วิวาห์หวามสวาท (เทียนธีรา)

วิวาห์หวามสวาท (เทียนธีรา)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: วิวาห์หวามสวาท
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 329.00 บาท 82.25 บาท
ประหยัด: 246.75 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

เจ้าสาวคลุมถุงชน

 

          เมืองคลีฟแลนด์ มลรัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา

หลังจากผู้เป็นอาจอดรถเรียบร้อยแล้ว เท้าเล็กๆ ซึ่งรองรับด้วยรองเท้า ส้นสูงแบบหุ้มส้นก็ก้าวลงมายืนที่ลานน้ำพุหน้าคฤหาสน์สีขาวสุดหรูมูลค่ากว่าสองพันล้านดอลลาร์ ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่บนพื้นที่กว้างขวางเกือบสิบไร่ บริเวณรอบๆ นั้นถูกรายล้อมไปด้วยสนามหญ้า สระน้ำใสแจ๋ว และไม้ประดับนานาพันธุ์ ทำให้บรรยากาศร่มรื่นเป็นธรรมชาติเย็นสบายชวนให้นึกอิจฉาผู้เป็นเจ้าของคฤหาสน์หลังงามนี้อยู่ไม่น้อย

สาวน้อยเจ้าของใบหน้าหวานใสอดตื่นเต้นไม่ได้ ดวงตาคู่สวยที่ถูกแต่งแต้มด้วยอายแชโดว์สีครีมประกายทองแบบบางเบา แอบมองสำรวจไปรอบๆ อาณาบริเวณอย่างทึ่งๆ แต่เพียงครู่เดียวก็ถูกอาสาวเรียกให้เข้าไปข้างใน

ร่างอรชรอ้อนแอ้นสมส่วนเดินตัวลีบตามผู้เป็นอาต้อยๆ ไปยังห้องรับแขกซึ่งถูกจัดตกแต่งอย่างหรูหราเช่นเดียวกับส่วนอื่นๆ ของคฤหาสน์ หัวใจดวงน้อยเต้นแรงตึกๆ เป็นจังหวะระรัวราวกับกำลังลั่นกลองรบ เพราะรู้ดีว่าอีกไม่กี่วินาทีจะต้องเผชิญหน้ากับใคร

“สวัสดีค่ะคุณจูเลีย” ชมพูนุชยื่นมือไปให้เจ้าของคฤหาสน์จับเป็นการทักทาย และจูเลีย แทลลีย์ สตรีวัยกลางคนเชื้ออเมริกัน-ไอริช ซึ่งยังคงสวยสง่าสมวัยก็จับมือตอบด้วยไมตรีจิตอันดี

“สวัสดีจ้ะซาร่า ไม่ได้เจอกันพักใหญ่เลยนะ ฉันดีใจมากที่เธอมาเยี่ยม”

“คุณจูเลียสบายดีนะคะ”

“สบายดี แต่ช่วงนี้ที่มูลนิธิยุ่งนิดหน่อยเพราะกำลังจะจัดงานราตรีสโมสรการกุศล ยังไงก็เชิญเธอกับดาร์เลนด้วยนะซาร่า แล้วสาวน้อยหน้าตาน่ารักคนนี้ใช่หลานสาวของเธอหรือเปล่า” พอเจ้าของคฤหาสน์บอกเล่าถึงสารทุกข์สุขดิบของตัวเองแล้วก็หันไปสนใจสาวน้อยที่ผู้เป็นแขกพามาด้วย

“ใช่ค่ะ หลานสาวที่ดิฉันเคยบอกว่าจะพามาแนะนำให้คุณจูเลียรู้จักน่ะค่ะ ชื่อรดาดาว เรียกแกว่า ‘นิ่ม’ ก็ได้นะคะ”            

“สวัสดีค่ะมาดาม” รดาดาวยกมือขึ้นไหว้จูเลียอย่างนอบน้อม หลังจากผู้เป็นอาแนะนำเธอให้เจ้าของคฤหาสน์ได้รู้จักอย่างเป็นทางการแล้ว

“สวัสดีจ้ะหนูนิ่ม เรียกป้าว่าจูเลียเหมือนที่ซาร่าเรียกก็ได้นะ” หญิงวัยกลางคนบอกอย่างเป็นกันเอง ขณะพิศมองดวงหน้ารูปหัวใจหวานใสที่ล้อมกรอบด้วยผมดำขลับนุ่มสลวย คิ้วเรียวโค้งได้รูปดั่งคันธนูเป็นระเบียบเหนือดวงตาเรียวสีน้ำตาล จมูกโด่งรั้นรับกับริมฝีปากบางกระจับสีระเรื่อ และคางมน

“ขอบคุณค่ะคุณป้าจูเลีย”

“มาๆ นั่งก่อนทั้งสองคน” ผู้เป็นเจ้าของคฤหาสน์ผายมือไปที่โซฟาอีกตัวด้วยความกระตือรือร้นเป็นพิเศษ การมาของชมพูนุชกับรดาดาวในวันนี้ไม่ใช่แค่การมาเยี่ยมเยือนตามปกติเฉกเช่นคนรู้จักกันธรรมดาทั่วไป แต่มีนัยแฝงถึงการดูตัวระหว่างลูกชายของเธอกับรดาดาว ถึงแม้ว่าเรื่องนี้มันอาจจะเป็นเรื่องที่ล้าสมัยที่สุดในสังคมอเมริกัน และผู้เป็นลูกชายจะต่อต้านเต็มที่ก็ตาม แต่มาดามแทลลีย์ก็ยังยืนกรานจะเดินหน้าทำตามความคิดของตัวเอง เพราะการที่ได้สนิทสนมกับชมพูนุชซึ่งเป็นภรรยาของเพื่อนสามี ทำให้เธอหลงรักเสน่ห์ความเป็นไทยจนอยากได้ลูกสะใภ้คนไทยที่มีกิริยามารยาทเรียบร้อย เก่งการบ้านการเรือนทุกอย่างเหมือนชมพูนุช และรดาดาวก็คือหญิงสาวที่มีคุณสมบัติครบถ้วนทุกประการ

“คุณอาเธอร์ยังไม่กลับจากเอธิโอเปียเหรอคะ” ชมพูนุชไถ่ถามถึงสามีของจูเลียตามประสาคนคุ้นเคย

“ยังไม่กลับจ้ะซาร่า ตอนนี้ฉันก็เลยอยู่กับเอเดนสองคน แต่เอเดนยังไม่กลับมา สงสัยจะยังเคลียร์งานไม่เสร็จ รอพี่เขาหน่อยนะหนูนิ่ม” ประโยคสุดท้ายมาดามแทลลีย์หันมาทางว่าที่ลูกสะใภ้ ยังผลให้พวงแก้มใสๆ ของ    รดาดาวกลายเป็นสีแดงระเรื่ออย่างอดที่จะกระดากไม่ได้ เพราะตนเองเป็นฝ่ายหญิงแท้ๆ แต่กลับมาเสนอให้ฝ่ายชายดูตัวก่อน

“ค่ะคุณป้าจูเลีย” เสียงหวานใสรับคำเบาๆ ก่อนจะหลุบเปลือกตาลงเพื่อปิดบังความเขินอายของตัวเอง การมาคฤหาสน์โกลเดนกรีนในครั้งนี้ จะว่าถูกบังคับก็ไม่ใช่ จะว่าเต็มใจก็ไม่เชิง หากด้วยความเป็นคนที่ว่านอนสอนง่าย รดาดาวจึงยอมทำตามความต้องการของผู้ใหญ่โดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ เมื่อชมพูนุชอาสาวซึ่งมีบุญคุณต่อครอบครัวเห็นสมควรว่า ‘เอเดน แทลลีย์’ ลูกชายคนเดียวของมาดามแทลลีย์เหมาะสมที่จะเป็นคู่ครองของเธอ รดาดาวก็บินข้ามน้ำข้ามทะเลมาที่นี่เพื่อให้เขาดูตัว ถึงแม้ลึกๆ จะอดรู้สึกตะขิดตะขวงใจไม่น้อย เพราะการกระทำเช่นนี้ผิดกับวิสัยกุลสตรีที่ดี ที่แม่และยายพร่ำสอนมาโดยตลอดก็ตาม

ยายของรดาดาวมาจากตระกูลผู้ดีเก่า เคยเป็นข้าราชบริพารในวัง ตอนหลังได้พบรักกับทหารมหาดเล็ก จึงออกมาแต่งงานและสร้างครอบครัว มีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคนคือ ‘รจนา’ ซึ่งเป็นแม่ของรดาดาว แต่โชคร้ายที่ตาเสียชีวิตไปในขณะที่แม่ของเธอมีอายุเพียงสองขวบ ผู้เป็นยายจึงต้องย้ายมาอยู่บ้านเดิมในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และหาเลี้ยงลูกสาวด้วยการทำขนมขาย

ฐานะครอบครัวดีขึ้นตอนที่แม่ของรดาดาวแต่งงานกับพ่อของเธอซึ่งเป็นข้าราชการครู แต่ก็ไม่ได้สะดวกสบายอะไรมากนัก เพราะพ่อต้องเลี้ยงคนในครอบครัวถึงห้าคนคือยาย แม่ รดาดาวและน้องๆ อีกสองคน เมื่อรดาดาวและน้องๆ เข้าสู่วัยเรียน เงินเดือนของข้าราชการก็ไม่พอใช้ กระทั่งชมพูนุชผู้เป็นอาที่แต่งงานกับมหาเศรษฐีชาวอเมริกัน อาสาเข้ามาช่วยส่งเสียรดาดาวและน้องๆ แถมยังออกค่ารักษาพยาบาลให้ยายของเธอเป็นประจำทุกเดือนอีกด้วย ครอบครัวของรดาดาวจึงมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทั้งยายและแม่พร่ำสอนเสมอว่าให้รักและเคารพชมพูนุชเสมือนเป็นแม่คนที่สอง

“ดิฉันเอาขนมมาฝากคุณจูเลียด้วยนะคะ ฝีมือของน้องนิ่มค่ะ รายนี้ทำอาหารและขนมอร่อยทุกอย่าง คงได้วิชาจากยายของเขา” ชมพูนุชบอกด้วย  สีหน้ายิ้มแย้มและภูมิใจในตัวหลานสาวไม่น้อย

“ขนมอะไรเหรอหนูนิ่ม” จูเลียหันไปถามคนทำ

“เป็นขนมชั้นสูตรชาววังของไทยค่ะคุณป้าจูเลีย” รดาดาวตอบพร้อมกับหยิบเอากล่องพลาสติกออกมาจากตะกร้าที่ถือติดมือมาด้วย ก่อนจะเปิดฝาให้เจ้าของคฤหาสน์ดู ในนั้นเป็นขนมชั้นสีเขียว สีชมพู และสีม่วง ซึ่งถูกตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมมาเรียบร้อยแล้ว กลิ่นกะทิหอมๆ โชยมาเตะจมูกของจูเลียจนอยากจะลิ้มลองรสชาติของมันขึ้นมาทันควัน

“หน้าตาน่ากินมาก ป้าขอชิมเลยก็แล้วกัน”

มาดามแทลลีย์สั่นกระดิ่งเรียกคนรับใช้ ไม่กี่อึดใจสาวใช้ก็เข้ามารับเอากล่องขนมไปแบ่งจัดใส่จานมาให้ จูเลียใช้ส้อมจิ้มขนมชิ้นแรกเข้าปาก ความเหนียวนุ่มและรสชาติหอมหวานถูกใจมากจนต้องจิ้มคำต่อไปเข้าอีกอีกเรื่อยๆ และขนมในจานก็หมดลงอย่างรวดเร็ว

“อร่อยจริงๆ หนูนิ่ม อยากกินอีก แต่ต้องเก็บไว้เอเดนชิมด้วย” จูเลียชมเปาะทันทีหลังจากยกน้ำขึ้นดื่มด้วยความรู้สึกที่ถูกใจสาวน้อยว่าที่สะใภ้ยิ่งกว่าเดิม

“ขอบคุณค่ะคุณป้าจูเลีย นิ่มดีใจที่คุณป้าชอบ”

“ไว้วันหลังดิฉันจะลองให้น้องนิ่มทำขนมอื่นมาให้ลองชิมบ้างนะคะ”  อาสาวของรดาดาวบอกกับเจ้าของคฤหาสน์ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“เอาสิ มาเยี่ยมป้าบ่อยๆ นะหนูนิ่ม หรือถ้าสะดวกจะมาสอนป้าทำขนมพวกนี้บ้างก็ได้”

“ค่ะคุณป้า” เสียงหวานรับคำและคลายใจไม่น้อยเมื่อมาดามแทลลีย์มีท่าทางเอ็นดูและวางตัวเป็นกันเองกับเธอ แต่ลูกชายของมาดามนี่สิจะเป็นยังไง จะใจดีและเป็นกันเองอย่างผู้เป็นแม่หรือเปล่า พลันสายตาของสาวน้อยก็เหลือบไปเห็นภาพถ่ายที่ถูกแขวนไว้บนฝาผนัง ใบหน้าของคนในภาพหล่อเหลาสะดุดตาอย่างร้ายกาจชนิดที่เรียกได้ว่าใครได้เห็นก็ต้องมองซ้ำ ดวงตาสีฟ้าเป็นฉายประกายเฉียบคมคู่นั้นคล้ายกำลังจับจ้องมองมาที่เธอ ทำให้หัวใจของรดาดาว เต้นแรงระรัวราวกับมีคนโหมมโหรีวงใหญ่ขึ้นมาทันที

รดาดาวรีบกะพริบตาถี่ๆ พยายามควบคุมสติไม่ให้ฟุ้งซ่าน บอกตัวเองว่าอีกไม่กี่นาทีก็ต้องเผชิญหน้ากับเขาแล้ว ถ้าเธอแสดงอาการตื่นเต้นให้เขาเห็นอาจจะกลายเป็นตัวตลกจนถูกหัวเราะเยาะเอาได้

ในขณะเดียวกันที่ด้านนอกของคฤหาสน์โกลเดนกรีน เฟอร์รารี่ 458   สเปเชียล สีแดงสด กำลังแล่นเข้ามาจอดอย่างโฉบเฉี่ยวราวกับม้าลำพอง ตามนิสัยของคนขับซึ่งมีความสูงหกฟุตสามนิ้ว ผมสีน้ำตาลเข้ม ใบหน้าหล่อจัดประกอบด้วย คิ้วหนาเข้ม นัยน์ตาสีฟ้า จมูกโด่งเป็นสันรับด้วยริมฝีปากหยักได้รูป ไม่บางหรือหนาจนเกินไป ตามแนวสันกรามมีไรเคราขึ้นเป็นแนวจางๆ

ทันทีที่บอดี้การ์ดก้าวเข้ามาเพื่อนำรถไปจอดในโรงรถ ร่างสูงในชุดกางเกงสแล็คแบรนด์ดัง เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวพับถึงข้อศอก ก็ก้าวลงจากรถอย่างมาดมั่น สาวๆ ทั่วทั้งอเมริการู้จักเขาดีเพราะ ‘เอเดน แทลลีย์’ โด่งดังไม่แพ้ดาราฮอลลีวูดคนไหน เขาจบแพทย์จากมหาวิทยาลัยชื่อดังอย่างฮาร์วาร์ด ใครๆ ก็บอกว่าเขาเหมาะจะเป็นมาเฟียหรือเจ้าพ่อค้าอาวุธสงครามมากกว่าหมอ เพราะมีนิสัยใจร้อนเป็นไฟ ห่าม โหด ดุดัน แถมเรื่องบนเตียงยังเลื่องชื่อลือชาและทำให้ผู้หญิงที่ขึ้นเตียงด้วยดิ้นพล่านได้เสมอ แต่เขาก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าผู้ชายอย่างเอเดนมีอะไรให้ทึ่งได้เสมอ ด้วยการเป็นศัลยแพทย์มือหนึ่งของโรงพยาบาลชื่อดัง จากนั้นก็ลาออกมาบริหารงานของตัวเอง และก้าวขึ้นเป็นประธานโกลเดน  กรีนกรุ๊ป ซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจเครื่องมือแพทย์และไบโอดีเซลยักษ์ใหญ่ของอเมริกาด้วยวัยเพียงสามสิบสองปีเท่านั้น โดยล่าสุดก็เพิ่งจะเข้าไปเป็นเจ้าของสโมสรอเมริกันฟุตบอลชื่อดังในนิวยอร์ก

คิ้วเข้มเหนือดวงตาที่บ่งบอกความทะนงตน ขมวดเข้าหากันเล็กน้อยเมื่อเห็นว่ามีรถคันหนึ่งจอดอยู่หน้าคฤหาสน์ก่อนหน้าที่เขาจะมาถึง

“ใครมาเหรอเบนจามิน” เสียงห้าวทุ้มน่าฟังเอ่ยถามพ่อบ้านที่ออกมาคอยต้อนรับอยู่หน้าคฤหาสน์เช่นเดียวกับทุกวัน

“คุณซาร่าเพื่อนของมาดามครับคุณเอเดน”

“อืม”

เอเดนพยักหน้าน้อยๆ แล้วก้าวยาวๆ เข้าไปในคฤหาสน์ ตรงไปยังห้องรับแขกทันที และเมื่อไปถึงก็เห็นว่าในห้องนั้นไม่ได้มีแค่ชมพูนุชกับแม่ของเขาอยู่กันตามลำพัง ซึ่งเขาก็ไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะคิดอยู่แล้วว่ามาดาม  แทลลีย์ต้องมาไม้นี้ แต่ก็ช่างเถอะปัญหาเล็กๆ ขี้ประติ๋วแค่นี้เขารับมือได้สบายๆ อยู่แล้ว รับรองได้เลยว่าแม่สาวน้อยหน้าจืดที่นั่งสงบเสงี่ยมเรียบร้อยอยู่บนโซฟารับแขกนั่นจะต้องเก็บข้าวของกลับประเทศตัวเองแทบไม่ทัน!

“มาแล้วเหรอเอเดน มารู้จักกับหลานสาวของน้าซาร่าสิ หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูเชียว แถมยังทำขนมอร่อยด้วยนะ” มาดามแทลลีย์ตรงเข้าประเด็นอย่างไม่อ้อมค้อมหลังจากลูกชายคนเดียวทรุดตัวนั่งลงที่โซฟา

“ครับแม่”

“น้องชื่อรดาดาว ลูกจะเรียกว่านิ่มก็ได้นะ” คนเป็นแม่แนะนำอย่างกระตือรือร้น

“สวัสดีค่ะ”

เสียงหวานใสดังขึ้นให้เอเดนได้ยินเป็นครั้งแรก เธอไม่ได้ยื่นมือมาให้เขาจับอย่างที่ควรจะเป็น แต่กลับยกมือขึ้นไหว้ด้วยกิริยานอบน้อม แล้วจึงเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา และนั่นทำให้สายตาเฉียบคมของเอเดนต้องทำการพิจารณา เครื่องหน้าของสาวน้อยที่วางท่าหวงเนื้อหวงตัวอย่างช่วยไม่ได้ ปากนิดจมูกหน่อยนั่นน่ามองดี ริมฝีปากสีระเรื่อก็น่าจะนุ่มและตอบสนองได้ดีทีเดียวเวลาที่ถูกผู้ชายจูบ แถมตอนนี้ดวงตาเรียวหวานของเธอกำลังไหวระริกคล้ายกับนางเนื้อระแวงภัย ทว่าก็เร้าอารมณ์บางอย่างของเขาเชียวล่ะ ไม่ได้จืดชืดไร้ความรู้สึกเหมือนที่เขาประเมินไว้ตอนแรก

“ไปเดินเล่นกันหน่อยไหม” ผู้มาใหม่เอ่ยขึ้นในประโยคซึ่งทำให้คนที่นั่งลุ้นอยู่ต้องหูผึ่งไปตามๆ กัน ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินนำออกไปโดยไม่รอคำตอบ

“เอ้อ...” รดาดาวทำท่าเงอะงะ ได้แต่หันไปมองผู้เป็นอาอย่างขอความช่วยเหลือ ซึ่งอาสาวของเธอก็พยักหน้าน้อยๆ เป็นเชิงบอกว่าให้ตามเขาไป

“ไปเถอะหนูนิ่ม เอเดนไม่ดุหรอก จะได้คุยกันเป็นการส่วนตัวและรู้จักกันมากขึ้นด้วย” มาดามแทลลีย์สนับสนุนอีกคน ทำให้รดาดาวต้องลุกขึ้นแล้วเดินตามร่างสูงองอาจที่ก้าวออกไปก่อนหน้านี้แล้ว

เอเดนยืนเอามือล้วงกระเป๋าอยู่กลางสนามหญ้าในสวนหย่อมของคฤหาสน์ แสงแดดสีส้มยามเย็นระบายร่างสูงตระหง่านให้ดูน่าเกรงขามยิ่งกว่าเดิม สาวน้อยเกิดอาการหายใจไม่ทั่วท้องขึ้นมาโดยพลัน แต่ก็ยังรวบรวมความกล้าก้าวไปหาเขา และแม้เสียงฝีเท้าของรดาดาวจะเบามาก เอเดนก็หันมาทันทีที่เธอเดินไปหยุดอยู่ด้านหลัง

“คุณมีอะไรจะคุยกับนิ่มเหรอคะ” เจ้าของเสียงหวานเป็นฝ่ายถามก่อนอย่างอ้อมแอ้ม

“เปล่า...” เอเดนยักไหล่พรืดด้วยท่าทางยียวน “ก็แค่อยากทำความรู้จักเท่านั้น”

“ค่ะ คุณอยากรู้อะไรคะ”

“อายุเท่าไหร่แล้ว”

“ปีนี้ย่างยี่สิบสามค่ะ”

“ก็ยังเด็กอยู่มาก นึกยังไงถึงอยากรีบมีผัว” เอเดนถามในประโยคที่    รดาดาวคาดไม่ถึงและทำให้เธอแก้มร้อนเห่อด้วยความอับอาย

“คือคุณอาของนิ่มคิดว่าคุณเป็นผู้ชายที่เพียบพร้อมซึ่งนิ่มน่าจะฝากชีวิตไว้ด้วยได้จึงอยากให้นิ่มแต่งงานกับคุณ” สาวน้อยตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา

“ดูท่าทางก็ไม่น่าจะปัญญาอ่อนนี่ ทำไมถึงยอมให้คนอื่นจูงจมูกง่ายๆ แบบนี้”

“อาชมไม่ใช่คนอื่นค่ะ แต่เป็นผู้มีพระคุณและทำแต่สิ่งดีๆ ให้ครอบครัวของนิ่มตลอดมา”

แม้เขาจะสาดวาจาเผ็ดร้อนใส่ แต่สาวน้อยก็ยังตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลหวานใสเช่นเดิม จนเอเดนอดนึกทึ่งในการควบคุมอารมณ์ของคนที่เขากำลังพยายามจะระรานไม่ได้

“คนรักของคุณว่าไง”

“นิ่มยังไม่มีคนรักค่ะ”

“แล้วคุณไม่คิดว่าผมจะมีคนรักอยู่แล้วบ้างหรือไง”

เอเดนย้อนถามเสียงเรียบๆ ทำเอารดาดาวต้องเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาจริงๆ จังๆ ทั้งที่ไม่ค่อยอยากจะมองสักเท่าไหร่ เพราะความหล่อเหลาอย่างร้ายกาจของเขาส่งผลให้เธอรู้สึกเหมือนไม่เป็นตัวของตัวเอง โดยเฉพาะดวงตาคมเข้มที่แฝงไว้ด้วยพลังและแรงดึงดูด แถมยังดูฉลาดเป็นกรด แค่เขาปรายตามองก็เหมือนรู้เท่าทันความรู้สึกนึกคิดของเธอไปเสียหมด

สาวน้อยรีบหลุบเปลือกตาลง แล้วทบทวนคำถามของเอเดนอีกครั้ง     ใช่สินะ...เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่มีคนรักหรืออย่างน้อยก็ต้องมีคู่ควงล่ะ ก็เขาหล่อเหลาและเซ็กซี่ออกปานนี้

หืม... เซ็กซี่อย่างนั้นหรือ!? โอย...ตายแล้ว ความคิดแบบนี้เข้ามาอยู่ในสมองของผู้หญิงเรียบร้อยและไม่เคยสนใจเพศตรงข้ามในเชิงชู้สาวแบบเธอได้อย่างไร ซ้ำร้ายผู้ชายคนนี้ยังเต็มไปด้วยท่าทีคุกคาม แถมเขายังปากจัดกับเธออย่างกับอะไร

“ว่าไง” เสียงห้าวทุ้มเอ่ยถามขึ้นอีกครั้งเมื่อสาวน้อยตรงหน้ามองหน้าเขาแล้วก็เงียบไปนาน

“คิดว่าอาจจะมีค่ะ ซึ่งนิ่มก็ไม่คิดจะดึงดันแต่งงานกับคุณหรอกนะคะ หากคุณมีคนรักอยู่แล้วหรือว่าไม่อยากแต่งงานกับนิ่ม นิ่มก็ไม่ว่าอะไรค่ะ”

“ตอบได้ดีนี่” แม้เขาจะเอ่ยปากชมแต่ใบหน้าก็ยังเรียบเฉย “แล้วถ้าผมปฏิเสธคุณล่ะ คุณจะไปให้ผู้ชายคนอื่นดูตัวอีกหรือเปล่า”

“นิ่มแล้วแต่อาชมและผู้ใหญ่ค่ะ”

“ว่านอนสอนง่ายเสียด้วย” เอเดนเอ่ยประโยคนั้นก่อนจะขยับเข้ามาใกล้ใช้มือเชยคางมนขึ้น แล้วกวาดตามองทั่วใบหน้าหวานใสซึ่งเนียนละเอียดราวกับผิวทารกอย่างเพ่งพินิจ รดาดาวตกใจไม่น้อย ไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนั้น แต่ก็ไม่กล้าปัดมือใหญ่ของเขาออก ทำได้แค่เพียงยืนนิ่งๆ ปล่อยให้เขามองสำรวจตามสบาย

“ไม่คิดว่าตัวเองนุ่มนิ่มไปเหรอสำหรับผู้ชายอย่างผม” เสียงห้าวถามขึ้นอีกครั้งหลังจากจดจ้องมองใบหน้าหวานใสของรดาดาวอยู่นานหลายวินาที

“นิ่มคิดว่านิ่มน่าจะเป็นภรรยาที่ดีของคุณได้ค่ะ”

“ในทุกๆ เรื่อง แม้แต่เรื่องเซ็กส์ใช่ไหม”

คำถามที่ตรงไปตรงมาของเขา ทำเอารดาดาวหน้าร้อนผ่าวด้วยความ   อับอาย แต่ก็แข็งใจตอบออกมาเพราะไม่อยากถูกหัวเราะเยาะ

“ค่ะ”

“มั่นใจขนาดนั้นเชียว” คิ้วเข้มเลิกสูงขึ้นคล้ายกำลังขบขัน และหยามหมิ่นอยู่ในที

“มะ...มั่นใจค่ะ...” ตอบว่ามั่นใจแต่น้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยอาการอึกอัก

“ถ้าอย่างนั้นผมขอพิสูจน์หน่อย”

จบคำ ใบหน้าหล่อเหลาก็ฉกวูบลงมาอย่างรวดเร็วปานอสรพิษฉกเหยื่อ ริมฝีปากกระด้างประกบลงบนปากอิ่มเต็มสีระเรื่อ ใช้ความช่ำชองซุกไซ้บดคลึงบีบบังคับให้เธอเผยอกลีบปากออกจากกัน แล้วสอดส่ายปลายลิ้นอุ่นซ่านล่วงล้ำเข้าไปควานหาความฉ่ำหวานในโพรงปากนุ่มชื้นด้วยลีลาแสนเจนจัด

สมองของรดาดาวหมุนเคว้ง เนื้อตัวอ่อนปวกเปียกเหมือนจะเป็นลมจนต้องใช้มือจับยึดต้นแขนแกร่งเอาไว้ จูบของเขาทั้งเซ็กซี่และร้อนแรงเหมือนชื่อ  เอเดนที่แปลว่า...เร่าร้อนไม่มีผิด เธอไม่เคยถูกจูบมาก่อนไม่ว่าแบบนี้หรือแบบไหน อย่าว่าแต่จูบเลย เธอไม่เคยยอมให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้ด้วยซ้ำนอกจากพ่อและน้องชายเท่านั้น แต่ตอนนี้กลับยืนให้ผู้ชายที่เพิ่งจะเจอกันครั้งแรกจูบโดยไม่คิดจะต่อต้าน ซ้ำร้ายเรียวลิ้นไร้เดียงสายังเกี่ยวกระหวัดรัดร้อยเข้ากับลิ้นอุ่นซ่านราวกับชื่นชอบรสจูบของเขาเสียเต็มประดา รดาดาวคิดเลือนๆ ว่าตอนนี้ตัวเองไม่ต่างอะไรกับน้ำมัน ในขณะที่เอเดนคือไฟชั้นดีที่เพียงแค่จุดเบาๆ ก็สามารถเผาผลาญจนผิวกายของเธอร้อนซ่านไปหมด

เมื่อสาวน้อยไม่ขัดขืน มือหนาราวกับหนวดปลาหมึกของนักรักตัวพ่อจึงไม่วางเฉย ฝ่ามือร้อนๆ ขยับลงมาตามเอวอ้อนแอ้น ผ่านสะโพกผายอ้อมไปหาบั้นท้ายกลมกลึง ลูบไล้เบาๆ ก่อนจะฟอนเฟ้นก้อนเนื้อหนั่นแน่นทั้งสองเป็นจังหวะหนักหน่วง ออกแรงกดส่วนนั้นเพื่อให้ร่างนุ่มนิ่มแนบชิดกับร่างใหญ่ของเขามากยิ่งกว่าเดิม แล้วค่อยๆ บดเบียดความคึกแข็งที่ขยายเหยียดดันซิปกางเกงขึ้นมาจนนูนเป็นสันเข้ากับหน้าท้องของเธอ

รดาดาวสะท้านเฮือก! รู้สึกถึงความใหญ่โตโอฬารอันร้อนผ่าวดุจแท่งเหล็กที่ใช้ในการตีดาบ ซึ่งกำลังกดแน่นแนบกับแผ่นท้องของเธอ สัมผัสเสียดสีนั้นมันทำให้ความตื่นเต้นและซ่านสยิวพุ่งแรงขึ้นอย่างน่าตกใจ อารมณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับเธอมาก่อน เสียงหวานได้แต่ครางประท้วงตัวเอง พยายามจะตั้งสติไม่ให้ปล่อยอารมณ์ไปกับเขา แต่มันช่างยากเย็นเหลือเกินในเมื่อเรี่ยวแรงของเธอแทบจะไม่เหลือ อา...ผู้ชายอย่างเอเดนช่างเร่าร้อนและอันตรายเหลือเกิน

“อืม...” เอเดนครางลึกๆ ในลำคอเป็นเชิงพึงพอใจ การปล้นจูบจากว่าที่ลูกสะใภ้ของมาดามแทลลีย์ใช้เวลานานเกินคาด ตอนแรกเขาแค่จะจูบเล่นๆ แต่พอได้ลิ้มรสความหวานล้ำก็เลยยืดเยื้อกว่าที่ควรจะเป็น

หนุ่มนักรักตัวพ่อบอกตัวเองว่าให้หยุดแค่นั้น เพราะถ้าขืนจูบเธอนานกว่านี้อีกแค่ไม่กี่อึดใจ เขาคงจะฉีกทึ้งเสื้อผ้าและทำรักกับเธออย่างเร่าร้อนกลางสวนนี้เป็นแน่ ซึ่งเพลย์บอยตัวพ่อเช่นเขาไม่เคยเกี่ยงอยู่แล้วว่าสนามรักจะอยู่ที่โล่งแจ้งแบบนี้ หรือในห้องมิดชิด

ให้ตายสิ! เอเดนรู้ดีว่ามีไฟกองใหญ่ซุกซ่อนอยู่ในท่าทางนุ่มนิ่มนั้น     เขาอยากได้เธอ อยากได้ให้มันรู้แล้วรู้รอดเสียตอนนี้เลย แต่รู้ดีว่าถ้าทำแบบนั้นปัญหาต่างๆ คงจะตามมามากมาย

“ไม่เลวนี่”

“คุณเอเดน!”

เสียงหวานอุทานชื่อเขาออกมา แพขนตางอนกะพริบถี่ๆ อย่างคนที่เพิ่งจะได้สติ ใบหน้าร้อนผะผ่าวเหมือนโดนแดดเผา ตามมาด้วยอาการเข่าอ่อนคล้ายกำลังจะทรุดลงไปกองกับพื้นอยู่รอมร่อ ผู้ชายตรงหน้านั้นกักขฬะเหลือเกิน เขาช่างไม่คิดเลยว่าสถานที่แห่งนี้ไม่เหมาะสมที่จะมาจับเธอจูบอย่างเร่าร้อนชวนวาบหวามแบบเมื่อครู่นี้ หากมีใครมาเห็นเข้าเธอจะอับอายแค่ไหน ถึงแม้เธอจะไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน แต่ก็พอรู้ว่าเรื่องพวกนี้มันควรกระทำในที่รโหฐานมากกว่า รดาดาวตกใจกับความรู้สึกนึกคิดของตัวเองอยู่ไม่น้อย เพราะนอกจากจะไม่รังเกียจจุมพิตของเขาแล้ว เธอยังตำหนิเขาแค่เรื่องความไม่เหมาะสมของสถานที่เท่านั้น แถมเมื่อครู่นี้เธอกลับไม่รับรู้อะไรเลยนอกจากริมฝีปากและปลายลิ้นอันแสนร้ายของเขาที่กระหวัดพัวพันรุกไล่ลิ้นของเธออย่างมีชั้นเชิงชวนให้อยากลิ้มลองอีกหลายๆ ครั้ง!

“แต่ก็เร่าร้อนไม่พอกับที่ผมต้องการ” เขาเชยคางมนขึ้นและยิ้มใส่ตา

“นิ่มไม่เคย เอ้อ... คุณไม่ควรจะลวนลามนิ่มแบบนี้นะคะ”

“ไม่ควรอย่างนั้นเหรอ?” คิ้วเข้มเลิกขึ้นคล้ายขบขัน “ถ้าอย่างนั้นรีบไปฟ้องคุณซาร่ากับมาดามแทลลีย์เลยดีไหมว่าคุณถูกผมลวนลาม หลักฐานก็ยังพอมีเพราะริมฝีปากของคุณยังบวมอยู่ อาของคุณกับแม่ของผมต้องเชื่ออย่างไม่มี ข้อสงสัยแน่ๆ มาสิเดี๋ยวจะพาไป หรือถ้าคุณไม่กล้าพูด ผมบอกให้ก็ได้นะ”

มือใหญ่คว้าเอาข้อมือเล็กๆ แล้วออกแรงกระตุกให้เธอเดินตามกลับเข้าไปในคฤหาสน์ รดาดาวตั้งตัวไม่ติดเพราะไม่คิดว่าจู่ๆ เอเดนจะทำอะไรห่ามๆ เช่นนั้น

“ปล่อยนิ่มเถอะนะคะคุณเอเดน อย่าทำแบบนี้เลยนะคะ นิ่มขอร้อง...”

เสียงหวานร้องอนาทรและพยายามจะบิดข้อมือออกจากการพันธนาการของเขา แต่เอเดนไม่สนใจ เขายังคงกึ่งลากกึ่งจูงเธอไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงห้องรับแขก

“รดาดาวมีเรื่องจะบอกคุณซาร่ากับแม่น่ะครับ”

ดวงตาเรียวหวานเบิกกว้างขึ้น มือเล็กเย็นเฉียบ หัวใจเต้นแรงระทึก   เอเดนกำลังจะทำให้เธอขายหน้า!

“มีเรื่องอะไรหรือน้องนิ่ม” ชมพูนุชเอ่ยถามหลานสาว

“เอ่อ...”

รดาดาวได้แต่อ้ำอึ้งกับคำถามง่ายๆ ของผู้เป็นอา เธอหันไปมองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ เห็นเขาเลิกคิ้วและพยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าให้เธอพูด แล้วก็แทบจะร้องไห้ คนร้ายกาจ! จูบเธอแล้วยังจะบีบบังคับให้เธอประจานตัวเองอีก

ทุกคนมองมายังรดาดาวอย่างรอคำตอบ สาวน้อยทำอะไรไม่ถูก ในขณะที่เอเดนกระตุกยิ้มมุมปากคล้ายกำลังขบขันกับท่าทางเงอะงะของเธอ

“เฮ้อ...สงสัยเป็นเพราะมีผมอยู่ด้วย เธอเลยไม่สะดวกตอบ ถ้าอย่างนั้นเชิญคุยกันตามสบายนะ ผมต้องขอตัวก่อน” เอเดนแทรกขึ้น แล้วไม่รอให้ใครอนุญาต เขาก้าวออกจากห้องนั้น ตรงขึ้นไปยังห้องของตัวเองด้วยท่าทางสบายๆ ปล่อยทุกอย่างให้เป็นปัญหาของรดาดาวคนเดียว

“ว่าไงน้องนิ่ม” ชมพูนุชถามซ้ำอีกครั้งเมื่อเอเดนเดินพ้นห้องไปแล้ว

“คือนิ่มรู้สึกไม่ค่อยสบายค่ะอาชม...”

ตอบเสร็จก็หลุบเปลือกตาลงด้วยความละอายที่กำลังโกหกผู้ใหญ่ แต่จะให้บอกความจริงได้อย่างไร มันคงน่าอับอายมากหากผู้ใหญ่ทั้งสองล่วงรู้ว่าเมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง

“อ้าว...เป็นอะไรมากหรือเปล่าน้องนิ่ม” ชมพูนุชรู้สึกเป็นห่วงหลานสาวเมื่อเห็นว่าสีหน้าของรดาดาวเซียวๆ ลงไป

“นิ่มไม่ได้เป็นอะไรมากค่ะ แค่ปวดหัวนิดหน่อย”

“ถ้าอย่างนั้นดิฉันกับน้องนิ่มคงต้องขอตัวกลับก่อนนะคะคุณจูเลีย”

“จ้ะ” มาดามแทลลีย์พยักหน้าให้ชมพูนุช แล้วหันไปทางว่าที่ลูกสะใภ้ “หายไวๆ นะหนูนิ่ม แต่ว่าอย่าลืมเรื่องที่เราคุยกันไว้นะ ว่างๆ ต้องมาสอนป้าทำขนม”

“ค่ะคุณป้า”

สองอาหลานร่ำลามาดามแทลลีย์ จากนั้นก็เดินตามกันออกไปขึ้นรถที่จอดอยู่หน้าคฤหาสน์โกลเดนกรีน โดยไม่รู้ว่าใครบางคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าต่างชั้นสองมองลงมาที่ร่างอรชรด้วยประกายตาบางอย่าง

 

ค่ำนั้นเอเดนควบแม็คลาเรน 12 ซี สไปเดอร์ ซุปเปอร์คาร์เปิดประทุน แล่นโฉบเฉี่ยวมุ่งหน้าสู่คฤหาสน์ของ ‘แมทธิว ไครซ์ตัน’ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทผู้มีคุณสมบัติน่าตะครุบไม่แพ้กัน ว่ากันว่าถ้าเอเดนเปรียบเสมือนซุสกลับชาติมาเกิด แมทธิวก็คือโพไซดอน

ทันทีที่ร่างสูงก้าวเข้าไปในห้องนั่งเล่น เจ้าของคฤหาสน์ซึ่งเป็นมหาเศรษฐีหนุ่มวัยสามสิบสองก็เลิกคิ้วเข้มขึ้นพลางหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นสีหน้าบึ้งตึงของเพื่อนรัก

“เป็นอะไรวะเอเดน ทำหน้ายังกะแบกทวีปอเมริกาเอาไว้ทั้งทวีปอย่างนั้นล่ะ” เจ้าของดวงตาสีเทอร์ควอยซ์ถามอย่างอารมณ์ดีตามประสาคนใจเย็นและควบคุมอารมณ์ได้ดีเสมอ แต่ถึงกระนั้นถ้าเมื่อไหร่ที่แมทธิวได้โมโหขึ้นมา ทุกอย่างจะราบเป็นหน้ากลองไม่ต่างอะไรกับการถูกคลื่นยักษ์ถล่ม

“อย่าเพิ่งถามได้ไหมวะแมท นายให้คนไปเอาเหล้ามาดื่มก่อนเถอะ”

“อะไรของนายวะ มาถึงก็จะซัดเหล้าเลยเหรอ มีอะไรหรือเปล่า” แมทธิวเอ่ยถามพร้อมกับขมวดคิ้ว แต่ก็ยอมทำตามความต้องการของเพื่อนรักโดยการหันไปสั่งพ่อบ้านที่เข้ามาคอยอำนวยความสะดวกเมื่อเห็นว่าเจ้านายมีแขก

“เปล่า แค่อยากดื่มเฉยๆ” คนปากแข็งแบมือยักไหล่ พลางทรุดตัวนั่งลงและพาดแขนทั้งสองข้างไปตามพนักโซฟาด้วยท่วงท่าแบบสบายๆ

ไม่ถึงห้านาทีพ่อบ้านของแมทธิวก็นำเหล้าวิสกี้แมคคัลแลนชั้นเลิศมาวางให้ที่โต๊ะพร้อมกับแก้วสองใบ แมทธิวจัดการรินใส่แก้ว ก่อนจะส่งให้เอเดนด้วยตัวเอง ชายหนุ่มรับไปดื่มสองสามอึก แล้วคลึงแก้วราคาแพงใบนั้นเหมือนเป็นของเล่นที่น่าสนใจ

“คราวนี้จะบอกได้หรือยังว่านายมีเรื่องอะไร ถึงได้ถ่อสังขารมาซดเหล้าที่บ้านฉัน”

“มาดามแทลลีย์หาเมียให้ฉันว่ะ” เอเดนยอมเปิดปากในที่สุด

“เฮ้ยจริงน่ะ! ไม่อยากจะเชื่อ!” เจ้าของดวงตาสีดวงตาสีเทอร์ควอยซ์อุทานเสียงดัง ก่อนจะหัวเราะร่วนอย่างชอบใจ

“อืม” คนถูกหัวเราะตอบเนือยๆ “นายหยุดหัวเราะได้หรือเปล่าวะ ฉันซีเรียสนะโว้ย”

“โทษทีว่ะ ก็มันขำจริงๆ นี่หว่า ใครจะคิดว่าเพลย์บอยตัวพ่ออย่างนายถูกแม่บังคับให้มีเมีย แล้วว่าที่ลูกสะใภ้ของแม่นายเป็นใครวะ”

“หลานสาวของคุณซาร่าภรรยาเพื่อนพ่อฉัน”

“สาวไทยหรือ?” แมทธิวถามอย่างจำคนที่เพื่อนพูดถึงได้ แม้จะไม่สนิทสนมเป็นการส่วนตัวแต่ก็เคยถูกแนะนำให้รู้จักกับซาร่าหรือมาดามแซนด์เบิร์กในงานราตรีสโมสรซึ่งเป็นที่รวมตัวกันของเหล่าบรรดานักธุรกิจชั้นนำ

“ใช่”

“ที่ทำหน้าแบบนี้แสดงว่าเจอกับว่าที่เมียแล้วใช่ไหม”  

“เพิ่งเจอวันนี้ล่ะ เธอมาที่บ้านกับคุณซาร่า”

“เป็นไงบ้าง”

“ก็ไม่เลว” เอเดนตอบสั้นๆ ก่อนจะสาดน้ำสีอำพันในแก้วลงคอพรวดเดียว

“เฮ้ยเบาๆ สิ นั่นเหล้านะเว้ย ไม่ใช่น้ำหวาน” แมทธิวเตือนพลางส่ายศีรษะเพราะรู้ดีว่าเตือนไปก็เท่านั้น คนอย่างเอเดนเพื่อนของเขาถ้าคิดจะทำอะไรแล้วไม่มีใครห้ามได้

“กลัวอะไร เมาก็แค่นอนบ้านนาย”

“ถ้างั้นก็เชิญซดตามสบาย”

เอเดนเทเหล้าใส่แก้วแล้วสาดลงคอพรวดเดียวจนหมด ความร้อนของแอลกอฮอล์ที่ถูกบ่มมาอย่างดีบาดคอลงไปถึงท้อง แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกระคายแต่อย่างใด

“แล้วทำไมนายต้องมานั่งซัดเหล้าอยู่อย่างนี้วะ ถ้าเธอน่ารัก นายก็น่าจะแฮปปี้ไม่ใช่เหรอ”

“ฉันยังไม่ได้บอกสักคำว่าน่ารัก”

“แต่แม่นายก็ปลื้ม ท่าทางงานนี้นายจะตกที่นั่งลำบากว่ะ”

“นั่นล่ะที่น่ากลุ้ม ฉันกลับดีกว่าว่ะ” เอเดนระบายลมหายใจออกมาแรงๆ แล้วลุกขึ้น

“อะไรของนายวะ เมื่อกี้ยังบอกว่าจะนอนบ้านฉันอยู่เลย”

“เอาไว้วันหลังแล้วกัน ไปล่ะ” เขายกมือโบกให้เพื่อน แล้วก้าวดุ่มออกไปโดยไม่สนใจอะไรอีก

พาหนะสมรรถนะสูงแล่นออกจากคฤหาสน์สุดหรู หลังจากที่มาจอดได้ไม่ถึงสองชั่วโมงด้วยความเร็วค่อนข้างสูง แต่คนขับไม่ได้มุ่งหน้ากลับคฤหาสน์ของตัวเองอย่างที่บอกกับเพื่อนรักเอาไว้ เอเดนเหยียบคันเร่งและบังคับพวงมาลัยให้รถแล่นไปข้างหน้าโดยไร้จุดหมาย ความจริงเขากะจะเมาแล้วนอนค้างที่คฤหาสน์ของแมทธิว หากที่ต้องหนีมาก่อนนั้นก็เพราะไม่อยากพูดถึงเรื่องของว่าที่เจ้าสาว

“รดาดาว...” เสียงทุ้มพึมพำกับตัวเอง พลางคิดถึงใบหน้าหวานๆ ของเธอ ไม่ใช่แค่หน้าที่หวาน แต่ปากของเธอก็หวานเป็นบ้า หวานเสียจนอยากชิมอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง ไม่ใช่แค่ชิมที่ปาก แต่เขาอยากชิมทุกตารางนิ้วบนเรือนกายของเธอ!

เอเดนขยับตัวอย่างหงุดหงิด เมื่อตัวตนของเขาคึกคักประเจิดประเจ้อขึ้นมาประจานตัวเอง ไม่น่าเชื่อว่าแค่จูบเดียวจะทำให้เขาอยากได้เธอจนแทบคลั่ง สัญชาตญาณบางอย่างบอกว่ากุลสตรีเช่นรดาดาวพร้อมจะกลายเป็นไฟได้เสมอหากได้รับการสอนที่ดี และคนที่จะมอบประสบการณ์นั้นให้เธอเป็นคนแรกก็ควรจะเป็นเขา ความปรารถนาเช่นนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันและรุนแรงทันทีที่ริมฝีปากของเขาประกบลงบนเรียวปากกระจับสีหวานของเธอ แต่เอเดนรู้ดีว่าแม่ของเขาไม่มีทางยอมให้ทำเล่นๆ กับรดาดาวเป็นแน่ ดังนั้นหากเขาจะได้เธอก็มีวิธีเดียวคือต้องแต่งงานซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการในเวลานี้

ความต้องการสองอย่างเกิดขัดแย้งกันอย่างรุนแรง คนแบบเอเดนไม่มีทางยอมให้ใครหรืออะไรมาบีบบังคับได้แน่ๆ เขาต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายเลือก ดังนั้นชายหนุ่มจึงหักพวงมาลัยจอดข้างทางแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมากดหาเลขาฯ ส่วนตัว

“แฟรงค์หาเบอร์โทรศัพท์ที่จดทะเบียนในชื่อของมาดามแซนด์เบิร์ก มาให้ผมทุกเบอร์” เอเดนบอกความประสงค์ของตัวเองทันทีที่ปลายสายกดรับ

“เอ้อ...ได้ครับเจ้านาย” แฟรงค์รับคำงงๆ เพราะตอนนี้ดึกมากแล้ว ทำไมจู่ๆ เจ้านายของเขาถึงเกิดอยากได้เบอร์ของมาดามแซนด์เบิร์ก ถึงจะสงสัยแต่ก็ไม่ใช่วิสัยที่จะถามเพราะหน้าที่ของเขาคือทำตามคำสั่งของเจ้านายเท่านั้น

“ใช้เวลานานเท่าไหร่”

“ไม่เกินห้านาทีครับ”

เมื่อได้คำตอบที่พอใจเอเดนก็กดวางสาย แล้วนั่งรอในรถ เคาะนิ้วบนพวงมาลัยเป็นจังหวะเดียวกับเสียงเพลงที่ดังอยู่

 

ร่างอ้อนแอ้นในชุดนอนเนื้อดียังคงนอนลืมตาโพลงอยู่บนเตียงท่ามกลางความมืดทั้งๆ ที่เข้านอนตั้งนานแล้ว เพราะคิดถึงคำถามของอาสาวตอนที่กลับจากคฤหาสน์โกลเดนกรีนเมื่อตอนเย็น

“คุณเอเดนเป็นยังไงบ้างน้องนิ่ม”

“ก็ดีค่ะอาชม” เธอตอบแบบกลางๆ ที่สุด จนแล้วจนรอดก็ไม่กล้าบอกถึงความกักขฬะของเขาให้ผู้เป็นอารับรู้

“อาคิดแล้วว่าน้องนิ่มต้องชอบคุณเอเดน ผู้ชายแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ เลยนะน้องนิ่ม”

“อาชมคะ คุณเอเดนเขาเหมาะกับนิ่มจริงๆ หรือคะ”

“จริงสิ ไม่อย่างนั้นอาจะให้น้องนิ่มบินจากเมืองไทยมาที่นี่ทำไม อาอยากให้น้องนิ่มได้คู่ครองดีๆ แบบคุณเอเดน อีกอย่างคุณจูเลียก็ดูเอ็นดูน้องนิ่มมาก น้องนิ่มตัดปัญหาเรื่องแม่ผัวกับลูกสะใภ้ไปได้เลย น้องนิ่มโชคดียิ่งกว่าถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งอีกนะ แต่ก็ไม่แปลกหรอกเพราะหลานของอาน่ารักขนาดนี้ ใครๆ เห็นก็ต้องชอบ” ชมพูนุชบอกอย่างมั่นใจ เพราะดูเหมือนอะไรๆ ก็เป็นใจไปเสียหมด

“แล้วถ้าคุณเอเดนปฏิเสธที่จะแต่งงานกับนิ่มล่ะคะอาชม” คนถูกจับคู่อยากให้ผู้เป็นอาเตรียมใจไว้บ้างจึงถามประโยคนั้น

“อามั่นใจว่าคุณเอเดนไม่มีทางปฏิเสธหลานสาวของอาแน่นอน” ชมพูนุชบอกอย่างมั่นใจอีกครั้ง

รดาดาวได้แต่ถอนหายใจด้วยความหนักอึ้ง ท่าทางที่เอเดนแสดงออกกับเธอไม่ได้มีทีท่าว่าความมั่นใจของชมพูนุชจะใกล้เคียงเลยสักนิด ตรงกันข้ามสายตาของเขายังเต็มไปด้วยการจาบจ้วง และแสดงกิริยาคุกคามใส่เธอออกมาอย่างเปิดเผย ขนาดเจอกันแค่ไม่กี่นาที เธอก็ยังถูกเขา ‘ปล้นจูบ’ ไปแล้ว ถ้าอยู่กันสองต่อสองนานกว่านั้นเขาต้องทำอะไรมากกว่าจูบเป็นแน่…

แก้มนวลและริมฝีปากสีระเรื่อร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีเมื่อตระหนักถึงความรู้สึกแสนวาบหวามยามที่โดนริมฝากร้อนๆ ประกบจูบอย่างดูดดื่ม

กริ๊ง!

ความคิดฟุ้งซ่านของสาวน้อยหยุดชะงักลงชั่วคราวเมื่อโทรศัพท์เครื่องที่ชมพูนุชให้เธอไว้แผดเสียงดังขึ้นพร้อมกับแสงไฟหน้าจอกะพริบวูบวาบ มือเรียวเล็กคว้าเครื่องมือสื่อสารซึ่งวางอยู่บนโต๊ะหัวเตียงมาดู เบอร์ที่แสดงบนหน้าจอไม่ใช่เบอร์ที่บันทึกไว้ในเครื่อง ทำให้คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ต่อมา ก็เข้าใจว่าอาจจะเป็นใครสักคนที่โทรผิดเข้ามาเพราะปกติเบอร์นี้เธอใช้เฉพาะโทรหาอาสาวและโทรกลับบ้านเท่านั้น สาวน้อยตัดสินใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกดรับสาย

“สวัสดีค่ะ ดิฉันคิดว่าคุณน่าจะโทรผิดนะคะ” เสียงหวานกรอกลงไปในโทรศัพท์อย่างสุภาพ

“ยังไม่หลับใช่ไหมสาวน้อย”

“คุณเอเดน!”

รดาดาวอุทานชื่อนั้นออกมาทันทีที่ได้ยินเสียงที่ตอบกลับมาตามสาย แม้เพียงระยะสั้นๆ ที่ได้คุยกัน เธอก็จำเสียงห้าวทุ้มซึ่งเต็มไปด้วยการวางอำนาจของเขาได้อย่างแม่นยำ

“อุทานซะเสียงดังเชียว ดีใจขนาดนั้นเลยเหรอที่ผมโทรมาหา”

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ นิ่มแค่แปลกใจ ว่าแต่คุณมีธุระอะไรกับนิ่มหรือว่าอยากคุยกับอาชมคะ”

“แล้วผมโทรหาใครล่ะ” ปลายสายย้อนถามแบบยียวน ทำเอารดาดาวอึ้งอยู่พักหนึ่ง

“คุณได้เบอร์นี้มาจากไหนคะ” เธอถามกลับไปอย่างอ้อมแอ้ม

“ได้มาจากไหนไม่สำคัญ แต่ผมรู้ว่าคุณดีใจที่ผมโทรมา และที่สำคัญตอนนี้คุณกำลังคิดถึงรสจูบของผมอยู่...”

“ปะ...เปล่านะคะ” รดาดาวปฏิเสธอย่างละล่ำละลัก มันน่าอายจะตายไปที่เอเดนล่วงรู้ความรู้สึกนึกคิดของเธอในเรื่องน่าบัดสีแบบนั้น

“อย่าปฏิเสธซะให้ยากเลย คุณรู้อะไรไหมรดาดาวว่าคุณเป็นผู้หญิงที่โกหกไม่เก่งหรอก ผมรู้ว่าคุณชอบที่จูบกับผมเมื่อตอนเย็น และตอนนี้คุณก็กำลังคิดถึงผมด้วย ผมบอกอะไรให้อย่างเอาไหม เผื่อคุณได้ฟังแล้วอาจจะสบายใจขึ้นก็ได้”

“คะ คุณจะบอกอะไร?”

“ผมเองก็คิดถึงตอนที่เราจูบกันเมื่อตอนเย็นเหมือนกัน แต่ผมคิดไปไกลว่านั้นนะ ผมคิดถึงตอนที่เรากำลังเมกเลิฟกันอย่างเร่าร้อน คุณครางเสียงดังน่าฟังมาก แล้วก็บอกผมว่า เอเดนขา...เร็วๆ ค่ะ ได้โปรด... ต้องให้บอกด้วยไหมว่าผมเมกเลิฟกับคุณด้วยท่วงท่าไหนบ้าง คุณถึงได้ร้องครวญครางขนาดนั้น” น้ำเสียงของเอเดนเหมือนกำลังยั่วเย้าด้วยความสนิทสนม หากก็มีอาการกระเส่าคล้ายดั่งว่าเขากำลังรู้สึกอยู่จริงๆ

“คุณเอเดน!”

รดาดาวอุทานอย่างตกใจ มือไม้สั่น พานจะทำโทรศัพท์ร่วง แต่กระนั้นคำพูดของเขาก็ทำให้เลือดของสาวสะพรั่งฉีดพล่านไปทั่วร่างด้วยความซ่านสยิว มโนภาพร่างเปลือยเปล่าของตัวเองกำลังถูกร่างใหญ่ทรงพลังซึ่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามอันแข็งแรงทำรักอย่างเร่าร้อนก็ผุดพรายขึ้นในสมองอย่างแจ่มชัด ทั้งๆ ที่เกิดมาเธอไม่เคยมีความคิดสัปดนเช่นนี้มาก่อน

รดาดาวรู้สึกอับอายจนหน้าหวานใสแดงระเรื่อ เมื่อสำเหนียกไว้ว่ามีปฏิกิริยาบางอย่างเกิดขึ้นกับจุดที่อ่อนไหวและไวต่อการสัมผัสบนร่างกายของตนเอง

“กรุณาหยุดพูดเรื่องบ้าๆ เถอะนะคะคุณเอเดน” สาวน้อยรีบห้ามปรามไม่ให้อีกฝ่ายพูดอะไรลึกซึ้งมากไปกว่านั้น

“ถ้าคุณไม่อยากฟังก็กดวางสายแล้วปิดโทรศัพท์หนีผมสิ”

“นิ่มมีมารยาทพอที่จะไม่ทำแบบนั้น”

“แสดงว่าคุณก็ชอบฟังสิ่งที่ผมพูดเหมือนกันใช่ไหม” เอเดนหัวเราะมาตามสาย แต่น้ำเสียงเขาช่างน่าฟังเหลือเกินในความรู้สึกของรดาดาว

“ไม่จริงค่ะ”

“อย่าปฏิเสธเลยรดาดาว คุณอยากเมกเลิฟกับผม เหมือนอย่างที่ผมก็อยากเมกเลิฟกับคุณ ออกมาหาผมสิสาวน้อย ผมจะให้ทุกอย่างที่คุณอยากได้”

“หยาบคายที่สุด นิ่มไม่เคยมีความคิดแบบนั้นในสมอง”

“เรื่องเซ็กส์ไม่ใช่เรื่องหยาบคายเลยแม่สาวเวอร์จิ้น แต่เป็นเรื่องของความปรารถนาล้วนๆ ผมเชื่อว่าถ้าคุณได้ลองคุณต้องชอบ คิดดูสิแค่จูบยังให้ความรู้สึกซาบซ่านขนาดนั้น แล้วถ้าได้เมกเลิฟกันจริงๆ มันจะให้ความรู้สึกที่วิเศษขนาดไหน”

“หยุดระรานนิ่มเถอะนะคะ ถ้าไม่อย่างนั้นนิ่มจะขออนุญาตวางสายแค่นี้” เสียงหวานขอร้องเขาไปตามสาย ด้วยความเป็นกุลสตรีที่ถูกอบรมมาเป็นอย่างดีจึงกระดากที่จะพูดและฟังเรื่องแบบนี้

“เดี๋ยวก่อนสิรดาดาว” เขาทอดเสียงให้นุ่มน่าฟังกว่าเดิม

รดาดาวรู้สึกสับสนไปหมด ผู้ชายคนนี้ช่างมากชั้นเชิงเหลือเกิน เมื่อครู่นี้เขากำลังก่อกวนอารมณ์ของเธออยู่แท้ๆ แต่ตอนนี้น้ำเสียงของเขาทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังโดนออดอ้อน

“คุณมีอะไรจะคุยกับนิ่มอีกคะ” เมื่อเขาพูดดีด้วย คนที่ไม่เคยโกรธใครจริงจังก็เลยต้องพูดดีตอบ

“ผมบอกตรงๆ นะ ผมไม่พร้อมจะแต่งงาน แต่ถ้าเรื่องเซ็กส์ผมไม่เกี่ยง”

“นิ่มก็ไม่ได้มาที่อเมริกาเพราะเรื่อง เอ่อ...เรื่องเซ็กส์ค่ะ”

“ดูเหมือนความต้องการของเราจะไม่ตรงกันนะ”

“ถ้าคุณไม่อยากแต่งงานกับนิ่ม นิ่มก็ไม่ว่าอะไรนะคะ นิ่มก็แค่ทำตามที่ผู้ใหญ่เห็นว่าสมควร” รดาดาวยืนยันคำพูดเดิมของตัวเอง ถึงเขาจะทำให้เธอใจเต้นแรงไม่เป็นส่ำตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้สบตากัน และเขาก็มีคุณสมบัติเพียบพร้อมอย่างที่ผู้เป็นอาพร่ำบอก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะดึงดันแต่งงานกับเขาให้ได้

“ก็ดี พูดง่ายดี”

เขาตอบกลับมาห้วนๆ คล้ายไม่พอใจคำพูดของเธอนัก ความจริงเขาน่าจะดีใจไม่ใช่หรือ ทำไมถึงได้ทำเสียงหงุดหงิดแบบนั้น คนอะไรเข้าใจยากจริงๆ

“คุณมีอะไรอีกไหมคะ”

“ไม่”

“ถ้าเช่นนั้นนิ่มขออนุญาตวางสายนะคะ” รดาดาวไม่รอให้เขาอนุญาต   พูดจบเธอก็วางสายทันที

“บ้าชิบ!”

เอเดนสบถด้วยความหงุดหงิด แม่สาวกุลสตรีทำให้ความขัดแย้งในตัวเขารุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม เธอมาที่นี่ตามใบสั่งของมาดามแทลลีย์ และทำท่าว่าจะชื่นชอบรสจุมพิตสวาทของเขา แต่เมื่อเขาบอกว่าไม่อยากแต่งงานด้วย เธอก็รับฟังอย่างสงบ และเหมือนไม่ได้แยแสต่อเสน่ห์ของเขาแต่อย่างใด

รายละเอียด

คำนำนักเขียน

 

สวัสดีค่ะแฟนๆ ที่น่ารักทุกท่าน

            ก่อนจะทำหนังสือเล่มนี้ นานาตัดสินใจอยู่นานมากว่าจะพิมพ์ขายเองดีมั้ย เพราะแอบกังวลว่าจะมีคนสั่งซื้อหนังสือเราหรือเปล่า แอบกลัวว่าจะไม่มีทุนพอที่จะพิมพ์ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจได้ว่าถ้าอยากทำก็ทำไปเถอะ ขนาดน้องๆ นักเขียนที่เพิ่งจะมีผลงานไม่กี่เรื่องเขายังกล้าทำ แล้วเราจะรออะไร

            แต่แล้วความกังวลต่างๆ นานาก็หายไปทันที เมื่อนานาเปิดจองหนังสือเรื่องนี้วันแรกก็มียอดจองและยอดโอนทยอยเข้ามาให้ได้ชื่นใจอย่างไม่ขาดสาย และแม้ในช่วงที่กำลังปั่นต้นฉบับเรื่องนี้จะมีเรื่องยุ่งๆ เข้ามาตลอดทำให้ล่าช้าไปบ้าง แต่นานาก็ตั้งใจทำให้ออกมาดีที่สุดเพื่อตอบแทนความมีน้ำใจของทุกท่าน และตอบสนองความต้องการของตัวเองที่อยากจะเขียน       เลิฟซีนแบบเรี่ยราด และออกนอกกรอบบ้างสักเรื่อง อย่างที่นานาบอกไปก่อนจองนะคะว่านิยายเรื่องนี้สาระไม่ยุ่งมุ่งแต่หื่น ขออภัยหากความหื่นมากไปนิด แต่ก็มาแบบสมเหตุสมผลนะคะ ใครชอบแนวหวานๆ ฟินๆ โรแมนติกเซ็กซี่ น่าจะไม่ผิดหวังค่ะ

            การทำหนังสือเองครั้งทำให้นานาได้รับประสบการณ์และมีเรื่องราวดีๆ เกิดขึ้นมากมายจึงอยากจะขอบคุณทุกท่านมา ณ โอกาสนี้ด้วยนะคะ

            ขอขอบคุณทุกยอดโอนจากร้านหนังสือทุกร้าน แฟนคลับทุกท่านทั้งที่อยู่ในประเทศไทยและต่างประเทศที่ช่วยสนับสนุนการพิมพ์นิยายเรื่องนี้ให้ออกมาเป็นรูปเล่มสวยงามอย่างที่เห็น นานาอยากนำชื่อของทุกท่านมาใส่ไว้ในหน้านี้ ทว่าถูกจำกัดด้วยเนื้อที่ของกระดาษ แต่ถึงกระนั้นทุกท่านก็จะอยู่ในทุกอณูเนื้อของหัวใจนานาเสมอค่ะ

            ขอขอบคุณพี่ใหม่ พี่ตู่ สำหรับคำแนะนำในหลายๆ เรื่องที่มีค่าอย่างมาก สำหรับการพิมพ์นิยายขายเองเรื่องแรกของนานา

            ขอบคุณคุณอัจ และน้องบุ๋ม สำหรับความน่ารักและให้ใจกันเต็มร้อยเสมอมา

            ขอบคุณพี่นิว พี่สาวใจดีที่ให้ความห่วงใยไถ่ถามยอดจองและความคืบหน้าอยู่เสมอ

            ขอบคุณพี่ดาพี่สาวที่อยู่ไกลถึงสวิสเซอร์แลนด์ แต่กำลังใจดีๆ มีมอบให้นานามาตลอด

            ขอบคุณคุณฟ้าดุษฎี ที่ช่วยเป็นบรรณาธิการให้ ขอบคุณยี่ล่วงหน้าที่ช่วยแพ็คหนังสืออันมโหฬาร (หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น 555)

            ขอบคุณครอบครัวของนานาทุกคนทั้งพ่อ แม่ ลุง ป้า อา พี่สาว น้องสาว น้องเขย หลานๆ ทุกคนที่เป็นกำลังใจให้นานาเสมอมา

            ขอบคุณครูบาอาจารย์ หนังสือทุกเล่ม แหล่งข้อมูลทุกแหล่งที่ทำให้หนังสือเล่มนี้มีความบริบูรณ์

            หลายๆ ท่านไถ่ถามเข้ามาว่าจะมีเป็นรูปแบบอีบุ๊คส์หรือไม่ นานาขอตอบตรงนี้เลยนะคะว่ามี แต่อาจจะช้าว่าในรูปเล่มอยู่บ้าง ขออนุญาตให้คนที่จับจองเป็นรูปเล่มมีโอกาสได้เปิดอ่านก่อนสักเล็กน้อยนะคะ

            จบจากเรื่องนี้ อาจจะเขียนนิยายส่งสำนักพิมพ์สักเรื่องก่อน แล้วหลังจากนั้นจะมีต่อเรื่องเจ้าสาวพร่างฝน และสามีร้อนเสน่หา ซึ่งอยู่ในซีรีส์วิวาห์รัญจวนให้ได้ฟินกันต่อนะคะ

รักค่ะ

เทียนธีรา


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (91 รายการ)

www.batorastore.com © 2024