วิวาห์อารมณ์ (นางแก้ว) (EBOOK)

วิวาห์อารมณ์ (นางแก้ว) (EBOOK)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: วิวาห์อารมณ์
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 150.00 บาท 37.50 บาท
ประหยัด: 112.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

ตอนที่ 1 เริ่มต้นที่สงคราม

 

สงครามโลกครั้งที่สองเริ่มแพร่ขยายเข้าเอเชียบูรพา เมื่อญี่ปุ่นประกาศเข้าร่วมกับเยอรมัน ประเทศไทยตกอยู่ในภาวะจำยอม เพื่อรักษาอธิปไตยของชาติจึงยอมให้ญี่ปุ่นตั้งฐานทัพในประเทศได้ เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2484

ฝ่ายพันธมิตรเริ่มโจมตีฐานที่ตั้งสำคัญ ต่างๆ ของญี่ปุ่น ไฟสงครามมหาเอเชียบูรพาขยายไปทุกหย่อมหญ้า

หลังจากที่ฝ่ายพันธมิตรเข้าร่วมกันสู้รบกับฝ่ายญี่ปุ่นและเยอรมัน การทิ้งระเบิดจึงมีทั่วทุกเมืองสำคัญในแต่ละประเทศ ประชาชนที่พอจะอพยพได้ก็พากันอพยพไปอยู่หัวเมืองห่างไกล

หลวงราชพานิชเป็นอัครเศรษฐีเป็นที่รู้จักของคนชั้นสูงมีเชื้อสายจีนก็พาภรรยา บุตรีและบริวารไปหลบภัย โดยทางเรืออพยพ ยามเมื่อมีโอกาสขนผู้คนออกไปลี้ภัยสงครามที่หัวเมืองเช่นกัน

คุณเลื่อนผู้เป็นภรรยามีเชื้อสายสืบมาจากขุนนางเก่าในวัง เป็นที่เกรงใจของหลวงราชพานิช จึงไม่แปลกที่หลวงราชพานิชผู้เพียบพร้อมด้วยความสง่างาม จะมีภรรยาเพียงคนเดียว

เลิศชายเป็นบุตรชายคนโต เรียนจบจากต่างประเทศ กำลังคิดเล่นการเมือง เขาไม่ได้อพยพตามครอบครัวไป แต่เข้าร่วมเป็นหนึ่งในเสรีไทย

ส่วนคุณหนูแดงนั้นเป็นธิดาสาวคนเล็กซึ่งอายุห่างจากพี่ชายมาก ยังติดมารดาอยู่ มีอายุเพียงหกปี เธอเป็นเด็กฉลาดและซุกซนยิ่งนัก

ขณะที่เรือกำลังล่องไปตามกระแสน้ำ คุณหนูแดงอยากรู้อยากเห็นคลื่นฝอยและน้ำตีกระจายมาจากไหน เธอจึงชะโงกลงไปมอง นางแม้นพี่เลี้ยงเห็นเข้าตกใจยิ่งนัก รีบร้องห้าม พร้อมมาคว้าตัวอีกฝ่ายรั้งออกมาห่างจากกราบเรือ

“ตายแล้วคุณหนูอย่าชะโงกหน้าลงไป”

เสียงของนางไม่เบานัก จึงทำให้หลวงราชพานิชและคุณเลื่อนผวาลุกขึ้นชะเง้อมองด้วยความห่วงใยลูกสาวคนเล็ก

“หนูแดงมาหาแม่ซิลูก

เด็กหญิงมีความเกรงกลัวมารดามากจึงรีบวิ่งไปหา จากท่าทางซุกซนกลับเชื่องดั่งแมว ทำให้คุณเลื่อนมองลูกสาวด้วยความเมตตา จึงไม่ดุว่าประการใด หลวงราชพานิชโอบอุ้มลูกสาว พาไปยืนข้างกราบเรือ พลางชี้ชวนดูทิวทัศน์ริมตลิ่ง เด็กหญิงดารกา หรือคุณหนูแดงวัยหกขวบ เอ่ยถาม

“คุณพ่อขา เราจะไปไหนกันหรือคะ”

“ไปบ้านนายปริกลูกน้องของพ่อ”

“หนูแดงไม่อยากไปเลยค่ะ”

“สงครามสงบ เราค่อยกลับบ้านนะลูก ไปอยู่โน่นปลอดภัยกว่าที่บ้าน

“ว้า” เด็กหญิงทำมุ่ย ไม่เข้าใจว่าสงครามคืออะไร และทำไมต้องไปบ้านคนอื่น

ในเวลาต่อมา

เรือของครอบครัวราชพานิชจอดหน้าท่าน้ำเก่าๆ คนบนเรือนไทยแฝดชะเง้อมองแล้วรีบวิ่งลงบันไดมารับทั้งสามี-ภรรยา ขณะที่เด็กชายผมเกรียนสะพายย่ามยืนมองจากบ้านด้วยความฉงนผู้ให้กำเนิดดูตื่นเต้นหนักหนา

นายปริกเป็นชายร่างสูงใหญ่และนางวาดผู้เป็นภรรยา เธอมีเรือนร่างอวบอิ่ม ใบหน้าจัดว่าสวยคมนัก ทั้งสองต่างยกมือไหว้หลวงราชฯ และคุณเลื่อนอย่างนอบน้อม เพราะว่านายปริกเคยเป็นลูกน้องเก่าของหลวงราชฯ มาก่อน หลังจากทำความเคารพแล้ว นายปริกได้เชื้อเชิญทั้งนายเก่า และคนติดตาม อย่างคนมีน้ำใจ

“เชิญบนเรือนขอรับคุณท่าน เชิญครับ เชิญทุกคน”

“รบกวนหน่อยนะปริก” หลวงราชพานิชรู้สึกเช่นนั้นจริง เพราะคุณหลวงไม่คิดว่าต้องมาพึ่งพาอาศัยคนที่เคยรับใช้ตัวเองมาก่อน แต่เพราะสงครามทำให้ท่านต้องอพยพครอบครัว อย่างที่เรียกว่าครั้งใหญ่ หลบมาอยู่หัวเมืองที่ระเบิดหย่อนลงมาไม่ถึง ความเกรงใจทำให้ออกปากบอกออกไป แต่นายปริกรีบเอ่ยอ้างขึ้นมาทันทีว่า

“หามิได้รับพระเดชพระคุณท่าน ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างมากเหลือเกินที่ได้รับใช้ท่านอีกขอรับ นี่แม่วาดเมียผมครับ”

“ขอบใจมากปริก ฉันก็ไม่คิดเลยว่าสงครามจะบานปลายไปทั่วโลก ไม่คิดด้วยว่าไทยจะเข้าไปร่วมกับญี่ปุ่น แต่ก็นั่นล่ะนะ เสียมากกว่านี้เราก็ไม่อาจจะเสียได้”

“ผมไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรหรอกครับ ยังทำนาอยู่เลยครับ” นายปริกสารภาพ “การบ้านการเมืองถ้ายังหนุ่มๆ อยู่คงได้ไปรับใช้ชาติ แต่ตอนนี้ก็เป็นสันหลังของชาติไปครับ ตามใจท่านผู้นำ”

“ฉันก็พอรู้บ้างว่ามีทั้งบนดินใต้ดิน แต่ว่าไม่ยุ่งดีกว่า เลยพากันมาหลบที่นี่ ฉันมันคนค้าขาย แต่จะให้ขายกับญี่ปุ่นก็ทำไม่ลง เลยมาซะที่นี่ ยามยากก็ช่วยๆ กันหน่อยนะปริกนะ”

“ท่านอย่าคิดมากเลยครับ กระผมยินดีจริงๆ”

“ฉันก็ได้เห็นน้ำใจคนในยามยากอย่างนี้แหละนะ ฉันจะไม่ลืม”

“เชิญขอรับเชิญคุณผู้หญิง แล้วนั่น” นายปริกสนใจเด็กหญิงอ้วนกลมอายุเยาว์ คุณเลื่อนเอ่ยปนเอ็นดู

“ลูกสาวคนเล็ก หลงมา อายุห่างจากพี่ชายคนโตมากเลย นายปริกคงไม่รู้เพราะออกจากบ้านมาก่อน ชื่อคุณแดง ชื่อจริงคือ ดารกา”

คุณเลื่อนมิได้ให้ธิดาสาวเคารพนบนอบอีกฝ่ายแต่ประการใด เพราะยังคงคิดถึงนายปริกในฐานะเดิมคือข้าเก่าเต่าเลี้ยง แต่หลวงราชฯ เป็นคนใจกว้างไม่คิดอย่างภรรยา ดังนั้นหลวงราชพานิชจึงออกคำสั่งกับลูกสาวด้วยตัวเองว่า

“หนูแดงไหว้ลุงปริกป้าวาดเสียลูก เรามาพึ่งพิงเขา เขาเหมือนญาติผู้ใหญ่ของหนูแดงนะลูกนะ”

“สวัสดีค่ะลุงปริกป้าวาด”

นางแม้นมีความไม่พอใจจึงค้อนปะหลับปะเหลือก เพราะนางถือตัวเสียยิ่งกว่าผู้เป็นนาย ส่วนคุณเลื่อนเก็บความรู้สึกไว้มิดเม้น ไม่แสดงออกว่าพอใจหรือไม่พอใจ

เวลาต่อมา นายปริกเดินนำแขกผู้หนีร้อนมาพึ่งเย็นขึ้นเรือนไทย ซึ่งตั้งเป็นสองส่วน แต่หน้าชานเรือนกว้างพอทำกิจกรรม ได้บ่าวสองคนนำน้ำมาต้อนรับ หลวงราชฯ ออกตัวกับสองสามีภรรยาด้วยความเกรงใจอย่างยิ่งว่า

“เรื่องอาหารการกินไม่ต้องลำบากดอกนะปริก ฉันเตรียมมาพร้อมหมด”

“โธ่ท่านครับ ให้ผมได้รับใช้ท่านเหมือนเก่าเถิดขอรับ”

“อะไรได้ ปริก” หลวงราชพานิชกลั้วหัวเราะดังลั่น “อย่าได้ลดตัวมาแบ่งชนชั้นกันเลยน่า ฉันไม่ใช่คนถือยศถือศักดิ์อะไรนี่”

นายปริกยิ้มในสีหน้า เพราะเขารู้ว่าท่านเป็นคนเช่นนั้นจริง ลูกน้องต่างรักท่านทุกคน ท่านมีโอกาสท่านจะสอนเรื่องการค้าการขายให้ นายปริกเองก็ได้ความคิดมาทำตาม ด้วยการทำนาและตั้งโรงสีข้าวเองเพื่อไม่ต้องผ่านคนกลาง ฐานะจึงดีกว่าชาวนาคนอื่น

แม่วาดจัดเตรียมห้องพักซึ่งว่างอยู่ให้หลวงราชพานิชและครอบครัวได้พักชั่วคราว เมื่อเรียบร้อยจึงเชิญคุณเลื่อนไปพักพร้อมคุณแดง คุณเลื่อนเหลือบมองรอบห้องไม่ให้เสียกิริยา แม่วาดเอ่ยปากออกตัว

“คับแคบไปหรือเปล่าเจ้าคะคุณท่าน”

“ไม่ดอก ขอบใจนะแม่วาด”

“เชิญคุณพักผ่อนเถิดเจ้าค่ะ มาเหนื่อยๆ” นางกล่าวแล้วก็ขอตัวออกมา

นางแม้นขยับเข้าไปนวดนายซึ่งนั่งบนเก้าอี้ไม้ริมหน้าต่าง พลางทำเสียงกระซิบกระซาบว่า

“ท่าทางนายปริกจะมีฐานะขึ้นกว่าเมื่อก่อนนะคะ”

“อาจจะเป็นสมบัติเมียก็ได้ ท่าทางมีสกุลอยู่ดอก”

“สวยจนน่าหมั่นไส้นักเจ้าค่ะ บ่าวไม่เคยเห็นชาวนาที่ไหนหน้าตาผุดผ่องขนาดนางวาดคนนี้เลยเจ้าค่ะ”

“ฉันถึงได้ว่าดูเขามีสกุลอยู่ดอก ไม่แน่ นายปริกอาจตกถังข้าวสารก็ได้ นี่ถ้าเขามองแก เขาคงไม่ได้เมียสวยและดูดีขนาดวาดก็ได้”

“แหม คุณท่านละก็” นางแม้นลงมือบีบแรงนิดหนึ่ง เพราะความเก่าเป็นที่นินทากันอยู่ว่า แม้นแอบชอบพลทหารปริก จนฝ่ายชายหนีกลับบ้านนอกหลังหมดวาระการเป็นทหาร เรื่องเล่านี้เป็นที่ขบขันกันมาก ส่วนแม้นผู้เสียหายยังเสียใจอยู่ที่รักอีกฝ่ายข้างเดียว มาวันนี้เห็นเมียปริกแล้ว เธอจึงได้แต่อิจฉาเท่านั้น ที่เกิดมาไม่ขาวและสวยอย่างแม่วาดเอาเสียเลย

 

หลวงราชพานิชสนทนาอยู่กับนายปริกที่มุขเรือน เขาไม่ยอมนั่งพื้นเดียวกับหลวงราชฯ เพราะคิดมาโดยตลอดว่าอีกฝ่ายเป็นนาย และจะเป็นนายอย่างนั้น ไม่ตีเสมอ แม้กาลเวลาจะเปลี่ยนฐานะของปริกแล้วก็ตามที บัดนี้มีเหล้ายาปลาปิ้งพรั่งพร้อม

“ดูดีมากนะปริก ทำอะไรหรือ”

“ทำเรือกสวนไร่นานี่แหละขอรับ พอมีเงินบ้างก็ซื้อหาเอาไว้ แม่วาดเขาขยันขันแข็งช่วยค้าขายอีกทางหนึ่ง”

“แล้วไม่มีลูกเต้าบ้างเลยหรือ”

“มีลูกโทนคนเดียวขอรับ ไม่ค่อยอยู่บ้าน ลูกผมชอบเรียนหนังสือ อายุสิบสี่แล้วขอรับ”

“ดีทีเดียว คนรักการเรียนอนาคตจะก้าวหน้า เลิศชายลูกชายคนโตของฉันอยู่อังกฤษ”

เด็กชายร่างสูงโย่ง สวมเสื้อกระดุมผ้าสีน้ำเงินเก่า กางเกงขาสั้น สะพายย่ามแบบพระเดินกายตรงขึ้นเรือน นายปริกผู้เป็นบิดาเรียกไปหาให้รู้จักหลวงราชพานิช เด็กชายกราบอย่างเรียบร้อย นั่งพับเพียบหลังตรงมองหน้าคนไม่หลบตาใคร หลวงราชฯ เอ่ยปากชม

“หน่วยก้านดี ชอบเรียนหนังสือ อยากเป็นอะไรหรือเจ้าเปรม”

“ทหารขอรับ”

“ผมอยากรบกับญี่ปุ่นครับ”

“บ๊ะ สำคัญจริงเจ้า”

 

ฟ้าสางที่บ้านนอก ยังคงใช้ชีวิตไปตามปกติ ด้วยไฟสงครามมาไม่ถึง หรือมีบางส่วนในเขตที่ใกล้ แต่ไม่ใช่ที่บ้านนายปริก บนขอบฟ้ามีแสงสีทองฉายส่องขึ้น ด้วยตะวันยังไม่โผล่พ้นขึ้นมา เด็กชายเปรมเป็นเด็กร่างสูง เขากำลังดำผุดดำว่ายอยู่ริมคลองน้ำด้วยความชื่นชอบ และเขายังดำน้ำหากุ้งในคลอง ซึ่งช่วงหนาวกุ้งจะลอยตัวขึ้นเพราะเย็น

ส่วนบนเรือนใหญ่ แม่วาดและสาวใช้อีกสองคนลงครัวเพื่อเตรียมอาหารใส่บาตร การจัดเตรียมของใส่บาตรเต็มไปด้วยความพิถีพิถัน เพราะแม่วาดถือนักหนาว่า การทำบุญนั้น หากทำด้วยความลวกๆ รีบร้อน หรือจัดอาหารแบบขอไปที ไม่มีความประณีตบรรจงด้วยแล้ว อานิสงส์ที่ได้จะได้รับการตอบแทนที่ไม่มีความละเอียดพร้อม เมื่อจัดเตรียมอาหารเป็นสองถาดแล้ว แม่วาดสั่งเด็กรับใช้ไปเชิญคุณเลื่อนใส่บาตร

ฝ่ายคุณเลื่อนนั้นแรกทียังมีความถือตัวอยู่มาก แต่เมื่อมาพบอัธยาศัยไมตรีจากเจ้าของบ้าน คุณเลื่อนคลายความถือตัวไปจนสิ้น บ้านนายปริกเป็นที่นับหน้าถือตามมากของคนละแวกนั้น ทั้งฐานะการเงินของนายปริกและแม่วาด คุณเลื่อนแอบเห็นว่า มั่งมีมากคนหนึ่งทีเดียว เพราะแม่วาดคาดเข็มขัดนาค สวมชุดเสื้อสวย ผ้าซิ่นยกลาย แต่งกายอย่างคนมีความเป็นผู้ดี ไม่ใช่ชาวนา อย่างที่สองสามีภรรยาอ้างเอ่ย นางแม้น จึงเก็บงำมานินทาด้วยความไม่พอใจอยู่ว่าแม่วาดเกินหน้าเกินตา

“ท่าทางพี่ปริกจะตกถังข้าวสารจริงแน่ ไม่อย่างนั้นคงไม่รวยรวดเร็วขนาดนี้”

“เอาน่า อย่างไรเสียเขาก็ดูสมกันดี”

“แต่เจ้าลูกชายพี่ปริกน่ะสิเจ้าคะคุณท่าน ท่าทางยโสเต็มที”

“ไปว่าอะไรกับเด็กล่ะ รึเขาทำอะไรให้ไม่พอใจ”

“มันไม่ยกมือไหว้อิฉันเจ้าค่ะ เมื่อวานนี้”

“อ้อ แค่นั้นก็โกรธ เอ็งอย่าลืมไปสิว่านั่นเขาเป็นลูกเจ้าของบ้าน”

“แต่แต่งตัวเขรอะเต็มทน”

“ผ้าขี้ริ้วห่อทองไงแม้น แล้วหนูแดงไปไหนกันล่ะนี่”

“แม้นแต่งตัวให้แล้วก็วิ่งออกไปข้างนอกเลยค่ะ แม้นตามไม่ทัน”

“หรือไม่ทันได้ตาม ไปเถอะ อ้อ นั่นคนแม่วาดมา ท่าทางจะชวนใส่บาตร เอออพรุ่งนี้ เอ็งลงครัวไปช่วยเขาหยิบจับงานบ้างนะแม้น อย่านิ่งดูดาย ข้าเองก็จะสลักผักให้เขาเห็นฝีมือบ้างเหมือนกัน”

“คงตาพองเห็นฝีมือชาววังแน่เจ้าค่ะ”

“คนอยู่วังเป็นคุณยายทวดของข้า ข้าเพียงแต่เรียนมาต่อๆ กันเท่านั้น จะนับเป็นชาววังคงไม่ได้”

“แต่ก็เป็นฝีมือชาววังอยู่ดีนี่เจ้าคะ” แม้นยังคงชอบสอพลอเหมือนเดิม

 

เวลาต่อมา หลังจากใส่บาตรกันเรียบร้อยแล้ว คุณเลื่อนจึงได้เอ่ยชวนแม่วาดทำขนม ซึ่งแม่วาดจะแสดงฝีมือให้ดู ทั้งยังเป็นการบ่งบอกว่า มาอยู่บ้านคนอื่น แต่ไม่ทำตัวให้เป็นภาระ หรือนิ่งดูดาย อย่างไม่ช่วยหยิบจับอะไร

“คุณแม่เจ้าขา คุณแม่” เสียงหนูแดงเรียกหามารดาอย่างอ่อนหวาน ก่อนวิ่งไปจูงมือมารดา ซึ่งรีบตามลูกสาวไปที่ชานบันได แม่วาดมองตาม แล้วจึงได้เดินตามหลังไปอีกคน

“มีอะไรรึหนูแดง”

เด็กหญิงร่างอ้วนกลมสวมเสื้อลูกไม้เกล้าผมเป็นมวยน่ารักยิ่ง เด็กหญิงชี้ไปที่เด็กชายสูงวัยกว่าซึ่งเดินขึ้นจากท่าน้ำ ในมือร้อยกุ้งแม่น้ำตัวโตขึ้นมาด้วย เด็กหญิงเงยหน้าออดอ้อนมารดาว่า

“หนูแดงจะเอากุ้งค่ะคุณแม่ คุณแม่เจ้าขากุ้งตัวโตๆ แดงอยากได้ค่ะ”

“จุ๊” คุณเลื่อนห้ามปราม “อย่าเสียมารยาทสิจ๊ะหนูแดง ของนั้นมีเจ้าของ หนูแดงจะเที่ยวเอาแต่ใจไม่ได้”

แม่วาดนึกเอ็นดูหนูแดงเป็นพิเศษอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคุณเลื่อนสั่งสอนลูกเช่นนั้น นางจึงเรียกลูกชายเข้ามาหา เปรมเดินเข้าไปใกล้มารดา ด้วยเนื้อตัวเปียกปอน เขาไม่สวมเสื้อจึงเห็นซี่โครงรำไร

“คุณหนูแดงอยากได้กุ้ง ให้คุณหนูแดงไปเถอะพ่อเปรม” แม่วาดเอ่ย

เด็กชายก้มมองเด็กหญิงอายุเยาว์กว่ามากหลายปี เธอเงยมองขึ้นตาแป๋ว ได้เห็นใบหน้าคมนิ่งเฉย จึงทำให้หนูแดงทำหน้ามุ่ยเบือนหน้าไปทางอื่น กระตุกมือมารดา เอ่ยแง่งอน และหันมามองค้อนเด็กชายตัวโตกระแทกว่า

“แดงไม่อยากได้แล้วค่ะคุณแม่ เจ้าของเขาหวง”

“ยังไม่ได้พูดสักคำ” เด็กชายเอ่ยโต้ทันที “อยากได้ก็ให้ อยากทานอะไรจะได้ให้ฟักจัดหา” เด็กชายพูดเรียบๆ ไม่มีคำลงท้าย เด็กหญิงหายงอนทันใด จึงเงยขึ้นตอบอีกฝ่าย

“อย่างนั้นแดงจะทานกุ้งเผาเช้านี้ ทานกุ้งเผานะคะ”

“ถ้าอย่างนั้นพี่จะขึ้นไปให้ฟักเผาให้” เด็กชายใช้สรรพนามแทนตัวว่าพี่

นางแม้นปากบอนรีบพูดกับเด็กชายเปรม

“พ่อเปรมน่าจะแทนตัวว่ากระผมมากกว่าจะตีเสมอคุณหนู”

เปรมไม่โต้ตอบจนแม้คำเดียว แต่เดินไปที่เรือนครัวซึ่งแยกจากเรือนไทยแฝด ฝ่ายแม่แม่วาดไม่เห็นลูกจะต่ำต้อยกว่าตรงไหนจึงไม่ขอโทษขอโพยใดๆ คุณเลื่อนดุคนของตนเอง

“แม้นนี่ยังไงกัน ทำเจ้ายศเจ้าอย่างไม่เข้าท่า” แม้นรู้ว่าคุณเลื่อนดุไปอย่างนั้น เพื่อไม่ให้แม่วาดรู้สึกไม่พอใจ เพราะอีกฝ่ายไม่ได้สอนบุตรชาย ดังนั้นผู้ดีจึงแสดงกิริยากันดังนี้ ความไม่ชอบใจเก็บไว้มิดเม้น

เด็กหญิงดารกาหันมาทางแม่วาด แล้วเข้าไปจับมือประจบ พลางเอ่ยถาม

“นานไหมคะกว่ากุ้งจะสุกแม่วาด แดงหิวแล้วค่ะแม่วาดขา”

“ไม่นานค่ะคุณหนูแดง”

“เปรมจับกุ้งได้เยอะแยะเลยนะคะแม่วาด แดงอยากจับบ้างค่ะ แดงไปจับได้ไหมคะ”

“ไม่ได้หรอกคะคุณหนู ในน้ำหนาว และลึกมาก คุณหนูยังเล็กอยู่เลย อยากทานก็บอกเปรมให้เขาหามาให้ดีไหม อยากรับประทานทุกวัน ก็ให้เปรมหาทุกวัน”

“ถ้าอย่างนั้นจะให้หาทุกวันเลยค่ะแม่วาด” หนูแดงเอ่ยพลางหัวเราะใสๆ แม่วาดนึกเอ็นดูอีกฝ่ายเป็นอันมาก

 

ผู้ใหญ่มีธุระพูดคุยกันอยู่ทุกวัน นางแม้นนั่งรับลมเพลินจนเผลอหลับ ดารกาย่องหนีไปชายคลอง เปรมนั่งบนเสื่อลำแพนทำของเล่นอย่างเพลิดเพลิน คุณเลื่อนเห็นว่าคนบ้านนี้มารยาทดีจึงปล่อยปละลูกให้ห่างตาไปบ้าง และนั่นเองที่ทำให้เด็กหญิงได้เพื่อนคุยเป็นรุ่นพี่ตัวสูงวัยห่างกันมาก เธอชอบตามอีกฝ่ายไปทุกที่

“ทำอะไรคะพ่อเปรม”

“ทำตั๊กแตนใบลาน ชอบไหมจะทำให้” เด็กชายเอ่อ ไม่ใช้คำแทนตัวใดๆ

ดารกานั่งลงใกล้ๆ หยิบตั๊กแตนซึ่งทำเหมือนจริง อีกมือเลื่อนหยิบนกกระยางร้อยด้วยปลายทางมะพร้าว ลมพัดจึงพะเยิบๆ ดังมีชีวิต ดารกายิ้มแก้มป่องด้วยความชอบใจ

“แดงชอบนกค่ะพ่อเปรม”

“ถ้าเรียกพี่จะทำให้สองตัว” รุ่นพี่ต่อรอง พลางยิ้มสวยให้เด็กหญิง ความอยากได้เด็กหญิงตอบทันควัน

“ได้ค่ะพี่เปรม แดงรักพี่เปรมนะคะ พี่เปรมใจดีกับแดงจังเลยค่ะ”

เปรมยิ้มกว้างด้วยความเอ็นดู ในความน่ารักและช่างเอาใจของเด็กหญิงช่างประจบคนนี้

ดารกานั่งเล่นของเล่นเพลิดเพลิน ยามเผลอตัวเด็กหญิงค่อยเอนลงหนุนตักเปรม และหลับสนิทไป เปรมหลุบตาลงมองอีกฝ่าย เมื่อเห็นเด็กหญิงหลับสนิท เด็กชายค่อยๆ ขยับกายนั่งเพื่อผ่อนคลายท่าที เพราะรู้ว่าคงอีกนานกว่าเขาจะได้ขยับขา ด้วยเกรงว่า ดารกาจะตื่น!!

 

วันเวลาที่ผ่านไปนานวันเข้า ดารกาติดเปรมจนไม่ยอมตามบิดามารดาไปวัด เล่นอยู่กับเปรมโดยมีนางแม้นระมัดระวังใกล้ๆ หากก็เผลอหลับไปบ่อยๆ

เปรมพายเรือบดมีผ้าโพกหัว ขณะที่ดารกาสวมหมวกสานกันความร้อน พร้อมกับสวมเสื้อแขนยาวปิดถึงข้อมือ สายตาเด็กหญิงมักชื่นชมต่อดอกไม้สีสด เธอทอดสายตามองดอกบัวบางสะพรั่งจนย้อมบึงทั้งบึงให้เป็นสีชมพู ดารกาเอ่ยวิงวอน ออดอ้อนต่อเด็กชายรุ่นพี่ ซึ่งเรียกได้ว่าเขาเริ่มชินเสียแล้วต่อเสียเล็กๆ หวานของหนูแดง

“พี่เปรมเจ้าขา ดอกบัวสวยจังเลยแดงอยากได้”

“มีอะไรบ้างไหมที่คุณแดงไม่อยากได้”

ดารกาใช้มือทั้งสองข้างเท้าคาง ทำท่าครุ่นคิดอย่างหนัก กิริยาท่าทางของเด็กหญิงทำให้เปรมยิ้มในสีหน้า หนูแดงหาสิ่งที่ตนเองไม่ชอบ ในที่สุดเอ่ยออกมาว่า

“ถ้าพี่เปรมไม่ให้แดงก็ไม่ชอบค่ะ”

“อ้าว...แล้วอะไรล่ะที่คุณแดงขอแล้วพี่ไม่ให้”

เด็กหญิงยิ้มสวย ชมอีกฝ่าย

“พี่เปรมใจดีนี่คะ แดงขออะไรก็ได้ทุกที นั่นค่ะดอกบัวดอกนั้นส้วยสวยค่ะพี่เปรม เรียกว่าบัวอะไรคะ ไม่เห็นมีสีเหมือนดอกอื่นเลยค่ะ”

เปรมพายเรือวาดเข้าไปใกล้บัวขาบ และเอื้อมเด็กดอกบัว และฝักบัวแก่ได้มาสองฝัก จากนั้นส่งให้เด็กหญิงพลางสอนว่า

“ต้องเอาเขียวๆ นี่ออกก่อนเพราะมันขม”

“อะไรคะเขียวๆ” เด็กหญิงถามพลาง แกะเม็ดบัวออกจากฝัก การแกะไม่เป็นทำให้เม็ดหลุดมือเธอลง ที่แกะด้วยเล็บไม่ได้ จึงใช้ฟันแกะ พอไปเจอต้นอ่อนก็ขม เด็กหญิงทำท่าไหล่สั่นหน้าเหยเก

เปรมหัวเราะเบาๆ วางพายพาดขวางเรือ หยิบฝักบัวที่ยังไม่แกะมาทำตัวอย่างให้ดู ปากสอนเด็กหญิงไปด้วยว่า

“สีเขียวที่คุณแดงเห็น คือต้นอ่อนของบัว ถ้าเราเอาเม็ดแก่ไปปลูกก็จะขึ้น เหมือนเราคัดแยก กอบัวก็จะแตกหน่อออกไปได้เหมือนกัน”

“อะไรที่เหมือนหรือไม่เหมือนเล่าคะพี่เปรมเจ้าขา”

เด็กชายรุ่นพี่หัวเราะเบาๆ ในลำคอ เขาคงให้ความรู้กับเด็กหญิงมากเกินกว่าจะเข้าใจได้ ดังนั้นจึงไม่พูดต่อ แต่แกะเปลือกออกและดึงต้นเขียวออก พลางส่งป้อนให้ปากจิ้มลิ้ม ซึ่งอ้ารับไปเคี้ยวเล่น เขาถาม

“อร่อยไหม”

“อร่อยค่ะพี่เปรม พี่เปรมเจ้าขา แกะให้แดงอีกได้ไหมคะ แดงแกะไม่เป็นค่ะ”

“พี่แกะให้ รอกินก็ได้ เราเข้าไปในที่ร่มเถอะ แดดแรงมากแล้วเดี๋ยวไม่สบาย คุณแดงรอพี่นะ พี่จะเก็บให้หลายๆ ฝักนะ”

“พี่เปรมใจดีจังเลยค่ะ”

เป็นคำชมที่คุ้นหูของเด็กชายเสียแล้วว่า...พี่เปรมใจดี!! เด็กชายรู้สึกหายเหงาเมื่อได้น้องสาน่ารักมานั่งใกล้ ตามไปเที่ยว หรือตามมานั่งเล่น ซึ่งเปรมกลายเป็นพี่เลี้ยงแทนแม้นไปอย่างที่เด็กชายรุ่นเต็มอกเต็มใจ และพอใจจนรู้สึกแช่มชื่นทุกครั้งเมื่อ ได้ยินเสียงหวานเอ่ยแจ้วๆ พี่เปรมขา พี่เปรมใจดี ความสนิทสนมนั้นทำให้เขากลายเป็นพี่ชายไปอย่างไม่รู้ตัว


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (69 รายการ)

www.batorastore.com © 2024