
ดั่งสายน้ำไหล (โบตั๋น)
ประหยัด: 175.00 บาท ( 35.00% )
เนื้อหาบางส่วน
1
นางชูตบประตูห้องนอนลูกชาย
ดัง ๆ สีหน้าเคร่งเครียด บุรุษหนุ่มใหญ่ข้าง
นางชูก็มีสีหน้าเครียดเช่นเดียวกัน
“เจ้ารอง เปิดประตู นอนสายตะวัน
โด่งอะไรแบบนี้วะ”
เสียงอู้อี้ดังมาจากในห้อง
“เรียกทำไมกันล่ะ แม่ คนจะนอน
ปิดเทอมแล้วนะ จะเรียกไปทำไม เอะอะจะ
ให้ไปช่วยในสวนยันเลย ขอพักผ่อนมั่งก็ไม่ได้
“เอ็งไม่ต้องมาบ่น แม่ไม่ได้มาเรียกให้ไปช่วยทำสวน
รู้ละว่าเรียกไปก็เหนื่อยเปล่า อ้างเรื่องเรียนลูกเดียว แต่มันมีเรื่อง
เว้ย” นางชูชักเสียงดัง “ครูผลเขามาหาแต่เช้า ลุกซะทีซีเว้ย”
เสียงดังกุกกัก ครู่ต่อมาประตูก็เปิดออก เด็กหนุ่มผู้มา
เปิดประตูทำทำงัวเงีย ผมเผ้ายุ่งเหยิง
“เปิดประตูออกมาเลย อย่าแค่แง้มแบบนั้น” เสียงของ
หนุ่มใหญ่ท่าทางเอาเรื่องดุดัน เอื้อมมือไปดึงต้นแขนเจ้าหนุ่ม
“อะไรกันล่ะ มาหาเรื่องอะไรกันแต่เช้า” ยกมือเสยผม
“โอ๊ย คนจะหลับจะนอน”
“อย่ามาทำมารยาสาไถย เอายายณิตไปไว้ไหน” พูด
พลางดันร่างผ่านเด็กหนุ่มเข้าไปในห้อง
“ผมไม่รู้เรื่อง นิดไหนกันล่ะ ยายนิดน้องไอ้ใหญ่บุญเกียรติ
หรือยายผาณิต หรือว่าไอ้นิด หรือยายนิตยา ผมจะเอาใครไปซ่อนได้
ตัวไม่ใช่เล็ก ๆ สักคน” เด็กหนุ่มยืนขวางประตูห้องแต่สู้แรงครู
ผลหรือผลดีไม่ได้ อีกทั้งนางชูผู้มารดาก็ร้องสนับสนุน
“ให้ครูเขาเข้าไป เอ็งน่ะ ถ้าไม่ได้เอาน้องสาวเขามา
ซ่อนไว้ก็ให้เขาเข้าไปค้นซะ มีคนยืนยันว่าเห็นน้องครูผลไปเที่ยว
กะเอ็งเมื่อวานซืน แล้วน้องสาวเขาหายไปสองวันแล้ว”
“แค่ไปดูหนังน่ะ แล้วเขาก็กลับบ้านไปแล้ว” เด็กหนุ่ม
ไม่วายเถียง แต่หน้าซีดลงทุกขณะเพราะครูหนุ่มร่างใหญ่เข้าไปที่เตียง
ก่อนอื่นก็ดึงผ้าห่มที่กองยุ่งเหยิงออก ก้มมองใต้เตียง แล้วก็ตรง
ไปที่ตู้เสื้อผ้า
ห้องนอนห้องนี้ไม่ใช่ห้องนอนของหริณเด็กหนุ่มต้นเหตุ
แต่เป็นห้องนอนของหทัย พี่ชายของเขา บ้านหลังนี้เป็นเรือนเล็ก
ปลูกใหม่ในสวนมะนาว แยกจากเรือนใหญ่ของนางชูผู้มารดา
นายโห้ผู้บิดาปลูกให้หทัยลูกชายคนโตเป็นเรือนหอ ห้องนอนจึง
ค่อนข้างกว้าง มีเตียงนอนใหญ่ขนาด 6 ฟุต ตู้เสื้อผ้าใบโต แม้
จะไม่โก้หรู เป็นเตียงตู้ที่หาซื้อได้ตามร้านขายเครื่องเรือนระดับ
กลางทั่วๆไปแต่ก็นับว่าน่าอยู่พอสมควร เหมาะกับครูประชาบาล
อย่างหทัยกับเจ้าสาวของเขา แต่เวลานี้ผู้เป็นเจ้าของบ้านพร้อม
ด้วยภรรยาโยกย้ายไปอยู่ที่อื่นเพราะได้บรรจุเป็นข้าราชการครูใน
จังหวัดอื่น เรือนน้อยน่ารักหลังนี้จึงถูกน้องชายยึดครองด้วย
ข้ออ้างว่ามีความเป็นส่วนตัวดี เขาชอบนอนดึกท่องตำราเพื่อ
เตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย อยากอยู่คนเดียว พี่ชายก็อนุญาต
เพราะโอกาสจะกลับมาอยู่บ้านนี้มีน้อยนัก เมื่อน้องชายต้องการ
เขาก็ยกให้
แต่เจ้าหนุ่มกลับใช้ห้องหอของพี่ชายเป็นรังรักเสียนี่
ผลดีเปิดประตูตู้เสื้อผ้าและพบน้องสาวนั่งงอก่อใน
สภาพเกือบเปลือยอยู่ในนั้น นางชูร้องอุทานเมื่อเห็น ผลดีหันไป
คว้าผ้าห่มบนเตียงโยนคลุมตัวน้องสาวก่อนพูดว่า
“อุจาด ทุเรศลูกกะตา” เขาหันไปทางหริณ “ยังมีหน้า
มาปฏิเสธ นึกว่าซ่อนในนั้นแล้วจะหาไม่เจอรึ ออกไปพูดกันข้างนอก”
หริณหน้าเซียว ก้มหน้ามองพื้นเรือน นางชูดึงหูลูกชาย
แรง ๆ
“ไปที่บ้าน เดี๋ยวให้พ่อเอ็งมารับรู้ความซ่าของเอ็งซะมั่ง
หาเรื่องหมดอนาคตแล้วไง เสียแรงให้เล่าเรียน น้องครูผลอายุเท่าไหร่
ไปพามานอนกันอีแบบนี้”
นายโห้นั้นตื่นตั้งแต่ยังไม่สว่าง ออกไปดูแลสวนมะนาว
ยี่สิบกว่าไร่ของเขา นอกจากมะนาวก็มีพืชผลอย่างอื่น เช่น หมาก
มะพร้าว ผักสวนครัวต่าง ๆ ให้เก็บขายได้เกือบทุกวัน เลี้ยงปลา
เป็ด ไก่ เอาไว้กินไข่ กินเหลือก็ขาย ส่งลูก ๆ สี่คนเล่าเรียนชั้น
สูงได้ หทัยลูกชายคนโตเรียนจบวิทยาลัยครู ลูกสาวคนโตเรียน
ไม่จบแต่มีความสามารถทางเย็บปักถักร้อยก็เรียนตัดเย็บ เปิด
ร้านตัดเสื้อในตลาด มีเงินมาช่วยพ่อแม่ส่งเสียน้องคนถัดไปคือ
หริณให้เรียนจนถึงชั้นมัธยมปลายแล้ว และยังให้โอกาสไปสอบ
เข้ามหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯเพราะเห็นว่าหริณเรียนเก่ง สอบได้
ที่หนึ่งเกือบทุกครั้ง
“เรียนเก่ง หน้าตาก็ดี มีสง่าราศี มันคงไปได้ดีกว่าพี่ ๆ
น้องๆ” นายโห้ภูมิใจในลูกชายคนรองคนนี้นัก นางชูก็เช่นกัน
แม้ลูกชายคนนี้จะไม่ค่อยยอมช่วยงาน อ้างว่าเรียนหนัก ต้องท่อง
หนังสือ ต้องเรียนพิเศษพ่อแม่ก็ไม่ว่า ส่วนลูกคนอื่นๆต้องช่วยกัน
ตัวเป็นเกลียวจนกระทั่งแยกครอบครัวไป ช้องมาศน้องสาวก็ต้อง
ช่วยแม่ทำครัว ซักรีดเสื้อผ้าให้ตนเองและพี่ชาย หริณใช้ชีวิต
สะดวกสบายราวกับลูกเจ้าลูกนายเลยทีเดียว
แต่ลูกชายก็มาก่อเรื่อง พาน้องสาวครูผลดีมาซ่อนไว้
ในห้องนอนแบบนี้ ถ้าครูผลดีเอาเรื่องก็คงหมดอนาคตกัน เพราะ
ผาณิตอายุน้อยนิดเดียว สภาพของผาณิตที่ทุกคนเห็นนั้นปฏิเสธ
ได้ยากว่าไม่มีอะไรเกินเลย
ผู้ใหญ่ทั้งสามมองหน้ากันไปมา ต่างฝ่ายต่างพูดไม่ออก
กระทั่งผาณิตแต่งตัวเรียบร้อยออกมานั่งพับเพียบที่พื้นเรือนข้าง
กายหริณ
“ทำไมถึงทำแบบนี้ ณิต” ผลดีถามน้องสาว
“เรารักกันค่ะ” แม่สาวน้อยตอบสั้น ๆ
“อย่างนี้เขาไม่เรียกว่ารักแต่เรียกว่าใคร่” พี่ชายว่า
“รักกันชอบพอกันอยู่ในขอบเขต ใครจะไปว่าอะไร
จะคุยกัน ไปมาหาสู่ กระทั่งดูหนังด้วยกันก็ไม่มีใครว่า
ทำไมต้องหนีมาอยู่ด้วยกัน เราน่ะอายุเท่าไหร่ณิต เพิ่งเรียนมัธยมสาม
ยังไม่ทันสอบไล่ด้วยซ้ำแล้วเธอล่ะ หริณ อายุเท่าไหร่”
“สิบแปดครับ” เจ้าหนุ่มอุบอิบ
“แล้วจะเอายังไงกันนี่ เฮ้อ เด็กมันใจเร็วด่วนได้ ชิง
สุกก่อนห่ามแบบนี้” นายโห้ถอนใจ “เพิ่งเรียนชั้น ม.6 กะจะไป
สอบเข้ามหาวิทยาลัย หมดกัน แม่รสเขาก็คงเสียใจ สู้อุตส่าห์
ช่วยส่งน้องเรียน กระทั่งฝากฝังหาที่อยู่ที่ห้วยขวางให้ จะเอาไป
ฝากอยู่กับญาติทางแฟนแม่รสเขา เขาทำบ้านแบ่งเช่า มันจะได้
เรียนจบได้ปริญญาดี ๆ กับเขา ทำงานเป็นเจ้าคนนายคน เอาให้
มันโก้กว่าพี่ชายแค่ครูประชาบาล ไม่คิดหน้าคิดหลังเล้ย”
“ครูอย่าเอาเรื่องมันเลยนะคะ” นางชูขอร้อง “นึกว่า
เห็นแก่อนาคตมันเถอะ”
“น้องสาวผมเพิ่งสิบห้า ถ้าผมเอาเรื่อง เอาตัวนายรอง
นี่ไปเข้าคุก มันก็คงไปนั่งร้องไห้เกาะลูกกรงห้องขังให้อับอายขาย
หน้าชาวบ้านเขา ผมเองไม่มีปัญญาอบรมน้องให้ดี พ่อแม่ก็เสีย
หมดแล้ว ผมคิดว่าเรามาตกลงลงกันดี ๆ ดีกว่าว่าจะทำอย่างไรกับ
เด็กสองคนนี่ดี”
นางชูอยากจะบอกว่าครูก็รับน้องสาวกลับไปใส่ตะกร้า
ล้างน้ำเสีย ใครจะไปรู้ ถ้าจะเรียกค่าเสียหายก็จะพยายามหาเงิน
มาชดเชยให้ แต่นางชูไม่กล้าพูด บุคลิกของครูผลดีค่อนข้าง
กร้าวเป็นคนเอาเรื่อง ขืนพูดออกไปอาจจะกลายเป็นเรื่องดูหมิ่นกัน
ชะดีชะร้ายครูผลดีแจ้งความว่าลูกชายพรากผู้เยาว์หรือหลอกลวง
น้องสาวขึ้นมาจะยิ่งยุ่ง
“ผมจะเอามันกลับไปบ้านก่อน” ครูผลดีพูดขึ้นหลัง
จากเงียบไปนาน “แต่ต้องไปตามกำนันมารับรู้เผื่อมันเกิดท้องขึ้น
มาจะต้องรับ”
“ณิตไม่กลับ” เสียงแม่สาวดังขึ้น หล่อนผวาเข้าไป
กอดเจ้าหนุ่มไว้แน่น “กลับไปพี่ก็ตีหนู แล้วยังพี่ยุพาอีก ณิตไม่กลับ”
“แกพูดเหมือนฉันกับพี่สะใภ้แกเป็นยักษ์เป็นมาร เขา
เลี้ยงแกมากี่ปีแล้ว ทำหน้าที่เหมือนแม่ทุกอย่างตั้งแต่แม่ของเราตาย
ไป” ครูผลดีตาขุ่น “แกทำผิดจะไม่ให้ตีได้ยังไง หนีเที่ยวกลับดึก ๆ
กับเจ้ารองนี่ สั่งสอนไม่ได้แล้วจะเลี้ยงกันได้ยังไง”
ผาณิตยังคงร้องไห้ หล่อนไม่อยากกลับบ้าน ไม่อยาก
อยู่กับพี่สะใภ้เพราะถูกเคี่ยวเข็ญให้ช่วยทำงานบ้านทุกอย่าง
หล่อนถูกเอ็ดถูกดุ บางครั้งก็ถึงกับถูกตี เมื่อยังไม่พบกับหริณ
ผาณิตก็ทนมาได้ แต่พอริมีคู่รัก หล่อนก็อยากมีเวลาว่างไปพลอดรัก
ไปเที่ยว คอยเลี่ยงงานในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจึงขัดแย้งกับพี่
สะใภ้มากขึ้น
“ผู้หญิงเขาไม่อยากกลับ เธอจะว่ายังไง” เขาหันไปทาง
หริณ เจ้าหนุ่มก้มหน้า
“เกินเลยกันมานานเท่าไหร่แล้ว” นายโห้ถามขึ้น
วัยรุ่นทั้งสองไม่ตอบคำถาม
“ว่าไงล่ะ พ่อถามทำไมไม่พูด ท้องไส้ขึ้นมาจะทำยังไง
ไม่คิดหน้าคิดหลัง เฮ้อ อายุสิบแปดกับสิบห้า แล้วจะทำอะไรกิน
กันล่ะถ้าไม่ได้เรียนหนังสือ ม.6 ก็ยังไม่ทันได้สอบ จะทำสวนเรอะ
เอ็งก็มือนิ่มตีนนิ่มมาหลายปีแล้ว กระทั่งรดน้ำต้นไม้ก็ไม่เคย จะ
เกาะพ่อแม่กินไปชั่วชีวิต เอาลูกเอาเมียมาโปะให้พ่อแม่เลี้ยงอีกด้วย
ลำพังเอ็งคนเดียวยังต้องให้นังรสมันช่วยส่งเสียให้เรียน”
“ตั้งแต่สงกรานต์แล้ว” ลูกชายตอบเสียงอ่อย “คงไม่
ท้องหรอก”
“ถ้าท้องล่ะ”
คำถามของครูผลดีไม่มีคำตอบ
“จะให้ทำแท้งเรอะไง จะได้ลอยหน้าเป็นหนุ่มเป็นสาว
กันต่อไป” เขาซักไซ้ประชดประชันสีหน้าเอาเรื่อง นางชูทำท่า
เหมือนจะเป็นลม
“อย่าพูดเรื่องทำแท้งเลยพ่อคุณ มันบาปกรรม เลือด
เนื้อของเราแท้ๆ”
“ก็ให้มันอยู่ด้วยกัน” นายโห้พูดง่าย ๆ “อยู่บ้านนี้แหละ”
“แล้วจะทำมาหากินอะไรกัน เด็กเท่านี้” พี่ชายฝ่าย
หญิงถอนใจ
“ผมว่านะครู ให้เขาอยู่ที่นี่ แต่ให้เจ้ารองมันเรียน
หนังสือของมันไปตามเดิม เลี้ยงลูกสะใภ้คนหนึ่งมันคงไม่กระไร
นักหนาหรอก”
“อยู่ด้วยกันเฉย ๆ รึ”
“ก็ครูจะให้ผมทำอย่างไรล่ะครับ มันก็หอบผ้าหนีมาอยู่
ด้วยกันแบบนี้แล้ว ท้องไส้หรือเปล่าก็ไม่รู้ ครูจะให้กลับบ้านก็ไม่
ยอมกลับ กลัวถูกตี ลูกชายผมมันก็ผิด แต่จะไปตัดอนาคตมัน
ไล่มันไปอยู่ด้วยกันที่อื่นก็คงอดตายกันทั้งคู่ หรือไปเป็นขโมย
ขโจรไปโน่น หรือครูคิดว่าต้องจัดงานแต่งงาน ให้มันเป็นเรื่อง
เป็นราว โธ่ มันก็ขายหน้าเหมือนกันแหละ”
“ผมรู้” ผลดีลากเสียง “ผมขายหน้ากว่าด้วยซ้ำไป
อนาคตมันก็ไม่เหลือเหมือนกัน อายุแค่สิบห้า ถ้าผัวทิ้งมันก็คงอด
ตาย ผมน่ะอยากให้เขาเรียนให้จบ อย่างน้อยจบพาณิชย์ก็ยังดี
พอทำงานขายข้าวขายของหรือเป็นเสมียนพิมพ์ดีด
ได้เป็นแคชเชียร์ หรืออะไร นี่ก็หมดกัน”
“เรารักกัน ผมไม่ทอดทั้งผาณิตหรอกครับ” หริณทำ
ใจกล้าเอ่ยขึ้น
“ตอนนี้ก็พูดได้ อีกหน่อยพอเรียนจบชั้นสูง ๆ เจอคน
ใหม่ ๆ ก็จะไม่พูดแบบนี้” ผลดีมองหน้าเจ้าหนุ่ม เขาไม่เชื่อถือ
ความรักของวัยรุ่นอายุยังไม่ทันยี่สิบสองคนนี้เลย มันใจเร็วด่วนได้
ไม่รู้จักคิด แยกความรักแท้รักเทียมไม่ออก มันสองคนเพียงแต่ลุ
แก่ความอยาก แพ้แก่ความใคร่เท่านั้นเอง
แม้จะโกรธแต่เขาก็เวทนาน้องสาวคนเดียว
“มันอาจจะไม่ใช่หลักประกันที่ดีอะไรนัก แต่อย่างน้อย ๆ
ก็พอจะช่วยได้บ้างกระมัง ให้เขาสองคนจดทะเบียนสมรสกันเสีย
ให้ถูกต้องตามกฎหมาย” ครูผลดีบอกพ่อแม่ของฝ่ายชาย “อายุ
ยังไม่ครบยี่สิบ ผู้ปกครองก็เซ็นชื่ออนุญาตเสีย ผลตามกฎหมาย
ก็สมบูรณ์”
“แล้วจะไปเรียนหนังสือได้รึ”
นายโห้ห่วงอนาคตของบุตรชาย
“เรียนได้ครับ ไม่มีปัญหาอะไรดอก สอบเข้าได้ก็เรียน
ได้ สอบเข้าไม่ได้ก็เรียนมหาวิทยาลัยเปิด อย่างรามหรือสุโขทัย
หรือมหาวิทยาลัยเอกชน วิทยาลัยครู สุดแต่จะเลือกเรียน มีแต่
ฝ่ายผู้หญิงแหละลำบาก กลายเป็นนางไปเสียแล้ว เพิ่งเป็น
นางสาวมาได้ไม่ถึงสองเดือนเลย แล้วถ้าท้องขึ้นมาก็ไม่รู้ว่าจะ
เลี้ยงลูกเป็นไหม”
“ฉันจะช่วยเลี้ยงให้ ไงๆก็หลาน” นางชูรับรอง สีหน้า
ดีขึ้นเมื่อรู้ว่าลูกชายยังสามารถไปเรียนหนังสือได้เหมือนเดิม
เมื่อตกลงกันได้ด้วยดีนายโห้กับเมียก็ขอตัวไปดูแลสวน
ของตนต่อ หริณรีบหลบตามไปด้วย ผาณิตทำท่าจะลุกตามเมื่อ
เห็นพี่ชายเอ่ยปากอำลาเจ้าของบ้านผู้ชรา แต่ผลดีเรียกไว้
“แกน่ะจะไปไหน อยู่ก่อน ฉันมีอะไรจะพูดด้วย”
ผาณิตชะงัก
“ฉันจะบอกแกให้รู้ตัวไว้นะ ณิต ไอ้ความรักบ้าบอ
อะไรของแกสองคนนี่น่ะมันจะทำให้เสียอนาคต แกเกือบจะทำลูก
ชายเขาเสียอนาคตด้วย พ่อแม่เขาไม่ได้รักได้เอ็นดูอะไรแกนักหรอก
แกอยู่กับฉันกับยุพาทำท่าอึดอัดหาว่าลำเอียง รักลูกมากกว่าน้อง
ใช้งานแก เอ็ดแก ดุแก สารพัดสั่งสอน แกอยากจะสบายอย่าง
ลูกเถ้าแก่ลูกนายอำเภอทั้งที่เป็นลูกกำพร้า น้องครูสอนเกษตร
จนๆ คนนึง ทีนี้ละแกจะรู้รสชาติยิ่งกว่า พอผัวแกเขาเข้ากรุงเทพฯ
ไปเรียนต่อ ก็อีกไม่กี่เดือนหรอก แกก็จะหัวเดียวกระเทียมลีบ
ฉันไม่มาตามดูแลแก ไม่คอยปกป้องแกอย่างสมัยแกอยู่กับฉันอีก
แล้ว แกพ้นอกฉันแล้วนี่ แกทำตัวเองนะ ณิต แกอยู่กับฉัน จะดี
จะเลวก็พี่น้องสายเลือดเดียวกัน คราวนี้มาอยู่กับผัว หรือที่จริง
กับพ่อผัวแม่ผัว ผัวน่ะพอลงเรือนไปก็เป็นคนอื่น ถ้าแกไม่ทำตัวดีๆ
ขยันขันแข็งช่วยงานช่วยการเขาก็จะรู้สึก ทะเบียนสมรสใบเดียว
ช่วยอะไรแกไม่ได้หรอก แต่ฉันก็ทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ ถ้าแก
เอาแต่ไปเที่ยวกัน ลูกชายเขาสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ เขาก็จะ
โทษแก ว่าเป็นเพราะแกคนเดียว เพราะมัวแต่ยุ่งกะแกจนสอบ
เข้าไม่ได้ทั้งที่เคยเรียนเก่งนักหนา เป็นนักเรียนตัวอย่างของโรง
เรียนประจำจังหวัด เกิดอะไรขึ้นแกไม่ต้องมาโอดกาเหว่าให้ฉัน
เห็นหน้าอีกนะ”
แล้วผลดีก็ผละจากน้องสาวไป หายหน้าไปจากชีวิต
ของหล่อนกับสามีวัยรุ่น แต่ในเวลาหน้ามืดด้วยอารมณ์รัก
อารมณ์ใคร่เด็กสาวเชิดหน้าผยองหยิ่งด้วยคิดว่าตนกำหัวใจชาย
หนุ่มไว้มั่นคงแล้ว แม้มิได้ทำพิธีแต่งงานเอิกเกริกแต่ก็จดทะเบียน
สมรส ผูกข้อไม้ข้อมือกัน มาอยู่ด้วยกัน มีเรือนหลังเล็กอยู่เป็น
ส่วนเป็นสัดราวกับเรือนหอ พ่อแม่ของเขาก็รับรู้
น้องสาวของหริณชื่อช้องมาศ อายุมากกว่าผาณิตหนึ่ง
ปี หล่อนเรียนในวิทยาลัยเทคนิคสาขาคหกรรมศาสตร์ พอรู้ว่าได้
พี่สะใภ้มาอยู่ในบริเวณเดียวกันหล่อนก็บอกกันมารดาเป็นคำขาดว่า
“เขามีเมียแล้ว ต่อไปนี้ไม่ซักรีดให้อีกหรอก
ให้เมียเขาทำเป็นเทวดามานานแล้วนี่ เอะอะแม่กับพี่สาวน้องสาวทำให้
แล้วก็ บ้านช่องด้วยนะ ไม่ไปกวาดถูให้อีกหรอก
ถ้าแม่จะบริการลูกชาย ก็ทำเอง”
“แม่ก็ไม่ทำให้แล้ว เมียมันอยู่ว่างๆ ให้มันทำ” นางชู
เห็นด้วย
“ที่จริงน่าจะทำให้พ่อผัวแม่ผัวด้วย อยู่ว่างๆ” ช้องมาศว่า
“ฉันจะได้มีเวลาเรียนแล้วก็ท่องหนังสืออย่างคนอื่นเขามั่ง ไม่เคย
ได้มีเวลาว่างเล้ย มีแต่งานๆๆๆ วันหยุดก็ต้องลุกแต่มืดไปช่วยรด
น้ำมะนาว เก็บผัก กวาดบ้านถูบ้าน รีดผ้า โอ๊ย เหนื่อย พี่รอง
น่ะเป็นเทวดาอยู่คนเดียว”
“มันลูกผู้ชาย เอาดีทางเรียน จะให้มาช่วยอะไร” นางชู
เข้าข้างลูกชาย
“เลี้ยงเป็นเทวดาเชียว ทีนี้ต้องเลี้ยงเมียให้อีกคน แล้ว
อีกหน่อยก็ต้องตามเลี้ยงหลานให้อีกด้วย ไม่รู้กี่คน สอบเสร็จก็
จะไปกรุงเทพฯ ทิ้งเมียกับลูกในท้องไว้ให้พ่อแม่เลี้ยง สบายบรื๋อ
ไม่ต้องรับผิดชอบ”
“เอ็งมันพูดมาก” นางชูว่า
ผาณิตก็เลยต้องก้มหน้าก้มตาทำงานบ้านปรนนิบัติสามี
ปรกติอยู่บ้านพี่ชายพี่สะใภ้ผาณิตก็ทำงานพวกนี้อยู่แล้ว จึงไม่ถึง
กับลำบากกายลำบากใจนัก เคยหงอไม่กล้าพูดมากอย่างไรก็
เหมือนเดิมทุกอย่าง
หริณไม่มีท่าทีคลั่งไคล้หล่อนเหมือนเมื่อพบกันใหม่ๆ
เขาเคยส่งดอกไม้ส่งของขวัญให้หล่อน เคยพาไปเที่ยวค่ำๆมืดๆ
กลับบ้านไปถูกยุพาพี่สะใภ้เอ็ดบ้าง ตีหรือหยิกเอาบ้าง หล่อน
โกรธหนักหนาว่าพี่สะใภ้กดขี่ใช้งาน เมื่อมาอยู่นี่หริณเอาแต่ท่อง
หนังสือ นอนดึก หล่อนเหงาก็ไปที่เรือนใหญ่ดูละครโทรทัศน์กับ
นางชูแม่ผัวและช้องมาศ พอละครเลิกก็เดินไปเรือนเล็ก หริณยัง
คงอ่านตำราอย่างขยันขันแข็ง ผาณิตก็ได้แต่เข้านอนคนเดียวเงียบๆ
สามีเข้านอนเมื่อไรหล่อนไม่รู้เลย ตอนเช้าหล่อนก็รีบไปช่วยแม่
ผัวที่เรือนครัวหลังเรือนใหญ่ หุงหาอาหาร ซักผ้า รีดผ้า หล่อน
ไม่ได้ร่วมโต๊ะอาหารกับคนในเรือนใหญ่เพราะนางชูบอกให้หล่อน
แบ่งข้าวปลาอาหารยกไปกินกับหริณสองคนที่เรือนเล็ก
เมื่อหริณจากทุกคนไปกรุงเทพฯ ผาณิตจำต้องย้ายไป
นอนที่เรือนใหญ่เพราะไม่กล้าอยู่ลำพัง ยิ่งไปกว่านั้นหล่อนตั้ง
ครรภ์ได้หลายเดือนแล้ว
“อยู่คนเดียวเป็นอะไรไปจะลำบาก เจ็บท้องขึ้นมาจะ
ทำยังไง” นางชูเห็นด้วยที่ผาณิตย้ายมานอนที่บ้านของนางแต่
ช้องมาศทำท่าไม่ชอบใจนักเพราะต้องให้ผาณิตนอนกับหล่อน ใน
บ้านไม่มีห้องหับแบ่งเป็นสัดส่วนพอ “เอ็งก็นึกซะว่าเห็นแก่หลาน
มันก็คนไม่พูดมากอะไร ครูผลเขาก็เลี้ยงน้องมาดีทีเดียว งาน
บ้านงานเรือนพอเป็น ไม่ถึงกับเลี้ยงเสียข้าวสุกเปล่าๆ”
ผาณิตนอนน้ำตาร่วงอยู่หลายคืนเพราะความรู้สึกโดด
เดี่ยวว้าเหว่ เพิ่งรู้สึกสำนึกในพระคุณของพี่ชายพี่สะใภ้ที่เคี่ยวเข็ญ
หล่อนให้ช่วยทำงานบ้าน หากหล่อนทำอะไรไม่เป็นเลยเห็นทีจะ
ลำบากกว่านี้ นางชูคงรังเกียจลูกสะใภ้ หาว่าเกียจคร้าน แต่นี่ให้
ทำอะไรก็ทำได้ และทำได้ค่อนข้างดีด้วย เป็นผลมาจากการดุด่า
ว่ากล่าวของพี่สะใภ้ผู้แสนจะเข้มงวดของผาณิต
หริณสอบเข้าได้เป็นนักศึกษาวิชากฎหมายในมหา-
วิทยาลัยมีชื่อพร้อมๆกับการเป็นบิดาของลูกสาวตัวน้อยนิด ด้วย
วัยเพียง 18 ปีเศษของหนุ่มน้อยผู้ยังไม่เคยรู้จักการใช้ชีวิต
ผะดาเกิดมาจากแม่อายุไม่เต็ม 16 กับพ่ออายุ 18
ซึ่งแม่หนูได้เห็นหน้าเพียงปีละไม่กี่วัน
แต่ปีละไม่กี่วันนั้นก็ทำให้แม่หนูได้น้องชายอีกคนหนึ่ง
ถือกำเนิดในปีมังกรทอง ชื่อ ผณินทร์ อันมีความหมายถึงพญา
นาคราช หรือปีมะโรงสมกับปีกำเนิดของเขา แต่นามสกุล
ชำนาญปลูก สมกับอาชีพทำสวนทำไร่ของต้นตระกูลนั่นเอง