
เรียนรู้ ทุกข์ได้ สุขเป็นกำไร
ราคา:
159.00 บาท
มีสินค้ามือสองอยู่จำนวน : 1 รายการราคา 29.00 บาท ซื้อสินค้ามือสอง
Quick View
รีวิว (1)
เขียนรีวิว
ปุณิกา | 
22/08/2014
เคยมีคำกล่าวว่าในโลกนี้ไม่มีความสุข มีแต่ความทุกข์ที่พอทนได้ คอนเซปของหนังสือเล่มนี้จริงๆแล้วอาจจะกล่าวได้ว่าเป็นหนังสือสอนให้เรารู้จักมองโลกในแง่ดี ค้นหาแง่มุมด้านบวกจากปัญหาหรือเรื่องเลวร้ายนั่นเองเพราะทุกข์เป็นธรรมขาติของมนุษย์หรือธรรมชาติของชีวิต ตราบใดที่ยังมีลมหายใจ ทุกข์ย่อมเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา การเสาะแสวงหาวิธีการดับทุกข์นั้นอาจดูเป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็ญ ยิ่งถ้าเราเป็นปุถุชนคนธรรมดาที่ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในโลกที่มีแต่ความวุ่นวาย แก่งแย่งแข่งขันด้วยแล้ว การเรียนรู้ที่จะอยู่กับทุกข์ให้เป็น บริหารกายบริหารจิตใจและความคิดของตนเองได้ น่าจะเป็นแนวทางที่เป็นรูปธรรมมากกว่าในการรับมือกับความทุกข์ ในแง่นี้เราจึงต้องอาศัยการหมั่นควบคุมตรวจสอบสติปัญญาของตัวเองอยู่เสมอเพื่อให้รู้เท่าทันทุกข์ ซึ่งท่านอาจารย์ใช้คำว่ายามใดที่เป็นทุกข์ให้มองดูความทุกข์อย่างมีสติ อย่างแยบคาย อย่างเป็นผู้ดูไม่ได้เป็นผู้เป็น ความทุกข์ก็จะทอประกายแสงแห่งความสุขออกมาให้เห็น นอกจากนี้ยังต้องอาศัยความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับความทุกข์สารพัดรูปแบบด้วย ไม่ใช่คอยแต่จะวิ่งหนีเพราะเมื่อใดที่คุณวิ่งหนีทุกข์คุณจะไม่มีวันได้เรียนรู้ความทุกข์ใดๆ เลย ในภาคที่ 1 ของหนังสือเล่มนี้จะเป็นการอธิบายเรื่องทัศนคติหรือมุมมองในการมองความทุกข์เมื่อมันมาเยือน เช่น การใช้สติ การรู้จักพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส การมองเห็นความดีในคำด่า การรู้จักเรียนรู้จากความเจ็บป่วย เป็นต้น ในภาคที่ 2 จะเป็นการอธิบายเรื่องกรรมซึ่งเป็นบ่อเกิดแห่งทุกข์ การจะแก้ทุกข์ต้องแก้ที่กรรม แต่การแก้กรรมในที่นี้ไม่ใช่การแก้กรรมที่เข้าใจกันโดยทั่วไป กรรมคือการกระทำอะไรก็ตามที่ประกอบด้วยเจตนา กรรมนี้มันจะสั่งสมอยู่ในภวังค์จิตใต้สำนึก ดังนั้นไม่ว่าเราจะเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนรถ หรือเปลี่ยนฮวงจุ้ย กรรมมันก็ไม่เปลี่ยน มันยังคงฝังลึกอยู่ใต้จิตสำนึกของเราหากจะเปลี่ยนกรรมต้องเปลี่ยนที่ตัวเจตนา ในภาคที่ 3 ร้อนนอกดับด้วยน้ำเย็น ร้อนในดับด้วยธรรม หมายถึงการใช้ธรรมะดับอารมณ์หรือจิตใจหรือจิตใจที่มันครุกรุ่นเต็มไปด้วยกิเลศตัณหาต่างๆ นั่นเอง ได้แก่ อย่าเป็นนักจับผิด อย่ามัวแต่คิดริษยา อย่าเสียเวลากับความหลัง อย่าฟังเสียงบาปมิตร ในส่วนนี้คิดว่ายังขาดความคมคายในเชิงเนื้อหาทางธรรมอยู่ ในภาคที่ 4 เป็นการเปรียบเทียบความสุขต่างที่มากัน ได้แก่ สุขจากการสัมผัส สุขจากการบำเพ็ญสมาธิ และสุขจากความสงบของกิเลศ อ่านแล้วประทับใจภาค 2 มากที่สุดเพราะได้อรรถรสทางธรรมและความสวยงามทางภาษา ในภาคอื่นยังดูธรรมดาเกินไป ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะความเข้มข้นของเรื่องที่นำเสนอด้วยเลยทำให้ธรรมะที่หยิบยกมาสอนดูธรรมดาแต่ก็มีข้อดีตรงที่เมื่อเป็นเรื่องธรรมดาก็ย่อมเข้าใจง่าย นำไปปฏิบัติได้ง่าย

22/08/2014
เคยมีคำกล่าวว่าในโลกนี้ไม่มีความสุข มีแต่ความทุกข์ที่พอทนได้ คอนเซปของหนังสือเล่มนี้จริงๆแล้วอาจจะกล่าวได้ว่าเป็นหนังสือสอนให้เรารู้จักมองโลกในแง่ดี ค้นหาแง่มุมด้านบวกจากปัญหาหรือเรื่องเลวร้ายนั่นเองเพราะทุกข์เป็นธรรมขาติของมนุษย์หรือธรรมชาติของชีวิต ตราบใดที่ยังมีลมหายใจ ทุกข์ย่อมเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา การเสาะแสวงหาวิธีการดับทุกข์นั้นอาจดูเป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็ญ ยิ่งถ้าเราเป็นปุถุชนคนธรรมดาที่ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในโลกที่มีแต่ความวุ่นวาย แก่งแย่งแข่งขันด้วยแล้ว การเรียนรู้ที่จะอยู่กับทุกข์ให้เป็น บริหารกายบริหารจิตใจและความคิดของตนเองได้ น่าจะเป็นแนวทางที่เป็นรูปธรรมมากกว่าในการรับมือกับความทุกข์ ในแง่นี้เราจึงต้องอาศัยการหมั่นควบคุมตรวจสอบสติปัญญาของตัวเองอยู่เสมอเพื่อให้รู้เท่าทันทุกข์ ซึ่งท่านอาจารย์ใช้คำว่ายามใดที่เป็นทุกข์ให้มองดูความทุกข์อย่างมีสติ อย่างแยบคาย อย่างเป็นผู้ดูไม่ได้เป็นผู้เป็น ความทุกข์ก็จะทอประกายแสงแห่งความสุขออกมาให้เห็น นอกจากนี้ยังต้องอาศัยความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับความทุกข์สารพัดรูปแบบด้วย ไม่ใช่คอยแต่จะวิ่งหนีเพราะเมื่อใดที่คุณวิ่งหนีทุกข์คุณจะไม่มีวันได้เรียนรู้ความทุกข์ใดๆ เลย ในภาคที่ 1 ของหนังสือเล่มนี้จะเป็นการอธิบายเรื่องทัศนคติหรือมุมมองในการมองความทุกข์เมื่อมันมาเยือน เช่น การใช้สติ การรู้จักพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส การมองเห็นความดีในคำด่า การรู้จักเรียนรู้จากความเจ็บป่วย เป็นต้น ในภาคที่ 2 จะเป็นการอธิบายเรื่องกรรมซึ่งเป็นบ่อเกิดแห่งทุกข์ การจะแก้ทุกข์ต้องแก้ที่กรรม แต่การแก้กรรมในที่นี้ไม่ใช่การแก้กรรมที่เข้าใจกันโดยทั่วไป กรรมคือการกระทำอะไรก็ตามที่ประกอบด้วยเจตนา กรรมนี้มันจะสั่งสมอยู่ในภวังค์จิตใต้สำนึก ดังนั้นไม่ว่าเราจะเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนรถ หรือเปลี่ยนฮวงจุ้ย กรรมมันก็ไม่เปลี่ยน มันยังคงฝังลึกอยู่ใต้จิตสำนึกของเราหากจะเปลี่ยนกรรมต้องเปลี่ยนที่ตัวเจตนา ในภาคที่ 3 ร้อนนอกดับด้วยน้ำเย็น ร้อนในดับด้วยธรรม หมายถึงการใช้ธรรมะดับอารมณ์หรือจิตใจหรือจิตใจที่มันครุกรุ่นเต็มไปด้วยกิเลศตัณหาต่างๆ นั่นเอง ได้แก่ อย่าเป็นนักจับผิด อย่ามัวแต่คิดริษยา อย่าเสียเวลากับความหลัง อย่าฟังเสียงบาปมิตร ในส่วนนี้คิดว่ายังขาดความคมคายในเชิงเนื้อหาทางธรรมอยู่ ในภาคที่ 4 เป็นการเปรียบเทียบความสุขต่างที่มากัน ได้แก่ สุขจากการสัมผัส สุขจากการบำเพ็ญสมาธิ และสุขจากความสงบของกิเลศ อ่านแล้วประทับใจภาค 2 มากที่สุดเพราะได้อรรถรสทางธรรมและความสวยงามทางภาษา ในภาคอื่นยังดูธรรมดาเกินไป ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะความเข้มข้นของเรื่องที่นำเสนอด้วยเลยทำให้ธรรมะที่หยิบยกมาสอนดูธรรมดาแต่ก็มีข้อดีตรงที่เมื่อเป็นเรื่องธรรมดาก็ย่อมเข้าใจง่าย นำไปปฏิบัติได้ง่าย
สินค้าที่ใกล้เคียง (94 รายการ)
-
150.00 บาท 127.50 บาทของหมด (ต้องการสินค้า)
มีสินค้ามือสองอยู่จำนวน : 1 รายการราคา 70.00 บาท ซื้อสินค้ามือสอง
Quick View
-
89.00 บาทของหมด (ต้องการสินค้า)
มีสินค้ามือสองอยู่จำนวน : 1 รายการราคา 40.00 บาท ซื้อสินค้ามือสอง
Quick View
-
65.00 บาทของหมด (ต้องการสินค้า)
มีสินค้ามือสองอยู่จำนวน : 1 รายการราคา 49.00 บาท ซื้อสินค้ามือสอง
Quick View
-
40.00 บาทของหมด (ต้องการสินค้า)
มีสินค้ามือสองอยู่จำนวน : 1 รายการราคา 30.00 บาท ซื้อสินค้ามือสอง
Quick View
<
>