เถาว์วัลย์พันรัก (ชูวงศ์)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: -
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 150.00 บาท 37.50 บาท
ประหยัด: 112.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

เถาว์วัลย์พันรัก

บทที่ ๑

When I grow too old to dream, I’ll have you to

remember.

When I grow too old to dream, your love will live in

my heart.

So kiss me, my sweet…and so let us part.

And when I grow too to dream, that kiss will live in

my heart.               

When I grow too old to dream ประพันธ์ทำนองโดย Sigmund Romberg

ประพันธ์เนื้อร้องโดย Oscar Hammerstien II เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง

The Night Is Young ในปีพุทธศักราช ๒๔๗๘

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เสียงเพลงนั้นดังแว่วมาจากที่ไหนหนอ ในเวลาค่ำคืน

อันเงียบสงัดเยือกเย็นอย่างนี้ ในยามที่จันทร์เจ้าเด่นดวงแจ่ม

จรัสอยู่กลางฟ้าอย่างคืนนี้

ท่วงทำนองเพลงอันอ่อนหวาน แม้ว่าเนื้อร้องจะบ่งชัด

ถึงความวิปโยคนั้น เสียดแทรกมากับลมหนาวที่โชยมาระเรื่อย

อา...ทุกข์ใดเล่าจะทรมานร้ายกาจยิ่งไปกว่า ทุกข์อัน

เนื่องมาแต่ความพลัดพรากจากผู้เป็นที่รักเสมอดวงใจ

อาชว์ ภาวสุทธิ์ เอนหลังพิงพนักเก้าอี้นั่งเล่นอย่าง

เหนื่อยหน่าย ทอดสายตาไกลออกไปนอกหน้าต่างที่มีแสง

จันทร์ทอเป็นลำยาวเข้ามาในห้องอันมืดมน บันดาลให้เกิด

ความสว่างอันสลัวเลือนราง มันแตกต่างกับความมืดมนใน

หัวใจของชายหนุ่ม ด้วยเหตุที่แสงแห่งชีวิตชีวามิได้มีโอกาส

ฉายเข้าไปถึงอีกต่อไปแล้ว

สายลมหนอ กระไรเลยจึงไม่ช่วยบรรเทาความร้อนเร่า

ในอกให้ผ่อนคลาย ยิ่งกว่านั้นดูเหมือนว่าสายลมเย็นเยียบที่

เสียดซ่านไปทั่วทุกรูขุมขน จะยิ่งบาดกายบาดใจให้บอบช้ำ

ยิ่งขึ้น เป็นทวีคูณ

ฟังซี...เสียงเพลงนั้นยังแว่วหวานมิรู้วาย...

จูบฉันเถิด ยอดรัก...

จูบนั้นจัก ฝังในดวงใจฉัน...

ลมหนาวกระโชกมาทางช่องหน้าต่างอีกวูบใหญ่ กระดาษ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

บางเบาสองสามแผ่นที่วางอยู่บนโต๊ะพลิ้วตัวพะเยิบพะยาบขึ้น

ตามแรงลมและในที่สุดก็ปลิวว่อนลงจากโต๊ะ แม้จะมิได้เหลียว

มาดูมัน อาชว์ก็รู้ว่านั่นเป็นกระดาษจดหมายเมล์อากาศบรรจุ

ข้อความที่เป็นภาษาต่างประเทศที่เพิ่งถูกส่งมาถึงมือเขาเมื่อ

ตอนบ่ายนี้เอง แม้จะมิได้จงใจจำ เขาก็ไม่อาจลืมข้อความที่

บรรจุในกระดาษจดหมายเหล่านั้น ได้แม้เพียงตัวอักษรเดียว ไม่

ว่าเวลาจะผ่านไปอีกนานเท่าไร อีกกี่เดือนกี่ปี ทุกๆ สิ่งที่เกิดขึ้น

แล้ว และดับลงแล้ว จะตราติดอยู่ในความทรงจำของเขาชั่ว

กัลปาวสาน

ข้อความภาษาอังกฤษเหล่านั้น เป็นลายมือของยอร์ช

ผู้เป็นสหายหนุ่มชาวออสเตรเลียนของเขา แต่ถ้อยคำส่วนหนึ่ง

เป็นของหล่อน...ไอวี่ แม่เถาไม้เลื้อยแสนสวยคนนั้น

อาชว์...ยอดรัก

ขอให้ฉันได้มีโอกาสเรียกเธอ “ยอดรัก” เป็นครั้ง

สุดท้าย เพราะกว่าเธอจะได้รับจดหมายฉบับนี้ ผู้หญิงคนที่ชื่อ

ไอวี่ เถาไม้เลื้อยสกปรกที่เธอแสนจะชิงชังก็จะไม่มีตัวตนอยู่ใน

โลกนี้อีกต่อไป ฉันได้บอกยอร์ชให้ส่งจดหมายฉบับนี้ถึงเธอ

หลังจากที่ฉันหมดลมหายใจแล้ว บางที ขณะที่เธออ่าน

จดหมายฉบับนี้ เธออาจจะนึกอภัยให้ฉัน ผู้หญิงเลวๆ คนหนึ่ง

ที่เคยก่อความเจ็บชํ้านํ้าใจให้แก่เธอ และคนที่เธอเคยก่อความ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เจ็บชํ้านํ้าใจให้แก่เขาไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน และด้วยวิธีเดียวกัน

ทว่าด้วยเจตนาที่แตกต่างกันอย่างตรงกันข้าม

ยอร์ชบอกฉัน เมื่อวันที่เขาไปส่งเธอที่สนามบิน

เมลเบิร์นเช้าวันนั้นว่า เธอเหลียวมองไปรอบๆ คล้ายจะมองหา

ใครสักคนที่ไม่ได้อยู่ในที่นั้น ทั้งๆ ที่เพื่อนสนิททุกๆ คนของเธอ

แวดล้อมตัวเธอ ทั้งๆ ที่ชลีวรรณคนรักของเธอเดินคล้องแขน

เธอตรงไปขึ้นเครื่องบินด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ใบหน้าของเธอ

เศร้า สายตาที่ขมขื่นของเธอมองกวาดไปในที่ที่ไม่มีใบหน้าของ

ใครสักคนที่เธอรู้จัก ยอร์ชบอกฉันว่า เขาคิดเอาเองว่าเธอคงจะ

มองหาฉัน ไอวี่ผู้ซึ่งไม่ได้อยู่ในบริเวณนั้นด้วย มิใช่เพราะเจียม

ตัวเกินไปที่จะไปส่งเธอ แต่เพราะฉันกำลังเจ็บหนักจนแม้จะ

พลิกหน้ามาดูรูปของเธอที่ตั้งประจำอยู่บนโต๊ะข้างเตียงก็แทบ

จะไม่ไหว

ก่อนจะจากเมลเบิร์นไป คำพูดสุดท้ายของเธอที่ยอร์ช

นำมาบอกฉันคือ “ลาก่อนเมลเบิร์น” แต่ในใจนั้นฉันรู้ว่าเธอจะ

พูดว่า “ลาก่อนไอวี่” ต่างหาก เหมือนกับที่หัวใจที่กำลังจะ

แตกดับของฉันคร่ำครวญว่า ลาก่อน อาชว์ ลาก่อนยอดรัก ลา

ก่อนความสุขที่เราเคยได้รับร่วมกัน ลาก่อนทุกสิ่งทุกอย่าง...

สิ่งที่สอดมาในจดหมายนี้ กว่าจะถึงมือเธอก็คงจะ

เหี่ยวแห้งหมดสี แต่เธอก็คงจะพอเดาได้ว่ามันเป็นส่วนหนึ่ง

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ของเถาไอวี่ที่ขึ้นพันอยู่ริมหน้าต่างห้องเช่าของเรา เธอคงไม่ลืม

ว่า ครั้งหนึ่งใบเล็กๆ เหล่านั้นเคยมีสีเขียวสดเป็นมันวับเมื่อ

ต้องแสงแดด ครั้งหนึ่งเธอเคยจับต้องกิ่งใบของมันอย่างทะนุ

ถนอมและบอกฉันว่า เธอรักไม้เถาชนิดนี้มิใช่เพราะเหตุอื่น แต่

เพราะมันมีชื่อว่าไอวี่...

เนื้อความในจดหมายของไอวี่สิ้นสุดลงเพียงแค่นั้น ไม่

มีคำลงท้ายและลายเซ็นของหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของจดหมาย

แต่อย่างใด ข้อความต่อจากนั้นเป็นถ้อยคำของยอร์ชสหาย

หนุ่มของเขา ซึ่งถ้าจะถอดออกมาเป็นภาษาไทยก็จะมี

เนื้อความว่า

อาชว์เพื่อนรัก

ผมเขียนจดหมายฉบับนี้ทันทีที่กลับจากงานฝังศพ

ไอวี่ เธอเพ้อหาแต่คุณคนเดียวจนวาระสุดท้าย คุณอาจจะยัง

นึกรังเกียจเดียดฉันท์ผู้หญิงที่แสนอาภัพคนนั้นอยู่เพราะความ

เข้าใจผิดในตัวเธออย่างฉกรรจ์ ผมเองก็ไม่อาจชี้แจงความจริง

ได้ก่อนหน้านี้ เพราะไม่ต้องการให้ทุกสิ่งผิดไปจากความ

ประสงค์ของเธอ หญิงผู้มีนํ้าใจประเสริฐอย่างยากที่จะหาใน

พื้นพิภพคนนั้น

เวลานี้เธอจากไปแล้ว ความตายจะช่วยให้เธอได้

พักผ่อนอย่างสงบสุขชั่วนิจนิรันดร์ คุณจะเห็นได้ว่าจากถ้อยคำ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ของเธอ มิได้มีการกล่าวขออภัยอย่างหนึ่งอย่างใดแม้จนคำ

เดียว เธอยินดีรับโทษทางใจนี้อย่างหน้าชื่น ซึ่งแม้แต่ชาย

ฉกรรจ์อย่างผมก็ไม่แน่ใจว่าจะทนได้หรือไม่

เธอล้มเจ็บด้วยความตรอมใจในการ “แก้แค้น” ของ

คุณ ความทุกข์ทรมานของเธอทำให้ผมแทบจะทนดูอยู่ไม่ได้

ถ้าหากผมใจอ่อนกว่านี้อีกนิดเดียว คุณรู้ไหมอาชว์ว่าอะไรจะ

เกิดขึ้น จะบอกให้ก็ได้ว่า คุณจะไม่มีโอกาสได้พูดคำว่า “ลา

ก่อนเมลเบิร์น” เป็นอันขาด

บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่คุณจะได้รู้ความจริง ถึงมันจะไม่

ช่วยให้อะไรดีขึ้น ไม่ช่วยให้เรายื้อแย่งเธอคืนมาจากหัตถ์

มัจจุราช แต่ผมก็จะต้องพูด อย่างน้อยก็เพื่อความยุติธรรม

และเพื่อคุณจะได้มีโอกาสขอขมาดวงวิญญาณอันบริสุทธิ์ผุด

ผ่องของเธอ

***************

คืนหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิ ปีคริสต์ศักราช ๑๙๖๒

วันนั้นเป็นวันที่อาชว์ได้พบหล่อนเป็นครั้งแรก คณะ

ระบำบัลเล่ต์ของรัสเซียได้มาแสดงที่ปรินเซสเธียเตอร์ ในเมือง

เมลเบิร์นเป็นเวลาเพียงสองสัปดาห์ แล้วก็จะไปแสดงที่รัฐอื่นๆ

ต่อไป ข่าวนี้เป็นที่สนใจของบรรดานักเรียนไทยในเมือง

เมลเบิร์นเป็นส่วนมาก อาชว์รับปากกับชลีวรรณ ผู้เป็นทั้งเพื่อน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

สนิทและญาติสาวของเขาซึ่งเดินทางมาศึกษามหาวิทยาลัย

เมลเบิร์นพร้อมกันว่าจะพาหล่อนไปชม ครั้นถึงค่ำวันนัดเขาก็

ขับรถไปรับชลีวรรณและสุรางค์ เพื่อนรักของหล่อนที่ตำบลโค

เบิร์ก

หนุ่มสาวทั้งสามมาถึงปริ้นเซสเธียเตอร์ซึ่งอยู่ในตัว

เมืองก่อนเวลาแสดงประมาณครึ่งชั่วโมง เมื่อพาหญิงสาวทั้ง

สองเข้าไปนั่งที่เรียบร้อยแล้ว อาชว์ก็ขอตัวลุกไปซื้อช็อกโกแลต

และไอศกรีมบริการเพื่อนหญิงของเขา ตอนนั้นเองที่เขาได้พบ

หล่อนเข้า

หล่อนเป็นสตรีชาวออสเตรเลียนที่สวยที่สุดคนหนึ่งที่

เขาเคยเห็น รูปร่างอรชรอ้อนแอ้นไม่เทอะทะเหมือนสาว

ตะวันตกทั่วไป ผิวของหล่อนเป็นสีชมพูกุหลาบ ดวงตาสีเขียว

ใส และผมสลวยยาวเป็นคลื่นของหล่อนนั้นก็แลดูเหมือนกลุ่ม

ไหมสีน้ำผึ้ง เข้มที่ถูกคลี่ออกจากใจ หญิงสาวในชุดราตรีสั้นสี

ดอกเห็ด มีดอกมันวับๆ สีม่วงเหลือบอยู่ในเนื้อผ้า หล่อนกำลัง

ก้าวขึ้นบันไดมากับหนุ่มชาติเดียวกับหล่อน ซึ่งอาชว์ไม่ทัน

มองดูหน้าในชั้นแรก ริมฝีปากสีชมพูปลั่งเผยอยิ้มหวานปานจะ

หยด ขณะที่ฟังเพื่อนชายของหล่อนคุย เมื่อหล่อนก้าวขึ้นมาถึง

ชั้นบนเต็มร่าง อาชว์ก็รู้สึกเหมือนว่าดวงไฟทุกดวงในโรง

มหรสพแห่งนั้น ได้เปล่งแสงสว่างไสวขึ้นกว่าเดิมเป็นอันมาก

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เขาไม่รู้ตัวว่าตัวเองได้ตกตะลึงมองดูหล่อนอยู่นานเท่าใด

กระทั่งได้ยินเสียงทักขึ้นเป็นภาษาอังกฤษว่า

“ฮัลโลอาชว์ ทำไมมาคนเดียว”

สะดุ้งละสายตาจากหญิงสาวไปมองดูผู้ทักทายเขาซึ่ง

เป็นชายหนุ่มผู้ทำหน้าที่องครักษ์ของหล่อนนั่นเอง

“ฮัลโลยอร์ช” เขาทักอย่างอึกอัก นึกกระดากว่าเพื่อน

นิสิตที่เรียนอยู่ในแผนกกฎหมายด้วยกันในมหาวิทยาลัย

เมลเบิร์นจะสังเกตเห็นเขาแสดงอาการสนใจเพื่อนหญิงของตน

เกินสมควร

“ทำไมมาคนเดียวล่ะ” ยอร์ชถามย้ำอย่างอารมณ์ดี

ความรื่นเริงแจ่มใสและเอื้อเฟื้อเป็นคุณสมบัติประจำตัวชาย

หนุ่มผู้นี้

“เปล่าดอก ไม่ได้มาคนเดียว ผมมากับเพื่อนหญิงอีก

สองคน ผมกำลังจะซื้อขนมไปให้เธอ” อาชว์ตอบเพื่อนชาย แต่

สายตาเขาแทบจะไม่ได้ละจากใบหน้าของหญิงสาวคู่ควงของ

ยอร์ชเหมือนถูกตรึง

“โอ ตั้งสองคนเทียวเรอะ โชคดีมากนี่อาชว์” ยอร์ชหัน

ไปหัวเราะกับเพื่อนหญิงของเขาอย่างเห็นขัน หล่อนก็หัวเราะ

ด้วย และในยามหัวเราะดวงตาสีเขียวสุกใสของหล่อนก็แลมา

สบตาเขาอย่างมีไมตรีจิต

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“แต่ก็ยังโชคน้อยกว่าคุณล่ะยอร์ช” อาชว์ท้วงอย่าง

สนุกสนานเช่นกัน แต่แฝงความจริงใจไว้ในถ้อยคำนั้นกว่าเก้า

สิบเปอร์เซ็นต์

“อ้าว ทำไมถึงจะเป็นยังงั้นไปได้เล่า ในเมื่อผมมี

โอกาสพาผู้หญิงเที่ยวได้ทีละคนเท่านั้นเอง แต่คุณซิควงได้ทีละ

สองคน” ยอร์ชหันไปพยักพเยิดกับสหายของเขาอย่างขบขัน

แต่ครั้นแล้ว โดยมิได้ติดใจในคำทักท้วงสนุกๆ ของตนเองเขาก็

เอ่ยแนะนำขึ้น

“ไอวี่ รู้จักอาชว์เสียซิจ๊ะ เป็นไทยสติวเดนต์ อยู่ที่ยู

แผนกเดียวกับฉันเอง”

“ดีใจที่ได้รู้จักค่ะมิสเตอร์อาชว์” หล่อนพูดพร้อมกับส่ง

มือมาให้เขาด้วยท่าทางละมุนละม่อม

“เช่นเดียวกันครับ มิส เอ่อ...” อาชว์ตอบพลางสั่นมือ

หล่อนเบาๆ

“ไอวี่ค่ะ” หล่อนตอบพลางยิ้มน้อยๆ เห็นไรฟันขาว

สะอาดเรียบเป็นเงาราวไข่มุก

“ไอวี่ ชื่อเพราะมาก” อาชว์ชมทั้งด้วยคำพูดและทั้ง

สายตา ชื่นชมอย่างเปิดเผยของเขาซึ่งจับอยู่ที่ใบหน้าของหญิง

สาวไม่วางตา

“ฮะแอ้ม” ยอร์ชกระแอม และเมื่ออาชว์เหลือบมองเขา

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ก็หลิ่วตาให้อย่างล้อๆ ไม่มีอาการกีดกันแม้แต่น้อย ทำเอา

อาชว์รู้สึกผิดหวังนิดๆ มันดูคล้ายกับว่ายอร์ชจะไม่เห็นราคา

‘คู่ควง’ ของตนเท่าที่ควร

“เราไปนั่งที่กันเสียทีเถอะค่ะ จวนเวลาแล้ว” ไอวี่เตือน

ขึ้นยอร์ชจึงพาหล่อนไปซื้อขนม เมื่ออาชว์ซื้อขนมให้เพื่อนสาว

ทั้งสองแล้ว ก็เดินตามหนุ่มสาวคู่นั้นมานั่งที่

ราวกับพระพรหมจะแกล้งชักนำทางชีวิตของหนุ่มสาว

คู่นี้ให้มาเกี่ยวพันกันอย่างดิ้นไม่หลุด จึงบังเอิญให้หมายเลขที่

นั่งของยอร์ชและไอวี่ติดต่อกับที่นั่งของอาชว์และเพื่อนหญิง

ของเขา อาชว์แนะนำให้ชลีวรรณและสุรางค์ได้รู้จักหนุ่มสาว

ชาวออสเตรเลียนทั้งคู่นั้นด้วย ชลีวรรณนั้นดูจะไม่ถูกชะตากับ

ไอวี่นัก ด้วยหล่อนคงจะสังเกตเห็นว่าอาชว์แสดงความสนใจใน

ตัวไอวี่เป็นพิเศษ แต่ส่วนสุรางค์หล่อนถือตัวเป็นคนวงนอกจึง

มิได้แสดงความสนใจต่อใครทั้งสิ้น

เมื่อการแสดงจบลงและก่อนที่จะแยกทางกัน อาชว์ได้

เอ่ยขึ้นกับไอวี่ว่า

“จะรังเกียจไหมถ้าผมจะขอ address ของคุณ”

“ไม่รังเกียจค่ะ” หญิงสาวยิ้มอย่างเห็นเป็นเรื่อง

ธรรมดา พลางเปิดกระเป๋าถือใบน้อยหยิบนามบัตรขึ้นมาส่งให้

ชายหนุ่ม

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ข้อความในนามบัตรนั้นมีว่า

Miss Ivy Gordon

61 Robe ST.

ST. Kilda

Phone XJ. 2121

เมื่อต่างก็แยกกันไปขึ้นรถ ชลีวรรณซึ่งมีสีหน้าบอก

บุญไม่รับอยู่ตลอดเวลาจึงเอ่ยขึ้นเยาะๆ นัยน์ตารูปยาวสวย

ของหล่อนหรี่ลงเล็กน้อย เพื่อซ่อนอารมณ์ขุ่นเคือง

“ใจจะขาดไหมคะ ที่ต้องจากแม่นั่นมา”

อาชว์เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ

“ใครใจจะขาด ผมน่ะรึ”

“วุ้ย ยังจะมาทำไก๋ ไม่รู้ตัวหรือคะว่าเมื่อกี้คุณทำเหมือน

ถูกศรกามเทพรุมแผลงทีเดียวสามสี่ดอกซ้อนๆ เทียวละ...”

หญิงสาวพูดยังไม่ทันจบ สุรางค์เพื่อนของหล่อนก็สะกิดเตือน

“ไม่เอาน่าวรรณ อย่าแง่ดๆ กับคุณอาชว์นักเลย”

“ช่างเถอะฮะคุณสุรางค์ ปล่อยให้เขาแง่ดๆ ไป ผมไม่

ว่าอะไรหรอก เพราะผมยอมรับอย่างหน้าชื่นทีเดียวว่าถูกศร

กามเทพเข้าแล้วจริงๆ แล้วแผลหัวใจผมน่ะมันฉกรรจ์อย่าง

หมดหนทางจะเยียวยาเสียด้วย” อาชว์ตอบแกมหัวเราะ มีผล

ให้ใบหน้าบึ้ง ๆ ของญาติสาวตึงขึ้นอีกเป็นร้อยเท่าพันทวี


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (84 รายการ)

www.batorastore.com © 2024