฉันไป อีกเหรอ...” เท่านั้นแหละ เพื่อนสนิทตั้งแต ่เด็กของผม ก็ทำท ่าเหมือน อยากจะเอาหม้อต้มน้ำร้อนราดหัวผม เขาเปรยบ่อยมากเวลาผมทำ อะไรโง่ๆ ลงไปโดยที่ไม่รู้ตัว พร้อมบอกต่อว่า ‘ถ้าสมองของนายร้อน ขึ้น จะประมวลผลได้ดีขึ้นบ้างไหม’ 13 “เอบิเกล นายเป็นคนมองโลกในแง่ดีเกินไป” เขาตัดสินใจเข้ ราชานกฮูก า v เรื่องสำคัญของเขาต่อ เอื้อมมือบีบบ่าผมเบาๆ “จากนี้ไป นายต้อง ระวังพวกมัน ส่วนฉัน...ก็เหมือนกับคนที่ตายไปแล้ว ดังนั้น ก่อนที่ฉัน จะกลายเป็นซอมบี้ฉันจะไปให้ไกลจากนาย” “โทมัส ทำไมล่ะ...” ผมไม่ใช่ไม่รู้ความอะไรเลย จากที่เขาพูด แบบนี้แสดงว่าเขาเสียเลือดมากเพราะโดนพวกมันกัด และอีกไม่นาน โทมัสก็จะกลายไปเป็นเหมือนพวกมัน “ฉันไม่เข้าใจ” น้ำตาผมไหลลงมาจนได้อุตส่าห์กลั้นเอาไว้แท้ๆ ...คือเจ็บน ่ะ เมื่อกี้เพื่อนคนนี้มันดันตบกบาลผมแรงไปนิด ผมไปทำอะไรเขามา ทำไมต้องตบกบาลผมแรงขนาดนี้ด้วยไม่เข้าใจ! โทมัสยิ้ม ซึ่งผมมั่นใจว่าเขาต้องเข้าใจอะไรผิดสักอย่างแหง เพราะเขาดูมีความรู้สึกปนเปกันมาก “เอบิเกล นายจำเอาไว้ถึงแม้ตอนเด็กๆ ฉันเคยกัดนายเข้าทีนึง แต่ครั้งนี้ฉันจะไปให้ไกลที่สุด เพื่อที่จะได้มั่นใจว่าจะไม่กัดนายเหมือน คราวนั้น” ผมลืมบอกเพื่อนสมัยเด็กที่เคยกัดผม แล้วอีกหลายปีต่อมาก ลายเป็นสุดยอดอัจฉริยะก็คือโทมัสนี่แหละ เขาสั่งเสียผมหลายอย่างกำชับว่าอย่าตามเขาไป เขาไม่อยาก ให้ผมเห็นตอนเขากลายร่างเป็นซอมบี้กลายร่างเป็นแบบพวกมัน และ บอกต่อว่าไม่อยากให้ผมเป็นซอมบี้เหมือนที่เขากำลังจะเป็น ผมในเวลานั้นจิตใจแย่มาก โทมัสเดินออกจากห้อง ผมห้าม ใจตัวเองไม่ให้เปิดประตูแล้ววิ่งตามเขาไป แสดงให้เห็นว่าแม้ผมจะโง่ 14 vWalking Friend แต่ผมก็ว่านอนสอนง่าย เอาจริงๆ มันทนไม่ได้หรอก! แอ๊ด...ด ผมกระชากประตูอย่างแรงจนเกิดเสียง พุ่งตัวออกจากห้อง หันมองซ้ายขวา แล้วขอบสายตาก็เห็นเขาไปทางซ้ายมือ ทางนั้นเป็น บันไดเพื่อจะลงไปข้างล่าง โทมัสกำลังจากผมไป ขอบคุณสวรรค์เขายังไปได้ไม่ไกล ผมออกตัววิ่งในมือถือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปซองหนึ่ง ตั้งใจจะชวน เขามากินอาหารมือสุดท้ายด้วยกัน...แน่ล่ะ มันเป็นข้ออ้างโง่ๆ ผมแค่ ไม่อยากให้เขาไป “โทมัส!” ผมตะโกนเรียกชื่อเขา เขาหยุดเดินทันทีตัวสั่นไม่หยุด ยิ่งกว่ามือถือปิดเสียงแล้วมีคนโทรฯ เข้า “ไม่เห็นต้องร้องไห้ขนาดนั้น เลยถึงนายจะนิสัยเปลี่ยนไป แต่ยังไง นายก็เป็นเพื่อนของฉันนะโว้ย!” ผมเป็นคนใจกว้าง ต่อให้เพื่อนจะเปลี่ยนไปยังไง ผมรับเขาได้ แน่นอนอยู่แล้ว! หลังผมพูดจบ โทมัสก็ตัวสั่น...อุหวา เขาต้องร้องไห้ซาบซึ้ง ในน้ำใจผมแน่เลย แหงล่ะ ผมน่ะมีความใจกว้างแบบกินขาดเชียวนะ ไม่ว่าใครในโลกนี้ก็เทียบผมไม่ได้หรอก อ๊ะ เขาหยุดตัวสั่นสักทีสงสัยทำใจกลั้นน้ำตาได้แล้วมั้ง ผมจ้องเขา รู้สึกกระตือรือร้นขึ้นมาทันทีแบบนี้แสดงว ่า 15 เดี๋ยวต้องมีฉากที่เพื่อนต้องโผกอดเพื่อนด้วยความดีใจแน่ๆ ราชานกฮูก ถ้าเขาทำ v แบบนั้นจริง ผมจะรับเขาด้วยความเต็มใจเลยล่ะ! แต่เมื่อเห็นสภาพอีกฝ่ายตอนหันมา ผมรู้เลยว่าตัวเองคิดผิด เต็มประตู แววตาของโทมัสดูเลื่อนลอยเหมือนไม ่ใช ่คน เขาเห็นผม แล้วอ้าปากพร้อมขยับกรามขึ้นลง เสียงอู้อี้ในลำคอถูกส ่งออกมา คล้ายกับคนแก่เวลามีเสมหะ ต้องขากเสลดบ่อยๆ ร่างกายสั่นกระตุก คล้ายโดนไฟดูดผสมกับหนาวสั่น โทมัสกลายเป็นพวกมันไปแล้ว หลักฐานอีกอย่างคือท่าเดินคล้ายเท้าซ้ายและเท้าขวากำลัง ทะเลาะกันตลอดเวลา แต ่ก็ยังมีทิศทาง โทมัสรีบเดินมาทางผม... อย่างน้อยก็ดูรีบนะ แต่เดินไม่ตรงเอาเสียเลย ผมล่ะเป็นห่วง กลัวเขา จะล้มหกคะเมนไม่เป็นท่า ตอนนั้นคือผมกำลังร้องไห้คราวนี้ไม่ใช่เพราะเจ็บแผลจากการ โดนเขกกบาลอีกแล้ว เขา...จากผมไปแล้ว โทมัสคือเพื่อนในวัยเด็กซึ่งในตอนนั้น พวกเราถูกคุณครูขืนใจ แกมบังคับให้จับมือกัน ไม่ต้องถามว่าเรื่องไหนหรอกก็เรื่องที่เขากัดผม นั่นล่ะ แต่ก็ไม่เลว ตั้งแต่นั้นผมและเขาก็สนิทกันมาก บวกกับตลอดร้อยกว่าวันที่ผ่านมา ก็ได้โทมัสนี่แหละที่คอย สอนผม และช่วยให้ผมสามารถเอาตัวรอดได้ในยุคที่ซอมบี้ครองโลก ไม่อย่างนั้นผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะรอดมาได้ยังไง 16 vWalking Friend บอกตรงๆเขาฉลาดจนขนาดผมยังตกใจเลย แต่มันก็ไม่สำคัญแล้ว ต่อให้คนเราฉลาดแค่ไหน โดนพวกมัน กัดเข้าหนึ่งทีก็หมายถึงจุดจบในฐานะมนุษย์ ไม่รู้สิบางทีผมอาจจะไม่ค่อยมั่นใจเท่าไรนักว่าผมจะสามารถ อยู่ได้โดยไม่มีโทมัส จะว่ายังไงดีบะหมี่กึ่งสุกกึ่งดิบในห้องอาจจะแค่ ทำให้ผมอยู่รอดไปได้อีกสองสามสัปดาห์แล้วหลังจากนั้นล่ะ? ผมไม่มีทางหากินได้เองหรอกถ้าไม่เป็นพวกมันตามโทมัสไป ก็หิวตายจนศพเน่าเฟะในห้องแน่นอน เห็นบทสรุปแบบนี้ผมจึงปล่อยให้โทมัสวิ่งเข้ามากัดผมโดยไม่ คิดวิ่งหนีเลยสักนิด กร้วม! โทมัสกัดเข้าที่ต้นแขนด้านซ้ายของผม ซึ่งเป็นบริเวณเดียวกับ ที่เคยกัดตอนเด็ก แต่เอาจริงๆเจ็บกว่าตอนนั้นเยอะมากเหมือนมีอะไร อุ่นๆ เหนียวๆ ไหลลงมาด้วยแหละ...แต่ไม่เป็นไร ผมรู้ว่าเขาไม่ตั้งใจ ดังนั้น ผมไม่โกรธเขาหรอก เหตุการณ์นั้นทำให้ผมเข้าใจ ว่าผมควรจะเรียกพวกเขาว่า ‘พวกมัน’ ผมมั่นใจแล้ว ว่าความเป็นมนุษย์จะหมดลงไปอย่างสิ้นเชิง ทันทีที่เรากลายเป็นซอมบี้ โทมัสกัดผมไม่พอยังจะกระชากเนื้อของผมออกไปกินอีก มัน เจ็บมากเจ็บสุดๆ! เจ็บจนผมนำ้ตาแทบไหล เจ็บจนผมร้องอ๊ากออกมา ถึงเสียงจะสะท้อนไปทั้งทางเดิน ผมก็ไม่สนแล้ว! 17 นี่ผมเตรียมใจโดนกัดแล้วแท้ๆ แต่ใครมันจะไปคิดว่ ราชานกฮูก าอีกฝ่าย v จะกระชากเนื้อไหล่ผมหลุดด้วยล่ะ! เจ็บโคตรเลย! ผมกำลังจะหันไปโวยวายใส่เขา แต่ก็เห็นดวงตาของเขาลุกวาว ขึ้นมาเสียก่อน ก่อนที่เขาจะ... อ้วก! เขาอ้วกออกมาเยอะมาก มื้อที่แล้วต้องแอบกินไปเยอะกว่าผม แน่ๆ มันถึงออกมาเยอะขนาดนี้แน่นอนว่าผมทำใจไม่ได้ถึงแม้จะเจ็บ จนแทบบ้าและโดนโกงของกิน แต่ก็เดินเข้าไปลูบหลังเขา... “ขอโทษเพื่อน นายก็รู้ว่าฉันไม่ได้อาบน้ำมาหลายวันแล้ว” โทมัสเหมือนจะรังเกียจผมมาก แม้ว่าเขาจะกลายเป็นซอมบี้ ไปแล้ว แต่ผมมั่นใจเลยว่าใช่แน่นอนร้อยเปอร์เซนต์โดยเฉพาะเมื่อ เห็นเขาเดินหันหลังแล้ววิ่งไปในทางที่ผมหันหน้าไป จะเรียกว่าวิ่งก็ไม่ได้เอาเป็นเดินเร็วก็แล้วกัน... “โอ๊ย บ้าฉิบ กัดซะแรงเลย...” แต่ในตอนนั้นผมยังจำความเจ็บ ปวดนี้ได้ดีเลือดอุ่นๆ ไหลออกมาเยอะมาก เปียกชุ่มไปหมด ผมไม่มี ปัญญาจะไล่ตามเขาไปในสภาพนี้เลยกะว่าจะกลับห้องไปตั้งหลัก ในตอนนั้นเองที่ผมมาถึงห้อง ตัวมันร้อนไปหมด ความรู้สึกนี้ ค่อนข้างชัดเจน มันเหมือนกับเป็นไข้สูง ผมหอบหายใจ หนังตาหนัก ชะมัด สุดท้าย ผมก็ค่อยๆ มีสติน้อยลง นี่สินะ ที่เขาเรียกว่าเสียสติ ผมว่านี่เป็นอาการของคนที่กำลังจะเปลี่ยนเป็นซอมบี้นั่นล่ะ ผมไม่โกรธโทมัสหรอกเรื่องที่เขากัดผม เขาไม่เป็นตัวของตัวเองนี่นา 18 vWalking Friend ...แต่เรื่องโดนโกงของกินนี่โกรธแน่ๆ เอาเถอะ เอาเป็นว่าหลังจากนั้น ผมก็หลับไปราวๆ สามวันได้ ผมไม่มั่นใจเท่าไหร่ เอาเป็นว่าในที่สุดผมก็ตื่นขึ้นมา หัว...มันปวดมากๆถ้าให้อธิบาย มันเหมือนกับว่ามีรถบรรทุก พุ่งเข้าใส่สมองตรงๆ ผมดิ้นไปมาอยู่เป็นวันๆ แล้วเมื่อแสงแรกของวัน ถัดไปมาถึงอาการทั้งหมด... มันก็หายไป คือหัวมันโล่งมากๆเหมือนกับเพิ่งจะตื่นขึ้นมาหลังจากนอนไป มากกว่ายี่สิบสี่ชั่วโมง ผมมองเห็นอะไรชัดขึ้น นั่นล่ะ คือสิ่งที่ผมรู้สึกได้ ผมพบว่าตัวเองยังปกติดีตอนที่ส่องกระจกในห้องน้ำ คือต่อให้ผมไม่ค่อยฉลาด หรือคนแถวบ้านอาจจะเรียกว่าโง่ แต่ผมก็แยกแยะได้ถ้าเป็นซอมบี้แววตาต้องลอยๆเหมือนคนเมากาว ต้องเดินช้าๆกะโผลกกะเผลกเหมือนขาสองข้างทะเลาะกัน แถมเวลา เห็นมนุษย์ต้องอยากกระโดดเข้าไปงับ แต่ผมไม่มีอาการพวกนี้เลยสัก อย่าง ผมตาใสกิ๊งมากข้อนี้นี่ผ่าน ผมเดินหรือวิ่งได้นี่ก็ผ่าน ส่วนเรื่อง กัดมนุษย์ผมทดสอบแล้ว ผ่านแน่นอน ทดสอบยังไงน่ะเหรอ ก็...ผมลองมองไปที่นิตยสารสำหรับผู้ชาย หน้าปกมีหญิงสาว สวยหุ่นเซ็กซี่สุดๆในชุดว่ายนำ้ตัวจิ๋ว ผมจ้องอยู่ครู่หนึ่งก็ไม่รู้สึกว่าอยาก จะกัดเท่าไรอยากทำอย่างอื่นมากกว่า ผมคิดว่าตัวเองไม่น่าจะเป็นซอมบี้หรอกนะ 19 บางทีก็สงสัยนะว่าเซลล์สมองผมมีน้อยเกินกว่าที่ไวรัสจะเข้ ราชานกฮูก า v ครอบงำหรือเปล่า... โชคร้าย ตอนนั้นมีซอมบี้เดินผ่านหน้าห้องผมพอดี คนๆ นี้คือใครผมก็ไม่รู้จัก แต่น่าจะเป็นนักศึกษาแบบผมนั่น ล่ะ เขาเป็นซอมบี้ไปแล้ว สภาพของเขาน่ากลัวมาก แขนขาด ใบหน้า เริ่มเน่า ไส้ไหลออกมาเป็นทางยาว ดูท่าก่อนที่เขาจะกลายเป็นซอมบี้ คงถูกโดยซอมบี้ตัวอื่นๆกินไปเยอะน่าดู ผมกลัวแทบแย่ เหมือนเขาจะเห็นผม เขาเดินเข้ามาทันที หนึ่งก้าว สองก้าว สามก้าว ผมตัวแข็งทื่อจนสั่นยังสั่นไม่ออก เหงื่อผุดขึ้นมาไปหมด ฟันกระทบกันยิ่งกว่าวัวเคี้ยวหญ้า นี่คือประสบการณ์การพบปะทักทายแบบถึงเนื้อถึงตัวกับ ซอมบี้ที่สยองที่สุดในตลอดชีวิตของผม ที่ผ่านๆ มา ผมเคยเจอน่ากลัว สุดก็แค่มีแผลสามแผลเท่านั้นเอง โดนกัดอีกแหง! ขอไม่โดนกัดแล้วกระชากเนื้อหลุดรอบสอง แล้วนะขอร้องล่ะ! ทว่า ซอมบี้ตัวนี้ก็เดินเลยผมไป ราวกับไม ่เห็นผมอยู ่ใน สายตา... นี่สินะ ที่เขาเรียกว่าถูกมองข้าม... มันเดินออกจากห้องไปในที่สุด ผมรีบถอนหายใจโล่งอก รู้สึก กลัวแทบแย่ พอขยับตัวได้ก็รีบวิ่งเข้าไปปิดประตูทันที ก็นั่นล่ะอย่างที่ผมได้บอกเอาไว้จวบจนตอนนี้ผมก็ยังงงๆ 20 vWalking Friend แต่ก็นั่นล่ะ ผมยังยืนยันคำพูดเดิม ผมน่ะ เคยถูกพวกมันกัดเข้าให้แล้ว!


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (2 รายการ)

www.batorastore.com © 2024