ด้วยสองมือแม่นี้ที่สร้างโลก (โบตั๋น)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: -
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 200.00 บาท 130.00 บาท
ประหยัด: 70.00 บาท ( 35.00% )

เนื้อหาบางส่วน

1

แสงคำมองบรรยากาศรอบตัวอย่างเหนื่อยหน่าย หล่อนเบื่อ

เจ้าตลาดสดนี่เสียจริงๆ ไม่ได้เบื่อความสกปรก ความจอแจหรือ

ความเหนื่อยยากของการค้าขาย แบกหลัวผัก จัดผัด ขายผักอะไร

นี่เลย แต่เบื่อการยกเข่งหนีเวลาตำรวจมากวดจับแม่ค้าที่วางของ

บนทางเท้านี่ต่างหาก

แสงคำเข้าใจดีว่าหล่อนกับแม่ทำผิดกฎหมาย แต่หล่อน

ไม่มีทางเลือก แผงในตลาดมีไม่พอกับจำนวนแม่ค้า และถึงมีว่าง

หล่อนก็ไม่มีเงินจะจ่ายเป็นค่าแผงได้ ค่าเซ้งแผงแผงหนึ่งนั้นเป็น

เงินกว่าแสน เพราะตลาดแห่งนี้เป็นตลาดใหญ่ในชุมชน ตึกแถว

รอบตลาดราคาห้องหนึ่งเป็นเงินล้าน แผงขายของก่อด้วยปูนกว้าง

ยาวไม่กี่เมตรราคาหนึ่งแสนหกหมื่นบาท ในระยะเวลาไม่กี่ปี

แล้วแม่ค้าขายผักราคาสามกำห้าบาท กำละบาท

สองบาทแล้วแต่ชนิดของผักอย่างแสงคำกับแม่ จะมีปัญญาเซ้ง

แผงได้อย่างไร เพียงแค่เช่ารายวันยังไม่มีปัญญาแล้ว เพราะค่าเช่า

แผงราคาวันละเกือบร้อย ขายผักหมดยังกำไรไม่ได้ค่าเช่าแผงเลย

พวกแม่ค้าปลา หรือแม่ค้าผักรายใหญ่จึงจะสามารถเช่าแผงราคา

เท่านั้นได้ และเมื่อขายนาน ๆ เข้าก็สามารถเซ้งแผงเป็นของตนเอง

ได้ แต่ก็เป็นของตนในระยะเวลาห้าปีเท่านั้น

"ตลาดใหม่ของเทศบาลไง ค่าเช่าแผงวันละยี่สิบบาทเท่า

นั้น" มีผู้แนะนำด้วยสำเนียงประชดประชัน "แต่อยู่ลึกเข้าไปที่หน้า

วัดสุวรรณ ฯ โน่นแน่ะ ไปนั่งตบยุงที่นั้นไงวะ มีรถเมล์ผ่านแค่สาย

เดียวกับชาวบ้านวันละยี่สิบคนเดินเข้าตลาด"

"ไปขายผักให้หมาเรอะ มีแต่หมาวัด" แม่ด่าอีกหลาย

คำด้วยสุดกลั้น

"มึงรู้ไหมนังเฮียงมันจะจำนำแผง ได้ยินว่างวดก่อนถูกกิน

เสียไปหลายหมื่น ดอกร้อยละห้าต่อเดือน ยายคุณนายเจ้าของ ตลาดคิดอีกสองบาทเป็นค่าทำสัญญา

แสงคำกลืนน้ำลาย สมองคิดเลขอย่างฉับไว หูฟังที่พวก

แม่ค้าคุยกัน

"มันเล่นทุกงวด งวดก่อนเล่นได้มาหลายหมื่น ใส่ทองแดง

ครึ่ด งวดนี้พังถึงจำนำแผง อวดรวยนักหนา รู้ไหม ใครรับจำนำมัน

ก็ยายคนที่ชอบนุ่งโสร่งตูดปะ ซื้อผักทีต่อรากเลือดนั่นไงคนที่ตัด

ผมสั้น ๆ ชอบผัดหน้าขาวเว่อ เดินหลังงอหน่อย ๆ ใครเห็นแต่งตัว

แล้วไม่นึกว่ามีเงินแสนเงินล้าน บ้านก็ห้องแถวหลังตลาด แต่มีเงิน

ในธนาคารเป็นล้านมัง"

"ยายเจ๊รักนั่นน่ะรึ" แม่อุทาน "ซื้อผักกำละสองบาท ต่ออยู่

นั่นแล้วจะให้ได้หกสลึง"

"นั่นแหละ ผ้าขี้ริ้วห่อทองละ แม่ค้าตลาดแผงข้างใน

เป็นหนี้แกซะครึ่งตลาด แกต่อยังไงก็ต้องยอมแกละ ไม่มีใครใน

ตำบลนี้ซื้อกับข้าวได้ราคาถูกเท่าแกหรอก วันก่อนยายเฮียงขาย

ผักกาดหอมให้แกกระจาดนึงบาทเดียวเท่านั้น ว่าไปแล้วก็เท่ากับยก

ให้แกฟรี ๆ แหละ แต่ให้แกแกก็ไม่เอา ต้องซื้อ"

"ไม่เบียดเบียนขอใครงั้นเหอะ ขอให้ได้ชื่อว่าซื้อ" อีก

คนเสริม "แต่แม่ค้าขาดทุนไม่รับรู้ด้วย"

"วันไหนลูกสาวหรือลูกสะใภ้มาจ่ายกับข้าวกลับไปต้อง

ถูกด่าว่าซื้อของแพง แกซื้อได้บาทเดียว ทำไมลูกสะใภ้ซื้อสามบาท

เขาไม่กล้าต่อย่างแกนี้ เสียเวลาครึ่งชั่วโมงไม่ว่า ลูกสะใภ้เขาทำราชการไม่มีเวลามาต่ออย่างแก วัน ๆ เดินเข้าเดินออกในตลาด

สิบเที่ยว เก็บดอก ซื้อกับข้าว"

แสงคำเม้มริมฝีปาก ทำไมผู้คนเหล่านั้นจึงร่ำรวยกันจริง

ส่วนหล่อนกับแม่จะซื้อผ้านุ่งสักผืนต้องคิดแล้วคิดอีก

"เออ รู้ไหม เขาว่าแผงที่ตลาดเก่าโน่นน่ะเซ้งกันแผงละ

เจ็ดแสน"

"รากเลือด" แม่ร้อง "เจ็ดพันกูยังไม่เคยมีเงินสด ๆ เลย

บ้านรูหนูที่เช่าที่เขาปลูกก็ราคาหมื่นกว่าเท่านั้นเอง นี่แค่

แผงนิด เดียวเอง"

"ตึกแถวใหม่โน่นเซ้งกันยี่สิบปี หกแสน สามชั้นเจ็ดสิบห้า"

"ไอ้สองชั้นหลังตลาดข้างใน ไม่ค่อยมีคนเดินนั่นเซ้งยี่สิบปี

สองแสน"

"กูจะเป็นลม แผงในตลาดเก่าเยาวราชราคาเจ็ดแสนก็มี

มันขายได้วันละเท่าไหร่กันวะ กูอยากรู้นัก"

"วันละหลายหมื่นเพราะขายของแพง ๆ พวกผลไม้นอก

แอปเปิลลูกละสิบห้า สาลี่ญี่ปุ่นลูกละห้าสิบ พวกแผงขายของแห้ง

อาหารจีนเขาขายกันวันนึงเป็นหมื่น ๆ มันก็เซ้งกันได้"

"วันนี้กูขายได้สองร้อย กำไรหกสิบบาท" แม่ค้าอีกคนบอก

"แต่ถ้าถูกตำรวจจับก็หมดตัว ปรับห้าสิบฐานกรุณาแล้ว ไม่งั้นปรับ

สองร้อย ขาดทุนยับเยิน ไปขายตัวดีกว่าวะ กูว่า ไม่ต้องลงทุน"

"หน้าอย่างมึง เต้าหู้ยี้เหม็น ๆ ถ้าขายก็ได้ประตูละสามสิบ

เสียค่าโรงแรมจิ้งหรีดเอง"

"หนอย ดูถูกกู" แล้วคำด่าก็พรั่งพรูตามมา

"โน่น มันต้องอายุน้อย ๆ สาวสิบหก สวย ๆ ถึงจะได้ราคา

ถ้าสวย ๆ อย่างลูกพี่คำ รับรองได้ราคา ให้มันไปประกวดนางงาม

ได้ตำแหน่ง นางงามงานวัด นางงามยาสระผมก็ได้วะ แล้วไปเป็น

เมียน้อยเสี่ย มันให้บ้านให้รถ ขายได้เป็นแสน ๆ แล้วก็อยู่กันแค่

ไม่กี่ปีหรอก เสี่ยมันเบื่อมันก็หาใหม่ นึกดูซีวะคุ้มไหม ห้าปีได้มา

ห้าแสนน่ะ ได้ยินว่ามันให้เงินเดือนนึงสองสามหมื่นไว้ใช้แต่งตัวกับ

ให้พ่อแม่เลี้ยงน้อง"

แสงคำถอนใจ หน้าอย่างหล่อนประกวดนางงามไม่ได้แน่

หล่อนเป็นลูก "พี่คำ" ที่พวกแม่ค้าเอ่ยถึงก็จริง แต่สวย ๆ ลูกพี่คำนั้น

คือสร้อยคำน้องสาวของหล่อนต่างหาก

สร้อยคำยังเรียนหนังสืออยู่ หล่อนสวยขนาดโผล่หน้า

เข้ามาในตลาดพวกกุลีขนผักกับเจ๊กขายหมูตะลึง กุลีเข็นรถขนผัก

ไปชนคนซื้อผักขาแพลง พ่อค้าขายหมูถือมีดเชือดหมูเชือดเอา

นิ้วตัวเองขาดก็แล้วกัน

พ่อกับแม่ไม่ใช่คนหน้าตาดีอะไรนัก แต่สร้อยคำได้ส่วน

ดีทุกส่วนบนใบหน้าพ่อแม่ไป หล่อนผิวขาวเนียนเหมือนผิวแม่

เพราะแม่เป็นชาวเหนือ แต่รูปหน้าหล่อนเป็นรูปไข่เหมือนพ่อ

คิ้วตาเข้ม ขนตาดกดำยาวและงอนเช้งเหมือนพ่อ จมูกโด่ง

ริมฝีปากได้รูปอิ่มเต็ม สีเลือดของสาวสิบห้าเต็มสองแก้มและ

ริมฝีปากแดงด้วยสายเลือดสาวตามธรรมชาติ ช่วงขาของสร้อย

คำเรียวยาวได้รูป ไม่1มีแผลเป็นหรือไฝฝ้าราคี

แล้วสมองของสร้อยคำก็ค่อนข้างดี หล่อนเรียนต่อชั้น

มัธยม ในขณะที่แสงคำพี่สาวจบเพียงชั้นประถมหกตามกฎหมาย

กำหนดให้เรียนชั้นต่ำ สร้อยคำเป็นคนเดินนำขบวนพาเหรดของ

โรงเรียนมัธยมที่หล่อนเรียนอยู่ หล่อนร้องเพลงเก่ง มีความสามารถ

ทางดนตรี พวกครูที่โรงเรียนช่วยกันปั้นหล่อนจนเป็นดาราของ

โรงเรียนเลยทีเดียว สร้อยคำจึงไม่ต้องมาช่วยแม่ขายผักหรือ

ทำงานบ้านเพราะหล่อนต้องไปซ้อมเดินซ้อมร้องเพลงทุกวันหยุด

โรงเรียนเลิกแล้วก็ไม่ได้ตรงกลับบ้าน อาจารย์ใหญ่มาขออนุญาต แม่

ไว้ให้สร้อยคำอยู่เย็นเพื่อซ้อมร้องเพลงและกิจกรรมอื่น

แม่ไม่มีเงินซื้อชุดสวย ๆ ให้สร้อยคำ อาจารย์ใหญ่ก็เอา

เงินค่าใช้จ่ายพิเศษของโรงเรียนออกให้สร้อยคำก่อน ชีวิตของ

สร้อยคำจึงไม่มีปัญหาแม้จะเกิดมาจน วันไหนต้องกลับค่ำอาจารย์

ก็พามาส่งเพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของสาวน้อยคนสวย

กลัวถูกพวกหนุ่มเกเรรังแกเอา

แต่แสงคำนี่สิ หล่อนด้อยกว่าน้องเสียทุกอย่าง สมองก็

สู้ไม่ได้ ฝีปากก็ไม่อาจเทียบ หน้าตาก็เหมือน "เต้าหู้ยี้" แสงคำไม่

ถึงกับเป็นสาวขี้เหร่ แต่หล่อนคล้ำเหมือนพ่อ หน้าแบะจมูกบาน

เหมือนแม่รูปร่างท้วมล่ำเพราะงานหนัก เข่งผักนั้นเบาอยู่เมื่อไร

ช่วงขาก็สั้นทู่ไม่เพรียวเรียวงามอย่างสร้อยคำ พวกแม่ค้ายังพูด

กันว่าสองพี่น้องนี้ทำบุญมาไม่เท่ากัน คนหนึ่งสวยเหมือนนางฟ้า

อีกคนเป็นนางดิน ยังดีที่ไม่ถึงกับเป็นนางปีศาจ

"มีคนมาชวนลูกสาวไปประกวดนางงามมั่งไหมล่ะ

แม่คำ"

แม่ส่ายหน้าแต่ไม่ใช่ปฏิเสธ

"มี แต่ประกวดไม่ได้ โรงเรียนไม่ยอม กระทรวงศึกษาเขา

ห้ามนักเรียนประกวดนางงาม มันเคยขึ้นปกหนังสือนักเรียนอะไร

ก็ไม่รู้ตอนไปเดินนำพาเหรด มีพวกร้านเสริมสวยมาติดต่อไป

ประกวดแต่อาจารย์ใหญ่บอกว่าประกวดไม่ได้"

"น่าเสียดายนะ น่าจะไปประกวดนางงามไทยจักรวาล

ยายคนที่ได้หน้าตาสวยสู้สร้อยคำไม่ได้เลย เทียบไม่ติด พอ

ประกวดได้แล้วนะ เขาก็ส่งไปประกวดเมืองนอก ถ้าได้นางงาม

จักรวาล ตลาดเราได้ลือลั่นกันสักที มีแม่ยายจักรวาลเป็นแม่ค้า

วิ่งหนีตำรวจด้วยกันอยู่"

"แล้วมันก็จะได้ผัวเศรษฐี สินสอดห้าแสน ได้บ้าน ได้

รถ แค่ค่าออกโชว์ตัวก็หนละหมื่น เดือนไหนเดินทางไปร้องเพลงห้า

แห่งก็ห้าหมื่น แล้วก็รับเล่นละครเล่นหนัง ค่าตัวเรื่องละแสน แม่

คำก็ไม่ต้องขายผักนั่งแต่งตัวเป็นคุณนายแม่ยายจักรวาล

แม่คำยิ้มย่องกับความฝันเฟื่องนี้

"มันเพิ่งอายุสิบห้าแต่ตัวมันสูงใหญ่" แม่รู้ว่าสร้อยคำยังมี

เวลาอีกหลายปี

"ยังมีโอกาสประกวดได้อีกถ้ามันไม่เรียนหนังสือ แต่เรียน

ระดับสูง ๆ ประกวดได้ไม่ใช่เรอะ ข้าอ่านหนังสือพิมพ์ได้ข่าวว่า

รองนางสาวไทยคนนึงเพิ่งสอบเข้ามหาวิทยาลัยหรือไงนี่แหละ

จบมัธยมแล้วประกวดนางงามก่อนได้เป็นรองนางสาวไทยแล้วถึง

สอบเข้าเรียนต่อ รับรองหนุ่ม ๆ ตอมกันเกรียว"

"งั้นรึ" สีหน้าของแม่มีความหวังมากขึ้น แม่กำลังนึกอยู่ว่า

ปีนี้สร้อยคำเรียนมัธยมสาม ถ้าเรียนต่อมัธยมปลายก็อีกสามปีพอ

ดีอายุสิบแปดกว่า ๆ เหมาะที่จะประกวดนางงามจริง ๆ ประกวด

แล้วค่อยสอบเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยถ้าปัญญาไปไหว ค่าเล่า

เรียนให้มันหาของมันเองก็เงินรางวัลประกวดนางงามนั่นแหละถ้า

สอบเข้าไม่ได้ก็ให้ไปเป็นดาราหรือนักร้อง หาเงินได้เดือนหนึ่งเป็น

หมื่น ๆ คงพอเก็บเงินช่วยแม่เซ้งตึกแถวหรือแผงขายผักสักแผง

ออกทุนให้แม่ซื้อผักมาขายสักหมื่นสองหมื่น จะได้สบายกันเสีย

ทีไม่ต้องวิ่งหนีตำรวจและเสียค่าปรับรายวันรายอาทิตย์อยู่อย่างนี้

มันอึดอัดใจนัก

ส่วนแสงคำนี่เห็นจะหวังอะไรมันไม่ได้ เพราะมันไม่ฉลาด

ทำอะไรก็อืดอาด มีดีอยู่นิดตรงคิดเลขในใจเก่ง พออาศัยขายของ

ได้ ถึงจะเรียนหนังสือวิชาอื่นไม่ได้ความ เป็นคนทื่อ วัน ๆ ไม่พูด

จา แต่แสงคำคิดเลขเร็วนักและไม่เคยพลาดเสียด้วย จะว่าแสง

คำโง่ก็ไม่เชิง เพราะคิดเลขได้เร็วราวกับเครื่องคิดเลข แต่ทำไมมัน

เรียนหนังสือไม่ได้เรื่องก็ไม่รู้ หน้าก็ไม่สวย สู้น้องไม่ได้เอาเลย

หน้าตาไม่สวย ความรู้น้อย อนาคตก็จบอยู่ที่ตลาดสด     

 นี่แหละ แต่สีหน้าของแสงคำก็เหมือนจะไม่ชอบอาชีพนี้เสียเลย

หล่อนทำท่าเบื่อ ๆ อยู่เสมอทั้งที่หล่อนก็เป็นคนขยันทำงานไม่เคย

มือว่าง อยู่บ้านก็ทำงานบ้าน อยู่ตลาดก็ช่วยงานทุกอย่าง

“เบื่อวิ่งหนีตำรวจ” หล่อนเคยบอกเหตุผลกับแม่ "อยาก

ทำอย่างอื่นที่ไม่ต้องรบรากับตำรวจน่ะ"

"แล้วเอ็งจะทำอะไร หรือจะไปทำก่อสร้างอย่างพ่อเอ็งไม่

ไหวนา ค่าแรงก็ถูก เขาให้ผู้ชายมากกว่าตั้งสิบบาทต่อวันอย่างเอ็ง

ไปทำได้สี่สิบ เหนื่อยจะแย่ ขายของยังดีกว่าวิ่งหนีตำรวจมั่ง ก็ยัง

พอได้กำไรมือไม้ไม่พังเหมือนก่อสร้างหรอก"

"ถ้าแม่ไม่ว่าก็อยากไปช่วยพี่หวี"

พี่หวีคือเพื่อนบ้าน ชื่อฉวี หล่อนทำงานร้านเสริมสวยเจ้า

ของร้านเป็นญาติกัน ฉวีมีหุ้นอยู่ด้วย หล่อนอยากได้แสงคำไปเป็น

ผู้ช่วย หัดทำเล็บ สระผม ส่งกิ๊ปส่งเครื่องมือให้หล่อน ฉวีชอบแสง

คำตรงที่ไม่พูดมากและไม่เกียจคร้าน

"กินอยู่กะเขา ช่วยทำงานบ้านแล้วก็ฝึกทำงานทำเล็บ

ทำผมน่ะแม่ เขาให้สามร้อยก่อน ฉันจะยกให้แม่หมดเลย"

"แค่วันละสิบบาทเอง" แม่ท้วง

"แต่กินอยู่กะเขาด้วยนะแม่ แล้วเขาสอนงานให้ด้วย

พอเป็นแล้วทีนี้ก็ได้ส่วนแบ่ง แล้วร้านที่พี่หวีทำน่ะมันร้านชั้นดีติด

แอร์ พวกคุณนาย พวกเถ้าเกเนี้ยแยะเลย บางทีเขาชอบใจเขาก็ให้

รางวัล หนูจะใช้แต่เงินรางวัลนั่นเท่านั้นแหละ เงินเดือนได้เท่าไหร่

ยกให้แม่หมด"

แม่นิ่วหน้า สมองคิดสาระตะดูอย่างรวดเร็ว แม่ค้าขายมา

นานคิดเลขเก่งเหมือนกัน

"แล้วเขาให้หยุดอาทิตย์ละวัน พอหนูเป็นแล้ววันหยุดหนู

จะมารับจ้างทำเล็บให้พวกแม่ค้าในตลาดนี่ ซื้อเครื่องมือกับยา

ทาเล็บแล้วก็อะไรอีกไม่เท่าไหร่หรอกแม่ มาทำให้ถึงตลาด ไม่ต้อง

ไปที่ร้าน จะต้องมีคนให้ทำแน่ ๆ เลย คิดราคาพอ ๆ กับไปร้าน ไม่

เสียเวลาด้วย พอขายของเสร็จก็มีคนมาทำให้" แสงคำคิดการหา

เงินในอนาคต "หนูว่าคงดีกว่ามาวิ่งหนีตำรวจอยู่ยังงี้พวกตึกแถว

ก็คงให้ทำ เขาชอบทำเล็บกันแดง ๆ ทั้งมือทั้งตีน"

"แคะขี้ตีนให้คน" แม่บ่น

"เป็นไรไปเล่า แคะขี้ตีนขัดขี้ไคล หนูไม่รังเกียจหรอก หนู

เบื่อวิ่งหนีตำรวจ เบื่อต้องพูดมากเวลาคนต่อราคาผัก แม่ขาย

คนเดียวแล้วกัน อีหน่อยไอ้สุดมันโตก็ให้มันช่วยขายแทน มัน

ว่องไวกว่าหนูกว่าแม่หรอก ส่วนสร้อยเขาคงไปดีกว่าหนูกว่าน้อง

แยะหรอก ไม่ต้องห่วง พ่อก็ปล่อย ๆ เขาไป"

แม่ถอนใจเมื่อลูกสาวพูดถึงพ่อ พ่อขี้เมาหยำเป เล่นไพ่ เล่น

ไฮโลเก่ง เย็นลงเลิกงานก็กร่ำกันกับเพื่อน เมาเซกลับมาทุกวัน

ค่าแรงของพ่อหมดไปกับวงเหล้าและการพนันไม่เคยมาถึงมือแม่เลย

ที่กินอยู่กันทุกวันนี้ล้วนเป็นน้ำพักน้ำแรงของแม่ทั้งสิ้น

"ยังดีอยู่หรอกที่ไม่มาไถของเราไปลงขวดด้วย แต่ค่าแรงไม่

เคยถึงมือแม่เลยสักบาท"

พ่อเมาแล้วก็นอนหลับ ไม่เคยรุนแรงกับลูกเมีย แม่กับ

ลูก ๆ จึงทนพ่อ มาได้จนทุกวันนี้ เพื่อนพ่อบางคนเมาแล้วอาละวาด

เตะลูกเตะเมีย เงินน้ำพักน้ำแรงของลูกเมียก็มารีดเอาไปกินเหล้า

เล่นไฮโลหมด พ่อยังไม่เคยทำเช่นนั้น พ่อใช้เงินของพ่อเอง แต่พ่อ

ก็กินข้าวบ้านวันละมื้อสองมื้อ ใช้น้ำใช้ไฟที่แม่จ่ายคืออาศัยกินอยู่

กับแม่นั้นเอง

"เท่ากับมีลูกเลี้ยงไม่โตอีกคน กินกงสี ไม่เคยช่วยออก

เล้ย วันไหนพ่อแกซื้อกับข้าวมาให้ลูกกินวันนั้นโลกาวินาศ

วันสุริยคราสว่ะ"

ลูก ๆ ไม่ค่อยรู้สึกอะไรกับพฤติกรรมของพ่อ เพราะชิน

เสียแล้ว พ่ออยู่หรือไม่อยู่ก็เหมือนกัน พ่อไปทำงานก่อสร้างหาก

สถานที่ก่อสร้างอยู่ไกลพ่อไม่กลับบ้านเลยเป็นเดือน ๆ แม่ก็ไม่

พูดถึง ลูกก็เฉย ๆ สำหรับแสงคำนั้นพ่อไม่อยู่ยิ่งดีเพราะหล่อน

เบาภาระซักผ้าให้พ่อไปได้ เสื้อผ้าของพ่อนั้นซักยากเนื่องจาก

เลอะเทอะจากงานก่อสร้าง รองเท้าก็มีแต่ปูนเกาะ หล่อนทนดู

ไม่ได้ก็ต้องซักต้องล้างให้ ใจนึกเบื่อแต่ก็ทนวางเฉยอยู่ไม่ได้

เพราะถึงอย่างไรพ่อก็เป็นพ่อ

"ตกลงแม่ให้หนูไปทำงานกับพี่หวีนะ" แสงคำออดแม่อีก

แม่ "หนูหาได้เท่าไหร่ยกให้แม่หมด เอาไว้ใช้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น

แหละแม่"

แม่ถอนใจ

"เออ ตามใจเอ็งเหอะ ถ้านึกว่ามันจะดีกว่าขายผักอยู่ที

ตลาดนี่น่ะ จริงซีนะ ถ้าเก่ง ๆ เกิดถูกหวยขึ้นมาจะได้มีร้านเสริมสวย

กะเขามั่ง แม่จะได้อาศัยหน้าร้านเอ็งเปิดขายผักผลไม้ไง"

แสงคำยิ้ม

"แม่หวังที่สร้อยมันดีกว่า เขาว่าร้องเพลงได้เดือนนึงเป็น

หมื่น ไอ้เราเงินพันยังไม่เคยเห็น เผื่อให้สร้อยมันเซ้งร้านให้แม่"

"ฝันกันเข้าไป" แม่ยิ้มปากกว้าง เพราะที่จริงแม่ก็ฝัน

เหมือนกัน

"เขายิ่งนารีมีรูปเป็นทรัพย์อยู่" แสงคำพึมพำ วันนี้หล่อน

พูดมากกว่าปรกติหลายเท่าแล้วเพราะทนชีวิตแม่ค้าหาบเร่วิ่งหนี

ตำรวจไม่ไหว

"กลัวแต่ว่าความสวยมันจะทำพิษเอาเท่านั้นแหละ เฮ้อ

ได้ดีก็ดีไป ถ้าทำตัวไม่ดี มีผัวจิ๊กโก๋ให้มันไถละก็ตายเลย" แม่

หวาดเพราะรู้จักชีวิตมามาก ถึงจะฝันแต่แม่ก็ยังคิดเผื่อความ

ผิดหวังไว้บ้าง

แม่เป็นคนมาจากเมืองเหนือ เพื่อน ๆ ของแม่หลายคนสวย

ระดับนางงาม แต่ชีวิตจบลงที่โรงแรมชั้นต่ำ บางคนได้ดีเป็นคุณ

หญิงท่านนายพลก็มี บางคนชีวิตอยู่ในระดับปานกลางเป็นเมียพ่อ

ค้าจีน ข้าราชการหรือนายทหารระดับนายร้อยนายพัน และที่ต้อย ต่ำได้ผัวกุลีอย่างแม่ก็มี แต่แม่คิดว่าชีวิตของแม่ก็ยังดีกว่าคนสวย

เพื่อนแม่บางคนที่ต้องกลายเป็นโสเภณี

ชีวิตมันแน่นอนที่ไหน แม่จึงนึกกลุ้มอยู่เหมือนกันที่สร้อย

คำสวยเกินไป กลัวความสวยจะกลายเป็นดาบสองคม คมหนึ่ง

เฉือนเอาเนื้อตัวเองเข้า

"สร้อยมันไม่ใช่คนโง่หรอก แม่ไม่ต้องกลัว มันเค็มจะตาย"

แสงคำว่า หล่อนรู้จักและเข้าใจน้องสาวดีทีเดียว ดีกว่าแม่เสียอีก

สร้อยคำมีอะไรก็เล่าสู่พี่สาว ไม่เล่าให้แม่ฟัง "มันฝันสูงด้วย

แม่อย่ากลัวไปเลย มันฝันสูงทะเยอทะยานแต่ตีนติดดินหรอกน่า"

 


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (82 รายการ)

www.batorastore.com © 2025