ภูติสาวสื่อรัก (เพ็ญศิริ)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: -
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 150.00 บาท 37.50 บาท
ประหยัด: 112.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

บทที่ 1 โดย เพ็ญศิริ (และแล้วก็ได้เวลาใช้หนี้สินเสียที)

          นิวหรรษาคาเฟ่

          ลินินก้าวเท้าผ่านประตูไม้อัดเข้ามาในห้องสี่เหลี่ยมขนาดไม่กว้างขวางนัก  ภายในห้องนี้มีอุปกรณ์เครื่องใช้ไม้สอยสำหรับสาวโสดที่เข้ามาแต่ตัวพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าหนึ่งใบอาศัยอยู่ได้อย่างสะดวกสบายพอสมควร  นับจากเตียงนอนขนาดย่อมตั้งติดผนังห้อง พร้อมหมอน ผ้าห่ม ตู้ไม้บรรจุเสื้อผ้าของใช้ส่วนตัว โต๊ะเครื่องแป้งแม้จะดูเก่ามากไปหน่อยแต่ก็ยังดีที่มีให้ใช้ หรือ พัดลมเพดานตัวเก่าที่ห้อยต่องแต่งบนเพดานห้อง

            หญิงสาวเข้ามาหยุดยืนกลางห้องใช้สายตามองสำรวจสิ่งต่างๆด้วยความพอใจ  ในห้องนี้มีห้องน้ำรวมอยู่ในตัวเสียด้วย  อะไรก็ไม่น่าสะดุดตาสะดุดใจผู้เข้ามาอยู่ใหม่เท่ากับเครื่องเล่นซีดี.ซึ่งวางไว้บนโต๊ะไม้เล็กๆถูกคลุมด้วยผ้าสีชมพูปักลูกไม้รอบชายผ้าตั้งข้างขอบเตียงด้านนอกหนึ่งเครื่อง 

            “ฉันส่งเธอแค่นี้ล่ะนะ แม่ลินิน ถ้าอยากได้อะไรก็ไปบอกทีหลังแล้วกัน”

            ป้าโฉม หญิงดูแลห้องพักคนทำงานหญิงผู้พาหญิงสาวมาส่งพูดเสียงสั่นๆ นางยืนอยู่แค่หน้าประตูห้องส่งสายตาเลิ่กลั่กมองเข้ามา นางบอกกล่าวสั้นๆเพียงแค่นั้นก็รีบหันหลังเดินลิ่วๆกลับไปทางเดิมแล้วหายลับตาในเวลาอันรวดเร็ว ทิ้งลินินยืนถือกระเป๋าเคว้งอยู่ที่เดิมคนเดียว

            หญิงสาวยักไหล่หันกลับไปใส่ใจของใช้ในห้องอีกครั้ง  เสียงประตูห้องปิดดังโครมจนหล่อนอดจะสะดุ้งตกใจเสียมิได้

            “อะไรกันเนี่ยทำไมป้าโฉมต้องทำท่าแปลกๆอย่างนั้นด้วยก็ไม่รู้”

            หล่อนบ่นคนเดียวแล้ว ลากกระเป๋าหนังเทียมออกมารูดซิปเตรียมจะรื้อสัมภาระทั้งหลายข้างในออกมาจัดเข้าที่เข้าทาง  วันนี้นับว่าไม่เลวสำหรับลินินเสียทีเดียวนักหรอก เพราะถึงยังไงหล่อนก็ยังได้งานในคาเฟ่แห่งนี้แม้จะไม่ได้เป็นนักร้องก็ตาม 

            “ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรจะทำล่ะวะนังนิน”

            ลินินพูดปลอบใจตัวเองคนเดียวก่อนจะหัวเราะประชดชีวิต  การหางานได้ถือเป็นข่าวดีที่สุดในรอบปีนี้ก็ว่าได้  หลังจากครอบครัวชีวิตชาวนาของหล่อนถูกทารุณกรรมด้วยวิกฤตภัยแล้งมาสองปีแล้ว ปีกลายใครๆก็บ่นว่าเมืองไทยร้อน แห้งแล้งย่ำแย่ แต่ปีนี้หนักหนากว่าปีก่อน ถึงขนาดน้ำในเขื่อนทั้งหลายพากันแห้งขอดแทบไม่เหลือใช้ รัฐต้องตัดสินใจเก็บตุนน้ำส่วนที่เหลือไว้ให้ประชาชนใช้อุปโภค บริโภคกันก่อน ส่วนพวกเกษตรกรนั้นต้องชะลอการทำไร่ไถนาเอาไว้ชั่วคราว จนกว่าฝนฟ้าจะตกต้องตามฤดูกาล เรื่องนี้ไม่มีใครกล้าฟันธงว่าฝนจะตกตามปรกติเมื่อไร

            ต้นกล้าที่บ้านหล่อนพากันเสี่ยงทายหว่านไถ บัดนี้ยืนต้นตายแห้งหมดเกลี้ยง   คงเหลือเพียงซากต้นกล้าสีเหลืองซีดคาทุ่งนาเป็นอนุสรณ์ความเจ็บปวดให้กับพวกชาวบ้านอันได้ซื่อว่าเป็นกระดูกสันหลังของประเทศไทยเท่านั้น  เมื่อหมดทางจะต่อสู้กับความแร้นแค้น ลินินจึงต้องหอบกระเป๋าเสื้อผ้าบากหน้าเข้ากรุงเทพเพื่อหางานทำ อาศัยความเป็นคนรูปร่างหน้าตาดี แถมเสียงก็ใส ในที่สุดหล่อนก็ได้งานเป็นนักร้อง ด้วยเงินเดือนและเงินพิเศษอีกเล็กน้อยเป็นผลตอบแทน แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรทำเลย

            “ทนๆเอาหน่อยเหอะนังนิน  เดี๋ยวพอฝนฟ้ามันตกแกค่อยกลับไปไถนาปลูกข้าวเหมือนเดิม”

            หล่อนเติมกำลังใจให้กับตัวเองด้วยคำพูดประโยคนั้น  รอยยิ้มระรื่นเปลี่ยนเป็นขื่นขมเมื่อคิดถึงพ่อแม่กับเครือญาติที่อยู่บ้านนอกคอกนา  หญิงสาวสลัดความเศร้าทิ้งโดยหันมาใส่ใจกับเสื้อผ้าของใช้ในกระเป๋า  ขณะเริ่มต้นรื้อทุกอย่างออกมาสัมผัสส่วนหนึ่งก็บอกตัวเองว่าบรรยากาศในห้องกำลังเปลี่ยนแปลงไป  จากทีแรกเย็นสบายก็กลายเป็นอบอ้าวขึ้นเรื่อยๆ

            ลินินลุกไปเปิดหน้าต่างบานคู่ แต่เมื่อยังรู้สึกร้อนอยู่หล่อนก็กดปุ่มพัดลมเพดานช่วยอีกทาง  มอเตอร์เริ่มทำงานมีเสียงดังออดแอดบอกอายุการใช้งานนานปีได้เป็นอย่างดี ใบพัดทั้งสามเริ่มหมุนช้าๆก่อนจะกลายเป็นหมุนติ้ว ก้านของมันแกว่งไกวจนดูน่ากลัวว่ามันอาจจะหลุดผัวะลงมาทั้งยวงได้ตลอดเวลา

            “เฮ้อ...นังนินเอ๊ยเกิดมาเป็นคนจนอย่าขี้ร้อนนักเลย ก็ใครใช้ให้เกิดมาใช้นามสกุลจนสนิทล่ะวะ”

            เพื่อปลอบใจตัวเอง ลินินเลยลุกขึ้นมาเต้นจังหวะบ้าๆบอๆด้วยเพลงเลือกเกิดมาจน ทั้งร้องทั้งเต้นออกลีลากวนโอ๊ยเต็มที่    หล่อนได้ยินเสียงร้องของตัวเองสะท้อนกลับเข้าหู แต่เวลาผ่านไปหล่อนก็คลับคล้ายคลับคลาว่าจะได้ยินเสียงอื่นสอดแทรกเข้ามาด้วย

            ทีแรกลินินไม่สงสัยอะไร แต่เมื่อเวลาผ่านไป หล่อนก็มั่นใจว่าหล่อนได้ยินเสียงนั้นจริงๆ เป็นเสียงผู้หญิงกำลังหัวเราะแหลมลึกตัดกับเสียงร้องเพลงของหล่อน  หญิงสาวหยุดร้องเพลงทันที พอหล่อนหยุดร้องเสียงหัวเราะนั้นก็เงียบหายตามไปด้วย

            “สงสัยเราจะหูแว่วไปเอง ใครที่ไหนจะมาหัวเราะในห้องนี้ก็มีเราอยู่แค่คนเดียวนี่นานังลินิน”

            หล่อนเอ็ดตะโรตัวเอง หันมาแยกเสื้อผ้าเก็บเข้าตู้จนหมดทุกชิ้น  ลินินรู้สึกเหนียวเนื้อเหนียวตัวอยากจะอาบน้ำขึ้นมา เมื่อหล่อนคว้าขันสบู่จะเข้าห้องน้ำ..แวบหนึ่งนั้น หญิงสาวเกิดอาการเสียวสันหลังวูบ..จนต้องรีบหันขวับกลับมามองกลางห้อง ราวกับว่ามีใครบางคนกำลังแอบมองหล่อนจากตำแหน่งใดแห่งหนึ่ง..ซึ่งอยู่ในห้องนี้เอง.

 

                                                *********************************************

 

            คืนแรกของการทำงานเริ่มต้นขึ้น  ลินินในชุดเสื้อกับกางเกงขาสั้นแต่งหน้างดงามกับบทเรียนชีวิตบทใหม่ที่หล่อนไม่เคยเรียนรู้มาก่อนเลย

            “เธอดูพวกนักร้องรุ่นพี่เค้าร้องกันไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็ร้องเก่งเองล่ะงานร้องเพลงมันไม่ยากเย็นอะไรหรอก”

            คุณติ๊กผู้ทำหน้าที่แคชเชียร์และผู้จัดการร้านกลายๆควบคู่กันไปบอกนักร้องสาวหน้าใหม่ เมื่อเห็นลินินยังเงอะงะกับหน้าที่การงานของตัวเอง  หล่อนต้องคอยตั้งใจดูนักร้องสาวรุ่นพี่ สาม สี่คนที่ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีกล่อมใจพวกนักเที่ยวกลางคืนทั้งหลาย 

            ลินินถูกจัดให้ร้องเพลงช่วงกลางๆหลังคาเฟ่เปิดแล้ว  เพื่อให้หล่อนดูนักร้องในร้านร้องนำร่องไปก่อน  พวกนักเที่ยวพากันซื้อพวงมาลัยไปคล้องคอนักร้องสาวที่ตนหลีเอาไว้  แต่ละรายท่าทางเหมือนคนหนีเมียมาเที่ยวทั้งนั้น

            “เฮียดูฤกษ์ยามก่อนออกจากบ้านมาดีแล้วเหรอคะ แน่ใจนะว่าเจ๊ที่บ้านไม่รู้ว่าเฮียมาร้านนี้”

            “รับรองจ้ะหนูจ๋า  เฮียวางยานังพยูนม่อยหลับสนิท   กว่าจะตื่นก็โน้นเลยพระออกบิณฑบาตกลับวัดแล้ว”

            เพื่อนชายที่มาด้วยกันฮาครืนชอบอกชอบใจ พลอยให้นักร้องสาวประจำร้านหัวเราะคิกคักตามไปด้วย

            “ยังไงก็อย่าให้เหมือนกับคืนนั้นนะคะ แหมหนูรับลูกแทบไม่ทัน เกือบถูกหม้อไฟเขวี้ยงใส่หัวแน่ะ”

            “แฮ่ะๆรับรองจ้ะไม่มีประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเดิมแน่ เฮียเอาหัวเป็นประกันเลย”

            “หัวล้านของแกจะทำอะไรได้วะ ฉันเห็นแต่พอเมียมาตามทีไรแกมุดหัวซุกใต้โต๊ะทุกที”

            “ไอ้บ้า...ที่มุดน่ะมุดหาซองโว้ย”

            คนโดนแซวเถียงอุบอิบหน้าแดงซ่านด้วยฤทธิ์น้ำเมาบวกกับอารมณ์อาย  เพื่อนๆยังคงสนุกสนานเฮฮาตามประสาคนหนีบ้านใหญ่มาพักผ่อนคลายเครียด นักร้องสาวสวยแต่งตัวเปรี้ยวพากันเข้ามานั่งประกบเสี่ยกระเป๋าหนักหวังรับทรัพย์ก้อนโต

            “ของอะไรของแก หลวงพ่อโกยใช่หรือเปล่า”

            “เออพวกแกก็เหมือนกันแหละ อย่าหาเรื่องแซวแต่ฉันคนเดียว  เห็นเวลาเจอหน้าเมียแล้วเหลือสองนิ้วกันทั้งนั้น”

            “เฮ้ยฉันไม่ได้กลัวเมียนะโว้ย ใครว่าฉันกลัวเมีย..เข้าใจผิดแล้ว”

            “ไม่กลัวเมียแค่เกรงใจนิดหน่อยใช่มั๊ยคะป๋า”

            “ฮา....”

            บทสนทนาถูกลูกถึงโคนด้วยเรื่องสัพเพเหระ คุยกันไปก็ดื่มกันไป พวกนักร้องสาวหรือพวกรีเซฟชั่นก็สั่งดริ้งกันไปเรื่อยๆ จนน้ำแข็งหมด ลินินซึ่งยืนคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ หล่อนมัวแต่มองนักร้องสาวบนเวทีเพลินจนลืมดูหน้าที่ของตัวเอง จึงถูกรีเซฟชั่นสาวคนหนึ่งตวาดเรียกเสียงดัง

            “แม่อะไรนั้นน่ะ มัวนั่งเซ่ออยู่ทำไม ไม่เห็นเหรอว่าน้ำแข็งโต๊ะเฮียเค้าหมดแล้ว”

            “เอ้อ หนูขอโทษค่ะเดี๋ยวหนูไปเอามาให้นะคะ”

            ลินินสะดุ้งรีบเข้าไปยกถังน้ำแข็งจะเดินออกมา  อาการรีบลนนั้นทำให้หล่อนเผลอตัวปัดแก้วเหล้าแขกตกพื้นแตกกระจายเหล้าหกเกลื่อน พวกสาวๆที่นั่งอุทานกรี๊ดรีบลุกจากเก้าอี้อย่างตกใจ

            “ว้าย..ทำไมแกทำแบบนี้ฮึ ซุ่มซ่ามจริงๆดูซิทำแก้วเหล้าแขกแตกกระจาย.”

            พราวเดือน นักร้องสาวดาวเด่นประจำร้านชี้หน้ากรี๊ดกร๊าดดังลั่น   ลินินใจหายวาบอุทานในใจงานเข้าตั้งแต่หัวค่ำ

            “เอ้อ...ฉันขอโทษค่ะฉันไม่ตั้งใจ”

            หล่อนรีบยกมือไหว้เจ้าของแก้วเหล้าที่ลุกขึ้นมามองหล่อนด้วยสายตางงๆ  พราวเดือนยังไม่ยอมหยุด ดูเหมือนหล่อนพยายามจะทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่เสียให้ได้

            “แค่ขอโทษมันช่วยอะไรได้ยะ  แกซุ่มซ่ามอย่างนี้เท่ากับแกไม่ให้เกียรติแขก รู้มั๊ยแกกำลังจะทำให้ร้านเค้าเสียชื่อ ไม่ได้..เดี๋ยวฉันจะต้องบอกเจ้าของร้านให้รู้เรื่อง  อ้อย อ้อย ไปตามเสี่ยมาดูโต๊ะนี้เร็วเข้า”

            “อย่าเลยหนูเดือน ปล่อยไปเถอะเด็กเค้าคงจะไม่ตั้งใจจริงๆน่ะแหละ หน้าตาซื่อๆท่าจะเป็นเด็กเข้ามาใหม่ล่ะซิ”

            “ค่ะหนูเพิ่งจะมาร้องเพลงคืนนี้เป็นคืนแรกค่ะ”

            “อ้อ มิน่าล่ะถึงยังไม่เก่งงาน ไม่เป็นไร.ถือว่าแล้วกันไปซะ คราวหน้าหัดระวังกว่านี้หน่อยนะหนู”

            “อุ๊ยเสี่ยคะจะปล่อยไปง่ายๆได้ไงกันคะมันเสียระบบการทำงานหมด  คนซุ่มซ่ามแบบนี้ขืนรับเอาไว้เดี๋ยวก็ก่อเรื่องอีก”

            พราวเดือนยังไม่ยอมหยุด แม้ลูกค้าจะไม่เอาเรื่องเอาราวแล้ว ลินินซึ่งยืนสงบเสงี่ยมฟังอยู่ชักวิบขึ้นมา มันจะอะไรกันนักกันหนากะแค่ทำแก้วเหล้าแขกตกแตกใบเดียวอย่างกับหล่อนจะทำไฟไหม้ร้านงั้นแหละ

            “ไปซิอ้อย ไปตามเสี่ยเด่นมา ฉันสั่งให้แกไปตาม..”

            “นี่พี่สาว..เรื่องแค่นี้ใจคอจะเอาเรื่องฉันให้ตกงานเชียวเหรอคะ  ตัวเสี่ยเค้ายังไม่ว่าอะไรคุณกลับโวยวายแทนเค้า คุณทำไปเพื่ออะไรไม่ทราบคะ”

            ลินินสิ้นความอดทนจึงโต้ตอบกลับไปบ้าง  พราวเดือนสั่นเทิ้มลุกขึ้นมาจ้องหน้าสาวเสิร์ฟตนใหม่ตาแทบถลน

            “แกอยากมีเรื่องกับฉันใช่มั๊ย”

            “เปล่าค่ะก็ฉันขอโทษแล้วไงคะคุณจะเอายังไงกับฉันอีก”

            “เออน่าเรื่องจิ๊บๆให้มันจบซะ หนูเดือนก็อย่าไปเอาเรื่องราวเด็กใหม่เค้าเลย สงสารเค้าเถอะ”

            พราวเดือนยืนกำมือฮึดฮัด ครั้นจะเดินเรื่องต่อก็ดูจะไม่งามเพราะไม่มีใครอยู่ข้างหล่อนเลยสักคน  พอดีดนตรีขึ้นเพลงที่หล่อนจะร้อง  เพื่อนนักร้องสะกิดบอก นักร้องสาวสวยเข้มจึงเดินสะบัดสะโพกออกจากโต๊ะไปขึ้นเวที ท่ามกลางความโล่งอกของทุกๆคน

            ลินินทำหน้าที่ของหล่อนต่อไปจนดึกดื่น ประสบการณ์ทำงานคืนแรกสอนให้หล่อนรู้ว่า การเป็นนักร้องอยู่ที่นี่ไม่ง่ายดายนัก

            คืนนั้น หลังเลิกงานแล้ว  หญิงสาวกลับขึ้นห้องพักด้วยความเหนื่อยล้า ดึกดื่นแต่ อากาศยังร้อนอบอ้าว ขนาดเปิดพัดลมก็ยังเอาไม่อยู่  หญิงสาวจึงตัดสินใจเปิดหน้าต่างแบบบานคู่เพื่อช่วยรับลมอีกทาง

            หลังจากล้มตัวลงนอนคิดเรื่องต่างๆได้พักหนึ่ง ลินินก็เริ่มง่วงงุนใกล้จะผล็อยหลับ  แต่เสียงหน้าต่างที่ดังเข้ามาปะทะกันดังโครมครามก็ทำให้หล่อนสะดุ้งเฮือกลุกขึ้นนั่ง  เมื่อหล่อนมองไปทางหน้าต่างห้องคู่นั้น....ลินินก็ต้องเบิกตากว้างอุทานเบาๆ

 

                                                *******************************************


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (86 รายการ)

www.batorastore.com © 2024