พายุริษยา (เทพิตา)
ประหยัด: 150.00 บาท ( 75.00% )
เนื้อหาบางส่วน
ตอนที่ 1
บรรดาคู่รักหนุ่มสาวที่ตัดสินใจจะลงหลักปักฐานใช้ชีวิตคู่ร่วมกันเดินเข้า เลิฟ เว็ดดิ้ง สตูดิโอแต่งงานอันดับ 1 ของประเทศไทยกันให้ควั่ก
รวมถึงหนึ่งในคู่รักหนุ่มหล่อ สาวสวย ช่างเหมาะสมราวกับกิ่งทองใบหยก
หนุ่มหุ่นชะลูด ผิวพรรณดี บอกว่าเป็นลูกผู้รากมากดี ชื่อเสียงเรียงนาม...ไวทิน
นิรชา...เป็นชื่อหญิงสาวที่เดินเคียงคู่กับเขาเข้ามาในร้าน
ผมยาวสลวยเกือบถึงกลางหลังช่วยเพิ่มความหวานให้ใบหน้าของเธอ
บุคลิกนุ่มนวล อ่อนหวานของนิรชา ที่ไม่ใช่สาวเปรี้ยวปรู๊ดปร๊าดแบบสาวยุคใหม่ ทำให้ไวทิน ถูกใจ และตีตราจอง เลือกแล้วจะใช้ชีวิตคู่ด้วย
“ผมมาลองชุดแต่งงานครับ” ชายหนุ่มบอกกับพนักงานของร้าน
“เชิญด้านนี้เลยค่ะคุณไวทิน คุณนิรชา”
พนักงานสาวจำทั้งคู่ได้แม่น เคยมาลองชุดครั้งหนึ่งแล้ว ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะถึงวันงาน...ที่สำคัญทั้งคู่เป็นแขกสำคัญที่เจ้าของร้านกำชับต้องดูแลเป็นอย่างดี
เธอเดินนำทั้งสองไปที่ห้องลอง พร้อมชุดที่ตัดและแก้ไขอย่างสมบูรณ์แล้ว...
ครั้งแรกที่ไวทินเจอนิรชา ตอนเดินชนเธอที่มหาวิทยาลัย เขาตกหลุมรักทันที
รู้สึกได้เลยว่า ‘รักแรกพบ’ เป็นเช่นไร
เพียรจีบอยู่นานกว่าเธอจะตกลงเป็นแฟนด้วย
มั่นใจว่าเธอใช่ เขาพาเธอไปแนะนำให้พ่อ แม่ และน้องชายรู้จัก
ดีใจที่ทุกคนในครอบครัวต้อนรับเธอ เข้ากับพ่อแม่ได้ แถมยังสนิทสนมกับน้องชายเขาเป็นอย่างดี
จากวันนั้นเธอก็เหมือนคนในครอบครัว...ไปมาหาสู่ที่บ้านเขาโดยตลอด
ตอนเรียนจบมหาวิทยาลัย และต้องไปเรียนต่อเมืองนอกตามที่พ่อแม่ต้องการเพื่อนำวิชาความรู้มาบริหารธุรกิจส่งออก ไวทินไม่อยากไปเลย ไม่อยากต้องอยู่ห่างคนรัก
แต่ก็จำเป็นต้องไป ไม่อาจขัดพ่อกับแม่ได้
นิรชาสนับสนุนให้เขาไปเพื่ออนาคต
ไวทินขอคำสัญญาให้เธอรอเขา และต้องคิดถึงเขาทุกวัน...เธอสัญญาจะทำเช่นนั้น เขาถึงมีเป้าหมายในการไป
ตอนเรียนอยู่อังกฤษ ไวทินบ้าเรียน ไม่ได้สนใจเที่ยว หรือสนใจผู้หญิงที่เหล่ความหล่อเหลาของเขาเลย
ใช้เวลาเรียนแค่ 2 ปี ทั้งๆ ที่คนอื่นๆ ใช้เวลามากกว่านั้นก็เรียนจบ
เรียนจบปุ๊บก็บินกลับเมืองไทยทันทีเมื่อทนคิดถึงหญิงคนรักไม่ไหว
กลับมาก็ให้พ่อแม่จัดการเรื่องสู่ขอนิรชาทันที
หนึ่งเดือนจากวันที่กลับถึงบ้านเกิด อาทิตย์หน้าแล้วที่การแต่งงานจะเกิดขึ้น...
หลังหายเข้าไปในห้องลองชุด 20 นาทีกว่าๆ นิรชาออกมาจากห้องก่อนไวทิน
เธอดูสวยหวานในชุดราตรีขาวยาวลากพื้น ประดับลูกไม้ตามสมควรให้ดูเก๋ไก๋
สวย ดูดี ขนาดทำให้...กนกวรรณ...พนักงานสาวคนใหม่ของร้านที่กำลังถือกาแฟมาให้ไวทินและนิรชาตามคำสั่งผู้จัดการร้านตะลึงในความสวยของเธอ
ยังเดินตรงไป แต่ในสมองมีแต่ห้วงแห่งความฝัน...ฝันอยากใส่ชุดราตรีนั้นบ้าง
ผู้หญิงทุกคนอยากใส่ชุดสวยๆ แบบนี้ในงานแต่งงาน
วันสำคัญที่สุดในชีวิตลูกผู้หญิงก็ขอให้ได้สวยหยาดฟ้ามาดินเช่นนี้
แต่แล้วฝันกลางวันของกนกวรรณก็เป็นเรื่องขึ้นจนได้
เท้าดันไปเหยียบกระดาษที่หล่นตรงพื้น ลื่นไถลไปข้างหน้าแล้วกาแฟในถ้วยก็หกราดชุดราตรีสีขาวให้เปื้อน
“ว้าย!” นิรชาตกใจเลยร้องเสียงลั่น
ไวทินได้ยินเสียงนั้นก็ออกจากห้องลองเสื้อผ้า และเห็นว่าอะไรเป็นอะไร
“ขอโทษค่ะ ขอโทษจริงๆ ดิฉันไม่ได้ตั้งใจ”
สาวน้อยช่างฝันขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่...น้ำเสียงเธอสั่นด้วยความกลัว
“ขอโทษแล้วจะมีอะไรดีขึ้น ทำไมถึงได้เดินซุ่มซ่ามอย่างนี้...รู้หรือเปล่าว่าชุดนี้มันต้องใช้อาทิตย์หน้าแล้ว...ฉันยอมไม่ได้ เจ้าของร้านอยู่ไหน ฉันต้องการพบตัวด่วน”
ไวทินโวยวายด้วยความโกรธเสียงดังลั่นร้าน
ปกตินิสัยไวทินไม่ใช่คนโมโหร้าย แต่เรื่องแต่งงานสำคัญที่สุดในชีวิตเขา
“ฉันขอโทษจริงๆ ค่ะ”
“เธอต้องรับผิดชอบเรื่องนี้”
“ใจเย็นๆ สิคะทิน...เด็กกลัวจนตัวสั่นหมดแล้ว” นิรชาต้องปรามเขา
เสียงโวยวายของไวทินทำให้ทั้งเจ้าของร้าน ผู้จัดการร้านวิ่งกรูกันเข้ามาหา
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?”
“ผมต้องการพบเจ้าของร้าน”
“ดิฉันเองค่ะเจ้าของร้าน...มีอะไรเหรอคะคุณไวทิน?”
“ก็ลูกน้องคุณสิเดินไม่ดูตาม้าตาเรือ ทำกาแฟหกรดชุดแต่งงานว่าที่เจ้าสาวผม”
“เกิดอะไรขึ้นยัยนก?” เจ้านายไล่เบี้ยกับลูกน้องที่เพิ่งรับมาทำงานไม่ถึงอาทิตย์
“เอ่อ...คือนกเหยียบกระดาษแล้วลื่น กาแฟเลยหกรดชุดของคุณผู้หญิง”
“ไม่ได้เรื่องจริงๆ” ตำหนิลูกน้องแล้ว เจ้าของร้านหันไปทางไวทินด้วยท่าทางอ่อนน้อม “ขอโทษจริงๆ ค่ะที่ลูกน้องดิฉันของฉันทำผิดพลาด”
“แค่ขอโทษเหรอครับ?”
“ใจเย็นๆ สิทิน” นิรชาพยายามดับอารมณ์ฉุนเฉียวของเขา
“ฉันจะรับผิดชอบเองค่ะ”
“รับผิดชอบยังไง?...งานแต่งผมก็อาทิตย์หน้าแล้ว ชุดนี่จะยังไง”
“ไม่ต้องห่วงค่ะฉันจะตัดชุดให้ใหม่ แบบจะเหมือนเดิมทุกอย่าง รับรองเสร็จทันแน่นอนค่ะ”
“แล้วลูกน้องคุณ?” ไวทินถามแล้วปรายตามองกนกวรรณ
“ฉันจะจัดการเองค่ะ”
“ผมว่าคุณควรอบรมพนักงานให้ดีกว่านี้นะครับ ไม่ใช่คว้าใครก็ได้มาทำ...ธุรกิจที่คุณทำเป็นการขายบริการ ถ้าคุณสร้างความประทับให้ลูกค้าไม่ได้ผมว่าอย่าทำดีกว่า”
กนกวรรณเงียบมานาน...เธอสำนึกผิดทุกอย่าง แต่เจอเขาเล่นงานแบบนี้ เธอไม่ยอมเหมือนกัน
“นี่คุณพูดให้มันดีนะ”
“หรือไม่จริง...ฉันว่าเธอไม่เหมาะกับงานนี้หรอก”
“ฉันผิด ฉันก็ขอโทษไปแล้ว...คุณรวยก็จริงแต่ไม่มีสิทธิ์จะด่าว่าคนอื่นอย่างนี้...อย่างน้อยค่าความเป็นคนของฉันกับคุณก็เท่ากัน”
กนกวรรณโต้กลับจนหน้าเขาชา และเถียงไม่ออก
“ยังจะไปเถียงคุณไวทินอีก” เจ้าของร้านปรามก่อนทุกอย่างจะยิ่งแย่
“ไม่เอาค่ะทิน อย่าอารมณ์เสียเลย เห็นกับนิเถอะ”
“ก็ได้...ผมเห็นแก่นิหรอกนะ”
“ถ้าอย่างนั้นเธอพาช่วยคุณนิรชากับคุณไวทินไปเปลี่ยนชุดให้เรียบร้อย” เจ้าของร้านสั่งผู้จัดร้าน ก่อนเธอคนนั้นจะพาทั้งสองไปเปลี่ยนชุด
แต่ก่อนไป ไวทินจ้องกนกวรรณที่กล้าด่าเขา เธอไม่กลัว จ้องเขากลับอย่างไม่ยอมเหมือนกัน
“ไม่ต้องไปมองคุณไวทินเขาอย่างนั้น เขาเป็นลูกค้าคนสำคัญของร้านเรา”
“แต่...”
“ไม่ต้องพูดเลย ตามฉันเข้าไปในห้องทำงานเดี๋ยวนี้”
กนกวรรณจำต้องเดินตามนายจ้างที่จ่ายเงินให้ไปยังห้องทำงาน
------------------------------------
“เธอทำให้ฉันเกือบเสียลูกค้ารายสำคัญ”
เจ้าของร้านตำหนิทันทีเมื่อกนกวรรณตามเข้ามาในห้องทำงาน และยืนหน้าเจี๋ยมเจี้ยมอยู่หน้าโต๊ะทำงาน
“แต่ดิฉันก็ขอโทษเขาไปแล้ว...อีกอย่างมันก็เป็นอุบัติเหตุ” เธอพยายามอธิบาย
“เรื่องนั้นฉันพอรับได้ แต่เธอก็ไม่ควรไปเถียงและต่อว่าคุณไวทินเขาอย่างนั้น...ดูท่าเขาจะโกรธเอามากๆ”
“แต่เขาดิฉันก่อน...ไม่เห็นสายตาที่เขามองดิฉันเหรอคะ ดูถูกยังกับอะไรดี”
“จำไว้สิว่าลูกค้าคือพระเจ้า”
“แต่ลูกค้าที่เป็นเหมือนพระเจ้าก็ไม่ควรดูถูกคนอื่นที่ต่ำต้อยกว่า”
“ฉันคงต้องจัดการกับเธอ”
“หักเงินเดือนดิฉันก็ได้”
“เธอทำงานกับฉันมาเท่าไหร่แล้ว?”
“อาทิตย์หนึ่งค่ะ”
หลังเรียนจบมหาวิทยาลัย กนกวรรณก็ตระเวนหางาน แต่เมื่อยังไม่มีใครตอบรับมา เธอเลยมาทำงานพิเศษที่ร้านนี้ในช่วงรองาน
“เอาเป็นว่าฉันจะจ่ายให้เธอเดือนนึงเลยก็แล้วกัน”
“แปลว่า...”
“ใช่! ฉันไล่เธอออก”
“ไล่ออก!”
“ใช่...เธอไม่เหมาะจะทำงานแบบนี้จริงๆ”
“ถ้าคุณเห็นว่าการปกป้องศักดิ์ศรีของตัวดิฉันเป็นสิ่งผิด และฉันสมควรจะถูกไล่ออก ดิฉันก็ยอมรับ”
“เธอนี่จองหองอย่างที่คุณไวทินว่าจริงๆ”
“แล้วเงินเดือนที่คุณจะให้ฉันไม่ต้องหรอกค่ะ แล้วที่ฉันทำมาอาทิตย์นึงฉันก็ไม่ขอรับ ถือว่าเป็นการชดใช้ความเสียหายที่ดิฉันเป็นคนทำ...ลาก่อนนะคะ”
เธอเดินออกจากห้องไปอย่างองอาจ และไม่คิดหันหลังกลับมา
ถึงต้องตกงาน ทั้งๆ ที่ต้องการเงิน แต่กนกวรรณก็มีศักดิ์ศรีในตัวเอง
ศักดิ์ศรีที่ใครก็ย่ำยีไม่ได้
ถึงจะต้องลำบาก แต่แลกมาด้วยศักดิ์ศรี เธอก็ยอม
“ไม่เอาก็ตามใจ...อย่าหาว่าฉันโกงไม่ได้นะ”
เจ้าของร้านที่เห็นแก่เงินได้แต่หัวเราะชอบใจ
------------------------------------
“ที่ร้านนั่นทินไม่น่าหัวเสียขนาดนั้นเลยนะคะ”
นิรชาพูดกับไวทินขณะเขาขับรถพาเธอออกจากเว็ดดิ้ง สตูดิโอ เพื่อมุ่งหน้าไปเลือกของชำร่วย
“ก็เด็กนั่นทำผิด”
“ความจริงทินไม่ใช่คนอารมณ์ร้ายอย่างที่นิเห็นเมื่อตะกี้นี้เลย”
“ก็จริง...อาจเพราะผมโกรธจัดก็ได้ ก็เด็กนั่นมาทำเสียเรื่อง...สำหรับผมงานแต่งงานกับนิเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญที่สุด”
“หรือว่าจะเป็นลางไม่ดีสำหรับงานแต่งงานของเราคะ” นิรชาหลุดปากให้ไวทินต้องคิ้วขมวดขึ้นมา
“ทำไมนิพูดอย่างนั้น...ห้ามพูดแบบนี้เด็ดขาด”
“นิแค่พูดเล่น...ทำไมทินต้องตกใจขนาดนั้นด้วย”
“พูดเล่นก็ไม่ได้ โบราณเขาถือ”
“นักเรียนนอกอย่างทินเชื่อเรื่องโบร่ำโบราณด้วยเหรอ”
“เชื่อบ้างก็ดี...อย่างน้อยก็เพื่อความสบายใจ”
“ค่ะ...ว่าแต่ป่านนี้เด็กนั่นจะเจออะไรบ้างก็ไม่รู้”
“ก็ต้องโดนอบรมบ้างล่ะน่ะ...นิก็เห็นว่าเด็กนั่นท่าจะเอาเรื่องทีเดียว ดูเถียงทินไหนจะมองทินด้วยสายตาไม่ยอมคนอีกด้วย”
“ก็ทินเล่นงานแกแรงขนาดนั้น”
“นี่นิเข้าข้างใครกันแน่”
“เข้าข้างทินสิคะ...ยังไม่หัวล้านสักหน่อย ขี้น้อยใจไปได้”
“สำหรับทิน นิคือคนที่ทินแคร์ที่สุด”
“แล้วถ้าเด็กนั่นโดนไล่ออกล่ะคะมันจะไม่เป็นบาปเหรอ?”
“อย่าคิดมากให้ปวดสมองเลย...ทินว่าเรื่องแค่นั้นคงไม่ถึงต้องไล่ออก อย่างดีก็โดนตัดเงินเดือน...คิดเรื่องจะไปดูของชำร่วยของเราจะดีกว่า”
“ค่ะ” นิรชาเชื่อเขาทุกๆ อย่าง
ทั้งคู่คุยกันเพลินจนไม่ทันสังเกตว่ามีรถคันหนึ่งขับสะกดรอยตามตั้งแต่ออกจากร้านลองชุดแต่งงานนั่นแล้ว
ดูท่าทางลึกลับของบุคคลปริศนาบนรถนั้นแล้วต้องไม่ใช่คนที่หวังดีเป็นแน่!
---------------------------------
มาถึงร้านของชำร่วย
ไวทินและนิรชามีความสุขกับการเลือกของขวัญเล็กๆ น้อยๆ สำหรับแขกที่จะมาร่วมเป็นเกียรติในวันสำคัญของเขาและเธอ
เลือกดูหลายอย่าง ให้ได้อย่างที่ชอบจริงๆ
แล้วคนที่ขับรถสะกดรอยตามมาก็ยังไม่ไปไหน ซุ่มอยู่หน้าร้าน แอบมองดูทั้งคู่ผ่านกระจกของร้านด้วยความอิจฉาริษยา!
สายตาที่มองเต็มไปด้วยความเคียดแค้น ชิงชัง
หลังใช้เวลาเลือกอยู่นาน สุดท้ายทั้งสองก็ได้ของชำร่วย...เป็นเข็มกลัดรูปหัวใจสองดวงที่คล้องกันไว้ แทนความหมายหัวใจสองดวงของทั้งคู่จะผูกติดกันตลอดไป
นิรชาเป็นผู้เลือก โดยที่ไวทินตามใจทุกอย่าง
“แน่ใจนะคะว่าทินก็ชอบแบบนี้...ทินจะเลือกแบบอื่นๆ ก็ได้นะคะ” ฝ่ายหญิงถามความเห็นเขา
“นิชอบ ทินก็ชอบเหมือนกัน”
“ไม่เห็นจะต้องตามใจนิทุกเรื่องก็ได้”
“ไม่ตามใจคนที่รัก จะให้ตามใจใครล่ะครับ”
ไวทินพร่ำคำหวาน แล้วทำท่าจะโน้มไปหอมที่แก้ม เธอต้องถอยหนี
“ไม่เอาค่ะ...อายเขา”
“ขัดใจทินอย่างนี้ เดี๋ยวทินก็อกแตกตายกันพอดี”
“อีกแค่อาทิตย์เดี๋ยวเองอดใจรอไม่ได้เหรอคะ?”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” ไวทินตามใจเธออีกเช่นเคย
“ถ้าอย่างนั้นนิว่าเรากลับกันดีกว่าค่ะ”
“ก็ดีเหมือนกัน...ทินว่าเราเอาตัวอย่างของชำร่วยไปอวดคุณพ่อ คุณแม่ แล้วก็เจ้า
กูรดีกว่า”
“ตามใจทินก็แล้วกันค่ะ”
ทั้งสองคนเดินออกจากร้านไป ทำให้บุคคลปริศนาที่ลอบมองเขาอยู่ตั้งแต่แรกต้องรีบหลบก่อนจะมีพิรุธใดๆ
และเพราะความรีบร้อนที่อยากเอาของชำร่วยไปอวดคนในครอบครัว ไวทินขับรถเร็วจี๋ และเกือบเฉี่ยวใครบางคนที่เดินเหม่ออยู่ริมถนน
ใครคนนั้นไม่ใช่อื่นไกล...เป็นกนกวรรณที่เขาเพิ่งทำให้เธอตกงาน
เธอกำลังจะเดินกลับห้องพักหลังโดนไล่ออกจากงาน เลยเดินใจลอยไปนิด
แต่โชคยังดีที่หลบทัน และทันเห็นนักซิ่งตีนผีที่เกือบเฉี่ยวชนเธอ
นายคนที่ทำให้เธอโดนไล่ออกจากงานนี่นา...ใช่เขาจริงๆ เธอไม่ได้ตาฝาด
“นายนั่นนี่! กลับมาพูดกันให้รู้เรื่องนะ ขับรถไม่เป็นหรือยังไง...นึกว่ารวย ขับรถคันละเป็นล้านๆ แล้วจะชนใครก็ได้งั้นเหรอ”
เธอตะโกนด่าเป็นไฟ แต่ไวทินไม่ได้ยิน และไม่ได้หยุดรถอย่างที่เธอต้องการ
“โธ่เว้ย! ทำไมวันนี้ถึงซวยอย่างนี้ เจอนายนั่นทีไรเป็นเรื่องทุกที...อย่าให้ได้เจอได้เจอกันอีกเลย”
หยุดหงุดหงิดเรื่องผู้ชายเต๊ะจุ้ยคนนั้นแล้วกนกวรรณกลับมาเครียดกับชีวิตต่อไป
ตกงานแล้ว เธอจะเอาอย่างไรต่อไปกับชีวิตในวันพรุ่งนี้
--------------------------------------
กลับถึงบ้าน ไวทินและนิรชาเดินเข้าบ้านมาพร้อมของชำร่วยในมือ
เข้ามาถึงในห้องรับแขกก็พบทุกคนที่อยากเจอ
ไวภพ...ผู้เป็นพ่อ ผกามาศ...ผู้เป็นแม่ และ ไวกูร...ผู้เป็นน้องชาย
ส่วนที่ยืนอยู่ห่างๆ เป็น...นภา...แม่บ้านใหญ่ของบ้านหลังนี้
“สวัสดีค่ะคุณพ่อ คุณแม่” นิรชายกมือไหว้ผู้หลักผู้ใหญ่ที่นับถือ ก่อนหันไปทักน้องชายของคนรัก “หวัดดีกูร”
“หวัดดีครับ” เขาตอบกลับ
“เป็นยังไงบ้างเรื่องลองชุด?” ไวภพถามขึ้นมา
“ก็เกือบจะเรียบร้อยดีค่ะ”
“เกือบ...มีอะไรหรือเปล่า?” ผกามาศคิ้วขมวดในคำตอบที่ดูเหมือนจะมีอะไร
ไวทินชิงตอบขึ้น “ก็เด็กที่ร้านนะสิครับทำกาแฟหกรดชุดของนิ”
“ตายแล้ว! อย่างนี้จะทำยังไง”
“เจ้าของร้านรับปากจะเร่งตัดชุดใหม่แบบที่เหมือนเดิมทุกอย่างให้เสร็จทันงาน”
“อย่างนี้ค่อยโล่งใจหน่อย”
“อยู่พร้อมหน้ากันก็ดีเลยครับ ผมมีของมาอวด” ไม่อยากหงุดหงิดด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง ไวทินเลยเปลี่ยนเรื่อง
“อะไรเหรอลูก?”
“ของชำร่วยครับ”
เฉลยแล้วไวทินยกพวงกุญแจที่เลือกแล้วว่าจะเป็นของขวัญในวันแต่งขึ้นมาต่อหน้าทุกคน
“สวยจังเลย” ผกามาศขยับเข้าไปดูใกล้ๆ
“นิเขาเป็นคนเลือกเองน่ะครับ”
“ว่าแต่มีความหมายอะไรซ่อนอยู่หรือเปล่า?”
“เอ่อ...ความหมายก็คือว่าหัวใจสองดวงของหนูกับเอ่อ...ทินจะคล้องไว้ด้วยกันตลอดไปค่ะ”
“ทำไมต้องตอบคุณแม่แบบไม่กล้าด้วยล่ะ”
“ก็นิอายนี่คะ”
“ไม่เห็นต้องอายเลย”
“หนูนินี่ตาแหลมจริงๆ สวยแล้วยังมีความหมายดี”
จังหวะนั้นไวกูรที่หยิบไปดู แต่ไม่ทันระวังก็ทำพวงกุญแจหล่นตกพื้น
ความแรงทำให้ตัวอย่างของชำร่วยแตกเป็นสองเสี่ยง
“ตายแล้ว! ตากูรทำไมถึงถือไม่ระวังอย่างนั้น…โบราณเขายิ่งถือเรื่องแบบนี้อยู่ด้วย” ผู้เป็นแม่ดุลูกชายคนเล็ก
“ผมขอโทษครับ” น้องชายขอโทษด้วยความรู้สึกสำนึกผิด
“อย่าดุน้องเลยครับ น้องไม่ได้ตั้งใจ” ไวทินปกป้องเขา
“ไม่โกรธผมนะครับพี่ทิน”
“จะโกรธทำไม เล็กน้อยจะตาย อีกอย่างพี่ก็ไม่ได้ถืออะไรอย่างที่คุณแม่ว่าด้วย...สำหรับพี่ความรัก ความเข้าใจต่างหากที่จะทำให้พี่ครองรักกับพี่นิตลอดชั่วนิรันดร”
“แล้วพี่นิล่ะครับ?”
“พี่ก็ไม่โกรธ”
“ขอบคุณที่พี่ทั้งสองเข้าใจผม”
ไวกูรเป็นหนุ่มสุภาพ นุ่มนวลอย่างนี้เสมอ ไม่แปลกที่จะเป็นที่รักของคนในบ้าน
“เอาเป็นว่ามื้อเย็นหนูนิอยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนนะ” ผกามาศเอ่ยชวน
“ค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นนภาก็จัดการให้เด็กเตรียมตั้งโต๊ะเลยแล้วกัน...พร้อมแล้วจะได้ทานเลย”
“ค่ะคุณผู้หญิง”
นภาที่กำลังฟังเพลินๆ รับคำแล้วเดินจากตรงนั้นเพื่อสั่งเด็กๆ ให้ตั้งโต๊ะอาหาร
--------------------------------------
คิดอะไรไม่ออก หรือมีปัญหาไม่สบายใจ กนกวรรณนึกถึงผู้เป็นแม่เสมอ
ดังนั้นเมื่อนอนไม่หลับในค่ำคืนหลังโดนไล่ออกจากงาน เธอหยิบมือถือขึ้นมาโทร.หาแม่
ขณะนั้นพิกุลกำลังจะเข้านอนหลังห่อขนมใส่ไส้สำหรับใช้นึ่งตอนเช้ามืดเพื่อขายหน้าบ้านเรียบร้อยแล้ว
สงสัยใครโทร.มามืดค่ำแบบนี้ จึงก้าวไปยกหูรับ “ฮัลโหล”
“แม่คะ”
“ยัยนก!”
“ทำไมแม่ต้องตกใจขนาดนั้นด้วย?”
“ก็แม่คิดถึงลูกนะสิ...ไม่เห็นโทร.หาแม่หลายอาทิตย์แล้ว”
“พอดีทำงานยุ่งอยู่น่ะค่ะ…ทำมาอาทิตย์กว่าๆ แล้ว”
“งานคงยุ่งมาก”
“แต่ตอนนี้มันไม่ยุ่งอีกต่อไปแล้ว” น้ำเสียงเธอที่บอกแม่เศร้า
“ทำไมล่ะลูก?”
“หนูโดนไล่ออกแล้วค่ะ”
“อะไรนะลูก...มันเกิดอะไรขึ้น?”
“หนูพลาดทำกาแฟหกรดชุดแต่งงานของลูกค้าในร้าน”
“ถึงขั้นต้องไล่ออกกันเลยเหรอลูก?”
“พอดีเขาเป็นลูกค้าคนสำคัญของร้านที่กระเป๋าหนักน่ะค่ะ แถมหนูยังไปเถียงเขาอีกด้วย...หนูพยายามอดทนอย่างที่แม่สอนแล้วนะคะ แต่นายนั่นดูถูกคนจนอย่างเรา สายตาที่เขามองหนูเหมือนหนูเป็นไส้เดือนกิ้งกือ...หนูไม่ยอมให้เขามาดูถูกค่าความเป็นคนของหนูหรอกค่ะ”
“ลูกทำถูกแล้ว”
“แม่เข้าข้างหนู”
“ไม่เข้าข้างลูกแล้วจะเข้าข้างใคร...อีกอย่างที่ลูกทำไปมันก็ถูก ถึงเราจะจนเงินแต่ก็ไม่เคยจนใจ...อย่าให้ใครมาย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นคนของเรา”
“ค่ะ...หนูจำคำสอนนี้ของแม่ได้เสมอ”
“เครียดล่ะสิถึงโทร.หาแม่”
“ก่อนโทร.เครียดค่ะ แต่ได้ยินเสียงแม่แล้วหายเครียดเป็นปลิดทิ้งเลย” น้ำเสียงกนกวรรณบอกว่าไม่เครียดแล้วจริงๆ
“แล้วแค่โทร.มาเพื่อฟังเสียงแม่แค่นั่นเองเหรอ?”
“หนูจะโทร.มาบอกด้วยว่าพรุ่งนี้หนูจะกลับบ้านไปหาแม่”
“จริงนะลูก?”
“จริงสิคะ…หรือว่าแม่ไม่ดีใจ”
“พูดอะไรอย่างนั้น...ทำไมแม่จะไม่ดีใจ ดีใจที่สุดเลยต่างหาก”
“หนูรู้ค่ะ”
“ดีเหมือนกัน แม่ไม่ได้กอดลูกตั้งนานแล้ว...หนีความวุ่นวายจากคนเมืองกรุงมาหาความจริงใจของคนต่างจังหวัดอย่างบ้านเราดีกว่า”
“ค่ะ...แม่รอกอดหนูให้หายคิดถึงได้เลยค่ะ”
“จ้ะแม่ลูกสาวขี้อ้อน”
ครอบครัวเหลือเพียงแม่ลูกก็จริง หลังเสาหลักครอบครัวเสียชีวิตจากอาชีพออกเรือหาปลาจากพายุเกย์ ที่สร้างความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน แต่พิกุลก็ทำหน้าที่แม่ผู้เข้มแข็งของกนกวรรณได้อย่างดี
เลี้ยงลูกให้เป็นคนดี มีคุณธรรม
อาชีพขายขนมใส่ไส้ที่ไม่ได้มีเกียรติมากมายนักสามารถส่งลูกสาวเรียนจนจบมหาวิทยาลัยได้
เป็นความภูมิใจของคนเป็นแม่อย่างเธอ
สำหรับกนกวรรณ แม่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต
รัก เทิดทูน และต้องตอบแทนบุญคุณ
เรียนจบเธอถึงพยายามหางานเพื่อไม่ให้แม่ต้องเหนื่อยเพื่อเธออีกต่อไป
----------------------------------------------
“ยังไม่นอนอีกเหรอคะคุณหนู?”
นภาเอ่ยถามไวกูรที่มานั่งอยู่คนเดียวอยู่ในสวนของบ้าน
“ป้าก็เห็นอยู่แล้ว”
“คิดอะไรอยู่หรือเปล่าคะ?”
“ผมคงไม่จำเป็นต้องบอกป้า”
“ป้าขอโทษ”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ไม่ต้องขอโทษก็ได้”
“รับกาแฟมั้ยคะ?”
“ไม่”
“ชาล่ะคะ?”
“ไม่”
“ป้ารู้แล้วว่าคุณกูรมานั่งคิดอะไรเพลินๆ อยู่ตรงนี้เพราะคิดเรื่องคุณทินจะแต่งงานใช่มั้ยคะ...คุณกูรกลัวเหงาหลังจากคุณทินแต่งงานไปแล้วแน่ๆ ก็คุณสองคนเป็นพี่น้องที่รักกันมาก...ตอนเด็กๆ คุณหนูติดคุณทินมาก พี่เล่นอะไร น้องก็จะเล่นตาม พี่จะไปไหน น้องก็ร้องขออยากไปด้วย ป้าจำได้แม่นเลยค่ะ”
ไวกูรไม่โต้ตอบ ได้แต่เหลือบมองนภาที่เล่าอดีตด้วยแววตาเป็นประกาย
“เอ่อ...” แต่เห็นสายเขาที่มอง เธอพูดอะไรต่อไม่ได้แล้ว
“ผมต้องการอยู่คนเดียวครับ...”
“ค่ะ...ป้าขอโทษ แต่ถ้าคุณหนูอยากได้อะไรเรียกป้าได้เลยนะคะ”
“ครับ”
นภาเดินกลับเข้าบ้านไป เป็นโอกาสให้ไวกูรได้คิดเรื่องไม่สบายใจต่อ
แม่บ้านใหญ่พูดถูก เขารักและผูกพันกับพี่ชาย
ตอนเด็กเขาติดพี่ชายเป็นตังเม กลัวเหงา เลยไม่อยากให้พี่ชายต้องแต่งงาน
-----------------------------------------------