ยาหยีที่รัก (หงส์หยก) (EBOOK)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: ยาหยีที่รัก
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 350.00 บาท 87.50 บาท
ประหยัด: 262.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

                                                        ตอน1

ตลาดสดยามเช้ามากมายไปด้วยผู้คนค่อนข้างจอแจ ที่ต่างเข้ามาจับจ่ายซื้อของกันตามความพอใจ หลากหลายเสียงแลกเปลี่ยนกันออกความคิดเห็น บ้างติติงอาหารที่ทำออกมาวางขายว่าจำเจน่าเบื่อ ผ่านเข้าไปบริเวณกลางตลาดมีเสียงใสๆ ของแม่ค้าสาวตะโกนร้องเรียกผู้ที่เดินผ่านไปมา

“ขนมถ้วยจ้า...ขนมถ้วยอร่อยๆ จ้า”

“ยังไม่ไปโรงเรียนอีกเหรอตังเม” ลูกค้าประจำรายหนึ่งทักทาย

“เดี๋ยวจะไปแล้วจ้ะ เหลืออีกนิดเดียว”

“ไปแต่งตัวเถอะลูก เหลือนี่แม่จัดการเอง” ป้าเผื่อนบอกลูก

“ก็ได้จ้ะแม่ งั้นเดี๋ยวฉันนับเงินรวมๆ ไว้ก่อนนะ” ตังเมหันมาหากระป๋องเงิน แต่แล้วก็ทำหน้าเผือดลง “อ้าว ประป๋องเงินหายไปไหนล่ะแม่”

“ไม่รู้ เมื่อกี้ยังเห็นอยู่นี่นา”

“ฉันก็เอาไว้ตรงนี้ ไม่ได้เอาไปไหนซักหน่อย”

ตังเมและแม่ช่วยกันรื้อค้นบริเวณรถเข็นยกใหญ่ แต่หาเท่าไหร่ก็ยังหาไม่เจอ

“แม่..ตอนฉันไปเข้าห้องน้ำเมื่อกี้ แม่เห็นใครมาเดินแถวนี้หรือเปล่า”

“ไม่มีนะ จะเห็นก็แต่ไอ้เป้งมันมาหายางรัดของเท่านั้น”

“ไอ้เป้ง...” ตังเมฉายแววตาเอาเรื่อง “แม่รออยู่นี่ก่อนนะ ฉันจะต้องรีบไปเอาเงินที่ได้จากน้ำพักน้ำแรงฉันคืน” ขาดคำก็เร่งฝีเท้าด้วยความเร็วออกไปจากที่นั่น

“ตังเมเอ๊ย...ใจเย็นนะลูก” ป้าเผื่อนมองตามลูกไปอย่างเป็นกังวล

 

บริเวณบ้านเช่าหลังเล็กหลังตลาด เป็นบ้านเก่าค่อนข้างโทรม ไอ้เป้งเด็กชายวัย 16 กำลังนั่งนับเงินใส่กระเป๋าอย่างอารมณ์ดี ฮัมเพลงลั่นบ้าน

“ขอบฟ้า..จะไปให้ถึง....ขอบฟ้า...”

ขอบประตูบ้านบานใหญ่ กระเด็นหลุดเข้ามาดังปาฏิหาริย์

ไอ้เป้ง!...

เจ้าของชื่อหันมาอ้าปากค้าง มือที่ถือเงินรีบซ่อนด้านหลัง

“อีตังเม อะไรวะ”

“ยังมีหน้ามาถามอีกเหรอ”

“นี่ เอ็งเข้ามา ข้าวของฉันเสียหายหมด อย่างงี้ถือว่าบุกรุกนะโว้ย มีอะไรทำไมไม่พูดกันดีๆ”

“เอาเงินฉันคืนมา”

“เงินอะไร ไม่รู้เรื่อง”

“เงินที่ซ่อนไว้ข้างหลัง เงินแม่ฉัน เอาคืนมา”

“เงินแม่แกก็อยู่กับแม่แกสิ มาอยู่กับฉันทำไม”

ตังเมมองเห็นกระป๋องเงินวางอยู่ไม่ห่างกัน

“นั่นไง กระป๋องเงินยังอยู่นั่น เอาเงินคืนมา ไม่งั้นวันนี้อย่าหวังว่าจะออกไปจากที่นี่ได้”

“แน่จริงก็ตามมาเอาคืนสิวะ”

ไอ้เป้งเผ่นแนบออกไปจากบ้านอย่างรวดเร็ว ตังเมสวมวิญญาณนักวิ่งโอลิมปิกเร่งฝีเท้าตามไปในระยะกระชั้นชิด

กระทั่งมาถึงปากซอย ตังเมเริ่มเหนื่อยหอบแฮ่ก เหลียวซ้ายแลขวาแต่ไม่เห็นไอ้เป้งอยู่ดี

“หายไปไหนวะ อย่าให้เจอนะมึง แม่จะจับลอกหนังซะให้เข็ด”

เข่งเก่าๆ ไม่ห่างกันนักขยับไปมาเล็กน้อย ตังเมเหลือบสายตาไปทางนั้นแล้วนั่งลงบนเข่งดังกล่าวเอาดื้อๆ พลางหันไปตะโกนสั่งเจ๊ร้านกาแฟแถวนั้น

“เจ๊..โอเลี้ยงแก้ว...เอาแก้วใหญ่พิเศษ แบบร้อนสุดๆ”

“ได้จ้ะ รอแแป๊บ”

ตังเมเริ่มพูดพึมพำอยู่คนเดียว “ถ้าไม่อยากกินโอเลี้ยงตอนเช้า...ออกมามอบตัวซะดีๆ ไอ้เป้ง”

ยังเงียบ...

“แกก็รู้ว่าคนอย่างแกหนีฉันไปไหนไม่ได้ไกลอยู่แล้ว...”

!!!.....ยังคงเงียบ

“โอเลี้ยงได้แล้วจ้า” แม่ค้าเดินเอามาส่งให้

ตังเมจ่ายเงินแล้วนั่งยิ้ม

“เจ๊...เดี๋ยวกินโอเลี้ยงหมด ฉันขอน้ำร้อนสองแก้วนะ ตอนเช้ากินของร้อนๆ เขาว่าดี”

ไอ้เป้งที่อยู่ในตะเข่งเบิกตาค้าง เริ่มประหวั่นพรั่นพรึงกับชะตากรรม

“หนึ่ง...” ตังเมเริ่มนับ “สอง...” เธอนับต่อ.. “สาม...”

โอเลี้ยงแก้วใหญ่ถูกเทพรวดลงไปในเข่ง ได้ยินเสียงขลุกขลักดิ้นไปมา

“เจ๊...น้ำร้อนได้ยัง”

“มาแล้วจ้า” เจ๊คนขายเดินมาส่งให้

“หนึ่ง...สอง...”

ยอมแล้ว!....     เสียงไอ้เป้งร้องขึ้นดังลั่น

ตังเมยิ้มสมใจ “แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง” เธอลุกขึ้น

ไอ้เป้งค่อยเปิดเข่งออกมา หัวหูเต็มไปด้วยโอเลี้ยงดำปี๋ หยดย้อยไหลมาเกือบถึงปาก ตังเมอดหัวเราะไม่ได้

“นึกว่าจะรอน้ำร้อนอีกแก้วถึงจะมอบตัว...เอาเงินคืนมา”

ไอ้เป้งส่งเงินให้อย่างง่ายดาย พอได้เงินเสร็จสรรพตังเมก็เสยเข้าที่ปลายคางไอ้เป้งหนึ่งหมัด ลงไปนอนแอ้งแม้งริมฟุตบาท จากนั้นจึงตามไปกระชากคอเสื้อรั้งขึ้นมาประจันหน้า

“คราวต่อไปถ้าแกทำแบบนี้อีก ฉันจับแกส่งตำรวจแน่”

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ นี่มันอะไรกัน” เสียงหนึ่งดังขึ้น

ตังเมหันไปมองหน้า เห็นการันในสภาพเซอร์สุดๆ กำลังยืนต่อว่าเธออย่างไม่พอใจ

“รังแกกันแบบนี้ไม่ดีนะน้อง”

“ใครเป็นน้องคุณ”

ไอ้เป้งถลาเข้าหลบหลังการัน “ช่วยด้วยครับพี่”

“ถอยไป เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ” ตังเมจ้องชายตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง

“แต่ฉันไม่ชอบเห็นคนถูกรังแก...”

“ก็ไอ้นี่มันเอา...”

ไอ้เป้งถือโอกาสวิ่งหนีไปโดยที่ตังเมยังไม่ทันพูดจบ

“เฮ้ย..” ตังเมทำท่าจะตาม “กลับมาเดี๋ยวนี้นะ”

การันจับตัวเธอไว้ “ไม่ได้นะ ฉันปล่อยให้เธอตามไปรังแกคนแบบนี้ไม่ได้”

“วะ” เธอสะบัดแขนจ้องหน้า “ฉันเสียเวลาตามมันตั้งนาน จนไม่ทันโรงเรียน จู่ๆ คุณก็มาปล่อยมันไปง่ายๆ งั้นเหรอ”

“แล้วทำไมต้องทำกันรุนแรงแบบนี้ด้วย”

“ก็มันขโมยเงินฉันไป ฉันจะตามไปจัดการกับมัน”

การันหน้าเสีย

“แล้วนี่มันก็หนีไปแล้วด้วย เพราะคุณคนเดียว”

“ฉัน...ขอโทษ..ฉันไม่รู้นี่นา..เอางี้ มันเอาเงินเธอไปเท่าไหร่”

“ทำไม จะจ่ายแทนเหรอ”

การันพยักหน้าล้วงกระเป๋าเงิน คลำไปมา “เฮ้ย..กระเป๋าฉัน”

“อะไรของคุณ อย่ามาทำฟอร์มห่วยๆ ”

“กระเป๋าเงินฉันฉันหายไป”

“จะให้ฉันเชื่อเหรอ..”

“ก็ตะกี้ฉันยังซื้อของอยู่เลย ถามป้ารถเข็นนั่นก็ได้”

ตังเมถอนหายใจ “มันเล่นคุณเข้าแล้วล่ะสิ”

“อะไรนะ”

“ก็ไอ้คนที่คุณปล่อยมันไปเมื่อกี้ไง สมน้ำหน้า อยากเป็นพ่อพระดีนัก”

“ตายล่ะ แล้วฉันจะไปตามมันได้ที่ไหน”

“จะไปตามที่ไหนมันก็เรื่องของคุณ  เฮ้อ!...นี่แหละน้าเขาว่าทำคุณบูชาโทษแท้ๆ ซวยจริงๆ ที่มาเจอคุณเนี่ย ไปดีกว่า”

“เฮ้ย..เดี๋ยว..”

“อะไรอีกล่ะ”

“ฉัน..เอ่อ..ไม่มีเงินขึ้นรถกลับ”

“หา...ซวยเข้าไปใหญ่เลยทีนี้..แล้วบ้านช่องอยู่ไหนล่ะ”

“หมู่บ้านทรัพย์ทวี”

“อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่นี่นา ก็เดินกลับไปแล้วกันคุณ”

“โหใจดำชะมัด”

“อยากมาทำฉันเสียเรื่องทำไมล่ะ เดินซะให้เข็ด”

“จะได้รู้ไปว่าคนไทยสมัยนี้น้ำใจหายาก” การันเดินไปบ่นไปเรื่อย ตังเมมองตามอย่างลังเล

 

 รถมอเตอร์ไซด์สภาพกลางเก่ากลางใหม่ วิ่งไปบนถนนด้วยความเร็วสูง หักเลี้ยวซ้ายขวาปาดหน้ารถยนต์แบบคล่องตัว การันที่นั่งอยู่ด้านหลังกอดเอวตังเมเอาไว้แน่นจนแทบจะเรียกว่ารัด

“ขับเบาๆ ก็ได้ ฉันไม่ได้รีบขนาดนั้น”

“100 นี่ถือว่าเบาแล้วนะคุณ ฉันมีเวลาไม่มาก”

ตังเมบิดเร่งความเร็วต่อ

เมื่อรถเลี้ยวเข้ามาถึงหน้าปากทางเข้าหมู่บ้าน ตังเมเบรกอย่างแรง ทำเอาการันกระเถิบเบียดเข้ามากอดแนบสนิทจนแทบจะเป็นคนเดียวกัน

“ถึงแล้วคุณ”

การันยังกอดเอาไว้แน่น

“คุณถึงแล้ว จะกลัวอะไรกันนักหนา” เธอเรียกเสียงดัง

การันค่อยๆ ขยับออกลงจากรถช้าๆ ใบหน้าซีดเผือด สภาพอิดโรย ผมที่ยาวประบ่ายุ่งเหยิงพันกันอีรุงตุงนัง

“ขอบคุณหลวงพ่อที่ช่วยลูกจนถึงที่หมาย”

“ฉันไม่พาคุณมาตายหรอกน่า”

“ทำไมส่งแค่นี้”

“เอาแค่นี้แหละ เหลือนั่นเดินเข้าไปเอง ฉันขี้เกียจแลกบัตรเข้าไป”

“ก็ได้ ขอบใจนะ” เขายิ้มนิดๆ “ไม่ได้เสียวแบบนี้มานาน”

“เฮ้ย..พูดอะไร อย่ามาทะลึ่งนะ”

“ก็มันจริงมั้ยล่ะ ขับรถยังกับจะไปลงแรลลี่ แต่ก็ดี สนุกไปอีกแบบ รอเดี๋ยวสิ ฉันจะโทร.ให้คนเอาเงินค่าน้ำมันมาให้”

“ไม่ต้องหรอก คนไทยอย่างฉันยังพอมีน้ำใจอยู่บ้าง” เธอสตาร์ตรถขับแล่นออกไปทันที

“ขอบใจนะ” การันตะโกนตามหลังแล้วโบกมือให้

 

อาณาบริเวณเนื้อที่กว่าร้อยตารางวา เป็นคฤหาสน์หลังใหญ่ของคุณบดินทร์และคุณโฉมฉาย ผู้มั่งคั่งด้วยธุรกิจสนามกอล์ฟและธุรกิจรถยนต์

เสียงเพลงลูกทุ่งดังลั่นบ้าน อันเนื่องมาจากโฉมฉายกำลังทำหน้าที่ครูสอนเต้นแอโรบิคให้กับสาวใช้สี่ห้าคน ที่กำลังโยกย้ายส่ายสะโพกตามไปด้วย

“หนึ่ง..สอง..สาม..สี่ๆๆๆๆ เอ้า..อย่าหยุดนะ ต้องทำต่อเนื่อง เดี๋ยวจะไม่ได้ผล หนึ่ง สอง สาม สี่ๆ นั่นนายบุญส่ง ทำผิดท่าแล้ว ทำมาตั้งนานยังไม่คล่องอีก เดี๋ยวเถอะ หนึ่งและสองและสามและสี่ น่าน ต้องอย่างงั้น”

เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น ส้มแป้นสาวใช้คนหนึ่งผละจากการเต้นแอโรคบิควิ่งปรือไปที่ประตูก่อนจะเบรกตัวโก่งส่งเสียงถาม

“มาหาใครจ้ะ”

“ถ้าไม่อยากตายอย่าส่งเสียงเด็ดขาด เปิดประตูให้ฉันเข้าไปเดี๋ยวนี้”

ส้มแป้นหน้าถอดสี

“เร็วสิ เดี๋ยวยิงไส้ทะลุ” ชายดังกล่าวขยับมือที่ซ่อนอยู่ในเสื้อไปมา

ส้มแป้นยอมเปิดประตูแต่โดยดี

“พาฉันเข้าไปหาคุณโฉมฉาย เร็ว”

ส้มแป้นเดินตัวแข็งทื่อนำหน้าเข้าไป เนื้อตัวสั่นเทา

โฉมฉายที่กำลังกระโดดตบมือกลางอากาศ มีอันต้องหยุดชะงักเมื่อเสียงเพลงเงียบลงไปกะทันหัน เปลี่ยนเป็นเสียงนกหวีดดังเป็นจังหวะขึ้นมาแทน

 “ปิ๊ด ปี้ ปิ๊ด....ปิ๊ด ปี้ ปิ๊ด...”

ส้มแป้นยืนนิ่งไม่กล้าขยับ ขณะที่โฉมฉายพิจารณาชายที่ยืนอยู่ด้านหลังส้มแป้น ก่อนจะระบายยิ้มออกมา

ตารัน!...

“คุณแม่” สองแม่ลูกถลาเข้ากอดกันกลม “ผมคิดถึงคุณแม่มากที่สุดเลยครับ”

“ตารัน โถ่ลูก กลับมาทำไมไม่บอก แม่จะได้ให้คนไปรับ”

“เมืองไทยแค่นี้ ผมกลับเองก็ได้ครับ”

“แล้วกระเป๋าล่ะลูก”

“เดี๋ยวเขาจะส่งตามมาทีหลัง..แต่กระเป๋าเงินตอนนี้ไม่มี เพราะหาย..”

“อะไรนะ!”

“ถูกมือดีล้วงไปน่ะสิครับ”

“จริงเหรอลูก ตายล่ะมาถึงก็เจอเรื่องเข้าเลย”

“ถือว่าฟาดเคราะห์แล้วกันครับ”

“แล้วดูแต่งตัวเข้าซิ ผมเผ้ายิ่งกว่าโจรซะอีก ไม่เอาล่ะ แม่ไม่ยอมให้ลูกอยู่ในสภาพโลโซแบบนี้หรอก ลูกจะต้องเปลี่ยนโฉมใหม่ ให้สมกับตำแหน่งรองประธานกรรมการของคุณพ่อ”

“มาถึงเมืองไทยแล้ว สุดแต่คุณโฉมฉายจะจัดการแล้วกันครับ”

“ส้มแป้น ไปหาน้ำมาให้คุณการันสิ ยืนเฉยอยู่ทำไม”

“คือ...คือ...”

“รีบๆ เข้าสิ”

“คือ..ส้มแป้นไม่กล้าน่ะค่ะ” สาวใช้ยืนนิ่ง

“ไม่กล้าอะไร ไปสิ”

“นังส้มแป้นมันฉี่ราดอีกแล้วครับคุณนาย”

“ต๊าย...นังส้มแป้น อะไรของแก ใครทำให้แกตกใจอีกล่ะ”

“ก็คุณการันน่ะสิคะ แกล้งเป็นโจรขู่ส้มแป้นให้เปิดประตู ส้มแป้นก็นึกว่าจริง ก็เลยเป็นอย่างที่เห็นนี่แหละค่ะ”

“ตารันนะตารัน” โฉมฉายค้อนลูกชายเข้าวงใหญ่

“ขอโทษด้วยนะส้มแป้น ฉันไม่รู้มาก่อนว่าเธอตกใจแล้วฉี่แตกแบบนี้” การันหัวเราะขำกับท่าทางของส้มแป้นที่เป็นอยู่

 

 

บ้านพักหลังขนาดกลาง บริเวณท้ายตลาด เป็นบ้านชั้นเดียวที่ไม่ได้ตบแต่งอะไรมาก มีเพียงของใช้จำเป็นบางอย่างวางไว้เป็นจุดๆ ป้าเผื่อนกำลังจัดการละเลงแป้งผสมเคล้าให้เข้ากันเพื่อเตรียมทำขนมไว้ขาย โดยมีตังเมเป็นหัวเรือใหญ่ช่วยแม่ขยันขันแข็ง

“วันนี้เลยเสียเวลาไปวันหนึ่งสิแก ไม่น่าไปตามมันเลย ไอ้เป้งน่ะ”

“ปล่อยได้ยังไง ปล่อยมันก็เคยตัว นี่ยังไม่เห็นหน้ามันนะ จะตะบันซ้ำอีกสักที”

“ตังเมเอ้ย เอ็งเป็นผู้หญิงนะ ข้าก็ห่วงเอ็ง เดี๋ยวจะเรียนไม่จบเอา เผื่อไอ้เป้งมันทำมิดีมิร้ายจะว่าไง”

“ก็ลองดูสิแม่”

“ปีนี้ก็ปีสุดท้ายแล้วไม่ใช่เหรอ นี่ถ้านังเกดมันขยันเรียน มันก็คงจบไปก่อนหน้าเอ็ง”

“เอาน่าแม่ ปีหน้าก็จบพร้อมหนูนั่นแหละ”

“นี่จะทุ่มแล้วยังไม่กลับเลย ไม่รู้ไปเถลไถลที่ไหนอีก ถ้าพ่อเอ็งอยู่ นังเกดไม่กล้ากลับเย็นขนาดนี้หรอก” ป้าเผื่อนทำหน้าเศร้าลง

“เล่นบทโศกอีกแล้วแม่ ไม่เอาคุยเรื่องอื่นดีกว่า พ่อเขาไปสบายแล้ว จะพูดถึงเขาทำไม ป่านนี้ฮัดเช้ยอยู่บนสวรรค์แล้วมั้ง”

เสียงมอเตอร์ไซค์แล่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน

“พี่เกดคงมาแล้วล่ะแม่ เดี๋ยวฉันเดินไปดูซิ” พูดพลางเดินออกไปหน้าบ้าน

เกศินีวัยสิบแปด หน้าตาน่ารักสดใส กำลังยืนเอียงอายอยู่กับมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่มาส่ง

“พรุ่งนี้พี่มารับนะ วันนี้ไม่เอาเงิน ส่งฟรีจ้า...”

“จริงเหรอพี่”

“จริงสิ แต่น้องต้องให้พี่มารับคนเดียวนะ อย่าให้คนอื่นมารับเด็ดขาด”

“เกดจะรอนะพี่ สองโมงเจอกันนะ”

“พรุ่งนี้พี่จะพาไปดูหนังเรื่องใหม่ที่เพิ่งเข้ามาดีมั้ย”

“ดีจ้ะ ตกลงจ้ะพี่ พี่ใจดีที่สุดเลย” พูดพลางหอมแก้มชายดังกล่าวเข้าฟอดใหญ่ ไม่ได้มีท่าทีเอียงอายซักนิด แถมยังยืนยิ้มโบกส่งมอเตอร์ไซค์ที่แล่นออกไป

พี่เกด!

เกศินีตกใจหันมา “ตังเม” 

“ทำไมทำน่าเกลียดแบบนี้”

“น่าเกลียดยังไง”

“ก็พี่หอมแก้มเขา”

“ฉันก็แค่ขอบคุณที่เขามาส่ง”

“หอมแก้มเนี่ยนะขอบคุณ”

“ใช่ ถ้าไม่เอาใจมัน มันจะไปส่งให้ฟรีเหรอ”

“มาส่งแค่นี้พี่ให้มันหอมแก้ม แล้วต่อไปมิต้องให้มันทำอย่างอื่นด้วยเหรอพี่”

“หยุดนะตังเม แล้วมันเกี่ยวอะไรกับแก”

“ฉันพูดจริงมั้ยล่ะ ผู้ชายสมัยนี้ไว้ใจได้ที่ไหน”

“ถึงยังไงมันก็ตัวของฉัน ดีซะอีก ฉันจะได้ไม่ต้องไปเบียดเบียนเงินของแม่ อยากได้อะไรฉันก็หาของฉันเอง แล้วแกก็ไม่ควรมาจุ้นจ้านกับฉัน”

“พี่เกดพูดเหมือนไม่เห็นหัวคนในบ้านนี้สักคน ถ้าพ่อรู้ พ่อคงเสียใจ”

“แต่พ่อไม่รู้ เพราะพ่อตายไปแล้ว นังตังเมเอ้ย ทางเลือกเราน่ะมันไม่ค่อยมีหรอก ตอนนี้ฉันต้องหาทางออกมากกว่า”

“แต่เราเป็นผู้หญิง ทำแบบนี้คนเขาจะดูถูกเอาได้”

“ช่างพวกมันสิ มันมาทำให้ฉันกินหรือเปล่าล่ะ” เกศินีตัดบทเดินหนีเข้าบ้านไป

“กลับมาแล้วเหรอเกด ทำไมกลับค่ำนักล่ะ” ป้าเผื่อนสอบถามเมื่อลูกสาวเดินเข้ามาในบ้าน

“พอดีทำรายงานกับเพื่อนยังไม่เสร็จ”

“ทำไมพักนี้กลับค่ำเกือบทุกวัน”

“เอ๊ะแม่ ก็บอกว่าฉันมีงาน แม่จะมาคาดคั้นเอาอะไรกับฉันล่ะ”

“ข้าไม่ได้คาดคั้นเอ็ง เห็นกลับมืดค่ำข้าก็เป็นห่วง ก็เท่านั้น มากินข้าวกินปลาซะสิ ตังเมมันอุตส่าห์ออกไปซื้อไว้รอ”

“ฉันไม่กินหรอกแม่ วันนี้พอดีวันเกิดเพื่อน มีจัดงานเลี้ยงที่บ้านเพื่อนน่ะแม่ ฉันต้องรีบไปแล้วล่ะ”

“ใครเพื่อนเอ็ง ผู้หญิงหรือผู้ชาย ร้อยวันพันปีฉันไม่เห็นแกมีใครคบ”

“ทั้งผู้หญิงแล้วก็ผู้ชาย ฉันไปแต่งตัวก่อนนะแม่” เธอวิ่งรีบร้อนขึ้นบนบ้าน

ป้าเผื่อนมองตามเกศินีอย่างเหนื่อยใจ ตังเมเดินกลับเข้ามา

“พี่เกดไปไหนล่ะแม่”

“ขึ้นไปแต่งตัว บอกว่ามีนัดกับเพื่อน หนักข้อขึ้นทุกวัน”

“เมื่อคืนพี่เกดก็บอกไปติวหนังสือบ้านเพื่อนนะแม่”

“ก็นั่นน่ะสิ แม่เริ่มเห็นความไม่ชอบมาพากลว่ะตังเม”

“เอางี้แม่ ฉันจะไปกับพี่เกด”

“เออ ดีเหมือนกัน จะได้รู้ว่าที่มันพูดจริงหรือเปล่า”

“งั้นฉันขึ้นไปแต่งตัวก่อนนะ” ตังเมวิ่งขึ้นห้องไปอีกคน

เกศินีอาบน้ำแต่งตัวสวมสายเดี่ยวเว้าหน้าเว้าหลัง ใส่กางเกงขาสั้นจู๋ แต่งหน้าสีแจ๊ดส่องกระจกสำรวจดูความเรียบร้อยของตัวเองอีกครั้ง ทันใดประตูห้องถูกเปิดเข้ามาอย่างเร็ว

“พี่เกด..ฉันขอไปด้วยนะ”

“เอ็งพูดอะไรนะตังเม”

“ฉันจะไปกับพี่ไง”

“แกประสาทกลับหรือเปล่า แกจะไปไหนกับฉัน”

“ก็แม่บอกว่าพี่จะไปกินงานวันเกิดบ้านเพื่อน ฉันก็เลยอยากไปด้วย”

“ฉันกลับดึกแกไม่ต้องไปหรอก”

“ไม่เป็นไรหรอกพี่”

“เอ๊ะ ฉันไม่ให้ไป”

“แล้วทำไมไม่ให้ฉันไป พี่เกดจะไปไหนกันแน่”

“ฉันจะไปไหนมันก็เรื่องของฉัน”

“แต่พี่เกดเป็นพี่สาวฉัน ฉันเป็นห่วงพี่นี่นา”

“อย่ายุ่งกับฉันได้ไหม”

“ไม่ยุ่งไม่ได้หรอกพี่ ทุกวันนี้พวกที่ตลาดมันลือว่าพี่มีแฟน ไปไหนต่อไหนกับผู้ชายสองต่อสอง แถมเที่ยวกลางคืนอีกต่างหาก”

“ใครพูด!”

“มันก็พูดกันปากต่อปาก ถ้าพี่ไม่ได้เป็นอย่างที่พวกมันพูดจริง พี่ก็ต้องให้ฉันไปด้วย”

“ไม่ต้อง ฉันจะไปคนเดียว”

“แสดงว่าทุกอย่างที่ฉันได้ยินมาเป็นความจริง”

“ฉันกำลังจะทำให้ชีวิตฉันดีกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ต่างหาก”

“แล้วชีวิตพี่ไม่ดีตรงไหน ทุกวันนี้ฉันก็เห็นพี่อยู่อย่างสุขสบาย ฉันกับแม่เสียอีกที่ทำงานงกๆ เคยไหมที่พี่จะออกไปช่วยขายขนมบ้าง”

“ไม่มีทาง แล้วฉันก็ไม่มีวันทำ”

“ทำไม”

“ฉันอายเขาไงล่ะ...อาย..แล้วก็เบื่อชีวิตจนๆ แบบนี้เต็มที”

“นี่พี่พูดอะไร ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่ามันจะออกมาจากปากพี่สาวฉัน”

“แกรู้ไหม หมอดูไม่รู้กี่หมอ ทำนายว่าฉันจะต้องได้ดิบได้ดี เป็นคุณนายในวันข้างหน้า ฉันจะได้เจอกับคนอุปถัมป์ค้ำจุน โดยที่ฉันไม่ต้องตะเกียกตะกายอะไร”

“หมอดู..นี่พี่เชื่อหมอดูงั้นเหรอ”

“ใช่สิ แล้วฉันก็คิดว่าเป็นความจริง”

“พี่เกด”

“จะให้ฉันมายืนขายของแต่เช้า กลับบ้านก็คุดหัวอุดอู้อยู่อย่างแก มีหวังฉันไม่เจอผู้อุปถัมป์กันพอดี”

“งั้นก็เท่ากับว่าพี่กำลังจะออกไปล่อผู้ชาย”

“อีตังเม!”

“หรือฉันพูดผิด ที่ฉันเตือนพี่ก็เพราะเห็นว่าพี่เป็นลูกแม่อีกคนต่างหาก หรือพี่ไม่คิดแบบนั้น”

คราวนี้พี่สาวนิ่งเงียบ

“พ่อเคยสั่งว่าให้เราดูแลกันดีๆ ตอนที่พ่อไม่อยู่”

“คำพูดของพ่อช่วยให้แกมีอันจะกินมากกว่านี้มั้ยล่ะ ไม่แน่นะ ถ้าฉันเจอผู้อุปการะจริงๆ พวกแกก็ไม่ต้องมานั่งขายขนมหลังขดหลังแข็งกันแบบนี้หรอก”

“ถ้าพี่เจอคนดี คนที่อุปการะพี่จริงๆ ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร กลัวเสียแต่ว่ามันจะเป็นตามปากพวกชาวบ้าน ท้องไม่มีพ่อขึ้นมาซะก่อน”

ฝ่ามือขนาดย่อมฟาดลงที่หน้าตังเมฉาดใหญ่

“หยุดดูถูกฉันซะที จำเอาไว้ว่าแกเป็นน้องฉัน ไม่มีสิทธิ์มายืนด่าฉันฉอดๆ แบบนี้”

“ถ้าพี่คิดว่าพี่เป็นพี่ฉัน พี่ก็คงไม่ทำตัวแบบนี้เหมือนกัน”

“ซักวันแกจะไม่กล้ามายืนสบประมาทฉันแบบนี้หรอก”

“ทำไมพี่ไม่คิดถึงแม่บ้าง แม่เหนื่อยขนาดไหนที่ต้องหาเงินส่งเสียให้พี่เรียน ส่งเสียให้ฉันเรียน พี่ทำให้แม่ผิดหวังมากรู้ไหม”

“ฉันก็ไม่ได้ให้ใครมาตั้งความหวังกับฉันนี่นา แม่เองก็รู้ว่าฉันไม่อยากเรียน ยัดเยียดให้ฉันเรียนกันเองแล้วจะมาบ่นอะไร”

“แต่เขาก็อยากให้พี่มีความรู้ติดตัว จะได้ไม่โดนคนอื่นหลอกเอา”

“พวกฉลาดโดนหลอกถมเถไป ฉันขี้เกียจคุยกับแก ไปดีกว่าเพื่อนฉันรอ” เกศินีถือกระเป๋าเปิดประตูออกไป

แต่แล้วเกศินีก็ถึงกับยืนอึ้ง

“แม่”

“นังเกด..ฉันไม่ให้แกออกไปไหนทั้งนั้น”

“แม่ นี่จะอะไรกันนักหนานะ” เธอหงุดหงิด

“ถ้าแกก้าวออกไปจากที่นี่ แกกับฉัน ขาดกัน!...”

บุตรสาวชะงักวูบ เมื่อน้ำเสียงและถ้อยคำของมารดาดูเป็นจริงเป็นจัง ตังเมเดินตามออกมายืนดูห่างๆ รอลุ้นเหมือนกันว่าพี่สาวจะตัดสินใจอย่างไร

กระเป๋าสะพายที่ถืออยู่ ถูกกระชับให้ดูทะมัดทะแมงขึ้น เกศินีหันมามองหน้าแม่กับน้องอีกครั้ง ก่อนจะตัดสินใจก้าวออกไปจากที่นั่นช้าๆ

น้ำตาป้าเผื่อนไหลพราก ไม่ได้เอ่ยทัดทานลูกสาวอีกต่อไป ตังเมเดินเข้ามายืนใกล้แม่อย่างเห็นใจ

“เดี๋ยวพี่เกดก็คงกลับ”

“แม่เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าทุกอย่างมันสายเกินไป แม่ปล่อยทุกอย่างให้ล่วงเลยมานานเกินไปตังเมเอ้ย..”

“อย่าโทษตัวเองเลยแม่ เข้านอนเถอะ พรุ่งนี้ตื่นเช้าทำขนมกันดีกว่า” ตังเมประคองแม่เข้าไปที่ห้องนอน

                                    ***********

รายละเอียด

เพราะสภาวะเศรษฐกิจขึ้นๆ ลงๆ บวกกับภาระค่าใช้จ่ายที่บีบรัด

ทางเลือกของสาวน้อย ‘ตังเม’ มีไม่มากนัก

บทบาท‘แม่ค้าขนมถ้วย’จึงร่วมด้วยกับ‘มอเตอร์ไซค์รับจ้าง’

แฝงร่างเป็นชาย อยู่ข้างกายหนุ่มหล่อพ่อรวย..

 


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (85 รายการ)

www.batorastore.com © 2024