วัยบริสุทธิ์ (โบตั๋น)

วัยบริสุทธิ์ (โบตั๋น)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: วัยบริสุทธิ์
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 68.00 บาท 17.00 บาท
ประหยัด: 51.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

ตอนที่ 1

ฉันมาอยู่บ้านเล็กหลังนี้เมื่อเกือบสิบปีมาแล้ว เมื่อมาอยู่ใหม่ๆแสนจะเงียบสงบ เพราะอยู่ในซอยนอกเมือง และเมืองของเรายังเป็นเมืองเล็ก เมืองหลวงเก่าไม่ได้รวมอยู่กับกรุงเทพมหานครเช่นทุกวันนี้ ความสะดวกสบายทั้งหลายย่อมจะมีน้อยกว่าอยู่ในเมือง ไม่มีน้ำประปาใช้ ไม่มีโทรศัพท์ ถนนสายสำคัญของตำบลเป็นหลุมเป็นบ่อทางเดินเข้าซอยไม่มีไฟถนน รถเมล์มีวิ่งเพียงสายเดียวและสามทุ่มก็หยุดวิ่ง แต่ก็ยังดีที่มีไฟฟ้าใช้ ไม่ถึงกับต้องอยู่ท่ามกลางความมืดและแสงสลัว ๆ ของตะเกียงลานหรือตะเกียงชนิดอื่น ๆ เหมือนบ้านเดิมของฉันตอนยังเป็นเด็ก
ฉันก็ไม่ได้ลำบากอะไรนักหนา ฉันและสามีทำงานนอกบ้านด้วยกันทั้งคู่ บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่คุณแม่ของเขารับขายฝากไว้และได้มาเป็นกรรมสิทธิ์ในภายหลัง ตอนที่เรายังไม่ได้แต่งงานกัน บ้านนี้จึงเป็นบ้านให้เช่า มีคนขับรถรับจ้างบ้างพวกทำงานโรงงานบ้างมาเช่าอยู่ ส่วนราคาค่าเช่าไม่แพงนัก แม้บ้านจะเล็กมีเพียงชั้นเดียว ไม่มีห้องครัวโดยเฉพาะ แต่มีรั้วรอบขอบชิด ด้านหนึ่งมีคลองสายเล็ก ๆ พอให้อาศัยใช้น้ำได้ ข้อสำคัญน้ำในคลองเล็กสายนี้ขึ้นลงตามแม่น้ำ น้ำไม่เน่า ตักใส่โอ่งกวนสารส้มแล้วก็ใช้ซักผ้าอาบน้ำได้ น้ำกินก็อาศัยน้ำฝน พอเราแต่งงานกันก็ย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่กันสองคน มีคนรับใช้ช่วยงานบ้านคนหนึ่ง ก่อนมาอยู่ก็ซ่อมแซมทาสีเสียใหม่ให้ดีขึ้น ซื้อเครื่องสูบน้ำมาใช้ผ่อนแรง จัดมุมหนึ่งในบ้านเป็นครัวเล็ก ๆ ใช้เตาแก๊ส บริการแก๊สยุคนั้นยังไม่แพงมาก และบริการดี เพราะพ่อค้ายังมีแก๊สเหลือเฟือและต้องการลูกค้ามากกว่าเดี๋ยวนี้ ถึงจะอยู่ไกลไปหน่อยรถเข้าได้เขาก็บริการส่งแก๊สถึงที่ เรื่องกับข้าวเราก็ซื้อมาตุนไว้ในตู้เย็นคราวละหลาย ๆ วัน
 เมื่อเราไม่ต้องผ่อนบ้านจัดสรรอย่างผัวเมียสมัยใหม่ คู่อื่น ๆ ที่ฐานะไม่ดีนัก เราจึงมีเงินพอซื้อตู้เย็น เตาแก๊สต่อตู้หนังสือไว้เก็บตำรับตำราและหนังสืออื่นซึ่งเราต้องใช้ในการทำงาน งานของเราสองคนต้องอยู่กับกองหนังสือตลอดเวลา เพราะเป็นงานทำหนังสือวิชาการให้เด็กอ่าน ต้องค้นคว้าต้องอ่านหนังสือมาก บ้านหลังเล็กของเราจึงเต็มไปด้วยตู้และชั้นเก็บหนังสือมากกว่าสมบัติอื่นๆ และที่ดียิ่งขึ้นไปอีกก็คือเรายังมีเงินพอไปดาวน์รถอิตาลีขนาดกลางมาไว้ใช้คันหนึ่ง แล้วค่อย ๆ ผ่อนส่งที่เหลือให้หมดในเวลาสองปีครึ่ง
 
ชีวิตคู่ของเราก็มีความสุขกันดี แม้จะไม่หวานจ๋อยอย่างนวนิยายรัก เราอายุมากแล้ว ฉันอายุกำลังจะย่างขึ้นเลขสามเมื่อเราแต่งงานกัน ส่วนเขาอายุมากกว่าฉันสี่ปี เราเป็นเพื่อนกันมากกว่าคู่รัก รู้จักกันมานาน ทำงานร่วมกันมานาน ไม่ได้มีความสัมพันธ์ฐานคนรักกันมาก่อน เราต่างคนต่างคบหาสมาคมกับเพื่อนต่างเพศตามความพอใจของเรา และเมื่อระอาชีวิตโสดขึ้นมาเต็มที เราก็ตกลงแต่งงานกัน เนื่องจากได้เห็นแล้วว่า เราสองคนจะอยู่ด้วยกันได้ดีในฐานะคู่ชีวิต เพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุข เราไม่ได้หวังว่าชีวิตของเราจะเต็มไปด้วยความรักอันแสนหวาน ปราศจากความทุกข์ เรารู้ดีว่าชีวิตที่แท้จริงเริ่มต้นในวันแต่งงาน มิใช่จบลงที่ตรงนั้น
แน่นอนทีเดียว เราหวังว่าจะได้มีลูกไว้เชยชมกับเขาสักคนหนึ่ง ฉันอยากได้ลูกผู้หญิง ฉันมีหลานชายหลายคน และแสนจะระอากับความซนของเด็กเหล่านั้น แต่พอมีลูกผู้หญิงสมใจ ฉันก็ได้รู้ว่าความซนไม่เกี่ยวกับเพศของเด็กเลย แต่อยู่ที่ตัวเด็กโดยแท้ เพราะลูกสาวของฉันซนยิ่งกว่าเด็กผู้ชาย และฉันก็รักเจ้าหล่อนมาก แม้จะต้องคอยดุคอยว่าคอยวิ่งไล่ตามอยู่ทั้งวัน เด็กผู้หญิงน่ารักกว่าเด็กผู้ชายตรงที่ชอบแต่งตัว และแต่งได้หลายแบบน่ารักน่าเอ็นดูกว่า ช่างพูดช่างว่ามากกว่า 
ฉันยังจำได้ถึงความน่ารักน่าชังของเขาเมื่อยังเล็ก พูดจาไม่ประสีประสา ผิดกับเดี๋ยวนี้ วัยอันแสนบริสุทธิ์ของลูกได้อำลาจากลูกไปเร็วเกินควร ลูกโตเร็วเกินไปและได้รู้จักกับความชั่วร้ายของมนุษย์เร็วเกินไป อันที่จริงความร้ายกาจของมนุษย์อื่นที่ทำกับลูกมิได้ชั่วร้ายอะไรนักหนา หากว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้เกิดกับคนโตกว่านี้ มันเป็นเพียงกิเลสย่อย ๆ เล็ก ๆ น้อย ๆ ของคนเท่านั้น แต่หัวใจดวงน้อยของลูกยังบอบบางนัก ลูกคาดไม่ถึงว่าคนเราจะสนุกกับความเดือดเนื้อร้อนใจของผู้อื่นได้ ลูกจึงผิดหวังเสียใจนักหนา และมันคงฝังใจลูกไปจนโต เกิดความไม่ไว้วางใจผู้อื่น ระแวงระวังจนขาดความสุข ฉันก็ได้แต่คอยประโลมลูกให้สบายใจขึ้นเพื่อกลับมาสู่อ้อมอกพ่อแม่
 'ใบเตย' เป็นเด็กช่างพูด ชอบย้อน และช่างคิด ฉันมักจะเห็นภาพลูกเมื่ออายุยังไม่เต็มสามขวบเสมอ ตอนนั้นลูกพูดจาน่าเอ็นดูเหลือเกิน บางครั้งชอบออดอ้อนให้แม่อุ้ม
 "แม่อุ้มหนูหน่อย"
"แม่อุ้มไม่ไหวแล้ว หนูตัวหนัก หนูโตแล้วนะยังกับลูกช้าง" แต่แม่ก็อุ้มลูกขึ้นมา
"อ้อ งั้นแม่ก็เป็นแม่ช้างซี" ลูกย้อน 
"ปากร้ายนักลูกคนนี้"
"นี้แม่ช้างใช่ไหม แล้วพ่อก็เป็นพ่อช้าง ย่าก็เป็นย่าช้าง" ลูกหัวเราะคิกคัก พอใจในวาจาของตัวเอง
ลูกอยากทำอะไรอย่างผู้ใหญ่เสียจริงๆ เห็นแม่หั่นผักก็ชอบมาแย่งทำ แม่กลัวมีดจะบาดมือลูก แต่ห้ามเท่าไรลูกก็ไม่ฟัง จึงต้องหามีดทื่อๆให้เล่นเล่มหนึ่ง ลูกถือมีดเก่ง มีดไม่บาดมือเลย วันหนึ่งลูกเห็นนิ้วแม่เป็นแผลถูกของมีคมบาด ลูกก็ถามแม่ว่า
"แม่โดนมีดบาดหรือ"
"ใช่จ้ะ"
"แม่โตแล้ว ทำไมยังทำมีดบาดอีกล่ะ หนูยังเล็กอยู่ หนูยังไม่ทำมีดบาดเลย"
"คนเราพลาดได้นี่ลูก เมื่อก่อนหนูก็เคยทำมีดบาดมือ"
"มีดบาดมือหนู หนูไม่เจ็บหรอก แผลนิดเดียว ของแม่แผลใหญ่" ลูกยังไม่ยอมแพ้ 
"หนูเก่งจ้ะ"
ใบเตยโอบอ้อมอารีกับเพื่อนๆ ใครมาบ้านก็จะหาขนมมาแจกเสมอ และใบเตยยังบอกอีกว่า
"ไว้หนูโตก่อนนะ หนูจะทำงาน เอาเงินมาให้แม่ ให้พ่อ ให้ย่า หนูจะซื้อไอติมให้ทุกคนเลย ให้ย่าด้วย ให้พ่อ ให้แม่ ให้ยาย ให้น้าแม่ชมพู่ด้วย ให้ชมพู่ด้วย"
"ไว้หนูโตก่อนนะ หนูจะช่วยแม่พิมพ์ดีดเอาไปขาย เอาตังค์มาซื้อขนม"
ลูกฝันในทางที่ดีเสมอ ลูกไม่เคยมองโลกในแง่ร้ายเลยเพราะวัยของลูกบริสุทธิ์ลูกคิดว่าทุกคนรอบข้างจะบริสุทธิ์เช่นเดียวกับลูกและเมื่อเด็กผิดหวัง หัวใจจึงช้ำนัก แม่หวังแต่เพียงว่า มันจะรักษาได้ง่ายกว่าหัวใจของคนโตๆอย่างแม่ เด็กๆ ลืมอะไรเร็วกว่าผู้ใหญ่ไม่ใช่หรือ หวังว่าจะไม่ลึกลงไปในอนุสติของลูก
พ่อแม่เปลี่ยนไปบ้านก็เปลี่ยนไปลูกก็มีความเปลี่ยนแปลง แต่ที่เหมือนเดิมก็คือเรายังคงไม่มีน้ำประปาใช้ ต้องสูบน้ำคลองขึ้นมาใช้ น้ำในคลองสายนี้ก็ไม่เหมือนเดิมเช่นกันเพราะเริ่มจะมีกลิ่นเหม็นในเวลาน้ำน้อย
"เหม็นเหมือนปากคนบางคนแหละ แม่" ใบเตยบอกกับแม่ ฉันสะดุ้ง
"ไม่ทุกคนหรอกน่า ลูก" ฉันพูดไปอย่างนั้นเอง "ลูกอย่าคอยระแวงคนซีจ๊ะ"
ใบเตยย่นจมูก "ขืนไม่ระแวงไว้มั่ง เราก็แย่ซีคะ เดี๋ยวก็อย่างคราวก่อนหรอก"
"เราไม่เอาใจใส่เสียก็หมดเรื่อง เรื่องเล็กๆน้อยๆ คำนินทาว่าร้ายทำอะไรเราไม่ได้หรอก ถ้าเราไม่สนใจเสียอย่าง" 
"ทำไม่ได้หรือแม่ เตยเห็นแม่ไม่สบายใจอยู่ตั้งหลาย วัน เตยเองก็มองหน้าใครๆไม่สนิทเลย ต้องตอบคำถามบ้าๆอยู่เรื่อยเตยไม่อยากพูดกับใครในซอยนี้ทั้งนั้นเลย"
เมื่อหลายปีก่อนเตยยิ้มแย้มแจ่มใสช่างทักทายผู้คน ลูกคุยกับใครต่อใครไม่ว่าคนงานในโรงงานเล็ก ๆ แถวนั้น คนส่งหนังสือพิมพ์ พนักงานเก็บเงินค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ (ตอนเรามาอยู่ใหม่ ๆ ยังไม่มีคู่สาย เพิ่งมีเมื่อหกปีมานี้เอง) พ่อค้าขนม แม่ค้าหาบเร่ขายขนมที่เดินมาร้องขายขนมอยู่หน้าบ้าน ลูกทักแม้กระทั่งผู้ชายที่มาตะเบ็งถามหน้าบ้านว่า "สูบส้วมไหมครับคุณ สูบส้วมไหมครับ"
เดี๋ยวนี้ลูกเกือบจะไม่พูดกับใครเลยใครๆคงนึกว่า ลูกหยิ่งที่เรียนหนังสือในโรงเรียนชั้นหนึ่งของกรุงเทพฯซึ่งเด็กๆ แถวนี้ไม่มีโอกาส เช้าขึ้นลูกก็นั่งรถออกจากบ้านไป กว่าจะกลับถึงบ้านก็เย็นโข แล้วลูกก็ตั้งหน้าตั้งตาทำการบ้านบ้าง ทำรายงานค้นคว้าอะไรบ้างของลูกไป จนถึงเวลาดูรายการโทรทัศน์และเข้านอน วันหยุดลูกก็ไม่ไปเล่นกับใคร นอกจากไปบ้านย่า หรือไปเที่ยวนอกบ้านไกล ๆ กับแม่
 
 
ลูกไม่ได้หยิ่ง ฉันรู้ แต่ลูกกลัวและระแวงว่าจะพบ คนปากเสียเข้าอีก และลูกระอาผู้คนในซอยบ้านเรานี่เสียแล้ว แต่เราจะยกบ้านหนีไปไหนได้เล่า เราไม่ใช่เศรษฐีที่จะย้ายบ้านเมื่อไรก็ได้ดังใจ และถึงจะหนีไปอยู่ที่ไหนๆ ฉันก็รู้อยู่แก่ ใจว่าเราไม่มีวันหนีคนได้พ้น คนที่ไหนๆก็ไม่ต่างกันเท่าไรหรอก ใบเตยลูกรัก มีดี มีเลว มีความบกพร่อง ฉันเอง ก็มีข้อบกพร่องมากมาย ใบเตยเองก็มี
 
 
 
"พ่อเป็นคนขี้ลืม ชอบผิดนัด เหลวไหล บางทีก็พูดจา เรื่อยเจื้อย เล่นสนุกจนไม่มีกาลเทศะ"
"เตยก็รู้ แต่พ่อก็มีดีเยอะแยะ แม่ถึงได้รักพ่อไง"
 "เตยเป็นคนสุรุ่ยสุร่าย ดื้อ ชอบเอาชนะ เวลาจะเอาอะไรขึ้นมาแล้ว ใครขัดใจชอบกรี๊ดใช่ไหม นิสัยนี้เพิ่งค่อยยังชั่วเมื่อไม่นานมานี้เอง บางทีเตยก็ขี้โกงด้วย อย่างทำรายงานไม่ได้มาร้องไห้ให้แม่ทำให้ แม่ไม่ยอมเตยก็งอนกับแม่ไปตั้งหลายวัน จนแม่ช่วยแปลภาษาอังกฤษให้เตยไปเขียนรายงานเอง เตยถึงหายงอน"
"เท่านั้นเมื่อไหร่ล่ะ" ใบเตยบอกต่อ "เตยยังเป็น คนขี้โมโหเหมือนแม่ด้วยซี ไม่ได้ดังใจนั่งร้องไห้แอบข้างโอ่ง"
 "แล้วลูกจะหวังให้คนอื่น ๆ เขาดีพร้อมได้อย่างไร" 
"ก็ไม่ต้องพร้อมหรอกแม่ เอาแค่พอทนได้เท่านั้น" ใบเตยตอบหน้าตาเฉยแล้วก็ชวนฉันคุยเรื่องอื่นต่อ ฉันรู้ว่าฉันยังแก้ไขลูกไม่ได้ ยังต้องการเวลาอีกนาน
อะไรล่ะที่ทำให้ใบเตยเป็นอย่างนี้ ฉันจะเล่าให้คุณฟัง แต่คงจะต้องเล่าถึงเรื่องของเราเองก่อน
 

รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (95 รายการ)

www.batorastore.com © 2024