
ดวงใจซ่อนรัก (เฌอมาลี)
ประหยัด: 97.65 บาท ( 35.00% )
เนื้อหาบางส่วน
บทที่ 1
สมาชิกใหม่
ณ บ้านนิเวศน์สกุลรัตนา
"เธียร ธาม แม่มีคนจะแนะนำให้ลูกๆรู้จักจ้ะ" เสียงจาก 'สายสมร' หญิงวัยห้าสิบต้นๆท่าทางใจดีบอกกับลูกชายสุดหล่อทั้งสอง ก่อนจะกวักมือเรียกเด็กสาวที่ยืนแอบอยู่ตรงทางเข้าห้องรับแขก
"หนูบัวมานี่ลูก"
เด็กสาววัย 13 ปี ค่อยๆโผล่หน้ากลมแป้นและรูปร่างเจ้าเนื้อเข้ามา ก่อนจะส่งยิ้มนอบน้อมให้กับชายหนุ่มคนแรกที่มองมาด้วยสายตาเป็นมิตร แต่พอไล่มองไปที่ชายหนุ่มอีกคนที่มองมาด้วยสายตาแปลกๆพร้อมใบหน้าติดจะบึ้งตึงก็ผลุบหายไปยืนแอบหลังผนังด้านนอกห้องรับแขกอีกครั้ง
"คุณแม่ไปเก็บเด็กที่ไหนมาครับ" ธามไทบุตรชายคนเล็กวัย 21ปี ถามมารดาออกไปด้วยความสงสัย
"ใช่เด็กที่คุณแม่บอกว่าเป็นหลานของป้ามานีหรือเปล่าครับ" เธียรธรรมบุตรชายคนโตวัย 26 ปีถามอย่างคนที่พอทราบเรื่องมาบ้าง เนื่องจากมารดาได้เคยเกริ่นไว้ว่าเธอกำลังจะรับอุปการะเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเป็นหลานของแม่ครัวที่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมาด้วยโรคประจำตัว โดยป้ามานีมีหลานสาวกำพร้าซึ่งเป็นลูกของลูกสาวเธอที่ไปทำงานที่ญี่ปุ่นและมีสามีที่นั่น แต่มารู้ตอนหลังตั้งท้องว่าสามีคนนั้นมีภรรยาอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว เธอจึงอุ้มท้องลูกกลับมาที่เมืองไทย และสิบปีให้หลังก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตทิ้งลูกน้อยไว้กับผู้เป็นแม่ที่มาทำงานเป็นแม่ครัวอยู่ที่บ้านนิเวศน์สกุลรัตนา ป้ามานีจึงได้ฝากให้ญาติห่างๆที่อยู่ละแวกเดียวกับบ้านของลูกสาวคอยดูแลและก็จะคอยส่งเงินไปให้ทุกเดือนเป็นค่าใช้จ่าย แต่พอป้ามานีเสียชีวิตไปทางญาติก็ไม่อยากจะรับภาระดูแลหลานสาวคนนี้อีกจึงได้ติดต่อมาที่คุณแม่ของเขา ซึ่งคุณแม่เขาก็ยินดีที่จะรับอุปการะ เนื่องจากป้ามานีทำงานรับใช้ท่านมานานหลายสิบปี และอีกอย่างคุณแม่เขาก็อยากจะมีลูกสาวมานานแล้ว
"ใช่จ้ะ" สายสมรตอบก่อนจะหันไปเรียกเด็กสาวอีกครั้ง
"หนูบัวเข้ามาเถอะจ้ะ พี่ๆเขาไม่กัดหรอกไม่ต้องกลัว " หญิงสูงวัยกระเซ้าหยอกให้เด็กสาวคลายกังวล บัว หรือบัวชมพู พอได้ยินผู้อุปการะคนใหม่เรียกอีกครั้งก็ตัดสินใจเดินเข้าไปเพราะไม่อยากจะทำให้ท่านรำคาญใจ ร่างอวบที่เดินก้มหน้าค่อยๆเยื้องย่างเข้ามาทีละก้าวอย่างช้าๆทำเอาธามไทถอนหายใจออกมาอย่างรำคาญ
"เดินช้าอย่างนั้นแล้วกี่วันจะถึง"
"ตาธาม เงียบไปเลยนะ" มารดาหันไปเอ็ดลูกชายคนเล็ก
"ผมมีนัดกับอาจาย์ปยุตเรื่องเอกสารเรียนต่อปริญญาโทนะครับคุณแม่ ไม่มีเวลาจะมานั่งรอใครได้ทั้งวัน" เสียงทุ้มเนิบนาบฟังเอื่อยๆแต่ก็แฝงความดุไว้จนเด็กสาวกลัวตัวลีบ
"หนูบัวมานั่งข้างๆป้านี่มา" หญิงสูงวัยตบมือลงบนโซฟาที่ว่างด้านข้าง
"ค่ะคุณป้า"
"ป้าจะแนะนำให้หนูรู้จักกับลูกชายป้านะจ๊ะ คนนั้นชื่อเธียรธรรม ส่วนอีกคนชื่อธามไท หนูบัวเรียกพี่เธียรกับพี่ธามก็แล้วกันจ้ะ"
"ค่ะ" คนตัวเล็กตอบรับเบาๆ ก่อนจะยกมือไหว้ชายหนุ่มทั้ง 2 คน เธียรธรรมรับไหว้ตอบ ส่วนธามไทแค่พยักหน้ารับ
"เธียร ธาม นี่หนูบัวหรือบัวชมพู ต่อไปนี้หนูบัวจะมาอยู่ที่นี่กับพวกเรา แม่ขอให้ลูกทั้งสองเอ็นดูน้องด้วยนะจ๊ะ" เธียรธรรมรับคำมารดา ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้น้องสาวคนใหม่ บัวชมพูยิ้มตอบผู้ชายท่าทางใจดีคนนั้น ก่อนจะหุบยิ้มแทบไม่ทันเมื่อประสานกับสายตาคมเข้มของผู้ชายอีกคนที่มองมายังเธอด้วยสายตาที่ไม่สามารถตีความหมายได้
"แค่นี้ใช่ไหมครับธุระของคุณแม่ นั้นผมขอตัวก่อนนะครับ" พูดจบธามไทก็พาร่างสูงใหญ่ของตัวเองเดินออกไปจากห้องทันที
และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้บัวชมพูได้มาอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้ จากเด็กสาววัย 13 ปี รูปร่างติดจะเจ้าเนื้อ เปลี่ยนเป็นหญิงสาวตัวเล็กแต่อวบอิ่ม มีอกอวบ เอวคอด และสะโพกผายดูสมส่วน ไม่ใช่ผอมบางเหมือนนางแบบ ด้วยส่วนสูง 158 เซนติเมตรทำให้บัวชมพูดูเป็นผู้หญิงที่น่าทะนุถนอม เธอไม่ใช่ผู้หญิงสวยจัดแต่ออกแนวน่ารัก อาจจะเป็นเพราะเธอมีบิดาเป็นชาวญี่ปุ่นเลยทำให้เธอช่างดูน่ารักคล้ายตุ๊กตาญี่ปุ่นนัก หญิงสาวมีผิวขาวอมชมพู ใบหน้ารูปหัวใจ ดวงตากลมโต ปากอิ่มเป็นกระจับ จมูกโด่งรั้น ผมยาวดำสลวยถึงกลางหลังและแก้มยุ้ย ซึ่งเพราะแก้มใสๆยุ้ยๆนี่เองจึงทำให้เธอยังดูเหมือนเด็กสาวมากกว่าหญิงสาวที่กำลังจะจบมหาวิทยาลัยในอีกไม่กี่อาทิตย์ข้างหน้านี้
ชีวิตของบัวชมพูเหมือนถูกกำหนดเส้นทางการเดินไว้แล้ว ซึ่งเธอก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไรกลับชอบเสียอีกที่จะอยู่ในกรอบที่ผู้มีพระคุณอย่างสายสมรสร้างไว้ให้ และท่านก็ไม่เคยบังคับแต่เป็นเธอเองต่างหากที่ไม่คิดจะดิ้นรนขวนขวายออกนอกกรอบเอง เธอจะดิ้นรนไปทำไมล่ะ ในเมื่อกรอบที่ท่านขีดไว้ให้มันดีงามเกินกว่าที่เธอจะหาเองได้ สายสมรบอกว่าหลังเรียนจบจะให้เธอเข้าไปทำงานที่บริษัทเอสเอสเอ็นคอนสตรัคชั่นจำกัด ซึ่งเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ของตระกูลนิเวศน์สกุลรัตนา และมีเธียรธรรมพี่ชายใจดีของเธอเป็นผู้บริหาร บิดาของพี่ชายทั้งสองได้เสียชีวิตไปด้วยอุบัติเหตุซึ่งในขณะนั้นเธียรธรรมมีอายุได้เพียง 24 ปีและต้องเข้ามาบริหารงานต่อจากผู้เป็นบิดา ส่วนธามไทตอนนั้นอายุได้ 19 ปีและกำลังเรียนมหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 2 แต่ก็ได้เข้ามาช่วยพี่ชายดูแลงานจนเรียนจบปริญญาตรีและได้เดินทางไปศึกษาต่อยังต่างประเทศ พี่เธียรเป็นผู้ชายในฝันของสาวๆหลายคน โดยเฉพาะเพื่อนๆเธอที่ต่างพากันอิจฉาที่เธอโชคดีได้อยู่ร่วมบ้านกับผู้ชายเพอร์เฟคแบบนี้ เพื่อนเธอพูดถูกเพราะเธอรู้สึกโชคดีจริงๆที่ได้เข้ามาอยู่ในครอบครัวนี้ แต่ไม่ใช่เพราะได้อยู่ร่วมบ้านกับผู้ชายหน้าตาดีที่เป็นชายในฝันของสาวหลายๆคนแต่เป็นเพราะความรักและการดูแลเอาใจใส่จากสายสมรและลูกชายคนโตของคุณป้าที่มีให้กับเธอมาตลอดหลายปี ส่วนลูกชายอีกคนนะหรอ อย่าให้พูดถึงเลย อามรมณ์แปรปรวนผีเข้าผีออกตลอดจนเธอตามอารมณ์ไม่ทัน ช่วงปีแรกที่เธอได้อยู่ที่บ้านหลังนี้เป็นช่วงที่ธามไทเรียนจบมหาวิทยาลัยและกำลังเตรียมตัวไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ เธอเลยมีโอกาสได้อยู่ร่วมบ้านกับเขาแค่ไม่กี่เดือน แต่ก็ใช่ว่าเธอจะไม่ได้เจอชายหนุ่มอีกเลย เพราะธามไทจะกลับมาเยี่ยมบ้านปีละครั้ง และช่วงปิดเทอมใหญ่ของทุกปีสายสมรก็จะพาเธอไปเรียนภาษาเพิ่มเติมและถือโอกาสเยี่ยมเยียนลูกชายคนเล็กไปในตัว โดยช่วงตอนที่เธอเรียนชั้นมัธยมนั้นเวลาสายสมรพาเธอไปอังกฤษท่านจะอยู่เป็นเพื่อนจนเธอเรียนจบคอร์สภาษา แต่พอเธอเข้ามหาวิทยาลัยท่านก็จะไปส่งเธอและอยู่ด้วยแค่1-2สัปดาห์ หลังจากนั้นก็จะทิ้งเธอไว้กับธามไทคนหน้าดุตามลำพังเป็นแรมเดือน ท่านบอกว่ามีพี่ธามคอยดูแลอยู่ท่านเลยวางใจ ท่านคงไม่รู้หรอกว่าลูกชายคนเล็กของท่านทำท่าจะกินหัวเธอมาหลายรอบแล้ว แต่ก็ใช่ว่าเขาจะใจร้ายตลอด เพราะบางทีชายหนุ่มก็ใจดีจนเธอทำตัวไม่ถูก เธอเคยแอบนินทาธามไทอยู่หลายครั้งว่าอารมณ์เขาไม่ต่างจากผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน หรือไม่แน่ธามไทอาจจะเป็นโรคอารมณ์สองขั้วหรือที่เรียกอีกอย่างว่าไบโพล่าร์โดยที่เขาไม่รู้ตัวเองก็ได้ (Bipolar disorder)
เฮ้ออ บัวชมพูถอนใจออกมาอย่างกลัดกลุ้มเมื่อนึกไปถึงว่าอีกไม่กี่เดือนธามไทก็จะเดินทางกลับมาอยู่เมืองไทยอย่างถาวรแล้ว แค่คิดว่าจะต้องอยู่ร่วมบ้านกับเขาขึ้นมาก็ทำเอาเธอสยองจนขนลุกขนชันไปหมด
ธามไทได้เดินทางไปศึกษาต่อปริญญาโทด้านวิศวกรรมโยธาและปริญญาเอกด้านวิศวกรรมโครงสร้างที่ประเทศอังกฤษและอยู่ทำงานหาประสบการณ์ต่ออีก 2-3 ปี คุณป้าของเธอบอกว่าลูกชายคนเล็กไม่ชอบงานด้านบริหาร แต่โชคดีไปที่เธียรธรรมชอบงานด้านนี้ ถ้าไม่อย่างนั้นธุรกิจรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ของตระกูลคงจะไม่มีผู้บริหารมาสืบทอดกิจการแน่ๆ
"เป็นอะไรไปจ๊ะป้าเห็นเราเอาแต่นั่งใจลอยแล้วก็ถอนหายใจมานานสองนานแล้วนะ" เสียงที่ดังขึ้นทำคนนั่งเหม่อสะดุ้งตกใจ พอหันมาเห็นว่าเป็นใครก็ยิ้มหวานประจบ
"ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะคุณป้าขา บัวแค่คิดอะไรเพลินไปหน่อย" ร่างเล็กขยับตัวก่อนจะล้มตัวนอนหนุนตักนุ่มของผู้เป็นป้าที่เดินมานั่งอยู่ข้างๆ สายสมรมองคนตัวเล็กอย่างไม่ค่อยจะเชื่อคำนักแต่ก็ไม่คิดจะคาดคั้นเอาคำตอบ เธอเห็นหลานสาวคนโปรดออกมานั่งอ่านหนังสือที่ศาลาริมน้ำ แต่แทนที่จะจะตั้งอกตั้งใจอ่านหนังสือเหมือนปกติ กลับเห็นหน้าจิ้มลิ้มมองออกไปที่กลางบึงอย่างเหม่อลอยและก็ถอนหายใจออกมาหลายต่อหลายครั้งเหมือนคนกำลังคิดไม่ตกกับอะไรสักอย่าง
"เอาเถอะจ้ะไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก แล้วนี่โตเป็นสาวขนาดนี้แล้ว ยังจะชอบมาอ้อนป้าเป็นเด็กๆอยู่ได้" สุ้มเสียงเหมือนบ่นว่าแต่ใบหน้ากลับเปี่ยมไปด้วยความสุขพร้อมกับมืออวบอูมลูบไปที่เส้นผมนุ่มสลวยเบาๆอย่างเอ็นดู
"ก็บัวรักคุณป้านี่คะ รักที่สุด ถ้าไม่มีคุณป้าบัวก็คงจะไม่มีวันนี้" เสียงหวานออดอ้อน
"ไม่ต้องมาทำเป็นปากหวานเลย แล้วนี่ป้าบอกไปหลายครั้งแล้วนะจ๊ะว่าให้หยุดคิดมากได้แล้ว เพราะถ้าไม่มีหนูบัวป้าก็คงจะเป็นคนแก่ขี้เหงาอยู่เฝ้าบ้านคนเดียว" คำพูดของผู้เป็นป้าทำให้บัวชมพูใช้แขนเรียวโอบรัดเอวของสายสมรก่อนจะซุกหน้ากับเอวหนาที่มีหน้าท้องน้อยๆนั้น
"คุณป้าไม่ต้องห่วงนะคะ บัวจะคอยดูแลคุณป้าและจะไม่มีวันปล่อยให้คุณป้าเหงาเด็ดขาดค่ะ" เสียงอู้อี้บอกแนบติดกับหน้าท้องของสายสมร
"หยุดอ้อนคุณแม่พี่ได้แล้วน้องบัว แค่นี้คุณแม่พี่ก็หลงหลานสาวจนลูกชายแบบพี่กลายเป็นหมาหัวเน่าไปแล้ว" เสียงที่ดังขึ้นทำให้สองสาวต่างวัยหยุดอารมณ์ซาบซึ้งและหันไปมองต้นเสียง บัวชมพูหัวเราะคิกคักออกมาอย่างชอบใจ ส่วนมารดาก็ได้แต่ค้อนตาคว่ำ
"ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดีเลยเราน่ะ ทำอย่างกับว่าเคยอยู่บ้านให้แม่ชื่นใจนักนี่"
"โถคุณแม่ครับก็ผมต้องทำงานนี้ครับ ไว้รอลูกชายคนเล็กของคุณแม่กลับมาเมื่อไหร่ผมจะกลับมาอ้อนคุณแม่แข่งกับน้องบัวบ่อยๆ" เธียรธรรมเดินเข้ามาหอมแก้มมารดาก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ยาวอีกฝั่งที่ว่างอยู่
"แล้วทำไมวันนี้กลับมาเร็ว ปกติไม่เคยกลับก่อนสองทุ่ม" ฟังดูเหมือนประชดแต่เธียรธรรมรู้ว่ามารดาถามเพราะสงสัย
"ผมกลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้านะครับ พอดีเย็นนี้มีงานเลี้ยงต้อนรับลูกค้าที่โรงแรม"
"เพลางานลงบ้างนะลูก แม่เห็นเธียรกลับบ้านดึกมาหลายวันแล้ว แบ่งงานให้คุณพิบูลย์กับคุณเกษมช่วยดูบ้างก็ได้" พูดเสร็จก็แอบบ่นในใจ 'อายุก็ปาไปจะ 35 แล้ว แต่ยังบ้างานไม่คิดจะหาลูกสะใภ้มาให้แม่ สงสัยเธอคงจะต้องหาเมียให้ลูกชายคนโตเสียทีกระมังจะได้เพลาๆงานลงบ้าง' เธอรู้ดีว่าลูกชายคนโตเป็นคนบ้างานแค่ไหน ถึงแม้จะมีผู้ช่วยที่ไว้ใจได้อยู่หลายคน โดยเฉพาะคุณพิบูลย์กับคุณเกษมซึ่งเป็นรุ่นน้องและเคยทำงานเป็นผู้ช่วยของสามีเธอ แต่ตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นพี่เลี้ยงและผู้ช่วยให้กับลูกชายคนโตของเธอแทนหลังจากที่สามีเธอเสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน
"ผมไหวครับ คุณแม่ไม่ต้องห่วงหรอกครับอีกอย่างรอเจ้าธามกลับมางานผมก็คงเบาลงไปเยอะ"
"ธามจะไปช่วยอะไรเธียรได้เยอะ น้องชอบงานบริหารเสียที่ไหน กลับมาก็คงจะร่อนไปทำงานที่ไซต์ต่างจังหวัดนั่นแหละ คงจะไม่ยอมมานั่งเป็นผู้บริหารอยู่ที่นี่หรอก"
"ไม่ต้องห่วงหรอกครับคุณแม่ มันจะไปไหนได้ไกลในเมื่อ......." หยุดพูดก่อนจะหลุบตามองคนที่นอนหนุนตักมารดาและพูดต่อ
"....อยู่ที่นี่" มารดาที่เห็นสายตาของลูกชายคนโตก็ยิ้มกริ่มออกมาอย่างเข้าใจดีว่าชายหนุ่มหมายถึงอะไร ส่วนคนตัวเล็กแต่อวบอิ่มที่นั่งฟังแม่ลูกคุยกันอย่างเพลิดเพลินก็คิ้วขมวดขึ้นมาเมื่อได้ยินพี่ชายพูดประโยคขาดๆ
"ใครอยู่ที่นี่หรอคะ" เสียงใสถามออกไปอย่างสงสัย ทำให้ผู้สูงวัยกว่าสองคนมองสบตากันพร้อมรอยยิ้มประดับใบหน้า
"เรื่องของผู้ใหญ่เด็กไม่เกี่ยว" คนตัวเล็กเมื่อได้ยินคำพูดพี่ชายก็ลุกขึ้นมานั่งพร้อมทำหน้าบูดบึ้งแสนงอน
"คุณป้าขาดูพี่เธียรสิคะ ทำมาเป็นมีความลับกับบัว" เสียงใสกระเง้ากระงอดมือเล็กเกาะต้นแขนของผู้เป็นป้าเขย่าไปมาทำตัวเหมือนเด็กขี้ฟ้อง หญิงสูงวัยยิ้มออกมาอย่างเอ็นดูก่อนจะยกมือลูบไปบนศีรษะเล็กเบาๆ
"เรื่องบางเรื่องก็ยังไม่ถึงเวลาที่หนูบัวควรจะรู้นะจ๊ะ"
หน้ากลมใสยู่ขึ้นอย่างขัดใจที่ปกติผู้เป็นป้าจะคอยเข้าข้างเธอตลอด แต่คราวนี้กลับอยู่ข้างลูกชาย
"บัวคิดว่าคุณป้าจะอยู่ข้างบัวเสียอีก" ใบหน้าแสนงอนที่เห็นทำให้พี่ชายอดใจไม่ไหวต้องเอื้อมมือไปบีบแก้มยุ้ยๆ อย่างมันเขี้ยว จนคนโดนบีบต้องร้องโอดครวญออกมาพร้อมกับยกมือลูบที่แก้มตัวเองป้อยๆ
"ตลอดเลย บัวไม่ใช่เด็กเล็กๆแล้วนะคะที่จะมาบีบแก้มบัวเล่นอย่างนี้" บ่นอุบอิบ
"ไม่ต้องมาบ่นเลย ก็ใครใช้ให้แก้มยุ้ยน่าบีบอย่างนี้ล่ะ"
"หยุดแหย่น้องได้แล้วเธียร" มารดาปรามเพราะสงสารแก้มยุ้ยๆที่โดนบีบจนแดง บัวชมพูเป็นคนผิวบางโดนบีบนิดบีบหน่อยก็ขึ้นเป็นจ้ำแดง
"ครับๆ ผมไม่แตะหลานรักของคุณแม่แล้วครับ ผมไปเปลี่ยนชุดก่อนดีกว่า อยู่ไปก็ไม่มีใครรักใครสน" แกล้งบ่นออกมาอย่างน้อยใจ
"จ้ะ ไปเถอะ"
"โห...ไล่ลูกเลยนะครับ ไหนใครนะเมื่อกี้ยังบ่นน้อยใจที่ผมกลับบ้านดึกๆอยู่เลย"
"แน่ะยังจะมาแซ็วแม่อีก เดี๋ยวจะโดนตัดออกจากกองมรดกไม่รู้ตัว"
"โถคุณแม่ครับ ถ้าคุณแม่ตัดผมออกจากกองมรดก แล้วสาวที่ไหนจะเหลียวแลผมละครับ คงจะไม่มีผู้หญิงที่ไหนสนใจหนุ่มหล่อแต่จน แล้วที่นี้ถ้าผมหาเมียไม่ได้คุณแม่ก็อดได้หลานนะครับ"
"พอๆหยุดเลยจะไปไหนก็ไปเลยไป" สายสมรโบกมือไล่พร้อมกับส่ายหน้าอย่างระอากับความทะเล้นของลูกชายคนโต ทำไมนะคนบนฟ้าถึงไม่แบ่งนิสัยขี้เล่นของเธียรธรรมไปให้ธามไทบ้างรายนั้นก็เคร่งขรึมเสียเหลือเกิน
"ครับไปแล้วครับ คุณแม่"
"พี่ไปก่อนนะยัยแก้มยุ้ย เสาร์นี้พี่ต้องไปดูงานที่ชลบุรี แล้วจะซื้อข้าวหลามหนองมนมาฝาก" คนที่ยังแง่งอนอยู่เมื่อกี้ พอได้ยินคำว่าของฝากก็ยิ้มจนแก้มแทบปริ
"ค่ะพี่เธียร บัวขอปลาหมึกแห้งอบน้ำผึ้งด้วยนะคะ" เธียรธรรมส่ายศีรษะไปมาอย่างระอา
"ยัยเด็กเห็นแก่กิน" พูดเสร็จก็รีบเดินจากไปเพราะรู้ทันทีว่าคงจะโดนคนตัวเล็กบ่นไล่หลังมาแน่ๆ
"คุณป้าดูสิคะพี่เธียรว่าบัว" บ่นกระปอดกระแปด
"พี่เขาก็แหย่เล่นไปอย่างนั้นแหละลูก แล้วนี่อ่านหนังสือไปถึงไหนแล้ว" ลูบผมนุ่มสลวยของคนหน้ายู่อย่างเอ็นดู
"ใกล้เสร็จแล้วค่ะคุณป้า"
"ถ้างั้นเดี๋ยวป้าเข้าไปดูในครัวก่อน ไม่รู้วันนี้พวกเด็กๆทำอะไรให้เราทานกันบ้าง หนูบัวอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหม"
"ไม่ค่ะคุณป้า"
"จ้ะ นั้นก็อ่านหนังสือให้เสร็จจะได้ไปทานข้าวกัน"
"ค่ะคุณป้า" จากนั้นสายสมรก็เดินจากไปส่วนบัวชมพูก็หยิบหนังสือขึ้นมาอ่านต่ออย่างตั้งใจ และก็ลืมไปเลยว่าก่อนหน้านี้ตัวเองกำลังนั่งวิตกกังวลเกี่ยวกับการกลับมาของใครบางคนอยู่
รายละเอียด
ดวงใจ(ซ่อน)รัก
แต่งโดย เฌอมาลี
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ 2537 ผู้มีจารีตมิควรหยิบยก คัดลอกแบบ หรือดัดแปลงส่วนใดส่วนหนึ่งของหนังสือเล่มนี้ รวมทั้งการถ่ายทอด ถ่ายเอกสาร สแกน ถ่ายภาพ ในรูปถ่ายหรือวิธีการใดๆทั้งปวง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษร
นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน ทั้งชื่อเรื่อง สถานที่ ชื่อตัวละครที่อยู่ในเรื่องนี้ เป็นการสมมุติขึ้นมา หากไปพร้องหรือเหมือนกับสถานที่ หรือ ชื่อของบุคคลท่านใด นักเขียนต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
จากใจนักเขียน
สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นก็ขอพูดประโยคเดิมๆที่ไม่เคยคิดเบื่อที่จะพูดเลยนั่นก็คือ ดีใจที่ได้กลับมาพบกันอีกครั้งค่ะ นักเขียนคิดว่ามันเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์มากๆ ที่ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกที่ไม่เคยรู้จักและเห็นหน้ากันมาก่อน จะสามารถมารู้จักและสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อกันผ่านตัวอักษรเหล่านี้ นักเขียนดีใจนะคะที่การที่นักเขียนได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักนั่นก็คือการถ่ายทอดจินตนาการของตัวเองผ่านตัวอักษรให้เกิดเป็นนิยายขึ้นมา จะทําให้เราได้มารู้จักกัน ขอบคุณนักอ่านทุกท่านจากใจจริงค่ะที่เข้ามาทักทายให้คลายเหงาผ่านทางเฟซบุ๊กและเว็บไซต์เด็กดี หน้าเพจเฟซบุ๊กของนักเขียนอาจจะดูเงียบไปบ้าง เพราะเป็นคนพูดไม่ค่อยเก่ง แต่สัญญาค่ะว่าหากทักทายเข้ามาจะตอบกลับโดยเร็ว แล้วก็ต้องขอโทษนะคะที่ครั้งนี้อาจจะร่าวยาวไปบ้างอย่าเพิ่งรำคาญกันนะคะ
เรามาเข้าเรื่องนิยายกันเลยดีกว่าค่ะ นักเขียนขอนำเสนอนิยายเรื่องล่าสุดนั่นก็คือ ดวงใจ(ซ่อน)รัก ซึ่งเป็นนิยายหนึ่งในสองเรื่องจากนิยายชุดใจรักค่ะ จะประกอบไปด้วย 1.ดวงใจ(ซ่อน)รัก และ 2.ดวงใจ(ร้าย)รัก ค่ะ
ดวงใจ(ซ่อน)รัก เป็นเรื่องของธามไท ผู้ชายที่หลงรัก(บัวชมพู)เด็กอุปการะในบ้าน แต่ชายหนุ่มก็ต้องแอบซ่อนความรู้สึกของตัวเองไว้และต้องรอจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสมเพื่อจะได้เผยความในใจของตัวเองออกไป เขาต้องเก๊กทำหน้าดุและหมางเมินใส่ผู้หญิงที่ตัวเองแอบรักทั้งที่ใจจริงอยากจะจับเธอมากอดมาจูบใจแทบขาด
ส่วนนางเอกของเรื่องก็จะเป็นสไตล์นางเอกของนักเขียน ที่น่ารักสดใสแต่บางครั้งก็ออกจะซื่อบื้อไปเสียหน่อย (ให้อภัยนางเถอะค่ะถึงนางจะซื่อบื้อไปบ้างแต่นางก็น่ารัก) บัวชมพู หรือยายตุ๊กตาญี่ปุ่นตัวน้อยที่หน้าตาและหุ่นเหมือนนางเอกหนังเอวีไม่มีผิด (ธามไทได้กล่าวไว้) เป็นเด็กสาวที่มารดาของธามไทอุปการะไว้ตั้งแต่อายุ 13 ปี บัวชมพูเป็นคนมองโลกในแง่ดี น่ารักและช่างออดอ้อน จนทำให้คนในบ้านหลงหัวปักหัวปำและแน่นอนก็รวมไปถึงพระเอกของเรื่องด้วย บัวชมพูไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าโดนแอบรัก ถึงบางครั้งจะแอบแว้บๆคิดว่าตัวเองและธามไทก็มีความรู้สึกพิเศษให้กันและกันบ้าง แต่ก็แค่นั้นเพราะเธอไม่คิดว่ามันจะเป็นไปได้
มาช่วยลุ้นกันนะคะ ว่าธามไทจะเปิดเผยความรู้สึกของตัวเองให้บัวชมพูฟังเมื่อไหร่แล้วหลังจากนั้นความรักของทั้งสองจะเป็นอย่างไร มาติดตามกันต่อได้ใน ดวงใจ(ซ่อนรัก)ค่ะ
คำเตือน นิยายเรื่องนี้หาสาระแทบไม่เจอ ไม่เน้นดราม่า แต่เน้นความหื่นของพระเอกและความน่ารักของนางเอกเป็นหลัก
รบกวนโหลดตัวอย่างอ่านก่อนนะคะ
คำโปรย
"ก็ดีค่ะ ของฟรีแถมอร่อยอีกต่างหากบัวชอบ"
ธามไทส่ายหน้าอย่างระอาแกมเอ็นดูก่อนจะพูดเสียงขรึม
"คราวหลังถ้าอยากได้ของฟรีก็บอก"
"คะ?"
"ก็ให้มาบอก"
"บอกใครคะ"
"ก็ใครล่ะที่พูดอยู่เนี่ยะ" บัวชมพูทำตาโตก่อนจะชี้นิ้วไปที่ชายหนุ่ม
"อืม" ตอบรับสั้นๆตามแบบฉบับธามไท
"สงสัยวันนี้จะทำงานหนักมากไปหน่อยเลยใจดีผิดปกติ" พึมพำออกมาเบาๆ
"บัว ชม พู" เสียงทุ้มเรียกชื่อเน้นคำ
"แหะๆ ขอโทษค่ะบัวลืมไปว่าพี่ธามหูดี" หน้าหวานเหยเกดูสลดพร้อมพูดเสียงอ่อยๆ ก่อนจะยิ้มแป้นขึ้นมาเมื่อนึกถึงประโยคที่ชายหนุ่มพูดก่อนหน้านี้
"ไม่ว่าบัวอยากได้อะไรพี่ธามก็จะให้บัวทุกอย่างเลยหรอคะ"
"อืม"
"แล้วถ้าบัวอยากได้กระเป๋าชาแนลรุ่นล่าสุดพี่ธามจะซื้อให้บัวไหมคะ"
พยักหน้าพร้อมพูด "ถ้าเธออยากได้"
"แล้วถ้าบัวอยากได้ตั๋วเครื่องบินไปกลับกรุงเทพฝรั่งเศสพร้อมที่พักและพ็อกเก็ตมันนี่อีกซักหนึ่งล้าน พี่ธามจะให้บัวไหมคะ"
"ได้แต่พี่ต้องไปกับเธอด้วย"
บัวชมพูทำหน้าตาครุ่นคิดจนคิ้วแทบจะชนกัน 'ข้อนี้ตัดไป เพราะคงจะไม่สนุกหากจะต้องไปเที่ยวกับชายหนุ่ม'
"แล้วถ้าบัวอยากได้พอร์ช 911 ละคะ"
"ขับรถเป็น?" คิ้วเข้มเลิกขึ้นพร้อมถามเสียงสูง
"เคยขับแต่ในหมู่บ้านค่ะแต่ว่าไม่เคยขับออกถนนใหญ่"
ธามไทขมวดคิ้ว จำได้ว่าน้องน้อยขับรถไม่เป็นนี่นา
"ใครสอนให้"
"พี่เธียรกับลุงชดค่ะ"
"แล้วไป" พึมพำเสียงเบา
"พี่ธามพูดว่าอะไรนะคะ" เห็นชายหนุ่มทำปากขมุบขมิบแต่ก็ไม่ได้ยินว่าเขาพูดอะไร
ธามไททำหน้านิ่งก่อนจะตอบกลับ
"เปล่า"
********************************************************
"พี่ขอนอนด้วยได้ไหม"
"ไม่ได้ค่ะ" ตอบกลับทันควันพร้อมสะบัดค้อนใส่
"ใจร้าย"
"ค่ะบัวใจร้าย กลับห้องไปได้แล้วค่ะ" พูดเสร็จก็ลุกขึ้นลงไปยืนอยู่ข้างเตียง พร้อมส่งสายตาดุไปให้คนตัวโตที่ยังมัวแต่เอ้อระเหยนั่งเล่นอยู่บนเตียง
"พี่ธาม!" เสียงหวานตวาดดัง เมื่อชายหนุ่มไม่ยอมลุกจากเตียงเธอเสียที
"ลงมาจากเตียงบัวได้แล้วค่ะ กลับห้องไปเลยนะ" ยื่นมือไปดึงร่างใหญ่โตหวังจะให้ชายหนุ่มขยับ แต่กลับเป็นการเปิดโอกาสให้ธามไทกระตุกร่างนุ่มเข้าไปกกกอดบนเตียงกว้างอีกครั้ง
"อยากให้พี่กอดก็ไม่บอก"
หน้าคมสันที่ดูกรุ้มกริ่มทำให้บัวชมพูต้องตวัดค้อนส่งไปให้อย่างหมั่นไส้
"ไม่ต้องมาทำเป็นลีลาเลย ปล่อยบัวแล้วก็ออกไปจากห้องได้แล้วค่ะ"
"ขอจูบราตรีสวัสดิ์ก่อน" พูดเสร็จก็โน้มหน้าลงมาฉกจูบปากอิ่มหนักๆอยู่สองสามที