รวมเรื่องสั้น ลูกแก้วสำรอง (ประชาคม)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: -
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 130.00 บาท

เนื้อหาบางส่วน

ภาคหนึ่ง/เลือดเข้มทะเลเค็ม

 

ลูกทะเล

 

เมื่อนำเรือเข้าจอดเทียบท่าหน้าศาล โด่งปล่อยมือจากพวงมาลัยแล้วก้าวลงห้องเครื่อง แว่วยินเสียงตะโกนถามจากคนในเรือที่จอดเทียบข้างกัน เขาฟังไม่ถนัดและไม่ทันได้ตอบ รีบมุดหัวลงไปดับเครื่องก้าวขึ้นมายืนชะเง้อมองหาเจ้าของคำถามเมื่อครู่

          “เฮ้ย ขายเท่าไหร่วะโด่ง” เสียงตะโกนจากเรือลำข้างๆ ย้ำมาอีกครั้ง เมื่อเห็นหน้าคนถามชัดเจน โด่งเปิดยิ้มกว้าง แสงแดดยามสายสาดกระทบผิวหน้าเกรียมคล้ำเป็นมันเลื่อมระยับ

          “สานพันกว่าพี่ทูน” โด่งตะโกนตอบคนทะเลรุ่นพี่ที่ยืนอยู่บนเรืออีกลำ

          “เฮ่ย ดีนี่หว่า ออกไปลากถึงไหนวะ”

          “โน่น หลังโป๊ะแม่กลอง”

          “โอย มึงใจกล้าไปถึงโน่นเชียว ติดซากบ้างไหม”

          “ไม่ติดนี่พี่ทูน ฉันรู้แนวดี เมื่อก่อนพ่อเคยพาไป”

          “เดี๋ยวเย็นนี้มึงรอกูด้วย ขอตามก้นสักวันเถอะวะ ขายไม่ถึงพันห้ามาเกือบเดือนแล้วกู หัวโตชิบหาย”

          “ฉันออกวันหน่อยนะพี่ทูน”

          “เออ...ถ้ากูยังนอนไม่ตื่น มึงใช้ใครไปเรียกด้วยแล้วกัน”

          โด่งรับคำคนทะเลรุ่นพี่ก่อนก้มลงเปิดถังน้ำแข็งหิ้วถุงปลากุเลาห้าหกตัวก้าวพ้นเรือขึ้นฝั่ง หันหน้าตะโกนสั่งลูกน้องคนเดียวของเขาที่กำลังเตรียมหุงข้าวอยู่ทางท้ายเรือ

          “ไอ้เขียว ก่อนนอนอย่าลืมชักน้ำเรือล่ะ”

          “จ๊ะพี่โด่ง พี่อย่าลืมเอาเงินไปให้แม่ฉันด้วย แกจะรีบไปใช้หนี้”

          “เออ...เอ็งไม่ต้องห่วงหรอก”

          โด่งรับคำลูกน้อง ก้าวผ่านหน้าศาลเจ้าแม่ปากคลอง เลี้ยวเข้าตรอกเล็กๆ ที่สองฟากแน่นขนัดไปด้วยบ้านเรือนหลังคาจากแต่ละลังอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่หลายพ่อหลายแม่ ทั่วทั้งตรอกจึงเต็มไปด้วยลูกเด็กเล็กแดง บ้างจับกลุ่มเล่นกันตามซอกบ้านเรือน บ้างอยู่ในวงแขนของแม่ ร้านค้าร้านขายตั้งระเกะระกะอยู่ตามฟากตรอก

          โด่งแวะบ้านหลังคาจากเก่าโทรมหลังหนึ่ง ส่งเงินค่าแรงลูกน้องให้หญิงวัยกลางคนที่กำลังง่วนอยู่กับกระจาดปลาแห้ง นางรับไว้แล้วถามถึงลูกชาย พอรู้ว่ายังอยู่ในเรือนางค่อยยิ้มอย่างโล่งอก

          โด่งสืบเท้าเดินไปตามซอกแคบๆ เงยหน้าขึ้นทักทายและตอบคำถามของเพื่อนบ้าน มีคนตะโกนถามข่าวคราวเขาไม่ขาดระยะ เป็นคำถามช้าๆ ไม่ต่างไปจากวันก่อน ทว่าคำตอบเปลี่ยนไปทุกวันตามตัวเลขที่ขายปลาได้ หากวันไหนได้มามากก็มีความกระตือรือร้นที่จะตอบ  อยากให้มีคนถามซ้ำแล้วซ้ำเล่า หากวันไหนได้มาน้อย แถมอวนขาดและเครื่องเสีย ถูกเพื่อนโยงเข้าฝั่ง คำถามของเพื่อนบ้านนอกจากทิ่มตำความรู้สึกของคนตอบแล้ว ยังกระแทกซ้ำเติมลงบนความน้อยหน้าและอับโชค

          โด่งเหมือนจะค่อนข้างโชคดี พักหลังเขามักเข้าฝั่งได้ปลามามากกว่าเพื่อนเรือขนาดเดียวกันแทบทุกวัน คำยกย่องชมเชยจึงแพร่กระจายไปทั้งย่าน หลายคนแปลกใจที่เขาเปลี่ยนเป็นคนละคนจากที่เคยดูแคลนว่าเขาไม่สู้งาน ไม่มีความอดทน ต่างก็มองเขาด้วยสายตายอมรับมากขึ้น

          บ้านของโด่งอยู่ลึกเกือบถึงท้ายตรอก ติดกับฝั่งคลองอีกด้าน เป็นบ้านหลังเก่าแก่ที่อยู่กันมาตั้งแต่เขายังไม่เกิด สภาพจึงโย้เย้จวนเจียนผุพัง ฝาขัดแตะและจากมุงหลังคาถูกเปลี่ยนใหม่ครั้งสุดท้ายเมื่อหลายปีก่อน โด่งมีความคิดจะรื้อสร้างใหม่ทั้งหลังเหมือนกัน แต่ก็ต้องรอให้หนี้สินที่พ่อทำไว้หมดลงเสียก่อน

          บ้านเงียบเชียบ แม่กับน้องสาวไปทำงานที่โรงงานปลาแต่เช้ามืดกลับมามืดค่ำทุกวัน ทิ้งบ้านเอาไว้เช่นเดียวกับครอบครัวอื่นๆ ในละแวกเดียวกัน โด่งเปิดถึงน้ำแข็งในครัววางถุงปลาลงหยิบน้ำแข็งก้อนใหญ่วางทับก่อนปิดฝาถังลงอย่างเดิม น้ำแข็งที่เหลือในถังสามสี่ก้อนคงช่วยให้ปลายังสดเมื่อถึงมือแม่ในตอนเย็น

          อาบน้ำเสร็จโด่งนุ่งกางเกงจีนตัวใหม่ นั่งลงกินข้าวที่แม่ทำไว้เผื่อเขาเช่นทุกวัน

          กินข้าวเสร็จ โด่งล้มตัวนอนบนเสื้อน้ำมัน หัวเกยหมอนตะแคงมองผ่านชายคาบ้าน ลมจากชายคลองพัดป่าแสมเสียงดังกราว ภาพของพ่อและความหลังดีดเต้นขึ้นในห้วงนึก

 

เมื่อก่อนหน้านี้โด่งไม่เคยคาดหวังมาก่อนว่าเขาจะเหมือนลูกชาวประมงอื่นๆ ที่สุดท้ายก็หนีทะเลไม่พ้น

          หลังจบการศึกษาภาคบังคับ โด่งใฝ่ฝันอยากเรียนต่อในชั้นสูงๆ เพื่อจะได้ทำงานสบายไม่ลำบากตรากตรำเหมือนชาวประมงทั่วไป  ทว่าความฝันของเขาเดินสวนทางกับความเป็นจริง เพราะพ่อแม่ไม่อยู่ในฐานะที่จะส่งเสริมเขาได้

          โด่งออกเรืออวนลากลำเดียวกับพ่อซึ่งมีตำแหน่งเป็นนายท้าย เริ่มต้นฝึกงานตั้งแต่ยังเล็กๆ แม้ช่วยงานผู้ใหญ่ในเรือได้ไม่มาก แต่เงินค่าแรงของเขาก็มีความหมายต่อครอบครัว ซึ่งมีแม่ที่เพิ่งคลอดลูกคนที่สอง กับพ่อที่รายได้ไม่สูงนักเป็นหัวเรี่ยวหัวแรง

          ความมุ่งหวังของพ่อกับโด่งแตกต่างกัน พ่อฝันอยากเป็นเจ้าของเรือสักลำเพื่อจะได้สลัดพ้นพันธะที่ต้องตกเป็นลูกจ้างคนอื่น ทะเลคือมหาวิทยาลัยชีวิตของพ่อที่เรียนรู้วิชาประมงมาตั้งแต่เล็ก บทเรียนความลำบากตรากตรำอันยาวนาน สู้ฝ่าคลื่นลมและความร้อนหนาวของทะเลมาปีแล้วปีเล่า พ่อสอบผ่านด้วยความทรหดอดทน เรือหาปลาลำเล็กๆ คือปริญญาที่พ่อมุ่งหวัง

          สำหรับโด่งบาดแผลจากทะเลที่ตราติดแผ่นอกคือความเจ็บฝังจำที่ทำให้เขาเกลียดชังเรือประมง เขาได้แผลนั้นมาในช่วงโรงเรียนปิดเทอม พ่อพาเขาออกไปกับเรืออวนลากเป็นครั้งแรกที่เขาออกสู่ทะเลลึกในหน้ามรสุม เขามึนหัวอาเจียนนอนซมอยู่หลายวัน พ่อบังคับออกมายืนหน้าเรือหวังให้เขาคุ้นเคยกับคลื่นลม แรงคลื่นทำให้เรือโยกคลอนไปทั้งลำ เขาทรงกายไม่อยู่ ล้มลุกคลุกคลาน คลื่นลูกหนึ่งสาดข้ามหัวเรือเข้ามาหอบร่างกระจ้อยร่อยวัยแปดขวบของเขาหล่นลงสู่ทะเล หน้าอกและแขนขาบางส่วนถูกเพรียงท้องเรือขาดเป็นแผลลึก

          ความเจ็บปวดในครั้งนั้นทำให้เขาเกลียดเรือประมงทุกลำ ไม่อยากเข้าใกล้ ไม่อยากเห็นทะเล คิดฝันเสมอว่าเขาจะต้องหนีไปจากวังวนเก่าๆ นี้ให้ได้ เขาจะต้องไม่เหมือนลูกชาวประมงอื่นๆ ที่เติบโตขึ้นจะต้องทำงานเป็นลูกเรือ

          พ่อออกทะเลมาแต่เล็กจนแก่ เงินค่าแรงที่เก็บสะสมไว้แม้จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี แต่ก็ไม่มากพอที่จะเป็นทุนต่อเรือเล็กๆ ตามที่วาดหวัง

          แม่อุ้มลูกอ่อนไปรับจ้างแกะกุ้งพอมีรายได้สมทบกับค่าแรงของพ่อ แต่ทว่า...ต่อให้ทุกคนใช้จ่ายอย่างประหยัดแค่ไหนก็ตาม เรือต่อใหม่ลำสวยๆ วางเครื่องดีๆ มีเครื่องมือลากอวนพร้อมสรรพก็ยังเป็นเพียงความฝันของพ่อที่ยากจะเป็นจริงขึ้น

          ด้วยความมุมานะ ในที่สุดพ่อก็มีเรือเป็นของตัวเองจนได้ ในปีที่โด่งอายุสิบห้า พ่อตกลงใจซื้อเรือเก่าจากเพื่อนบ้านที่ขายเงินผ่อนให้ เจ้าของเดิมทำเป็นเรืออวนลอยปู พ่อนำมาดัดแปลงเป็นเรืออวนลากตามความถนัด กู้เงินเถ้าแก่เก่ามาเป็นทุนตัดอวน และกู้ธนาคารมาซื้อเครื่องมือต่างๆ จนครบ แม้เงินที่เก็บสะสมมาทั้งชีวิตจะถูกใช้จ่ายไปจนหมดเกลี้ยง แต่พ่อก็พาโด่งออกสู่ทะเลด้วยความลำพอง พ่อได้เป็นไต้ก๋งและเป็นเถ้าแก่เองแล้ว

          ความฝันของพ่อบรรลุจุดหมาย เหลือเพียงชีวิตจริงที่พ่อต้องฟันฝ่าอุปสรรคหนี้สิน เหมือนโซ่ตรวนเส้นใหม่ที่ร้อยรัดเข้ามาแทนที่

 

วันคืนในท้องทะเลผ่านมาประทับรอยแผลลงบนเรือนร่างของโด่งรอยแล้วรอยเล่า ความเจ็บปวดเหมือนตะปูที่ตอกฝังทับถมลงบนความรู้สึกเก่าๆ ย้ำความเกลียดชังที่เขาเคยมีต่อทะเลให้ทวีรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ความฝันของเขาเหมือนสัตว์พิการที่ยังสืบชีวิตอยู่ภายใต้ความขมขื่นฝืนกลั้น เขากับพ่อเหมือนสีสองสีที่ตัดกันอย่างสิ้นเชิง พ่อรักทะเล พร้อมอุทิศทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตฝังลงกับเวิ้งสีคราม พ่อจึงไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกของเขา      

          โด่งเริ่มมีปากเสียงกับพ่อบ่อยครั้งด้วยความเห็นที่ไม่ลงรอยกัน โด่งเห็นว่าชาวประมงพื้นบ้านที่อยู่กันมาตั้งแต่มีทะเลนั้น ไม่มีใครมั่งคั่งร่ำรวยจนเป็นเจ้าของเรือใหญ่ คนที่เป็นเจ้าของแพปลา  โรงงาน และห้องเย็นทั้งหลายนั้น ล้วนเป็นคนที่มาจากถิ่นอื่น พวกเขามาฉกฉวยเอาความสุขความสบายจากคนในพื้นที่ไปครอบครองไว้หมดสิ้น

          ชั่วชีวิตของชาวประมงจึงต้องทำงานหนักเหมือนทาส เพื่อให้คนจากถิ่นอื่นมาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ แล้วในที่สุดก็เป็นฝ่ายสร้างกฎเกณฑ์และเงื่อนไขขึ้นมา  กดขี่ให้ชาวประมงพื้นบ้านตกอยู่ใต้อำนาจและอิทธิพล

          โด่งเห็นว่าไม่ยุติธรรมอาเสียเลย ชาวเรือเสี่ยงออกทะเลหาปลามาได้อย่างยากลำบาก แต่คนร่ำรวยจากการค้าปลากลับเป็นคนที่อยู่บนฝั่ง ไม่เคยรู้รสคลื่นลม ไม่เคยสัมผัสเปลวแดด และไม่เคยมีบาดแผลจากทะเล

          ทุกครั้งที่นึกถึงบาดแผลบนหน้าอก โด่งยังเจ็บลึกในใจไม่หาย  เขาร่ำถามตัวเองเสมอมาว่า หยาดเลือดและเหงื่อไคลของเขาไหลเข้าสู่ปากใคร

          พ่อไม่มีคำตอบที่ชัดเจน พ่อเชื่อมั่นต่อวิถีชีวิตดั้งเดิม ไม่กล้าขบถเปลี่ยนแปลงเสาะหาเส้นทางสายใหม่

          “มึงมันไม่ใช่ลูกทะเล” พ่อตวาดเขาเมื่อวันแห่งการแตกหักมาถึง โด่งตัดสินใจทิ้งทะเล หวังเข้าไปทำงานสร้างฐานะในเมือง น้ำเค็มไม่สามารถกัดกร่อนความฝันของเขาได้หรอก เขาจะทำให้มันเป็นจริงเพื่อเป็นแบบอย่างแก่ลูกหลานชาวประมงรุ่นใหม่

            เสียงห้ามปรามของพ่อแม่และญาติมิตรไม่มีพลังอำนาจพอฉุดเขากลับใจได้ เขาคิดว่าเพียงพอแล้วกับการต่อสู้ชีวิตในวิถีเดิม

          อนาคตชาวประมงเรือเล็กหาเช้ากินค่ำอย่างพ่อคงยากจะหลุดพ้นบ่วงหนี้สินและร่างแหของความยากจน ปลาแถบชายฝั่งหายากขึ้นทุกวัน เครื่องมือทำประมงของนายทุนเรือใหญ่พัฒนาก้าวล้ำจนทะเลแทบไม่เหลือปลาให้ล่า โด่งคิดว่าถูกต้องแล้วที่เขาต้องรีบตัดสินใจ

          “ไปเลยไอ้โด่ง มึงกลัวเจ็บกลัวเหนื่อย ทนลำบากยากจนไม่ได้ มึงไปให้ห่างทะเล”

          พ่อตวาดไล่โด่งทิ้งท้าย เขายิ้มเยาะในใจ คิดว่าสักวันเขาต้องหวนกลับมามีฐานะอยู่เหนือชาวประมง เขาอาจเป็นเจ้าของแพปลาเสียเองที่ร่ำรวยขึ้นมาโดยไม่ต้องทำงานเอาตัวเข้าแลก

          “มันสำคัญที่จุดหมายไม่ใช่หรือพ่อ วิธีการที่พ่อและคนพื้นบ้านเชื่อมั่นสืบต่อกันมานั้นไม่มีทางก้าวไปไกลกว่านี้ได้หรอก” โด่งตะโกนตอบโต้พ่อในใจวันที่เขาตัดสินใจทิ้งถิ่นเกิด เหชีวิตเข้าไปแสวงโชคในเมือง

 

ทะเลสอนให้โด่งรู้จักความเจ็บปวดและเข้าใจความอดกลั้น แต่ฝั่งและคนเมืองสอนเขาอีกอย่าง เมื่อเจ็บต้องรู้จักตอบโต้ ได้แผลหนึ่งต้องตอบแทนผู้กระทำเป็นสองเท่า หากอ่อนหัดไม่ทันเล่ห์กลก็จะเป็นฝ่ายถูกกระทำซ้ำแล้วซ้ำอีก ชีวิตซับซ้อนเกินกว่าเขาจะเรียนรู้และสอบผ่านเป็นผู้ชนะ แผ่นดินแห่งความยากไร้และทุกข์ทนกว้างไกลยิ่งกว่าทะเลที่เขาเคยรู้จัก

          โด่งเหมือนปลาหนีน้ำ กระเสือกกระสนไปไกลเท่าใดก็ยิ่งร้อนรน  แผ่นดินใหม่ที่เขาพานพบซ่อนคลื่นลมเกรี้ยวกราดยิ่งกว่าทะเล เขาค่อยๆ เข้าใจพ่อและชาวประมงพื้นบ้านที่สืบวิถีชีวิตตามอย่างบรรพบุรุษ ไม่มีใครตำหนิความต่ำต้อยยากไร้ เผชิญหน้างานหนักและความยากจนประดุจเรือที่หันหัวสู้คลื่นลม

          เมื่อโด่งหวนคืนกลับมา เขาได้พบเพียงร่างอันไร้วิญญาณของพ่อ

          พ่อเป็นลูกทะเลแท้จริง ลมหายใจเฮือกสุดท้ายของพ่อสิ้นไปกับการสาวอวน พ่อทิ้งร่างไร้ลมหายใจลงกับกองอวนกลางอ้อมกอดของทะเลกว้างใหญ่ เรือลำเก่าอันเปรียบเหมือนมงกุฎดอกไม้แห่งชีวิตพ่อถูกเพื่อนชาวเรือโยงเข้าฝั่งท่ามกลางเสียงคลื่นแห่งท้องทะเลที่กังวานอยู่ข้างหลัง

          เรือเที่ยวสุดท้ายของพ่อเข้าจอดเทียบท่าหน้าศาล ไม่มีแม้ปลาสักตัวเดียวขึ้นขาย นอกจากร่างสุดท้ายของชาวประมงผู้เป็นเจ้าของ

          โด่งสำนึกผิดด้วยน้ำตา เขาพยายามสลัดความเศร้าโศกทิ้งเรียกความเข้มแข็งกลับคืนมา มุ่งหน้าผจญกับงานหนักกลางทะเลครั้งใหม่

          “ขายใช้หนี้พ่อมึงไปเสียเถอะ เหยาะแหยะอย่างมึงน่ะเร้อจะออกลากอวน” แม่สบประมาทในทันทีที่เขาเอ่ยปากว่าจะนำเรือออกลากเอง ไม่มีใครเชื่อน้ำหน้าว่าคนห่างเหินงานทะเลไปเกือบสิบปีอย่างเขาจะเหลือธาตุทรหดพอสู้กับความอำมหิตของทะเลในแต่ละฤดูกาลได้

          คำปรามาสดังระงมไปทั้งย่านเมื่อเขานำเรือออกทะเลวันแรก  รอยยิ้มเยาะเหมือนจะคลี่ฉายอยู่ทุกมุมปากของคนในตรอกเดียวกัน

          คล้ายทะเลให้โอกาสลูกผู้สำนึกผิดเสมอ ให้เขากลับมาเรียนรู้ความเจ็บปวดและเหนื่อยล้าอีกครั้ง เพื่อเขาจะเข้าใจทะเลได้ดียิ่งกว่าที่ผ่านมา

 

เสียงเครื่องเรือกระหึ่มก้องลำน้ำ เรือสองลำค่อยๆ ขยับออกจากท่าเทหัวออกสู่ปากอ่าว ท่ามกลางแสงแดดอ่อนยามเย็นที่อาบทาท้องน้ำเป็นประกายสีทองวิบวับ

          โด่งนำเรือแล่นนำหน้า ชะลอเบาเครื่องลงเมื่อมีเสียงตะโกนโหวกเหวกจากเรือที่แล่นตามมา

          “มึงอย่าพากูไปล่อซากเข้าละไอ้โด่ง” พี่ทูนเร่งเครื่องพาเรือแล่นมาตีคู่ ตะโกนแข่งกับเสียงเครื่องยนต์

          “โธ่ พี่ทูน แถวนั้นฉันหลับตาลากได้ หากินกับพ่อมาเท่าไหร่แล้ว” โด่งตะโกนตอบอย่างมั่นใจ เขายิ้มกว้าง นึกขบขันตัวเองอยู่บ้างที่เผลอพูดอวดโอ่เกินจริง

          “เออ...กูเชื่อมึง ไปวะ เร่งเครื่อง เดี๋ยวจะมืดเสียก่อน”

          เรือพุ่งไปข้างหน้า แหวกน้ำกระเซ็นต้องลำแดดเป็นประกายสายรุ้ง เคลื่อนผ่านผืนน้ำที่ค่อยๆ เปลี่ยนสีไปตามระดับความลึก

          “รักจะออกจะออกทะเลมึงต้องกล้าได้กล้าเสีย กล้าสู้งานหนัก และไม่กลัวเจ็บ” คำพูดของพ่อแว่วมากับสายลม

          ก่อนนั้นโด่งขลาดเขลาเกินเข้าใจ จุดหมายของพ่อไม่ได้อยู่ที่ความสุขสบายฉาบมายา พ่อไม่เคยหวังในลาภผลที่ไม่ได้เกิดจากหยาดเหงื่อแรงงานของตน พ่อมีความสุขความมั่นใจในวิถีที่พ่อได้เลือกแล้ว พ่อรักชีวิตสุขสงบในท่ามกลางธรรมชาติแห่งท้องทะเล

          มรสุมร้อยฤดูกาลจะผ่านมามอบบทเรียน บาดแผลในเส้นทางแสวงหาจะพิสูจน์ธาตุทรหดและธาตุแท้ความเป็นลูกทะเล ผืนน้ำสีครามกว้างใหญ่ไพศาลซ่อนมนต์ขลังไว้ในทุกอณูของความเค็ม

          วันนี้โด่งซึมซับเสน่หาแห่งท้องทะเลอย่างรู้ซึ้งถึงแก่นแท้

          ป่าแสมและปากอ่าวถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง ริ้วคลื่นเติบดอกดวงโตขึ้นเป็นลำดับ โด่งจับพวงมาลัยแน่น บังคับเรือหันหัวสู้คลื่นที่โถมกระแทกกระทั้นเข้ามาเป็นระลอก

 

***พิมพ์ครั้งแรก  นิตยสาร ลลนา  เมษายน 2537

รายละเอียด

ลูกแก้วสำรอง

 

สารบัญ

 

คำนำผู้เขียน  21 ปีลูกแก้วสำรอง

 

ภาคหนึ่ง/เลือดเข้มทะเลเค็ม

 

ลูกทะเล

เดินน้ำเค็ม

ฝั่งสุดท้าย

นิยายจากชายฝั่ง

คนโซ

 

ภาคสอง/หน้าต่างใจอย่างเมือง

 

สินน้ำใจ

สายฝนและค่ำคืน

กฎเหล็กข้อที่ห้า

ผู้หญิงหลายชั้น

บ้านชานเมือง

 

ภาคสาม/ครรลองคนและโลก

 

หมู่บ้านไก่ชน

โศกนาฏกรรม

คนทันสมัย

สุสานทะเลทราย

ลูกแก้วสำรอง


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (80 รายการ)

www.batorastore.com © 2024