รักเล่ห์เสน่หา (ชลาลัย)
ประหยัด: 63.00 บาท ( 35.00% )
เนื้อหาบางส่วน
บทที่ 1
...........................................................................................................................................
หาดทรายขาว...เกล็ดทรายดูพราวระยับอยู่ในรัศมีของแสงตะวันที่กำลังสาดคล้อยลงสู่เส้นน้ำทะเลสีคราม...หทัยนุชเดินเตะทรายเล่น...ทรายกระเด็นฟุ้งสาดใส่เสื้อของตัวเอง...ช่วงขาขาวผ่องส่วนที่โผล่พ้นกางเกงขาสั้น...เรียวงาม...สองมือของหญิงสาวซุกลงกระเป๋ากางเกง
ดวงตาของหล่อนหม่นหมอง...ตัดกับใบหน้าที่งามล้ำไม่ว่าจะเป็นปากแก้มคิ้วคาง..ทุกอย่างสวยสมเหมาะเจาะโดยที่ไม่ได้ผ่านการศัลยกรรมใดๆมาทั้งสิ้น
ริมฝีปากเม้มนิ่ง..มองดูคลื่นกระแทกหาดครืนคราง..!
หาดแม่พิมพ์...! จังหวัดระยอง.. หล่อนเดินทางมาระยองเพียงคนเดียว..ไม่มีแผนการใดๆแม้แต่เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็เป็นเพียงชุดอยู่บ้านไม่ได้ตระเตรียมตัวมาเพื่อจะพักผ่อนในวันหยุดยาว
แต่หล่อนหนีบางสิ่งบางอย่างมา!
หล่อนปิดเครื่องมือสื่อสารทุกชนิด..!
โชคดีเหลือเกินที่เมื่อคืนนี้...มีคนเมาหนัก...ถ้าเขาไม่เมาหล่อนก็คงจะหนีมาไม่ได้..ขับรถออกจากกรุงเทพฯตอนช่วงเช้า...หล่อนแวะพัทยา...แวะห้างสรรพสินค้าหลายแห่งโดยซื้อมาแต่เพียงชุดที่จะสวมใส่แบบง่ายๆ
จอดรถไว้แล้ววิ่งปร๋อลงมา...!
คลื่นไม่แรงมาก...ม้วนตัวเข้ากระแทกฝั่งเสียงดังราวใครบรรเลงเพลงอันไพเราะ
ไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้น ไม่มีวันพรุ่งนี้อีกต่อไปมีแต่วันนี้เท่านั้นเอง
สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น...ผ่านไป...มันเป็นเจตต์จำนงของครอบครัว ของผู้ใหญ่ไม่ใช่ของหล่อน หล่อนทำหน้าที่หล่อนแล้ว
ที่เหลือนี้มันคือชีวิตของหล่อนต่างหากเล่า..
หทัยนุชเป็นหญิงงาม...สวยตามธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นหน้าตารูปร่างหรือผิวพรรณหล่อนได้รับถ่ายทอดมาจากมารดาที่เป็นนางงามระดับชาติ...แม่ของหล่อนสวยเป็นที่หนึ่ง..!
หล่อนเลยได้ความสวยมาจากแม่...แต่หลายอย่างที่หล่อนไม่คิดเหมือนแม่
หทัยนุชสลัดศรีษะตัวเองเกือบจะแรง...เพราะรู้สึกว่าหล่อนเริ่มจะวนกลับไปคิดถึงสิ่งที่หล่อนหนีมา
หล่อนดึงกิ๊ปติดผมออกจากที่มัดเกล้าเอาไว้..ปล่อยผมสยาย...แล้วหล่อนก็วิ่งลงทะเล..หล่อนลงไปวายน้ำเล่น..
หทัยนุชว่ายน้ำเก่งมาก...หล่อนว่ายน้ำเหมือนปลา
การว่ายน้ำคือความสุขอย่างหนึ่งของหล่อน แต่แม่ไม่ชอบให้ว่ายน้ำทะเล..แม่ว่าหล่อนจะตัวดำและไม่สวย
แม่อยากจะให้หล่อนสวยตลอดเวลา...สวยตั้งแต่ศรีษะจนจรดปลายเท้า สวยแบบหาที่ติไม่เจอเลย
หล่อนก็มักจะเถียงแม่ว่า...นั่นไม่ใช่คนแต่เป็นหุ่น
หล่อนอยากเป็นคน...มีที่ให้ติติงบ้าง...ไม่ใช่หุ่นจะได้เนี้ยบเป๊ะไปหมด..ไม่ใช่อย่างนั้น.!
แต่แม่ไม่ชอบในสิ่งที่หล่อนคิด แม่ไม่ชอบในสิ่งที่หล่อนพอใจ ทุกอย่างในความคิดของแม่...สวนทางกับความคิดของหล่อนทั้งหมด
หากทว่าในที่สุดหล่อนต้องยอมทำบางอย่างเพื่อให้แม่รอด!
หทัยนุชว่ายน้ำ...ว่าย...ว่าย..และว่าย...หล่อนมองเห็นท้องฟ้าเริ่มมีเมฆมืดมิด..หันกลับไปดูที่หาด..สิ่งที่เห็น...ทำให้หล่อนต้องตกใจว่าหล่อนมาไกลจากหาดมาก
ดูเหมือนทิวสนริมหาดกำลังโยกไหว!
ลมกำลังมาอย่างแรง! หล่อนเคยได้ข่าวว่าเวลามีลมหรือมีพายุ...คลื่นจะแรง..ลักษณะของท้องทะเลที่เป็นลักษณะช้อนตัวลง...ทำให้นักท่องเที่ยวต้องระมัดระวังหากมีคำเตือนว่าห้ามลงเล่นน้ำก็ต้องทำ
ไม่อย่างนั้น...คลื่นอาจกระชากพาสู่ทะเลดังเป็นข่าวอยู่บ่อยครั้ง
หทัยนุชกำลังแหวกว่าย....หล่อนเชื่อว่าตัวเองว่ายน้ำเก่งเหมือนปลา...แต่หากยามนี้..ขาของหล่อนกำลังถูกทำร้ายโดยตะคริว!
หล่อนมองเห็นคนที่ยืนอยู่ริมหาดไหวๆ...หล่อนพยายามโบกมือให้เขา..หล่อนจะตะโกนบอกเขาว่าช่วยด้วย!\
ช่วยด้วย..! ช่วยด้วย..! ช่วยด้วย!
แต่หากหล่อนกลับร้องไม่ออก...น้ำทะเลเข้าปาก...หล่อนกำลังสำลักน้ำ...ร่างของหล่อนกำลังจะจมทะเล
วินาทีนั้น..! หทัยนุชรวบรวมพละกำลังสุดท้ายดีดตัวพรวดขึ้นมาและร้องสุดเสียง
“ช่วยด้วย!”
แล้วหล่อนก็หมดแรง...ร่างของหล่อนกำลังเลื่อนลงสู่ก้นทะเล
แม่...แม่ขา...นุชลาก่อนนะคะแม่...นุชขอโทษ...นุชไม่ได้ตั้งใจ
ไม่ได้ตั้งใจเลย...! ไม่ได้ตั้งใจที่จะมาตายที่นี่...
แต่หล่อนคงจะหนีไม่พ้นความตายเสียแล้ว ชั่ววินาทีนั้น...หล่อนรู้สึกเหมือนมีปลาหมึกยักษ์รวบเอวของหล่อนและถีบตัวพรวด..
สติสุดท้าย...หล่อนคิดถึงแม่เป็นที่สุด!
........................................................................................
หล่อนหลับๆตื่นๆไปกับความฝันอันประหลาด ฝันว่ามีคนมาช่วย..มือยักษ์...ปลาหมึกยักษ์ดึงหล่อนขึ้นจากทะเล
ปลาหมึกยักษ์จูบหล่อน.....ทำให้หล่อนรู้สึกเหมือนว่าอึดอัด.!
จากอึดอัดกลายเป็นโล่ง...หล่อนคงจะตายแล้ว..โลกของความตายเป็นอย่างนี้หรือ? หล่อนได้ยินเสียงใบไม้สาดซ่า...คงจะเป็นทางมะพร้าว....คนเรา..พอตายที่ไหนก็ต้องอยู่ตรงนั้น
แม่คงจะหาหล่อนไม่พบ...! วิญญาณของหล่อนคงจะล่องลอยเคว้งคว้างอยู่กลางทะเลที่ร่างของหล่อนจมดิ่ง
หล่อนตายแล้ว!
มีเสียงกุกกัก..กุกกัก..กุกกัก..!
หล่อนจึงลืมตาขึ้น! “ไงคุณ...” เป็นเสียงทัก “ฟื้นแล้วเหรอ”
หล่อนมองไปรอบๆ...มองหน้าเขา.. “คุณเป็นยมทูตมารับวิญญาณฉันหรือ?”
หล่อนถามด้วยเสียงอันแหบพร่า... “ฉันตายแล้วใช่ไหม!”
“หยิกเนื้อตัวเองดูสิ...ถ้ายังเจ็บอยู่แปลว่ายังไม่ตาย”
เขาไม่สวมเสื้อ...มองเห็นกล้ามและแผ่นอกหนาแน่น...แต่ไม่ได้เป็นลอนกล้ามน่ากลัวอย่างพวกนักกล้าม
ผิวคร้าม...แต่ใบหน้าของเขาไม่เหมือนยมทูต...ดูแจ่มใสและเต็มไปด้วยร่องรอยของความขบขัน
“ผมขับรถคุณมาจอดไว้ที่หน้าบ้านนี่...รอคุณฟื้น..ทีแรกว่าจะพาไปโรงพยาบาลแต่แน่ใจว่าเช้านี้คุณคงจะตื่นขึ้นมาแน่นอน...เก่งจัง..ไข้ก็ไม่มี...ร่างกายคุณคงจะแข็งแรงกินน้ำเข้าไปเต็มกระเพาะยังไม่เป็นไร”
หทัยนุชลุกขึ้นนั่งและใจหายวาบ!
“คุณไม่ใช่ยมทูต!”
“คุณยังไม่ตาย..จะเจอท่านยมได้อย่างไรกันล่ะ?”
“แล้วคุณเป็นใคร.แล้วฉันมานอนอยู่นี่ได้ยังไง?”
“อืม...เดี๋ยวค่อยตอบแล้วกัน...ผมจะเอาน้ำอุ่นๆมาให้ดื่มก่อนท่าทางคุณจะคอแห้งนะ...เสียงแทบไม่มีเลย”
“ค่ะ..ก็ดีค่ะ..”
เขาเดินไปรินน้ำอุ่นมาส่งให้..ที่นอนที่หล่อนนอนอยู่เป็นเตียงไม้สลักแบบเก่าสวยงามดูโบราณมาก...ห้องที่หล่อนนอนอยู่มีผ้าม่านลายลูกไม้ดูกลมกลืนกับเครื่องเรือนที่เป็นไม้...
เมื่อหล่อนดื่มน้ำอุ่นแล้วก็ค่อยรู้สึกดีขึ้น
“ขอบคุณค่ะ”
“คุณจะให้ผมไปส่งที่ไหน...ท่าทางคุณจะมาจากกรุงเทพฯนะ”
“ค่ะ..ฉันมาจากกรุงเทพฯ”
“ทำไมคุณต้องฆ่าตัวตายด้วย!”
คำถามของเขาทำเอาหล่อนอึ้งพูดอะไรไม่ออก...เขาถามด้วยน้ำเสียงห้วนเหมือนกันจากตอนแรกที่เหมือนจะนุ่มนวลอยู่
“การฆ่าตัวตายเป็นบาปที่หนักมาก....บาปมากกว่าฆ่าคนอี่นเสียอีก..คนเราแม้แต่ตัวเองยังไม่รัก...จะไปรักใครได้...หน้าตาคุณก็สะสวย..ผมว่าคุณสวยเหมือนนางงามหรือพวกดาราเลยนะ...แล้วทำไมต้องมาทิ้งร่างให้เป็นเหยื่อฉลาม!”
หล่อนยังมึนอยู่...ยังไม่ทันได้ตั้งตัวเลย..พูดอะไรไม่ออก
ปล่อยเขาพล่ามคนเดียว
“จะตายทั้งที...เลือกจะตายเองน่าจะหาวิธีให้ดีกว่านี้หน่อย...”
เขาว่า “ปัญหาทุกอย่างมันมีทางออกทางแก้ทั้งนั้น...คุณท้องเหรอ..! หรือว่าอกหักรักคุด...”
“คุณจะให้ฉันตอบคำถามไหนก่อนดี?”
หล่อนมองเขา...ท่าทางเขาเหมือนคนภูธรแต่ก็ไม่เชิง...ผมเผ้าก็เป็นทรงดี...เขาไม่สวมเสื้อ...นุ่งกางเกงชาวเลและคาดผ้าขาวม้า
อายุของเขาน่าจะสักสามสิบนิดๆ...หล่อนเดาเอา..แต่ไม่แน่ใจ...หทัยนุชชักนึกสนุกขึ้นมา..
มีอะไรแว่บเข้ามาในสมอง..ทำให้หล่อนคิดว่าขืนบอกเขาตรงๆ...หล่อนก็อาจถูกไล่กลับ...ท่าทางเขาไม่ใช่โจรหรอก
“ตอบคำถามไหนก็ได้...แล้วแต่คุณ”
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าตัวตายหรอกค่ะ”
“อ้าว...งั้น....”
“ฉันแค่....เบื่อชีวิต...อยากเป็นปลา...คิดว่าตัวเองเป็นปลาเลยลงไปว่ายๆ...แล้วก็เป็นตะคริวจมน้ำ...ฉันคิดว่ามีปลาหมึกมาช่วยชีวิตฉันเสียอีก ตกลงเป็นคุณเหรอ?”
“อะไรนะ!”
เขาร้อง “ว่าผมเป็นปลาหมึกเหรอ”
“จิตกำลังจะดับ...ฉันไม่คิดว่าจะมีใครมาช่วยฉันทัน”
“สรุปว่าคุณ...ไม่ได้คิดฆ่าตัวตาย”
“ใช่ค่ะ ฉันไม่คิดหรอก”
“แล้วไป...แต่ว่าคราวหน้าคราวหลังอย่าได้คิดเล่นน้ำในช่วงเวลาที่คลื่นแรงแบบนี้ที่หาดแม่พิมพ์เป็นอันขาด คุณคงจะเคยได้ยินข่าว....เวลาเขาปักป้ายเตือนห้ามลงเล่นน้ำก็ต้องทำตาม...”
“เขาปักป้ายเตือน?”
“ใช่...บางที...ก็ต้องดูด้วย..ไม่ใช่รอแต่เขาเตือน...ภัยทางธรรมชาติทุกวันนี้ในที่ๆไม่เคยมีภัยก็ยังมีภัยได้เสมอ....”
“คุณนี่คงจะเป็นครูนะ ชอบสอนเหลือเกิน”
“เคยเป็น! แต่ตอนนี้ลาออกแล้ว”
น้ำเสียงเขาหงุดหงิด “เดี๋ยวผมจะ...ตักข้าวต้มให้...กับข้าวไม่มีอะไรนอกจากไข่เค็มกับปลาเค็ม...แต่เดี๋ยวผมจะไปเก็บผักกูดมาผัดให้อีกอย่าง...”
“ผักกูด?”
“อย่าบอกนะว่าไม่รู้จักผักกูดน่ะ”
“บอกค่ะ...เพราะว่าไม่รู้จักจริงๆ”
“มันเหมือนต้นเฟิร์นชนิดหนึ่ง...เอามาลวกจิ้มน้ำพริกหรือผัดแบบผักบุ้งก็ได้หวานดี...”
“ฉันหิวค่ะ...”
“รอเดี๋ยว...พอตื่นขึ้นมาก็จะกิน...”
หล่อนยิ้ม.. “คุณ..หล่อเนอะ”
“เฮอะ” เขาร้อง “ว่าอะไรนะ?”