รอวันที่เขากลับ (เพชรลดา เฟื่องอักษร)

รอวันที่เขากลับ (เพชรลดา เฟื่องอักษร)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786167397009
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 225.00 บาท 56.25 บาท
ประหยัด: 168.75 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

1

                                                                                                                                               

           

            ดริน  อักษรา ตื่นเช้าตามปกติ เมื่ออาบน้ำชำระร่างกายและ

แต่งตัวเรียบร้อย หญิงสาวก็เดินออกจากห้องส่วนตัวตรงไปที่ห้อง

มารดาซึ่งอยู่ตรงข้ามกัน

            “จะไปแล้วหรือลูก” คุณเทียมจิตผู้มารดาตื่นแล้วเช่นกัน ท่านกำลัง

แปรงผมอยู่บนเก้าอี้ตัวเล็ก

            “ค่ะคุณแม่” ดรินเดินมากอดเอวมารดาทางเบื้องหลัง เธอรัก

มารดามาก เพราะมีอยู่ด้วยกันเพียงสองคนเท่านั้น

            “แล้วจะกลับมาทานข้าวหรือเปล่า” คุณเทียมจิตถาม

            “ค่ะ สาย ๆ รินจะกลับมาทาน”

            “อย่าเลย” มารดาหันมายิ้ม “เห็นว่าจะมาทุกวันแต่ก็เงียบ โน่น…

เห็นหน้าลูกรินอีกทีก็เย็นค่ำ”

            ดรินหัวเราะเบา ๆ ยอมรับในคำกล่าวของมารดาจริงอย่างที่

ท่านว่า เธอต้องออกจากบ้านแต่เช้าทุกวันในช่วงนี้ เพราะโรงเรียน

 

 

 

อนุบาล “อักษรา” ซึ่งเธอเป็นเจ้าของนั้นขณะนี้อยู่ในช่วงเปิดเทอมใหม่

มีผู้ปกครองนำเด็กมาฝากทุกวัน ดรินเป็นทั้งเจ้าของและผู้จัดการ จึงต้อง

เอาใจใส่ต่องานที่กำลังดำเนินอยู่อย่างจริงจัง

            ดรินจบจากวิทยาลัยครูเทพสตรี แล้วก็เปิดโรงเรียนอนุบาล

เล็ก ๆ แทนการสอบบรรจุเหมือนเพื่อน ๆ โรงเรียนของหญิงสาว อยู่ใน

เนื้อที่เดียวกับบ้านหลังกะทัดรัดห่างกันประมาณแปดสิบเมตร โดยทำ

รั้วเตี้ย ๆ กั้นแบ่งเขตไว้

            “โถ...คุณแม่ขา งานกำลังเดินค่ะ ปีนี้เป็นปีที่สองของเราเด็ก

เพิ่มขึ้นนะคะ มากกว่าปีที่แล้วอีก”

            “เหรอลูก ต้องเพิ่มครูล่ะซิ”

            “ค่ะ แล้วรินก็คิดว่าจะเพิ่มอาคารเล็ก ๆ สักหลัง”

            “เพิ่มอาคาร” คุณเทียมจิตทำหน้าชอบกล “นี่ขนาดไม่เพิ่ม

อาคารแม่ยังไม่ค่อยเห็นหน้าลูกรินเลย แล้วถ้าเพิ่มขึ้นอีก แม่คงไม่

เห็นหน้าลูกเป็นเดือน ๆ กระมัง”

            “โธ่คุณแม่ก็โรงเรียนอยู่ใกล้ ๆ แค่นี้ คุณแม่คิดถึงริน ก็เดินไป

หาได้”

            “คุณเทียมจิตส่ายหน้า ขณะเดินนำลูกสาวออกมาจากห้อง

            “ไม่ล่ะจ๊ะ แม่ไม่อยากก้าวก่ายงานของลูก”

            “ทำไมล่ะคะ”

            “ประเดี๋ยวบรรดาคุณครูในปกครอง จะมองแม่แปลก ๆ”

            “ไม่หรอกค่ะคุณแม่ ครูทุกคนถามถึงคุณแม่เสมอว่าทำไม

คุณแม่ถึงไม่เดินไปเที่ยวโรงเรียนบ้าง” ดรินบอกมารดาตามจริงเกี่ยวกับ

ครูทุกคนในปกครองของเธอ

            “หรือจ๊ะ” มารดาเลื่อนแก้วนมสดให้หญิงสาว “เอาเถอะ ไว้ว่าง ๆ

แม่จะเดินไปเที่ยว พักนี้แม่ไม่ว่างเลย รับทำขนมเขาทุกวัน นี่วันนี้ต้องทำ

เค้กอีกหลายปอนด์”

            คุณเทียมจิตเป็นภรรยานายทหารมาก่อน บิดาของดรินเป็น

นายทหารยศพันเอก แต่เสียชีวิตในสนามรบเมื่อสิบปีก่อน คุณเทียมจิต

ไม่มีสามีใหม่ เลี้ยงดูดรินลูกสาวคนเดียวมาอย่างดี ด้วยการทำขนม

หวานส่งตามสถานีต่าง ๆ และบ้านพักทหารในกรม อาศัยว่าคุณ

เทียมจิตเป็นภรรยานายทหารมาก่อน และฝีมือในการทำขนมหวานทั้ง

ของไทยและของนอกของคุณเทียมจิตอยู่ในระดับสูง จึงเป็นที่ติดปาก

ติดใจของขาประจำมากมาย ไม่ว่าใครจะมีงานอะไร เป็นต้องมาสั่งขนม

หวานของคุณเทียมจิตทั้งนั้น

            เมื่อตอนที่ดรินจบจากวิทยาลัยครูใหม่ ๆ และยังไม่ได้ทำโรงเรียน

หญิงสาวเป็นลูกมือมารดาในการทำขนมเสมอ แต่พอหญิงสาวจับงาน

โรงเรียนจึงไม่มีเวลาช่วยงานมารดา คุณเทียมจิตจึงต้องทำคนเดียว

ดรินเคยคิดหาคนมาช่วยมารดา แต่ถูกปฏิเสธ

            “ไม่ต้องหรอกลูก แม่ทำเองคนเดียวดีกว่า สบายใจ สมัยนี้

เครื่องมือเครื่องไม้ทันสมัยจะตาย นั่งเฉย ๆ เสียบปลั๊กอย่างเดียว

ประเดี๋ยวก็เสร็จ”

            แม้ดรินจะอ้อนวอน เพราะเกรงว่ามารดาจะเหน็ดเหนื่อย ปีนี้อายุ

คุณเทียมจิตก็เข้าห้าสิบแล้ว เธอเกรงมารดาจะเหน็ดเหนื่อย เคยขอให้

หยุดรับทำขนมเสียด้วยซ้ำ แต่มารดายืนกรานอยู่คำเดียวว่า

            “มันเป็นความสุขของแม่ที่ได้ทำขนมแสนสวยพวกนี้

อย่าห้ามแม่เลยลูกริน คนช่วยแม่ก็ไม่เอาจ้ะ เอาเถอะถ้าลูกเกรงว่าแม่

จะเหนื่อย แม่ก็จะเพลาๆ บ้าง รับเฉพาะที่มาสั่งไม่ทำส่งสหกรณ์ก็ได้”

            ดรินก็เลยได้แต่อ่อนใจ แต่ก็พอใจในประโยคหลัง ๆ ของมารดา

เสร็จจากเครื่องดื่มเช้า ดรินก็เดินลงจากเรือนหลังเล็กตรงไปที่โรงเรียน

โดยเดินลัดสนามหน้าบ้านตัดตรงไปยังประตูเล็กเตี้ย ๆ เปิดแล้วก็กลับ

หลังลอดกายเข้าสู่บริเวณโรงเรียนอนุบาลของตัวเอง

            ปัจจุบันโรงเรียนอักษราของหญิงสาวมีอาคารเล็ก ๆ มีขาวอยู่

สองอาคาร อาคารละสามคูหาจัดแบ่งเป็นห้องเรียนเล็ก ๆ น่ารักทั้งหก

ห้อง ส่วนห้องธุรการนั้นปลูกเป็นห้องเล็ก ๆ อยู่ต่างหาก ด้านหน้าโรงเรียน

สีขาว หลังคากระเบื้องเขียวของอาคารเรียนและห้องธุรการนั้นใครผ่าน

ไปผ่านมาเป็นต้องเหลียวมองในความงามเก๋ไก๋ทั้งนั้น

            ทุกอย่างดรินเป็นคนออกแบบทั้งเองหมด

            เธอเป็นหญิงสาววัยยี่สิบสี่ที่มุ่งมั่นในการทำงานมาก ดรินเป็น

หญิงสาวที่มีรูปร่างสูงโปร่งบอบบางผิวขาวสะอาด ดวงหน้าสวยเรียบ

นั้นเป็นสิ่งหนึ่งที่มองแล้วสะดุดตานั่นคือดวงตาวาว หวานดำขลับเปล่ง

ประกายแห่งความเมตตาอยู่เนืองนิตย์ ดรินมีริมฝีปากบางเฉียบ

ด้านบนบางกว่าด้านล่าง เวลาหญิงสาวไม่ยิ้มจะดูคล้ายเม้มปาก

น้อย ๆ น่ารักเป็นหนักหนา ผมสลวยยาวเคลียไหล่นั้น ด้านหน้าเป็น

ผมม้า ใคร ๆ ในโรงเรียนโดยเฉพาะเพื่อนครูซึ่งมีทั้งหมดสี่คนนั้น

ต่างพากันรักใคร่ในตัวผู้จัดการคนนี้มาก ทั้งรักและศรัทธาในงาน

ที่เธอทำมาด้วยความตั้งใจ และประสบความสำเร็จ

            ดรินจะมาดูแลความเรียบร้อยของโรงเรียนก่อนใครอื่น แม้แต่

ครูเวรก็ยังไม่เคยมาทันผู้จัดการสักวัน

            เมื่อดูแลภายในอาคารเรียบร้อย ดรินก็เดินเรื่อยออกไปทาง

ด้านหน้าซึ่งเป็นสวนหย่อมขนาดเล็ก มีสนามหญ้าเขียวสะอาดตา

            หญิงสาวมองไปที่ประตูโรงเรียน ซึ่งคนขับเปิดไว้ เพื่อเอา

รถออกไปรับนักเรียนปกติ

            เธอเห็นนายทหารคนหนึ่งอุ้มเด็กน้อยเดินเข้ามาในบริเวณโรงเรียน

            “เอ...ทำไมมาส่งลูกแต่เช้าหนอพ่อคนนี้” ดรินรำพึงพลางยิ้มให้

เจ้าของร่างสูงที่เดินตรงมา

            “สวัสดีค่ะ มาแต่เช้าเชียว เอ...” หญิงสาวขมวดคิ้วเมื่อเห็นชัด

ว่าไม่เคยเห็นเด็กที่เขาอุ้มมาก่อน ดรินเป็นคนที่มีความจำดี เธอจำเด็ก

ทุกคนได้แม่นยำ โดยเฉพาะเด็กเก่า

            “เด็กใหม่หรือคะ เพิ่งเคยเห็น”

            “สวัสดีครับคุณครู” เขาวางลูกสาวลง “ผมเอ้อ...ผมเอา ลูกสาว

มาฝากครับ

            “งั้นหรือคะ งั้นเชิญที่ห้องธุรการค่ะ” ดรินยิ้มให้เขาอีกครั้งแล้ว

เดินนำเขาไปยังห้องทำงาน

            ร่างสูงในเครื่องแบบทหารทัพบก อุ้มลูกสาวไว้บนตัก กอดลูก

ไว้ตลอดเวลา ซึ่งเด็กน้อยก็ท่าทางรักพ่อมาก ซุกหน้าไว้กับอกพ่อไม่

ยอมมองหน้าดริน

            “คุณครูครับ” เขากล่าวขึ้นก่อนขณะที่ดรินหยิบแฟ้มทะเบียน

ประวัติเด็กออกมากาง

            “คะ” ดรินยิ้มแล้วเงยหน้าขึ้นมองเขา

            “ผมขอฝากประจำนะครับ”

            “อะไรนะคะ” หญิงสาวเอียงคอรู้สึกแปลก ๆ ในใจ ชายหนุ่ม

ผู้นี้ดูเศร้า ๆ มองตาหม่นนั้นราวกับซุกซ่อนบางสิ่งบางอย่างไว้อย่าง

เจ็บร้าว ท่าทางเขาเหมือนเพิ่งออกจากป่า ดรินเคยเห็นคุณพ่อของเธอ

อยู่ในลักษณะแบบนี้เมื่อตอนออกจากป่าใหม่ ๆ หนวดเครารุงรังเพราะ

ไม่เคยพบมีดโกนเลยเป็นเดือน

            เขาคนนี้ก็เช่นกัน หนวดเคราผมเผ้ายาวรุ่ยร่าย ส่วนต่าง ๆ บน

ใบหน้าเห็นเพียงจมูกโก่งเป็นสันเท่านั้น

            “ผมทราบฮะ ว่าที่นี่ไม่มีแผนกประจำ มีแต่ไปกลับ แต่ผมมี

ความจำเป็น คุณครูครับนึกว่ากรุณาเถอะ ที่นี่เป็นที่สุดท้ายที่ผมหวัง”

            “ขอโทษเถอะค่ะ เอ้อ...คุณแม่หนูนี่แกไปไหนล่ะคะ” ดรินหลุด

คำถามไปโดยไม่ตั้งใจ

            เขาเม้มปากแววตาจุดประกายบางอย่างแวบหนึ่งแล้วก็จาง

            “นับจากนี้ผมคงไม่มีเขาแล้วล่ะครับ เขาไปแล้ว”

            ดรินนั่งนิ่งไป

            “ตอนนี้ผมกับลูกไม่มีใครเลย” เขากล่าวต่อ น้ำเสียงที่ออกมา

ดรินฟังแล้วก็สะท้านใจ เขาคงพยายามระงับความปวดร้าวกระมัง

            “ผมหวังพึ่งที่นี่เป็นที่สุดท้าย ช่วยผมด้วยเถอะครับ”

            “ช่วย...ช่วยอย่างไรคะ” ดรินให้สับสน คำพูดเศร้า ๆ และดวงตา

หม่นคู่นั้นมองมาที่เธออย่างขอร้องและรอความหวัง

            “ผมอยากขอความกรุณา...เอ้อฝากลูกสาวประจำเลย” เขาพูด

ด้วยน้ำเสียงที่มีความหวัง

            “แต่ว่า...เอ้อโรงเรียนของเรามีแต่รับไปกลับ ไม่มีประจำ”

            ดวงหน้าเข้มนั้นฉายแววผิดหวัง...มากมาย

            จนดรินใจหาย เธอก้มหน้านิดหนึ่งไม่อยากมองแววตาที่ฉาย

ออกมาเลย

            เขาเป็นมาอย่างไรหนอ

            เด็กน้อยที่อยู่บนตักดูมอมแมม กอดพ่อแน่นราวกับเกรงว่าพ่อ

จะหลุดลอยออกไปนาทีใดนาทีหนึ่ง

            “คุณคะ” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นถามเสียงอ่อน “มีเรื่องอะไรเกี่ยว

กับครอบครัว ถ้าหากไม่ละลาบละล้วงเกินไปนัก ดิฉันก็อยากทราบ”

            เขาถอนใจ สีหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยต่าง ๆ

            เขาคงสับสนปนเป แล้วก็หม่นหมอง ดรินนึกในใจขณะเพ่งพิศ

ใบหน้าคมเข้มนั้น

            ตาเขาคมซึ้ง ทว่าซ่อนรอยหม่นหมองไว้มากมาย

            “ครับ ผมจะเล่าให้ฟัง” หลังจากคิดสักประเดี๋ยว เขาก็ก้มศีรษะ

ให้หญิงสาวอย่างสุภาพ

            “ผมร้อยโทอนุวัฒน์  สัจจารักษ์ ผมปฏิบัติหน้าที่อยู่ฐานพิเศษ

ชายแดนปราจีนบุรี เพิ่งออกมาจากป่าเมื่อวานนี้ตอนเย็น” น้ำเสียงที่

กังวานออกมาจากปากชายหนุ่มยศร้อยโทเบื้องหน้านุ่มหู ทอดจังหวะ

อย่างน่าฟัง แสดงออกถึงพื้นฐานจิตใจอย่างแจ่มชัด

            ดรินนั่งฟังเงียบ ๆ ขณะเขาพูดต่อ

            “ผมมาติดต่อสัมภาระให้ทางราชการ และเลยแวะเยี่ยมภรรยา

กับลูกสาวที่บ้านพักในศูนย์เมื่อคืน ปรากฏว่า” แล้วเสียงของเขาก็ขาดหาย

ไปช่วงหนึ่ง ก่อนที่เขาจะกล่าวต่อไป ซึ่งขณะที่เขาพูด ดรินนั่งฟังนิ่งเงียบ

            “แม่ลูกนกเขาไม่อยู่ ทิ้งลูกไว้ลำพังคนเดียว บุญว่ามีป้าบ้าน

ข้าง ๆ ช่วยดูให้ แกบอกผมว่าแม่ลูกนกไปกับผู้ชายคนหนึ่งเดือนกว่าแล้ว

เขาฝากใบหย่าไว้กับป้าข้างบ้าน” น้ำเสียงของเขาดูช่างขมขื่นนัก จนดริน

สะท้อนใจ

            “โถ...หรือคะ” หญิงสาวมองเขากับเด็กน้อยสลับกัน

            “ผมมีแม่ครับ แม่ผมอยู่เชียงใหม่ ไกลเกินไปที่ผมจะเอาหลาน

ไปให้ทัน เพราะผมต้องกลับเข้าฐานปราจีนบ่ายนี้ ผมเอาลูกนกไปฝาก

ทั่วเมืองลพบุรีเลยครับ แต่ผิดหวังหมด ที่นี่เป็นที่สุดท้าย” พูดแล้ว

ร้อยโทหนุ่มก็กอดลูกสาวตัวน้อย ๆ นั้นไว้แนบอก

            “ลูกผมน่าสงสารเหลือเกิน แกขาดทั้งพ่อทั้งแม่ ผมเองบางที

สามสี่เดือนจึงได้กลับออกมาเสียที เขาคงทนไม่ได้ จึงทิ้งลูกไป”

            “เอาเถอะค่ะ” ดรินตัดสินใจ “ดิฉันจะรับลูกสาวคุณไว้เอง

จะเลี้ยงเองเลยค่ะ ดิฉันไม่มีใคร อยู่กับคุณแม่สองคนเท่านั้นเอง”

            “จริงหรือครับ” ผู้หมวดหนุ่มพูดอย่างดีใจ ตาหม่นเศร้าเมื่อครู่

จางหายไปเกือบหมด

            “ลูกนกของพ่อ ต่อไปลูกอยู่กับคุณครูนะลูกนะ”

            “ไม่เอา ไม่ ไม่...” เด็กน้อยซึ่งนั่งเงียบมานานเริ่มแสดง

ปฏิกิริยา “นกไม่เอา นกไม่อยู่กับใคร นกจะไปกะพ่อ

            “ไปอย่างไรล่ะลูกเอ๋ย” เขาพยายามให้เหตุผลกับลูกสาวตัว

น้อย ๆ แต่เด็กน้อยไม่รับฟัง กอดคอพ่อแน่นพลางร้องไห้

            “ฮือ ฮือ พ่อจ๋านกไปด้วย แม่ทิ้งนกไปแล้ว พ่อจะทิ้งนกอีกเหรอ

ให้นกไปด้วย นกจะไปกะพ่อ ฮือ...ฮือ...”

            “ไปไม่ได้หรอกลูก ลูกต้องมีเหตุผล อย่าร้องไห้”

            “พ่อไม่รักนกใช่ไหม ฮือ” เด็กน้อยสะอื้อจนตัวสั่น น้ำตาไหล

ลงพวงแก้มเป็นทาง ผู้เป็นพ่อใช้ผ้าขนหนูเล็ก ๆ ซับให้ลูกอย่างบรรจง

พลางปลอบ

            ภาพพ่อลูกเบื้องหน้า ทำเอาหัวใจหญิงสาวไหวยวบน้ำตาซึม

            เมื่อเล็ก ๆ เธอเองก็เคยเป็นเช่นนี้มิใช่หรือ เธอเป็นลูกสาวนายทหาร

ที่ต้องประจำชายแดน บิดาออกป่าทีเธอร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร กลัวพ่อ

ไม่กลับ

            ซึ่งท่านก็ไม่กลับจริง ๆ

            ดรินใจหายวูบ

            นี่ถ้าเขาคนนี้ไปไม่กลับเหมือนพ่อเธอล่ะ

            จะทำยังไง

            ไม่หรอก หญิงสาวสะบัดหน้า ต้องไม่เป็นเช่นนั้น คนเราต่างกรรม

ต่างวาระ เขาไม่โชคร้ายแน่นอน

            “พ่อไม่รักนก”

            “ใครบอกว่าไม่รักจ๊ะ พ่อรักนกมาก แต่พ่อไปทำงาน เอาเถอะ

นะ พ่อสัญญาว่าจะมาหาลูกบ่อย ๆ” เขาจูบแก้มลูก ดวงตาแดงของ

เขาคล้ายมีน้ำใส ๆ รื้นขึ้นมา ดรินเผลอกรีดน้ำทิ้งอย่างลืมตัว

            “พ่อโกหกนก ฮือ...ฮือ...พ่อบอกจะมาบ่อย ๆ แต่พ่อก็ไปนาน

นานจนแม่เกลียดนก”

            “พ่อเป็นทหารนี่ลูกเอ๋ย พ่อต้องทำตามหน้าที่ เอาเถอะ ต่อไป

นี้พ่อจะมาบ่อย ๆ จะซื้อขนมมาฝาก เสื้อสวย ๆ มาให้มาก ๆ”

            “จริง ๆ นะคะ” เด็กหญิงตัวน้อยหน้าใสขึ้น กอดพ่อไว้เอาหน้า

ตัวเองแนบกับหน้าผู้เป็นพ่อ

            “ตุ๊กตามิกกี้ด้วยหรือเปล่า”

            “ด้วยจ้ะ เอาสองตัวเลยนะ กระโปรงสวย ๆ ขนมอีก โอย...เยอะ

แยะไปหมด”

            “อย่านานนะพ่อนะ นกจะคอย” ทั้งที่ยังไม่สะอื้นไม่หาย แต่เด็ก

น้อยก็ยิ้มออกกับคำของผู้เป็นบิดา

            “โถ...ลูกพ่อ ไม่นาน ไม่นานพ่อสัญญา” เขากอดร่างเล็ก ๆ นั้น

ให้แนบอกอีกครั้ง แล้วหันมาทางดรินซึ่งนั่งน้ำตาซึมอยู่

            หญิงสาวยิ้มเขิน ๆ เมื่อสบตาเขาที่มองมา

            “คุณครูครับ ผมขอฝากแก้วตาแก้วใจไว้ด้วย ชีวิตนี้ผมมีเขา

คนเดียวเท่านั้น”

            “ค่ะ ค่ะ อย่าได้ห่วงเลย ดิฉันจะดูแกเอง ลูกนกมาหาคุณครูสิ

คะ” เธอลุกขึ้นมายืนข้างโต๊ะทำงานพลางกางแขน

            เด็กหญิงแก้มยุ้ยมองหน้าพ่อ ทำตาแดง ๆ อีก

            “ไปซิลูก คุณครูใจดีออก นะลูกนะ” เขาปล่อยลูกสาวลงจากตัก

เด็กน้อยรีรออยู่ครู่หนึ่งก็เดินมาหาอย่างไม่แน่ใจ

            “หนูจ๋า” หญิงสาวโอบร่างเล็กซึ่งผอมบางนั้นอย่างเบามือ

            โถ...ผอมตัวนิดเดียว เสื้อผ้าเก่า ๆ ผมยุ่งเชียว แต่น่ารัก ดวงตา

แป๋วแหววจ้องมองหญิงสาวอย่างขลาด ๆ

            “เรียกน้าดีกว่านะ ไหนเรียกซิคะ น้าดริน”

            “น้า น้าดริน” เด็กหญิงพึมพำเสียงแผ่ว

            “หนูชื่ออะไรคะ”

            “เขาชื่อสโรชาครับ สโรชา  สัจจารักษ์” ผู้เป็นพ่อตอบเอง

            “น้าดรินขาอย่าตีนกนะ อย่าหยิกนกด้วย นกเจ็บมากเวลา

แม่หยิกนก เนื้อเขียว” เด็กน้อยกอดเอวดรินบ้าง พลางเงยหน้าพูดตาม

ประสาเด็ก

            “ไม่หรอกค่ะ น้าไม่ทำอย่างนั้นแน่นอน น้าจะรักหนูมาก ๆ ที่บ้าน

มีคุณยายด้วยนะ คุณยายใจดี ทำขนมเก่ง”

            “ผมต้องไปแล้ว” เขาผุดลุกขึ้น ดวงหน้าเศร้า ๆ ตาโศกเมื่อครู่

บัดนี้แววเศร้าโศกนั้นจางหายไปเกือบหมดสิ้น

            “ไปเถอะค่ะ เชิญเลย ลูกนกคุณอย่าได้กังวล ดิฉันเป็นเจ้าของ

โรงเรียนนี้ โน่นไงคะ บ้านของดิฉันอยู่ด้านโน้น” หญิงสาวชี้ให้เขาดู

บ้านหลังเล็กของเธอกับมารดา

            “เอานามบัตรดิฉันไปด้วย ถ้าอย่างไงขอให้คุณส่งข่าวคราว

มาให้รู้บ้างว่าคุณอยู่ที่ไหน” เธอหยิบนามบัตรส่งให้ เขารับไปก่อนจะ

ส่งซ่องสีน้ำตาลหนาส่งให้เธอ

            “เอกสารเกี่ยวกับลูกนกครับคุณครู มีเงินจำนวนหนึ่งด้วย

ผมลาล่ะครับ แล้วจะส่งข่าวมา ถ้ามาไม่ได้จริง ๆ”

            “ค่ะ ๆ ขอให้โชคดี” เธอยิ้มให้เขาเป็นครั้งสุดท้าย เขาดึงลูกนก

ไปจูบที่ศีรษะ ลูกนกทำท่าจะร้องตาม

            เขาเลยรีบก้าวเร็ว ๆ ออกไปจากห้องนั้นอย่างตัดใจ


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (91 รายการ)

www.batorastore.com © 2024