นิยายรักเรื่องปัจจุบัน (กรมาศ)

นิยายรักเรื่องปัจจุบัน (กรมาศ)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160005383
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 200.00 บาท 50.00 บาท
ประหยัด: 150.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

หญิงสาวร่างเล็กบางในชุดเสื้อแขนยาวสีครีมกับกางเกงยีน

ทะมัดทะแมงนั่งอยู่เพียงลำพังตรงที่นั่งเดี่ยวบนรถตู้โดยสารสาย

เชียงใหม่-ปาย ผมยาวดำสนิทปล่อยยาวเคลียบ่า ใบหน้าเล็กถูกซ่อนอยู่

ใต้ปีกหมวกแก๊ปที่หลุบลงเกือบถึงปลายจมูก ทำให้ใครๆ ที่มองผ่านมา

ได้เห็นเพียงแก้มขาวใสกับริมฝีปากรูปกระจับสีชมพูสดตามธรรมชาติ

หญิงสาวมองพ็อกเกตบุ๊กเล่มหนาที่วางอยู่บนหน้าตักตัวเอง นิ้วมือ

เรียวเหมือนลำเทียนแตะไล้เบาๆ บนหน้าปกนิยายพาฝันสีสันสวยสด เรื่อยไป

ถึงตัวหนังสือชื่อเรื่อง นิยายรัก...เรื่องปัจจุบัน ก่อนถอนหายใจเบาๆ ไม่แน่ใจ

นักว่าเธอคิดถูกหรือคิดผิดที่ตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวตามลำพังในครั้งนี้

ณ สถานที่ซึ่งเธอรู้อยู่เต็มอกว่าเป็นฉากของนิยายรักแสนหวาน ผลงาน

ใหม่ล่าสุดของ ‘กรองมาลย์’ นักเขียนในดวงใจของเธอ

นอกจากเป็นนักเขียนที่เพลินชื่นชอบ กรองมาลย์ยังเป็นเจ้าของ

หัวใจของชายที่เพลินรัก

เรื่องจริงที่เพลินยังทำใจยอมรับไม่ได้...

เพลินเป็นบุตรสาวคนเดียวของ มหภพ พิธาธร ข้าราชการชั้น

ผู้ใหญ่ในกระทรวงยุติธรรม กับคุณหญิงไพลิน ผู้อำนวยการโรงเรียน

สตรีและผู้อุปถัมภ์สมาคมสตรีเก่าแก่มีชื่อเสียงหลายแห่ง เพลินถูกอบรม

เลี้ยงดูมาตามระเบียบแบบแผนอันดีงาม ตลอดชีวิตที่ผ่านมาของเธอ

ไม่เคยมีอะไรที่เรียกได้ว่าเหนือความคาดหมาย ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนดำเนิน

ไปตามครรลองที่ถูกที่ควร ครบถ้วน สมบูรณ์แบบ จึงไม่น่าแปลกใจแต่

อย่างใดที่ข่าวการประกาศแต่งงานของ ม.ล. ภูริภัทร ชายหนุ่มที่เธอ

แอบรัก จะทำให้ชีวิตราบรื่นของเพลินมีอันถึงขั้นระส่ำระสาย

สิ่งเดียวที่เพลินคิดขึ้นมาได้เมื่อต้องตกอยู่ในห้วงแห่งความผิดหวัง

คืออยากหลบไปให้ไกล ไปพักใจ ณ สถานที่สักแห่งที่เธอไม่เคยมีความ

ทรงจำร่วมกับ ม.ล.ภูริภัทร

คงเป็นเพราะอิทธิพลของนิยายพาฝันเล่มโปรดซึ่งเพิ่งอ่านจบไป

ดลให้เพลินเอ่ยปากว่าอยากมาปาย และก็เป็นเพราะความช่วยเหลือของ

ม.ล. ภูริภัทรกับกรองมาลย์ จึงทำให้เธอได้ออกเดินทางท่องเที่ยวตามลำพัง

ดังเช่นที่เคยคิดฝันไว้มาแสนนาน

เพลินสูดลมหายใจเข้าปอดลึกยาว ได้แต่หวังใจว่าเมืองเล็กที่เธอ

ตั้งใจเดินทางมาเยือนในครั้งนี้จะมีบรรยากาศแสนดีอย่างที่ใครๆ เอ่ยอ้างถึง

และสามารถช่วยเยียวยาความเจ็บลึกจากแผลใจที่ยังสดใหม่ให้หาย...

หรือเพียงเจือจางบางเบาลงบ้างก็ยังดี

รถตู้ชะลอความเร็วลงเมื่อเข้าสู่เขตเมืองเล็กๆ ในอำเภอน้อย

กลางหุบเขาชายขอบจังหวัดแม่ฮ่องสอน ก่อนเลี้ยวเข้าจอดในสถานีขนส่ง

ซึ่งอยู่เกือบกึ่งกลางเมือง เพลินก้าวลงจากรถตามผู้โดยสารคนอื่นๆ ออกมา

อากาศเย็นต้นฤดูหนาวทำให้หญิงสาวต้องยกสองมือขึ้นกอดอก ดวงตา

กลมโตกวาดมองไปรอบๆ พยายามทบทวนภาพแผนที่ที่จดจำมาจาก

หนังสือท่องเที่ยว ปรับทิศปรับทางให้ต้องตรงกับถนนหนทางที่มองเห็น

เบื้องหน้า ก่อนเดินออกมาจากสถานีขนส่ง เลียบถนนสายเล็กไปเรื่อยๆ

จนกระทั่งถึงหน้าห้องแถวไม้เปิดโล่งซึ่งมีรถจักรยานยนต์หลากรุ่น

หลายยี่ห้อจอดเรียงรายอยู่นับสิบคัน

เพลินกระชับเป้ใบใหญ่ที่สะพายอยู่บนหลังขณะก้าวเข้าไปในร้าน

แล้วแจ้งความจำนงขอเช่ารถจักรยานยนต์ขนาดเล็ก ขับขี่ง่าย หญิงสาว

เปิดกระเป๋าสตางค์ หยิบบัตรประชาชนแลกเป็นหลักฐานการเช่ารถพร้อม

จ่ายค่ามัดจำเสร็จสรรพ ใช้เวลารวมไม่ถึงสิบนาทีเสียด้วยซ้ำ เพลินก็ได้

ขับขี่รถจักรยานยนต์ไปตามทางสู่ที่พัก

ตัวเมืองปายเล็กนิดเดียว และเพลินก็ศึกษาแผนที่มาจนเรียกได้ว่า

จำขึ้นใจ เธอบังคับรถให้เลี้ยวผ่านสี่แยกปายหนาว ออกจากตัวเมือง

มุ่งหน้าไปยังรีสอร์ตซึ่งกรองมาลย์แนะนำให้ไปพัก

หนทางที่มุ่งไปนั้นต้านทางลมเต็มที่ คนตัวเล็กประคองรถอย่าง

คนไม่ใคร่ชำนาญนัก ดีที่ถนนเรียบกว้างแทบไม่มียวดยานสัญจร และ

จักรยานยนต์รุ่นที่เพลินกับพนักงานประจำร้านเช่าช่วยกันเลือกก็เป็นรุ่น

ที่ขับขี่ง่าย เพียงทรงตัวให้อยู่และบิดคันเร่งน้อยๆ รถก็แล่นฉิว อาการ

เครียดเกร็งจากความตื่นเต้นเริ่มผ่อนคลายลง

ลมเย็นพัดแรงปะทะใบหน้าและเนื้อตัวกระตุ้นให้รู้สึกได้ถึง

กลิ่นอายของอิสรภาพ เพลินอดนึกขอบคุณ ม.ล.ภูริภัทรกับกรองมาลย์

ไม่ได้ เพราะหากไม่ได้ทั้งคู่ช่วยกันหาเหตุหาผล หาข้ออ้างประดามี

มาบอกกับบิดามารดาของเพลิน เธอคงไม่มีวันได้รับอนุญาตให้ออกมา

ท่องเที่ยวตามลำพังเช่นนี้

หญิงสาวอดโกรธตัวเองไม่ได้ที่รู้สึกเจ็บปวดผิดหวัง แทนที่จะยินดี

กับคนทั้งคู่

ขณะอยู่ในอาการกึ่งใจลอยนั้นเอง ลมกระโชกแรงก็พัดเอาฝุ่น

ละอองมาเข้าตา หญิงสาวกะพริบตาถี่ เผลอยกมือข้างหนึ่งขึ้นขยี้ตา

น้ำหนักและรูปร่างของยานยนต์ที่ไม่คุ้นเคยทำให้สุดจะควบคุมรถได้ด้วย

มือเพียงข้างเดียว หัวรถหักง่อกแง่กปัดเป๋ จนในที่สุดเพลินก็พารถแล่น

ช้าๆ ตกจากถนนเรียบๆ ตรงๆ ลงข้างทางไปจนได้

เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นรวดเร็วเหลือเกิน หญิงสาวมารู้สึกตัวอีกที

ก็พบตัวเองกำลังนั่งพับเพียบอยู่ข้างรถจักรยานยนต์ที่ล้มตะแคงแน่นิ่ง

อยู่ในทุ่งหญ้าข้างทาง

ความตกใจและมึนงงคงทำให้เพลินนั่งนิ่งไม่กระดุกกระดิกอยู่

อย่างนั้นอีกนาน หากไม่มีเสียงห้าวๆ ร้องถาม

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”

เพลินหันขวับไปตามเสียง เห็นเจ้าของเสียงก้าวยาวๆ เข้ามาหา

“มะ...ไม่เป็นไรค่ะ” หญิงสาวตอบเสียงสั่น ตะกุกตะกัก หน้าตา

เหลอหลาขัดกับคำพูดจนน่าขัน

“แน่ใจ?” ชายหนุ่มนั่งคุกเข่าลงบนพื้นหญ้า รูปร่างสูงใหญ่ใน

เครื่องแต่งกายง่ายๆ คือเสื้อยืด กางเกงยีน กับแจ็กเกตสีน้ำตาลเข้มนั้น

ทำให้เพลินรู้สึกว่าตัวเองตัวเล็กจิ๋วทีเดียวเมื่อเขาเข้ามาอยู่ข้างๆ

“แค่ตกใจน่ะค่ะ” หญิงสาวเหลือบมองสบตาเขา แต่เพียงแวบเดียว

ก็ต้องรีบหลบตา

ดวงตาดำจัดคู่นั้นลึกล้ำราวบ่อน้ำไร้ก้น อ่านไม่ออกถึงอารมณ์และ

ความรู้สึก ทั้งยังดูว่างเปล่าจนน่าใจหายอย่างที่เพลินไม่เคยพบเห็นมาก่อน

เมื่อรวมกับเสียงห้าวที่ค่อนข้างห้วนนั่นแล้วยิ่งทำให้เพลินรู้สึกแหย

“ไม่เจ็บตรงไหนแน่นะครับ”

เขาเอ่ยถามซ้ำพร้อมลุกขึ้นยืน ก่อนจับข้อศอกเพลินกึ่งฉุดกึ่งพยุง

ให้ลุกขึ้นมายืนเคียงกัน หากเรี่ยวแรงของคนตัวโตนั้นทำให้เพลินรู้สึก

เหมือนตัวเองปลิวติดมือเขาขึ้นมาเลยทีเดียว หญิงสาวสำรวจตรวจตรา

ตามร่างกาย เมื่อพบว่าไม่มีบาดแผลหรือแม้กระทั่งรอยฟกช้ำ ก็หันไปบอก

คนที่ยืนเคียงกันอยู่ซึ่งยังทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ

“ไม่เจ็บค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”

“เพิ่งมาถึง?” เขาถามเมื่อเห็นกระเป๋าเป้ใบใหญ่บนหลังไหล่ของคนตัวเล็ก

“ค่ะ”

“แล้วพักที่ไหนครับ” ถามต่อพร้อมกับก้มลงยกรถจักรยานยนต์

ที่ล้มแอ้งแม้งอยู่ขึ้นมา ก่อนเข็นขึ้นไปจอดไว้บนขอบทางด้วยท่าทางคล้าย

ไม่ต้องใช้พละกำลังมากมายสักเท่าไรนัก

“ที่รีสอร์ต ‘ฝันดี ณ ปาย’ ค่ะ”

หญิงสาวตอบไปตามจริง หากคำตอบนั้นกลับทำให้คิ้วเข้มๆ ของ

คนฟังขมวดเข้าหากัน

“น้องเพลิน”

จู่ๆ คนตัวโตก็เอ่ยเรียกชื่อเธอออกมา เจ้าของชื่อสะดุ้งน้อยๆ

พร้อมกับก้าวถอยห่างเจ้าของเสียงเรียกออกไปสองสามก้าวทันที

“คะ? ...ทำไมคุณทราบชื่อเพลินล่ะคะ”

ดวงตากลมโตจ้องมองคนที่ยืนอยู่ใกล้ด้วยแววตื่นๆ เหมือนลูกกวาง

จนชายหนุ่มต้องรีบแนะนำตัวเพราะเกรงเธอจะหวาดระแวงถึงขั้นวิ่งหนีไป

เสียก่อน

“ผมชื่อคณิน เป็นเพื่อนพี่กรอง พี่กรองโทร.มาบอกผมว่าจะมี

เพื่อนชื่อน้องเพลินมาพักด้วย นี่ผมก็กำลังจะไปรับที่ท่ารถ ทำไมออกมา

เสียก่อนล่ะครับ”

คำพูดที่เอ่ยอ้างถึงกรองมาลย์ ผู้ให้คำแนะนำเป็นอย่างดีสำหรับทริป

เที่ยวปายครั้งนี้ ควรจะทำให้เพลินคลายใจหากมันจะไม่ได้ทั้งดุทั้งเข้มขึ้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนท้ายๆ ประโยค

“สวัสดีค่ะ” เพลินไม่รู้จะทำอะไรดีไปกว่าการพนมมือไหว้ ก้มศีรษะ

พร้อมยอบตัวลงอย่างงดงาม ทั้งๆ สีหน้ายังกึ่งยิ้มกึ่งแหยนั่นละ

คณินรับไหว้แทบไม่ทัน เขาได้แต่ขมวดคิ้วมองคนตัวเล็กๆ บางๆ

ตรงหน้า

กรองมาลย์เพิ่งโทรศัพท์มาบอกเขาเมื่อเย็นวานว่าจะมีเพื่อนรุ่นน้อง

มาเที่ยวที่ปาย ฝากฝังให้เขาช่วยดูแลรับรองให้ดีอย่าให้ขาดตกบกพร่อง

แต่นี่...ยังไม่ทันได้รับรองดูแล เธอก็พารถจักรยานยนต์ตกถนนเสียแล้ว

“คุณอากรองบอกเพลินแล้วละค่ะว่ามีเพื่อนของคุณอากรองอยู่

ที่ปาย...” หญิงสาวกะพริบตาปริบๆ ห่อไหล่นิดๆ ท่าทางเหมือนเด็กเล็ก

ที่ถูกคาดโทษ

ตั้งแต่แรกที่เพลินเอ่ยปากว่าอยากมาเที่ยวปาย กรองมาลย์หรือที่

เพลินเริ่มคุ้นปากแล้วที่จะเรียกว่าคุณอากรอง บอกว่ามีเพื่อนที่ไว้ใจได้ทำ

 รีสอร์ตอยู่ที่ปาย และเขาจะต้อนรับดูแล อำนวยความสะดวกให้เพลิน

ตลอดการท่องเที่ยวพักผ่อนในครั้งนี้

แต่...เธอคงตีความผิดพลาดไปเองละ จึงคิดไม่ถึงว่าการ ‘ต้อนรับ

ดูแล’ นี้จะเริ่มขึ้นตั้งแต่การมารับที่สถานีขนส่ง

“เพลินขอโทษค่ะที่ไม่รออยู่ที่ท่ารถ”

สีหน้าท่าทางสำนึกผิดของคนตัวเล็กทำให้คำถามไถ่ซักไซ้ไล่เลียง

หายวับไปจากห้วงคิดของคณินโดยอัตโนมัติ เขามองใบหน้าจ๋องจ๋อยนั้น

แล้วก็ส่ายหน้า

“ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอะไรหรอกครับ แต่ถ้าพี่กรองรู้ว่าผม

ปล่อยให้น้องเพลินขี่มอเตอร์ไซค์ลงข้างทางอย่างนี้ ผมได้โดนด่าจนหูดับแน่”

หน้านิ่งๆ เสียงหนักๆ ที่ทำให้คาดเดาไม่ออกว่าเจ้าตัวคนพูดกำลัง

พูดเล่นหรือพูดจริง ยิ่งทำให้เพลินรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่ หญิงสาวรีบละล่ำละลักบอก

“เพลินไม่เป็นอะไร เพลินจะไม่บอกใครเรื่องนี้ เพลิน...ขอโทษจริงๆ

ค่ะคุณอาคณิน”

คำเรียกขานท้ายประโยคนั้นทำให้คิ้วเข้มที่เพิ่งคลายออกจากกัน

กลับขมวดมุ่นอีกครั้ง ดวงตาคมจ้องตรงมายังใบหน้าสวยหวานเหมือน

ตุ๊กตาอย่างมีคำถาม เขาแน่ใจว่าตัวเองหูไม่ฝาด ฟังไม่ผิด เมื่อครู่เธอเรียก

เขาว่า ‘คุณอาคณิน’

เพลินมองตอบเขาด้วยสายตาแป๋วแหวว งุนงงสงสัยว่าตัวเองพูด

อะไรผิดไปหรือเปล่า

...เพื่อนของคุณอากรอง ก็ควรต้องเรียกคุณอาคณิน ถูกต้องที่สุด

แล้วนี่นา

แต่คนถูกเรียกน่ะไม่คิดอย่างนั้นสักนิด คนตรงหน้านี่จะเด็ก

กว่าเขาสักกี่ปีกันเทียว อาจไม่น้อย แต่ก็ไม่ห่างถึงขั้นเรียกเขาเป็น ‘คุณอา’

ก็แล้วกัน

“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว เอากระเป๋ามานี่เถอะ ทิ้งมอเตอร์ไซค์ไว้ที่นี่ละ

เดี๋ยว...” คณินชะงักเล็กน้อย คิดหาคำแทนตัวเองที่ไม่ใช่คำว่า ‘อา’

“ผมให้คนมาเอาทีหลัง”

คำว่า ‘ผม’ ดังกว่าคำอื่นในประโยคเดียวกัน แต่เพลินดูเหมือน

ไม่ทันสังเกต

“เพลินนี่แย่จริง เพิ่งมาถึงก็ทำให้คุณอาคณินยุ่งยากเสียแล้ว” เธอ

ถอนหายใจเบาๆ พูดเสียงแผ่วด้วยความเกรงอกเกรงใจ

คณินส่ายหน้าคล้ายจะบอกว่าไม่ได้ยุ่งยากแต่อย่างใด ทั้งที่จริงๆ

เขาอ่อนอกอ่อนใจมากกว่า

เอาวะ...คุณอาก็คุณอา!

เขาชิงเอากระเป๋าเป้ใหม่เอี่ยมใบใหญ่เกือบเท่าคนแบกไปจากหญิงสาว

หิ้วเดินตัวปลิวเหมือนสัมภาระนั้นไม่ได้มีน้ำหนักสักนิด นำคนเพิ่งมาถึง

ข้ามถนนไปยังรถกระบะสองตอนสีดำที่จอดแอบชิดริมไหล่ทาง

คณินเปิดประตูที่นั่งข้างคนขับ ส่งเพลินให้ขึ้นนั่งเรียบร้อยและ

ปิดประตูรถให้ ก่อนเดินอ้อมมาประจำที่นั่งหลังพวงมาลัย เขากลับรถ

บ่ายหน้าไปทางทิศเหนือของตัวเมือง บรรยากาศภายในรถเงียบจัดจนชวน

ให้อึดอัด เพลินซึ่งไม่ใช่คนช่างพูดนักพยายามรวบรวมความกล้า คิดเค้นหา

เรื่องคุย แต่หน้านิ่งๆ ขรึมเข้มของคนตัวโตก็ทำให้เธอนึกกลัวว่าหากพูด

อะไรผิดหูเข้าอาจโดนเขาดุเอาง่ายๆ

“ทำไมไม่นั่งเครื่องมาล่ะครับ”

เมื่อรถแล่นผ่านสนามบินปาย เจ้าของเสียงห้าวๆ ก็เอ่ยถามมา

เล่นเอาเพลินซึ่งกำลังพยายามตั้งใจมั่นแทบสะดุ้ง

“คือ...เพลินอยากลองนั่งรถดูน่ะค่ะ อยากลองนับโค้งว่ามีเจ็ดร้อย

หกสิบสองโค้งจริงหรือเปล่า” เพลินกะพริบตา ขับไล่ความตื่นเต้นแบบแปลกๆ

“แล้วนับได้ครบหรือเปล่า”

“ไม่ทราบค่ะ เพลินเผลอหลับระหว่างทาง”

คำตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนๆ นั้นทำให้คณินนึกอยากถอนหายใจ

เขาเริ่มเข้าใจมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าทำไมกรองมาลย์จึงย้ำนักย้ำหนาให้เขา ‘ดูแล’

เพลินให้ดี ดูจากกิริยาท่าทางนุ่มนิ่ม ไร้เดียงสา อ่อนต่อโลกเหลือเกิน

ของหญิงสาวที่เขารับนั่งรถมาด้วยกัน ก็ควรอยู่หรอกที่ต้องมีคนคอย

ปกปักอารักขา

หากในความเข้าใจนั้นยังแฝงด้วยความไม่เข้าใจอย่างยิ่ง ว่าทำไม

กรองมาลย์จึงคิดว่าเขาเหมาะกับหน้าที่นั้น

เพื่อนรุ่นพี่ที่สนิทสนมชนิดวิ่งไล่เตะกันได้ควรต้องรู้ว่าเขาไม่มี

คุณสมบัติเพียงพอจะเป็นอัศวินหรือองครักษ์ ยิ่งกับผู้หญิงเรียบร้อย

อ่อนหวานอย่างนี้ มีแต่เขาจะทำให้ขวัญกระเจิงหรือไม่ก็เสียผู้เสียคน

ไปเลยมากกว่า

ชายหนุ่มเหลียวมองคนข้างตัวอีกครั้ง เสี้ยวหน้าด้านข้างที่เห็น

ประกอบด้วยแก้มนวล ปลายจมูกแหลมเชิดน้อยๆ ปากเล็กๆ กับขนตา

หนายาวงอนชนิดที่น่าจะวางก้านไม้ขีดไว้ข้างบนได้

คนมาเที่ยวคนเดียวมีเหตุผลไม่กี่อย่าง ชอบอยู่คนเดียว อยากอยู่

คนเดียว หรือไม่ก็...จำเป็นต้องอยู่คนเดียว

อย่างเพลินนี่เป็นประเภทไหนกันหนอ?

                           (ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

หลังจากอกหักครั้งใหญ่ สองสาวสาวกนิยายพาฝันตัวเอ้ตัดสินใจเดินทางไปรักษาแผลใจไกลถึงเมืองปาย เมืองเล็กในอ้อมกอดแห่งขุนเขาเพื่อตามรอยทางรักในนิยายเล่มโปรด แต่เพราะชีวิตจริงกับนิยายพาฝันนั้นห่างไกลกันคนละโยชน์ สิ่งที่สองสาวพบเจอในเมืองปายกับสิ่งที่คาด-หวัง-ฝันไว้ จึงดูคล้ายเป็นนิยายคนละเรื่อง 
ชีวิตราบเรียบงดงามราวปูด้วยกลีบกุหลาบของเพลิน สาวน้อยผู้บอบบางราวกระเบื้องเนื้อดีมีอันต้องสะดุด เมื่อชายในฝันที่อยู่ในหัวใจมานานวันตกลงหมั้นกับหญิงอื่น คุณหนูไปไหนไกลจากบ้านจึงตัดสินใจเดินทางมาปายเพียงลำพัง โดยมี “นิยายรัก...เรื่องปัจจุบัน” นิยายพาฝันแสนหวานเป็นแรงบันดาลใจ 
เช่นเดียวกับเบญญา สาวเท่แสนโก๊ะผู้ผ่านประสบการณ์อกหักมานับครั้งไม่ถ้วน “นิยายรัก...เรื่องปัจจุบัน” นำเธอมาปายพร้อมกับความฝัน ความหวังว่าคงมีสักครั้งที่ได้เป็นนางเอกในชีวิตจริงของใครสักคน 
สองสาวไม่รู้เลยว่าการเดินทางตามรอยนิยายพาฝันในเมืองเล็กกลางหุบเขาแสน โรแมนติก จะพาเธอย่างก้าวเข้าสู่โลกนิยายอย่างเต็มตัวเต็มหัวใจ...ไม่ใช่นิยายรัก เรื่องไหน แต่เป็นนิยายรักเรื่องปัจจุบันของตัวเอง

รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (95 รายการ)

www.batorastore.com © 2024