พรหมพรางใจ (อาทิตยา)

พรหมพรางใจ (อาทิตยา)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786162670503
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 250.00 บาท 62.50 บาท
ประหยัด: 187.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

หน้าบ้านบริบาลภิรักษ์

เสียงพระสงฆ์ให้พรในยามเช้าชายหญิงวัยกลางคนยกมือประนมขึ้นด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุข ลูกศิษย์วัดรีบรับของที่ถวายมาถือไว้แล้วเดินตามหลังพระสงฆ์อย่างว่องไว สาวใช้เก็บข้าวของเข้าบ้านเหมือนเคย

“ได้ตื่นมาใส่บาตรก็ดีเหมือนกันนะคุณ”

ธนา บริบาลภิรักษ์อดีตกรรมการผู้จัดการบริษัทส่งออกข้าวไทยทำอันดับหนึ่งของประเทศ จูงมือหญิงวัยกลางคนที่ยังมีความงามไม่สร่างเดินเข้าไปในบ้านหลังใหญ่อย่างมีความสุข

“คุณไม่ค่อยได้มีเวลาแบบนี้มานานแล้ว ต่อไปจะปลุกทุกเช้าดีไหมคะ”

“ก็ดีนะ เราสองคนไม่ค่อยได้มีเวลาแบบนี้นานแล้ว ต่อไปผมจะให้เวลาคุณมากๆ ชดเชยกับช่วงเวลาที่หายไปเกือบครึ่งชีวิต”

“ขอบคุณค่ะ ที่คิดถึงกัน” วีณา บริบาลภิรักษ์ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ร่วมฟันฝ่าความลำบากจนมีวันนี้มาด้วยกันเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

ชีวิตที่ผ่านมาในบทบาทของภรรยานักธุรกิจที่บริษัทกำลังเติบโต แม้จะขาดช่วงเวลาที่ได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาไปบ้าง แต่สามีคนนี้ก็ไม่เคยนอกลู่นอกทาง หรือทำให้เธอต้องหวาดระแวงในความรักที่มีให้กันแม้แต่น้อย

แม้ในวันที่พร้อมทุกสิ่งทั้งชื่อเสียง เงินทอง หน้าตาในสังคม ความรักความเอื้ออาทรที่มีให้แก่กันก็ไม่เคยลดน้อยลงแม้แต่น้อย เมื่อช้างเท้าหน้าเดินนำด้วยความมุ่งมั่น ควาญช้างจึงไม่ต้องเหนื่อยหรือหวาดระแวงใด การดูแลทุกอย่างในบ้านจึงเรียบร้อยเป็นอย่างดี เมื่อหลังบ้านพร้อมหน้าบ้านจึงมีเวลาลุยงานได้เต็มที่ ถือเป็นความสำเร็จที่งดงามเลยทีเดียว

อาณาเขตที่ดินห้าไร่ คุณธนาและภรรยาอยู่ที่ตึกกลางของพื้นที่ แวดล้อมไปด้วยบ้านหลังใหญ่อีกสองหลังที่ขนาบซ้ายขวา ซึ่งปลูกสร้างที่หลังตามความเปลี่ยนไปในช่วงอายุของบุตรทั้งสอง

ด้านขวาเป็นตึกคล้ายกับตึกกลางเพียงแต่ดูทันสมัยและใหม่กว่าเพราะเพิ่งจะปลูก ธวัชชัยบุตรชายคนโตของครอบครัวแต่งงานกับมาลินี และรับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการบริษัทข้าวไทยทำ แทนคุณธนาที่เกษียณตัวเองออกมาพักผ่อนในบั้นปลาย

ด้านซ้ายเป็นบ้านขนาดกะทัดรัดรูปทรงทันสมัย และมีต้นไม้ครึ้มปกคลุมพื้นที่ตามความชอบของเจ้าของบ้าน ธาดาบุตรชายคนเล็กของครอบครัวเป็นเจ้าของบ้านหลังนั้น ชายหนุ่มยังโสดไม่มีครอบครัวและยังไม่มีวี่แววว่าจะพาหญิงใดเข้าบ้านมาให้ทุกคนรู้จัก

“นั่นตาหนึ่งจะไปไหน” เสียงคุณวีณาเปรย เมื่อบุตรชายคนโตกำลังจะขับรถผ่านถึงหน้าตึกใหญ่

“ไปไหนแต่เช้าเจ้าหนึ่ง” คุณธนาถามอย่างอารมณ์ดี

ตั้งแต่ธวัชชัยรับหน้าที่ดูแลบริษัทแทนก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เจ้าลูกชายคนเก่งที่ทุ่มเทฝีมือทำงานอย่างเต็มที่ กิจการของบริษัทเจริญขึ้นในรอบไตรมาสที่ผ่านมาอย่างเห็นได้ชัด

“ผมนัดลูกค้ามาจากญี่ปุ่นไว้ที่สนามกอล์ฟใกล้บริษัทน่ะครับ ว่าจะไปออกรอบเป็นเพื่อนเขาเสียหน่อย เมื่อวานเพิ่งออร์เดอร์ผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ของเรา” ธวัชชัยชะลอรถคุยกับบิดามารดา

“ให้มันได้อย่างนี้สิเจ้าหนึ่ง เห็นไหม เชื้อไม่ทิ้งแถวจริงๆ” สีหน้าและน้ำเสียงคุณธนาพอใจกับข่าวที่ลูกชายบอกมาล่าสุด

“แล้วไม่ชวนหนูมาไปด้วยล่ะลูก หนูมาก็ชอบกอลฟ์เหมือนกันไม่ใช่เหรอ” คุณวีณาจำได้ว่าลูกสะใภ้เป็นคนทันสมัย

มาลินีเป็นนักเรียนนอกไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศและพบรักกับธวัชชัยที่นั่น ทั้งสองคบหาดูใจกันนานจนบุตรชายเรียนจบและกลับมาทำงานที่เมืองไทย หญิงสาวกลับมาจากต่างประเทศและมาเปิดกิจการส่งออกจิวเวอร์รี่เล็กๆ ตามความชอบส่วนตัว ทั้งคู่เพิ่งจะแต่งงานกันไม่ถึงสองปีและยังไม่มีโซ่ทองคล้องใจให้

“ไม่ดีกว่าครับ มาคงไม่ชอบถ้าผมต้องคอยดูแลลูกค้า ไว้ผมพาไปเองดีกว่า” ลูกชายคนโตขอตัวไปตามนัดเกรงว่าลูกค้าจะรอ

รถธวัชชัยไปไม่นาน เสียงรถอีกคันก็แล่นเข้ามาใกล้จนคุณวีณาต้องหันไปมองหาว่าใครมาแต่เช้า

“นั่นตาสองนี่คะ” คุณวีณาจำได้ว่ารถของบุตรชายคนเล็ก

“ไปไหนมาแต่เช้า” คุณธนาเปรยอีกคน

“ไปหรือกลับคะ ตาสองไม่เคยตื่นเช้าขนาดนี้” คุณวีณารู้นิสัยลูกชายคนเล็กดีกว่าใคร

ธาดาไม่เหมือนกับธวัชชัยทั้งหน้าตาและนิสัยใจคอ สองคนพี่น้องห่างกันแค่สองปีแต่กลับต่างกันคนละขั้ว ธวัชชัยสูงโปร่งคล้ายคุณธนารูปร่างหน้าตาผิวพรรณได้ความขาวของเธอไป หนำซ้ำยังได้นิสัยช่างพูดช่างเอาใจเป็นมิตรกับทุกคนได้เหมือนพ่อไม่มีผิดเพี้ยน

ในขณะที่ธาดาสูงกว่าพี่ชายเล็กน้อยผิวพรรณหน้าตาคล้ายไปทางคุณย่าถม แม่สามีของเธอมากกว่า นิสัยใจคอของบุตรชายคนเล็กต่างจากธวัชชัยสิ้นเชิง

ธาดาไม่ชอบสังคม สามารถอยู่คนเดียวเพียงลำพังกับกองหนังสือหรือกีตาร์โปร่งตัวโปรด บางทีก็เกมคอมพิวเตอร์ที่ติดอย่างเอาเป็นเอาตายจนใฝ่ฝันอยากเป็นนักโปรแกรมเมอร์เพื่อสร้างสิ่งต่างๆ ที่ชอบ และสุดท้ายก็ทำได้สำเร็จ

ปัจจุบันธาดารับผิดชอบงานด้านไอทีของบริษัทดูแลทุกอย่างที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี เขาไม่จำเป็นต้องเข้าบริษัททุกวันอย่างพี่ชาย ไม่จำเป็นต้องพบหน้าใครเลือกทำงานกับคอมพิวเตอร์มากกว่าคน นอกจากนี้มีเวลาว่างยังเปิดบริษัทรับงานด้านคอมพิวเตอร์ ให้กับลูกค้ารายเล็กรายน้อยเพื่อทำตามความฝันของตัวเองอีกด้วย

“ไปไหนมาลูก” คุณวีณาร้องถาม

“นี่เพิ่งไป หรือเพิ่งมาเจ้าสอง” บิดาซักอีกคน

“เพิ่งไปและเพิ่งมาครับ” ลูกชายคนเล็กยิ้มหวานแล้วรีบพูดต่อว่า

“ผมออกไปตอนตีสามเพิ่งกลับมาตอนเกือบแปดโมงครับ ยังไม่ได้นอนเลย ขอตัวไปงีบเอาแรงก่อนสักหน่อยนะครับ”

“ไปไหนมาเจ้าสอง ดึกๆ ดื่นๆ ไม่ยอมหลับไม่ยอมนอน” คุณธนาถามด้วยความสงสัย

ปกติธาดาเป็นคนไม่ชอบไปไหนมาไหนถ้าไม่จำเป็น ลูกคนนี้มีโลกส่วนตัวสูงและติดบ้านเป็นที่สุด

“ปลายฟ้าเพิ่งเครื่องลงก็เลยโทร.มาให้ไปรับน่ะครับ ผมไปนอนก่อนนะครับ ไม่ไหวแล้ว” ธาดาหาวฟอดใหญ่

“นี่มันอะไรกัน ปลายฟ้า ก็ไหนว่าเลิกกันจนเจ้าสองจะเป็นจะตายแล้วทำไม” คุณธนารีบหันมาหาศรีภรรยาที่ยืนอยู่ข้างๆ ซึ่งตอนนี้มีท่าทางวิตกเมื่อได้ยินชื่อนี้จากปากบุตรชายอีกครั้ง

 

“คุณท่านคะ ไปดูคุณมาหน่อยเถอะค่ะ เป็นอะไรก็ไม่รู้เคาะเท่าไรก็เงียบอยู่ในห้องก็ไม่ตอบ” สาวใช้วิ่งหน้าตาตื่นมาที่ตึกใหญ่

“หนูมาไม่สบายหรือเปล่าคุณ” คุณธนาหันมาถามภรรยา

“ไปดูหน่อยก็ดีค่ะ พักนี้สังเกตว่าหน้าตาหนูมาไม่สดใสเท่าไร ไม่สบายเป็นอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้” คุณวีณารีบลุกขึ้นไปดูสะใภ้ พลอยทำให้คุณธนาต้องละอาหารเช้าแสนอร่อยเดินตามไปติดๆ

เสียงเคาะประตูห้องนอนดังขึ้นติดกันหลายหน คุณวีณาใจไม่ค่อยดีเมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบกลับจากด้านใน จึงสั่งให้แม่บ้านไขกุญแจสำรองเข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น ผลที่ตามมาก็คือ

“หนูมา ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้ล่ะลูก” คุณวีณาตรงเข้าไปโอบกอดร่างของศรีสะใภ้ที่นั่งชันเข่าซบหน้าพร้อมกับเสียงสะอื้น ไม่บอกก็รู้ว่ากำลังมีเรื่องเสียใจบางอย่าง

“ออกไปก่อน ให้คุณผู้หญิงคุยกับคุณมาเอง” คุณธนาให้สาวใช้ออกจากห้องไปทั้งหมด ส่วนตัวเขาเดินมาข้างภรรยาเพื่อดูว่ามีอะไรเกิดขึ้น

“หนูมา ใครทำอะไรหนูบอกแม่สิ” คุณวีณาโอบร่างของมาลินีไว้

“คุณแม่” เสียงสะอื้นออกจากลำคอของสะใภ้ โผเข้าหาแม่สามีที่พึ่งสุดท้าย

“มีอะไรหนูมา บอกแม่มาลูกใครทำอะไรแม่จะจัดการให้”

คราบน้ำตาบนใบหน้าสวยหวานของสะใภ้ทำให้คุณวีณาตกใจเหลือเกิน ดวงตาแดงก่ำบอกให้รู้ว่าผ่านการร้องไห้อย่างหนัก ทำให้คุณธนาอดคิดไม่ได้ว่าเจ้าลูกชายตัวดีทำอะไรให้มาลินีต้องเสียใจหรือเปล่า

“พี่หนึ่งค่ะ พี่หนึ่ง...” มาลินีปล่อยโฮ

“ใจเย็นๆ ก่อนหนูมา ตาหนึ่งทำไม มีอะไรลูก”

“พี่หนึ่งมีคนอื่นนอกจากมาค่ะ” มาลินีสะอึกสะอื้น

“หนูคิดมากไปหรือเปล่าลูก ตาหนึ่งกลับบ้านผิดเวลาคงไม่ใช่เพราะเรื่องผู้หญิงหรอกอาจจะเป็นเรื่องงานก็ได้’' แม่สามีปลอบประโลมหลังจากที่ฟังศรีสะใภ้ระบายความอัดอั้นในใจ

“ไม่จริงหรอกค่ะ คุณแม่ พี่หนึ่งกำลังคิดจะนอกใจมา พอมาจับได้ก็เอาเรื่องงานมาอ้าง แต่จริงๆ แล้วพี่หนึ่งไปกับแม่นั่นต่างหาก”

“แม่นั่น ใครกัน” คุณธนาถามขึ้นมาบ้าง

ชายวัยกลางคนรู้จักลูกชายดี ถึงแม้ธวัชชัยจะเป็นคนขี้เล่นช่างเจรจา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำอะไรนอกลู่นอกทางแบบนั้น เรื่องนี้คงต้องฟังทั้งสองคน

“ก็แม่แป้งร่ำเลขาคนสวยหน้าห้องไงคะ ทำตัวเหมือนเป็นภรรยาพี่หนึ่ง ชอบโทร.มาตอนดึกหรือไม่ก็ส่งแมสเสจมาหา แล้วพี่หนึ่งก็ต้องโทร.กลับไปทุกครั้ง นี่ก็ออกไปแต่เช้าอีก พอมาถามก็บอกว่าไปกลับลูกค้า มาจะไม่ไหวแล้วนะคะคุณแม่”

 “แม่ว่าหนูมาทำใจให้สบายก่อนดีไหม ไปอาบน้ำแต่งตัวทานข้าวเถอะ เรื่องนี้เดี๋ยวพ่อกับแม่จะถามตาหนึ่งก่อน” คุณวีณาไม่ปักใจว่าสิ่งที่สะใภ้ระแวงเป็นเรื่องจริงนอกจากจะถามเจ้าตัวให้รู้เรื่องก่อน

“คุณว่าลูกเราจะเป็นอย่างที่หนูมาพูดไหมคะ” คุณวีณาเอ่ยขึ้นขณะเดินกลับมาเพียงลำพัง

“ผมว่าไม่น่า ตาหนึ่งไม่ใช่คนเหลวไหลแบบนี้” คุณธนาเสียงเครียด

“แล้วอะไรทำให้หนูมาเชื่อแบบนั้นล่ะคะ”

“อาจเป็นเพราะลูกเราไม่ค่อยมีเวลาให้หนูมาเหมือนก่อน ก็เลยอาจจะทำให้หนูมาคิดมากก็ได้”

“งั้นเราต้องเตือนตาหนึ่งแล้วล่ะคะ ถ้าขืนปล่อยไว้แบบนี้สักวันหนูมาต้องทนไม่ได้แน่ๆ และครอบครัวก็จะมีปัญหาตามมา” คุณวีณาคิดหาทางกันไว้ดีกว่าแก้

“เฮ้อ...” เสียงถอนหายใจดังขึ้นมาจากผู้เป็นสามี

“คุณเป็นอะไรไปคะ”

“ผมกลุ้มใจเรื่องลูกเรา”

“เรื่องตาหนึ่งกับหนูมาเหรอคะ”

“เรื่องตาหนึ่งกับหนูมาไม่เท่าไรพอจะคุยกันได้ แต่เรื่องเจ้าสองกับผู้หญิงที่ชื่อปลายฟ้านั่นก็อีกคน ตกลงเจ้าสองจะเอายังไงแน่ จะเอาคนนี้ใช่ไหม ผมจะได้ทำใจหรือจะควงกันเล่นๆ แล้วสักพักก็แยกทางไป”

“เรื่องนี้ต้องให้ตาสองจัดการเองแล้วล่ะคะ ผู้หญิงที่ชื่อปลายฟ้าอาจจะเป็นคู่กับลูกเราก็ได้ ถ้าลูกรักใครคุณเคยบอกว่าคุณก็จะรักคนนั้นด้วยไม่ใช่เหรอคะ” คุณวีณาทบทวนความจำ

“ใช่ ผมพูดแบบนั้น แต่เสียดายถ้าเจ้าสองจะลงเอยกับปลายฟ้าจริงๆ คนดีอย่างลูกเราน่าจะได้คนดีกว่านี้มาเป็นคู่ชีวิต”

“ชีวิตใครเขาก็อยากลิขิตชีวิตเขาเองนะคะ เราคงไปกำกับเองไม่ได้ทุกอย่างอยู่ที่พรหมลิขิต” คุณวีณาปลอบใจสามี

“หรือไม่ก็เราลิขิตเอง”

เรื่องนี้ยังไม่อับจนหนทาง ยังมีทางที่จะทำให้ทุกอย่างคลี่คลายไปในทางที่ดีได้ เพียงแต่...จำเป็นต้องมีตัวช่วยเสียแล้ว

 

เสียงตึงตังวิ่งขึ้นบันไดบ้านแว่วมาแต่ไกล ทำให้คนที่นั่งอยู่ที่นอกชานต้องหันมามองด้วยความสงสัย

“อะไรของเอ็งวะ ไอ้หมึก วิ่งซะบันได้บ้านแทบพัง”

“แม่ คุณมา” เด็กหนุ่มร่างท้วมที่ชื่อปลาหมึกพูดไปหอบไป

“คุณอะไรใครมาวะ พูดให้รู้เรื่องซิไอ้หมึก” ฉวี มารดาของเด็กชายถามด้วยความสงสัย มองสังขารลูกชายที่กำลังหอบด้วยความเหนื่อยเนื่องจากเสียแรงวิ่งมาส่งข่าว

“ใครมารึ แม่หวี” คุณย่าถม หญิงชราวัยเจ็ดสิบปีเดินออกมาถาม

“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ คุณย่า หวียังไม่ได้ลงไปดูเลย ไอ้หมึกมันวิ่งซะกระไดแทบหัก ถามอะไรก็พูดสั้นๆ แค่ว่าคุณมาค่ะ” ฉวีรายงานคุณย่าที่นั่งลงบนแคร่ไม้สักตัวโปรด

“คุณอะไรของเอ็ง เจ้าหมึก ไหนพูดให้ย่ารู้เรื่องซิ” คุณย่าหันไปถามชายร่างท้วมที่เริ่มจะหายใจหายคอเป็นปกติแล้ว

ยังไม่ทันที่เจ้าหมึกจะอธิบายอะไรทั้งสิ้น คุณ ที่เด็กหนุ่มพยายามอธิบายก็เดินยิ้มหน้าบานขึ้นเรือนตามมาติดๆ ฉวีถึงบางอ้อว่า คุณมา ของลูกชายหมายถึงอะไร

“เจ้าธนากับเมียหรอกรึที่มา” คุณย่าทักบุตรชายและสะใภ้ที่ตรงมาคุกเข่าาก้มลงกราบอย่างสวยงาม

“คุณแม่สบายดีนะคะ” สะใภ้คนโปรดเอ่ยถามเป็นคำแรก

“ก็ยังไหวอยู่ แล้วนี่ลมอะไรหอบมาถึงนี่กันได้ แล้วมากันแค่นี้เรอะ คนอื่นไปไหนกันหมด” คุณย่าเหลียวมองหาเผื่อว่าจะมีใครตามขึ้นมาสมทบ

“เจ้าหนึ่งไปกับลูกค้าส่วนหนูมาก็ไปที่บริษัท นายสองยังไม่ตื่นครับเพิ่งกลับมาเมื่อสายนี่เอง” คุณธนารายงาน

“เดี๋ยวนี้เจ้าสองมันเปลี่ยนเวลาหลับเวลานอนแล้วเหรอ” คุณย่าถามด้วยความสงสัย

“ไม่ได้เปลี่ยนหรอกค่ะ คุณแม่ แต่ว่า...” คุณวีณาหันไปสบตากับสามี

“คุณแม่ครับ ผมมีเรื่องจะมาขอให้คุณแม่ช่วย”

ทางออกที่คุณธนาคิดว่าดีที่สุดสำหรับการแก้ปัญหาให้กับบุตรชายทั้งสองในเวลานี้ก็คือ ควรจะหาใครสักคนที่เข้ามาไกล่เกลี่ยปัญหาของธวัชชัยกับมาลินี และควรจะหาใครอีกสักคนมาช่วยแก้ปัญหาเรื่องของธาดากับผู้หญิงที่ชื่อปลายฟ้า โดยเฉพาะเรื่องของธาดานั้น จำเป็นต้องรีบจัดการให้เร็วที่สุดขืนปล่อยไว้นานกว่านี้บางทีอาจจะสายเกินไป

“จะไปทำอะไรกับไอ้เรื่องรักชอบของลูกได้ ลองถ้ามันรักแล้วก็ว่าของมันดีที่สุด คนเป็นพ่อเป็นแม่อย่างเราไปบอกว่าไม่ดี มันก็ว่าของมันดี แล้วจะบังคับน้ำใจของลูกได้ยังไง ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ปลูกอู่มันต้องตามใจผู้นอน แกทำใจซะเถอะ”

 “ผมก็เข้าใจนะครับคุณแม่ แต่ผมก็อยากให้เจ้าสองมันมีคนดีมาเป็นคู่ชีวิต ไม่ใช่แบบนี้” คุณธนาค้านความคิดของมารดา

“เราจะไปบังคับให้รักหรือไม่รักไม่ได้หรอก ตอนที่แกจะแต่งงานกับแม่วีณามีใครมาบังคับไหม ถ้าแม่ห้ามจะมีใครฟังไหม ลองถ้าความรักมันบังตา อะไรมันก็ลืมหมดทุกอย่างนั่นแหละ” คุณย่าเปรียบเทียบ

“แต่คุณแม่ครับ แล้วคุณแม่จะทนเห็นหลานชายมีเมียแก่กว่าแถมยังเคยทิ้งเจ้าสองไปแต่งงาน แล้วพอไม่ประสบความสำเร็จก็กลับมาหาเจ้าสองอีกครั้ง คุณแม่อยากได้หลานสะใภ้แบบนี้เหรอครับ” คุณธนาพยายามหาตัวช่วย

หญิงชรานิ่งไปสักพัก ตอนแรกคิดว่าจะไม่สนใจกับเรื่องปัญหาหยุมหยิมของครอบครัวธวัชชัยและมาลินี แต่พอฟังเรื่องของเจ้าหลานชายคนเล็กก็พลอยเป็นกังวลด้วยไม่ได้

เรื่องอายุไม่ใช่ปัญหาในการครองชีวิตคู่ แต่ความซื่อสัตย์และความรักที่มีต่อกันต่างหากเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าหากผู้หญิงที่ชื่อปลายฟ้าเคยทิ้งหลายชายไปแต่งงานแล้วหย่า ก่อนจะกลับมาหาอีกครั้งเห็นที่เรื่องนี้คุณย่าคงอยู่เฉยไม่ได้แล้ว

“แล้วเธอล่ะ แม่วีณา คิดยังไงกับเรื่องนี้” แม่สามีหันมาถามสะใภ้บ้าง

“เรื่องนี้ต้องแล้วแต่ตาสอง ถ้ารักชอบกันจริงๆ ดิฉันก็คงทำอะไรไม่ได้ แต่ก็ยอมรับนะคะว่าในใจก็อยากให้มีผู้หญิงดีๆ สักคนเข้ามาให้ลูกได้รู้จัก เผื่อว่าบางทีอาจจะเปลี่ยนใจจากปลายฟ้าก็ได้” คุณวีณาตอบตามจริง

นางเป็นมารดาที่หัวสมัยใหม่ไม่ได้ยึดติดกับอดีตของคน แต่สิ่งที่ทำให้กังวลก็คือ ความจริงใจที่หญิงสาวมีให้บุตรชายของตนต่างหาก

คุณย่าถมรู้ดีว่าการที่บุตรชายและสะใภ้มาหาไกลถึงอยุธยานั้น แสดงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นคงเป็นปัญหาใหญ่สำหรับทั้งคู่แน่ แต่นางก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีกับสิ่งที่เกิดขึ้น

“แล้วพ่อธนาจะให้แม่ช่วยอะไร”

“ผมอยากให้คุณแม่ไปอยู่ที่บ้านเราสักพัก ให้ช่วยหาทางเกลี้ยกล่อมให้เจ้าสองมันมองผู้หญิงคนอื่นบ้างที่นอกจากปลายฟ้า เผื่อว่าบางทีมันอาจจะตาสว่างขึ้นมาก็ได้” คุณธนาเอ่ยอย่างมีความหวัง

เรื่องจะให้ไปพักที่บ้านในกรุงเทพฯไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาคือว่านางจะต้องไปเกลี้ยกล่อมหลานชายให้มองผู้หญิงคนอื่นนอกจากคนที่คบอยู่ นั่นต่างหากคือปัญหา ถ้าพูดแล้วยอมแต่นางไม่มีปัญญาหาคนมาให้มองก็เท่ากับว่าพูดไปก็เท่านั้น รังแต่จะทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก

คุณย่าถมรู้จักธาดาดีกว่าใครทั้งหมดเพราะเป็นคนเลี้ยงหลานชายคนนี้มาแต่อ้อนแต่ออก นิสัยของธาดาเป็นคนมีเหตุมีผล สิ่งที่คิดและทำย่อมเกิดจากการตรึกตรองดีแล้ว

การจะเล่นกับคนที่มีความคิดของตนเอง และยิ่งเป็นคนชอบสันโดษที่ไม่ให้ใครมายุ่งเรื่องส่วนตัวแล้วด้วย หญิงชราย่อมรู้ดีกว่าใครว่าควรจะจัดการอย่างไร

“แม่หวี ไปจัดกระเป๋าให้ย่าหน่อย ย่าจะไปกรุงเทพฯสักสองสามวัน”

“ผมฝากเจ้าสองไว้กับคุณแม่ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ”

“แม่ไม่รับปากว่าจะทำสำเร็จไหม แต่เมื่อลูกมาขอร้องแม่ก็จะลองช่วยสักครั้ง” คุณธนาหอมแก้มมารดาด้วยความรักเป็นการตอบแทน เรื่องนี้ถ้าคุณย่าออกหน้ามีหรือจะไม่สำเร็จ

 

ฉวีเก็บกระเป๋าเรียบร้อยแล้วกลับมานั่งรอที่หัวบันไดบ้านเช่นเดิมเพื่อรอคำสั่งต่อ คุณย่านั่งคุยอยู่กับบุตรชายและสะใภ้อยู่ที่แคร่เหมือนเดิม คุณธนาเหลือบมองนาฬิกาข้อมือหลายครั้ง ไม่เห็นว่ามารดาจะมีท่าทีว่าจะลุกเพื่อออกเดินทาง

รายละเอียด

"พรหมพรางใจ"

เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นจากการถูกที่บ้านสงสัยว่าเขากำลังหวนไปคืนดีกับแฟนเก่ารุ่นพี่ที่เพิ่งหย่าขาดกับสามี "พรหมลิขิต" จึงนำพาเธอให้เข้ามาในชีวิตของเขา เพื่อสอนให้เขาได้รู้จักกับคำว่า "รัก" และเพื่อรักษาคำว่า "รัก" ให้คงอยู่ตลอดไป เชื่อว่าพรหมลิขิตให้เขาและเธอเกิดมาคู่กัน หวังเพียงอย่างเดียวอย่าให้มีอะไรมาพรางตาพรางใจ ให้มองไม่เห็นหัวใจรักที่แสนบริสุทธิ์นี้เลย !! แล้วเรื่องราวจะดำเนินต่อไป และมีบทสรุปอย่างไร !? ขอเชิญคุณผู้อ่านมาติดตามร่วมกันในนิยาย "พรหมพรางใจ" เล่มนี้

เขียนโดย "อาทิตยา"

 

344 หน้า


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (73 รายการ)

www.batorastore.com © 2024