Customer Reviews

3
มีหลายเรื่องที่อ่านแล้วก็อยากเอาไปลองวิชาดูเหมือนกัน น่าสนุกดี
โดย: Inging วันที่เขียนรีวิว: 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

คุณโกหกเป็นหนังสือสอนการจับโกหก โดยใช้วิธีการพูดคุยกัน แล้วสังเกตจากท่าทาง คำพูด ภาษาร่างกายต่างๆตามหลักจิตวิทยา พูดถึงเรื่องการจับโกหก คงเป็นเรื่องที่ใครก็สนใจอยู่แล้ว ถามว่าหนังสือของวิน เอี่ยมอ่อง นักจิตวิทยาเล่มนี้ จะใช้เป็นคู่มือจับโกหกใครต่อใครได้มั้ย เราว่าก็คงไม่ถึงขั้นนั้น เพราะว่าเรื่องการจับโกหกต้องอาศัยสองอย่างประกอบกันก็คือความรู้ทางจิตวิทยากับเรื่องทักษะที่ต้องอาศัยการฝึกฝน ซึ่งสำหรับเล่มนี้คิดว่ามีข้อดีตรงที่หลักการทางจิตวิทยาเท่านั้น ส่วนเรื่องทักษะ เทคนิคที่เป็นเรื่องในทางปฏิบัติ ยังน้อยเกินไป อาจจะเรียกได้ว่าอ่านแล้วรู้แต่ยังนำไปใช้ไม่เป็น แต่ว่าต้องบอกก่อนว่าเราวัดจากตัวเราเอง ถ้าเป็นคนที่มีทักษะเรื่องการสื่อสารกับคนอยู่แล้ว เราว่าน่าจะง่ายนะ ใช้เล่มนี้เสริมเข้าไปก็น่าจะจับโกหกได้ไม่ยาก หนังสือบอกว่าจะสอนเทคนิคอย่างเป็นขั้นเป็นตอนในการจับโกหก แต่เราคิดว่าเนื้อหามันดูเยอะแล้วก็ไม่ค่อยเป็นระเบียบ เป็นขั้นเป็นตอนซักเท่าไหร่ เหมือนกับว่าผู้เขียนมีความรู้เยอะแล้วพยายามอัดสิ่งที่ตัวเองรู้มาใส่ไว้ในหนังสือเล่มเดียว กลายเป็นว่ามีทั้งเรื่องที่อยากรู้และไม่อยากรู้ปนๆกันไป โดยรวมหนังสือพูดถึงหลักการพื้นฐานทางจิตวิทยาเวลาที่คนเราจะโกหก เทคนิคในการสังเกตภาษากาย การใช้คำพูด และการใช้บทสนทนาเพื่อทดสอบว่าคู่สนทนาของเรากำลังโกหกอะไรเราอยู่รึเปล่า มีหลายเรื่องที่อ่านแล้วก็อยากเอาไปลองวิชาดูเหมือนกัน น่าสนุกดี ใครอยากรู้เทคนิคที่ว่ามาก็ลองอ่านกันดู ไม่ผิดหวัง
3
หัวใจสำคัญของหนังสือเล่มนี้ก็คือการเป็นคนคิดบวก มองโลกในแง่ดี เห็นอกเห็นใจผู้อื่น
โดย: Inging วันที่เขียนรีวิว: 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

Happy สุขจัง 119% เป็นหนังสือสอนเทคนิคการสร้างความสุขที่เขียนโดยคุณฮิโรมิจิ โมริชิตะ ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริการลูกค้าและนักสร้างแรงจูงใจชาวญี่ปุ่น เป็นเทคนิคที่ใช้ในการบริการลูกค้าที่นำมาปรับใช้กับการใช้ชีวิตประจำวัน ส่วนตัวคิดว่ายังไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่ เพราะว่าหนึ่งเลยคือปัญหาการแปลจากภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาไทย ทำให้อ่านแล้วไม่ค่อยเข้าใจ ตัวเทคนิคอ่านแล้วดูดี พอเข้าใจได้ แต่ว่าวิธีการยังงงนิดหน่อย อีกอย่างคือปัญหาเรื่องความแตกต่างทางวัฒนธรรมระหว่างไทยกับญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัฒนธรรมการทำงาน ทำให้วิธีการบางอย่างอาจจะใช้ได้ผลดีที่ญี่ปุ่น แต่อาจจะใช้ไม่ได้ผลกับสังคมไทย สำหรับ 9 เทคนิคที่จะทำให้ตัวเองและคนรอบข้างมีความสุขก็คือ เทคนิคการพูดชมเชยคนอื่น เทคนิคการแสดงความดีใจ เทคนิคการรักษาความร่าเริงเอาไว้ตลอดเวลา เทคนิคการยิ้มและการทักทาย เทคนิคการได้รับความไว้วางใจจากผู้อื่น เทคนิคการทำให้จิตใจอิ่มเอิบ เทคนิคการขอบคุณ การเลิกนินทาว่าร้ายผู้อื่น และเทคนิคการใช้ชีวิตด้วยความมั่นใจ ในส่วนของข้อดีของเล่มนี้ที่ชัดเจนที่สุดก็น่าจะเป็นเรื่องการบอกเล่าประสบการณ์ตรงของผู้เขียนที่ใช้เทคนิคตามหนังสือแล้วได้ผลลัพธ์ที่ดี ซึ่งไม่ใช่แค่การใช้เทคนิคเหล่านี้ในการทำงานเท่านั้น ผู้เขียนได้เอาไปประยุกต์ใช้กับเรื่องอื่นๆในชีวิตประจำวันด้วย เราคิดว่าหัวใจสำคัญของหนังสือเล่มนี้ก็คือการเป็นคนคิดบวก มองโลกในแง่ดี เห็นอกเห็นใจผู้อื่น สามอย่างนี้คือหลักการสำคัญที่เราได้จากเทคนิคทั้ง 9 ข้อของฮิโรมิจิ ในส่วนของเทคนิคจะเป็นอย่างไร ต้องลองอ่านดูนะคะ
3
รู้เขารู้เราทำให้ความรักของสองคนดีขึ้นจริงๆ
โดย: Inging วันที่เขียนรีวิว: 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

จะบอกว่าหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือรู้เขารู้เราระหว่างผู้หญิงกับผู้ชายก็คงไม่ผิด ถึงแม้ว่าวิน จะเขียนจากมุมของผู้หญิงก็ตาม แต่ก็เป็นเรื่องที่ผู้ชายทุกคนต้องรู้ โดยเฉพาะคุณผู้ชายทั้งหลายที่อยากจะเข้าใจแฟนของคุณให้มากยิ่งขึ้น ควรต้องอ่านเป็นอย่างยิ่ง คุณคิดอะไรเล่าเรื่องความเป็นผู้หญิงหรือเหตุผลเบื้องหลังของพฤติกรรมที่ผู้หญิงแสดงออกมา ผู้เขียนบอกว่าเรื่องเหล่านี้เป็นความลับที่ผู้หญิงไม่อยากเปิดเผยให้ผู้ชายรู้ แต่เรากลับมองว่าไม่ใช่เรื่องที่จะต้องเป็นความลับอะไรเลย ยิ่งเปิดเผยให้อีกฝ่ายรู้แบบตรงไปตรงมา ยิ่งน่าจะดีต่อความสัมพันธ์ด้วยซ้ำ สิ่งที่วินเขียนไว้ในหนังสือถ้ามองในมุมของคนอ่านที่เป็นผู้ชาย น่าจะทำให้ผู้ชายเป็นคนที่ละเอียดอ่อนมากขึ้น ใส่ใจในรายละเอียดของความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับคนรักมากขึ้น เข้าใจที่มาที่ไปของสิ่งที่ผู้หญิงแสดงออกมากขึ้น อย่างเรื่องง่ายๆที่วินแนะนำไว้สำหรับคุณผู้ชายก็คือการเป็นผู้ฟังที่ดี สนใจและจดจำสิ่งที่อีกฝ่ายพูด ตอบสนองสิ่งที่ฝ่ายหญิงต้องการอย่างเข้าใจ วินบอกว่าผู้หญิงส่วนมากมักยอมบอกทุกอย่างที่จำเป็นให้อีกฝ่ายรับรู้เพื่อทำให้ทั้งสองฝ่ายมีความสุข แต่ฝ่ายชายกลับเลือกที่จะไม่ฟังหรือไม่ให้ความสนใจกับเรื่องเหล่านั้นเสียเอง กลายเป็นการทำลายความสัมพันธ์ทางอ้อม อ่านไปอ่านมาเราเองเป็นผู้หญิงเหมือนกันแต่กลับรู้สึกว่าบางทีผู้หญิงก็ทำตัวซับซ้อนจนน่ารำคาญนะ ซับซ้อนจนต้องมีหนังสือแบบนี้มาสอนผู้ชายให้เข้าใจว่าผู้หญิงเป็นยังไงกันเลยทีเดียว การแสดงออกแบบตรงไปตรงมาน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในความสัมพันธ์ของคนสองคน
ก้าวทันโลกกว้างกับ อ.อ่างสุขภาพ
3
เป็นคู่มือที่จะช่วยในการตัดสินใจเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพของตัวเองในด้านต่างๆได้อย่างถูกต้องมากขึ้น
โดย: Inging วันที่เขียนรีวิว: 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

การดูแลสุขภาพกำลังมีแนวโน้มที่ผู้คนให้ความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ที่มาที่ไปของเรื่องนี้อาจจะยังไม่ชัดเจน แต่ที่ชัดเจนคือคนส่วนใหญ่ที่เป็นห่วงสุขภาพของตัวเองยังไม่มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง ที่เข้าใจไม่ถูกต้องก็อาจจะมาจากหลายสาเหตุด้วยกัน เช่น ไม่ยอมหาข้อมูลด้วยตัวเอง อาศัยคำบอกเล่าจากคนที่มีประสบการณ์ว่าอย่างนั้นอย่างนี้ดี ทำได้ กินแล้ว ได้ผล กับอีกสาเหตุหนึ่งก็คือสับสนในข้อมูลที่มีจำนวนมากมายมหาศาล ไม่รู้ว่าอันไหนจริง อันไหนไม่จริง โดยเฉพาะข้อมูลจากโลกออนไลน์ซึ่งไม่มีที่มาที่ไปที่ชัดเจนและไม่น่าเชื่อถือ สำหรับก้าวทันโลกกว้างกับอ่างสุขภาพเล่มนี้ อาจจะเรียกได้ว่าเป็นคู่มือที่จะช่วยในการตัดสินใจเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพของตัวเองในด้านต่างๆได้อย่างถูกต้องมากขึ้น ที่บอกว่าช่วยได้อย่างถูกต้องมากขึ้น ไม่ได้เป็นเพราะหนังสือเขียนโดยคุณหมอ แต่เป็นเพราะข้อมูลที่นำมาอ้างอิงนั้น เอามาจากงานวิจัยที่เป็นที่ยอมรับ มีที่มาที่ไปที่ชัดเจนมากกว่า ความรู้ในหนังสือเล่มนี้ค่อนข้างจะรอบด้านเพราะมีทั้งเรื่องอาหารการกิน อาหารเสริม เรื่องการออกกำลังกายและการรักษาอิริยาบถ อากาศ อุจจาระ ปัสสาวะ เรื่องความอ้วน เรื่องอารมณ์ สังคม สิ่งแวดล้อม เรื่องยา และโรคอัมพาต หัวใจ หลอดเลือด เป็นต้น อาจจะมีรูปเล่มที่ไม่ค่อยน่าสนใจ แต่ความรู้ที่ได้มีประโยชน์จริงๆ ที่สำคัญคือเป็นเรื่องใกล้ตัว อย่างเช่นเรื่องการกินน้ำอัดลม การกินช็อคโกแลต การนอนดึกตื่นสาย เรื่องอ้วน โรคซึมเศร้า โทษของยาลดความอ้วน การออกกำลังกายและวิธีการเลิกบุหรี่ที่ถูกต้อง เป็นต้น
รู้ใจคนด้วยจิตวิทยาไม่ยาก
3
ทำให้รู้ว่าจิตวิทยาไม่ใช่เรื่องยากจริงๆ
โดย: Inging วันที่เขียนรีวิว: 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ส่วนตัวเป็นคนที่สนใจเรื่องจิตวิทยาอยู่แล้ว เคยได้อ่านหนังสือแนวจิตวิทยามาบ้างพอสมควร แต่สำหรับรู้ใจคนด้วยจิตวิทยา ไม่ยาก เล่มนี้ เป็นเล่มที่คิดว่าแตกต่างและอ่านง่ายกว่าทุกเล่มที่ผ่านมา ทำให้เรื่องจิตวิทยายากๆกลายเป็นเรื่องที่น่าสนุกและเข้าใจง่าย ถือว่าเป็นหนังสือที่ได้ทั้งสาระและความสนุกไปในเวลาเดียวกัน ในหนังสือจะมีตัวการ์ตูน 2 ตัวทำหน้าที่เล่าเรื่องราวความรู้เกี่ยวกับจิตวิทยาต่างๆ ส่วนตัวคิดว่าการใช้ตัวการ์ตูน 2 ตัวนี้ในการอธิบายความหมายของจิตวิทยาตั้งแต่เริ่มต้น ทำให้เวลาอ่านตอนต่อๆไปของหนังสือไม่ใช่เรื่องยากเลย เพราะการใช้ตัวการ์ตูนทำให้เข้าใจง่ายมากๆ อย่างเรื่องทฤษฎีจิตวิทยา ถ้าจะมานั่งอธิบายกันแบบจริงๆจังๆ คงต้องอธิบายกันยาวและไม่แน่ว่าจะเข้าใจกันรึเปล่า แต่พอมาอธิบายโดยใช้ตัวการ์ตูน ปรากฏว่าช่วยให้รู้เรื่องมากกว่าที่คิด ประมาณว่าเป็นการอธิบายแบบใช้ mind mapping ประกอบกับรูปภาพนั่นเอง แต่ว่ายังมีบางเรื่องที่ผิดหวังอยู่เหมือนกัน เพราะอ่านแล้วก็ยังงงๆอยู่ คือไม่มีรูปประกอบเลย แล้วคำศัพท์ต่างๆในทางจิตวิทยา บางคำอ่านแล้วก็งง ไม่รู้แปลว่าอะไร อย่างเช่นเรื่องที่เราสนใจเช่นเรื่องจิตวิเคราะห์ ก็มีคำอธิบายแค่นิดเดียวเอง แถมศัพท์ที่ไม่เข้าใจความหมายก็เต็มไปหมด อ่านแล้วเหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ 555 อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน ประมาณว่าพอเข้าใจหลักแต่ไม่เข้าใจในรายละเอียด เหมือนอ่านหนังสือสรุปย่ออะไรแบบนั้น แต่ยังไงเล่มนี้ก็มีข้อดีมากกว่าข้อเสีย อย่างน้อยก็ทำให้เข้าใจเรื่องหลักการเกี่ยวกับจิตวิทยามากขึ้น
เปิดประตูท่องเที่ยวอาเซียน เชื่อมโยง 10 ประเทศเป็นหนึ่งเดียว
2
เป็นหนังสือท่องเที่ยวที่ไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่
โดย: Inging วันที่เขียนรีวิว: 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าถ้าเราเป็นนักท่องเที่ยวที่อยากจะไปเที่ยวอาเซียนแล้วอยากหาหนังสือคู่มือท่องเที่ยวซักเล่ม เราจะซื้อหนังสือเล่มนี้ดีรึเปล่า เพราะว่าแม้จะเป็นหนังสือที่พูดถึงเรื่องการท่องเที่ยวในประเทศกลุ่มอาเซียนและรวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวเด่นๆของแต่ละประเทศไว้มากมาย แต่นอกจากข้อมูลของสถานที่ท่องเที่ยวในแบบย่อแล้วก็ไม่มีอะไรที่น่าสนใจอีกเลย คงเป็นเพราะหนังสือรวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวของแต่ละประเทศไว้เยอะเกินไปก็เลยทำให้เวลาที่จะให้ข้อมูลก็เลยทำได้เพียงการให้ข้อมูลแบบย่อเท่านั้น คิดว่าถ้าแบ่งออกเป็นหนึ่งประเทศหนึ่งเล่มน่าจะโอเคกว่า อีกเรื่องที่น่าผิดหวังสำหรับเล่มนี้ก็คือเรื่องของภาพประกอบที่เป็นภาพขาวดำ ซึ่งเราก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเลือกภาพขาวดำ เพราะถ้าจะทำให้สถานที่ท่องเที่ยวดูน่าสนใจจนคนอยากไปเที่ยวก็ควรจะใช้ภาพสีมากกว่า ส่วนเรื่องการเดินทางก็เป็นแต่เพียงบอกว่ามีทางรถไฟ มีทางรถยนต์ยังไง แต่ไม่ได้บอกว่านักท่องเที่ยวจะเดินทางโดยใช้เส้นทางเหล่านั้นได้ยังไง ก็เลยไม่เข้าใจว่าหนังสือต้องการสื่ออะไรกันแน่ ต้องการบอกให้รู้เฉยๆแค่นั้นรึเปล่าแล้วค่อยให้นักท่องเที่ยวไปหาข้อมูลเพิ่มเอาเอง ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นจริง เล่มนี้ก็คงเป็นหนังสือที่ไร้ประโยชน์มากๆ เพราะข้อมูลพวกนี้เป็นข้อมูลที่ค้นหาได้ง่ายมากๆในอินเตอร์เน็ต ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องไปเสียเงินซื้อหนังสือมาเลย ส่วนตัวแล้วคิดว่าเล่มนี้ทำออกมาไม่ค่อยดี เนื้อหาไม่น่าสนใจ รูปภาพไม่สวย ไม่คุ้มค่าที่ต้องเสียสตางค์ แต่ถ้าใครอยากเอาไปใช้เป็นข้อมูลอ้างอิง ก็อาจจะดีตรงที่หนังสือได้รวบรวมข้อมูลของทุกประเทศมาไว้ในเล่มเดียวแล้ว
4
อ่านสนุกเหมือนได้ไปเที่ยวด้วยตัวเอง
โดย: Inging วันที่เขียนรีวิว: 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

สำหรับคนที่ไม่มีโอกาสไปเที่ยวเมืองนอกอย่างเรา การได้อ่านหนังสือท่องเที่ยวดีๆซักเล่มก็พอใจแล้ว คงไม่ใครปฏิเสธว่าอเมริกาคือประเทศที่ครั้งหนึ่งในชีวิตอยากไปสัมผัสซักครั้ง เสน่ห์ของอเมริกาก็คือความกลมกลืนระหว่างความเป็นเมืองกับความเป็นธรรมชาติ ในแง่ของเมือง อเมริกามีมหานครใหญ่ๆมากมายที่เต็มไปด้วยแสงสีที่มีเสน่ห์ ในแง่ของความเป็นธรรมชาติ ภูมิประเทศของประเทศนี้ก็สวยงาม น่าหลงใหลไม่ต่างกัน เรียกว่าไปเที่ยวประเทศเดียวได้เที่ยวครบทุกรูปแบบ ล่องเรือลุยอะแลสกา ซ่าต่อที่นิวยอร์ก คือหนังสือที่พูดถึงการท่องเที่ยวในแบบฉบับที่ครบทุกรสชาติอย่างที่บอกไปแล้ว อะแลสกาเมืองที่มีความโดดเด่นเรื่องธรรมชาติที่สวยงาม และนิวยอร์กมหานครอันดับต้นๆของโลก ดึงดูดให้ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกต้องเดินทางไปท่องเที่ยว แต่ไม่ใช่แค่สองเมืองนี้เท่านั้น ผู้อ่านยังจะได้สัมผัสความสวยงามผ่านตัวหนังสือและรูปสวยๆของลาสเวกัส และวอชิงตันด้วย ตลอดหนังสือเล่มนี้ที่หนากว่า 200 หน้า ไม่มีหน้าไหนที่ไม่สวยและไม่สนุกเลย ยิ่งอ่านก็ยิ่งเกิดกิเลสอยากไปเที่ยวกับเค้าบ้าง ต้องยอมรับว่าบ้านเมืองเค้าสวยจริงๆ แต่ไม่รู้ว่าของจริงจะสวยเหมือนในรูปรึเปล่า การเล่าเรื่องของผู้เขียนก็สนุกน่าติดตาม ให้ความรู้สึกเหมือนเพื่อนมาเล่าประสบการณ์การท่องเที่ยวของตัวเองให้ฟัง ไม่รู้ว่าจะรีวิวอะไรดี เพราะสวยจริงๆ ไม่มีที่ไหนที่ไม่อยากไปเลย นอกจากเรื่องความสวย ความสนุกแล้ว ก็ยังมีเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับสถานที่ต่างๆสอดแทรกไว้ด้วย ก็ได้ความรู้รอบตัวเพิ่มขึ้นอีกนิดนึง ชอบมากๆเลย อยากแนะนำให้ลองอ่านกัน
3
วิธีง่ายในการบรรเทาความเครียดน่าสนใจดีค่ะ
โดย: Inging วันที่เขียนรีวิว: 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

เวลาเครียด ต้องทำยังไง คำตอบที่ง่ายที่สุดก็คือหาอย่างอื่นทำให้ลืมความเครียดนั้นไป วิธีแก้ปัญหาแบบนี้อาจจะไม่ใช่วิธีที่ผิดซะทีเดียวแต่ก็คงไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องที่สุด เพราะเป็นเพียงการหนีปัญหาหรือแก้ปัญหาได้เพียงชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้นเอง แล้ววิธีการที่ดีกว่าคืออะไร หาคำตอบได้จากหนังสือเล่มนี้ เคล็ดลับบำบัดเครียดพูดถึงวิธีการในการกำจัดความเคียดที่ยั่งยืนกว่าวิธีที่ว่ามา โดยอาศัยความรู้และประสบการณ์ในการเป็นจิตแพทย์มาอย่างยาวนานของผู้เขียน การออกกำลังกายก็ดี การเจริญสติก็ดี หรือการเปลี่ยนที่ยืนก็ดี ทั้งสามวิธีดังกล่าวยืนอยู่บนหลักการเดียวกันคือจะกำจัดความเครียดได้ ก็ต้องกล้าที่จะเผชิญกับความเครียดให้ได้ ลองดูสิ่งที่ผู้เขียนบอกไว้อย่างเช่น เรื่องเราเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา หรือเรื่องกล้าคิด กล้าทำ กล้าตัดสินใจ แล้วยอมรับผล จะเห็นว่าสะท้อนให้เห็นว่าเราต้องกล้าเผชิญกับความเครียดเพื่อจะกำจัดความเครียด อันที่จริงวิธีการกำจัดความเครียดไม่ได้มีแค่ 3 วิธีเท่านั้น เพียงแต่ว่าผู้เขียนไม่ได้เขียนเอาไว้ชัดเป็นข้อๆเท่านั้นเอง อย่างที่บอกไว้ว่าไม่ใช่การสอนแบบหนังสือ ฮาวทู ทั่วไป ส่วนตัวชอบแนวคิดแบบนี้มาก เพราะว่าอ่านแล้วได้ใช้ความคิดของตัวเอง เอาสิ่งที่ผู้เขียนแนะนำมาปรับใช้ในแบบของตัวเอง ไม่มีผิดไม่มีถูก ที่สำคัญคือได้ลองหยิบหลักการมาทดลองใช้ด้วยตัวเอง และเมื่อไม่ได้ผลยังไงก็ปรับแก้ได้จนได้วิธีการเฉพาะที่เหมาะกับตัวเองจริงๆ แต่สำหรับคนที่ไม่ได้ชอบแบบเดียวกัน ก็ยังอ่านได้ เพียงแต่ว่าอาจจะไม่ตรงตามสเปคหรือไม่ตอบโจทย์เท่านั้นเอง
5
ใครก็ตามที่เป็ฯแฟนโดเรมอนต้องไม่พลาดเล่มนี้
โดย: Inging วันที่เขียนรีวิว: 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

คงไม่ต้องบรรยายอะไรมากมายถึงการ์ตูนยอดฮิตตลอดกาลอย่างโดเรมอน เพราะไม่ว่าผู้อ่านจะอยู่ในวัยไหน จะเป็นเด็กหรือเป็นผู้ใหญ่วัยทำงาน ทุกคนต้องรู้จักการ์ตูนเรื่องนี้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว แต่ถ้าจะพูดว่ารู้จักเป็นอย่างดีก็อาจจะไม่ถูกต้องซะทีเดียว เราเชื่อว่ายังมีอีกหลายเรื่องที่เรายังไม่รู้เกี่ยวกับการ์ตูนเรื่องนี้ สำหรับคนที่ช่างสังเกต คิดว่าคงมีหลากหลายคำถามหรือความสงสัยถึงที่มาที่ไปของตัวละครต่างๆ หรือของวิเศษในกระเป๋าโดเรมอน ฯลฯ ปริศนาแห่งโดเรมอนเล่มนี้คือหนังสือที่จะช่วยไขข้อสงสัยและให้คำตอบที่น่าสนุกเกี่ยวกับโดเรมอนในนไก่ตาแตก ตอนแรกก็นึกว่าจะเป็นการสู้กันแบบคลาสสิกไร้พลัแบบที่ถ้าใครได้รู้แล้วละก็รับรองว่าคุณจะกลายเป็นแฟนพันธุ์แท้ของการ์ตูนเรื่องนี้ได้อย่างแน่นอน ส่วนตัวเราคิดว่าถ้าการ์ตูนเรื่องนี้สนุกยังไง หนังสือเล่มนี้ก็สนุกไม่แพ้กันเลย เผลอๆถ้าคุณได้อ่านจนจบคุณอาจจะรักโดเรมอนมากขึ้นหรืออยากย้อนกลับไปดูการ์ตูนเรื่องนี้อีกรอบอย่างแน่นอน ลองมาดูกันซักนิดนึงละกันว่ามีเรื่องอะไรที่น่าสนใจบ้าง ที่เราชอบก็อย่างเช่น คอปเตอร์ไม้ไผ่ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาเมื่อไหร่ คอปเตอร์ไม้ไผ่ทำงานยังไง ทำไมโดเรมอนถึงไม่มีนิ้ว ทำไมต้องบอกชื่อของวิเศษทุกครั้งที่หยิบขึ้นมาจากกระเป๋า โดเรมอนชอบแมวสาวประเภทไหน ทำไมไทม์แมชีนถึงอยู่ในลิ้นชักโต๊ะ อดีต ปัจจุบัน และอนาคตของครอบครัวโนบิ เป็นต้น ยังมีอีกหลายๆเรื่องที่อ่านแล้วสนุกมากๆพอๆกับอ่านการ์ตูนเลย แนะนำเลยสำหรับเล่มนี้ ห้ามพลาดเด็ดขาด
เดินไปทำงานอย่างมีความสุข (My Happy way to work )
4
เป็นหนังสือที่พูดถึงเรื่องธรรมะง่ายๆในการทำงาน
โดย: Inging วันที่เขียนรีวิว: 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

สำหรับคนทำงานหลายคน เราว่าเกิน 90 % คงต้องมีความรู้สึกเบื่อหน่าย ไม่อยากไปทำงานด้วยกันทุกคน ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นจนกลายเป็นเรื่องปกติ กลายเป็นเรื่องที่เราคุ้นเคยกับมัน แต่ถึงแม้จะคุ้นเคยยังไง เราเชื่อว่าผู้อ่านที่อยู่ในวัยทำงานคงอยากจะขจัดความรู้สึกแบบนี้ให้หมดไปแล้วออกไปทำงานอย่างมีความสุขทุกวันอย่างแน่นอน แต่การจะขจัดความรู้สึกเบื่อหน่าย ไม่มีความสุขกับงานนั้น คงไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันได้ง่ายๆ ใครอยากจะแก้ปัญหาด้วยการเปลี่ยนงานไปเรื่อยๆจนกว่าจะเจองานที่ตัวเองชอบ เพราะฉะนั้น My Happy Way to Work เดินไปทำงานอย่างมีความสุข จึงเป็นหนังสือที่จะช่วยให้ผู้อ่านจัดการกับความรู้สึกแย่ๆในการไปทำงานได้อย่างถูกวิธี ส่วนตัวคิดว่าหนังสือเล่มนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือเป็นหนังสือที่พูดถึงเรื่องธรรมะที่ง่าย เป็นปัจจุบัน เข้าถึงคนทำงาน แต่ก็มีข้อเสียคือบางเรื่องดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ปฏิบัติได้ยากในความเป็นจริง เพราะว่าโลกของความเป็นจริงมันมีเงื่อนไขเยอะแยะมากมายที่ไม่สามารถเอาวิธีการในหนังสือไปปรับใช้ได้ อีกอย่างหนึ่งก็คือหนังสือพูดถึงการแก้ปัญหาที่ทำให้คนอ่านรู้สึกว่าพูดง่ายแต่ทำยาก มากเกินไป ถ้าลองเปลี่ยนเนื้อหาโดยเน้นไปที่ตัวอย่างที่เกิดขึ้นจริง หรือเทคนิคที่เอาไปใช้แล้วได้ผลจริงมากขึ้นอีกหน่อย น่าจะช่วยให้เล่มนี้น่าสนใจมากขึ้น แต่ยังไงก็ตามถ้าอ่านแล้วเน้นไปที่เรื่องการเปลี่ยนแปลงจิตใจหรือทัศนคติในการทำงานของตัวเอง อันนี้คิดว่ามีประโยชน์ มีหลายเรื่องที่น่าสนใจและทดลองทำตามได้ไม่ยาก
กะเทาะแก่นอาเซียน เรียนรู้วัฒนธรรมร่วมสมัย POP Culture
4
เป็นหนังสือที่จะช่วยเปิดมุมมองใหม่ๆเกี่ยวกับชาติอาเซียน
โดย: Inging วันที่เขียนรีวิว: 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ในยุคประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน การทำความเข้าใจและรู้จักประเทศเพื่อนบ้านให้มากขึ้นถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะจะส่งผลดีต่อการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกันรวมไปถึงความร่วมมือกันในด้านต่างๆอีกด้วย กะเทาะแก่นอาเซียนเป็นการนำเสนอเรื่องราวของเพื่อนร่วมภูมิภาคในแง่มุมใหม่ๆ เป็นแง่มุมที่ลึกไปกว่าการทำความรู้จักสภาพภูมิศาสตร์ เมืองหลวง สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ หรือเรื่องเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ ซึ่งเรื่องเหล่านี้ได้มีการพูดถึงกันบ่อยแล้วทั้งในหนังสือเรียนและในสื่อต่างๆ ผู้เขียนบอกว่ากะเทาะแก่นอาเซียนจะทำให้คนอ่านเข้าใจตัวตน จิตวิญญาณ และความรู้สึกของคนในอาเซียนแบบประชิดติดตัว ซึ่งในความคิดเห็นของเราก็อาจจะถูกในแบบที่ผู้เขียนบอกไว้ แต่คงไม่ใช่รู้จักตัวตนทั้งหมดของเขา เพียงแต่ว่าจะได้รู้จักเพื่อนของเราในมุมมองใหม่ๆที่อาจจะไม่รู้จักมาก่อนมากกว่า และที่สำคัญคือเป็นมุมที่เป็นชีวิตประจำวันของคนที่อาศัยอยู่ในประเทศเหล่านั้นจริงๆอย่างเช่นเรื่องการดูหนัง ฟังเพลง เรื่องเซ็กส์ ผู้หญิง แฟชั่น วัฒนธรรมมือถือในประเทศเพื่อนบ้านเป็นยังไง ประวัติศาสตร์ของประเทศไทยในสายตาของสื่อเพื่อนบ้านอย่างพม่า เป็นต้น ความแปลกใหม่ของการนำเสนอเรื่องอาเซียนของหนังสือเล่มนี้ทำให้น่าสนใจกว่าเล่มอื่นๆ ลืมบอกไปว่าผู้เขียนได้รับทุนไปศึกษาต่อด้านอาเซียนที่สิงคโปร์และได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเพื่อนหลากหลายชาติที่นั่นและได้เขียนเป็นคอลัมน์ชื่อเสียงจากอุษาคเนย์ ก่อนที่จะถูกรวบรวมมาเป็นหนังสือเล่มนี้ เป็นหนังสือที่ให้ข้อมูลที่เกิดจากประสบการณ์ตรงและจากงานวิชาการ ทำให้มีความน่าเชื่อถือดี
2
หนังสือน่าจะคัดเรื่องมานำเสนอให้น่าสนใจมากกว่านี้อีกหน่อยจะดีมาก เน้นที่คุณภาพของเรื่องมากกว่าปริมาณ
โดย: Inging วันที่เขียนรีวิว: 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ยกเครื่องสุขภาพเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่ใน 1 สัปดาห์ พูดถึงการเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อการมีสุขภาพที่ดีขึ้นในด้านต่างๆ โดยจะเป็นการหยิบเอาเรื่องราวของการใช้ชีวิตประจำวันที่เป็นปัญหาหรือหลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเป็นปัญหามาบอกเล่าและชวนให้หันมาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผิดเสียใหม่ให้ถูกต้อง จะเรียกว่าเป็นหนังสือจับฉ่ายสุขภาพก็คงไม่ผิดเพราะมีเรื่องสัพเพเหระมากมาย ทั้งเรื่องกิน เรื่องนอน เรื่องการออกกำลังกาย การดูแลผิวพรรณ ฯลฯ ทั้งหมดในหนังสือเล่มนี้มีอยู่ด้วยกัน 60 เรื่อง เท่าที่อ่านข้อดีของหนังสือเล่มนี้ก็คือ สั้น ง่าย ตรงประเด็น แต่ก็มีข้อเสียตรงที่การจัดรูปเล่มไม่ค่อยน่าสนใจชวนอ่าน ถ้าใครสนใจอ่านเอาสาระอย่างเดียวถือว่าคุ้มค่า แต่ถ้าใครคาดหวังจะได้ความสนุกจากการอ่านด้วย ต้องถือว่าผิดหวัง ตัวการ์ตูนในเล่มไม่ค่อยช่วยอะไรเท่าไหร่ จะมีหรือไม่มีก็คงไม่ต่างกัน ถ้าใครอ่านหนังสือแนวสุขภาพมาบ่อยๆก็จะรู้สึกว่าไม่ค่อยมีอะไรแปลกใหม่ เป็นความรู้ทั่วไปที่พบเห็นได้จากหนังสือประเภทเดียวกันอยู่แล้ว เล่มนี้ผู้เขียนน่าจะเขียนขึ้นเพื่อรวบรวมเอาประเด็นสุขภาพต่างๆมาไว้ในที่เดียวให้อ่านได้ง่ายๆมากกว่า สำหรับตัวเองยอมรับว่าไม่ได้อ่านครบทั้ง 60 เรื่อง แต่จะเลือกอ่านเฉพาะที่ตัวเองสนใจหรือว่าที่ตัวเองมีปัญหาอยู่ ลองนับดูก็มีไม่ถึงครึ่ง อาจจะด้วยที่เป็นคนอ่านหนังสือแนวนี้เยอะอยู่แล้ว ก็เลยข้ามเรื่องซ้ำๆเดิมๆไปพอสมควร ส่วนตัวคิดว่าหนังสือน่าจะคัดเรื่องมานำเสนอให้น่าสนใจมากกว่านี้อีกหน่อยจะดีมาก เน้นที่คุณภาพของเรื่องมากกว่าปริมาณ
3
โยคะก่อนนอนเป็นโยคะที่ถูกออกแบบมาสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาในการไปออกกำลังกายตามสถานที่ต่างๆ
โดย: Inging วันที่เขียนรีวิว: 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

โยคะก่อนนอนเป็นโยคะที่ถูกออกแบบมาสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาในการไปออกกำลังกายตามสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นโยคะหรือการออกกำลังกายประเภทอื่นๆ ทำไมต้องโยคะก่อนนอน ก็เพราะช่วงเวลาก่อนนอนเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายความคิดและจิตใจปลอดโปร่งมากที่สุด เป็นช่วงเวลาที่มีความสงบสูง ทำให้ผู้ฝึกมีสมาธิในการฝึกมากที่สุด สำหรับคนที่ไม่มีพื้นฐานความรู้เกี่ยวกับโยคะมาก่อน ก็สามารถมาเรียนรู้พื้นฐานได้จากหนังสือเล่มนี้เช่นเดียวกัน ซึ่งจะมีคำอธิบายเกี่ยวกับชนิดของโยคะ ประโยชน์ของการฝึกโยคะทางด้านร่างกายและจิตใจ การเตรียมความพร้อมสำหรับโยคะและคำเตือนก่อนการฝึก ในส่วนของท่าทางต่างๆนั้นจะแบ่งออกเป็นโยคะเพื่อการผ่อนคลาย โยคะในท่านั่ง โยคะในท่านอน และโยคะในท่ายืน เนื้อหาในหนังสือค่อนข้างสมบูรณ์ เสียอย่างเดียวคือรูปภาพประกอบที่ไม่ได้ใช้คนจริงๆมาสาธิต แต่ใช้รูปวาดแทน ซึ่งแตกต่างจากการใช้นางแบบนายแบบค่อนข้างมาก ทั้งในเรื่องความน่าเชื่อถือ ความมั่นใจเวลาฝึกท่าทางต่างๆตาม โดยเฉพาะกับคนที่พึ่งเริ่มต้นเรียนด้วยตัวเองเวลาปฏิบัติจะไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ว่าตัวเองทำถูกมั้ย เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมากๆ ตัวเองก็เจอปัญหานี้เช่นเดียวกัน หนังสือแบบนี้รูปภาพประกอบคือหัวใจสำคัญเลยก็ว่าได้ บางทีไม่จำเป็นต้องอธิบายให้ยืดยาวเลยหากว่าใช้ภาพสื่อท่าทางแทน อันนี้ก็เลยเป็นข้อเสียมากที่สุดของหนังสือเล่มนี้ ที่อาจจะทำให้ผู้อ่านมองข้ามเวลาที่ต้องการหาหนังสือโยคะมาเรียนเป็นเล่มแรกทั้งๆที่ในส่วนของเนื้อหาก็น่าสนใจ แต่ถ้าใครไม่แคร์เรื่องภาพประกอบ ก็เป็นอีกเล่มหนึ่งที่แนะนำ
ทำตามใจ ห่างไกลโรค
3
อ่านได้เรื่อยๆ อาจจะมีบางเรื่องที่เข้าใจยากนิดนึง
โดย: Inging วันที่เขียนรีวิว: 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

สำหรับหนังสือเล่มนี้ต้องอธิบายก่อนเลยว่ามีที่มาที่ไปยังไง เพราะว่าวิธีคิดในการมีสุขภาพดีของผู้เขียนหนังสือจะสวนทางกับความรู้ความเข้าใจแบบเดิมหรือของคนส่วนใหญ่ค่อนข้างมากพอสมควร พูดง่ายๆคือผู้เขียนบอกว่าให้กินตามใจปาก กินสิ่งที่ชอบ แล้วสุขภาพก็จะดีตามมาเอง โดยผู้เขียนอธิบายให้เห็นความเชื่อมโยงระหว่างสัญชาตญาณ การกิน และเรื่องสุขภาพ สามสิ่งนี้มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันยังไง และทำไมคนเราต้องกินตามที่ตัวเองชอบ อย่าฝืน ตัวเองอ่านแล้วให้ความรู้สึกแบบก้ำกึ่งเหมือนจะเชื่อแต่ก็ไม่เชื่อ พออ่านคำอธิบายแล้วก็เหมือนกับมีข้อสงสัยหรือว่าคำถามตามมาอยู่ตลอดเวลา ยกตัวอย่างเรื่องทำไมศิลปินถึงมีอายุยืน คำถามแรกที่เกิดขึ้นเลยก็คือ ศิลปินอายุยืนจริงหรือ ผู้เขียนบอกว่าที่ศิลปินอายุยืนก็เพราะศิลปินเป็นคนประเภทที่ได้ทำอะไรตามที่ตัวเองชอบ ซึ่งจะส่งผลดีต่อระบบประสาทและการไหลเวียนของเลือด ตัวเองก็รู้สึกว่าจริงบางส่วนไม่จริงบางส่วนคือรู้สึกว่าโดยหลักการแล้วใช่ แต่ไม่เสมอไป พออ่านไปเรื่อยๆก็จะเจอเรื่องที่ขัดกับความรู้สึกของตัวเองอยู่บ่อยๆก็เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้รู้สึกอคติกับหนังสือพอสมควร แต่ว่าถ้าอ่านแบบไม่คิดอะไรมาก ลองทำใจกลางๆเวลาอ่าน แล้วก็เลือกอ่านเฉพาะเรื่องที่มีหลักการเป็นเหตุเป็นผล ก็ถือว่าได้ความรู้ดีพอสมควรเลย ที่สำคัญคืออ่านแล้วช่วยให้หันกลับมาค้นหาตัวเอง สำรวจตัวเองมากขึ้นว่า เราชอบหรือไม่ชอบอะไร เรากำลังฝืนใจทำอะไรที่ไม่ใช่ตัวเองอยู่รึเปล่า แล้วมันส่งผลเสียต่อสุขภาพของตัวเองยังไง
กายบริหารอายุยืน สูตรคุณหมอ 100 ปี
3
คุณลุงคุณป้าสามารถอ่านเพื่อการดูแลสุขภาพของตัวเองได้เลยค่ะ
โดย: Inging วันที่เขียนรีวิว: 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

คุณหมอวัย 102 ปีที่ดูจากรูปแล้วให้เดาอายุไม่น่าจะเกิน 80 ปีท่านนี้ เป็นสาเหตุที่ทำให้ตัดสินใจซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่าน อ่านแล้วฝึกตามด้วยตัวเอง แล้วก็ชวนคุณพ่อคุณแม่มาฝึกด้วยกัน แอบหวังว่าคุณพ่อคุณแม่จะอายุยืนเหมือนคุณหมอผู้เขียนบ้าง หนังสือเล่มนี้รวบรวมสูตรการออกกำลังกายแบบกายบริหารและสูตรการใช้ชีวิตประจำวันของคุณหมอเอาไว้ เป็นเคล็ดลับที่เหมาะกับคุณลุงคุณป้าวัยชราในการรักษาสุขภาพให้แข็งแรง สำหรับใครที่ลังเลว่าร่างกายจะรับไม่ไหว ก็ลองทดสอบสมรรถภาพของตัวเองได้จากแบบทดสอบในหน้าแรกของหนังสือ ผลการประเมินจะทำให้คุณผู้อ่านทราบว่าตัวเองควรทำท่ากายบริหารในแบบของคุณหมอในระดับไหน ซึ่งก็จะมีการแบ่งออกเป็นท่าปกติกับท่าง่ายในทุกๆท่าบริหาร ในส่วนของท่ากายบริหารจะมีอยู่ทั้งหมด 8 ท่า ซึ่งเน้นการบริหารทุกส่วนของร่างกาย โดยในแต่ละท่าจะมีการแบ่งเป็นท่าปกติและท่าง่ายอย่างที่บอก และก็จะมีคำแนะนำของคุณหมอประกอบในเรื่องนั้นๆด้วย ในส่วนของสูตรการใช้ชีวิตประจำวันก็จะว่าด้วยเรื่องการกิน การนอน การเดิน การยืน การนั่ง วิธีที่ถูกต้องเหมาะสมต้องทำยังไง การจัดท่าทางและสรีระที่เหมาะสมจะช่วยลดอาการบาดเจ็บและเจ็บป่วยได้ในหลายกรณี ทุกสูตรที่เขียนไว้มีรูปภาพประกอบคำอธิบายชัดเจน ในเรื่องของการกินจะเน้นที่ความเรียบง่ายเป็นหลัก ใครอยากมีสุขภาพดีหรืออยากให้คุณพ่อคุณแม่ที่มีอายุมากแล้วแข็งแรง อยู่กับเราไปนานๆ ลองอ่านเล่มนี้ดูรับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน
www.batorastore.com © 2024