พายุริษยา (เทพิตา)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9789740435754
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 200.00 บาท 50.00 บาท
ประหยัด: 150.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

ตอนที่ 1

บรรดาคู่รักหนุ่มสาวที่ตัดสินใจจะลงหลักปักฐานใช้ชีวิตคู่ร่วมกันเดินเข้า เลิฟ เว็ดดิ้ง สตูดิโอแต่งงานอันดับ 1 ของประเทศไทยกันให้ควั่ก

รวมถึงหนึ่งในคู่รักหนุ่มหล่อ สาวสวย ช่างเหมาะสมราวกับกิ่งทองใบหยก

หนุ่มหุ่นชะลูด ผิวพรรณดี บอกว่าเป็นลูกผู้รากมากดี ชื่อเสียงเรียงนาม...ไวทิน

นิรชา...เป็นชื่อหญิงสาวที่เดินเคียงคู่กับเขาเข้ามาในร้าน

ผมยาวสลวยเกือบถึงกลางหลังช่วยเพิ่มความหวานให้ใบหน้าของเธอ

บุคลิกนุ่มนวล อ่อนหวานของนิรชา ที่ไม่ใช่สาวเปรี้ยวปรู๊ดปร๊าดแบบสาวยุคใหม่ ทำให้ไวทิน ถูกใจ และตีตราจอง เลือกแล้วจะใช้ชีวิตคู่ด้วย

“ผมมาลองชุดแต่งงานครับ” ชายหนุ่มบอกกับพนักงานของร้าน

“เชิญด้านนี้เลยค่ะคุณไวทิน คุณนิรชา”

พนักงานสาวจำทั้งคู่ได้แม่น เคยมาลองชุดครั้งหนึ่งแล้ว ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะถึงวันงาน...ที่สำคัญทั้งคู่เป็นแขกสำคัญที่เจ้าของร้านกำชับต้องดูแลเป็นอย่างดี

เธอเดินนำทั้งสองไปที่ห้องลอง พร้อมชุดที่ตัดและแก้ไขอย่างสมบูรณ์แล้ว...

ครั้งแรกที่ไวทินเจอนิรชา ตอนเดินชนเธอที่มหาวิทยาลัย เขาตกหลุมรักทันที

รู้สึกได้เลยว่า ‘รักแรกพบ’ เป็นเช่นไร

เพียรจีบอยู่นานกว่าเธอจะตกลงเป็นแฟนด้วย

มั่นใจว่าเธอใช่ เขาพาเธอไปแนะนำให้พ่อ แม่ และน้องชายรู้จัก

ดีใจที่ทุกคนในครอบครัวต้อนรับเธอ เข้ากับพ่อแม่ได้ แถมยังสนิทสนมกับน้องชายเขาเป็นอย่างดี

จากวันนั้นเธอก็เหมือนคนในครอบครัว...ไปมาหาสู่ที่บ้านเขาโดยตลอด

ตอนเรียนจบมหาวิทยาลัย และต้องไปเรียนต่อเมืองนอกตามที่พ่อแม่ต้องการเพื่อนำวิชาความรู้มาบริหารธุรกิจส่งออก ไวทินไม่อยากไปเลย ไม่อยากต้องอยู่ห่างคนรัก

แต่ก็จำเป็นต้องไป ไม่อาจขัดพ่อกับแม่ได้

นิรชาสนับสนุนให้เขาไปเพื่ออนาคต

ไวทินขอคำสัญญาให้เธอรอเขา และต้องคิดถึงเขาทุกวัน...เธอสัญญาจะทำเช่นนั้น เขาถึงมีเป้าหมายในการไป

ตอนเรียนอยู่อังกฤษ ไวทินบ้าเรียน ไม่ได้สนใจเที่ยว หรือสนใจผู้หญิงที่เหล่ความหล่อเหลาของเขาเลย

ใช้เวลาเรียนแค่ 2 ปี ทั้งๆ ที่คนอื่นๆ ใช้เวลามากกว่านั้นก็เรียนจบ

เรียนจบปุ๊บก็บินกลับเมืองไทยทันทีเมื่อทนคิดถึงหญิงคนรักไม่ไหว

กลับมาก็ให้พ่อแม่จัดการเรื่องสู่ขอนิรชาทันที

หนึ่งเดือนจากวันที่กลับถึงบ้านเกิด อาทิตย์หน้าแล้วที่การแต่งงานจะเกิดขึ้น...

หลังหายเข้าไปในห้องลองชุด 20 นาทีกว่าๆ นิรชาออกมาจากห้องก่อนไวทิน

เธอดูสวยหวานในชุดราตรีขาวยาวลากพื้น ประดับลูกไม้ตามสมควรให้ดูเก๋ไก๋

สวย ดูดี ขนาดทำให้...กนกวรรณ...พนักงานสาวคนใหม่ของร้านที่กำลังถือกาแฟมาให้ไวทินและนิรชาตามคำสั่งผู้จัดการร้านตะลึงในความสวยของเธอ

ยังเดินตรงไป แต่ในสมองมีแต่ห้วงแห่งความฝัน...ฝันอยากใส่ชุดราตรีนั้นบ้าง

ผู้หญิงทุกคนอยากใส่ชุดสวยๆ แบบนี้ในงานแต่งงาน

วันสำคัญที่สุดในชีวิตลูกผู้หญิงก็ขอให้ได้สวยหยาดฟ้ามาดินเช่นนี้

แต่แล้วฝันกลางวันของกนกวรรณก็เป็นเรื่องขึ้นจนได้

เท้าดันไปเหยียบกระดาษที่หล่นตรงพื้น ลื่นไถลไปข้างหน้าแล้วกาแฟในถ้วยก็หกราดชุดราตรีสีขาวให้เปื้อน

“ว้าย!” นิรชาตกใจเลยร้องเสียงลั่น

ไวทินได้ยินเสียงนั้นก็ออกจากห้องลองเสื้อผ้า และเห็นว่าอะไรเป็นอะไร

“ขอโทษค่ะ ขอโทษจริงๆ ดิฉันไม่ได้ตั้งใจ”

สาวน้อยช่างฝันขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่...น้ำเสียงเธอสั่นด้วยความกลัว

“ขอโทษแล้วจะมีอะไรดีขึ้น ทำไมถึงได้เดินซุ่มซ่ามอย่างนี้...รู้หรือเปล่าว่าชุดนี้มันต้องใช้อาทิตย์หน้าแล้ว...ฉันยอมไม่ได้ เจ้าของร้านอยู่ไหน ฉันต้องการพบตัวด่วน”

ไวทินโวยวายด้วยความโกรธเสียงดังลั่นร้าน

ปกตินิสัยไวทินไม่ใช่คนโมโหร้าย แต่เรื่องแต่งงานสำคัญที่สุดในชีวิตเขา

“ฉันขอโทษจริงๆ ค่ะ”

“เธอต้องรับผิดชอบเรื่องนี้”

“ใจเย็นๆ สิคะทิน...เด็กกลัวจนตัวสั่นหมดแล้ว” นิรชาต้องปรามเขา

เสียงโวยวายของไวทินทำให้ทั้งเจ้าของร้าน ผู้จัดการร้านวิ่งกรูกันเข้ามาหา

“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?”

“ผมต้องการพบเจ้าของร้าน”

“ดิฉันเองค่ะเจ้าของร้าน...มีอะไรเหรอคะคุณไวทิน?”

“ก็ลูกน้องคุณสิเดินไม่ดูตาม้าตาเรือ ทำกาแฟหกรดชุดแต่งงานว่าที่เจ้าสาวผม”

“เกิดอะไรขึ้นยัยนก?” เจ้านายไล่เบี้ยกับลูกน้องที่เพิ่งรับมาทำงานไม่ถึงอาทิตย์

“เอ่อ...คือนกเหยียบกระดาษแล้วลื่น กาแฟเลยหกรดชุดของคุณผู้หญิง”

“ไม่ได้เรื่องจริงๆ” ตำหนิลูกน้องแล้ว เจ้าของร้านหันไปทางไวทินด้วยท่าทางอ่อนน้อม “ขอโทษจริงๆ ค่ะที่ลูกน้องดิฉันของฉันทำผิดพลาด”

“แค่ขอโทษเหรอครับ?”

“ใจเย็นๆ สิทิน” นิรชาพยายามดับอารมณ์ฉุนเฉียวของเขา

“ฉันจะรับผิดชอบเองค่ะ”

“รับผิดชอบยังไง?...งานแต่งผมก็อาทิตย์หน้าแล้ว ชุดนี่จะยังไง”

“ไม่ต้องห่วงค่ะฉันจะตัดชุดให้ใหม่ แบบจะเหมือนเดิมทุกอย่าง รับรองเสร็จทันแน่นอนค่ะ”

“แล้วลูกน้องคุณ?” ไวทินถามแล้วปรายตามองกนกวรรณ

“ฉันจะจัดการเองค่ะ”

“ผมว่าคุณควรอบรมพนักงานให้ดีกว่านี้นะครับ ไม่ใช่คว้าใครก็ได้มาทำ...ธุรกิจที่คุณทำเป็นการขายบริการ ถ้าคุณสร้างความประทับให้ลูกค้าไม่ได้ผมว่าอย่าทำดีกว่า”

กนกวรรณเงียบมานาน...เธอสำนึกผิดทุกอย่าง แต่เจอเขาเล่นงานแบบนี้ เธอไม่ยอมเหมือนกัน

“นี่คุณพูดให้มันดีนะ”

“หรือไม่จริง...ฉันว่าเธอไม่เหมาะกับงานนี้หรอก”

“ฉันผิด ฉันก็ขอโทษไปแล้ว...คุณรวยก็จริงแต่ไม่มีสิทธิ์จะด่าว่าคนอื่นอย่างนี้...อย่างน้อยค่าความเป็นคนของฉันกับคุณก็เท่ากัน”

กนกวรรณโต้กลับจนหน้าเขาชา และเถียงไม่ออก

“ยังจะไปเถียงคุณไวทินอีก” เจ้าของร้านปรามก่อนทุกอย่างจะยิ่งแย่

“ไม่เอาค่ะทิน อย่าอารมณ์เสียเลย เห็นกับนิเถอะ”

“ก็ได้...ผมเห็นแก่นิหรอกนะ”

“ถ้าอย่างนั้นเธอพาช่วยคุณนิรชากับคุณไวทินไปเปลี่ยนชุดให้เรียบร้อย” เจ้าของร้านสั่งผู้จัดร้าน ก่อนเธอคนนั้นจะพาทั้งสองไปเปลี่ยนชุด

แต่ก่อนไป ไวทินจ้องกนกวรรณที่กล้าด่าเขา เธอไม่กลัว จ้องเขากลับอย่างไม่ยอมเหมือนกัน

“ไม่ต้องไปมองคุณไวทินเขาอย่างนั้น เขาเป็นลูกค้าคนสำคัญของร้านเรา”

“แต่...”

“ไม่ต้องพูดเลย ตามฉันเข้าไปในห้องทำงานเดี๋ยวนี้”

            กนกวรรณจำต้องเดินตามนายจ้างที่จ่ายเงินให้ไปยังห้องทำงาน

------------------------------------

“เธอทำให้ฉันเกือบเสียลูกค้ารายสำคัญ”

 เจ้าของร้านตำหนิทันทีเมื่อกนกวรรณตามเข้ามาในห้องทำงาน และยืนหน้าเจี๋ยมเจี้ยมอยู่หน้าโต๊ะทำงาน

“แต่ดิฉันก็ขอโทษเขาไปแล้ว...อีกอย่างมันก็เป็นอุบัติเหตุ” เธอพยายามอธิบาย

“เรื่องนั้นฉันพอรับได้ แต่เธอก็ไม่ควรไปเถียงและต่อว่าคุณไวทินเขาอย่างนั้น...ดูท่าเขาจะโกรธเอามากๆ”

“แต่เขาดิฉันก่อน...ไม่เห็นสายตาที่เขามองดิฉันเหรอคะ ดูถูกยังกับอะไรดี”

“จำไว้สิว่าลูกค้าคือพระเจ้า”

“แต่ลูกค้าที่เป็นเหมือนพระเจ้าก็ไม่ควรดูถูกคนอื่นที่ต่ำต้อยกว่า”

“ฉันคงต้องจัดการกับเธอ”

“หักเงินเดือนดิฉันก็ได้”

“เธอทำงานกับฉันมาเท่าไหร่แล้ว?”

“อาทิตย์หนึ่งค่ะ”

หลังเรียนจบมหาวิทยาลัย กนกวรรณก็ตระเวนหางาน แต่เมื่อยังไม่มีใครตอบรับมา เธอเลยมาทำงานพิเศษที่ร้านนี้ในช่วงรองาน

“เอาเป็นว่าฉันจะจ่ายให้เธอเดือนนึงเลยก็แล้วกัน”

“แปลว่า...”

“ใช่! ฉันไล่เธอออก”

“ไล่ออก!”

“ใช่...เธอไม่เหมาะจะทำงานแบบนี้จริงๆ”

“ถ้าคุณเห็นว่าการปกป้องศักดิ์ศรีของตัวดิฉันเป็นสิ่งผิด และฉันสมควรจะถูกไล่ออก ดิฉันก็ยอมรับ”

“เธอนี่จองหองอย่างที่คุณไวทินว่าจริงๆ”

“แล้วเงินเดือนที่คุณจะให้ฉันไม่ต้องหรอกค่ะ แล้วที่ฉันทำมาอาทิตย์นึงฉันก็ไม่ขอรับ ถือว่าเป็นการชดใช้ความเสียหายที่ดิฉันเป็นคนทำ...ลาก่อนนะคะ”

เธอเดินออกจากห้องไปอย่างองอาจ และไม่คิดหันหลังกลับมา

ถึงต้องตกงาน ทั้งๆ ที่ต้องการเงิน แต่กนกวรรณก็มีศักดิ์ศรีในตัวเอง

ศักดิ์ศรีที่ใครก็ย่ำยีไม่ได้

ถึงจะต้องลำบาก แต่แลกมาด้วยศักดิ์ศรี เธอก็ยอม

“ไม่เอาก็ตามใจ...อย่าหาว่าฉันโกงไม่ได้นะ”

เจ้าของร้านที่เห็นแก่เงินได้แต่หัวเราะชอบใจ

------------------------------------

“ที่ร้านนั่นทินไม่น่าหัวเสียขนาดนั้นเลยนะคะ”

นิรชาพูดกับไวทินขณะเขาขับรถพาเธอออกจากเว็ดดิ้ง สตูดิโอ เพื่อมุ่งหน้าไปเลือกของชำร่วย

“ก็เด็กนั่นทำผิด”

“ความจริงทินไม่ใช่คนอารมณ์ร้ายอย่างที่นิเห็นเมื่อตะกี้นี้เลย”

“ก็จริง...อาจเพราะผมโกรธจัดก็ได้ ก็เด็กนั่นมาทำเสียเรื่อง...สำหรับผมงานแต่งงานกับนิเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญที่สุด”

“หรือว่าจะเป็นลางไม่ดีสำหรับงานแต่งงานของเราคะ” นิรชาหลุดปากให้ไวทินต้องคิ้วขมวดขึ้นมา

“ทำไมนิพูดอย่างนั้น...ห้ามพูดแบบนี้เด็ดขาด”

“นิแค่พูดเล่น...ทำไมทินต้องตกใจขนาดนั้นด้วย”

“พูดเล่นก็ไม่ได้ โบราณเขาถือ”

“นักเรียนนอกอย่างทินเชื่อเรื่องโบร่ำโบราณด้วยเหรอ”

“เชื่อบ้างก็ดี...อย่างน้อยก็เพื่อความสบายใจ”

“ค่ะ...ว่าแต่ป่านนี้เด็กนั่นจะเจออะไรบ้างก็ไม่รู้”

“ก็ต้องโดนอบรมบ้างล่ะน่ะ...นิก็เห็นว่าเด็กนั่นท่าจะเอาเรื่องทีเดียว ดูเถียงทินไหนจะมองทินด้วยสายตาไม่ยอมคนอีกด้วย”

“ก็ทินเล่นงานแกแรงขนาดนั้น”

“นี่นิเข้าข้างใครกันแน่”

“เข้าข้างทินสิคะ...ยังไม่หัวล้านสักหน่อย ขี้น้อยใจไปได้”

“สำหรับทิน นิคือคนที่ทินแคร์ที่สุด”

“แล้วถ้าเด็กนั่นโดนไล่ออกล่ะคะมันจะไม่เป็นบาปเหรอ?”

“อย่าคิดมากให้ปวดสมองเลย...ทินว่าเรื่องแค่นั้นคงไม่ถึงต้องไล่ออก อย่างดีก็โดนตัดเงินเดือน...คิดเรื่องจะไปดูของชำร่วยของเราจะดีกว่า”

“ค่ะ” นิรชาเชื่อเขาทุกๆ อย่าง

ทั้งคู่คุยกันเพลินจนไม่ทันสังเกตว่ามีรถคันหนึ่งขับสะกดรอยตามตั้งแต่ออกจากร้านลองชุดแต่งงานนั่นแล้ว

ดูท่าทางลึกลับของบุคคลปริศนาบนรถนั้นแล้วต้องไม่ใช่คนที่หวังดีเป็นแน่!

---------------------------------

มาถึงร้านของชำร่วย

ไวทินและนิรชามีความสุขกับการเลือกของขวัญเล็กๆ น้อยๆ สำหรับแขกที่จะมาร่วมเป็นเกียรติในวันสำคัญของเขาและเธอ

เลือกดูหลายอย่าง ให้ได้อย่างที่ชอบจริงๆ

            แล้วคนที่ขับรถสะกดรอยตามมาก็ยังไม่ไปไหน ซุ่มอยู่หน้าร้าน แอบมองดูทั้งคู่ผ่านกระจกของร้านด้วยความอิจฉาริษยา!

            สายตาที่มองเต็มไปด้วยความเคียดแค้น ชิงชัง

            หลังใช้เวลาเลือกอยู่นาน สุดท้ายทั้งสองก็ได้ของชำร่วย...เป็นเข็มกลัดรูปหัวใจสองดวงที่คล้องกันไว้ แทนความหมายหัวใจสองดวงของทั้งคู่จะผูกติดกันตลอดไป

            นิรชาเป็นผู้เลือก โดยที่ไวทินตามใจทุกอย่าง

            “แน่ใจนะคะว่าทินก็ชอบแบบนี้...ทินจะเลือกแบบอื่นๆ ก็ได้นะคะ” ฝ่ายหญิงถามความเห็นเขา

            “นิชอบ ทินก็ชอบเหมือนกัน”

            “ไม่เห็นจะต้องตามใจนิทุกเรื่องก็ได้”

            “ไม่ตามใจคนที่รัก จะให้ตามใจใครล่ะครับ”

            ไวทินพร่ำคำหวาน แล้วทำท่าจะโน้มไปหอมที่แก้ม เธอต้องถอยหนี

            “ไม่เอาค่ะ...อายเขา”

            “ขัดใจทินอย่างนี้ เดี๋ยวทินก็อกแตกตายกันพอดี”

            “อีกแค่อาทิตย์เดี๋ยวเองอดใจรอไม่ได้เหรอคะ?”

            “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” ไวทินตามใจเธออีกเช่นเคย

            “ถ้าอย่างนั้นนิว่าเรากลับกันดีกว่าค่ะ”

            “ก็ดีเหมือนกัน...ทินว่าเราเอาตัวอย่างของชำร่วยไปอวดคุณพ่อ คุณแม่ แล้วก็เจ้า

กูรดีกว่า”

            “ตามใจทินก็แล้วกันค่ะ”

            ทั้งสองคนเดินออกจากร้านไป ทำให้บุคคลปริศนาที่ลอบมองเขาอยู่ตั้งแต่แรกต้องรีบหลบก่อนจะมีพิรุธใดๆ

            และเพราะความรีบร้อนที่อยากเอาของชำร่วยไปอวดคนในครอบครัว ไวทินขับรถเร็วจี๋ และเกือบเฉี่ยวใครบางคนที่เดินเหม่ออยู่ริมถนน

            ใครคนนั้นไม่ใช่อื่นไกล...เป็นกนกวรรณที่เขาเพิ่งทำให้เธอตกงาน

            เธอกำลังจะเดินกลับห้องพักหลังโดนไล่ออกจากงาน เลยเดินใจลอยไปนิด

            แต่โชคยังดีที่หลบทัน และทันเห็นนักซิ่งตีนผีที่เกือบเฉี่ยวชนเธอ

            นายคนที่ทำให้เธอโดนไล่ออกจากงานนี่นา...ใช่เขาจริงๆ เธอไม่ได้ตาฝาด

            “นายนั่นนี่! กลับมาพูดกันให้รู้เรื่องนะ ขับรถไม่เป็นหรือยังไง...นึกว่ารวย ขับรถคันละเป็นล้านๆ แล้วจะชนใครก็ได้งั้นเหรอ”

            เธอตะโกนด่าเป็นไฟ แต่ไวทินไม่ได้ยิน และไม่ได้หยุดรถอย่างที่เธอต้องการ

            “โธ่เว้ย! ทำไมวันนี้ถึงซวยอย่างนี้ เจอนายนั่นทีไรเป็นเรื่องทุกที...อย่าให้ได้เจอได้เจอกันอีกเลย”

            หยุดหงุดหงิดเรื่องผู้ชายเต๊ะจุ้ยคนนั้นแล้วกนกวรรณกลับมาเครียดกับชีวิตต่อไป

            ตกงานแล้ว เธอจะเอาอย่างไรต่อไปกับชีวิตในวันพรุ่งนี้

--------------------------------------

            กลับถึงบ้าน ไวทินและนิรชาเดินเข้าบ้านมาพร้อมของชำร่วยในมือ

            เข้ามาถึงในห้องรับแขกก็พบทุกคนที่อยากเจอ

            ไวภพ...ผู้เป็นพ่อ ผกามาศ...ผู้เป็นแม่ และ ไวกูร...ผู้เป็นน้องชาย

            ส่วนที่ยืนอยู่ห่างๆ เป็น...นภา...แม่บ้านใหญ่ของบ้านหลังนี้

            “สวัสดีค่ะคุณพ่อ คุณแม่” นิรชายกมือไหว้ผู้หลักผู้ใหญ่ที่นับถือ ก่อนหันไปทักน้องชายของคนรัก “หวัดดีกูร”

            “หวัดดีครับ” เขาตอบกลับ

            “เป็นยังไงบ้างเรื่องลองชุด?” ไวภพถามขึ้นมา

            “ก็เกือบจะเรียบร้อยดีค่ะ”

            “เกือบ...มีอะไรหรือเปล่า?” ผกามาศคิ้วขมวดในคำตอบที่ดูเหมือนจะมีอะไร

            ไวทินชิงตอบขึ้น “ก็เด็กที่ร้านนะสิครับทำกาแฟหกรดชุดของนิ”

            “ตายแล้ว! อย่างนี้จะทำยังไง”

            “เจ้าของร้านรับปากจะเร่งตัดชุดใหม่แบบที่เหมือนเดิมทุกอย่างให้เสร็จทันงาน”

            “อย่างนี้ค่อยโล่งใจหน่อย”

            “อยู่พร้อมหน้ากันก็ดีเลยครับ ผมมีของมาอวด” ไม่อยากหงุดหงิดด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง ไวทินเลยเปลี่ยนเรื่อง

            “อะไรเหรอลูก?”

            “ของชำร่วยครับ”

            เฉลยแล้วไวทินยกพวงกุญแจที่เลือกแล้วว่าจะเป็นของขวัญในวันแต่งขึ้นมาต่อหน้าทุกคน

            “สวยจังเลย” ผกามาศขยับเข้าไปดูใกล้ๆ

            “นิเขาเป็นคนเลือกเองน่ะครับ”

            “ว่าแต่มีความหมายอะไรซ่อนอยู่หรือเปล่า?”

            “เอ่อ...ความหมายก็คือว่าหัวใจสองดวงของหนูกับเอ่อ...ทินจะคล้องไว้ด้วยกันตลอดไปค่ะ”

            “ทำไมต้องตอบคุณแม่แบบไม่กล้าด้วยล่ะ”

            “ก็นิอายนี่คะ”

            “ไม่เห็นต้องอายเลย”

            “หนูนินี่ตาแหลมจริงๆ สวยแล้วยังมีความหมายดี”

            จังหวะนั้นไวกูรที่หยิบไปดู แต่ไม่ทันระวังก็ทำพวงกุญแจหล่นตกพื้น

            ความแรงทำให้ตัวอย่างของชำร่วยแตกเป็นสองเสี่ยง

            “ตายแล้ว! ตากูรทำไมถึงถือไม่ระวังอย่างนั้น…โบราณเขายิ่งถือเรื่องแบบนี้อยู่ด้วย” ผู้เป็นแม่ดุลูกชายคนเล็ก

            “ผมขอโทษครับ” น้องชายขอโทษด้วยความรู้สึกสำนึกผิด

            “อย่าดุน้องเลยครับ น้องไม่ได้ตั้งใจ” ไวทินปกป้องเขา

            “ไม่โกรธผมนะครับพี่ทิน”

            “จะโกรธทำไม เล็กน้อยจะตาย อีกอย่างพี่ก็ไม่ได้ถืออะไรอย่างที่คุณแม่ว่าด้วย...สำหรับพี่ความรัก ความเข้าใจต่างหากที่จะทำให้พี่ครองรักกับพี่นิตลอดชั่วนิรันดร”

            “แล้วพี่นิล่ะครับ?”

            “พี่ก็ไม่โกรธ”

            “ขอบคุณที่พี่ทั้งสองเข้าใจผม”

            ไวกูรเป็นหนุ่มสุภาพ นุ่มนวลอย่างนี้เสมอ ไม่แปลกที่จะเป็นที่รักของคนในบ้าน

            “เอาเป็นว่ามื้อเย็นหนูนิอยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนนะ” ผกามาศเอ่ยชวน

            “ค่ะ”

            “ถ้าอย่างนั้นนภาก็จัดการให้เด็กเตรียมตั้งโต๊ะเลยแล้วกัน...พร้อมแล้วจะได้ทานเลย”

            “ค่ะคุณผู้หญิง”

            นภาที่กำลังฟังเพลินๆ รับคำแล้วเดินจากตรงนั้นเพื่อสั่งเด็กๆ ให้ตั้งโต๊ะอาหาร

--------------------------------------

คิดอะไรไม่ออก หรือมีปัญหาไม่สบายใจ กนกวรรณนึกถึงผู้เป็นแม่เสมอ

ดังนั้นเมื่อนอนไม่หลับในค่ำคืนหลังโดนไล่ออกจากงาน เธอหยิบมือถือขึ้นมาโทร.หาแม่

ขณะนั้นพิกุลกำลังจะเข้านอนหลังห่อขนมใส่ไส้สำหรับใช้นึ่งตอนเช้ามืดเพื่อขายหน้าบ้านเรียบร้อยแล้ว

สงสัยใครโทร.มามืดค่ำแบบนี้ จึงก้าวไปยกหูรับ “ฮัลโหล”

“แม่คะ”

“ยัยนก!”

“ทำไมแม่ต้องตกใจขนาดนั้นด้วย?”

“ก็แม่คิดถึงลูกนะสิ...ไม่เห็นโทร.หาแม่หลายอาทิตย์แล้ว”

“พอดีทำงานยุ่งอยู่น่ะค่ะ…ทำมาอาทิตย์กว่าๆ แล้ว”

“งานคงยุ่งมาก”

“แต่ตอนนี้มันไม่ยุ่งอีกต่อไปแล้ว” น้ำเสียงเธอที่บอกแม่เศร้า

“ทำไมล่ะลูก?”

“หนูโดนไล่ออกแล้วค่ะ”

“อะไรนะลูก...มันเกิดอะไรขึ้น?”

“หนูพลาดทำกาแฟหกรดชุดแต่งงานของลูกค้าในร้าน”

“ถึงขั้นต้องไล่ออกกันเลยเหรอลูก?”

“พอดีเขาเป็นลูกค้าคนสำคัญของร้านที่กระเป๋าหนักน่ะค่ะ แถมหนูยังไปเถียงเขาอีกด้วย...หนูพยายามอดทนอย่างที่แม่สอนแล้วนะคะ แต่นายนั่นดูถูกคนจนอย่างเรา สายตาที่เขามองหนูเหมือนหนูเป็นไส้เดือนกิ้งกือ...หนูไม่ยอมให้เขามาดูถูกค่าความเป็นคนของหนูหรอกค่ะ”

“ลูกทำถูกแล้ว”

“แม่เข้าข้างหนู”

“ไม่เข้าข้างลูกแล้วจะเข้าข้างใคร...อีกอย่างที่ลูกทำไปมันก็ถูก ถึงเราจะจนเงินแต่ก็ไม่เคยจนใจ...อย่าให้ใครมาย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นคนของเรา”

“ค่ะ...หนูจำคำสอนนี้ของแม่ได้เสมอ”

“เครียดล่ะสิถึงโทร.หาแม่”

“ก่อนโทร.เครียดค่ะ แต่ได้ยินเสียงแม่แล้วหายเครียดเป็นปลิดทิ้งเลย” น้ำเสียงกนกวรรณบอกว่าไม่เครียดแล้วจริงๆ

“แล้วแค่โทร.มาเพื่อฟังเสียงแม่แค่นั่นเองเหรอ?”

“หนูจะโทร.มาบอกด้วยว่าพรุ่งนี้หนูจะกลับบ้านไปหาแม่”

“จริงนะลูก?”

“จริงสิคะ…หรือว่าแม่ไม่ดีใจ”

“พูดอะไรอย่างนั้น...ทำไมแม่จะไม่ดีใจ ดีใจที่สุดเลยต่างหาก”

“หนูรู้ค่ะ”

“ดีเหมือนกัน แม่ไม่ได้กอดลูกตั้งนานแล้ว...หนีความวุ่นวายจากคนเมืองกรุงมาหาความจริงใจของคนต่างจังหวัดอย่างบ้านเราดีกว่า”

“ค่ะ...แม่รอกอดหนูให้หายคิดถึงได้เลยค่ะ”

“จ้ะแม่ลูกสาวขี้อ้อน”

ครอบครัวเหลือเพียงแม่ลูกก็จริง หลังเสาหลักครอบครัวเสียชีวิตจากอาชีพออกเรือหาปลาจากพายุเกย์ ที่สร้างความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน แต่พิกุลก็ทำหน้าที่แม่ผู้เข้มแข็งของกนกวรรณได้อย่างดี

เลี้ยงลูกให้เป็นคนดี มีคุณธรรม

อาชีพขายขนมใส่ไส้ที่ไม่ได้มีเกียรติมากมายนักสามารถส่งลูกสาวเรียนจนจบมหาวิทยาลัยได้

เป็นความภูมิใจของคนเป็นแม่อย่างเธอ

            สำหรับกนกวรรณ แม่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต

            รัก เทิดทูน และต้องตอบแทนบุญคุณ

            เรียนจบเธอถึงพยายามหางานเพื่อไม่ให้แม่ต้องเหนื่อยเพื่อเธออีกต่อไป

----------------------------------------------

“ยังไม่นอนอีกเหรอคะคุณหนู?”

นภาเอ่ยถามไวกูรที่มานั่งอยู่คนเดียวอยู่ในสวนของบ้าน

“ป้าก็เห็นอยู่แล้ว”

“คิดอะไรอยู่หรือเปล่าคะ?”

“ผมคงไม่จำเป็นต้องบอกป้า”

“ป้าขอโทษ”

“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ไม่ต้องขอโทษก็ได้”

“รับกาแฟมั้ยคะ?”

“ไม่”

“ชาล่ะคะ?”

“ไม่”

“ป้ารู้แล้วว่าคุณกูรมานั่งคิดอะไรเพลินๆ อยู่ตรงนี้เพราะคิดเรื่องคุณทินจะแต่งงานใช่มั้ยคะ...คุณกูรกลัวเหงาหลังจากคุณทินแต่งงานไปแล้วแน่ๆ ก็คุณสองคนเป็นพี่น้องที่รักกันมาก...ตอนเด็กๆ คุณหนูติดคุณทินมาก พี่เล่นอะไร น้องก็จะเล่นตาม พี่จะไปไหน น้องก็ร้องขออยากไปด้วย ป้าจำได้แม่นเลยค่ะ”

ไวกูรไม่โต้ตอบ ได้แต่เหลือบมองนภาที่เล่าอดีตด้วยแววตาเป็นประกาย

“เอ่อ...” แต่เห็นสายเขาที่มอง เธอพูดอะไรต่อไม่ได้แล้ว

“ผมต้องการอยู่คนเดียวครับ...”

“ค่ะ...ป้าขอโทษ แต่ถ้าคุณหนูอยากได้อะไรเรียกป้าได้เลยนะคะ”

“ครับ”

นภาเดินกลับเข้าบ้านไป เป็นโอกาสให้ไวกูรได้คิดเรื่องไม่สบายใจต่อ

แม่บ้านใหญ่พูดถูก เขารักและผูกพันกับพี่ชาย

ตอนเด็กเขาติดพี่ชายเป็นตังเม กลัวเหงา เลยไม่อยากให้พี่ชายต้องแต่งงาน

-----------------------------------------------


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (50 รายการ)

www.batorastore.com © 2024