พ่อรวยสอนลูก # 2 : เงินสี่ด้าน

พันฤทธิ์ |
16/11/2013

I heard that this author' s company just went bankrupt... regardless this is a very eye-opening book

พันฤทธิ์ |
11/11/2013

ผู้เขียนท่านนี้เขียนหนังสือได้ดี แต่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งว่าตัวผู้เขียนเอง จริงๆแล้วไม่ใช่คนที่ประสบความสำเร็จทางการเงินอย่างมากมายซักเท่าไหร่ ดูเหมือนกับว่าเขาไม่ได้เป็นนักธุรกิจที่เก่งกาจ และรายได้จริงๆแล้ว กลับมาจากการทำธุรกิจจำพวก ขายตรง หรือ เขียนหนังสือขายอะไรพวกนี้ อีกทั้งเนื้อหาแนะนำการทำธุรกิจในหนังสือก็ไม่ค่อยมีตัวอย่างในการทำธุรกิจประเภทอื่นนอกจากพวกอสังหาริมทรัพย์ ให้เช่าบ้าน อะไรพวกนี้ ทำให้หนังสือไม่มีความกว้าง แต่ถ้านับแต่เฉพาะด้านความรู้ทั่วไปก็นับว่าเป็นหนังสือที่ดีอีกเล่ม

วรพจน์ |
10/11/2013

เป็นหนังสือแนวสอนให้ทำธุรกิจที่ดีมากๆเล่มหนึ่งครับ มันจะสอนให้เราได้รู้จักอีกด้านหนึ่งของการทำงานที่ไม่ต้องทำงานเยอะ ไม่ต้องใช้เวลาไปแลกกับเงิน แต่จะมีเงินไหลเข้ามาตลอดโดยที่เราไม่ต้องทำงานเลย ซึ่งได้มีการนำเอาพ่อสองคน คนหนึ่งนั้นจน อีกคนหนึ่งรวย โดยทั้งสองคนจะมีนิสัยที่แตกต่างกันราวกับฟ้ากับเหวเลยทีเดียว ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องแต่งหรือไม่ แต่ถึงกระนั้นก็ยังแต่งให้เราได้เข้าใจเกี่ยวกับความต่างของคนแต่ละคนได้ก็เพียงพอแล้ว สำหรับคนที่ยังเป็นคนกินเงินเดือนอยู่สมควรเปิดหูเปิดตาเป็นอย่างยิ่งเพราะมันจะทำให้เราได้เข้าใจว่าจริงๆแล้วนั้น มีวิธีหาเงินอีกมากมายแถมยังเป็นวิธีที่ไม่ต้องทำงานหนักอีกด้วย

พันฤทธิ์ |
09/10/2013

1 ในซีรี่ส์ พ่อรวยสอนลูกที่จะแบ่งประเภทที่มาของรายได้ออกเป็น 4 ประเภท ซึ่งเราทุกคนล้วนอยู่ในประเภทใดประเภทหนึ่ง หรือบางท่านอาจจะอยู่ใน 2 ประเภทหรือแม้แต่ 3 ประเภท การแบ่งให้ชัดเจนนี้ทำให้เราได้มองเห็นภาพว่าแท้จริงแล้ว การหาเงินนั้นมีความยากง่ายต่างกัน และใช้เวลาก็ต่างกัน หรือแม้แต่จำนวนเงินที่จะหาได้ในท้ายที่สุดแล้วก็ต่างกันเช่นกัน ผู้เขียนต้องการที่จะพยายามให้คนส่วนใหญ่พยายามไปให้ถึง ด้าน เจ้าของกิจการ และ นักลงทุน เพราะเป็นด้านที่มีอิสรภาพทางการเงิน มีความมั่งคั่ง และที่สำคัญมีเวลา ซึ่งด้านลูกจ้างหรือ คนทำธุรกิจส่วนตัวแทบจะไม่สามารถหามาได้ครบเลย หนังสือเล่มนี้ได้อธิบายถึงภาพรวมแต่ไม่ได้บอกวิธีเจาะจงว่าเราควรจะทำอย่างไรบ้างเพื่อที่จะก้าวข้ามไปสู่สองด้านที่มีอิสรภาพ เพราะฉะนั้นเราอาจจะเริ่มอ่านหนังสือเล่มนี้เพื่อศึกษามุมมองของแต่ละด้านว่าคนที่อยู่ในด้านนั้นๆ เขาคิดอย่างไร แต่การที่จะก้าวข้ามไปสู่ด้าน นักลงทุน หรือ เจ้าของกิจการนั้น เราต้องมาศึกษาเพิ่มเติมเอาเองว่าจะใช้วิธีไหน จะวางแผนอย่างไร และต้องใช้ความสามารถด้านใด เพื่อที่จะได้ศึกษาลงลึกเพื่อที่จะได้เป็นเจ้าของกิจการที่เต็มไปด้วยประสบการณ์ หรือนักลงทุนผู้เปี่ยมไปด้วยความรู้ และหลักการช่วยนำทาง

ธิษณา |
04/10/2013

เทคนิคการลงทุนที่ผู้เขียนรู้แล้วนำเอามาแชร์มีเพียงการซื้อบ้านด้วยเงินกู้แล้วให้เช่าเท่านั้น นอกนั้นเค้าก็ไม่ได้บอกเทคนิคอะไรมากมาย แต่ว่าการอธิบายเรื่องของ ความรวย ความจน นักลงทุนประเภทต่างๆ การเริ่มทำธุรกิจ เรื่องพวกนี้เขาอธิบายใว้ได้อย่างละเอียด และค่อนข้างที่จะถูกต้องมาก และที่สำคัญโดนใจพนักงานเงินเดือนหรือพวกที่ต้องใช้เวลาแลกเงินสุดๆ นอกจากนี้ยังอ่านง่ายแม้ว่าจะเป็นหนังสือแปล และสามารถทำให้คนอ่านเข้าใจถึงสิ่งที่ผู้เขียนต้องการจะสื่อได้ง่ายๆ ต้องยอมรับว่าเขาเป็นนักเขียนที่เก่งจริงๆ (ผู้แปลก็เก่งเช่นกัน) นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวต่างๆของนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จหลายๆคนในเล่มให้เราได้ศึกษากันอีกด้วย หนังสือเล่มนี้ซึ่งเป็น 1 ในหลายๆเล่มของซีรี่ส์นี้ ซึ่งหลายๆคนอาจจะเลือกไม่ถูกด้วยซ้ำว่าจะเลือกซื้อเล่มไหนก่อน น่าจะมีเกิน 20 เล่มแล้วมั้งที่ออกมาส่วนใหญ่จะมีเนื้อหาที่คล้ายๆกันคือเกี่ยวกับเรื่องการเปลี่ยนจากลูกจ้างไปสู่เจ้าของกิจการหรือนักลงทุนนั้น เล่มนี้ถือว่าเป็นเล่มที่เขียนได้ดีที่สุดในความคิดของผม เพราะเป็นเล่มแรกๆที่นำเอาหลักการเงินสี่ด้านที่มีภาพทำให้เข้าใจได้ง่ายมาสอนเรากันครับ

ชูศักดิ์ |
02/10/2013

หนังสือเล่มนี้ไม่รู้ว่าออกมานานแค่ไหน แต่ด้วยความรู้สึกของผมน่าจะออกมานานมากแล้ว แถมผู้เขียนยังเขียนออกมาหลายเวอร์ชั่นซะจนผมงงไปหมด ต้องนับว่าเป็นหนังสือธุรกิจเล่มแรกๆที่ผมอ่านตั้งแต่ยังเด็ก (มัธยม ไม่รู้เด็กหรือป่าวนะครับ อิอิ)ตอนนั้นก็อ่านไปแล้วก็ไม่เข้าใจหรอก เพราะคนมันยังไม่ได้ทำงานหาเงิน แต่พอโตขึ้นมาหน่อย (ตอนโตผมมีเริ่มลงทุนเป็นบ้างแล้ว) ผมก็ไปหยิบมันมาอ่านอีกรอบ แล้วก็พบว่าจริงๆแล้วมันเป็นหนังสือที่ดีมากๆ เพราะมันจะโชว์ให้เราเห็นว่าคนส่วนใหญ่นั้นที่ไม่ค่อยมีจะกิน เพราะดันไปทำงานเป็นลูกจ้าง ถ้าหยุดทำงานเมื่อไหร่คุณก็จะไม่มีกินทันที แต่ถ้าสามารถข้ามไปอยู่ที่ฝั่งคนทำธุรกิจหรือนักลงทุนได้ ก็จะสามารถมีเงินเข้ามาโดยที่ไม่ต้องทำงาน นับว่าเป็นการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันอย่างจริงๆจังๆทีเดียว สำหรับการอธิบายของผู้เขียน แต่ก็น่าจะถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะทำให้คนหลายๆคนได้คิดถึงการทำงานหาเงินของตัวเองซะทีว่าจริงๆแล้วเราควรที่จะไปอยู่ที่ฝั่งไหนของการหาเงินทั้ง 4 ด้าน

สุเทพ |
16/09/2013

เป็นหนังสือที่ทำให้ผมออกมาเห็นโลกกว้างว่าจริงๆแล้ว วิธีการหาเงินไม่ได้มาจากเงินเดือนเพียงอย่างเดียว ยังมีวิธีการอย่างอื่น เช่นการเป็นเจ้าของกิจการ และการเป็นนักลงทุน ที่จะสามารถมีรายได้เข้ามาตลอดโดยที่เราไม่ต้องทำงานเลย ตอนนี้ผมก็พยายามจะจับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพื่อที่จะให้เช่าอยู่ พยายามที่จะทำตามในหนังสือที่บอกว่าควรทำให้บ้านเป็นสินทรัพย์ อย่าให้มันเป็นหนี้สิน แต่ก็ยังต้องศึกษาอีกมากครับ โดยหนังสือเล่มนี้มีเนื้อหาเป็นอมตะ ไม่ว่านานเท่าาไหร่ยังสามารถหยิบจับมาอ่านซ้ำเพื่อย้ำเติมความคิดเรื่องเงินทองได้เสมอครับ แนะนำให้ผู้ที่ยังทำงานประจำอยู่อ่านหนังสือเล่มนี้อย่างยิ่งเผื่อว่าความคิดอาจจะเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือหลังอ่านเลยก็เป็นได้...

วชิรวิทย์ |
15/09/2013

หนังสือของผู้เขียนท่านนี้มีหลายเล่มมากๆจนผมไม่รู้ว่าจะซื้อเล่มไหนก่อนดี สุดท้ายก็ตัดสินใจซื้อเล่มนี้มาอ่านก่อนแล้วถ้าดีก็ว่าจะค่อยๆทยอยซื้อเล่มอื่นๆที่น่าสนใจทีหลัง พออ่านๆไปก็พบว่าเขาเขียนได้ดีมากๆ และการแบ่งอาชีพออกเป็น 4 ด้านใหญ่ๆ ก็ไม่เคยมีใครทำมาก่อน (ทำแบบชัดเจนเท่าผู้เขียน) การแบ่งให้ชัดเช่นนี้จะทำให้เราสามารถแบ่งคนออกได้เป็น 4 ประเภทและทุกคนต้องอยู่ในช่องไหนสักช่อง โดยรวมแล้วเขาจะแนะนำให้เราเป็นเจ้าของธุรกิจและนักลงทุนเพราะจะสามารถมีรายได้เยอะมากๆ โดยที่ไม่ต้องใช้เวลามากเหมือนกับพนักงานหรือพวกอาชีพเฉพาะทาง เช่นหมอ เพราะถึงแม้อาจจะมีรายได้เยอะ แต่จะมีเวลาน้อย และไม่มีเงินลงทุนที่จะให้ดอกผลเป็นประจำ ผู้เขียนยังได้อธิบายอีกว่า เราควรสร้างทรัพย์สินที่สร้างรายได้ ไม่สร้างทรัพย์สินที่สร้างแต่รายจ่าย เพราะทรัพย์สินที่สร้างรายได้จะทำให้เราสามารถมีรายได้ประจำซึ่งมันจะทำให้เราสบายตอนทีเกษียนซึ่งเราคงไม่สามารถทำงานประจำไปได้จนแก่แน่นอน

ภาสกร |
11/09/2013

คุณอยู่ด้านไหนของ 'เงินสี่ด้าน'คำถามนี้คุณจะไม่เคยนึกถึงเลยถ้าไม่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ และมันจะเป็นการเสียโอกาสอย่างยิ่งที่ไม่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ก่อนที่คุณจะอายุเกิน 50 ปี หรือถึงวัยเกษียณเสียก่อน เพราะคุณจะพลาดโอกาสระหว่างเส้นทางชีวิตที่จะเพิ่มความมั่งคั่ง ( หรืออย่างน้อยก็รักษามันใว้ไม่ให้แพ้เงินเฟ้อ ) ให้กับตัวคุณเองและครอบครัว ทำไมไม่ทำงาน หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเปลี่ยนด้านที่ตนยืนอยู่ สำหรับ "ลูกจ้าง" และ "คนทำธุรกิจส่วนตัว" ที่ต้องการก้าวไปเป็น "เจ้าของกิจการ" หรือ "นักลงทุน" และสำหรับคุณทุกคนที่ต้องการมากกว่าความมั่นคงของงานนั่นคือความมั่นคงทางการเงิน นี่ไม่ใช่เส้นทางที่ปูลาดด้วยกลีบกุหลาบ แต่มั่นใจได้ว่าจุดหมายปลายทางนั้นคุ้มค่าแก่ความพยายามยิ่งนัก เพราะสุดทางเส้นนี้คือ "อิสรภาพทางการเงิน"

ธิษณา |
18/05/2013

เป็นหนังสือที่ไม่มีวันล้าสมัยเพราะโลกทุนนิยมในปัจจุบันล้วนถูกแบ่งออกเป็นชนชั้นทั้งสิ้น ซึ่งถ้าเป็นตามที่ผู้เขียนว่ามันจะถูกแบ่งออกเป็น 4 ด้าน เขาได้อธิบายอย่างละเอียดถึงข้อดีข้อเสียของแต่ละด้าน และแนะนำว่าเราควรที่จะอยู่ด้านไหนเพื่ออิสรภาพทางการเงินและเวลาของเรา อ่านแล้วท่านจะได้มุมมองที่ไม่สามารถหาได้จากหนังสือเกี่ยวกับการเงินเล่มอื่นทั้งในด้านการลงทุน การเป็นลูกจ้าง การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ การสร้างทรัพย์สินที่สร้างรายได้ และอื่นๆอีกมากมาย

สมบูรณ์ |
18/05/2013

หยุดการเป็นพนักงานกินเงินเดือนด้วยการสร้างรายได้แบบ passive income คือหลักคำสอนของ robert kiyosaki ถ้าใครได้อ่านหนังสือของเขาแล้วก็จะพบว่าส่วนใหญ่ก็จะสอนเรื่องพวกนี้ หนังสือชุดเงินสี่ด้าน ก็จะปูพื้นฐานก่อนที่เราจะสามารถพบอิสรภาพทางการเงินได้ วิธีคือต้องพยายามข้ามไปอยู่ด้านที่คนรวยส่วนใหญ่อยู่กันคือด้านขวาของเงินสี่ด้านซึ่งก็คือ นักธุรกิจและนักลงทุน ส่วนวิธีนั้นทำอย่างไรมีหลากหลายวิธีมากๆคงต้องลองไปหามาอ่านกันเอง

พันฤทธิ์ |
21/10/2012

พออ่านเล่นนี้แล้วก็ทำให้นึกถึงชีวิตของตัวเองที่ทำงานประจำอยู่ตลอดมาตั้งแต่เรียนจบ ผ่านมาสิบกว่าปีก็ยังต้องผ่อนบ้านอยู่ เหลือแต่รถเก่าๆคันหนึ่ง สุดท้ายก็ไม่ได้มีธุรกิจอะไรที่เป็นของตัวเอง หุ้นก็เล่นไม่เป็น ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรก็เลยว่าจะลองไปทำธุรกิจทำหอพักให้เช่าดู ตอนนี้ก็ไปได้ดี ผมหวังว่าในอนาคตอีก 5 ปีข้างหน้าจะสามารถมีหอพักให้เช่าได้อีก ซัก 2-3 แห่ง ก็น่าจะเรียกได้ว่าเป็นอิสระภาพทางการเงินได้ระดับนึงแล้วล่ะครับ