หล่อติดแก๊ส

Doko |
26/12/2014

หนังสือเล่มนี้เล่าความเป็นมาของ Energy Reform โดยสองผู้ก่อตั้งคู่แฝด ที่น่าสนใจคือทั้งคู่เกิดในครอบครัวที่ธรรมดาที่ฐานะไม่ได้ร่ำรวยมากนักและเคยเป็นมนุษย์เงินเดือนมาก่อน แต่แล้วก็ตัดสินใจเริ่มทำธุรกิจอย่างจริงจังท่ามกลางเสียงคัดค้านของหลายๆคน หนังสือเล่มนี้จึงเป็นตัวอย่างที่ดีของคนที่เริ่มทำธุรกิจว่าต้องมีความพร้อมทั้งทุน ความรู้และแรงใจในการสร้างบริษัทขึ้นมาสักบริษัทหนึ่งให้ประสบความสำเร็จ นอกจากนี้ หนังสือเล่มนี้ยังให้แนวคิดด้านการบริหารธุรกิจที่ค่อนข้างตรง โดดเด่น ไม่ยึดกรอบหรือแนวคิดเพียงด้านเดียว อย่างเช่นการคิดใหญ่หรือภาพกว้างไว้ก่อน การจัดการหัวใจหลักของคู่แข่ง รวมถึง positioning ที่ชัดเจนของบริษัท สิ่งเหล่านี้เป็นตัวย้ำว่าบริษัทที่ดีไม่ได้มาเพียงเพราะโชคช่วยหรือทุนทรัพย์ที่มากพอเท่านั้น การบริหารของผู้นำและทิศทางที่บริษัทมุ่งไปก็เป็นตัวสำคัญยิ่งในการทำธุรกิจปัจจุบัน ขอดีขอหนังสือนี้อีกข้อคือมีแนวคิดดีๆจากบุคคลสำคัญๆระดับโลกมาเติมแต่งในแต่ละช่วงของการดำเนินเรื่อง ทำให้ผู้อ่านได้ข้อคิดผ่านตัวอย่างของพี่น้องฝาแฝดที่ชัดเจนมากขึ้น ผู้ที่เหมาะกับหนังสือเล่มนี้คือมนุษย์เงินเดือนที่คิดอยากจะทำธุรกิจของตัวเอง หรือจะเป็นนักศึกษาด้านบริหารธุรกิจ และการตลาดก็สามารถได้แง่คิดดีๆด้านการจัดการจากหนังสือเล่มนี้เช่นกัน นอกจากนี้หนังสือนี้ยังเหมาะกับผู้อ่านที่ต้องการมุมมองในการใช้ชีวิตของบุคคลที่ประสบความสำเร็จเพื่อไว้พัฒนาตัวเองได้ดีด้วย เนื้อหาอ่านง่าย กระชับ มีลำดับชัดเจนทำให้ไม่น่าเบื่อในการอ่าน ถือเป็นหนังสือที่เขียนได้ดีทีเดียวเล่มหนึ่ง

ภาสกร |
23/08/2013

เป็นหนังสือที่จะเล่าถึงเรื่องราวของสองผู้ก่อตั้งบริษัทเอเนอจี้รีฟอร์ม โดยได้เล่าว่าก่อนที่ทั้งคู่จะมาทำบริษัทนี้ ได้เคยทำงานอะไรบ้างมาก่อน (เป็นทนาย กับเซลขายรถ) และครอบครัวเป็นอย่างไร ความฝันในวัยเด็กที่เอาแอร์ไปติดให้ลูกค้าและได้เจอนักธุรกิจที่ทำงานอย่างสบายในห้องแอร์จึงทำให้เมื่อโตขึ้นอยากทำธุรกิจบ้าง ซึ่งก็สามารถทำแล้วประสบความสำเร็จอย่างสูง ปีแรกทำยอดขายได้ถึง 80 ล้านบาท ปีต่อมา 120 ล้าน และ 270 ตามลำดับ แต่ก็ต้องเจอวิกฤตที่ราคาน้ำมันตกจาก 140 กว่าเหรียญ ลงมาเหลือเพียง 30 เหรียญทำให้ยอดขายหดหายไปหมด เหลือเพียงไม่กี่สิบล้านบาท โดยวิกฤตน้ำมันครั้งนี้ทำให้ผู้ประกอบการติดแก๊สจำนวนมากต้องถอดใจเลิกกิจการไปมากมาย แต่สองพี่น้องคู่นี้ก็ไม่เลิกเนื่องจากพวกเขามองการไกลไปมากว่าสุดท้ายแล้วพลังงานทางเลือกอย่างไรก็ต้อง "มา" อย่างแน่นอน แนวคิดที่น่าสนใจของทั้งคู่จะเน้นเรื่องการสร้างแบรนด์เป็นหลักโดยเป็นธุรกิจติดแก๊สรถยนต์เพียงไม่กี่ราย(หรืออาจจะรายเดียว)ที่ใช้สื่อแบบ mass ในการสร้างแบรนด์ ด้วยสโลแกนติดหูอย่าง ไม่พอใจเรายินดีคืนเงิน โดยเล่าว่ายอมเสียกำไรเป็น 100 ล้านบาท เพื่อนำไปทำการาตลาดโฆษณาเพื่อสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก เป็นการมองการไกลโดยแท้ กลยุทธ์อีกอย่างหนึ่งคือการตั้งราคาแพงกว่าเจ้าอื่น แต่ด้วยคุณภาพของถังแก๊สจากอิตาลีที่มีคุณภาพยอดเยี่ยมก็ทำให้ลูกค้ายอมจ่ายแพงกว่าเจ้าอื่นเพื่อหลีกเลี่ียงปัญหาที่อาจจะเกิดตามมาภายหลังซึ่งไม่คุ้มเอาเสียเลยกับการซื้อของถูก ทั้งคู่ได้มองว่าในอนาคต ลูกค้าต้องยอมจ่ายมากขึ้นเพื่อคุณภาพอย่างแน่นอน และก็ได้ทำตามหลักการนี้มาตลอด ทำให้เอเนอจี้รีฟอร์มอยู่ในใจของผู้บริโภคว่าเป็นสินค้าระดับคุณภาพสูงมากๆ ต้องยอมรับว่าเป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่มีความสามารถสูง กล้าเสี่ยง และมีการมองการไกลเป็นอย่างยิ่ง โดยมีบางตอนได้เล่าถึงการที่ยอมลงทุนเยอะมากในการสร้างสถานที่เพราะมองว่าคู่แข่งไม่ยอมลงทุนเลยจะบริการลูกค้าได้ดีอย่างไร สุดท้ายแล้วเขาก็คิดถูก เงินลงทุนที่ดูเหมือนว่าจะมาก แต่ก็สามารถดึงดูดลูกค้าได้มากเช่นกัน ทำให้ไม่กี่เดือนก็คืนทุกแล้ว คุ้มมากๆ แถมท้ายเล่มด้วยเรื่องราวความรู้น่าสนใจเกี่ยวกับการติดแก๊ส และมีช่วงถามตอบคำถามที่คนสงสัยกันเยอะเกี่ยวกับเรื่องการติดแก๊สครับ