ประชาธิปไตยบนเส้นขนาน (ปกใหม่)

ประชาธิปไตยบนเส้นขนาน (ปกใหม่)

3 รีวิว  3 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786167455037
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 195.00 บาท 48.75 บาท
ประหยัด: 146.25 บาท ( 75.00% )

รายละเอียด

โดย วินทร์ เลียววาริณ


รีวิว (3)

เขียนรีวิว

tong1111 | 3 รีวิว
15/02/2015

เป็นคนไม่ชอบการเมืองเลยค่ะ แต่เพราะเรียนนิติศาสตร์เลยรู้สึกว่าควรจะมีความรู้ติดหัวไว้บ้างโดยเฉพาะพาร์ทประวัติศาสตร์การเมืองไทยต่างๆ คือถ้าใครมีปัญหาไม่ชอบการเมืองเหมือนเราเราจะแนะนำให้อ่านเล่มนี้เลยล่ะ เพราะมันเข้าใจง่าย เรียงลำดับเหตุการณ์สำคัญๆ ในประวัติศาสตร์อิงกับคนที่อยู่ในประวัติศาสตร์จริงๆ และด้วยวิธีดำเนินเรื่องแบบนิยายมันทำให้ไม่น่าเบื่อค่ะ อ่านเพลินแล้วก็ลุ้นไปกับตัวเอกที่ยืนกันอยู่คนละขั้วของประชาธิปไตยซึ่งผู้แต่งเก่งมากค่ะ เวลาอ่านแล้วจะไม่รู้สึกว่าโดนชักนำหรือยัดเยียดความคิดให้เชียร์ฝ่ายไหนเป็นพิเศษเลย เหมือนเป็นการนำเสนอความคิดต่างที่มีจุดประสงค์เดียวกันคือก็หวังดีกับประเทศชาติเหมือนๆ กัน แต่แค่ว่ามีวิธีการกันคนละแบบ เคลื่อนไหวกันคนละอย่าง อยู่กันคนละที่ และต่างคนต่างมีอุดมการณ์ ต่างคนต่างมีสิ่งที่ยึดมั่นถือมั่นและต้องรับผิดชอบในหน้าที่และสิ่งที่ตนเองเชื่อ แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้เกลียดกัน คุยกันได้ แลกเปลี่ยนกันได้ เหมือนหนังสือได้แนะแนวทางในการเข้าหาและปรับความเข้าใจสำหรับคนที่ยืนกันคนละจุด ว่าการยึดมั่นถือมั่นมากเกินไปมันไม่ทำให้อะไรดีขึ้น เรามองว่าตัวละครทั้งสองสะท้อนถึงการรับฟังค่ะ ฟังกันแบบใจนักเลงเปิดกว้าง เพราะหากไม่รับฟังกันเลยคงคุยกันไม่รู้เรื่อง หนังสือเล่มนี้ชื่อเรื่องอธิบายเนื้อหาได้ดีมาก ทั้งคู่เดินกันไปบนเส้นขนานที่ปลายทางเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกันและทั้งคู่ก็ทำเต็มที่ในเส้นอุดมการณ์ของตัวเอง เหมาะกับคนเรียนประวัติศาสตร์ การเมืองมากๆ โดยเฉพาะคนเพิ่งเริ่มต้นสนใจ
ฐาปนัส | 3 รีวิว
29/07/2014

ผู้เขียน วินทร์ เลียววาริณ สำนักพิมพ์ 113 จำนวนหน้าหนังสือ 304 หน้า 1 ในหนังสือรางวัลซีไรท์ของประเทศไทย ที่ผมเคยอ่านเมื่อครั้งนานมาแล้ว แต่ยังจำได้ดีและได้กลับมาอ่านอีกครั้งเมื่อเรียนรัฐศาสตร์ครับ "ประชาธิปไตยบนเส้นขนาน" ทำให้ประชาธิปไตยและประวัติศาสตร์ไม่เป็นเรื่องน่าเบื่ออีกต่อไป ซึ่งก่อนอื่นต้องชมผู้เขียนก่อนเลยครับว่า รักษาความเป็นกลางได้อย่างดีเยี่ยม ส่วนมากเรื่องเกี่ยวกับการเมือง ผู้เขียนมักจะมีใจโอนเอนอยู่เสมอ และอีกเรื่องที่ขอชมคือเรื่องของการใช้ภาษาและการเรียบเรียงเหตุการณ์ได้ออกมาอย่างน่าสนใจครับ หนังสือเล่มนี้ ได้จำลองการเกิดประชาธิปไตยตั้งแต่เปลี่ยนการปกครองได้ออกมาเข้าใจอย่างน่าอัศจรรย์ครับ โดยเล่าผ่านตัวละคร 2 คน ที่ใช้ชีวิตต่างกันทั้งในด้านชีวิตส่วนตัวและอุดมการณ์ ถึงแม้ว่าทั้งสองจะมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือความสงบสุขของบ้านเมืองและสิทธิเสรีภาพที่เท่าเทียมกัน แต่อุดมกาณ์มันไม่สามารถเดินไปด้วยกัน จึงเป็นชื่อของหนังสือเล่มนี้ครับ "" ประชาธิปไตยบนเส้นขนาน เริ่มเรื่องมาที่ชายชรา 2 คนนั่งอยู่บนม้านั่งตัวเดียวกัน ดู ๆ ไปก็คล้าย ๆ เพื่อนสนิทกันครับ ซึ่งคนทั้งคู่รู้จักกันครั้งแรกเมื่อ 60 ปีที่แล้ว โดยชายคนแรกคือ เสือย้อย โจรที่มีการศึกษาสูง ในอดีตกาลเคยรุ่งเรืองด้วยการรับราชการมีราชทินนามว่า "หลวงกฤษฎาวินิจ" เป็นทหารที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และเป็นผู้ต่อต้านการปฏิวัติ จึงถูกบีบบังคับให้กลายมาเป็น "เสือ" ในที่สุด ชายชราอีกคน คือ ร.ต.ต.ตุ้ย พันเข็ม นายตำรวจอุดมการณ์แรงกล้า รักประเทศมากกว่าชีวิต เป็นนายตำรวจที่มีบทบาทสูงในการปฏิวัติครั้งนั้น และเป็นนายตำรวจคนสนิทของผู้นำที่มีอำนาจสูงสุดในประเทศท่านหนึ่ง เห็นแค่นี้ก็รู้แล้วว่าทั้งคู่ต่างกันขนาดไหน ทั้งชีวิตความเป็นอยู่และอุดมการณ์ มันยากมากครับที่ทั้งคู่จะยืนอยู่บนเส้นทางเดียวกันได้ ซึ่งมันไม่ได้มีแค่นั้นครับ ย้อนกลับไปดูตอนที่ทั้งคู่เจอกันครั้งแรกคือ พ.ศ.2476 หลังได้มาซึ่งประชาธิปไตย จ่าตุ้ยได้รับคำสั่งให้ไปตามจับเสือย้อย อดีตนายทหารผู้มีความฉลาดที่ได้เข้าร่วมกับฝ่ายกบฏบวรเดช แต่ไป ๆ มา ๆ ทั้งคู่กลับกลายเป็นเพื่อนต่างอุดมการณ์กัน ต่อมา พ.ศ.2482 เสือย้อยถูกจับกุมอีกครั้ง และกำลังจะถูกประหาร ในคดีลอบสังหารจอมพล ป. ร.ต.ต.ตุ้ยเป็นผู้ควบคุมการประหารเสือย้อย แต่แล้วเสือย้อยก็สามารถรอดมาได้จากความฉลาดและบทบาทของตนเอง จากนั้น เป็นเรื่องราวของเสือย้อยล้วน ๆ โดยเมื่อรอดพ้นจากโทษประการ เสือย้อยถูกส่งไปที่เกาะตะรุเตาที่ขังนักดทษการเมืองไว้หลายรุ่น ซึ่งสุดท้ายเสือย้อยสามารถหนีออกมาได้ และได้ไปเป็นคนส่งข่าวลับให้แก่ทางเสรีไทย ซึ่งก็ถูกญี่ปุ่นจับได้อีก ขณะที่กำลังจะถูกฆ่า ญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้ต่อฝ่ายพันธมิตรพอดี เสือย้อยจึงรอดตายได้อีกเป็นครั้งที่ 4 เสือย้อยจึงต้องพาตัวเองไปหลบซ่อนอยู่ตามที่ต่าง ๆ และตั้งใจจะทำการปฏิวัติ แต่ช้ากว่ากบฏแมนฮัตตัน ซึ่งท้ายที่สุดก็พ่ายแพ้ต่อรัฐบาล กลับมาที่พ.ต.ต.ตุ้ย ที่ชีวิตเริ่มตกต่ำบ้างแล้ว เมื่อจอมพล ป.หมดอำนาจ เขาต้องพาจอมพล ป. หนีไปชายแดนเขมรทันที และกลับมาอีกครั้งเพื่อเข้าร่วมงานศพผู้เสียชีวิตจากการปราบคอมมิวนิสต์ ทั้งคู่กลับมาพบกันอีกครั้งหลังสงครามประชาชน พ.ศ.2516 เมื่อพล.ต.ท.ตุ้ยได้รับคำสั่งให้ไปจับเสือย้อย แต่กลับพบความจริงว่า ลูกชายของเสือย้อยโดนจับ เสือย้อยฝากฝังชีวิตลูกชายไว้กับท่านนายพล แต่แล้วลูกชายของเสือย้อยก็ต้องเสียชีวิตจากการเข้าใจผิดของเจ้าหน้าที่รัฐ และเรื่องราวทั้งหมดก็มาจบลงที่เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ เมื่อทั้งคู่ต้องพิสูจน์ตนเองอีกครั้งหนึ่ง สนุกนะครับ สนุกมากเลยทีเดียว ผู้เขียนทำให้ประชาธิปไตยเป็นเรื่องที่เข้าใจง่าย ฝ่ายแพ้ก็คือฝ่ายแพ้ตลอดชีวิต ไม่มีทางจะกลับมาชนะได้ แม้จะมีจุดมุ่งหมายเดียวกันกับฝ่ายชนะก็ตาม ผมรักชีวิตที่สมบุกสมบันของเสือย้อยนะ ไม่ว่าจะเป็นยังไงก็สู้ไม่ถอย ิ่านแล้วก็รู้สึกเจ็บปวดกับชีวิตของเสือย้อยครับ และออกจะรู้สึกชิงชัง ดาบตุ้ยปืนผี อยู่ในใจ มันยากนะครับที่จะอ่านหนังสือแบบนี้แล้วไม่เอน แต่อยากจะบอกว่าหนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับผู้เรียนกฎหมาย ประวัติศาสตร์ และรัฐศาสตร์มากทีเดียว
Doraemon | 3 รีวิว
22/07/2014

ในประวัติศาสตร์มีอะไร...อาจจะเป็นคำถามที่ใครหลายคนอาจจะต้องครุ่นคิดเสียหน่อย แล้วอาจจะย้อนถามว่า ประวัติศาสตร์อะไร แน่นอนว่าสำหรับหนังสือเรื่องนี้ คงเป็นประวัติศาสตร์ของประชาธิปไตย และแม้ว่าประเทศไทยนั้นจะถือว่าปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย แต่เรานั้นเข้าใกล้ประชาธิปไตยน้อยมาก น้อยเสียจนเหมือนมันเป็นเส้นขนาน เพราะนิยามของเส้นขนานคือเส้นสองเส้นที่ไม่มีวันมาบรรจบกัน นั่นจึงเป็นชื่อหนังสือที่เจ็บปวดและปวดใจเหลือเกิน เพราะนั่นหมายความว่า เราอาจจะเดินเคียงข้างคำว่าประชาธิปไตยไปนานแสนนานแต่อาจจะไม่ได้สัมผัสกับประชาธิปไตยอย่างแท้จริงเลยก็ วินทร์ เลียววารินทร์ เค้นเอาประวัติศาสตร์มาร้อยเรียงเป็นนิยายอิงประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจอย่างยิ่งยวด และทุกประวัติศาสตร์ที่นำมาใช้นั้น เกี่ยวข้องกับการปกครอง การเรียกร้อง และเรียนรู้เกี่ยวกับประชาธิปไตยของประเทศไทยผ่านตัวละครสองตัวเด่นคือ เสือย้อยและนายตำรวจที่ชื่อตุ้ย หากจะพูดถึงด้านความสนุกสนาน ถือได้ว่าไม่ได้น้อยหน้านิยายเรื่องไหนที่วางอยู่บนแผงเลยสักนิด เพราะนิยายเรื่องนี้ ถึงแม้จะออกแนวเคร่งเครียด แต่ก็ตื่นเต้น น่าติดตาม ลุ้น และเราคนอ่านก็จะต้องคอยเอาใจช่วยตลอดเวลา ในส่วนของการบีบคั้นอารมณ์ตามแบบฉบับนิยายนั้นคุณวินทร์ก็ใส่เข้ามาครบ เรียกได้ว่าครบรสไม่น่าเบื่อแน่นอน และที่ถือว่าทำได้ดีเยี่ยมคือการทำให้ประวัติศาสตร์ที่เคยเกิดขึ้นจริงและเรื่องแต่งที่เสริมเติมเข้าไปนั้น กลมกลืนได้อย่างดี อ่านแล้วลื่น ไม่มีสะดุด ด้านภาษานั้นก็เข้าถึงอารมณ์ บรรยายความรู้สึก ความเจ็บปวดของสงครามย่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการเรียกร้องประชาธิปไตยก็ดี การก่อกบฏในครั้งต่างๆก็ดี บาดลึกเข้าไปถึงอารมณ์ เมื่อเราต้องยอมรับว่า สิ่งเหล่าคือเรื่องจริงที่เคยเกิดขึ้น ตัวละครสองตัวนั้นมีหน้าที่ขับเคลื่อนเรื่องราวให้เดินไปข้างหน้าได้อย่างสวยงาม และวินทร์ได้สร้างตัวละครที่ทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ แต่หากจะถามว่าชอบสิ่งใดในเรื่องนี้ที่สุด ก็คงเป็นเพราะเมื่ออ่านเราจะเข้าใจเขาเข้าใจเราขึ้น ไม่มากก็น้อย เพราะทุกเรื่องราวมักจะมีหลายแง่มุม และนิยายเรื่องนี้จะทำให้เราเปิดใจรับฟังมากขึ้นโดยอัตโนมัติ และด้วยความกลมกล่อมที่ลงตัว ก็ไม่น่าแปลกใจอะไรที่หนังสือเล่มนี้จะได้รับรางวัลซีไรต์ในปี 2540 เพื่อมาการันตีคุณภาพของนวนิยายเรื่องนี้ ซึ่งผู้อ่านเองก็อยากจะช่วยการันตีอีกแรง โดยเฉพาะคนที่อยากศึกษาประวัติศาสตร์เกี่ยวกับประชาธิปไตยในประเทศไทย ลองอ่านเรื่องนี้ดูก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีทีเดียว แต่ถ้าจะมีสิ่งที่ไม่ชอบก็คงจะบอกว่าเป็นภาพประกอบที่ใส่มาด้วย เพราะบางภาพก็ชวนให้สลดหดหู่เหลือเกินจนเราไม่อยากจะเห็นภาพต่อไป แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เราก็หวังว่าสักวัน ประชาธิปไตยกับประเทศไทย จะไม่เป็นเช่นเส้นขนานเหมือนชื่อนิยายเล่มนี้

สินค้าที่ใกล้เคียง (35 รายการ)

www.batorastore.com © 2024