Customer Reviews

ใยเสน่หา
5
นิยายใส ๆ ที่ชวนให้อบอุ่นและประทับใจตลอดทั้งเล่มครับ
โดย: Takeshi วันที่เขียนรีวิว: 18 กันยายน พ.ศ. 2557

ผู้เขียน ทมยันตี
สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม

เป็นนิยายน่ารัก ๆ เก่า ๆ อีกเรื่องหนึ่งครับ ถูกสร้างเป็นละครเมื่อนานมาแล้ว และยังไม่มีใครเอากลับมาทำอีก (อยากให้ทำนะ นิยายน่ารักออก) เป็นนิยายน่ารัก ๆ แบบเบา ๆ จริง ๆ ครับ ตัวร้ายก็ไม่ได้เรียกว่าร้ายขนาดหนัก แบบป่วน ๆ น่ารัก ๆ ที่ยอมรามือจากพระเอกเพราะมิตรภาพที่นางเอกมีให้ อ่านแล้วก็อมยิ้มได้ทั้งเรื่องดีครับ

เรื่องนี้เป็นเรื่องของ ปารินทร์ หรือนายปากิม ที่ การะบุหนิง หรือ คุณคนเล็กเรียกมาตลอดเวลาที่เป็นเพื่อนเล่นกัน แม้ว่าคุณคนเล็กจะแผลงฤทธิ์ขนาดไหน แต่ปารินทร์ก็ทนได้ จนกระทั่งเวลาหนึ่งที่ปารินทร์ตัดสินใจไปอยู่กับพ่อที่ต่างประเทศ การะบุหนิงทำทุกทางที่จะยื้อปารินทร์ไว้แต่ไม่เป็นผล จากนายปากิม เปลี่ยนเป็นพี่ปารินทร์ก็ยังไม่สามารถยื้อไว้ได้ กว่าจะผ่านช่วงนี้ไปจนโตก็เกือบจบเล่ม 1 แล้วครับ

ปารินทร์กลับมาที่บ้านหลังนี้อีกครั้ง ด้วยความรู้สึกคิดถึง บ้าน และคุณคนเล็ก มาตลอด เมื่อคุณคนเล็กเจอปารินทร์อีกครั้ง แม้จะยังงอนอยู่แต่ก็ดีใจอยู่เงียบ ๆ ปารินทร์กลับมาทดแทนบุญคุณต่อคุณลุงที่เลี้ยงมา แต่คราวนี้ปารินทร์มี จินนี่ ผู้หญิงที่แอบชอบปารินทร์มาตลอด และรู้ว่าปารินทร์รักใคร ตามมาทำความรู้จักกับการะบุหนิงด้วย ผมว่ามันน่ารักก็ตรงนี้ครับ

ผมชอบคุณคนเล็กนะ เด็กที่ถูกเลี้ยงแบบสปอยล์มาตลอด ทุกอย่างถือเป็นสิทธิ์ผูกขาดหมด แม้กระทั่งตัวปารินทร์เอง แต่เธอไม่ได้เอาแต่ใจแบบนิสัยเสียเหมือนที่เราเห็นในละครทั่วไปนะครับ ผมว่าการกระทำของเธอ (ที่ถึงแม้ว่าจะโตแล้ว) ก็น่ารักดี ๆ งอนกันไป งอนกันมาแต่ก็รักกันมาก อ่านแล้วก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจดีครับ ลองหามาอ่านกันนะครับ
อตีตา (บาร์เก่า)
5
นิยายแนวปลุกใจ รักชาติที่น่าอ่านมาก ๆ เล่มหนึ่งครับ
โดย: Takeshi วันที่เขียนรีวิว: 18 กันยายน พ.ศ. 2557

ผู้เขียน ทมยันตี
สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม
จำนวนหน้าหนังสือ 619 หน้า

เป็นนิยายอีกเล่มหนึ่งที่ถูกนำมาทำเป็นละครครับ อตีตา นิยายปลุกใจให้รักชาติ เป็นหนังสือเล่มที่ผมรักมาก ว่างเมื่อไรก็จะนิยมนำมาอ่าน เรื่องนี้จะผ่านตัวละครหลักที่เป็นตัวแทนของชาวบ้านบางระจันอย่าง เมืองใจ และผ่านตัวละครสมัยปัจจุบันอย่าง ศิโรฒน์ ครับ

ผมอยากจะแนะนำว่าให้อ่านนิยายเล่มนี้จริง ๆ อ่านแล้วได้อารมณ์ฮึกเหิม รักชาติ และเศร้าใจระคนกันไปครับ เริ่มมาแรก ๆ ตอนที่ศิโรฒน์ไปพบเมืองใจครั้งแรก และเมืองใจเข้าใจว่าศิโรฒน์เป็นเทวดา อ่านแล้วมันจุก ๆ ครับ คือคนสมัยก่อน ลมหายใจเข้าออกก็คือประเทศชาติ วิธีไหนก็ได้ที่ให้ชาติยังคงอยู่ โดยเฉพาะชาวบ้านบางระจัน ที่หาทุกวิถีทางที่จะขอปืนใหญ่จากหลวงมาให้ได้ อ่านแล้วก็พูดไม่ออกจริง ๆ ครับ เค้าพยายามกันมาก แต่ช่วงที่ขำ ๆ ก็มี คือช่วงที่เมืองใจมาอาศัยอยู่ที่บ้านของศิโรฒน์ ความที่ไม่รู้จักปัจจุบัน ทำให้เมืองใจเองก็ทำอะไรเปิ่น ๆ ไปมาก แต่ที่ผมซาบซึ้งสุด ๆ ก็คงจะเป็นเรื่องของมิตรภาพระหว่างเมืองใจกับศิโรฒน์นั่นแหละครับ

จะบอกว่าเรื่องของความรัก ไม่ค่อยจะมีครับในหนังสือเล่มนี้ ส่วนมากจะเป็นเรื่องของความรักในมิตรภาพ และรักชาติมากกว่า ถึงจะมีนางเอกให้เห็น แต่ก็ไม่ใช่จุดเด่นครับ ตอนที่กรุงใกล้จะแตก ทมยันตีบรรยายไว้อย่างน่าหดหู่มากครับ มันรู้สึกเสียใจเหมือนอยู่ในเหตุการณ์จริง ๆ อีกตอนที่เสียใจคือตอนสุดท้ายของเรื่องครับ เมื่อศิโรฒน์กลับมาปัจจุบัน แต่เมืองใจไม่ได้มาด้วย

เป็นนิยายดี ๆ อีกเรื่องที่อยากให้อ่านกันครับ ผมว่าศิโรฒน์ก็เหมือนคนทั่วไปนี่แหละ เกิดมาในสมัยใหม่ ก็จะเชื่ออะไรใหม่ ๆ ตามหลักวิทยาศาสตร์ แต่เมื่อได้ตกทะลุมิติไปอยู่ในหมู่บ้านบางระจัน เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เค้าได้พบ ทำให้เค้ารักแผ่นดินตรงนั้นมากเช่นเดียวกับเมืองใจ ผมก็เช่นกันนะครับ อ่านแล้วก็รู้สึกหลงรักแผ่นดินตรงนั้นจริง ๆ ลองอ่านกันนะครับ
สมเด็จพระนางเรือล่ม
4
โศกนาฏกรรมประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจเรื่องหนึ่งครับ
โดย: Takeshi วันที่เขียนรีวิว: 17 กันยายน พ.ศ. 2557

ผู้เขียน ณัฐวุฒิ สุทธิสงคราม
สำนักพิมพ์ สร้างสรรค์บุ๊คส์
จำนวนหน้าหนังสือ 483 หน้า

ผมเชื่อหลาย ๆ คนรู้จักตำนาน พระนางเรือล่มครับ อยากจะบอกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เป็นเพียงตำนานเพียงอย่างเดียวนะครับ แต่ยังเป็นเรื่องจริงที่ถูกบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์อีกด้วย มีหนังสือหลาย ๆ เล่ม เขียนเนื้อหาประวัติศาสตร์ตอนนี้ออกมา แม้เนื้อหาจะใกล้เคียงกัน แต่ตัวเนื้อหาที่แตกต่างกันในรายละเอียดปลีกย่อย ก็จะเป็นจุดขายของหนังสือเล่มนั้น ๆ ครับ อย่างเช่นเล่มนี้ จะมีเนื้อหาที่แตกต่างจากเล่มอื่นคือ มีพระราชหัตถเลขาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมหาราช หลายฉบับซึ่งไม่เคยปรากฎ ณ ที่ใดนอกจากหนังสือเล่มนี้ (เค้าว่าอย่างนั้นนะครับ แต่เท่าที่ผมอ่านก็ยังไม่เคยเห็นที่ไหนเช่นกัน) และจุดเด่นอีกจุดคือภาพประกอบครับ

เนื้อหาช่วงแรก ๆ จะเป็นประวัติของรัชกาลที่ 5 และสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวีครับ ตรงนี้จะมีข้อมูลถึงการบริหารประเทศ กิจการภายในวังครับ และเนื้อหาก็เข้มข้นเรื่อย ๆ เมื่อไปถึงบทที่ 3 คือเหตุการณ์เรือล่ม ณ บางพูด จ.นนทบุรี ตอนนี้ผมอยากให้อ่าน จะเห็นถึงพระบรมราชโองการที่ไม่สามารถมีใครขัดได้ ทำให้พระบรมราชเทวีต้องสิ้นพระชนม์ลงที่นั่น ทั้ง ๆ ที่มีคนอยู่ตรงจุดนั้นเยอะครับ

ในช่วงบทท้าย ๆ จะเป็นเรื่องของงานบำเพ็ญราชกุศล การพระเมรุ งานพระราชทานเพลิงศพ จะค่อนข้างเศร้าครับ เพราะรัชการที่ 5 ทรงเสียพระทัยมาก จนเราที่เป็นคนอ่านยังรู้สึกได้ ถ้าเวลานั้นเราอยู่ในงาน หรืออยู่ในเหตุการณ์ตรงนั้นก็คงพูดไม่ออกจริง ๆ ครับ จากตรงนี้ไปก็จะรู้สึกสะเทือนใจไปจนถึงบทสุดท้ายของหนังสือครับ เมื่อรัชกาลที่ 5 โปรดให้สร้างอนุสาวรีย์ขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ให้แก่พระนางเรือล่ม ผมเองก็รู้สึกใจหายนะ อ่านแล้วเศร้า แบบเศร้ามากจริง ๆ คนที่รักมากที่สุดมาตายจากไปพร้อมกับลูก และลูกในท้อง อ่านแล้วก็สะเทือนใจจริง ๆ ครับ
ปฏิบัติการสังหาร บิน ลาดิน
5
ใครที่ชอบแนวทหารไม่ควรพลาดหนังสือเล่มนี้ครับ
โดย: Takeshi วันที่เขียนรีวิว: 17 กันยายน พ.ศ. 2557

ผู้เขียน Kevin Maurer , Mark Owen
ผู้แปล นพดล เวชสวัสดิ์
สำนักพิมพ์ เอิร์นเนส พับลิชชิ่ง
จำนวนหน้าหนังสือ 288 หน้า

หนังสือเล่มนี้ เป็นหนังสือที่ถูกเขียนขึ้นมาโดยซีล 2 นายในทีมซิกซ์ ทีมปฏิบัติการจริงที่ไปตามล่าบิน ลาดิน ครับ ซึ่งผมเองก็คิดว่าหนังสือเล่มนี้ ให้รายละเอียดในการทำงานของซีลไว้ได้ดีทีเดียว แต่ในช่วงแรกของการฝึกเป็นซีลไม่ละเอียดเท่า Lone Survival ที่ดูเหมือนจะสามารถเรียกน้ำตาได้ดีกว่า แต่ก็มีรายละเอียดตรงที่ว่าทำไมผู้เขียน (โอเวน) ถึงมาสมัครเป็นซีล สมัครไปแล้วเป็นไงบ้าง ทำไมถึงได้รับเลือกให้เข้าร่วมปฏิบัติการ และสำคัญคือ การทำงานร่วมกันเป็นทีม ทุกคนต้องฝากชีวิตไว้ซึ่งกันและกัน ต้องไว้ใจกันมากเท่าไร ช่วงแรก ๆ คือประมาณนี้ครับ

แต่ขั้นตอนในการปฏิบัติภารกิจนี่ต้องถือว่ายอดเยี่ยมมากทีเดียวครับ โดยที่จะเริ่มจากการบินเข้าไปในปากีสถาน ซึ่งปฏิบัติการนี้ต้องทำอย่างเงียบที่สุดและเร็วที่สุด ซึ่งเวลาที่เป็นไปได้คือ 40 นาทีแค่นั้นครับ ที่จะปิดฉากบิน ลาดินโดยที่ไม่ให้ศัตรูรู้ตัว ทั้งหมดต้องผ่านการซ้อมจำนวนครั้งไม่ถ้วน กว่าจะเริ่มปฏิบัติการจริง และวันที่รอคอยก็มาถึง พร้อมเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เมื่อซีนุกลำแรกตกที่ข้างบ้านของบิน ลาดิน ซีลต้องกระโดดลงมาจากความสูง 6 ฟุต และอาวุธอีก 30 กิโล ทั้งหมดต้องใช้ความเร็วกว่าเดิม เพื่อค้นหาบินลาดิน และเหมือนเหตุการณ์เริ่มดีขึ้น เมื่อซีลสามารถสังหารลูกชายของบินลาดิน และคนรอบข้างของบินลาดินได้ ก่อนจะปิดฉากบินลาดินในที่สุด

หลังจากภารกิจสำเร็จแล้ว ซีลยังต้องทำงานหนักอีกในการเก็บหลักฐาน รวบรวมข้อมูล เพราะที่ทำเนียบขาวเองก็กำลังวุ่นวายกับเรื่องนี้เช่นกัน มีข่าวจริงและไม่จริงรั่วไหลออกไปมาก และยังต้องคอยระวังการระบุตัวตนของซีลทุกนายที่ออกไปปฏิบัติภารกิจ อ่านจนจบแล้ว ผมเองก็นับถือซีลทุกนายที่ปฏิบัติภารกิจนี้มากจริง ๆ ครับ

อยากจะบอกว่าเป็นหนังสือที่อ่านแล้วมองเห็นภาพได้อย่างชัดเจน ผู้ชายกลุ่มหนึ่งที่ต้องทุ่มสุดตัวและไม่เสียดายชีวิต เพื่อออกไปปฏิบัติภารกิจสำคัญให้แก่ประเทศชาติ เสี่ยงมากจริง ๆ ครับ ผมจะบอกว่าหนังสือแนวนี้ ที่ผู้เขียนมีอาชีพนี้จริง ๆ เขียนออกมาได้ดีและสนุกทุกเล่มเลย ใครที่ชอบแนวทหารไม่ควรจะพลาดหนังสือเล่มนี้ครับ
ทวิภพ (เล่ม 1-2) (ทมยันตี)
5
เป็นหนังสือที่คุ้มค่า คุ้มเวลาที่อ่านมากครับ
โดย: Takeshi วันที่เขียนรีวิว: 16 กันยายน พ.ศ. 2557

ผู้เขียน ทมยันตี
สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม
จำนวนหน้าหนังสือ 678 หน้า

เป็นนิยายอีกเล่มที่ผมมักจะนำมาอ่านบ่อย ๆ ครับ สำหรับทวิภพ ดูละครแล้วไม่ถูกใจเลย สู้อ่านนิยายไม่ได้ครับ เพราะในนิยายเก็บรายละเอียดยุคสมัยของพระเจ้าหลวง รัชการที่ 5 ได้ดีมาก แถมยังอ้างอิงประวัติศาสตร์ ช่วงที่ไทยต้องเสียดินแดนต่าง ๆ เพื่อแลกกับอธิปไตยด้วย อ่านเรื่องนี้จบ ผมรู้สึกภาคภูมิใจและชื่นชมคนไทยในยุคนั้นมาก ๆ ครับ

เล่าผ่านตัวละคร มณีจันทร์ หญิงสาวสมัยใหม่ ที่ไม่เคยสนใจอะไรนอกจากตัวเองเป็นหลัก วันหนึ่งเธอได้ซื้อกระจกโบราณกลับไปที่บ้าน แม้จะมีรอยแตกให้เห็น แต่มณีจันทร์ก็พอใจกับความงามของกระจกบานนั้น และกระจกบานนี้เองทำให้เธอหลุดเข้าไปในสมัยรัชกาลที่ 5 และได้ไปพบกับ คุณหลวงอัครเทพวรากร ชายที่เธอหลงรูปในสมัยปัจจุบัน ที่นี่มณีจันทร์ต้องเรียนรู้อะไรที่ต่างจากเดิมมาก ทั้งขนบธรรมเนียม วัฒนธรรม ประเพณีโบราณต่าง ๆ ซึ่งรวมไปถึงอาหาร การแต่งตัวและประวัติศาสตร์ ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้เธอหลงรักอย่างหมดหัวใจและเลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่กับคุณหลวงรูปงามตลอดจนสิ้นอายุขัย

ผมรักหนังสือเล่มนี้มากเลย ให้ความรู้ทั้งด้านประวัติศาสตร์ ด้านอาหาร และวัฒนธรรมสมัยโบราณ ผมเองก็คงจะเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กับมณีจันทร์นั่นแหละครับ ที่ต้องไปเริ่มต้นอะไรใหม่ ๆ และความแปลกประหลาด หรือความทันสมัยในยุคปัจจุบันของเธอนี่เอง ทำให้หลวงเทพ ตกหลุมรักเธอจนถอนตัวไม่ขึ้น ตัวหลวงเทพเองผมก็ชอบนะครับ ผู้ชายพูดน้อย นุ่ม ๆ แต่แท้จริงแล้วเก่งด้านการทูตมาก รู้ทันฝรั่งทุกอย่าง แต่เลือกที่จะแสดงออก และสมามารถพิสูจน์ความจริงให้มณีจันทร์เห็นได้ในท้ายที่สุดว่า ไทยได้ทำทุกวิถีทางที่จะรักษาอธิปไตยไว้ได้อย่างชาญฉลาด และสามารถทำให้มณีจันทร์เลือกที่จะเดินตามความเป็นผู้นำของเค้าได้ สรุปว่า เป็นหนังสือที่คุ้มค่า คุ้มเวลาในการอ่านจริง ๆ ครับ อ่านแล้วจะหลงรักผู้ชายอย่างคุณหลวงอัครเทพวรากรที่สุดครับ
อุบัติเหตุ (กนกเรขา)
5
สนุกดีครับ แม้เนื้อเรื่องจะซีเรียสไปหน่อย
โดย: Takeshi วันที่เขียนรีวิว: 12 กันยายน พ.ศ. 2557

ผู้เขียน กนกเรขา
สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม
จำนวนหน้าหนังสือ 736 หน้า

เป็นอีกหนึ่งนิยายที่ถูกนำมาทำเป็นละครครับ สำหรับอุบัติเหตุ ซึ่งผมว่าละครทำออกได้ค่อนข้างดีนะ ถ้าเทียบกับนิยาย เพราะนิยายเรื่องนี้เขียนไว้นนแล้ว สำนวนเลยอาจจะดูไม่ทันสมัยหรือโบราณไปบ้าง เมื่อนำมาปรับเป็นละครแล้วทำให้คนดูติด ก็ถือว่าเป็นนิยายที่ยอดเยี่ยมอีกเรื่องหนึ่งของกนกเรขาครับ

นิยายเรื่องนี้จะค่อนข้างดราม่านะครับ พระเอก นายอารุมเป็นเด็กวัดที่ต้องสู้ชีวิตทุกอย่าง จนได้มาเป็นผู้จัดการโชว์รูมรถ ส่วนนางเอก วิศนี เป็นลูกสาวของเจ้าของโชว์รูมรถผู้เอาแต่ใจครับ แน่นอนอยู่แล้วว่าพระเอกกับนางเอกก็ย่อมจะไม่ถูกกันเป็นธรรมดา ซึ่งพระเอกก็มีปมเรื่องที่ว่า แฟนสาว นนทลีย์ ไม่เคยพอใจในสิ่งที่เขามีและเป็นอยู่ และเรื่องทั้งหมดมาเกิดขึ้นตรงที่ว่า วิศนีขับรถชนนนทลีย์เสียชีวิต ซึ่งอารุมมองว่าเป็นการฆาตกรรม แม้วิศนีจะยืนยันว่ามันคืออุบัติเหตุก็ตาม จากนั้น หลังจากเหตุการณ์นี้ทำให้ทั้งคู่ต้องเผชิญอะไรหลาย ๆ อย่างและก่อให้เกิดเป็นความรักหลังจากนั้น กว่าจะผ่านมาได้ขนาดนี้ ก็โหดพอสมควรครับ

อารุม พระเอกที่มีตัวตนจริงในปัจจุบันในเรื่องของการสู้ชีวิตครับ แต่คงจะเป็นไปได้ยากที่จะมารักคนที่ขับรถชนแฟน(เกือบเก่า)เสียชีวิตอย่างวิศนีครับ ส่วนวิศนีก็อาจจะหาได้ในสังคมจริง เพราะเมื่อเราทำผิดต่อใครคนนึงมาก ๆ ก็อยากจะทำความดีชดเชยให้ทุกอย่าง (ดีไม่แค้นแล้วปล้ำนางเอกนะนั่น) อีกตัวละครที่ผมชอบคือ เดชชาติครับ ผู้ชายรวยอารมณ์ขัน ที่ชีวิตดูไม่ซีเรียส แม้ว่าแท้จริงแล้ว เค้าเก็บความลับในเรื่องของการแอบรักวิศนีมาเกือบจะตลอด สรุปว่า คือนิยายมันก็ซีเรียสนะครับ แต่หลัง ๆ ก็น่ารักขึ้น ก็เป็นโครงเรื่องที่แปลก ๆ ดีครับ
สวรรค์เบี่ยง (กฤษณา อโศกสิน)
4
อยากให้อานหนังสือมากกว่าดูละครครับ พระเอกไม่ซาดิสต์ขนาดนั้นแน่นอน
โดย: Takeshi วันที่เขียนรีวิว: 08 กันยายน พ.ศ. 2557

ผู้เขียน กฤษณา อโศกสิน
สำนักพิมพ์ เพื่อนดี
จำนวนหน้าหนังสือ 787 หน้า

เป็นหนังสือที่หนามากเล่มหนึ่งเลยนะครับ สำหรับ สวรรค์เบี่ยง กว่าจะอ่านได้ก็ทำใจนานเหมือนกัน ที่หยิบมาอ่านเพราะช่วงนี้แม่ดูละครเก่า ๆ ครับ เห็นพระเอกตบตี ข่มขืนนางเอกซ้ำไปซ้ามาแล้วอยากจะบอกว่า โหดร้ายเกินไป ไม่เหมือนนิยายเลย

ในนิยายก็มีฉากข่มขืนครับ แต่ก็ไม่ได้ขนาดนี้นะ เนื้อเรื่องเหมือนกันครับ ว่าลีลาพี่สาวของนาริน มาแต่งงานกับคุณคิดหรือพ่อพระเอก คาวี เพียงเพราะหลงเสน่ห์คาวี แต่แล้วด้วยเหตุหลาย ๆ อยางที่เกิดขึ้นมาทำให้คาวีไม่พอใจนาริน และเผลอตัวไปขืนใจนาริน ซึ่งนารินก็ได้หนีออกจากบ้านไป และพระเอกก็ไปตามง้อเหมือนในละครครับ ตรงนี้จะมีการเฉลยปมของพระเอกว่า เพราะอะไรถึงได้เป็นคนใจแคบ เย่อหยิ่ง ซึ่งกว่าพระเอกจะง้อนางเอกได้ก็นะ หลายหน้า เรียกได้ว่าลุ้นเหนื่อยครับ อยากจะด่านางเอกมาก ว่าทำไมเล่นตัวขนาดนี้ และเปลี่ยนมุมมาสงสารพระเอกแทน

ผมเองก็ชอบตัวละครอย่าง คาวีนะครับ แม้แรก ๆ เริ่มเรื่องจะมีนิสัยที่สุด ๆ คือไม่ไหวมาก ๆ เอาแต่ใจ หยิ่ง ชอบดูถูกคน แต่ภายหลังเมื่อเฉลยปมเค้าแล้ว ผมว่าเค้าก็คือมนุษย์ธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่ต้องการเรียกร้องความสนใจและความรักจากคนที่รัก และการทำทุกอย่างให้นางเอกเพื่อเป็นการขอโทษ ก็เป็นการแสดงออกที่เห็นได้ชัดจากผู้ชายคนนี้นะครับ ซึ่งมันแตกต่างจากในละครมาก ผมนึกว่าดู ไอ้แก้ว จากทาสรักอสูรอยู่เสียอีก อะไรจะให้นางเอกนั่งตากฝน โดนพี่สาวตบตี ข่มขืนซ้ำไปซ้ำมา มันดูไม่มีเหตุผลเลย ซึ่งผมยอมรับว่าชอบคาวีจากในนิยายมากกว่าเยอะเลย แม้กระทั่งตัวนารินเอง ก็ไม่ใช่คนแบบในละครครับ (ถึงตอนท้าย ๆ จะเหมือนก็เถอะ ตัดเล็บเท้าให้ก็ยังไม่ยอมดีด้วยอีก) สรุปว่า ผมว่าอ่านหนังสือประทับใจมากกว่าเยอะครับ สวรรค์เบี่ยงในความเห้นของผู้เขียน คือความรักของพระนางที่เปรียบได้กับการมีความสุขอยู่ในสวรรค์ แต่ต้องเจอเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่มันเบี่ยงความรักของทั้งคู่ออกไป ตรงนี้สร้างความประทับใจให้ผมมากจริง ๆ ครับ
ในสวนขวัญ (ดวงตะวัน)
4
เป็นหนังสือน้ำดีที่น่าอ่านเล่มหนึ่งครับ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับรอบครัวครับ
โดย: Takeshi วันที่เขียนรีวิว: 08 กันยายน พ.ศ. 2557

ผู้เขียน ดวงตะวัน
สำนักพิมพ์ ดวงตะวัน

เป็นหนังสือนิยายอีกเล่มนึงที่ถูกนำมาทำเป็นละครครับ และผมก็อ่านตามกระแสอีกเช่นเคย เพราะปกติไม่ค่อยจะอ่านหนังสือของ ดวงตะวันสักเท่าไร แต่ดูจากเนื้อหาละครแล้วค่อนข้างจะอบอุ่นพอสมควร อาจจะมีน้ำเน่าไปสักนิด แต่ก็อยากลองอ่านนิยายดูครับ

เค้าโครงเรื่องเหมือนกันเลย แต่ที่แปลกคือชื่อตัวละครในเรื่องนี้ครับ ทั้งนางเอก บัวบูชา หรือเป็ดปุ๊ก ไก่กุ๊ก นกจิ๊บ แมวเมี้ยว อ่านแล้วก็รู้สึกขำ ๆ ดีครับ ข้างพระเอกก็ไม่น้อยหน้า ชื่อมาซะดูเข้มแข็งทีเดียวอย่าง นายต้นไม้ อ่านแล้วรวม ๆ ก็น่ารักดีนะครับ หนังสือเขียนออกมาได้อย่างอบอุ่นทีเดียว เป็นเรื่องราวของความขัดแย้งในครอบครัวครับ เมื่อพี่ชายนางเอกคว้าลูกสะใภ้จอมงกเข้ามาเป็นใหญ่ในบ้าน และทำนู่นนี่นั่นโดยไม่เห็นแก่หัวบิดาของตน ทำให้เป็ดปุ๊กต้องพาพ่อหนีไปอยู่ในหมู่บ้านเสริมขวัญ และทำให้ได้เจอกับนายต้นไม้ ที่มีปัญหาเรื่องแม่แต่งงานใหม่ แม้แรก ๆ เป็ดปุ๊กจะไม่ค่อยถูกชะตากับนายต้นไม้มากนัก แต่หลัง ๆ ก็อย่างว่าครับ อยู่ใกล้ชิดกันมาก ๆ เข้า ซึ่งจุดเด่นที่ผมว่าไม่น่าจะเหมือนหนังสือเล่มอื่น คือบ้านบนต้นไม้ของพระเอกครับ มีเอาไว้ส่องดูนางเอกเอาจริงเอาจังทีเดียว

นาน ๆ จะได้เห็นหนังสือแนวนี้นะครับ แนวที่มีการช่วยกันแก้ปัญหาในครอบครัว อ่านแล้วผมก็รู้สึกประทับใจพอสมควร เพราะปัญหาของทั้งพระเอกและนางเอกเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตของเรา ๆ คือมันดูเรียลมากครับ เรื่องปัญหาลูกสะใภ้ แม่แต่งงานใหม่แล้วมีน้องชายต่างแม่ที่ไม่ยอมรับพี่ชาย เรื่องของการหวงสมบัติ คือมันเป็นเรื่องจริงที่เอามาเขียน แต่ผู้เขียนสามารถแก้ปัญหาให้ตัวละครได้อย่างสวยงาม หากบ้านไหนที่มีปัญหาได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วนำวิธีไปแก้ปัญหาบ้างก็คงจะดีไม่น้อยนะครับ ถึงแม้จะไม่ดีมาก แต่ก็ดีกว่าทะเลาะกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ก็สรุปง่าย ๆ ว่า เป็นหนังสือน้ำดีที่น่าอ่านเล่มหนึ่งครับ
ดอกส้มสีทอง (มงกุฎดอกส้ม ภาค 2) (ถ่ายเถา สุจริตกุล)
1
ไม่สนุกเลยครับ ในละครดีกว่าเยอะเลยจริง ๆ
โดย: Takeshi วันที่เขียนรีวิว: 07 กันยายน พ.ศ. 2557

ผู้เขียน ถ่ายเถา สุจริตกุล
สำนักพิมพ์ แสงดาว
จำนวนหน้าหนังสือ 456 หน้า

เป็นหนังสืออีกเล่มที่ผมอ่านตามกระแสละครช่วงนั้นนะครับ คือเห็นที่บ้านดูละครกันแล้วพูดอย่างโน้นอย่างนี้ และเห็นเรื่องมันดูซับซ้อนดี เห็นว่าเป็นละครภาคต่อจาก มงกุฏดอกส้มด้วย เลยหามาอ่านเล่นแก้เบื่อครับ ซึ่งผลที่ได้ก็คือ เบื่อกว่าเดิมครับ

ถ้าถามว่าเหมือนในละครมั้ย ไม่เหมือนครับ ในละครมีการปรับบทออกมาได้ดีกว่าเดิมเยอะเลย ทำให้เนื้อเรื่องดูน่าติดตาม และส่งผลให้คุณชมพู่โด่งดังจากบท เรยา แต่เนื้อหาในหนังสือจะค่อนข้างน่าเบื่อมากถึงมากที่สุด จะเน้นในส่วนของเรยามากเป็นพิเศษครับ ซึ่งผมก็ไม่เห็นว่าจะสนุกตรงไหน นางเอกเอาตัวเข้าแลกกับทรัพย์สินและความรุ่งเรืองต่าง ๆ และมาตกหลุมรักคุณหมอหนุ่มรูปงามนาม ซีเคเอาจริง ๆ จัง ๆ ถึงขั้นยอมทิ้งทุกอย่างแม้กระทั่งลูกตัวเอง และสุดท้ายเรื่องราวทุกอย่างก็เกิดพลิกผัน ก็คล้าย ๆ พล็อตละครไทยทั่วไปครับ ตรงนี้ผมไม่เห็นจะมีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษ การลำดับเนื้อเรื่องก็ดูขัด ๆ กับความเป็นจริง ซึ่งรวมไปถึงเนื้อเรื่องจาก มงกุฏดอกส้มด้วย

ใครที่ตามมาดูคำแก้วจากภาคที่แล้ว บอกเลยครับว่ามีน้อยนิด มาเด่นเอาตอนโค้งสุดท้ายของหนังสือ อ่านเล่มนี้ผมว่าอ่านสามีตีตรายังสนุกกว่านะครับ ใช้โครงเรื่องคล้าย ๆ กัน คุณชายใหญ่ก็ดีเกินไป ใจอ่อนเกินไป จนปล่อยให้เกิดเรื่องราวต่าง ๆ มากมายไม่รู้จบ แต่ที่แอบสะใจนิดนึงคือจุดจบของเจ้าสัวเชงนี่แหละครับ ค่อยดึงความสนุกของหนังสือมาได้บ้างนิดนึง (นิดนึงจริง ๆ ครับ) สรุปว่า เล่มนี้ผมอ่านได้เพียงผ่าน ๆ เท่านั้นครับ ไม่ได้อ่านรายละเอียดมาก เพราะลำดับเนื้อเรื่องไม่ดีเลย
สามีตีตรา
3
คล้าย ๆ ละครครับ แต่ก็น่าอ่านสำหรับคนชอบหาที่มาที่ไปของตัวละคร
โดย: Takeshi วันที่เขียนรีวิว: 07 กันยายน พ.ศ. 2557

ผู้เขียน นาวิกา
สำนักพิมพ์ ลีลา
จำนวนหน้าหนังสือ 432 หน้า

ยอมรับว่าอ่านตามกระแสครับ สำหรับ สามีตีตรา เล่มนี้ อยากรู้ว่าหนังสือกับนิยายต่างกันยังไง เพราะปกติผมไม่ค่อยชอบอ่านหนังสือแนวนี้ อ่านแล้วมันเครียดครับ แต่เล่มนี้ที่ลองเพราะละครดัง อ่านแล้วก็อยากจะมารีวิวครับ

เริ่มเรื่องก็คล้าย ๆ ละครครับ ที่เริ่มจากกะรัต มีสามีมาแล้ว คนก็เสียชีวิตไปหมด จนใคร ๆ ก็บอกว่ากะรัตเป็นคนดวงกินผัว แล้วยังมาเจอเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดแบบสายน้ำผึ้ง กะรัตจึงใช้วิธีตีตราจอง พิศุทธิ์ สามีคนล่าสุดด้วยใบทะเบียนสมรส เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่เจอสายน้ำผึ้งมาแอบกินลับหลังอีก

อ่านแล้วก็ถือว่าละครทำออกมาได้ใกล้เคียงนิยายมาก ๆ ครับ แต่อาจจะมีปรับให้ทันสมัยไปบ้าง ในหนังสือจะไม่ค่อยเห็นความเด่นของสายน้ำผึ้งสักเท่าไร กับน้ารสยิ่งซ้ำแล้วเลย หาไม่เจอเลยครับ จะเน้นไปที่กะรัตกับคุณพิศุทธิ์เสียส่วนใหญ่ สายน้ำผึ้งจะมาเด่นเอาช่วงหลัง ๆ ที่คอยป่วนกะรัตครับ

ที่แตกต่างอีกอย่างกับละครคือ คุณพิศุทธิ์ หรือหม่อมราชวงศ์พิศุทธิ์เป็นคนนิ่ง ๆ ไม่ค่อยพูด และไม่สามารถทำให้สายน้ำผึ้งมโนไปเองว่ามีใจให้เหมือนกัน ละครทำให้ตรงนี้เป็นจุดที่เด่นชัดมากเป็นพิเศษ แต่ในหนังสือไม่มีครับ ส่วนเรื่องราวของคู่อื่น ๆ ก็เป็นไปตามละครเลย ไม่ว่าจะเป็นหม่อมมลุลี ท่านชายอ๊อด กริชกับพวงหยก กันตากับศิวา (คู่นี้ลุ้นไม่ขึ้นจริง ๆ) และความสัมพันธ์ระหว่างเนื้อแพร กับพิศุทธิ์ ที่เป็นแม่ลูกที่รักกันมากครับ

ในละคร เราจะมองว่าทำไมกะรัตโง่จัง น่าสงสารนะ แต่ก็ขี้โวยวาย ในหนังสือก็แบบนี้แหละครับ ถึงได้กลายเป็นจุดอ่อนให้สายน้ำผึ้งเล่นงานได้ ในเรื่องของความรักก็ช่างระแวงพิศุทธิ์เสียจริง เลยทำให้ไปไม่รอดในที่สุด ผมขอสรุปง่าย ๆ ว่าในหนังสือจะมีมิติของตัวละครมากกว่าละครพอสมควรครับ เพราะเราจะได้อ่านความคิดของตัวละครว่า คิดอะไร หรือมีความเห็นอย่างไร ซึ่งในละครจะไม่มีตรงนี้ ที่เหลือก็ไม่ได้แตกต่างเท่าไรครับ
มาเฟียเลือดมังกร : สิงห์
5
สนุกครับ พระเอกนางเอกน่ารักทั้งคู่เลย
โดย: Takeshi วันที่เขียนรีวิว: 07 กันยายน พ.ศ. 2557

ผู้เขียน ลิซ
สำนักพิมพ์ Sugar beat
จำนวนหน้าหนังสือ 400 หน้า

สิงห์ เรื่องนี้สนุกกว่าเสือเยอะเลยครับ และผมว่าตัวละครที่วางไว้ก็คล้าย ๆ กับในนิยายมากเลยนะ เรื่องนี้ค่อยดูเหมือนมาเฟียขึ้นมาบ้างแล้ว เพราะมีการล้างแค้นให้ตระกูล มีการส่งสายลับระหว่างกลุ่มมาสอดแนม ดู ๆ ก็ตื่นเต้นดีขึ้นมาบ้างกว่า เสือ ครับ

เรื่องเริ่มจาก คุณหนูป๋อจูแห่งแก๊งเต่าศิลา แอบมาสืบความลับในบริษัทของทรงกลด ลูกชายคนโตหัวหน้าแก๊งเขี้ยวสิงห์ ซึ่งทรงกลดเองก็พอใจป๋อจูอยู่แล้ว จนกระทั่งมีเรื่องร้าย ๆ เกิดขึ้น ทำให้ทั้งคู่ต้องจับพลัดจับพลูมาแต่งงานอยู่ด้วยกัน ซึ่งทรงกลดก็พอใจอยู่มาก แต่ทรงกลดเองก็ต้องมาทำหน้าที่หัวหน้าแก๊งเขี้ยวสิงห์เพื่อล้างแค้นให้กับพ่อและน้องชายที่เสียชีวิตไป กว่าจะจบได้ก็ลุ้นเหนื่อยพอสมควรครับ

ผมชอบตัวละครอย่างทรงกลดนะ คือพอใจนางเอกก็พอใจอยู่อย่างนั้นเลย ถึงจะรู้ว่านางเอกก็อันตรายพอสมควร แต่ก็คิดที่จะจีบ พูดง่าย ๆ คือพร้อมรับความเสี่ยงนั่นเอง ฉากที่รู้ความจริงเรื่องพ่อมาตลอด ตรงนี้ก็ทำออกมาได้ซึ้งกินใจดีครับ แต่ฉากกุ๊กกิ๊กกับนางเอก ทรงกลดก็ไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว คือเป็นพระเอกที่เพอร์เฟ็กมาก เก่งทุกเรื่องจริง ๆ ครับ ส่วนนางเอกของเรื่อง ผมว่าเฉย ๆ นะ ถึงจะเก่งบู๊บ้าง และฉลาดมาก แต่คือก็คือผู้หญิง มีน้อยใจบ้าง งอนบ้าง ก็โอเคดีครับ อีกตัวละครหนึ่งที่ผมชอบในเรื่องนี้คือ อรรณพ บอดี้การ์ดสุดเข้มของทรงกลดนั่นเอง ทั้งคู่รักกันเหมือนพี่น้องมาก ๆ อ่านแล้วผมก็ยิ้มขำ เสียดายมากตอนท้าย ๆ อ่านแล้วจุกมากครับ ส่วนที่น่ารักอีกด้านของอาอันก็คือความรักที่เค้ามีต่อหยกมณี (ที่เป็นคนปากมากทุกเล่มนั่นแหละครับ) ไม่ว่าหยกมณีจะผ่านอะไรมาก็ตาม สรุปว่า เป็นหนังสือที่ออกแนวมาเฟียอย่างค่อนข้างจะแท้จริงครับเรื่องนี้
นางบาป (ปกเก่า)
5
เป็นหนังสือแนวกลับชาติมาเกิดที่ดีที่สุดเล่มหนึ่งของไทยครับ
โดย: Takeshi วันที่เขียนรีวิว: 07 กันยายน พ.ศ. 2557

ผู้เขียน กิ่งฉัตร
สำนักพิมพ์ อรุณ

นางบาป เป็นหนังสืออีกเล่มหนึ่งครับที่ผมรู้สึกชอบเป็นพิเศษ มันบอกไม่ถูกครับ หรือผมจะเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือแนวกลับชาติมาเกิดก็ไม่รู้นะ โดยเรื่องนี้จะเป็นเรื่องของการชดใช้กรรมที่ทำกันมาจากชาติที่แล้ว และความจริงที่ไม่เคยถูกเปิดเผยครับ เริ่มจากกองถ่ายกองนึงอยากจะทำหนังแนวอิงตำนานเรื่องนางบาป โดยทั้งหมดได้ยกกองไปถ่ายทำกันสถานที่จริง และทั้งหมดก็ได้พบสิ่งเร้นลับที่ไม่สามารถบอกได้ว่ามันคืออะไร จนกระทั่งไปพิเรนทร์เล่นผีถ้วยแก้วครับ ทั้งหมดจึงรู้ว่ามีอะไรแปลก ๆ และหลังจากนั้นเรื่องราวก็เริ่มเฉลยในตัวมันเอง

ก็เป็นหนังสือที่มีเนื้อเรื่องแปลก ๆ ดีเล่มนึงครับ แต่ผมว่ามันมีอะไรเยอะเลยนะ เพราะส่วนมากจะพูดถึงเรื่องกฎแห่งกรรม มันเป็นเหตุเป็นผลว่า ทำไมคนนู้นต้องเป็นแบบนี้ ทำไมคนนี้ต้องเป็นแบบนั้น มันมีเหตุผลที่ดีในตัวมันเองครับ พระเอกกับนางเอกก็ดูจะไม่ค่อยเด่นเท่าไร โดยเฉพาะนางเอกนี่ดูไม่ได้เลยครับ ถึก ๆ บึน ๆ ไหล่กว้าง ส่วนพระเอกของเรื่อง นายปาล นี่ก็มีอาชีพเป็นพระรองตลอดชีพ คู่นี้ออกมากุ๊กกิ๊กกันไม่ถึง 10 หน้าได้ จีบกัน 2 หน้า เข้าใจผิดหน้านึง ที่เหลือคือกุ๊กกิ๊กครับ คือผู้เขียนให้เนื้อเรื่องมันดูเด่นกว่า ส่วนพระนางของเรื่องเหมือนจะเป็นส่วนประกอบแค่นั้นครับ แต่ก็เป็นตัวเดินเรื่องได้พอสมควร เพราะนางเอกเหมือนจะสื่อสารกับวิญญาณได้

ในตอนท้าย ๆ เล่มค่อนข้างดีมากเลยคัรบ เพราะจะเฉลยเรื่องราวทุกอย่างแล้ว จะว่าไปก็ซีเรียสพอสมควร แต่ก็สนุกอีกแบบครับ ผมเองก็อ่านแล้วทึ่งนะ คือมันหักมุมแบบสุดยอด ทุกคนส่วนมากแล้วกลับชาติมาเกิดหมด และทุกคนก็ต้องใช้กรรมที่ตัวเองก่อไว้ อ่านแล้วก็เป็นคติดี และก็สลดใจดีครับ
หุบเขากินคน
5
หุบเขากินคน
โดย: Takeshi วันที่เขียนรีวิว: 13 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ผู้เขียน มาลา คำจันทร์
สำนักพิมพ์ เคล็ดไทย
จำนวนหน้าหนังสือ 376 หน้า

แปลกใจนิดนึงครับ ที่บาโทร่ามีหนังสือเล่มนี้ด้วย เพราะรู้สึกว่าหุบเขากินคนนี้จะติดอันดับหนังสือหายากอยู่เล่มหนึ่ง ผมทันเวอร์ชั่นละครล่าสุดที่มาร์กี้เป็นนางเอกครับ ตอนนั้นดูก็รู้สึกสนุกมาก ๆ แล้วมารู้ทีหลังว่าละครเรื่องนี้ มาจากหนังสือที่เป็นหนังสืออ่านนอกเวลาเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เลยได้ไปตามหามาอ่านครั้งหนึ่งครับ ได้มาด้วยความยากลำบากมาก ๆ

หนังสือเล่มนี้มาแนวประวัติศาสตร์ขอมโบราณครับ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะอยู่ในช่วงของยุคอาณาจักรฟูนัน โดยผู้เขียนได้สร้างตัวเอกขึ้นมา 5 คนคือ วิชชุ บดินทร์ อัชฌา บุญชู และวิทยา ซึ่งแต่ละคนจะมีความสามารถพิเศษที่ต่างกันครับ เพราะฉะนั้นเราจะได้ไปผจญภัยร่วมกับเด็กชายทั้ง 5 คนนี้ และได้พบเจอกับเรื่องราวที่ไม่คาดคิดว่าจะเป็นไปได้

โดยจะเริ่มจาก วิชชุ เด็กหนุ่มผู้มีมันสมองระดับไอคิวสูงเป็นเลิศ สามารถจดจำทุกสิ่งที่อ่านได้ ทำให้ปริศนาทั้งหมดคลี่คลายได้จากการจดจำประวัติศาสตร์ได้ของวิชชุนั่นเอง บดินทร์ เด็กหนุ่มผู้มีความสามารถเป็นเลิศทางด้านกีฬา และมีความเชี่ยวชาญในด้านการใช้พลองมาก ทำให้เค้ากลายเป็นกำลังหลักของกลุ่ม บุญชู เด็กหนุ่มผู้รักชีวิตในป่ามากกว่าชีวิตในเมือง ทำให้เค้ามีความสามารถในการเอาตัวรอดในป่าได้ดีกว่าคนอื่น ๆ วิทยา เด็กหนุ่มผู้รักการกินเป็นชีวิตจิตใจ มีเรี่ยวแรงมหาศาล แต่สมองไม่ค่อยมี และสุดท้าย ตัวเอกในกลุ่มตัวเอกของเรา คืออัชฌา หรือภัทรวรมัน เด็กหนุ่มกำพร้าผู้ไม่ทราบต้นกำเนิดของตัวเอง ถูกเลี้ยงมาโดยหลวงปู่ที่เป็นพระธุดงค์ ถนัดในด้านนั่งสมาธิและสวดมนต์เป็นพิเศษ ซึ่งการเข้าไปผจญภัยครั้งนี้ ทำให้เค้าค้นพบชาติกำเนิดของตัวเอง และเค้าต้องตัดสินใจว่าจะเลือกทางเดินชีวิตต่อไปอย่างไร

สนุกมาก ๆ ครับ ผมเข้าใจเลยว่าทำไมถึงได้กลายเป็นหนังสือนอกเวลา มันสนุกจนวางไม่ลงจริง ๆ ตัวละครมากพอสมควรแต่ก็ไม่ยากและซับซ้อนจนไม่สามารถจับได้ เค้าโครงเรื่องก็เป็นอะไรที่น่าสนใจและหักมุมดีเหมือนกันครับ ภาษาที่ใช้ก็เป็นภาษาที่ค่อนข้างสละสลวยงดงาม เป็นภาษาแบบล้านนา บางคำผมอ่านไม่รู้เรื่องก็ต้องเดินไปถามแม่ครับ แต่รวม ๆ แล้วผมรักหนังสือเล่มนี้มากที่สุดเลยครับ

นอกจากจะเน้นไปที่ประวัติศาสตร์แล้ว หนังสือยังเน้นไปด้วยพุทธศาสนา ที่แฝงไปด้วยข้อคิดต่าง ๆ และบทสวดชินบัญชรที่เป็นเหมือนจุดเด่นของเรื่อง ทำให้ผมประทับใจตรงนี้มากขึ้นไปอีก นาน ๆ จะเห็นหนังสือแบบนี้ครับ

สรุปว่า อยากให้ทุกคนมีเก็บสะสมมาก ๆ เลยครับ ถือเป็นหนังสือหายากเล่มหนึ่งเลย จริง ๆ ตอนดูละครผมก็ชอบละครนะ แต่พอมาอ่านหนังสือแล้ว สรุปว่าชอบคนละแบบครับ ในละครจะเน้นเรื่องความรักระหว่างหนุ่มสาวของตัวละครมากไปหน่อย มีการแปลงบทประพันธ์พอสมควร แต่ในหนังสือจะเน้นไปที่มิตรภาพความรักระหว่างเพื่อนครับ
นวนิยายชุด ลูกไม้ของพ่อ : หัวใจใกล้รุ่ง (อัสย่าห์)
5
หัวใจใกล้รุ่ง
โดย: Takeshi วันที่เขียนรีวิว: 13 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ผู้เขียน อิสย่าห์
สำนักพิมพ์ พิมพ์คำ
จำนวนหน้าหนังสือ 408 หน้า

ในละครเป็นตอนที่ผมชอบมาก ๆ อีกตอนหนึ่ง แต่ไม่รู้ทำไมกว่าจะหยิบหนังสือมาอ่านได้ถึงได้ใช้เวลานานนัก ซึ่งในเรื่องนี้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในเรื่องของเพลงพระราชนิพนธ์ครับ

โดยเพลงพระราชนิพนธ์จะดำเนินผ่านโดยพระนาง ใกล้รุ่ง และ สิงขร ที่ทั้งสองเป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ แต่ดูเหมือนจะมีเพียงใกล้รุ่งที่คิดไปเองอยู่ฝ่ายเดียว และการเล่นเกมกันไปเล่นเกมกันมาของคนทั้งคู่ ทำให้ความรักที่ดูเหมือนจะอยู่ไม่ไกลนัก ไกลออกไปจนเกือบจะกลายเป็นแค่เส้นขนานเลยทีเดียว นางเอกก็เป็นพวกปากแข็ง พระเอกก็เป็นพวกอีโก้จนเกินไป ลุ้นเหนื่อยเหมือนกันครับว่าจะลงเอยกันได้อย่างไร

ครอบครัวนางเอกจะค่อนข้างมีปัญหาพอสมควรครับ โดยเฉพาะในส่วนของน้องชาย นายแสงแรก ที่คิดแบบวัยรุ่นว่าแม่บังคับอยู่ในกรอบและกฎเกณฑ์ กว่าจะปรับความเข้าใจกันได้ก็เกือบ ๆ ท้าย ๆ เล่ม ซึ่งตรงนี้ก็ซาบซึ้งมาก จุดนี้เรียกความประทับใจของหนังสือได้เยอะขึ้นอีกครับ

ในส่วนของเพลงพระราชนิพนธ์ ผมชอบตรงนี้มากที่สุดแล้วในหนังสือ เพราะจะมีแทรกตลอดในไทม์ไลน์ชีวิตของพระเอกและนางเอก ซึ่งผมเองก็ชื่นชมคนแต่งที่นำมาใส่ได้สอดคล้องกับเนื้อเรื่องมาก ๆ ครับ แรก ๆ อ่านก็ยังรู้สึกเนือย ๆ แต่หลัง ๆ เมื่อความรู้สึกต่าง ๆ ที่อ่านมาแต่ตอนแรก ๆ มันเริ่มกลับมารีเพลย์อีกครั้งหนึ่ง มันจึงเป็นความประทับใจและซาบซึ้ง อบอุ่นจนจบเล่มครับ คือต้องชมคนเขียนที่ค่อย ๆ ดึงความประทับใจมาตั้งแต่แรก ๆ ให้รู้สึกได้ในท้าย ๆ เรื่อง ตรงนี้ผมให้คะแนนเต็มครับ หายากเหมือนกันที่ผู้เขียนหนังสือจะเขียนลักษณะนี้

นอกจากเพลงพระราชนิพนธ์แล้ว ยังมีเพิ่มอีกนิดคือ พระเอกของเรื่อง นายสิงขร เป็นนักบินของสำนักการบินพิทักษ์ป่า (ผมจำชื่อไม่ได้ครับ) มาแนว ๆ เดียวกันกับนายทิว จากในม่านเมฆ แต่เท่ ๆ คนละแบบครับ เสียดายที่ตรงนี้มีรายละเอียดน้อยมาก คือแค่บอกอาชีพของพระเอกเท่านั้นเอง ถ้าเพิ่มตรงนี้อีกนิดจะดีกว่ามากครับ จะได้รู้ว่าหน่วยงานนี้ทำอะไรบ้าง และทำอย่างไร

ถ้าเทียบกันกับละคร ผมว่าหนังสือน่าจะดีกว่านะ ในหนังสือจะออกแนวเรียบ ๆ แต่มีเซอร์ไพรส์พระเอกในเรื่องของรอยสัก แต่ในส่วนของละคร มีการปรับบทไปเยอะ เพลงพระราชนิพนธ์ก็ค่อนข้างน้อย จะเน้นไปที่เรื่องราวของพระเอกและนางเอกที่แง่งอนกันไปมามากกว่า เพราะฉะนั้นผมให้เนื้อหาในหนังสือชนะไปครับ เพราะอ่านหนังสือแล้ว ไม่นึกอยากดูละครอีกเลย ก็สรุปว่า สนุกสมใจอยากผมนั่นแหละครับ
นวนิยายชุด ลูกไม้ของพ่อ : ใต้ร่มใบภักดิ์ (ชมจันทร์)
4
ใต้ร่มใบภักดิ์
โดย: Takeshi วันที่เขียนรีวิว: 10 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ผู้เขียน ชมจันท์
สำนักพิมพ์ พิมพ์คำ
จำนวนหน้าหนังสือ 464 หน้า

เป็นเล่มแรกในหนังสือชุด "ลูกไม้ของพ่อ" เลยครับ สำหรับเล่มนี้ "ใต้ร่มใบภักดิ์" ด้วยความที่หนังสือไม่ได้ใช้ตัวละครต่อเนื่องกัน เลยทำให้ผมหยิบเล่มนู้นที เล่มนี้ทีมาอ่าน ไม่ได้เรียงไปตามลำดับหนังสือครับ

เรื่องนี้เป็นพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรื่อง "ไบโอดีเซล" ก็อยากจะบอกว่า หนังสือเล่มนี้ ให้ความรู้ในเรื่องไบโอดีเซลไว้ค่อนข้างดีเลยครับ โดยผ่านตัวละคร "ลัลนา" หรือนางเอกของเรื่องเป็นหลัก จากเรื่องที่เข้าใจยาก กลายเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ง่ายทีเดียว (ปกติผมก็ไม่รู้นะครับว่าไบโอดีเซลคืออะไร รู้แต่ว่าเป็นน้ำมันแค่นั้นเอง)

แต่เรื่องราวที่ใช้ในการเดินเรื่อง ไบโอดีเซลนี้ เป็นเรื่องราวของ จิรเมธ ที่สงสัยว่าทำไมพ่อของตนต้องโอนเงินไปให้คนอื่นทุก ๆ เดือนตลอด 3 ปี และคิดไปต่าง ๆ นานาว่า พ่อมีเมียน้อย หรือมีลูกกับเมียน้อย และด้วยความใจแคบของตัวเค้าที่ไม่รู้จักคำว่า "ให้" ทำให้เค้าตัดสินใจจะไปทวงเงินก้อนนี้คืน ต่อมาไม่นานเค้าก็รู้ว่าเงินก้อนนี้ถูกนำไปทำอะไร จึงทำให้เค้าจับพลัดจับพลูไปตกปากรับคำพ่อให้ช่วยไปพัฒนาโครงการหมู่บ้าน เพื่อให้ชาวบ้านมีเงินมาใช้หนี้คืน ซึ่งพระเอกก็ไปด้วยแนวความคิดที่ขวางโลกเหมือนเดิม คืออยากได้เงินก้อนนี้คืน

จากนั้นก็ไม่ค่อยมีอะไรครับ พระเอกไปพบนางเอก ก็ทะเลาะกันไปตามประสาความคิดของผู้ดีมีเงินที่ไม่รู้จักคำว่าให้ แต่หลังจากที่ต้องทำงานด้วยกัน อยู่ใกล้ชิดกัน จึงแปรเปลี่ยนเป็นความประทับใจและรู้สึกรักลัลนาเข้าโดยไม่รู้ตัว ด้านลัลนาเองก็รู้สึกว่า จิรเมธ ไม่ใช่ผู้ชายประเภทเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อตามที่ตัวเองคิดแต่แรก ความเห็นแก่ตัวเปลี่ยนเป็นความเสียสละ จิรเมธรู้จักคำว่าให้ที่มีค่ามากกว่าเงินทอง ทุกอย่างเหมือนจะดำเนินไปได้ดี และคล้าย ๆ นิยายไทยทุกเรื่อง ซึ่งจุดไคล์แมกซ์หลัก ๆ ก็ไม่ใช่การที่มีตัวอิจฉามาด่านางเอก หรือตบตีนางเอก แต่อยู่ที่แม่ของพระเอก ที่ขัดขวางความรักทุกวิถีทางตามแบบฉบับแม่ยายผู้ดี แต่สุดท้าย เรื่องราวทั้งหมดก็จบลงได้แบบแฮปปี้เอ็นดิ้งในที่สุดครับ

ก็อย่างที่บอก คือเนื้อหาสาระมันอยู่ที่ ไบโอดีเซลครับ หนังสือจะเน้นที่ไบโอดีเซลค่อนข้างมาก เลยทำให้เรื่องนี้ดูเหมือนเป็นนิยายกึ่งสารคดี สำนวนที่ผู้เขียนใช้ทำออกมาไม่ค่อยดีนัก อ่านแล้วรู้สึกสะดุดหลายจุด แต่ความที่ให้ข้อมูลเรื่องไบโอดีเซลออกมาได้ดี เลยกลบ ๆ กันไปได้ครับ และทำให้ผมอดชื่นชมไม่ได้ อยากให้ประเทศไทยมีไบโอดีเซลใช้กันเยอะ ๆ นอกจากจะไม่ต้องซื้อแพงแล้ว ยังช่วยลดมลภาวะให้กับโลกด้วย

ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
www.batorastore.com © 2024