ดวงใจปราบ (เฌอมาลี)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: ดวงใจปราบ
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 289.00 บาท 72.25 บาท
ประหยัด: 216.75 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

บทที่ 1

แรกพบ

 

ณ ไนท์คลับสุดหรูใจกลางเมือง

            “น้องเอมๆ พี่มีแขกพิเศษอยากให้น้องเอมไปบริการหน่อยจ้ะ คนนี้น้องเอมต้องดูแลให้ดีๆนะ”

“ค่ะพี่สา ว่าแต่พิเศษยังไงคะ” เอมิกาถามออกไปอย่างสงสัย

“คุณปราบเป็นแขกวีไอพีของทางร้านจ้ะ นานๆถึงจะมาใช้บริการซะที ทิปหนัก รวยมากๆ แต่ว่าค่อนข้างหยิ่งออกจะปากร้ายไปบ้าง หากโดนว่าอะไรเข้าเอมก็อย่าไปถือสานะจ๊ะ” พี่สาเมื่อเห็นหญิงสาวตรงหน้าตั้งใจฟังก็พูดต่อ

“ปกติเวลาที่มาก็ไม่ค่อยให้เด็กไปนั่งดื่มด้วยเท่าไหร่หรอกจ้ะ เพราะคุณปราบค่อนข้างชอบความเป็นส่วนตัว แล้วก็ขี้รำคาญ แต่ไม่รู้วันนี้นึกยังไงบอกว่าอยากได้เด็กไปนั่งดื่มด้วย พี่ก็เลยนึกถึงเอมนี่แหละ เพราะว่าเอมไม่ค่อยพูดมาก แม่พวกนั้นไม่ไหวพูดเป็นต่อยหอยแถมชอบชม้ายชายตา คุณปราบเธอไม่ชอบ เคยไล่แม่พวกนั้นออกมาหลายรอบแล้ว จนพี่ยังกลัวอยู่ว่าจะหาใครไปบริการคุณเขาดี เอาละไปได้แล้ว” สาริกาผู้ดูแลคลับแห่งนี้ร่ายรายละเอียดของแขกวีไอพียาวเหยียดเป็นหางว่าวจนเอมิกาอดจะนึกขันไม่ได้

            “ค่าพี่สา รับรองเอมจะปิดปากเงียบไม่พูดอะไรออกไปให้แขกวีไอพีของพี่สารำคาญใจเป็นอันขาด” เสียงใสรับคำพร้อมทำมือรูดซิปปิดปากประกอบท่าทางอย่างทะเล้น ก่อนจะเดินตรงไปยังห้องวีไอพี ทิ้งให้สาริกายืนยิ้มอย่างเอ็นดู  

เธอรู้จักเอมิกามาเกือบเดือนผ่านทางญาติผู้น้องที่ฝากฝังหญิงสาวเข้ามาทำงานที่นี่ เอมิกาเป็นเด็กดีตั้งใจเรียนหนังสือ แถมยังขยันทำงานตัวเป็นเกลียวเพื่อส่งเสียตัวเองเรียน เธอหวังว่าเมื่อเอมิกาเรียนจบ หญิงสาวจะได้งานทำดีๆ ไม่ต้องมาอยู่ในสถานที่อโคจรเช่นนี้

เอมิกา  ถิ่นเมืองดี หรือ เอม หญิงสาววัย 20 ปี กำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 3 เมื่อก่อนเธอมีชีวิตครอบครัวที่อบอุ่นอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูก แต่แล้วชีวิตเธอก็เปลี่ยนไปเมื่อแม่ของเธอได้เสียชีวิตไปเมื่อ 3 ปีก่อนและตามมาด้วยพ่อของเธอที่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อไม่กี่เดือนมานี้ พ่อของเธอเป็นผู้จัดการไร่ของพ่อเลี้ยงคนดังในจังหวัดเชียงราย และได้พบรักกับแม่ที่เป็นคนกรุงเทพซึ่งได้มาฝึกสอนที่โรงเรียนในตัวเมืองเชียงราย ทั้งคู่คบหาดูใจกันไม่นานก็ตกลงแต่งงานกันและได้อาศัยอยู่ที่บ้านพักของพ่อที่ไร่ พอแม่เธอตั้งท้องก็ได้เลิกอาชีพครูเพราะว่าแม่แพ้ท้องอย่างหนัก ทำให้ไม่สามารถเดินทางไกลเข้าไปสอนในตัวเมืองได้ แต่พ่อเลี้ยงก็ใจดีให้แม่เธอสอนลูกหลานคนงานและได้ให้ค่าจ้างไว้จับจ่ายใช้สอย ครอบครัวของเธอใช้ชีวิตอย่างมีความสุขที่นั่น จนเธอเรียนจบมัธยมต้นแม่ของเธอก็เริ่มป่วยกระเสาะกระแสะมาตลอด พ่อจึงอยากให้แม่เธอได้เข้าไปอยู่ในการดูแลของโรงพยาบาลในกรุงเทพ  ก่อนจากมาพวกเราก็ได้เข้าไปลาพ่อเลี้ยง ซึ่งท่านก็เห็นดีด้วยและได้มอบเงินให้พ่อจำนวนหนึ่งเพื่อตอบแทนที่พ่อเธอทำงานรับใช้ท่านมาหลายสิบปี

 จากนั้นพวกเธอก็ได้มาเช่าบ้านหลังเล็กๆ เพื่อที่จะได้มีเงินเหลือไว้รักษาแม่ ส่วนพ่อเธอก็รับจ้างขับรถส่งนักเรียน ก่อนที่เธอจะทันได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย แม่ของเธอก็ได้เสียชีวิตด้วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ทำให้เหลือแค่เธอและพ่อ โชคดีที่เธอสอบเข้าคณะอักษรศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยชื่อดังของรัฐบาลได้ เลยประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้เยอะและเธอก็ได้ทำงานพิเศษเป็นพริตตี้จากการชักชวนของเพื่อน เพื่อจะได้มีเงินมาใช้จ่ายเป็นค่าเรียน ค่าใช้จ่ายส่วนตัว

ชีวิตเธอดำเนินไปอย่างเรียบง่ายจนเธอได้ขึ้นปีที่สาม พ่อของเธอก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ขณะที่ท่านลงรถประจำทางกำลังจะเดินกลับเข้าบ้านก็ได้มีรถยนต์ที่ขับมาด้วยความเร็วเกิดเสียหลัก เนื่องจากหักหลบสุนัขที่วิ่งตัดหน้าทำให้ขับมาชนพ่อเธอที่กำลังเดินข้ามถนนเข้าซอยหน้าหมู่บ้านเข้าอย่างจัง และผลจากอุบัติเหตุนั้นก็ทำให้พ่อของเธอต้องเข้ารับการผ่าตัดเนื่องจากมีเลือดคั่งในสมองแต่แพทย์ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตพ่อเธอไว้ได้ ทำให้ตอนนี้เหลือเพียงแค่เธอคนเดียวที่ต้องอยู่บนโลกใบนี้ตามลำพัง พอพ่อเธอเสียชีวิตเธอก็ย้ายออกจากบ้านพักมาอยู่ที่หอเพื่อประหยัดค่าเช่าเพราะตอนนี้เธอไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เนื่องจากนำไปใช้เป็นค่ารักษาพยาบาลของพ่อ หลายครั้งที่เธอรู้สึกน้อยใจในโชคชะตาของตัวเองที่อาภัพนักแต่ก็เป็นอยู่เพียงไม่นาน เพราะชีวิตเธอต้องดำเนินต่อไป เธอต้องทำงานเพื่อหารายได้เอามาใช้ส่งเสียตัวเองและค่าใช้จ่ายอื่นๆ  ไม่ว่าใครจะมาเสนองานอะไรเธอรับทำหมด แค่ขอให้เป็นงานสุจริตไม่ผิดศีลธรรมและไม่เกี่ยวข้องกับการขายบริการทางเพศเท่านั้นเธอก็พอใจ

จนถึงวันสอบวันสุดท้ายสำหรับจบการศึกษาชั้นปีที่ 3 ก็มีรุ่นพี่ของเธอที่รู้ว่าเธอกำลังหางานพิเศษทำช่วงปิดเทอม จึงได้มาชักชวนเธอไปทำงานด้วย บอกว่าที่คลับของญาติเขากำลังขาดพนักงานนั่งดื่ม หากเธอสนใจเขาจะพาไปสมัคร เธอไม่เคยทำงานกลางคืนมาก่อน เพราะว่าพ่อของเธอเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย แต่ตอนนี้พ่อของเธอไม่อยู่แล้วเธอจึงไม่มีใครที่เธอต้องมานั่งกังวลจึงตอบตกลงรับงานไป แต่เธอก็ได้ถามจนแน่ใจแล้วว่าเป็นแค่พนักงานนั่งดื่มเท่านั้น ไม่มีการขายบริการด้านอื่นๆเด็ดขาด ซึ่งรุ่นพี่ก็รับรองแข็งขันว่า แค่นั่งดื่มเป็นเพื่อนแขกเฉยๆ แต่ถ้าหากมีการไปตกลงนอกรอบกับแขกเองอันนั้นเขาไม่รู้ไม่เห็นด้วย ซึ่งเธอก็ไม่กังวลเรื่องนี้เพราะเธอไม่คิดจะทำอย่างนั้นอยู่แล้ว

ผ่านไป 3 สัปดาห์ที่เธอมาทำงานที่คลับ ทุกคืนผ่านไปด้วยดีเพราะเธอได้บอกพี่สา หรือ สาริกาคนที่ดูแลคลับอยู่ ว่าเธอแค่ต้องการนั่งดื่มเป็นเพื่อนแขกเฉยๆ ซึ่งพี่สาก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่เธอรู้สึกไม่ค่อยชอบชุดที่แต่งอยู่ซักเท่าไหร่ เพราะว่าค่อนข้างสั้นและรัดรูปจนขยับตัวแทบไม่ได้ ถึงเธอจะทำงานเป็นพริตตี้มาก่อนแต่เธอก็เลือกที่จะทำเฉพาะงานที่ไม่ต้องนุ่งน้อยห่มน้อย แต่ดูชุดที่เธอกำลังใส่อยู่นี่ซิมันแทบจะปิดอะไรไม่มิดเลย โชคดีหน่อยที่เป็นตอนกลางคืนเลยไม่ค่อยเห็นอะไรมาก ส่วนช่วงกลางวันเธอก็ยังคงรับงานเป็นพริตตี้เหมือนเดิมเนื่องจากได้เงินเยอะและทำไม่กี่ชั่วโมง เธอจะได้มีเวลาพักผ่อนก่อนจะมาทำงานช่วงค่ำ

เอมิกาเดินคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนมาถึงห้องวีไอพี พอเปิดเข้ามาในห้องที่มีไว้ใช้บริการแขกวีไอพี เธอก็ตะลึงจนตาค้าง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเข้ามาในห้องชุดสุดหรูนี้มันดูหรูหรากว้างใหญ่มาก

“เธอจะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานไหม” เสียงทุ้มราบเรียบถามออกมาอย่างไม่สามารถคาดเดาอารมณ์ได้ เอมิกาเมื่อได้สติก็หันไปยังต้นเสียง ทันทีที่สบตาสีนิลคู่นั้นเธอก็รู้สึกเหมือนตกอยู่ใต้มนต์สะกด ร่างกายแข็งเป็นหินไปชั่วขณะ แข้งขาหนักอึ้งจนก้าวไม่ออก ดวงตาคมเข้มคู่นั้นเหมือนมีพลังลึกลับบางอย่างที่ทำให้คนมองรู้สึกถึงความน่าเกรงขาม และความมีอำนาจ

“ถ้าเธอคิดจะมายืนจ้องหน้าฉันอยู่อย่างนี้ ก็ออกไปได้” เสียงเข้มบอกออกไปอย่างไม่พอใจ วันนี้เขาอยากจะมานั่งผ่อนคลายอารมณ์หลังจากที่ต้องทำงานตรากตำมาทั้งอาทิตย์ และอยากจะหาเพื่อนนั่งดื่มเงียบๆ อุตส่าห์กำชับคุณสาไปว่าอยากหาคนนั่งดื่มด้วยที่ไม่พูดมากแค่มานั่งเป็นเพื่อนเขาก็พอ แต่ดูท่าแล้วคนที่ส่งมานี่จะไม่ได้เรื่องได้ราวซักเท่าไหร่ อาจจะไม่พูดมากจริงเพราะเห็นตั้งแต่เข้ามาก็ยังไม่ได้ยินเธอพูดอะไรเลยซักประโยค แต่ไอ้การที่เข้ามาถึงก็ยืนบื้อแถมจ้องหน้าเขาตาค้างอย่างนี้เห็นจะไม่ไหว

“ขอโทษค่ะ” เอมิกากล่าวขอโทษพร้อมกับทำหน้างอเมื่อได้ยินคำพูดไม่เข้าหูนั้น  ปากเสียอย่างที่พี่สาว่าไว้จริงๆด้วย นินทาอยู่ในใจก่อนจะเชิดหน้าใส่และเดินเข้าไปนั่งข้างๆ

ปราบลอบมองหญิงสาวข้างๆแล้วก็อดจะคิดในใจไม่ได้ว่านี่คุณสาไปเอาเด็กมัธยมที่ไหนมาทำงาน ตัวก็เล็ก แถมนิสัยก็เหมือนเด็ก โดนเขาว่านิดหน่อยก็หน้างอเป็นจวัก แถมยังจะมาเชิดหน้าใส่เขาอีก อย่างนี้จะไปบริการใครได้

“เธออายุเท่าไหร่” เสียงห้วนถามออกไปอย่างสงสัย

“20” เสียงใสตอบกลับ

“เธอไม่พอใจฉัน” เลิกคิ้วพร้อมถามกลับเสียงสูง

 “เปล่าค่ะ” เสียงใสตอบแบบขอไปที

“ถ้าไม่อยากจะมานั่งดื่มเป็นเพื่อนฉันก็ออกไปได้แล้วไป รำคาญ” โบกมือไล่คนตัวเล็กข้างๆอย่างไม่สนใจใยดี

“ก็พี่สาบอกว่าคุณไม่ชอบคนพูดมาก ฉันก็เลยไม่อยากจะทำอะไรให้คุณไม่พอใจ” เสียงหวานตอบกลับดูใสซื่อ แต่สำหรับปราบแล้ว เขาคิดว่าเธอประชดประชันเขาซะมากกว่า

“คุณอยากดื่มอะไรคะ” ถามออกไปเสียงเรียบพยายามจะข่มความไม่พอใจไว้ เธอได้ยินเสียงคนข้างๆ หัวเราะเหมือนจะเยาะหยันเธอ คนรวยนี่ก็เอาใจยากจริงๆ เขาคงคิดว่าเธอพูดประชดสินะ แต่เปล่าซะหน่อยเธอก็แค่พูดไปตามที่พี่สาบอกไว้เท่านั้นเอง

“วิสกี้” เสียงทุ้มตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะรับเครื่องดื่มที่เธอส่งให้มาดื่ม ร่างสูงใหญ่นั่งเอนตัวพิงโซฟาอย่างสบายอารมณ์ หลังจากนั้นทั้งสองก็แทบไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีกเลย จนเขากลับออกไปและได้วางทิปไว้ให้เธอ เมื่อเธอเห็นจำนวนเงินที่วางไว้ก็อดคิดไม่ได้ว่า คนรวยนี่ก็ดีจริงๆ ใช้เงินทิ้งขว้างอย่างกับเป็นเศษกระดาษ แค่เธอมานั่งเป็นเพื่อนเขาเงียบๆไม่กี่ชั่วโมงก็ได้มาแล้ว ห้าพันบาท!

หลังจากนั้นทุกๆสุดสัปดาห์ ก็จะเห็นผู้ชายหน้านิ่งมานั่งดื่มที่คลับตลอดเป็นระยะเวลา 3 อาทิตย์ติดต่อกัน ซึ่งทำให้พี่สาแปลกใจมากๆ และยังแซ็วเธอว่า สงสัยคุณปราบจะติดใจในความเป็นคนไม่ช่างพูดของเธอ เพราะทุกครั้งที่มาเขาจะต้องเจาะจงว่าให้เธอมานั่งเป็นเพื่อนเขาด้วยทุกครั้ง

 

และคืนนี้ก็เป็นอีกคืนของวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ปราบมานั่งดื่มที่นี่

“เธอชื่อจริงว่าอะไร เห็นคุณสาเรียกว่าเอม”  เสียงทุ้มถามคนตัวเล็กข้างๆอย่างเริ่มที่จะคุ้นเคยกับความไม่ช่างพูดของเธอ หากเขาไม่ถามอะไรออกไปก็อย่าคิดว่าจะได้ยินเสียงของเธอเป็นอันขาด แต่บางครั้งความเงียบที่เธอแสดงออกมาก็ช่างกวนอารมณ์เขานัก  แต่อีกใจก็รู้สึกดีที่มีเธอมานั่งอยู่ข้างๆ ได้เห็นหน้าหวานๆ ปลายจมูกโด่งรั้นที่บ่งบอกลักษณะนิสัยของผู้เป็นเข้าของได้เป็นอย่างดี และสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกสนุกที่สุดก็คงเป็นเวลาที่เห็นหน้าสวยหวานแดงก่ำเวลาที่โดนเขากระเซ้าแหย่

เขาลอบมองเธอมาหลายหนแล้ว และก็เห็นว่าเอมิกาเป็นผู้หญิงที่หน้าตาดีคนหนึ่ง ใบหน้าของเธอเป็นรูปไข่ ดวงตากลมโต ขนตางอนงามยาวเป็นแพสวย  ติดที่บางครั้งนัยน์ตาหวานคู่นั้นก็แลดูเศร้าไปซักหน่อย เธอมีจมูกโด่งรั้นปากอวบอิ่มสีชมพูระเรื่อ และที่สำคัญเอมิกาเป็นคนผิวขาวมากๆ รูปร่างก็บอบบางเอวเล็กนิดเดียวจนเขากลัวจะหัก แต่ก็มีส่วนที่ผู้หญิงพึงมีอยู่อย่างครบถ้วน เห็นได้จากเสื้อผ้าที่เธอใส่มันรัดแน่นจนเขาแทบจะไม่ต้องจินตนาการเลยว่าหากเธอไม่มีเสื้อติดตัวหุ่นเธอจะเป็นยังไง

“เอมิกาค่ะ” เสียงใสตอบกลับพร้อมรอยยิ้มหวานแตะแต้มอยู่บนดวงใจกระจ่างใสส่งกลับไปให้คนข้างๆ เธอเริ่มที่จะคุ้นชินกับเขาแล้ว เธอชอบที่จะมานั่งดื่มเป็นเพื่อนเขาเพราะเขาไม่เคยแสดงท่าทางเจ้าชู้หยาบโลน ถึงแม้บางครั้งจะดูยียวน แถมปากเสียไปหน่อยก็เถอะ แต่ว่าทิปหนัก ทิปที่เขาให้ไว้ทุกครั้งรวมกับเงินพิเศษที่เธอทำในช่วงเช้าก็ทำให้เธอสามารถนำไปจ่ายค่าเช่าหอและค่าเทอมที่ติดค้างไว้ได้จนเกือบหมด ส่วนปราบเมื่อได้เห็นรอยยิ้มอันแสนสดใสที่ทำให้ห้องที่มืดอยู่นี่ดูสว่างขึ้นมาก็ตะลึงตาค้าง ใจแทบลอยละลิ่วไปหาคนยิ้มสวยที่อยู่ข้างๆ เธอเป็นผู้หญิงที่ยิ้มได้สวยมากๆ ก่อนจะพยายามเรียกสติให้กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว

“เธอเป็นคนที่ไหน”

“คุณพ่อเป็นคนเชียงราย แต่คุณแม่เป็นคนกรุงเทพค่ะ”

“เธอยังเรียนหนังสืออยู่หรือเปล่า” เขารู้มาว่าผู้หญิงที่ทำงานที่นี่ส่วนใหญ่จะเรียนไปด้วยเพราะฉะนั้นเธอก็คงจะกำลังเรียนอยู่เช่นกัน

“ค่ะ เปิดเทอมนี่ฉันก็ขึ้นปี 4 แล้วค่ะ” เสียงใสตอบกลับอย่างเบิกบานใจที่เพียงแค่อีกปีเดียวเธอก็จะจบมหาวิทยาลัยแล้ว และเธอก็จะได้หางานทำเป็นหลักเป็นแหล่งซะที เธอคิดว่าคงไม่น่าจะหายากนักเพราะเธอไม่ใช่คนเลือกงาน อีกอย่างเธอก็สามารถพูดอ่านและเขียนภาษาอังกฤษ ภาษาญี่ปุ่นรวมทั้งภาษาจีนได้ดี  จากนั้นทั้งคู่ก็คุยกันอยู่สักพักก่อนที่ปราบจะก็ขอตัวกลับ

 

คืนนี้หลังจากที่ชายหนุ่มกลับไปได้สักครู่ ก็ได้เวลาเลิกงานของเธอ วันนี้เธอได้ขอพี่สาเลิกงานเร็วเพราะพรุ่งนี้เธอมีงานตอนเช้า เธอไม่อยากเลิกดึกเพราะไม่อยากดูโทรม ซึ่งพี่สาก็อนุญาต

ระหว่างที่เธอกำลังเดินออกมาจากซอยเพื่อขึ้นรถกลับบ้าน ระหว่างทางก็ได้เจอวัยรุ่น 2 คนที่ยืนคุยกันเหมือนกำลังรออะไรอยู่ เธอรู้สึกไม่ปลอดภัยนักแต่จะให้เดินกลับไปที่คลับก็ไกลเกินไป อีกอย่างก็ใกล้จะถึงป้ายรถประจำทางแล้ว เธอจึงรีบเดินก้มหน้าก้มตาไม่สนใจเสียงเป่าปากและเสียงแซ็ว แต่ยิ่งเธอเดินเร็วเท่าไหร่ ก็เหมือนจะได้ยินเสียงพวกนั้นตามมาติดๆ เมื่อเธอหันหลังไปมองก็เห็นพวกวัยรุ่น 3 คนเดินตามเธอมา เธอจึงรีบวิ่งให้เร็วที่สุด แต่ก็ยังช้ากว่าพวกมันที่วิ่งมาดักหน้าดักหลัง มันกรูเข้ามาพยายามจับตัวเธอ แต่เธอก็ใช้กระเป๋าเหวี่ยงไปมาและพยายามดิ้นหนีจาก 2 คนนั้น พร้อมทั้งตะโกนออกไปให้คนช่วย แต่เนื่องจากเป็นซอยเปลี่ยวและก็มืดแล้วเลยไม่ค่อยมีคนสัญจรไปมา และด้วยความที่พวกมันมีมากกว่า หนึ่งในนั้นก็จับตัวเธอรวบไว้แน่นพร้อมทั้งใช้มือปิดปากและเพื่อนอีกคนก็มาช่วยลากเธอเข้าไปในพงหญ้าข้างทาง ส่วนอีกคนก็พยายามดึ้งทึ้งเสื้อผ้าเธอ

“โหไอ้เอก มึงดูนี่ผู้หญิงอะไรผิวขาวน่าฟัดจริงๆ” น้ำเสียงและสีหน้าหื่นกระหายของมันทำเอาเธอหวาดกลัวจนต้องร้องไห้แต่ก็ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมาเนื่องจากมันใช้มือสากหยาบปิดปากเธอไว้

“แม่งจริงด้วย เป็นบุญกูแท้ๆที่จะได้ชื่นชมนางฟ้าคนสวยนี่” มันพูดไปก็พยายามดึงกางเกงเธอออก แต่ทันใดนั้นก็มีแสงจากไฟรถส่องมาพร้อมเสียงบีบแตรดังลั่น พอมันเห็นก็เริ่มแตกตื่นวิ่งหนีกันไป ส่วนเธอพอได้สติก็เริ่มจัดแจงเสื้อผ้าที่โดนดึงทึ้งให้ดูเรียบร้อย

“เธอเป็นไงบ้าง” น้ำเสียงราบเรียบถามออกมาจากคนที่เดินลงจากรถมาช่วยเธอ

“ฉันไม่เป็นอะไรมากค่ะ ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวยกมือไหว้ขอบคุณ เมื่อเงยหน้าขึ้นมาเห็นว่าเป็นใครก็อดจะแปลกใจไม่ได้แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป พลางพยายามลุกขึ้นยืนจัดเสื้อผ้าให้ดูเรียบร้อย โชคดีนักที่กางเกงเธอยังไม่ได้โดนถอดออกไปจะมีก็แต่เสื้อที่ขาดลิ่ว

“ฉันทำกระเป๋าสตางค์ตกไว้ที่คลับ แล้วคุณสาโทรมาบอกก็เลยกลับเข้าไปเอา ใส่นี่ไว้ก่อน” เสียงทุ้มอธิบายเมื่อเห็นสายตาของเธอ พร้อมส่งเสื้อสูทเนื้อดีคลุมลงบนบ่าบอบบาง โชคดีนักที่ย้อนกลับมา ตอนแรกก็กะจะให้คนขับรถมาเอาพรุ่งนี้ แต่เหมือนมีอะไรดลใจให้เขาขับกลับมา ซึ่งเขาก็รู้สึกดีที่ตัวเองตัดสินใจไม่ผิดทำให้มีโอกาสช่วยหญิงสาวผู้นี้ไว้จากการถูกย่ำยี

“ขอบคุณค่ะ” เสียงหวานขอบคุณเบาๆจนแทบจะเป็นกระซิบ พร้อมมือบางที่จับกระชับเสื้อสูทที่คลุมอยู่ไว้แน่น

“รีบไปขึ้นรถกันดีกว่า ก่อนที่พวกมันจะย้อนกลับมา” คนตัวใหญ่เดินนำไปเปิดประตูด้านหน้าข้างคนขับ เมื่อเห็นหญิงสาวเข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้วก็ปิดประตู พร้อมเดินไปยังฝั่งคนขับก่อนจะขับออกไปให้พ้นจากตรงนี้  ใครจะไปรู้พวกนั้นมันอาจจะกลับมาพร้อมเพื่อนๆก็ได้

“เธอไปพักที่คอนโดฉันก่อน ฉันเหนื่อย ไม่อยากจะขับรถไปไหนแล้ว” เสียงทุ้มบอกขณะขับมาได้เพียงชั่วครู่

“เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเกรงใจ คุณจอดให้ฉันลงตรงนี้ก็ได้ เดี๋ยวฉันนั่งแท็กซี่กลับเองได้” บอกกลับไปอย่างไม่คิดจะทำตาม เขายังสติดีอยู่หรือเปล่านะ อยู่ดีๆก็มาชวนเธอไปค้างที่คอนโดเขา ถึงจะเคยเห็นหน้ากันมาหลายครั้งแล้วก็เถอะ แต่ก็ไม่ได้สนิทกันขนาดที่เธอจะไว้เนื้อเชื่อใจได้

 “สารรูปอย่างเธอ จะขึ้นไปให้รถแท็กซี่มันพาไปปู้ยี้ปู้ยำต่ออย่างนั้นหรอ” ตาคมดุเหล่มองมาทางเธอก่อนจะแค่นเสียงในลำคอ ฟังคล้ายสมเพชจนเธอหน้าม้านที่พูดอะไรออกไปโดยไม่ทันคิด

เอมิกานิ่งเงียบไปอย่างใช้ความคิด ใช่สารรูปอย่างเธอ ถ้าให้ไปไหนมาไหนตอนนี้คงไม่แคล้วต้องเสี่ยงกับการโดนจับลากไปข่มขืนอีกแน่ๆ แต่ใช่ว่าอยู่กับเขาแล้วเธอจะปลอดภัย อดจะเหลือบตามองคนข้างๆอย่างพิจารณาไม่ได้

“ฉันไม่เคยรังแกผู้หญิง” น้ำเสียงติดรำคาญเมื่อเห็นสายตาไม่ไว้ใจของเธอมองมาที่เขา

“ก็ได้ค่ะ”เอานะยังไงผู้ชายอย่างเขาก็คงไม่เสียเกียรติมาข่มเหงเธอหรอก

รายละเอียด

ดวงใจปราบ

แต่งโดย เฌอมาลี

 

สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ 2537 ผู้มีจารีตมิควรหยิบยก คัดลอกแบบ หรือดัดแปลงส่วนใดส่วนหนึ่งของหนังสือเล่มนี้ รวมทั้งการถ่ายทอด ถ่ายเอกสาร สแกน ถ่ายภาพ ในรูปถ่ายหรือวิธีการใดๆทั้งปวง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษร

 

นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน ทั้งชื่อเรื่อง สถานที่ ชื่อตัวละครที่อยู่ในเรื่องนี้ เป็นการสมมุติขึ้นมา หากไปพร้องหรือเหมือนกับสถานที่ หรือ ชื่อของบุคคลท่านใด นักเขียนต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

 

จากใจนักเขียน

 

สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ให้ความสนใจกับนิยายเรื่องนี้นะคะดวงใจปราบ เป็นเรื่องของผู้ชายคนหนึ่ง (ปราบ) ที่โชคชะตาได้นำพาเขาให้มารู้จักกับผู้หญิง (เอมิกา) ที่พอได้เห็นก็รู้สึกถูกตาต้องใจ จนต้องยื่นข้อเสนอให้เธอมาเป็นผู้หญิงของเขา แต่เธอก็ช่างหยิ่งนักและปฏิเสธกลับมา แต่แล้วโชคชะตาก็เล่นตลกกับเขาอีกครั้ง เมื่อเขาได้กลับมาเจอเธออีกครั้ง และได้บังเอิญไปรับรู้เรื่องราวบางอย่างเข้า จนอดไม่ได้ต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือหญิงสาว และครั้งนี้เขาก็รู้ว่าเขาจะไม่ปล่อยให้เธอหลุดมือไปไหนอีกแล้ว ผู้ชายที่ไม่เคยจะง้อผู้หญิงอย่างเขาเลยต้องขุดหากลยุทธ์เล่ห์กลมาดักมาล่อให้เธอตกหลุมพรางจนต้องตอบรับข้อเสนอที่เขาเคยให้ไว้

 แต่เรื่องราวกลับไม่จบเพียงแค่นี้ เมื่อมีเรื่องเข้าใจผิดเกิดขึ้นจนทำให้เธอกับเขาต้องห่างกันไป โดยที่เธอไม่รู้เลยว่า ไม่เพียงแค่ตัวเธอเท่านั้นที่ทิ้งเค้าไป แต่เธอยังได้เอาหัวใจของเขาและลูกน้อย (น้องเปรม – น้องปุณณ์ ) ที่อยู่ในท้องของเธอไปจากเขาด้วย มาช่วยลุ้นไปกับการตามหาหัวใจของปราบกลับคืนมาด้วยกันนะคะ J

 

ขอขอบคุณนักอ่านที่น่ารักทุกท่านที่ได้คอยติดตามกันมาตลอด หากไม่มีนักอ่านที่น่ารักทั้งหลาย นักเขียนคนนี้ก็คงไม่มีพลังใจทำตามความฝันของตัวเองให้เป็นจริงขึ้นมาได้ ขอบคุณจากใจจริงค่ะ

 

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ที่คอยเป็นห่วงเป็นใย ถึงลูกคนนี้จะอยู่ห่างไกลกันคนละซีกโลก แต่ก็ไม่ได้ทำให้เรารักกันน้อยลงไปเลย ขอบคุณพี่หนูพี่ชายที่แสนดี ขอบคุณพี่นก พี่สาวที่เปรียบเสมือนแม่คนที่สอง คนที่คอยช่วยเหลือดูแลห่วงใยมาโดยตลอด คนที่ชอบอ่านนิยายมากๆ และได้ชักนำน้องสาวคนนี้ให้ติดการอ่านนิยายโดยไม่รู้ตัว

 ลิลิน/เฌอมาลี

 

คำโปรย

“มาเป็นผู้หญิงของฉัน แล้วเธอจะไม่ต้องกังวลกับอะไรทั้งนั้น” เสียงทุ้มพูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเหมือนชวนเด็กเล่นขายของ

“ฮะ คุณว่าอะไรนะคะ” แทบจะหาเสียงตัวเองไม่เจอ เมื่อกี้เธอไม่ได้ฟังผิดไปใช่“เธอได้ยิน อย่ามาแกล้งถามซ้ำ” บอกออกไปด้วยน้ำเสียงติดรำคาญ ก่อนจะพูดข้อเสนออกมาเผื่อจะทำให้เธอเปลี่ยนใจ

 

-------------------------------------------

 

“เอมอยากให้คุณปราบกอดเอม” เสียงเว้าวอนและกิริยาออดอ้อนของเอมิกาทำเอาปราบใจละลาย ร่างสูงใหญ่ขยับขึ้นไปนั่งเอนหลังกับหัวเตียงพร้อมกับวาดขาวางบนเตียงนุ่ม ก่อนจะตวัดร่างอิ่มของคนขี้อ้อนขึ้นมานั่งเกยตัก วงแขนกว้างโอบกอดร่างบางแน่น เอมิกาซุกหน้ากับอกแกร่งอย่างต้องการซึบซับไออุ่นนี้ไว้ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นจูบคางเหลี่ยมแผ่วเบา

“เอมจ๋า มาอ้อนกันอย่างนี้เธอจะทำให้ฉันเสียงานเสียการรู้ไหม” เสียงทุ้มต่ำไหม

อ่อนโยนพร้อมกับใจแกร่งที่แทบจะหลอมละลายไปกับกิริยาอันแสนน่ารักนี้

“คุณปราบขา” เสียงอ่อนเสียงหวานพร้อมใบหน้าที่ถูไถไปมากับอกแกร่งเหมือนกับลูกแมวน้อยที่ชอบออดอ้อนเจ้าของ

“เอมเป็นอะไรก็ไม่รู้ค่ะ รู้สึกใจมันหายยังไงก็ไม่รู้” เสียงหงอยๆของเธอทำเอาปราบต้องพยายามข่มใจ ไม่ให้ทำการปลอบประโลมเด็กขี้เหงาตามวิธีการของเขา

-----------------------------------------------------

 

“ถ้าคุณปราบจำได้ คุณปราบก็ควรจะทำความเข้าใจกับตัวเองซะใหม่ ว่าการที่เอมเดินจากมาไม่ใช่การหนีเหมือนที่คุณปราบกำลังใส่ร้ายเอมอยู่ รวมถึงเรื่องลูกด้วย ในเมื่อคุณปราบแต่งงานไปแล้ว ทำไมยังตามมาวุ่นวายกับเอมและลูกอีก”

“เธอนั่นแหละที่ควรจะทำความเข้าใจกับตัวเองซะใหม่ แล้วก็ช่วยเลิกได้แล้วนะ ไอ้นิสัยที่ชอบคิดเองเออเอง เอาตรงนู้นมาแปะตรงนี้ จนทำให้มันเกิดเรื่องวุ่นวายแบบนี้ขึ้น” ปราบเมื่อเห็นสายตาสงสัยแกมไม่พอใจของเอมิกาก็พูดต่อ

“ทำไมเธอไม่อยู่ถามฉันให้มั่นใจ ไม่ใช่คิดเองเออเองอยู่อย่างนี้ เธอแค่เห็นการ์ดแต่งงานที่เป็นชื่อของฉันกับผู้หญิงคนนั้น แล้วเธอก็คิดไปเองว่าฉันกำลังจะแต่งงานกับเขา มันถูกแล้วหรอเอมิกาที่เธอจะลงโทษฉันด้วยการทิ้งฉันไปอย่างนี้” ดวงตาคมเข้มมองมาที่เธออย่างตัดพ้อ

“เกือบ 4 ปีเลยนะเอมิกา ที่เธอพรากความสุขไปจากฉัน เกือบ 4 ปีที่ฉันต้องทุกข์ระทม และเสียใจที่เธอทิ้งฉันไป แทนที่ฉันควรจะได้มีความสุขกับการมีชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์” สายตาเศร้าสร้อยและน้ำเสียงน้ำน้อยอกน้อยใจทำเอาเธอรู้สึกผิด  แต่เดี๋ยวก่อนนะควรจะเป็นเธอไม่ใช่หรอที่ต้องเป็นฝ่ายไม่พอใจ


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (81 รายการ)

www.batorastore.com © 2024