ปลาหลงน้ำ (โบตั๋น)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: -
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 500.00 บาท 125.00 บาท
ประหยัด: 375.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

1

ฉันมองหน้าอาแต้วอย่างรำคาญใจ คร่ำครวญไม่รู้จักเลิกกะอีแค่ลูกชายต้องเข้าไปอยู่สถานพินิจกักกันเด็กเกเร ไม่ได้เข้าคุกสักหน่อยทั้งที่ความผิดที่ทำนั้นถ้าเป็นผู้ใหญ่อายุเกินสิบแปดคงต้องเข้าคุก สักสามปีห้าปีเป็นอย่างน้อย ทั้งปล้นทรัพย์แล้วยังทำร้ายเจ้าทรัพย์ปางตายฉันรู้ด้วยว่ามันลากลูกจ้างบ้านนั้นไปข่มขืนด้วย แต่เจ้าของบ้านไม่กล้า  พูดเรื่องนี้ เด็กนั่นก็ไม่กล้าเพราะต้องหลบตำรวจ เด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นต่างด้าวชาวไทยใหญ่ เข้าเมืองผิดกฎหมาย เกิดเรื่องขึ้นมาต้องซ่อนตัวลูกเดียว

“กะอีแค่เข้าโรงเรียนดัดสันดานไม่ติดคุกก็ดีเท่าไหร่แล้ว”

“มันต่างกันตรงไหนล่ะ ถูกขังเหมือนกัน” อาแต้วเถียง “แล้วในนั้นน่ะเด็กเกเรทั้งนั้น มันคงสอนอะไรเพิ่มมาอีกไม่ก็ถูกรังแก นายต้อมมันหล่อด้วย พวกเด็กผู้ชายโต ๆ มิรังแกมันแย่หรือ”

 

“ทีงี้ละเป็นห่วงต้อมมันเป็นผู้ชายนะ ถูกขังก็มีข้าวกิน มีหลังคาคุ้มหัว อาแต้วก็ต้องไปเยี่ยมไปส่งข้าวของให้มันใช่ไหมล่ะ แค่ไม่มีอิสระ ทีกับหลานอย่างฉันน่ะอาแต้วเคยห่วงบ้างไหม หลานแท้ ๆ เป็นผู้หญิง อายุแค่สิบกว่า ต้องออกไปเร่ร่อนน่ะ”

“ก็ไปเองไม่ได้มีใครไล่สักหน่อย”อาแต้วเถียงข้างๆคูๆ  แต่ไม่กล้าเสียงดัง ทำเสียงอ่อย ๆ “ข้าวมีกิน มีบ้านอยู่ มีหลังคาคุ้มหัว”

 อาแต้วย้อนคำพูดของฉัน มีข้าวกิน มีหลังคาคุ้มหัว พูด ออกมาได้ ฉันโกรธจี๊ด หน้าแดงกํ่า สมองปั่นป่วน จากหน้าแดงแล้วกลับซีด เลือดมันคงไม่ขึ้นไปเลี้ยงสมองละมัง อาแต้วมองหน้าฉันแล้วรีบลุกหนีให้ห่าง คงกลัวฉันตบเอา

“มีบ้านอยู่ มีหลังคาคุ้มหัว กล้าพูดนะ บ้านของฉัน ของคุณยายของฉันสร้างมา แกยึดไว้อยู่กับลูกผัว ให้เจ้าของไปอยู่ห้องคนใช้ข้างครัว กินข้าวกับหัวปลาทูเหลือจากคลุกให้แมวกิน แกเอาเงินช่วยงานศพพ่อไปถลุงหมด เงินกี่ล้าน เสื้อผ้า ข้าวของของฉันแกเอาไปหมด ให้ลูกแก แล้วมันสนองคุณแกสมใจไหมล่ะ ลูกแกสองคนน่ะ ผัวแกด้วย ไอ้ตัณหากลับนั่นน่ะ มันไปแล้วใช่ไหม ถ้ามันไม่หนีไปอยู่ไกล ๆ อีปลานี่แหละจะจับมันเชือด แกก็เหมือนกัน ออก  ไปข้างนอกเดี๋ยวนี้ ไปล้างกรงหมา เก็บขี้หมาให้สะอาดนะ ล้างจาน ข้าวหมา อ่างนี้าของไอ้กี้ด้วย ล้างให้สะอาดนะ อย่าให้มีกลิ่น ไม่งั้นไม่ต้องมาอยู่บ้านกู ไปอยู่กับไอ้อีลูกผัวมึง ไอ้เศษสวะ”

“ปลา พูดมึงกูกับอาได้หรือ อาแต้วเป็นอานะ” อาแต้วเสียงสั่นแต่ถอยออกพ้นประตูบ้านด้านหลัง “ฉันเป็นน้องของพ่อเธอนะ ทำงี้ได้ไง”

ฉันแค่ยิ้ม เหี้ยมเกรียม นัยน์ตาวาว

“มันยังน้อยไป ถ้าพูดอีกจะไม่มีหลังคาคุ้มหัว ไม่มีข้าวกิน ไปนอนข้างถนน ใต้สะพาน นอนบ้านคนเร่ร่อน นอนหัวลำโพง แอบ นอนในสวนสาธารณะ อีปลาคนนี้น่ะเคยนอนมาแล้วทั้งนั้น” ฉันยกฝ่ามือขวาตบอกตัวเอง “หาของกินในถังขยะ แอบเข้าไปกินน้ำดื่มในห้าง อาบน้ำในห้องน้ำปั๊มน้ำมัน ขโมยของในร้านสะดวกซื้อ อยากมีประสบการณ์แบบที่อีปลาคนนี้เคยเจอมาแล้วไหม ถ้าอยากก็พูดมากเข้า แล้วอย่าลืมนะ อย่าลืมเรื่องรูปคุณยาย คุณแม่แล้วก็พ่อ อย่าลืมหามาคืนฉัน ไม่งั้นแกจะเจอยิ่งกว่านี้โกศเถ้าอังคารท่านด้วย เอาไปไว้ไหน หาเอามาคืนกู ไม่งั้นกูจะเอาเรื่องให้มึงตายทั้งเป็นเลย”

“ก็ไม่รู้อยู่ไหน มันตั้งหลายปีแล้ว จะหาที่ไหนมาคืน” อาแต้วส่งเสียงโหยหวน

ฉันยืดตัวตรง ก้าวไปที่ประตูหลัง อาแต้ววิ่งหนีไปทันที ฉันกำมือแน่นนึกถึงถ้อยคำเตือนของคุณวิศว์

“ขี้โกรธแบบนี้ เดี๋ยวก็เส้นเลือดในสมองแตกหรอก ท่องไว้นะว่าอโหสิ ให้อภัย เรา เป็นมนุษย์ผู้เจริญแล้วต้องรู้จักให้อภัย ความแค้น ความโกรธไม่เคยให้อะไรเราเลย นอกจากความเจ็บปวดแม่ปลาน้อย”

“คุณวิศว์ไม่เคยเจออย่างปลานี่คะ คุณวิศว์อยู่ในครอบครัวอบอุ่น มีความสุข”

“แต่เธออภัยให้คนอื่นได้ ทำไมอภัยให้อาแท้ ๆ ไม่ได้หือ

ปลา”

“คนอื่นใจร้ายกับปลา ทำร้าย เบียดเบียน รังแกปลา ปลา

เข้าใจ เพราะโลกมันโหดร้าย เราต้องเอาตัวรอด เราไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน ปลาเป็นผู้หญิงสาว ผู้ชายก็จ้องเป็นธรรมดา เด็กเร่ร่อนที่โตกว่าก็จ้องรังแกปลาเป็นธรรมดา แต่เขาเป็นน้องของพ่อปลา เป็นอาแท้ ๆ เขาทำร้ายปลาได้ลง เขายึดบ้าน ยึดเงินของปลา เงินช่วยจากราชการ เงินบำนาญของพ่อ เงินที่รัฐให้ไว้เลี้ยงลูกตำรวจที่สละชีวิตในการทำงาน เขาเอาเงินไปถลุง เลี้ยงลูกเลี้ยงผัวเขา ทิ้งให้ปลาอดตาย เขาทิ้งรูปคุณยาย คุณพ่อคุณแม่ เขาทิ้งกระทั่งโกศเถ้ากระดูกของท่านทั้งสาม โกศทองเหลืองอย่างดี เสื้อผ้า ข้าวของ ของปลาเขาเอาไปหมด ให้ปลาใส่ผ้าขี้ริ้ว ให้ปลากินข้าวกับหัวปลาทูที่เหลือจากเอาเนื้อคลุกให้แมวตัวโปรดของเขา เขาเอาทุกอย่างของปลาไป เลี้ยงปลาให้กินข้าวเย็นกับหัวปลาทู แล้วยังพูดว่าปลาหนีไปเอง ไม่ได้ไล่ปลาออกจากบ้านสักหน่อย พูดออกมาได้ บ้านของปลาแท้ ๆ ทำจนปลาอยู่ไม่ได้ เขาใช้ปลาเหมือนเป็นขี้ข้า ลูกเขา ผัวเขาแล้วผัวเขาก็จ้องปลาเหมือนหมาติดสัด”

คุณวิศว์ดึงฉันเข้าไปกอด ตบหลังลูบผมฉัน

“ปลา อย่าร้องไห้ไปเลย ความแค้นความโกรธทำให้ปลาไม่สบายนะ ท่องคำว่าอภัยเอาไว้ พูดอย่างนี้ก็เหมือนด่าคุณวิศว์ด้วย คุณวิศว์ก็เอาเปรียบปลาเหมือนกัน”

“แต่คุณวิศว์ช่วยปลาทุกอย่าง”

“ช่วยจนปลาได้ทุกอย่างคืนมาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่คุณวิศว์ไม่สามารถทำเรื่องบางเรื่องให้ถูกต้องตามกฎหมายได้”

“ปลาไม่แคร์เรื่องนั้นหรอกค่ะ ปลาไม่สนใจหรอก”

คุณวิศว์ไม่ได้อยู่ที่นี่ในวันนี้ แต่คุณวิศว์เคยพูดว่า

“กรรมมันติดจรวดนะ ปลา อาแต้วเขาก็ไม่ได้อะไรจากที่เขาเอาไปจากปลา ได้ไปแล้วกลับกลายเป็นโทษ เงินที่เขาเอาของปลาไปไม่ได้ช่วยให้เขาเลี้ยงลูกได้ดี มีแต่เสียคน บ้านที่เขาเอาไปก็ไม่ใช่บ้านที่ให้ความสุข มีแต่ความรุ่มร้อน เพราะบ้านน่ะไม่ใช่แค่ตัวตึกมีกำแพง มีหลังคา มีประตูหน้าต่าง บ้านมันคือครอบครัวที่อบอุ่นต่างหาก”

ฉันเคยมีครอบครัวอบอุ่น มีความสุข มีเสียงหัวเราะ แต่มันนานเหลือเกินแล้ว ความรู้สึกเช่นนั้นไม่เคยหวนกลับมาหาฉันอีก แม้แต่คุณวิศว์ก็ให้ฉันไม่ได้

ฉันเดินไปที่ประตูหลัง ตะโกนเตือนอาแต้วเรื่องทำความ สะอาดกรงหมา เจ้ากี้เป็นหมาพันธุ์ใหญ่ สูงเลยเอวผู้ใหญ่ตัวโต ๆ ด้วย ซํ้า ไม่ใช่แมวตัวเล็กชอบเคล้าเคลียอย่างไอ้ลายตัวโปรดของอาแต้วที่คงตายไปนานแล้ว

อาแต้วกลัวหมา กลัวเอามาก ๆ เพราะตอนเด็ก ๆ เคยโดนหมากัด ได้ยินพ่อบอกว่าต้องเย็บถึงสิบเข็ม คงแผลฉีกใหญ่น่าดูอาแต้วเลยไม่เลี้ยงหมา เลี้ยงแต่แมว รักแมวยิ่งกว่าลูกหลานซะอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลานกำพร้าน่าเวทนาอย่างฉัน

“โถ น่าสงสารเหลือเกินค่ะ แต้วละน้ำตาร่วงเลย ทั้งแม่ ทั้งยายพี่ชายอีกคน แล้วนี่ใครจะช่วยดูแลแกล่ะคะ พี่ป้อง พี่ก็ต้อง ทำงาน ตำรวจน่ะมีเวลาอยู่บ้านสักเท่าไรเชียว แกอายุเท่าไรแล้วคะพี่ ทำท่าจะเป็นสาวแล้วนะ อยู่คนเดียวน่าเป็นห่วงจริง ๆ”

อาแต้วช่างเจรจา เสียงแจ้ว ๆ ในงานเผาศพคุณยาย คุณแม่ และพี่ชายของฉัน ทั้งสามคนประสบอุบัติเหตุรถบรรทุกชนเสียชีวิต ตอนนั้นฉันอายุสิบเอ็ดปี ตัวผอมแต่สูง มองด้านหลังเหมือนสาว ๆ ที่ตัวผอมเพราะรักษารูปทรง แต่ถ้ามองด้านหน้าก็น่าจะรู้ว่าฉันยังเด็กมาก เพียงแต่สูง

คุณยายกับแม่ไปงานศพญาติ พาพี่ปองไปด้วย งานศพจัดที่อยุธยาบ้านเกิดของคุณยาย ฉันกับพ่อไม่ได้ไปด้วยเพราะฉันป่วยเป็นไข้ พ่อเลยไม่ให้ไป บังคับให้นอนอยู่กับบ้าน พ่อไปเข้าเวร พ่อห่วงงานและญาติของแม่คนนี้ไม่ค่อยถูกกับพ่อนัก พ่อเลยไม่ยอมไป

 “คนอะไรชอบสอนให้เราฉ้อราษฎร์บังหลวง บอกว่าเซ่อ  นึกถึงได้จนง่อกยังงี้ รวยแล้วเป็นไง ตายก็เอาไปไม่ได้” พ่อบ่น “เราก็พอมีพอกิน ไม่ได้มีไว้ให้ลูก ๆ ถลุงอย่างแก”

ญาติผู้ใหญ่ของฉันคนนี้เป็นลูกพี่ลูกน้องกับคุณยาย คุณยายเองก็ไม่ได้ชอบญาติคนนี้นักหรอก

“แต่ต้องไปเผา ไง ๆ ก็ญาติสนิท” คุณยายว่า “ไปอโหสิเป็นครั้งสุดท้าย”

และเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันได้เห็นหน้าคุณยาย แม่ กับพี่ปอง อาแต้วเสนอตัวจะมาช่วยดูแลฉัน แต่พ่อบอกปัด

“ยังไม่รบกวนหรอก แต้ว แต้วเองก็มีลูกมีผัว ดูแลลูกผัวเราไปเถอะ ไว้จำเป็นถึงจะรบกวน ปลาไม่ได้อยู่บ้านคนเดียว ยายไสวเขายังอยู่กับเรา ไสวดูแลได้หรอก”

ไสวเป็นคนสนิทของคุณยาย อยู่ด้วยกันมาสิบกว่าปีแล้ว ไสวเคยเป็นลูกศิษย์ของคุณยายมาก่อน ติดตามคุณยายมาจากอยุธยาตั้งแต่จบชั้นประถม คุณยายพามาอยู่ด้วย ให้ช่วยทำงานบ้านส่งเสียให้เรียนจนจบมัธยม ไสวไม่เรียนต่อ บอกว่าคิดเลขแล้วปวดหัว คุณยายส่งให้ไปเรียนตัดเย็บเสื้อผ้า ไสวทำได้ไม่ดีนักเลยต้องหยุด แกทำได้แต่งานง่าย ๆ อย่างสอยเสื้อ เย็บผ้านุ่งเท่านั้น ตัดเสื้อคอกระเช้ายังเบี้ยวเลย สงสัยจะตาเอียง ให้ไปวัดสายตาก็ไม่ยอมไป

“ไม่เอาหรอก ใส่แว่นแล้วแก่แย่เลย ไหวอยู่ช่วยครูทำกับ ข้าวแล้วกันนะคะ”

คุณยายก็ตามใจ หัดให้ทำกับข้าว ซักรีดเสื้อผ้า ไสวก็ช่วย ทำงานบ้าน ทำกับข้าว ซักรีด ถูบ้าน ช่วยแม่เลี้ยงพี่ชายกับฉันมาจนโต ฉันเรียกแกน้าไหว แต่พ่อชอบเรียกยายไหว ยังกับยายไหวแก่แฮกงั้นแหละ แกอายุมากกว่าแม่สองปีเอง ฉันควรจะเรียกแกว่าป้าแต่แกไม่ยอม

“เรียกน้าแหละ ฟังเป็นสาวดี”

“เผื่อจะมีใครเขามาจีบแกบ้างเรอะไง ไสว” คุณยายค่อน

จะมีใครมาจีบ น้าไสวทั้งดำ ทั้งเตี้ย หน้าเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นจากสิวหัวช่าง ตัวเตี้ยอย่างเดียวเมื่อไหร่ล่ะ ขาแกไม่ค่อยดีข้างหนึ่ง แม่ว่าแกเคยป่วยเป็นโปลิโอเพราะตอนเด็ก ๆ ไม่ได้วัคซีน ครบถ้วน พ่อแม่ไม่ใส่ใจพาไปสถานีอนามัย แต่ขาที่ลีบข้างนั้นไม่ได้ ทำให้แกมีปมด้อยอะไร

“ดีกว่าไอ้ดำแถวบ้าน นั่นมันเป็นซะจนต้องถัดเอา เดินไม่ได้ นี่แค่ขาลีบไปข้างเอง ขี้เหร่น่ะปลอดภัยกว่าคนสวยนะ ถ้าสวยแล้วจนมันซวยยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดเพราะอาจจะถูกหลอกไปขายเป็นอีตัว หรือโดนผู้ชายลากไปข่มขืน สวยแล้วฐานะดี มีพ่อแม่คุ้มครองได้แต่งงานดี ๆ อย่างคุณแม่ของหนูปลา แต่คนบ้านนอก ลูกชาวนาอย่างไหวน่ะไม่โชคดียังงี้หรอก แค่ครูเอามาเลี้ยงให้กินให้นอน ให้

เรียนหนังสือก็บุญนักหนาแล้วค่ะ ดีกว่าอยู่บ้าน”

ไสวก็เลยเป็นสาเหตุที่อาแต้วไม่ได้มาอยู่ที่บ้านนี้ตั้งแต่ฉัน อายุสิบเอ็ดปี

ฉันป่วยเป็นไข้หวัดอยู่แล้ว เมื่อต้องทุกข์หนักเพราะเสียคนที่รักไปพร้อม ๆ กันถึงสามคน ฉันเลยอาการทรุดถึงกับต้องไปนอนโรงพยาบาลสิบกว่าวัน หมดเรี่ยวหมดแรงไม่ได้ไปฟังสวดศพ แต่ยังดีที่พ่อเก็บศพทุกคนไว้ร้อยวัน ฉันจึงได้ไปเผาศพท่าน

“สงสัยแม่กับยายจะมาเอาไปอีกคนละมั้ง พี่ป้อง เหลืออยู่คนเดียวแล้วนี่” อาแต้วปากเสีย พูดให้ฉันได้ยิน พ่อเลยดุเสียงเขียว

“แต้วนี่ พูดแบบนี้ได้ไง”

“ก็มันชวนให้คิดนี่นา ตอนแรกก็ไปงานศพ ขากลับเอาไปซะเรียบ คนนี้ไม่ได้ไปงานศพด้วยก็ยังแป็บขนาดนี้ คุณตาอะไรนั่นเฮี้ยนพิลึกละ”

“พูดอะไรบ้า ๆ อย่ามาพูดแบบนี้ให้ปลาได้ยิน จะยิ่งใจเสีย คนเป็นไข้หวัดแล้วเสียใจที่แม่ตายมันก็ทรุดเท่านั้นเอง เดี๋ยวก็หายหมอบอกว่าไม่เป็นไรมากหรอก ปลาไม่ต้องกลัวอะไร พ่ออยู่ทั้งคนนะลูกนะ พ่อจะดูแลลูกเอง พ่อเสียปองไปคนแล้ว พ่อไม่ยอมเสียปลาไปอีกคนหรอกนะลูก ปลาต้องหายเร็ว ๆ นะลูก”

ฉันหลับตานิ่งฟัง ไม่พูดอะไร แต่รู้สึกถึงหยดน้ำตาอุ่น ๆของพ่อที่ตกลงมาที่แก้มของฉัน ฉันขยับมือจับแก้มพ่อ อยากจะเช็ด น้ำตาให้เหลือเกิน แต่ยกมือสูงกว่านั้นไม่ไหว พ่อจับมือฉันแนบแก้ม

“หายเร็ว ๆ นะ ลูกปลาน้อยของพ่อ ไม่มีแม่ ไม่มียาย แต่จำไว้ว่าลูกยังมีพ่อนะ พ่อจะดูแลลูกให้ดีที่สุด พ่อห่วงลูกเสมอ ทำใจ

ให้สบายไว้ ถึงลูกจะขาดแม่ แต่ลูกยังมีพ่อนะจ๊ะ”

ฉันยังมีพ่อ พ่ออยู่ในใจของฉันเสมอ เหมือนแม่กับคุณยาย พ่อแวะมาเยี่ยมฉันทุกวันจนฉันอาการดีขึ้น หมอให้กลับ

 บ้านแต่ยังต้องพักต่อ ฉันขาดเรียนไปหนึ่งเดือน แต่ปรกดิฉันเรียนดี พ่อจ้างครูมาสอนที่บ้านเพื่อให้ฉันเรียนตามทันหลักสูตร ฉันจึงไม่ ต้องเรียนซํ้าชั้น แล้วยังสอบได้คะแนนสูงสุดของห้องด้วย

กลางคืนบางทีพ่อต้องเข้าเวร ไสวขึ้นมานอนเป็นเพื่อนไสวนอนในห้องเล็ก ๆ ข้างครัว มีพัดลมติดผนังหนึ่งตัว ห้องน้ำปูกระเบื้องอย่างดีสวยงามน่าใช้เพียงแต่ไม่ใช่กระเบื้องราคาแพงลวดลายสวยเหมือนที่เราใช้ในตัวบ้านโถส้วมนั่งราบแต่ไม่มีถังชักโครก ใช้ราดน้ำคล้ายส้วมซึมแต่นั่งสบายเหมือนส้วมชักโครก

“แหม นั่งยอง ๆ ไม่ได้ ซะ ยายไหว แกนี่มีห้องน้ำส่วนตัวยังกะคุณนาย ปูกระเบื้องเสียด้วย คุณยายแม่ปลาเอาใจแกจริงนะมีเตียงนอน ตู้เสื้อผ้า โต๊ะแต่งตัวครบชุดเชียว นี่ถ้ามีโต๊ะทำงานอีกอย่างนึกว่าห้องนักศึกษามหาวิทยาลัย มีทีวีให้ดู พัดลมติดกำแพง หะรูหะรา” อาแต้วค่อน แกวุ่นวายเข้ามาสำรวจตรวจตราบ้านราวกับเป็นเจ้าของ อ้างว่าช่วยดูแลว่าไสวทำความสะอาดดีไหม ขาดตกบกพร่องอะไรหรือเปล่า ติโน่นว่านี่ไปเรื่อย จัดวางข้าวของไม่ถูกเรื่องบ้าง เครื่องกรองน้ำได้ล้างบ้างหรือเปล่า ระวังเชื้อราในเครื่องกินน้ำประปาดิบ ๆ ยังดีเสียกว่า

“ใช้เครื่องกรองถ้าไม่คอยดูแล สกปรกกว่าน้ำจากก๊อกอีก”

 “เราทำสัญญากับบริษัทที่ขายให้มาดูแลค่ะ แล้วเปลี่ยนไส้กรองทุกปี สะอาดค่ะ”

“เสียเงินไม่เข้าเรื่อง ล้างเองก็ได้ เขาใช้เกลือล้างเท่านั้นเอง”

“ครูว่าเขาล้างดีกว่าเรา แล้วเปลี่ยนไส้กรองทุกปีจะดีกว่ายอมเสียเงินค่ะ อีกอย่างเรื่องห้องส้วมของไสว คุณครูท่านเห็นว่าฉันขาไม่ดี ลุกนั่งไม่สะดวกถึงให้ส้วมโถ แต่ก็ใช้ราดน้ำนะคะไม่ใช่ชักโครก มันเกินไป” ไสวอธิบายแต่อาแต้วก็ยังมีเรื่องว่าไปเรื่อย

“โทรทัศน์ก็ของเก่าเอาไปซ่อม คุณครูว่ามันจอเล็กมองไม่ ค่อยเห็น ไปซื้อจอใหญ่ ๆ มาดู เครื่องนี้ยกให้ไหวเอาไว้ดู ใช้แค่ หนวดแมว ไม่มีสายอากาศไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ รับก็ได้ไม่ครบทุกช่อง หรอก แต่ฉันไม่ค่อยดู ละครมันมาดึกไป เดี๋ยวตื่นเช้าทำกับข้าวให้หนูปลากินไม่ทัน ฉันก็แค่ดูละครตอนบ่ายกับตอนเย็นมั่ง รีดผ้าเสร็จ พักผ่อน”

“รีดผ้าเสร็จก็ทำสนาม กวาดลานบ้านซียะ อะไร นอนดูทีวีพักผ่อนนอนตอนบ่าย หลังยาวจริง งานบ้านน่ะทำไม่รู้จักหมดหรอกนะ”

“ฉันก็กวาดลานบ้านเก็บใบไม้ทุกวันแหละค่ะ เพียงแต่มันต้องหยุดหายใจมั่งไม่ใช่นอนเป็นชั่วโมง ๆ สมัยคุณครูยังอยู่ท่านก็ไม่ว่าอะไร แม่หนูปลาก็เหมือนกัน ท่านว่าทำไปเรื่อย ๆ พักมั่งก็ได้ อย่าให้บ้านสกปรก อย่าหนีเที่ยว อย่าเล่นการพนัน อย่าแทงหวย ซื้อเบอร์ ท่านไม่ชอบคนที่ไปนั่งคุยบ้านโน้นบ้านนี้นินทาเจ้านายแล้วก็เล่นไพ่กัน”

“แกนี่มันเถียงไม่มียั่นเลยนะ นังคนนี้ อ๋อ ฉันไม่ใช่เจ้านายแกนี่นะ คอยดูเถอะ” อาแต้วเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน แววตาที่มองน้าไหวทำเอาฉันขนลุก เวลาอาแต้วจ้องหน้าฉัน ฉันก็รู้สึกเย็นสันหลังวาบ  เหมือนเราไม่ใช่อาหลานกันแต่เป็นคู่แค้นมาแต่ปางก่อนงั้นแหละ

ยิ่งได้พบพี่แต๋นลูกสาวอาแต้วฉันก็ยิ่งไม่สบายใจ พี่แต๋นอายุมากกว่าฉันหนึ่งปี แต่งตัวเป็นสาว เสื้อขนาดเล็กคับติ้วเห็น ทรวดทรง เสื้อชั้นในตัวน้อยแต่ดันหน้าอกให้ขึ้นมาล้นโดดเด่น กางเกง ยีนส์ขาสั้นจุ๊ดจู๋เอวต่ำ รองเท้าสานส้นสูง มีหนังเป็นเส้นพันขึ้นมาเหนือข้อเท้า รองเท้าสวยดีแต่มันสูง เดินแล้วน่ากลัวล้มแต่พี่แต๋นเดินคล่อง ถ้าฉันใส่คงหกคะเมนเป็นแน่ ทุกวันนี้ฉันยังนุ่งกางเกงครึ่งแข้ง เสื้อยืดตัวหลวมธรรมดากับรองเท้ากีฬาไปไหนต่อไหน ถ้านุ่งกระโปรงก็เป็นกระโปรงเอวรูดหรือจีบธรรมดา ที่ดีหน่อยก็เป็นกระโปรงพลีทจับจีบสวยงามกับเสื้อลายดอกไม้ปักหลากสี รองเท้าส้นเตี้ยแต่เป็นหนังแก้วมันวับประดับดอกไม้สีสวยตามรสนิยมผู้หญิง ๆ ของฉันกับคุณแม่

“เสื้อพี่แต๋นคับแล้วนะ หายใจออกหรือ ทำไมไม่ซื้อใหม่”ฉัน ถามโดยซื่อ เพราะตอนนั้นฉันอายุแค่สิบเอ็ด ไม่รู้ว่าอายุสิบสองอย่างพี่แต๋นน่ะเป็นสาวแล้ว

“ยายโง่” พี่แต๋นสำรากใส่ฉัน “นี่น่ะมันทันสมัยสุด ๆ นะยะ เขาใส่กันคับกว่านี้อีก นี่ไซส์แค่สองเอส เขาใส่กันสี่เอสนะ”

พอเห็นฉันมองกางเกง พี่แต๋นลูบขาอ่อนตัวเองอวดผิวสวย“อยากใส่สั้นกว่านี้แต่แม่ไม่ยอม”

โอย สั้นแค่นี้ฉันก็อายแทนแล้วละ ขืนสั้นกว่านี้มันจะปิดก้นมิดหรือ เฮอ

ส่วนนายต้อมยังเล็กมาก เป็นลูกหลง เมื่อแรกรู้จักเขาก็เป็นเด็กน่ารักดี อาแต้วจับเขาตัดผมทรงการ์ตูนญี่ปุ่น ใส่เจลหวีให้ผมตั้งชี้ตลอดแนวกลางหัว นัยน์ตาโต คางแหลม ทำให้เขายิ่ง

 

เหมือนพระเอกในการ์ตูน ก็น่ารักดี ใครจะคิดว่าโตแล้วร้ายกาจถึงขั้นปล้น พยายามฆ่าและข่มขืน

ส่วนอาพนาสามีอาแต้วน่ะ หน้าตาดีอยู่หรอก แต่ตกงานทั้งกะปี ทำได้แห่งละไม่กี่เดือนก็ออก มีข้ออ้างตลอดเวลาว่านายจ้างใจร้าย เอาเปรียบ ใช้งานเกินเงินเดือน ไม่รู้ซี ฉันไม่เข้าใจ

“ก็ถ้าเขาจ้างเราแล้วเราทำงานน้อยกว่าเงินเดือนหรือพอดีๆ นายจ้างจะกำไรได้อย่างไรล่ะ เขาต้องได้งานจากลูกจ้างเกินเงินเดือนเขาถึงจะจ้าง เพียงแต่อย่าให้ถึงกับกดขี่เป็นโรงงานนรกก็แล้วกันพี่รับราชการตำรวจ งานมันก็หนักเกินเงินเดือนไปไหน ๆ แต่เราก็ต้องทำให้ดีที่สุด” พ่อสอนน้องเขย แต่เขาไม่สนใจฟังหรอก ฉันรู้

ก็ฉันต้องทนคนในครอบครัวนี้อยู่ตั้งนาน เขาเป็นญาติ  ผู้ใหญ่ของฉันนะเนี่ยแต่ทำตัวยังกับเป็นศัตรูกันมาร้อยชาติ

 


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (83 รายการ)

www.batorastore.com © 2024