ไฟลวง เล่ม 02 (โสภี พรรณราย)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9789742463205-02
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 175.00 บาท 43.75 บาท
ประหยัด: 131.25 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

๓๖

 

วันนี้นพรุจเข้าประชุมกับบริษัทคุณเดช...ร่วมกับผู้บริหารและหัวหน้าแผนกทุกแผนกในบริษัท

และเป็นวันที่คุณเดชแนะนำนพรุจอย่างเป็นทางการ

หยดเทียนก็อยู่ในห้องประชุมด้วย ในฐานะเลขาของคุณเดชและจดรายงานการประชุม

ในห้องนั้น...ท่าทางนพรุจดูสง่างาม และมีความมั่นใจในตัวเอง ขณะเดียวกันเขาก็ยิ้มแย้มเป็นกันเองจึงทำให้ผู้ร่วมประชุมชื่นชอบในตัวเขา

ยกเว้นก็เพียงหยดเทียน...ที่รู้จักนพรุจดี

ความแค้นของชายคนนี้รุนแรงเกินไป ไม่มีความพอดีจึงเป็นคนที่น่ากลัวมาก...

หลายครั้งที่เขาสบตากับหล่อนเขาสามารถยิ้มได้ ทั้งที่แววตาฉายความเกลียดชัง!

หล่อนถอนใจยาว...

ถ้าเจ้านายหล่อนวางมือจริง ๆ ...เจ้านายคนใหม่...นพรุจ...หล่อนจะทนทำงานได้เพียงไหน

หรือหล่อนต้องตกงาน!

หลังจากประชุม คุณเดชชวนนพรุจไปทานอาหารเย็น และท่านหันมาชวนหยดเทียนด้วย

“คุณเทียนไปด้วยกันนะ...”

หล่อนรีบปฏิเสธ

“เชิญตามสบายนะคะ...ดิฉันขอตัว...”

“ขอตัวอะไร...ไปรู้จักเจ้านายใหม่หน่อยสิ”

“ดิฉันรู้จักท่านแล้วค่ะ!”

ประชดเรียกนพรุจเป็น ‘ท่าน’ ต่อหน้าที่เขายืนอยู่ เขายิ้มน้อย ๆ สบายอกสบายใจ

“ก็รู้จักให้มากขึ้นอีก...” คุณเดชว่า

“ดิฉัน...”

ยังไม่ทันแก้ตัว ชายหนุ่มก็กล่าวดัก

“เรายังรู้จักกันไม่ลึกซึ้งเท่าไหร่เลย ผมต้องขอคำแนะนำจากคุณมาก ๆ หน่อย...ไปด้วยกันสิครับ...”

“ดิฉันมีนัด!” ซึ่งไม่เป็นความจริง!

“อ๋อ...นัดคุณเทพหรือเปล่า...พนักงานบัญชี...ชวนไปด้วยกันเลยสิครับ” นพรุจยิ้ม ๆ...

หยดเทียนหน้าร้อนผ่าว

เขาสืบมาหมดแล้ว...หล่อนสนิทสนมกับเทพ จึงกล่าว ‘เทพ’ อย่างชัดเจนและมั่นใจ

“ไม่ใช่ค่ะ!”

“ไม่ใช่ก็ยิ่งไม่สำคัญใหญ่...บอกเลิกนัดสิครับ...”

หยดเทียนเม้มริมฝีปาก

แปลก...ตั้งใจจะให้หล่อนไปให้ได้...

“แต่ดิฉัน...”

“หรือว่ารังเกียจผม?”

“เอ้อ...” หล่อนหันไปทางคุณเดช...ท่านพยักหน้า

“คุณนพรุจตั้งใจชวนขนาดนี้แล้ว...ไปเถอะจ้ะ...” น้ำเสียงท่านนุ่มนวล...ในฐานะเจ้านายและผู้มีพระคุณแล้ว หล่อนจึงตอบรับ...ทั้งที่ไม่ปรารถนาจะไปร่วมโต๊ะกับนพรุจ

“ค่ะ...”

“ไปเจอกันที่ภัตตาคารเลย...หนูเทียนไปกับคุณนพรุจ...เผื่อจะคุยเรื่องงานกันได้...ผมไปอีกคันกับคนขับรถ...”

คุณเดชไม่เปิดโอกาสให้หล่อนเลือก...ว่าแล้วก็ผละไปก่อน...

นพรุจพยักหน้ากับหล่อน

“เชิญครับ...”

หยดเทียนสะพายกระเป๋าแล้วเดินตามนพรุจ...ผ่านโต๊ะเทพ...นพรุจจงใจเดินช้าลง แล้วเขาหันมาสังเกตหล่อน...

หล่อนยิ้มให้เทพ...แล้วผ่านเลย...

จนมาถึงรถ...นพรุจจึงกล่าวว่า

“ท่าทางแฟนคุณจะไม่ค่อยชอบใจนัก ที่คุณออกมากับผม”

หยดเทียนเปิดประตูเอง แล้วเข้าไปนั่งก่อน...

เจ้าของรถยักไหล่...

“ไม่ได้ยินที่ผมพูดเรอะ?”

“ได้ยินค่ะ...แต่มันไร้สาระ!”

“เรื่องแฟนคุณ...ไร้สาระ?”

“ใครคะ?”

“คุณเทพ!”

“เราเป็นเพื่อนกัน...”

“อ๋อ...เพื่อน...แฟน...สามี...จะเรียกแบบไหนก็ได้นะ แล้วแต่จะเปิดเผยหรือไม่...”

หยดเทียนกำมือแน่น...

รถกำลังแล่นลงจากลานจอดรถชั้นบน...

“ถ้าไม่เต็มใจให้ฉันนั่งรถคุณดิฉันไปรถแท็กซี่ได้นะคะ...”

เขาหัวเราะในลำคอ

“ผมไม่อยากให้คุณเดชสงสัย...”

“ท่านไม่สนใจหรอก เพราะดิฉันไม่มีความหมายสำคัญมากมายอะไร”

“อย่างน้อยคุณก็เป็นเด็กเส้น!”

“ค่ะ...คุณประกอบเป็นคนมาฝากงานให้...คุณต้องการอะไรกันแน่...ทั้ง ๆ ที่คุณรังเกียจฉัน แต่กลับคะยั้นคะยอให้ดิฉันมาทานอาหารเย็นด้วย”

เขาแค่นเสียงดุดัน

“มีแน่...ผมมีเหตุผลถึงทำ แล้วไม่ดีหรือยังไงคุณ ได้ทานอาหารฟรีในบรรยากาศหรูหรา คนที่เคยจนมาก่อนอย่างคุณอาจจะไม่เคยสัมผัสก็ได้...”

ดูถูก...หล่อนอยากกระโดดลงจากรถด้วยซ้ำ ถ้าไม่ติดว่ากำลังแล่นอยู่บนถนน

“ดิฉันไม่ติดกับความหรูหราหรอกค่ะ!”

“เป็นไปได้อย่างไง...แม่สาวน้อย...และเพราะเงินไม่ใช่หรือที่ทำให้คุณกับพี่สาวร่วมมือกันหลอกพ่อผม!”

หยดเทียนผงะ...หน้าเผือด

หล่อนจะทุกข์ใจทุกครั้งที่เขาเอ่ยถึง ‘คุณประกอบ’

ทุกข์ใจ...เพราะที่เขาพูดมีความจริงอยู่ครึ่งหนึ่ง...

พี่สาวหลอกท่าน...

หล่อนมิได้ให้ความร่วมมือ!

แต่หล่อนก็ถูกมองไปในแง่นั้น...หล่อนจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองได้อย่างไร...

หล่อนกลืนน้ำลายยากเย็น เชิดหน้า...

“คุณ...ฟังนะคะ...” หล่อนกำมือแน่น ระงับเสียงสั่น “ดิฉันไม่ได้ร่วมมือกับพี่พร จริงอยู่...ดิฉันทราบ...แต่ดิฉันไม่เห็นด้วยกับการกระทำของพี่สาว...ดิฉันพยายามจะ...”

เขาขับรถมือเดียว อีกมือโบกห้าม

“คุณไม่ต้องพูด!”

“ดิฉันต้องพูด...”

“ผมไม่ฟัง...”

“คุณไม่มีเหตุผลเสียเลย ดิฉันพยายามจะให้พวกคุณเข้าใจ...ดิฉันและพี่สาวเป็นหนี้พวกคุณ...การกระทำของพี่พร ดิฉันต้องรับผิดชอบด้วย...”

เขาหันขวับ

“ชีวิต...คุณจะรับผิดชอบอย่างไร?”

“เอ้อ...”

หน้าตาเขาแดงก่ำ...อย่างโกรธจัด

“ชีวิตนะ...ชีวิตคุณเรอะ...พี่สาวคุณเรอะ มันเศษขยะแท้ ๆ เทียบได้อย่างไรกับพ่อผม!”

หยดเทียนเหมือนถูกทุบศีรษะอย่างรุนแรง

“ค่ะ...ดิฉันทราบว่าคุณเสียใจมาก...แล้วคุณทราบมั้ยว่าดิฉันก็ทุกข์ใจแค่ไหน...”

“มารยา!”

หล่อนไม่สนใจคำต่อว่าของเขา

“ดิฉันเพียรพยายามจะขอโทษคุณทั้งสาม...คุณงามพิศ...คุณ...และคุณญาดา...ยอมทนถูกตำหนิ...ถูกต่อว่า...ถูกไล่...หมั่นไปเยี่ยมเยียนคุณงามพิศในยามที่ท่านป่วย จนท่านเข้าใจดิฉัน...ก็เหลือแต่คุณที่ไม่ยอมเข้าใจ...”

เขาโคลงศีรษะ

“ผมไม่เหมือนคุณแม่...ที่เป็นคนใจอ่อน...ไม่หลงกลแผนของคุณ...ที่ดำเนินไปทีละขั้นอย่างชาญฉลาด...”

หล่อนทำหน้างุนงง

“แผนอะไรคะ?”

เขาหัวเราะ

“ไม่รู้คุณแกล้งโง่หรือโง่จริง...”

“ค่ะ?”

รถถึงที่หมายเสียก่อนแล้ว...ทำให้นพรุจไม่ยอมพูดอะไร

“คุณ...” หยดเทียนเดือดร้อนกระวนกระวาย

เขาโบกมือ...เมื่อเดินเข้ามาในภัตตาคาร

“อยู่ในสังคมต้องรู้จักปั้นหน้า ขืนคุณทำหน้าบึ้ง คุณเดชจะสงสัย”

“ดิฉันเล่นละครไม่เก่งเหมือนคุณหรอกค่ะ!”

เขาเลิกคิ้ว แววตาเยาะ

“ใครว่า...คุณน่ะระดับนางเอกตุ๊กตาทองเชียวนะ”

แล้วการสนทนาโต้เถียงก็ยุติโดยปริยาย เมื่อเดินทางมาถึงโต๊ะที่จองไว้ คุณเดชมาถึงก่อนได้ครู่หนึ่ง

“เชิญ...เชิญ...หลานชาย...”

ออกจากห้องประชุมแล้ว...คุณเดชก็เรียกนพรุจอย่างลูกอย่างหลาน...อย่างสนิทสนม ผิดกับเมื่ออยู่ในห้องประชุม พูดจาอะไรก็เป็นทางการสักหน่อย เพราะอยู่ต่อหน้าคนอื่น

นพรุจแสดงความเป็นสุภาพบุรุษเลื่อนเก้าอี้ให้หยดเทียน

หญิงสาวกลั้นลมหายใจลึก ๆ เกลียดนักพวกหน้าอย่างใจอย่าง เสแสร้งแกล้งทำ!

“คุณจะทานอะไรดี?”

นพรุจถามอย่างสุภาพ และมีบริกรคอยรับคำสั่งอยู่แล้ว

“สลัดกุ้งค่ะ...”

“พอเรอะคุณ?”

“พอค่ะ!”

สำหรับนพรุจกับคุณเดชสั่งอาหารฝรั่งเป็นชุด ระหว่างรับประทานก็สนทนาการค้าสลับกับเรื่องทั่วไป

หยดเทียนแทรกบ้าง แต่ก็บางจังหวะเท่านั้น

“อาดีใจนะที่เห็นหลานชายก้าวหน้าในการงานจนถึงระดับมีชื่อเสียง ต่อไปก็คงมีฝีมือไม่แพ้พ่อ...”

“ยังหรอกครับ คุณพ่อกับคุณอาสร้างชื่อเสียงมานาน ผมมันแค่คนรับช่วงต่อไม่ใช่ผู้บุกเบิก...”

“รับแล้วทำให้มันเจริญขึ้นเรื่อย ๆ ก็ถือว่ามีฝีมือ”

“ผมเพิ่งจะเริ่มต้น”

“แต่อาก็เชื่อ...ถึงมอบบริษัทของอาให้เราไงล่ะ”

ชายหนุ่มยิ้ม

“ตอนแรกผมคิดว่าจะไม่รับนะครับ...แต่เห็นว่าคุณอาตั้งใจจะวางมือทางธุรกิจจริง ๆ ผมก็เห็นใจ...เพราะดูอย่างคุณพ่อสิ ทำงานหนักตลอดชีวิต...ถึงคราวจะพัก ก็พักไม่ได้...และในที่สุด...”

เขายังคงยิ้มแต่เป็นรอยยิ้มที่หยดเทียนรู้สึกน่ากลัว...

นพรุจถอนใจยาว

“ผมว่าอย่าพูดดีกว่า เดี๋ยวอาหารมื้อนี้จะไม่อร่อยครับ...”

ท่านพยักหน้า

“อาคิดว่าจะเดินทางเดือนหน้า...”

“ทำไมเร็วล่ะครับ?”

“ก็มีคนเก่งอยู่รอบตัว จะต้องรีรออะไรอีกล่ะ หยดเทียนเป็นเลขาของอาที่รู้งานมากพอสมควร และเป็นคนที่อาไว้ใจ...คงจะร่วมงานกันได้เป็นอย่างดี...”

เขากัดฟัน

“ครับ...เป็นอย่างดี!”

หลังอาหารเย็น และคุณเดชชำระเงินเรียบร้อยแล้ว ก็กล่าวกับชายหนุ่ม

“ฝากหนูหยดเทียนกลับบ้านด้วยคนนะ เพราะทางเดียวกันนี่...”

“ครับ...ไม่ต้องห่วงหรอก ผมจะส่งให้ถึงที่...”

หยดเทียนยกมือไหว้ลาคุณเดช...และเดินมาขึ้นรถกับนพรุจ...พอรถแล่นออกถนน หล่อนก็รีบถาม

“เรายังคุยกันไม่จบเลยนะคะ...”

“เรื่องอะไร?”

“คุณว่าดิฉันมีแผนการ!”

“เพราะเรื่องนี้หรือเปล่าที่ทำให้คุณยอมกลับกับผม?”

หล่อนพยักหน้า

“ค่ะ!”

เขาอมยิ้ม แต่หน้าตาดุดัน

“ที่ผมยอมให้คุณขึ้นรถ ก็นับว่าเป็นบุญของคุณแล้ว...”

หยดเทียนกลืนน้ำลายยากเย็น

“งั้นก็กรุณาคุยให้จบเรื่องโดยเร็ว ดิฉันจะได้ลงจากรถคุณ!”

“สนิทสนมกับคุณกิตติขนาดไหน?”

อยู่ ๆ เขาถามถึงกิตติ...

หล่อนขมวดคิ้ว

“พูดเรื่องของดิฉันสิคะ...”

“นั่นแหละ...เหตุผลที่ผมจะคุยกับคุณ...”

หญิงสาวยิ่งงุนงง

“คุณกิตติ?”

“เขาเป็นเพื่อนที่ผมรักมาก ผมไม่อยากให้เขาเป็นเหยื่อของคุณ!”

“คะ?” เสียงแหบแห้ง “ดิฉันไม่รู้เรื่อง...”

“คุณก็มีดีอย่างเดียว คือมีรูปเป็นทรัพย์ มีมารยาเป็นเลิศ แค่นี้ก็สามารถดูดเงินจากกระเป๋าผู้ชายได้แล้ว!”

หล่อนโคลงศีรษะ หน้าซีดเผือด

“ทำไม...ทำไมคะ คุณถึงมองดิฉันในแง่ร้ายอย่างงี้คะ?”

เขาแค่นหัวเราะ

“ทำไมเรอะ...คุณกำลังจะหลอกเพื่อนผม!”

“ดิฉันกล้าสาบาน...”

“เรื่องสาบาน ผมไม่เชื่อ!”

“คุณกิตติเธอมีน้ำใจ และดีต่อดิฉันมาก...ดิฉันไม่อยากให้คุณกิตติร้อนใจกับเรื่องที่ไม่มีมูล...”

“นายกิตติเห็นคุณดีเกินไปมั้ง...โดยไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของคุณ...พี่สาวคุณโกยได้สิบล้านจากพ่อผม คุณคิดจะโกยสักเท่าไหร่จากเพื่อนผม?”

หล่อนกัดริมฝีปากตัวเองจนเจ็บ

“สักบาท...ดิฉันก็ไม่ต้องการ!”

“บาทไม่เอา...เอาล้าน...”

“คุณนพรุจ...คุณเข้าใจดิฉันผิดแล้ว...”

ชายหนุ่มขับรถช้าลง...”

“ตอนแรกคุณอาจจะเล็งผมไว้ คิดจะจับผม แต่กับผม เล่นยากสักหน่อย คุณก็เลยเปลี่ยนไปจับนายกิตติ!”

หล่อนรู้สึกปวดหนึบที่ศีรษะและร้าวไปทั่วร่างกาย

ความเข้าใจผิดที่ก่อขึ้น...นับวันจะมากมายจนหล่อนไม่ทราบว่าจะแก้ตัวอย่างไรกับเขา...

คดีของพี่พรวลัย หล่อนยังแก้ต่างไม่หลุด...มาเจอข้อหาคุณกิตติอีก...ซึ่งหล่อนไม่เคยคิดถึงเลย

หล่อนเพียงชื่นชมคุณกิตติว่าเป็นคนกลางที่มีความยุติธรรมและเชื่อในความบริสุทธิ์ใจของหล่อน...

พบกับคุณกิตติเพียงไม่กี่ครั้งก็เป็นเรื่องเป็นราวจนได้

หล่อนนิ่ง...

“ทำไมเงียบไปล่ะ?”

หยดเทียนโคลงศีรษะช้า ๆ กลายเป็นความเย็นชา

“ไม่ว่าดิฉันพูดอะไรคุณก็คงไม่เชื่อ...จะให้ดิฉันพูดอะไรล่ะคะ?”

เขาหันมาแว่บหนึ่ง...

ความเย็นชาบนใบหน้าหยดเทียน!

เย็นชาจนนพรุจเดือดดาล!

กลายเป็นมองว่าถูกยั่วยุ...เขากระชากเสียง

“ก็ยอมรับสารภาพมาสิ และเลิกล้มความคิดที่จะจับนายกิตติ!”

หล่อนเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง

“ไม่ค่ะ!”

“คุณ!”

“คุณจะคิดอย่างไรก็เป็นเรื่องของคุณ ในเมื่อดิฉันก็เป็นของดิฉันอย่างนี้ ไม่จำเป็นต้องยอมรับหรือปฏิเสธ!”

“หยดเทียน!

เบรกรถกะทันหันจอดอยู่ข้างทาง...

หล่อนเลิกคิ้ว

“ไล่ดิฉันลงแล้วใช่มั้ยคะ?”

“ยัง!”

“มีอะไรอีกคะ?”

“ตราบใดที่คุยกันไม่รู้เรื่องคุณยังไปไม่ได้!”


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (95 รายการ)

www.batorastore.com © 2024