ปรารถนารัก ณ กรุงโซล (สลิลฉัตร)
ประหยัด: 83.65 บาท ( 35.00% )
เนื้อหาบางส่วน
บทนำ
“ผู้หญิงสวยๆอย่างคุณจะมามัวคลุกแต่อยู่ในครัวให้หน้ามันทำไม น่าเสียดายแย่ สู้มายืนข้างผมเวลาออกงานสังคมหรือว่ามานอนข้างให้ผมกอดน่าจะดีกว่านะ”
“คนทุเรศ!” จอมนางแหวกลับอย่างเหลือทนกับคำพูดของชายหนุ่ม
“ผมจะถือว่านั่นเป็นคำชม ยิ่งคุณพยศมากก็ยิ่งน่าสนใจ” ร่างสูงจ้องมองหญิงสาวอย่างหยาบคายราวกับประเมินราคาสินค้าจนจอมนางถึงกับทนไม่ได้มือบางฉวยแก้วไวน์ที่บรรจุน้ำสีแดงราวกับโลหิตสาดใส่ใบหน้าหล่อเหลาเย่อหยิ่งของชายหนุ่มจนชุดสูทหรูราคาเลอะเปรอะเปื้อนไปหมด
“นี่ก็คำตอบฉันเหมือนกันหวังว่าคงถูกใจผู้ชายที่ชอบดูถูกผู้หญิงอย่างคุณ” ร่างบางกระแทกแก้วก่อนจะหันหลังเดินกลับแต่กลับถูกมือแกร่งคว้าข้อมือบางแล้วกระชากเข้ามาปะทะอกแกร่งพร้อมกับมอบบทลงโทษอันแสนร้ายกาจให้กับร่างบางที่ดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอดแกร่ง
ตอนที่1 ลัดฟ้าสู่กรุงโซล
ติ๊ด…ติ๊ด…
เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นทำเอาหญิงสาวที่กำลังง่วนอยู่กับการนวดแป้งสำหรับเตรียมไว้ทำขนมปังจำต้องละมือจากงานที่ทำเพื่อกดรับสายที่โทรเข้า หญิงสาวฉวยผ้าเช็ดมือสีขาวสะอาดขึ้นเช็ดมือบางที่มันลื่นจากการนวดแป้งขนมปัง ก่อนจะกดรับสายเจ้าอุปกรณ์สื่อสารเครื่องจิ๋วที่ส่งเสียงอยู่เป็นระยะ
“สวัสดีค่ะ”
จอมนาง กิตติธนา สาวน้อยหน้าหวานวัยยี่สิบเอ็ดปีที่ผันตัวเองจากชีวิตในรั้วมหาลัยเพื่อก้าวเข้าสู่การเรียนเป็นเชฟที่โรงแรมดังด้วยความฝันที่อยากจะมีร้านอาหารในต่างประเทศ กรอกน้ำเสียงปลายสายอย่างนุ่มนวล
“ดิฉันโทรจากสมาพันธ์เชฟนานานชาติ ขอเรียนสายคุณจอมนางค่ะ”
“พูดสายอยู่ค่ะ” หญิงสาวพูดตอบกลับปลายสายเสียงใส
“ทางเราโทรมาแจ้งผลการสอบเข้าทำงาน ขอแสดงความยินดีคุณจอมนางได้ไปประจำที่เกรทฮิลตั้ล เดอะโฮเตล สาขากรุงโซล กำหนดเดินทางแลตารางนัดหมายทางเราจะแจ้งให้ทราบทางอีเมลล์อีกทีค่ะ”
ความดีใจแล่นผ่านโสตประสาทจนทำให้จอมนางอดที่จะกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจไม่ได้เมื่อรู้ผลว่าเธอได้เป็นเชฟในโรงแรมระดับห้าดาวของเกาหลีทำเอาคุณนัดดาผู้เป็นมารดาถึงกับลงมาจากห้องพระเพื่อดูว่าบุตรสาวของเธอกระโดโลดเต้นดีใจเรื่องอะไร
“อะไรกันยัยจอมเสียงดังลั่นบ้านได้ยินไปถึงห้องพระเลยโน้น”
“แม่จ๋าจอมทำสำเร็จแล้ว จอมได้เป็นเชฟที่โรงแรมเกรทฮิลตั้ลแล้วนะคะแม่” หญิงสาวโผเข้ากอดมารดาด้วยความดีใจ
แต่แทนที่คุณนัดดาจะรู้สึกดีใจไปกับบุตรสาว เธอกลับนิ่งอึ้งไปเหมือนมีอะไรในใจจนหญิงสาวต้องเอ่ยถามเมื่อเห็นสีหน้าและแววตาแห่งความกังวลปรากฏอยู่บนใบหน้าผู้เป็นมารดา
“ทำไมแม่นิ่งเงียบไป ไม่ดีใจที่จอมจะได้มีงานงานดีๆได้เงินเดือนเยอะๆ แม่จะได้สบายสักทีไงคะ” คุณนัดดามองบุตรสาวที่ยิ้มด้วยความดีใจในความสำเร็จขั้นเริ่มต้นของการก้าวเข้าสู่ความเป็นผู้ใหญ่ด้วยความชื่นชม แม้เธอจะรู้สึกกังวล แต่หัวอกคนเป็นแม่อย่างเธอก็คงต้องยอมเพราะมันเป็นทางที่บุตรสาวของเธอได้เลือกแล้ว
“แม่ดีใจที่จอมทำฝันให้เป็นจริงด้วยความรู้และความสามารถที่จอมตั้งใจ แต่แม่ก็อดห่วงที่จะห่วงจอมไม่ได้ที่ต้องไปอยู่ไกลหูไกลตา” มือหยาบกร้านบ่งบอกถึงริ้วรอยของการกรำงานหนักลูบศีรษะบุตรสาวด้วยความรักใคร่เอ็นดู
“จอมสัญญาว่าจะดูแลตัวเองไม่ทำให้แม่ต้องเป็นห่วงค่ะ” หญิงสาวกอดกระชับร่างมารดาแล้วบรรจงหอมแก้มฟอดใหญ่อย่างประจบเพื่อให้มารดาคลายความกังวล
ในระหว่างที่สองแม่ลูกกำลังแสดงความรักความห่วงใยที่มีให้กันเสียงโทรศัพท์บ้านก็ดังเป็นระยะๆ ขึ้นอีกครั้ง จอมนางผละจากมารดาเพื่อไปรับสายโทรศัพท์
“สวัสดีค่ะ บ้านกิตติธนา” เสียงหวานกรอกตามสาย
“จอมรู้ผลจากสมาพันธ์เชฟนานาชาติหรือยัง” สินธเลิศหรือซี บุตรชายเจ้าสัวส้งเพื่อนสนิทที่เรียนหลักสูตรเชฟการโรงแรมด้วยกันกับจอมนางด้วยความที่บ้านมีกิจการร้านอาหารและภัตตาคารหลานสาขาทั้งในประเทศและต่างประเทศจึงอยากจะสืบทอดเจตนารมณ์ของผู้เป็นบิดาและพัฒนาให้ดูเป็นสากลมากกว่าที่เป็นอยู่
“ก็เพิ่งวางสายไปก่อนซีจะโทรมานี่ล่ะจ้ะ”
“แล้วผลเป็นอย่างไรบ้างจอม” ชายหนุ่มถามน้ำเสียงตื่นเต้น
“จอมนางซะอย่างไม่มีพลาดอยู่แล้ว” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงมาดมั่นด้วยความดีใจที่ยังไม่จางหาย
“งั้นเราสองคนนอกจากจะเรียนด้วยกันแล้วก็คงต้องทำงานด้วยกันแล้วล่ะ” ชายหนุ่มพูดในสายบอกเป็นนัยๆให้จอมนางได้รู้ว่าเขานั้นก็ได้รับคัดเลือกให้ทำงานที่เกรทฮิลตั้ล เดอะโฮเตลเช่นเดียวกับเธอ
“จริงเหรอ จอมดีใจกับซีด้วยนะ” หญิงสาวรู้สึกยินดีที่เพื่อนชายของเธอก็สอบผ่าน
“เดี๋ยววันรายงานตัวที่สมาพันธ์ซีแวะไปรับจอมที่บ้านนะ”
“จ้า”
หญิงสาวตอบเพียงสั้นๆก่อนจะวางสายสินธเลิศเพื่อนชายแล้วโผเข้ากอดมารดาที่นั่งมองดูเธออยู่บนโซฟาด้วยด้วยสายตาแห่งความชื่นชมโดยหารู้ไม่ว่าภายในใจของคุณนัดดานั้นเต็มไปด้วยความกังวล
กรุงโซลประเทศเกาหลีใต้
ภายในโรงแรม เกรท ฮิลตั้น เดอะโฮเตลที่กำลังมีงานฉลองครบรอบสิบปีของการบริหารในวงการบันเทิงเคเน็ตเวิร์คของมิสเตอร์คิม มินฮวางเจ้าพ่อยักษ์ใหญ่แห่งสื่อบันเทิงเกาหลีที่เหล่าบรรดาดารานางแบบนายแบบและเหล่าบรรดาบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการบันเทิงต่างมารวมตัวกันและที่จะขาดไม่ได้ไฮไลท์ซึ่งเป็นจุดเด่นของงานคือการแสดงแฟชั่นโชว์ที่มีโทนี่ คิม หรือ ธนานนท์ คิม นายแบบอันดับหนึ่งของเกาหลีและเป็นบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวของเจ้าพ่อแห่งวงการบันเทิงที่เกิดกับภรรยาชาวไทยด้วยความที่มีเชื้อสายไทยทำให้ชายหนุ่มดูเป็นหนุ่มเกาหลีที่มีสายตาคมดุอีกทั้งนิสัยส่วนตัวเย่อหยิ่งและเอาแต่ใจจนบางครั้งก็ติดจะโมโหร้ายเลยทำให้ผู้หญิงที่เข้ามาเป็นคู่ควงต่างก็ทนกับความร้ายกาจของชายหนุ่มได้ไม่นาน ถ้าไม่ติดว่าต้องการจะไต่เต้าเข้ามาอยู่ในวงการบันเทิง
ชายหนุ่มผิวขาวผมดำเฉกเช่นสีเดียวกับดวงตาคมดุฉายชัดถึงแววเย่อหยิ่งมุมปากปรากฏรอยยิ้มเหยียดต่อบรรดาสาวๆที่ส่งเสียงวี๊ดว้ายราวกับชะนีที่ส่งเสียงยามเจอเพศตรงข้ามก็ไม่ปาน ก้าวออกจากหลังเวทีเพื่อเดินไปยังแคทวอล์คที่กำหนดจุดเหมือนตอนที่ซักซ้อมกันก่อนเริ่มงาน
ด้วยความสูง187เซนติเมตรเกินมาตรฐานหนุ่มเอเชียทำให้โทนี่ คิม หรือ ธนานนท์ คิม ดูโดดเด่นกว่าใครบวกกับเครื่องหน้าหล่อเหลาแววตาหยิ่งยโสที่ละลายใจสาวน้อยสาวใหญ่ด้วยแล้ว จึงทำให้ชายหนุ่มกลายเป็นนายแบบที่ติดอันดับหนึ่งได้อย่างไม่อยากเย็นกอปรกับที่เขาเป็นถึงบุตรชายคนเดียวของเจ้าพ่อวงการบันเทิง จึงไม่ใช่เรื่องยากที่บรรดาสื่อน้อยใหญ่จะประโคมข่าวทั้งด้านดีและด้านลบเพื่อสร้างกระแสให้กับเขา วันนี้ก็เช่นกันที่แสงแฟลชจากกล้องถ่ายรูปกระพริบถี่ยิบเช่นเดียวกับเสียงชัตเตอร์ของกล้องถ่ายรูปที่ดังระรัวเพื่อเก็บภาพชายหนุ่มให้ได้มากที่สุด
ทันทีที่ชายหนุ่มก้าวลงจากแคทวอล์คบรรดาเหล่านักข่าวต่างกรูกันเข้ามาขอสัมภาษณ์จนบอดี้การ์ดกว่าสิบนายที่มิสเตอร์คิม มินฮวางบิดาของชายหนุ่มจ้างให้มาดูแลบุตรชายต้องคอยกันเหล่าช่างภาพและนักข่าวเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับชายหนุ่มเดินไปยังรถสปอร์ตเปิดประทุนสุดหรูสัญชาติอังฤษยี่ห้อเบนท์ลี่ย์ที่สนนราคาร่วมสามสิบล้าน
“ออดีเอ กาโย¹” อาทิตย์หรืออาตี้บอดี้การ์ดส่วนตัวชาวไทยเพียงคนเดียวในกลุ่มถามชายหนุ่มที่กำลังจะก้าวขึ้นรถด้วยภาษาเกาหลี ทั้งที่ชายหนุ่มบอกไว้หลายครั้งหลายคราว่าให้พูดภาษาไทยกับเขา
“เชอราตัน วอกเกอร์ฮิล² ” นายแบบหนุ่มหันมาตอบเพียงสั้นๆ ก่อนจะก้าวเข้าด้านในรถแล้วเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็วผสมกับความแรงของเครื่องยนต์ทำให้รถพุ่งทะยานไปราวกับติดจรวด จนรถของบรรดาบอดี้การ์ดที่ติดตามชายหนุ่มแทบจะตามไม่ทัน
ชายหนุ่มก้าวลงจากลงก่อนจะเดินเข้าไปด้านในเชอราตัน วอกเกอร์ฮิลเพื่อพบเจ้าของบ่อนคาสิโนซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงของเขา ธนานนท์หรือโทนี่ คิม มักจะชอบมานั่งคุยกับคิม จวองฮวาง ผู้เป็นลุงมากกว่าเพราะท่านมักจะมีข้อคิดดีที่สำคัญมักจะมีเวลาให้เขาเสมอต่างจากบิดาของเขาที่มักจะเอาเวลาไปนัวเนียกับสาวๆที่หวังจะก้าวขึ้นมาเป็นดาว
“อันยองฮาชิมนิก๊ะ ชัลชีแนโก คเยเซโย๊ᶟ” โทนี่โผเข้ากอดชายสูงวัยผู้มีศักดิ์เป็นลุงพร้อมกับทักทายด้วยความคิดถึง
“เน ซัลซีแนโก อิซอโย⁴” สีหน้าแห่งความดีใจของชายสูงวัยปรากฏบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งความชรา เพราะคุณจวองฮวางรักชายหนุ่มเสมือนลูกตัวเองก็ไม่ปาน ด้วยความที่ตนเองไม่มีทายาทจึงตั้งความหวังไว้ทุกอย่างที่ชายหนุ่มรวมทั้งทรัพย์สินและคาสิโนในโรงแรมแห่งนี้ ที่ตั้งใจจะมอบให้หลังจากเขาจากโลกนี้ไป
หลังจากพูดคุยถามไถ่รวมทั้งอยู่ร่วมทานมื้อค่ำกับผู้เป็นลุงแล้ว โทนี่จึงขอตัวลากลับเพราะชายหนุ่มมีงานถ่ายปกนิตยสารชื่อดังเล่มหนึ่งของเกาหลี รวมทั้งให้สัมภาษณ์ในรายการต่างๆที่ต้องทำการบันทึกเทปไว้ล่วงหน้าเนื่องจากคิวงานของชายหนุ่มนั้นค่อนข้างเยอะอีกทั้งงานโฆษณาสินค้าที่เอเจนซี่ติดต่อเข้ามา ทำให้โทนี่แทบจะไม่มีเวลาเป็นส่วนตัวเลยสักนาทีเดียว
“ทาอึอเม โต เพบเกมซึมนิดะ” โทนี่โค้งศีรษะเล็กน้อยเพื่อเป็นการทำความเคารพผู้เป็นลุงก่อนจะก้าวออกมาขึ้นรถยนต์คู่กายที่จอดอยู่ด้านหน้าโดยมีบอดี้การ์ดของเขารายล้อมอยู่รอบบริเวณนั้น
¹ ออดีเอ กาโย แปลว่า คุณจะไปไหน
² โรงแรมเชอราตัน วอกเกอร์ ฮิล เป็นโรงแรมครบวงจรที่มีทั้งโชว์และคาสิโนแสดงอยู่เป็นประจำทุกวัน โดยแสดงการร้อง การรำ ทั้งแบบในวังและพื้นเมืองที่หาดูได้ยากจากคณะนาฏศิลป์กรุงโซลและมายากลและอื่น ๆ อีกมากมายอย่างตระการตา ทั้งแสง สี เสียง ฉาก อย่างที่ประทับใจ เพียงแห่งเดียวในเกาหลีหรือเสี่ยงโชคที่คาสิโน ให้ท่านที่ชื่นชอบการเสี่ยงโชคได้เลือกตามความชอบ ซึ่งเปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมง
³อันยองฮาชิมนิก๊ะ ชัลชีแนโก คเยเซโย๊ แปลว่าสวัสดี สบายดีไหม? ซึ่งดูเป็นทางการและใช้พูดกับผู้ที่อาวุโสกว่า
⁴เน ซัลซีแนโก อิซอโย แปลว่า สบายดี
หลังจากได้รับข่าวดีจากทางสมาพันธ์เชฟนานาชาติแล้วทั้งจอมนางและสินธเลิศก็มารายงานตัวตามที่ทางเจ้าหน้าที่ได้โทรไปแจ้งตามกำหนดการพร้อมกับยื่นเอกสารต่างๆสำหรับการทำวีซ่าและหนังสือเดินทางซึ่งเป็นครั้งแรกสำหรับจอมนางที่จะได้เดินทางไปต่างประเทศ
“ขอบใจนะซีที่อุตส่าห์ขับรถมารับจอม” หญิงสาวหันมาบอกเพื่อนชายหลังจากยื่นเอกสารทุกอย่างเรียบร้อยและกำลังเดินออกจากอาคารมายังลานจอดรถของทางสมาพันธ์
“เรื่องเล็กนิดเดียวไม่ต้องขอบใจหรอก เพราะยังไงซีก็ต้องมายื่นเอกสารเหมือนกันอยู่ดี” ชายหนุ่มเปิดประตูรถเพื่อนสาวก่อนจะเดินอ้อมมานั่งยังฝั่งประจำตำแหน่งสารถี
“แวะหาอะไรกินกันก่อนไหมจอม ออกมาตั้งแต่เช้านี่ก็บ่ายกว่าแล้ว” สินธเลิศถามเพื่อนสาวโดยไม่รอคำตอบชายหนุ่มเลี้ยวรถเข้าร้านอาหารเกาหลีในถิ่นบ้านตัวเองก่อนจะได้ลิ้มรสแบบต้นฉบับในวันที่เดินทางไปถึง
“ประเดิมกันก่อนไปถึงถิ่นเลยหรือซี” จอมนางกระเซ้าเพื่อนชายพร้อมกับก้าวลงจากรถ
“แน่อยู่แล้ว หรือว่าจอมอยากกินอย่างอื่นจะได้ไม่ต้องเข้าไป” ชายหนุ่มถามจอมนางอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“มาถึงหน้าร้านแล้วคงเปลี่ยนไม่ทันแล้วจ้ะ อีกอย่างจอมว่าน่าลองดูเหมือนกันนะ เผื่อไปอยู่ที่โน้นจะได้จะได้ไม่อดตายไงจ๊ะ”
ทั้งสองหัวเราะอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเดินเข้าไปด้านในซึ่งตกแต่งเน้นเฟอร์นิเจอร์ไม้และเครื่องเขินของเกาหลีเป็นที่รู้จักกันดี ส่วนมากจะเน้นการออกแบบเพื่อประโยชน์ใช้สอยและความเรียบง่ายและที่ขาดไม่ได้คือสัญลักษณ์ที่บ่งบอกได้เป็นอย่างดีคือธงชาติเกาหลีที่เรียกเฉพาะกันว่า “แทกึกกี”
สินธเลิศเลือกที่นั่งด้านในซึ่งมีการประดับประดาด้วยภายวาดสีน้ำด้วยลักษณะลายเส้นและการให้สีซึ่งเป็นแบบฉบับเฉพาะตัวของศิลปะตะวันออกที่แสดงออกถึงอารมณ์และความรู้สึก รวมทั้งใช้สีสันสดใส เพื่อสื่อถึงพลัง อารมณ์ และความรื่นเริง และยังมีส่วนของตู้โชว์เครื่องปั้นดินเผาแบบศิลาดลสีเขียวอมฟ้าที่สร้างความตื่นตาให้กับชายหนุ่มและจอมนางได้อย่างไม่น้อยเลยทีเดียว
“ที่นี่สวยมากเลยนะเหมือนอยู่เกาหลีจริงๆ” หญิงสาวพูดพร้อมกับมองไปรอบๆบริเวณอย่างเพลินตากับการจัดร้าน
“อืม ว่าแต่จอมจะกินอะไรสั่งได้เลยนะ มื้อนี้ซีเลี้ยงเอง” ชายหนุ่มส่งเมนูให้เพื่อนสาวที่ยิ้มกว้างอย่างยินดีในจิตอารีของเพื่อนสนิท
“ถ้าอย่างนั้นคงต้องกินถล่มลูกชายเจ้าสัวส้งสักหน่อยแล้ว” จอมนางแหย่เพื่อนชายพร้อมกับมองรายการอาหารที่ละลานตาในเล่มเมนูซึ่งมีทั้งรูปภาพพร้อมกับชื่ออาหารระบุไว้อย่างชัดเจน
บริกรของร้านเดินมารับรายการอาหารพร้อมกับเสิร์ฟน้ำชาเขียวแบบร้อนให้กับทั้งสองก่อน ในระหว่างที่ลูกค้ายังดูรายการอาหารอยู่
“ผมขอบิบิมบับก็แล้วกันครับ⁵” ชายหนุ่มบอกกับบริกรของร้าน
“งั้นขอโทลโซดบิบิมบับที่นึงแล้วกันค่ะ⁶” จอมนางหันมาบอกกับบริการสาวพร้อมกับส่งเล่มเมนูคืนให้ก่อนจะหันมาคุยกับสินธเลิศอย่างสนิทสนม จนคนทั่วไปมองอาจจะคิดว่าทั้งสองคือแฟนกัน
⁵ บิบิมบับ หรือที่เรียกกันว่าข้าวยำของเกาหลีโดยการเอาเครื่องปรุงเช่นเนื้อสัตว์ผักต่างๆมาหั่นซอยให้เล็กๆ วางบนข้าวสวยแปะไข่ไว้ข้างบน พอจะทานก็คลุกให้เข้ากันแล้วจึงทาน
⁶ โทลโซดบิบิมบับ หรือข้าวยำในหม้อร้อนเป็นข้าวสวยปรุงรสที่คลุกมากับพริกเกาหลี เสิร์ฟมาในหม้อหินร้อนๆ ภายในหม้อมีหลายอย่าง ทั้งถั่วงอกดอง สาหร่าย แตงกวาดอง แครอท เนื้อสับ ไข่ไก่ดิบ(เฉพาะไข่แดง) รวมสิบอย่าง เวลากินก็คลุกเคล้าเครื่องทุกอย่างให้เข้าด้วยกัน กินตอนข้าวร้อนๆ ได้รสชาติกลมกล่อมทั้งเปรี้ยว หวาน เค็ม เจือความเผ็ดจากพริกเกาหลี
หลังจากอิ่มอร่อยกับอาหารสัญชาติเกาหลีเพื่อเป็นการทำความรู้จักรสชาติของอาหารของประเทศที่ทั้งสองกำลังจะต้องเดินทางไปฝึกงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สินธเลิศจึงขับรถมาส่งเพื่อนสาวที่บ้านเพื่อเตรียมกลับไปช่วยงานที่ร้านอาหารของครอบครัวเฉกเช่นเคยทำมาอยู่ทุกวัน
“ขอบใจนะซีสำหรับอาหารมื้อรสชาติแปลกๆ แต่ก็อร่อยไปอีกแบบแม้จะสู้น้ำพริกปลาทุบ้านเราไม่ได้ก็เถอะ” หญิงสาวพูดอย่างติดตลก
“เอาน่ากินบ่อยๆจะได้คุ้นลิ้น เดี๋ยวพอไปอยู่ที่โน้นขึ้นมาจะได้ไม่ร้องกลับบ้านเพราะคิดถึงน้ำพริกปลาทูหรือส้มตำยังไงล่ะ”
หญิงสาวแลบลิ้นใส่เพื่อนชายอย่างหมั่นไส้ ก่อนที่เธอจะก้าวลงจากรถแล้วเดินเข้าบ้าน โดยมีสายตาเพื่อนชายอย่างสินธเลิศมองตามด้วยความรู้สึกขบขันในท่าทีของเพื่อนสาว
หลังจากส่งเพื่อนสาวสินธเลิศเลี้ยวรถออกจากซอยบ้านจอมนางเพื่อตรงไปหาพี่ชายที่ร้านอาหารซึ่งเป็นกิจการของครอบครัวที่เขาช่วยงานมาตั้งแต่เริ่มโตจวบจนทุกวันนี้
“โทษทีมาช้าไปหน่อยเฮีย วันนี้ลูกค้าเยอะหรือเปล่า” ชายหนุ่มถามพี่ชายที่กำลังตรวจดูบัญชีของสดที่ทางร้านสั่งซื้อเข้ามาเป็นวัตถุดิบในการปรุงอาหารจีนเลิศรสให้กับลูกค้า
“ก็เรื่อยๆ ว่าแต่ลื้อทำธุระเสร็จแล้วหรือ” ผู้เป็นพี่ชายซึ่งเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักของบ้านถามชายหนุ่มพลางจดยอดสินค้าเพื่อทำบัญชี
“เรียบร้อยแล้วเฮีย อีกสองอาทิตย์ก็เดินทางแล้วครับ” สินธเลิศหยิบบัญชีรายการสินค้าที่สั่งขึ้นมาช่วยพี่ชายด้วยอีกแรงด้วยความรู้สึกอยากแบ่งเบางานผู้เป็นพี่ชายที่ทำงานหนักมาตั้งแต่สมัยครอบครัวยังไม่รุ่งเรือง จนทุกวันนี้กิจการมั่งคั่งมีสาชาอยู่หลายสิบแห่งทั้งในประเทศและสาขาต่างประเทศ
“ไม่ต้องๆลื้อไปเตรียมตัวดูข้าวของเสื้อผ้าสำหรับเดินทางดีกว่า ป๊าเขาหวังกับลื้อไว้เยอะ อย่าทำให้ทุกคนผิดหวังนะซี” มือหนาหยาบกร้านเพราะถูกฝึกให้ทำงานมาตั้งแต่เด็กของผู้เป็นพี่ชายตบลงบนบ่าของสินธเลิศเบาๆ
“ผมสัญญาจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังแน่นอน” ชายหนุ่มบีบมือหนาของพี่ชายแน่นอย่างให้คำมั่น ว่าจะกลับมาพร้อมกับความสำเร็จและจะมาสานต่อกิจการทั้งหมดเพื่อให้พี่ชายได้พักผ่อนบ้าง
สองอาทิตย์ผ่านไปอย่างรวดเร็วจนจอมนางรู้สึกใจหายที่ต้องจากมารดาไปไกลถึงอีกประเทศหนึ่งซึ่งต่างกันทั้ง ภาษา วัฒนธรรม สภาพอากาศและสิ่งแวดล้มความเป็นอยู่ แต่เพื่อความฝันที่จะได้ทำงานเป็นเชฟของโรงแรมชื่อดังเหมือนกับบิดาที่ตายไปทำให้หญิงสาวมุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำความฝันนั้นให้เป็นจริง
“พรุ่งนี้แล้วสินะที่เราต้องเดินทางไป” คุณนัดดาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นอย่างรู้สึกใจหายที่ต้องปล่อยให้บุตรสาวคนเดียวต้องไปอยู่ไกลตาถึงต่างประเทศ
“แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ ไปถึงที่โน้นแล้วจอมจะรีบโทรหาแม่ทันที” แม้ภายในใจจะรู้สึกกังวลไม่ต่างจากมารดาแต่หญิงสาวก็ต้องทำเป็นร่าเริงเพื่อให้คุณนัดดาคลายความกังวลลง
หญิงสาวละจากกองเสื้อผ้าที่เตรียมจัดใส่กระเป๋าเดินทาง เพื่อกอดร่างผอมบางของคุณนัดดาที่นั่งลงข้างๆเธอพร้อมกับหอมแก้มฟอดใหญ่อย่างประจบราวกับเด็กที่ไม่เคยโตเลยสักครั้งในสายตาของผู้เป็นมารดาอย่างคุณนัดดา
ไม่มีคำพูดใดหลุดจากปากคุณนัดดานอกจากมือที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งวัยชราที่ค่อยๆลูบศีรษะได้รูปสวยของบุตรสาว
เช้าวันเดินทางก็มาถึงหญิงสาวร่างบางในชุดเสื้อยืดแขนยาวสีน้ำตาลที่พับแขนขึ้นมาถึงระดับข้อศอกเพื่อความทะมัดทะแมงเพิ่มความคล่องด้วยกางเกงยีนส์สีน้ำเงินเข้มขายาวทรงกระบอก จอมนางลากกระเป๋าเดินทางมาไว้ที่ห้องรับแขกเพื่อรอให้สินธเลิศมารับไปที่สนามบินด้วยกัน
“มากินข้าวก่อนสิลูก กว่าจะได้ขึ้นเครื่องก็อีกตั้งหลายชั่วโมง” คุณนัดดาพูดพร้อมกับตักข้าวต้มกุ้งที่เธอตั้งใจตื่นมาทำให้ตั้งแต่เช้าใส่ชามเตรียมจะยกไปวางที่โต๊ะอาหารให้กับบุตรสาว
“แน่อยู่แล้วค่ะ ไม่มีข้าวต้มที่ไหนอร่อยเท่าของแม่เลยค่ะ” หญิงสาวพูดอย่างประจบพร้อมหอมแก้มคุณนัดดาฟอดใหญ่แล้วจึงยกชามข้าวต้มควันลอยฉุยส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลายมาวางบนโต๊ะอาหารก่อนที่เธอจะนั่งลงจัดการของโปรดฝีมือมารดาอย่างเอร็ดอร่อย
คุณนัดดามองบุตรสาวทานอาหารที่ตนเองทำแล้วรู้สึกสะกิดใจขึ้นมาจนน้ำตาพาลเอ่อขึ้นมาทันทีจนต้องรีบเบือนหน้าไปทางอื่นเพราะไม่อยากให้บุตรสาวเป็นกังวล
หลังจากอิ่มอร่อยกับข้าวต้มชามใหญ่สักพักรถของเพื่อนชายแสนดีอย่างสินธเลิศก็ขับมาจอดตรงหน้าบ้านพอดี นั่นหมายถึงสัญญาณแห่งการจากลามาถึง จอมนางกอดมารดาอีกครั้ง
“เดินทางปลอดภัยนะลูก แล้วโทรมาหาแม่ด้วยนะ”
หญิงสาวพยักหน้ารับก่อนจะลากกระเป๋าใบโตออกไปยังหน้าบ้าน ไม่นานร่างสูงของสินเลิศก็ก้าวลงจากรถหันไปประนมมือไหว้มารดาเพื่อนสาวก่อนจะหันมาช่วยเพื่อนสาวยกกระเป๋าเข้าไปไว้ด้านในของรถ จอมนางหันมามองคุณนัดดาอีกครั้งพร้อมกับยิ้มให้ด้วยสีหน้าแจ่มใสเพื่อให้มารดาสบายใจ
ณ ท่าอากาศยานสนามบินสุวรรณภูมิ
หญิงสาวยืนต่อแถวเพื่อยื่นเอกสารให้กับเจ้าหน้าที่ของสนามบินในส่วนขอตรวจคนขาออกเพื่อเตรียมขึ้นเครื่องเดินทางสู่กรุงโซลในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าโดยมีเพื่อนชายร่างสูงอย่างสินธเลิศต่อแถวอยู่ด้านหลังเธอ เมื่อเอกสารเรียบร้อยทั้งสองจึงก้าวขึ้นไปบนเครื่องและนั่งตามเลขที่ของตั๋วเครื่องที่ได้ระบุไว้ซึ่งโชคดีที่เธอและเพื่อนชายได้ที่นั่งติดกันทำให้จอมนางรู้สึกคลายความกังวลตอนนั่งเครื่องไปได้มากทีเดียว
“เดี๋ยวก่อนลงจากเครื่องอย่าลืมใส่เสื้อกันหนาวด้วยนะจอม” ชายหนุ่มส่งเสื้อกันหนาวที่เขาถือติดมือมาด้วยส่งให้กับจอมนาง
“ขอบใจนะซี จอมลืมสนิทเลย” หญิงสาวรับเสื้อกันหนาวตัวใหญ่สีเทาจากเพื่อนชายมาวางไว้บนตักอย่างเตรียมพร้อม ก่อนจะค่อยๆเอนหลังเพื่อพักสายตาก่อนที่จะถึงจุดหมายปลายทาง “กรุงโซล” ดินแดนแสนโรแมนติค
รายละเอียด
โปรย
“โอ๊ย!”โทนี่ร้องลั่นพร้อมกับปล่
“สมน้ำหน้าอยากบ้าดีนัก” หญิงสาวเยาะเย้ยพร้อมกับฉวยเสื้
“ทำฉันเจ็บแล้วคิดจะหนีมันไม่ง่
“ว้าย!ไม่นะ ปล่อยฉันนะคุณ” จอมนางพยายามร้องสุดเสียงหวังจะ
“หยุดร้องฉันบอกให้หยุด ถ้าเธอไม่หยุดฉันจะจูบให้เธอสลบ