เพลิงมายา (เพ็ญศิริ) (EBOOK)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: -
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 150.00 บาท 97.50 บาท
ประหยัด: 52.50 บาท ( 35.00% )

เนื้อหาบางส่วน

เพลิงมายา

     เพ็ญศิริ                                         

 

 

            บนเวทีอันทรงเกียรติ  ร่างนางงามจากอำเภอต่าง  ๆ  ในชุดสาวล้านนาถือร่มกระดาษสีสันสดใส  ใบหน้าของเหล่านางงามทั้งหลายล้วนแล้วแต่สดสวยงดงาม  เนื่องจากอยู่ในวัยสะพรั่งกำลังเบ่งบานด้วยกันทุกนาง

            เหล่านางงามทั้งหมด  ไม่ต่ำกว่าสามสิบชีวิต  ต่างก็มีจุดมุ่งหมายที่จะพิชิตตำแหน่งเทพีครั้งนี้กันให้ได้  รวมทั้งไปรยา  สาวงามจากอำเภอหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่  ที่ผู้ใหญ่แห่งอำเภอส่งเข้าประกวด  นัยว่านางงามสาวผู้นี้มีภาษีเหนือกว่าเหล่านางงามคนอื่น  ๆ  ตรงที่หญิงสาวมีใบหน้าอันหวานฉ่ำ  และขยันยิ้มอย่างจริงใจ  ใบหน้าหวานของนางงามสาวผู้นี้จึงนับว่ามีเสน่ห์จับตาแก่ผู้พบเห็นทั้งหลายเป็นอันมาก  ตลอดทั้งเรือนร่างอันแช่มช้อยที่ซ่อนอยู่ในชุดผ้าซิ่นประจำท้องถิ่นล้านนา  กับเสื้อแขนกระบอกสีบานเย็น  มีผ้าสไบเฉียงพาดไหล่ปล่อยชายย้อยลงมาทั้งด้านหน้าและด้านหลัง  ผมดำขลับจนเป็นเงาเกล้าขึ้นไปเป็นมวยอยู่บนศีรษะมีดอกเอื้องประดับประดาอยู่รอบ  ๆ 

            การตัดสินในรอบคัดเลือกแรก  ๆ  ผ่านพ้นไปเป็นขั้นตอน  จนกระทั่งเหลือนางงามรอบสุดท้ายเพียงห้าคน  หนึ่งในห้านางงามที่เข้ารอบสุดท้าย  มีไปรยาหลุดติดเข้าไปด้วยตามความคาดหมายของใครต่อใครหลายคน

            เสียงเชียร์นางงามในดวงใจของตัวเองดังกระหึ่มจากกองเชียร์ทั้งหลายที่พร้อมใจกันมาแน่นหน้าเวที  ลูกโป่งหลากสีสันลอยสลอนอยู่กลางอากาศ  เพื่อเตรียมมอบให้กับนางงามที่ตนรักและปรารถนาจะให้ครองตำแหน่งเทพีบ่อสร้างครั้งนี้

            ไปรยาใจเต้นระทึก  เมื่อเสียงพิธีกรประกาศว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าก็จะถึงรอบตัดสินครั้งสำคัญ  นั่นคือการตัดสินครั้งสุดท้ายว่าใครจะได้ครองตำแหน่งสำคัญที่สุด

            “ขอเชิญนางงามทั้งห้าท่านเดินออกมาด้านหน้าเวทีอีกครั้งครับ”

            พิธีกรกล่าวประกาศผ่านไมโครโฟนขึ้น  นางงามเบอร์ต้น  ๆ  เดินถือร่มแยกแถวจากเพื่อนผู้เข้ารอบอีสี่คนเดินกลับไปกลับมาด้านหน้าเวที  รับเสียงปรบมือกระหึ่มกึกก้องจากคนดูไม่น้อยกว่าสี่ห้าพันคนขึ้นไป

            บรรดานักข่าวประจำท้องถิ่น  รวมทั้งนักข่าวระดับประเทศพากันดาหน้าเข้ามายืนซูมกล้องคอยถ่ายภาพนางงามที่ส่งยิ้มหวานระรื่นออกไป  จนกระทั่งถึงคราวของไปรยา  นางงามเบอร์ที่  ๑๙  เมื่อหญิงสาวขยับพาร่างโปร่งระหงในชุดสาวล้านนา  ผ้าสไบเฉียงพาดไหล่กลมกลึงของเธอพลิ้วตามจังหวะการเดินของนางงามสาวยามเมื่อหล่อนย่างก้าวออกมาเดินด้านหน้าเวทีบ้าง  เสียงปรบมือก็กึกก้องกระหึ่มขึ้นจนหญิงสาวหูอื้ออึง  เฉกเช่นนัยน์ตาตาที่พร่าพรายไปกับแสงแฟลชจากกล้องทั้งหลายของนักข่าวที่พุ่งเป้ามายังร่างของหล่อนอย่างต่อเนื่อง

            ไปรยาเดินถือร่มส่งยิ้มจริงใจให้กับกรรมการและผู้ชมทั้งหลายหนึ่งเที่ยว  ก็เดินกลับไปรวมกลุ่มกับนางงามอีกสี่คนอยู่ที่เดิม

            “และแล้ว  นาทีสำคัญที่ทุกท่านกำลังรอคอยอย่างใจจดใจจ่อก็มาถึงเสียทีเราจะได้ยลโฉมหน้านางงามผู้โชคดีและแสนงามที่จะได้ครอบครองตำแหน่งเทพีบ่อสร้างของปีพ.ศ.นี้กันแล้วนะครับ”

            เสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งหลายพากันเงียบกริบลง  เมื่อนาทีระทึกใจกำลังจะมาถึง  การประกาศเริ่มจากนางงามขวัญใจช่างภาพก่อนเป็นอันดับแรก  ไปรยาแทบจะลืมหายใจขณะที่คอยฟังเสียงพิธีกรประกาศเบอร์นางงามผู้ครองตำแหน่งผู้นั้น

            “นางงามผู้ได้ครองตำแหน่งขวัญใจช่างภาพประจำปีนี้  คือ  นางสาวศรีรัตน์  เลอสรวง  จากอำเภอน้ำแตง  เบอร์ที่  ๗  ครับ”

            หญิงสาวค่อย  ๆ  ระบายลมหายใจอัดอั้นมา  เมื่อหันไปมองหน้านางงามแห่งอำเภอน้ำแตงที่ยกมือรับไหว้ตำแหน่งนั้น  ก่อนจะเดินถือร่มเยื้องกรายออกไปรับรางวัลต่าง  ๆ  จากกรรมการผู้มีเกียรติที่ขึ้นมามอบให้บนเวที

            “และนับจากนี้ไป  เราจะได้ทราบกันว่า  ใครคือนางงามขวัญใจประชาชน  ได้แก่  นางงามเบอร์ยี่สิบสอง  นางสาวขวัญลออ  จากอำเภอแม่ริม  ส่งเข้าประกวดครับ”

            เสียงปรบมือขานรับตำแหน่งนั้นของนางงามคนงามแห่งอำเภอแม่ริมดังกระหึ่มขึ้นอีกครั้ง  ไปรยาหันไปส่งยิ้มให้กับนางงามคนสวยดั่งจะปลอบใจว่าไม่เป็นไรหรอก  เธอได้ตำแหน่งนี้ก็ดีเหมือนกัน

            หลังจากนั้น  ตำแหน่งอื่น  ๆ  ของนางงามอีกสองนางก็เปิดเผยที่ละคน  จนกระทั่งเหลือเพียงไปรยาเพียงผู้เดียวที่ถูกทิ้งให้ยืนเดี่ยวโดยที่นางงามสาวยังไม่ได้รับตำแหน่งอะไร  ซึ่งนั่นหมายความว่า

            “และแล้ว  นาทีที่ทุกคนเฝ้าตั้งตารอคอยกันมานานหลายชั่วโมงก็มาถึงแล้ว  เทพีบ่อสร้างประจำปีพ.ศ.๒๕๔๖  ก็คือ…นางสาวไปรยา  เจ้าของเบอร์  ๑๙  อำเภอสันกำแพงส่งเข้าประกวดครับ”

            เสียงปรบมืออื้ออึ้งดังสนั่นลั่นหน้าเวทีขึ้นทันที  ไปรยาใจเสียววาบดุจไม่อยากจะเชื่อว่าคำประกาศนี้จะเป็นความจริงขึ้นมาได้

            มันเกิดขึ้นได้อย่างไรกัน  หล่อนน่ะหรือคือเทพีบ่อสร้างประจำปี  ผู้ได้ครอบครองตำแหน่งสำคัญของปีนี้..

            เมื่อรู้สึกตัว  ไปรยาก็พนมมือขึ้นแล้วย่อเข่าลงไหว้รับเสียงปรบมือและแสงแฟลชจากเหล่านักข่าวที่พากันฮือฮาเข้ามาแย่งกันถ่ายภาพหล่อนกันเนืองแน่นมงกุฎเทพีและสายสะพายถูกสวมให้แก่หล่อน  ไปรยายังงุนงงว่าหล่อนฝันหรือมันเป็นความจริงกันแน่

            …………………………………………………………………………………………………………….

            ภาพแห่งความสำเร็จในการประกวดครั้งนั้นถูกบันทึกลงในภาพถ่าย  รวบรวมเป็นอัลบั้มขนาดใหญ่ให้ไปรยาเก็บไว้เป็นที่ระลึกจนกระทั่งวันหนึ่ง  เมื่อหญิงสาวมีจังหวะและเวลาว่าง  ไปรยาก็มักจะหยิบเอาภาพเหล่านี้ขึ้นมาพลิกดูอย่างชื่นชมและอาลัยในตำแหน่งสำคัญที่ผ่านมานั้น  เพราะมันคงจะไม่ย้อนกลับมาให้หล่อนภาคภูมิใจได้อีกต่อไปแล้ว  เพราะหลังจากที่ไปรยาได้ตำแหน่งเทพีบ่อสร้างเพียงปีเดียว  หญิงสาวก็ตัดสินใจแต่งงานกับสุเทพ  หนุ่มชาวไร่ผู้ลุ่มหลงรักใคร่เธอมาตั้งแต่ไปรยายังเพิ่งเป็นสาวรุ่นอายุสิบหกปีเท่านั้นเอง

            การแต่งงานซึ่งเกิดจากความตัดสินใจของหญิงสาว  นำความเจ็บปวดรวดร้าวมาสู่หญิงสาวเพียงหนึ่งปีให้หลังผ่านไป  นั่นเพราะความหึงหวงของสามีชาวไร่  ที่เฝ้าปักใจว่า  สักวันหนึ่ง  ไปรยาจะหวนกลับไปสู่ชื่อเสียงเกียรติยศที่หล่อนเคยได้รับมาก่อน  และทอดทิ้งเขาไปโดยไม่ย้อนกลับมาหาเขาอีกเลย

            สุเทพแทบจะกักขังเมียสาวเอาไว้แต่ในเรือนไม้สักขนาดกลางที่เขาสร้างขึ้นมาสำหรับเป็นเรือนหอของหล่อนกับเขา  ในยามกลางวันชายหนุ่มก็จะออกไปทำไร่ยาสูบ  หรือไม่ก็ไร่ฝ้าย  แล้วให้เมียสาวอยู่เฝ้าบ้านคอยหุงหาอาหารไว้คอยท่าเขาในตอนกลางวันและตอนเย็นเท่านั้น

            วันใดถ้าสุเทพกลับมาแล้วไม่เห็นเมียสาวอยู่กับเหย้า  เขาจะอารมณ์เสียพาลไม่ไปทำงานเพื่ออยู่เฝ้าบ้านคอยดูว่าเมียสาวคนสวยจะกลับมาเมื่อใด  และทุกครั้งที่ไปรยากลับมา  หญิงสาวก็มักจะเกิดปากเสียงกับสามีชาวไร่อย่างหนักเพราะอารมณ์หึงหวงอย่างไร้เหตุผลของสุเทพอยู่เป็นประจำ

            “ทำไมพี่เทพเขาถึงได้กลายเป็นคนขี้หึงขนาดนี้ก็ไม่รู้นะ  พี่ยา”

            ปองจิตผู้เป็นน้องสาวของอดีตเทพีบ่อสร้างสาวบ่นออกมาอย่างระอาใจเพราะมีบ่อยครั้งเหลือเกินที่สุเทพตามไปหึงหวงใส่เมียสาวถึงหน้าบ้านของนางเปรมใจ  แม่ของหญิงสาว  และถึงขั้นลงไม้ลงมือตบตีเมื่ออารมณ์หึงหวงนั้นถึงที่สุดก็มักจะเกิดอยู่ไม่วายเว้น  สร้างความเบื่อหน่ายระอาใจให้กับนางเปรมใจและปองจิต  ผู้เป็นแม่และน้องสาวของไปรยาสุดที่จะกล่าว  มิไยที่หญิงสาวจะเพียรอธิบายว่าหล่อนไม่เคยคิดนอกใจเขามาก่อนเลย  สุเทพก็ยังไม่เคยนำพาและลดละความหึงหวงลงไปได้ 

            ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด  เขาก็ยิ่งฝังใจต่อความหวาดระแวงว่าสักวันหนึ่งไปรยาอาจจะทอดทิ้งเขาไปสู่ชีวิตที่หรูหรา  เลิศหรูของสังคมเมืองใหญ่  ทอดทิ้งผัวชาวไร่เช่นเขาไปก็เป็นได้  จนกระทั่งถึงทุกวันนี้  หล่อนกับเขามีโซ่ทองคล้องใจร่วมกันมาหนึ่งคน  นั่นคือแม่หนูปรางค์ฉาย  ผู้เป็นลูกสาวสุดที่รักวัยขวบเศษ  ๆ  ของไปรยากับสุเทพกำเนิดขึ้นมา  แต่สุเทพก็ยังไม่ยอมไว้วางใจในตัวเมียสาวว่าจะซื่อสัตย์และใช้ชีวิตอยู่กับเขาไปจนเฒ่าจนแก่เสียที

            หญิงสาวทอดถอนใจออกมาอย่างเศร้าหมองเมื่อนึกถึงความสุข  ความฝัน  ที่หล่อนวาดหวังเอาไว้ว่า  ถ้าหล่อนแต่งงานกับสุเทพแล้วจะพบกับความสุขสมหวังเนื่องจากสุเทพเป็นผู้ชายขยันขันแข็ง  เหล้าไม่แตะ  บุหรี่ไม่สูบ  เพื่อนฝูงไม่ยุ่งเกี่ยว  แต่มันกลับไม่ได้เป็นไปเช่นนั้นเลย

            เสียงฝีเท้าก้าวย่ำขั้นบันไดขึ้นมา  ไปรยารีบร้อนเก็บอัลบั้มใหญ่ใส่ตู้โชว์  พร้อมกับเลื่อนโล่รางวัลต่าง  ๆ  ที่การันตีความงามของหล่อนในอดีตให้เรียงเข้าที่กันที่เดิมแต่ก็ไม่ทันเวลาที่สุเทพเดินขึ้นมาเปิดประตูห้องเสียก่อนแล้ว

            ใบหน้าเรียบสนิทพลันมีรอยยิ้มเยาะหยันผุดขึ้นบนใบหน้าคล้ำซึ่งมีเหงื่อเป็นเม็ดเกาะอยู่บ้างประปราย  เขาถอดหมวกออก  แล้วยืนท้าวสะเอวมองหน้าไม่สู้จะสบายใจของเมียสาววัยยี่สิบอย่างเยาะหยัน

            “ยังอาลัยไอ้รางวัลบ้า  ๆ  พวกนี้อยู่หรือไง  ไปรยา  พี่บอกเธอกี่ครั้งแล้วว่าอย่าไปสนใจมัน  มันก็แค่ถ้วยรางวัลที่เขาทำขึ้นมาหลอกล่อยั่วตัณหาผู้หญิงใจแตก  หน้าโง่บางคนเท่านั้นแหละ”

            ว่าแล้ว  ชาวไร่หนุ่มก็ตรงเข้ามาแย่งโล่รางวัลจากมือเมียสาว  ทำท่าจะปาออกนอกหน้าต่างไป  ไปรยารีบแย่งคว้าเอามาซ่อนไว้ข้างหลังตัวเองอย่างหวงแหน

            “อย่านะจ๊ะ  พี่เทพ  อย่าทิ้งมัน”

            “ทำไม  เธอจะเก็บมันเอาไว้อีทำไม  ถึงยังไงเธอก็ไม่มีวันได้กลับไปเป็นเทพีอะไรอีกแล้ว  อ้อ  นี้คงจะยังนึกยังฝันอยู่ละซิว่าจะกลับไปเป็นนางงามอีกน่ะ”

            ยิ่งพูดสุเทพก็ยิ่งแสดงอารมณ์กราดเกรี้ยวออกมา  จุดด้อยประการหนึ่งของเขาคือเขาเป็นคนโกรธง่าย  แม้แต่คำพูดของตัวเองแท้  ๆ  ก็ยังจุดประกายความโกรธ  สร้างอารมณ์ฉุนเฉียวให้กับตัวเองได้เสียแล้ว

            ไปรยาหน้าเข้มขึ้น  ก่อนจะซีดขาวลงไปกับถ้อยคำเชือดเฉือนจิตใจของผู้เป็นสามี

            “ฉันไม่ได้คิดจะกลับไปเป็นเทพีอะไรนั่นอีกหรองนะจ๊ะ  พี่สุเทพ  แต่ว่าว่าง  ๆ  ลูกนอนหลับแล้วก็อดจะเข้ามาดูมันอีกไม่ได้”

            “ดูทำไม  ดูแล้วเกิดความอยาก  อย่าลืมซิว่าเธอน่ะมีลูกมีผัวแล้วทั้งคน”

            “ฉันไม่เคยลืมหรอก  พี่สุเทพ  แล้วก็ไม่เคยคิดจะหวนกลับไปเป็นอะไรอีก  ทำไมพี่ถึงไม่เคยไว้ใจฉันบ้างเลย”

            หญิงสาวตัดพ้อสามีน้ำเสียงน้อยใจ  สุเทพแค่นหัวเราะออกมาดัง  ๆ  สายตาเยาะหยันคู่นั้นลดศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจทั้งหลายที่ไปรยาเคยมีลงไปจนหมดสิ้น  หญิงสาวรู้สึกว่าตัวเองไร้คุณค่าอย่างสิ้นเชิง

            “ถ้าฉันไว้ใจเธอ  สักวันหัวฉันก็คงจะมีเขางอกขึ้นมาอยู่บนหัว”

            “พี่สุเทพ”

            นับเป็นวาจาที่สร้างความเจ็บปวดให้กับผู้ฟังจนน้ำตาแทบร่วง  แทนที่หนุ่มชาวไร่จะสำนึกตัวว่าเขาพูดจารุนแรงต่อภรรยาเกินไป  เขากลับเอาแต่อารมณ์พูดหนักกว่าเก่า

            “ฉันเห็นมาหลายรายแล้ว  ไอ้ที่ไว้ใจเมีย  เชื่อคำพูดเมียทุกคำ  ผลสุดท้ายเป็นยังไง  เมียหนีไปมีชู้มั่ง  กว่าจะรู้ตัวเขาก็งอกบนหัวไปแล้ว  ชาวบ้านรู้กันหมดเมือง  มีแต่มันเท่านั้นแหละที่ไม่รู้ว่าเมียมันแอบมีชู้อยู่ตั้งนาน”

            “พี่สุเทพ  ที่พี่พูดมาน่ะมันไม่ใช่ฉันหรอกนะ  ฉันไม่เคยคิดจะทำตัวเสื่อมเสียชั่วช้าอย่างนั้น  ฉันมีพ่อแม่คอยสั่งสอนว่าลูกผู้หญิงที่แต่งงานไปแล้วควรจะทำตัวยังไง  อีกอย่างหนึ่งฉันก็ไม่ใช่ผู้หญิงร่าน  มีผัวเดียวไม่รู้จักพออย่าที่พี่เคยพบเจอมาก่อน  ฉันกับมุกดา  เมียเก่าของพี่มันนิสัยคนละอย่างกัน”

            เท่านั้นเอง  สุเทพก็เดินรี่เข้ามาตบหน้าไปรยาดังฉาดเต็มแรง  จนใบหน้าของอดีตเทพีสาวหันไปตามแรงตบนั้น  ไปรยาเซถลาซวนเซไปล้มข้าเสาห้อง  หล่อนร้องกรี๊ดออกมา  และเสียงกรีดร้องของหญิงสาวนี่เองที่ปลุกแม่หนูซึ่งกำลังนอนหลับสบายอยู่ในเปลให้ตื่นขึ้นมาส่งเสียงร้องอย่างตื่นตระหนก

            สุเทพชะงักอารมณ์ไปเล็กน้อย  เมื่อได้ยินเสียงลูกน้อยร้องจ้าขึ้น  เขาจึงผละจากร่างไปรยาไปอุ้มลูกขึ้นมาโอบอุ้มแนบอก  แต่ยังไม่วายชี้หน้าไปรยาอย่างกราดเกรี้ยว

            “ฉันบอกเธอกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าห้ามพูดถึงชื่ออีมุกดาให้ฉันได้ยินอีก”

            “ถ้าพี่ลืมมุกดาแล้ว  ทำไมพี่ถึงทนฟังชื่อเมียเก่าของพี่ไม่ได้  แล้วพี่ก็ยังฝังใจว่าฉันจะต้องนิสัยเลวทรามต่ำช้าเหมือนกับผู้หญิงที่พี่เคยพบมา  พี่ไม่เคยเชื่อใจฉันเลยว่าฉันรักและพร้อมที่จะซื่อสัตย์กับพี่เพียงคนเดียว  ขอเพียงพี่เชื่อใจฉันบ้างเท่านั้น”

            ไปรยาเถียงไปก็ร้องไห้ไป  ใคร  ๆ  ในหมู่บ้านนี้ต่างก็รู้ดีว่าสุเทพ  สามีของหล่อนนั้นเคยมีเมียมาก่อน  ชื่อมุกดา  เป็นหญิงสาวชาวบ้านต่างตำบลกัน  แต่ต่อมาก็อันตรธานหนีหายไปจากหมู่บ้าน  จากชีวิตของสุเทพ  และไม่ย้อนกลับมาอีกเลย

            ครั้งนั้น  สุเทพเต็มไปด้วยความเดือดดาลคั่งแค้นเหลือหลาย  เขาเที่ยวได้ป่าวประกาศว่ามุกดาหนีตามชายชู้ไปอยู่ที่อื่น  พลอยทำให้ทุกคนรวมทั้งครอบครัวของไปรยาเข้าใจตามถ้อยคำที่เขาป่าวประกาศเรื่อยมา

            “ฉันไม่เชื่อ  อีมุกดาก็เคยพูดเหมือนที่เธอพูดนี่แหละ  สบถสาบานว่าไม่เคยคิดมีใคร  แต่ที่ไหนได้  อยู่กับฉันยังไม่ทันไรมันก็หนีตามผู้ชายอื่นไปจนได้  ต่อไปนี้ฉันไม่มีวันเชื่อว่าผู้หญิงทุกคนจะซื่อสัตย์กับลูกผัวตัวเองจริง”

            “พี่สุเทพ  ถ้าอย่างนั้น  พี่ขอฉันแต่งงานทำไมกัน”

            หญิงสาวร้องถามน้ำเสียงรันทดปนสะอื้น  นับตั้งแต่หล่อนแต่งงานกับสุเทพชีวิตของไปรยาก็ไม่แตกต่างจากสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่งที่เขาขุนข้าวน้ำ  และมีเซ็กส์ด้วยยามที่หิวโหย  หลังจากนั้นก็ย่ำยีดูถูกดูหมิ่นสุดแท้แต่อารมณ์ของเขาต้องการ

            “ฉันแต่งเพราะฉันรักเธอ  แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า  ฉันจะเชื่อคำพูดของเธอทุกอย่างนี่  เมื่อก่อนนี้เพราะฉันเชื่ออีมุกดาฉันจึงต้องอับอายขายหน้าชาวบ้านต่อไปฉันจะไม่หน้ามืดตามัวเชื่อแต่คำพูดของเมียอีกแล้ว  ผู้หญิงก็ไม่ต่างจากงูเห่าหรอก  เผลอเมื่อไรมันก็แว้งกัดเราตายเมื่อนั้น”

            ไปรยาหูชาไปกับคำพูดเหยียบย่ำราวกับหล่อนไม่ใช่คนที่มีชีวิตจิตใจ  ใช่ว่าสุเพทะจะใช้คำพูดพวกนี้เชือดเฉือนหล่อนเป็นครั้งแรก  แต่นี้ไม่รู้ว่ามันเป็นครั้งที่เท่าไร  ที่เขาใช้คำพูดเป็นน้ำกรดราดรดจิตใจของหล่อนจนสึกกร่อนผุพัง

            ชาวไร่หนุ่มจ้องหน้าเมียสาวที่ก้มหน้าลงอย่างเงียบงัน  เขาถือว่าการเงียบของหล่อนคือการจนตรอก  อับจนคำพูดต่อปากต่อคำด้วย  และเขาก็เหมาว่าเรื่องที่เขาพูดออกมานั้นเป็นความจริงทั้งสิ้น

            “อย่าให้ฉันรู้นะว่าเธอคิดจะมีชู้เหมือนอีมุกดา  ไม่งั้นฉันจะฆ่าเธอให้ตาย”

            เขาชี้หน้าหล่อน  ก่อนจะวางลูกลงในเปล  แล้วเดินออกไปจากห้องเพื่อหาข้าวปลากิน  ไปรยาน้ำตาร่วงพลู  หล่อนเข้าไปโอบอุ้มร่างลูกน้อยขึ้นมาสวมกอดสะอื้นฮักดั่งใจจะขาด  นับวันชีวิตของหล่อนก็จะห่างไกลจากความสุขออกไปทุกที             

            หากว่าชีวิตของหล่อนต้องพบกับสิ่งเหล่านี้จากสามีไม่มีจบสิ้น  แล้วไปรยาจะมีลมหายใจไปทำไมกัน  อยู่เป็นสัตว์เลี้ยงที่เขาพอใจจะเลี้ยงดูดยังไงก็ได้  สุดแท้แต่ใจและอารมณ์ของเขาบันดาลให้เป็นไปตามนั้น

            แล้วคุณค่าของมนุษย์ของไปรยาล่ะ  อยู่ที่ไหน…หล่อนยังเหลือความเป็นมนุษย์อยู่อีกหรือเปล่า  ไปรยาเฝ้าร้องถามตัวเองอย่างขื่นขม


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (78 รายการ)

www.batorastore.com © 2025