ผู้มาจากดาวยูเรปัส (ไพบูลย์ พันธุ์เมือง)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: ผู้มาจากดาวยูเรปัส
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 100.00 บาท 25.00 บาท
ประหยัด: 75.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

ผู้มาจากดาวยูเรปัส

ความพิเรนทร์ของคุณยักษ์

 

 

เช้าวันนั้นการจราจรบนท้องถนนกลางเมืองเกิดการติดขัด รถราต่างผ่านไปมาไม่สะดวก เสียงบีบแตร เสียงผู้คนเอะอะโวยวาย ถามถึงสาเหตุแห่งความติดขัด ดังขึ้นทั่วท้องถนน และต่างร้องถามกันว่า เกิดอะไรขึ้น! มีใครปฏิวัติอีกหรืออย่างไร

ชายหนุ่มคนหนึ่งขับรถเก๋งราคาแพงมาจอดต่อท้ายรถคันอื่น ๆ  แล้วขับไปต่อไม่ได้ แสดงความไม่พอใจออกมา

“ติดทำไมอีกโว้ย ฉันจะรีบไปทำงานวันนี้ไปสายอีกแล้ว โธ่! เจ้านายยิ่งเข้มงวดมาก ๆ อยู่”

มีคนที่วิ่งแตกตื่นมาจากด้านหน้าที่เกิดเหตุ  ตะโกนว่า

“ยักษ์ครับ! ยักษ์ตัวใหญ่ กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ ตัวมันสูงเท่าตึกห้าชั้น!?”

“ตายละ ถ้ามันเหยียบรถฉัน รถฉันไม่แบนแต๊ดแต๋หรือ”

คนบนถนนต่างถามกันไปมา ถนนช่วงนั้นอยู่ในเขตตัวเมือง ถนนมีแค่สองช่องจราจร รถจึงต้องแล่นสวนกัน คนที่ขับรถไปข้างหน้าถามคนที่ขับรถสวนมาว่า

“ข้างหน้ามีรถชนกันหรือ”

รถที่ขับสวนตอบว่า “มียักษ์ตนหนึ่ง ม้วนแผ่นดินแบกไว้บนบ่าเดินมา ถนนแคบแล้วตัวแกใหญ่ ก็เลยพลอยทำให้รถราติดขัด”

“แล้วยักษ์มาจากไหน?” คนขับรถที่จะไปข้างหน้าถาม

“อยู่นอกเมืองไกลออกไปจากที่นี่  มีคนบอกว่า ที่ดินปลูกพืชของแกเสีย แกเลยม้วนแผ่นดินแบกมาเดินหาที่ซ่อม”  

“แผ่นดินไม่ใช่เสื่อ แกม้วนมาได้ไง?” มีคนถาม

“แกเป็นยักษ์ มีเวทมนตร์คาถามั้ง  แกจึงทำในสิ่งที่คนทำไม่ได้”  

“บ้า! แล้วดินเสียมีที่ซ่อมด้วยรึ?”

คนที่ถูกถามไม่ตอบ ได้แต่ส่ายหน้า คนเดินถนนที่ได้ยินต่างหัวเราะ ขณะคนขับรถที่กลัวเสียเวลารีบเร่งเครื่องยนต์ขับผ่านไป คนที่ยังไม่เคยรู้จักยักษ์ต่างพากันถามว่า

“ยักษ์คือใครมาจากไหน?” 

“ยักษ์เคยมีแต่ในนิทาน ตัวจริงมีด้วยหรือ?”

เป็นถ้อยคำที่ผู้คนต่างซักถามและโต้ตอบกัน และการมาปรากฏกายของยักษ์  ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะทำให้ถนนทั้งสายเกิดจราจรติดขัด เนื่องจากผู้คนต่างพากันออกมาจากอาคาร ร้านค้า บ้านที่พัก... มายืนดูยักษ์บนถนนกันเต็มไปหมด

บางคนเข้าใจว่ายักษ์คงดุร้าย จึงต่างพากันเตรียมอาวุธ ปืน ผา หน้าไม้ ฯลฯ  เตรียมต่อสู้และขับไล่ยักษ์  แต่ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ที่เลวร้าย มีเด็กชาย-หญิงคู่หนึ่ง อายุประมาณ ๑๑ และ ๑๓ ปี วิ่งมาจากปลายถนน และส่งเสียงเรียกมาแต่ไกล

“น้ามังสะ! น้ามังสะ! นั่นน้ามังสะจะไปไหน แล้วแบกที่ดินมาทำไม?”

“อ้อ คุณหนูสุวิชชา คุณหนูวิภาวี คุณหนูทั้งสองคนมากับใคร” ยักษ์ก้มตัวลงมาถาม แต่นั่งลงไม่ได้เพราะติดขัดที่กำลังแบกม้วนแผ่นดินไว้บนบ่า

“มากับแม่และคุณตาครับ”  เด็กชายตอบ

“อ้อ ดีทีเดียว น้ากำลังอยากพบพี่ปัดและคุณลุงสีอยู่พอดี ไหนล่ะทั้งสองคนอยู่ที่ไหน?” ยักษ์หันมองไปและมองมา

“โน่นอยู่โน่นค่ะ น้าทำให้รถติดเลยต้องจอดอยู่โน่น”  เด็กหญิงวิภาวีหัวเราะแล้วพูดว่า “หนูกับพี่สุเห็นน้ามังสะจึงรีบวิ่งมาก่อน”

“งั้น คุณหนูสุกับคุณหนูวิช่วยเดินนำน้าไปหาพี่ปัดกับลุงสีหน่อย” ยักษ์พูดกับเด็กทั้งสอง

เด็กชายสุวิชชาจึงบอกกับใครต่อใครที่ยืนมองว่า

“ไม่ต้องตกใจครับ คุณลุง คุณป้า คุณน้า คุณอา... ยักษ์ตนนี้ไม่ทำอะไรใคร ที่เขาแบกม้วนแผ่นดินมา เพราะเขามีปัญหา เดี๋ยวเราจะพาน้ายักษ์ไปพบกับคุณแม่และคุณตาของเรา”

“หนูรู้จักเขาได้อย่างไร เขาพูดภาษาของเราได้ด้วยหรือ?”  มีคนถามเด็กทั้งสอง

“พูดได้ครับ คุณตาของผมสอนภาษาไทยให้น้ายักษ์หรือน้ามังสะ แล้วน้ามังสะก็เคยเป็นคนสวนของคุณตาด้วย น้ามังสะเคยทำงานอยู่ในสวนคุณตาตั้งสองสามปี”

เด็กชายพูดพร้อมยืดอกอย่างภาคภูมิใจ  เพราะตอนนี้ใคร ๆ ต่างมองมาที่เด็กชายและเด็กหญิงทั้งสองอย่างรู้สึกทึ่ง  ที่เห็นเด็กทั้งสองพูดคุยสนิทสนมกับยักษ์ตัวโตสูงเท่าตึก และทางที่ยักษ์จะเดินไปมีแต่คนที่รีบหลบและหลีกทางให้ ยักษ์จึงก้าวเดินไปที่รถของลุงสี ขณะที่เด็กทั้งสองวิ่งตาม

ยักษ์เดินไปไม่กี่ก้าว ก็มาถึงที่นางปัทมาแม่ของเด็กทั้งสองและลุงสีซอ คุณตาของเด็กทั้งสองนั่งรออยู่บนรถกระบะตอนครึ่ง  

ยักษ์ยืนก้มตัวลงพูดกับนางปัทมาและลุงสีซอ  ส่วนเด็ก ๆ ทั้งสองรีบปีนขึ้นนั่งในกระบะหลังรถ  และพูดเล่นกับน้ายักษ์อย่างสนิทสนมว่า

“ขึ้นมาเลยน้ามังสะ  จะไปที่ไหนบอกแม่ จะได้ให้แม่ขับไปส่ง”

ยักษ์พูดปนหัวเราะว่า “ถ้าน้าขึ้นรถแม่ของหนู รถก็จะแบนติดดิน  แล้วกลายเป็นเศษเหล็ก จะให้น้าขึ้นไปจริงไหมล่ะ” 

“เป็นเศษเหล็กก็ไม่กลัว  รถของแม่เก่าแล้ว เผื่อน้ามังสะจะซื้อให้ใหม่”  เด็กหญิงวิภาวีพูด

ส่วนลุงสีซอถามยักษ์ว่า “เธอมีปัญหาอะไรหรือ แล้วนึกยังไงถึงได้ม้วนแผ่นดินแบกมาอย่างนี้  ดูซิ เธอทำเอาชาวบ้านตื่นเต้นตกใจกันไปหมดทั้งเมือง”

ลุงสีซอเรียกชื่อยักษ์ว่า คุณมังสะจากชื่อเต็มว่านายมังสะ วิรัติ   ขณะที่ชาวบ้านร้านตลาด ต่างสนใจพากันเดิน วิ่ง มามุงดูยืนฟังเหตุการณ์ จนทำให้มีคนจากที่ไหนต่อที่ไหนแห่กันมาดูยักษ์เหมือนเห็นสิ่งประหลาด มหัศจรรย์ของโลก

ยักษ์พูดกับลุงสีซอว่า “ผมไปหาลุงที่บ้านเมื่อตะกี๊แต่ลุงไม่อยู่ ปัญหาของผมคือ ที่ดินที่ลุงติดต่อซื้อให้ผม มันปลูกพืชอะไรไม่ขึ้น ปลูกอะไรลงไปมันก็ตายหมด”

“เรอะ แต่ตอนที่ลุงพาไปซื้อมันก็ดูเป็นดินดี ๆ อยู่นะ”

“ผมถามชาวบ้านข้างเคียงว่าเพราะเหตุไร เขาบอกว่าดินมันเสีย แล้วอะไรที่เสียมันก็ต้องซ่อมใช่ไหม ผมเลยม้วนแผ่นดินแบกมาหาที่ซ่อม ไม่ทราบว่าที่ไหนรับซ่อมได้บ้าง?”

“โอย... ฉันอยากจะเป็นลม”  ลุงสีซอคราง แต่พอนึกในใจว่าคงเป็นความเข้าใจผิดในด้านการใช้ภาษาสื่อสารระหว่างชาวบ้านกับยักษ์แน่ ๆ  จึงทำให้เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น ลุงสีซอจึงอยากฟังเรื่องโดยละเอียด

ลุงสีซอมีชื่อจริงว่า ‘สี’ แต่มีคนเติมคำท้ายชื่อของแกให้เป็น ‘สีซอ’ โดยมีที่มาจากคำว่า “สีซอให้ควายฟัง” เพราะลุงสีชอบพูดชอบสอน แบบคนแก่ที่มีความรู้รอบด้าน แต่คนที่แกพูดด้วยมักไม่ชอบฟังแก คำที่แกพูดจึงเหมือนสีซอให้ควายฟัง คือพูดสอนไปก็เหนื่อยเปล่า แต่แกก็ยังชอบสอน

พอดีเช้าวันนั้นนางปัทมาเด็กชายสุวิชชา และเด็กหญิงวิภาวี แม่ลูก ๓ คน รวมคุณตาหรือลุงสีซอ พากันมาหาซื้อข้าวของที่ในเมือง ลุงสีซอเป็นพ่อของนางปัทมา เด็กหญิงและชายจึงเป็นหลานตาของลุงสีซอ

ดินดี ดินเสีย ปก“แล้วใครแนะให้เธอม้วนแผ่นดินแบกมาที่นี่” ลุงสีซอถาม

“ก็ พอชาวบ้านบอกว่าดินเสียและต้องซ่อม ผมรู้ว่าที่รับซ่อมอยู่ในตลาด ผมก็ม้วนแผ่นดินแบกมาหาที่ซ่อม” 

“คุณมังสะทำยังกะจะซ่อมทีวี หรือตู้เย็นยังงั้นแหละ นี่แสดงว่าชาวบ้านคงหยอกคุณมังสะเล่น  ความจริงการซ่อมดินไม่ใช่ว่า จะต้องพาดินมาทั้งหมด เขาพามาเป็นตัวอย่างแค่ ๑ กลักไม้ขีดไฟก็พอแล้ว”

“อ้าว! ผมไม่รู้นี่ นึกว่าถ้าซ่อมก็ต้องยกมาทั้งแปลง” ยักษ์ยกมือซ้ายที่ว่างขึ้นเกาหัว จนผมร่วงไปสองสามเส้น

“งั้น เดี๋ยวไปกันลุงจะพาไปหาเจ้าหน้าที่ที่สำนักงานเกษตร  คุณมังสะเหาะตามลุงไปนะอย่าเดินเลย เกะกะสายไฟ””

ยักษ์จึงแบกม้วนแผ่นดินเหาะขึ้นฟ้า เพื่อตามรถยนต์ที่นางปัทมาแม่ของเด็ก ๆ เป็นคนขับให้ทัน

ในที่สุดก็ไปถึงหน้าสำนักงานเกษตรจังหวัด นางปัทมาจอดรถที่ในลานหน้าสำนักงานเกษตร ซึ่งเป็นตึก ๒ ชั้น ยักษ์ตัวโตและสูงเข้าไปไม่ได้ ลุงสีซอจึงจัดการแทนให้

ส่วนด้านนอกชาวบ้านที่อยู่ในบริเวณนั้น และพวกข้าราชการ ต่างพากันออกมายืนดูยักษ์กันเป็นกลุ่มใหญ่ เพราะเคยเห็นแต่ภาพยักษ์ในหนังตะลุง กับภาพวาดยักษ์ทศกัณฐ์ในเรื่องรามเกียรติ์ ไม่เคยเห็นยักษ์ตัวจริงมาก่อน และได้ยินข่าวในวิทยุกับอ่านข่าวในหนังสือพิมพ์ว่า มียักษ์ที่ไม่กินเนื้อคนและเนื้อสัตว์ ขอมาอยู่เป็นประชาชนของเมืองนี้ โดยขอมาทำมาหากินทางปลูกพืชปลูกผัก อยู่แถวบ้านนอกไกลเมือง ทางบ้านเมืองจึงอนุญาตให้อยู่

ขณะนั้นผู้คนต่างเห็นว่า ยักษ์ใจดีไม่ดุร้ายจึงพากันแห่มามุงดูยักษ์ กันเต็มบริเวณสำนักงานเกษตรจังหวัด จนล้นออกไปข้างนอก

ลุงสีซอเข้าไปติดต่อบอกเจ้าหน้าที่ว่า “คุณยักษ์มาหา เขามีปัญหาเรื่องดินเพาะปลูกจะมาขอคำแนะนำนะครับ”

เจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรตกใจ เมื่อรู้ว่ายักษ์ม้วนแผ่นดินแบกมาบนบ่า จึงรีบออกมาดูแล้วพูดว่า

“โอ้! ตายแล้ว! น้ายักษ์อุตส่าห์ม้วนแผ่นดินแบกมาทั้งแปลง พามาได้อย่างไรนี่?”

และรีบบอกคุณยักษ์ว่า  “น้ารีบพาที่ดินของน้ากลับไปวางที่เดิมนะครับ แล้วเราจะรีบไปตรวจวิเคราะห์สภาพดินให้ ขอเวลาพวกเราสิบนาที”

เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องดินปลูกพืชพูด แล้วเดินกลับเข้าไปข้างใน  

ชาวบ้านหลายคนพอจะรู้จากข่าวอยู่บ้างว่า มียักษ์ชื่อนายมังสะ วิรัติ มาซื้อที่ดินอยู่ที่ชายป่าตีนเขาไกลออกไป มองจากยอดตึกของเมืองเห็นเพียงทิวสีฟ้าเทา  ถ้าเป็นชาวบ้านเดินเท้า จะต้องใช้เวลาเดิน ๒-๓ วัน ส่วนคุณยักษ์เหาะมา จึงมาถึงในเวลาเพียง ๔-๕ นาที

            พอผู้เชี่ยวชาญเรื่องดิน เดินออกมาอีกครั้ง ลุงสีซอพูดว่า “ลุงรู้จักที่ ๆ คุณยักษ์ไปอยู่ ลุงจะให้รถยนต์ของลูกสาวลุงขับนำพวกคุณไป”

            “ดีมากเลยลุง ถ้าอย่างนั้น ให้น้ายักษ์รีบล่วงหน้าไปก่อนเลย ให้แกเอาที่ดินไปวางที่เดิมให้เรียบร้อย พวกเราไปถึงจะได้สะดวกในการทำงาน” เจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรพูด

            คุณยักษ์จึงเหาะขึ้นฟ้าแล้วแวบหายไปในพริบตา เมื่อผู้เชี่ยวชาญเรื่องดินหญิงและชาย ๔ คน เดินออกมาพร้อมด้วยเครื่องไม้เครื่องมือ  นางปัทมาแม่ของเด็ก ๆ ก็ขับรถกระบะนำหน้ารถยนต์ของสำนักงานเกษตร เดินทางไปยังจุดที่ตั้งที่ดินของยักษ์

รายละเอียด

ชื่อหนังสือ ผู้มาจากดาวยูเรปั๊ส
ชื่อผู้แต่ง พันธุ์ ชุมพร
หมวดหนังสือ นวนิยายเยาวชน
คำโปรย
คุณยักษ์แบกม้วนแผ่นดินเหาะขึ้นฟ้า ไล่ตามรถยนต์ที่แม่ของเด็ก
ๆ เป็นคนขับให้ทัน
ในที่สุดก็ไปถึงหน้าสำนักงานเกษตรจังหวัด
นางปัทมาจอดรถที่ในลานหน้าสำนักงานเกษตร ซึ่งเป็นตึก ๒ ชั้น
ยักษ์ตัวโตและสูงเข้าไปไม่ได้ ลุงสีซอจึงจัดการแทน
ชาวบ้าน และพวกข้าราชการ ต่างพากันออกมายืนดูยักษ์
เพราะเคยเห็นแต่ภาพยักษ์ในหนังตะลุง
กับภาพวาดทศกัณฐ์ในเรื่องรามเกียรติ์ ไม่เคยเห็นยักษ์ตัวจริง
และได้ยินข่าวในวิทยุกับข่าวในหนังสือพิมพ์ว่า
มียักษ์ที่ไม่กินเนื้อคนและเนื้อสัตว์ ขอมาอยู่ทำกินทางปลูกพืชปลูกผัก
อยู่แถวบ้านนอกไกลเมือง
เจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรรีบออกมาดูแล้วพูดว่า
“น้ารีบพาที่ดินของน้ากลับไปวางที่เดิมนะครับ
แล้วเราจะรีบไปตรวจวิเคราะห์สภาพดินให้ ขอเวลาพวกเราสิบนาที”

รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (77 รายการ)

www.batorastore.com © 2024