Customer Reviews
โดย: สกาวรัตน์ วันที่เขียนรีวิว: 30 สิงหาคม พ.ศ. 2556
หนังสือนิยายเรื่อง เจ้าสาวรับจ้าง บทประพันธ์จากปลายปากกาของ วินุตตา ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ Sugar Beat ในเครือสถาพรบุ๊คส์
เป็นหนังสือนิยายที่นำเสนอเรื่องราวของหม่อมราชวงศ์กันตพัทธ์ เทวาฤทธิ์ หรือท่านชายกันตพัทธ์ ชายใหญ่แห่งวังที่สูงส่ง ผู้มีความคิดแผลงๆ ด้วยการคว้าสาวสวยที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่าง นีวา ให้กลายมาเป็นภรรยารับจ้าง เพียงเพื่อต้องการต่อต้านหม่อมแม่ของตนที่เพียรพยายามจะคลุมถุงชนกับสาวสูงศักดิ์คนหนึ่ง
ด้วยความเชื่อมั่นว่าสายเลือดสูงส่งต้องคู่ควรกับสายเลือดที่ไม่ด้อยไปกว่ากัน ทำให้หม่อมรดาจัดหาเมียให้ลูกชายโดยไม่ได้ถามสักคำว่ายินดียินร้ายกับการบังคับครั้งนี้หรือไม่
เป็นเวลาประจวบเหมาะกับที่ นีวา เด็กสาวต่ำต้อยที่จำเป็นต้องใช้เงินอย่างเร่งด่วน จำต้องเข้ามารับงานในครั้งนี้ แม้จะรันทดอดสูกับการขายศักดิ์ศรี หรือแม้กระทั่งขายลูกของตัวเองเธอก็ต้องยอมเมื่อในสัญญาของท่านชายกันตพัทธ์ระบุชัดเจนว่า เมื่อใดที่เธอท้องทายาทของเทวาฤทธิ์และคลอดแล้วให้ถือว่าหมดภาระหน้าที่แห่งสัญญานี้ทันที
แม้อุปสรรคมากมาย แต่เพื่อสัญญาที่ตกลงกันเอาไว้จะต้องสำเร็จให้จงได้ สองหนุ่มสาวต่างศักดินาจึงจับมือกันต่อสู้กระทั่งทายาทตัวน้อยก่อกำเนิด แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป สายใยบางอย่างย่อมก่อเกิด หากแต่นีวาช่างยึดมั่นสัญญานั้นไว้ด้วยชีวิต ยอมจากไปทั้งที่หัวใจแทบสลายเพราะสายเลือดที่เธอไม่อาจมีศักดิ์และสิทธิ์ใดๆ ได้
และครั้งนี้นี่เองที่หม่อมราชวงศ์กันตพัทธ์ ได้รู้ซึ้งว่า หัวใจของตนเองเรียกร้องคิดถึงแต่แม่ของลูกมากมายเพียงใด เขาจึงต้องตามหัวใจตนเองกลับมา
เป็นหนังสือนิยายที่แอบคิดว่าพล็อตเรื่องคงเหมือนเดิมๆ ในตลาด และชื่อเรื่องก็บ่งบอกแล้วว่าไม่ได้ต่างอะไรจากที่คิดนัก หากแต่เรื่องนี้กลับไม่ใช่เรื่องราวของสามัญชนธรรมดา แต่เป็นถึงหม่อมราชวงศ์ผู้สูงศักดิ์ ภาษาที่ใช้ในบางช่วงบางตอนจึงเป็นศัพท์สำนวนของคนในวัง ได้กลิ่นอายของพระราชวังไม่น้อยทีเดียวค่ะ
ชื่อพระเอกและนางเอก ค่อนข้างจำยากสักนิด แต่พออ่านไปเพลินๆ กลับชินและสนิทกับตัวละครมากขึ้น จากที่คิดว่าอะไรเดิมๆ กลับได้อะไรใหม่ๆ เข้ามาไม่น้อย รวมถึงข้อคิดที่ได้เรียนรู้จากตัวละครและเนื้อเรื่องว่า แม้คนเราจะรวยหรือจน ศักดินาสูงต่ำต่างกันเพียงไหน แต่สิ่งหนึ่งที่คนเราทั้งหลายเหมือนกันได้ก็คือ ศักดิ์ศรีที่วัดระดับหัวใจและความเป็นคนนั่นเอง
เจ้าสาวรับจ้าง เป็นหนังสือนิยายอีกเรื่องที่ผู้อ่านคิดว่าน่าจะเหมาะสำหรับคนที่ชอบศัพท์ชั้นสูงและสำนวนเพราะๆ จะได้หยิบมาอ่าน ซึ่งให้ทั้งเพื่อความบันเทิงและเกร็ดในการมองคน มองโลก และการใช้ชีวิตประจำได้ไม่น้อยทีเดียวค่ะ
เป็นหนังสือนิยายที่นำเสนอเรื่องราวของหม่อมราชวงศ์กันตพัทธ์ เทวาฤทธิ์ หรือท่านชายกันตพัทธ์ ชายใหญ่แห่งวังที่สูงส่ง ผู้มีความคิดแผลงๆ ด้วยการคว้าสาวสวยที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่าง นีวา ให้กลายมาเป็นภรรยารับจ้าง เพียงเพื่อต้องการต่อต้านหม่อมแม่ของตนที่เพียรพยายามจะคลุมถุงชนกับสาวสูงศักดิ์คนหนึ่ง
ด้วยความเชื่อมั่นว่าสายเลือดสูงส่งต้องคู่ควรกับสายเลือดที่ไม่ด้อยไปกว่ากัน ทำให้หม่อมรดาจัดหาเมียให้ลูกชายโดยไม่ได้ถามสักคำว่ายินดียินร้ายกับการบังคับครั้งนี้หรือไม่
เป็นเวลาประจวบเหมาะกับที่ นีวา เด็กสาวต่ำต้อยที่จำเป็นต้องใช้เงินอย่างเร่งด่วน จำต้องเข้ามารับงานในครั้งนี้ แม้จะรันทดอดสูกับการขายศักดิ์ศรี หรือแม้กระทั่งขายลูกของตัวเองเธอก็ต้องยอมเมื่อในสัญญาของท่านชายกันตพัทธ์ระบุชัดเจนว่า เมื่อใดที่เธอท้องทายาทของเทวาฤทธิ์และคลอดแล้วให้ถือว่าหมดภาระหน้าที่แห่งสัญญานี้ทันที
แม้อุปสรรคมากมาย แต่เพื่อสัญญาที่ตกลงกันเอาไว้จะต้องสำเร็จให้จงได้ สองหนุ่มสาวต่างศักดินาจึงจับมือกันต่อสู้กระทั่งทายาทตัวน้อยก่อกำเนิด แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป สายใยบางอย่างย่อมก่อเกิด หากแต่นีวาช่างยึดมั่นสัญญานั้นไว้ด้วยชีวิต ยอมจากไปทั้งที่หัวใจแทบสลายเพราะสายเลือดที่เธอไม่อาจมีศักดิ์และสิทธิ์ใดๆ ได้
และครั้งนี้นี่เองที่หม่อมราชวงศ์กันตพัทธ์ ได้รู้ซึ้งว่า หัวใจของตนเองเรียกร้องคิดถึงแต่แม่ของลูกมากมายเพียงใด เขาจึงต้องตามหัวใจตนเองกลับมา
เป็นหนังสือนิยายที่แอบคิดว่าพล็อตเรื่องคงเหมือนเดิมๆ ในตลาด และชื่อเรื่องก็บ่งบอกแล้วว่าไม่ได้ต่างอะไรจากที่คิดนัก หากแต่เรื่องนี้กลับไม่ใช่เรื่องราวของสามัญชนธรรมดา แต่เป็นถึงหม่อมราชวงศ์ผู้สูงศักดิ์ ภาษาที่ใช้ในบางช่วงบางตอนจึงเป็นศัพท์สำนวนของคนในวัง ได้กลิ่นอายของพระราชวังไม่น้อยทีเดียวค่ะ
ชื่อพระเอกและนางเอก ค่อนข้างจำยากสักนิด แต่พออ่านไปเพลินๆ กลับชินและสนิทกับตัวละครมากขึ้น จากที่คิดว่าอะไรเดิมๆ กลับได้อะไรใหม่ๆ เข้ามาไม่น้อย รวมถึงข้อคิดที่ได้เรียนรู้จากตัวละครและเนื้อเรื่องว่า แม้คนเราจะรวยหรือจน ศักดินาสูงต่ำต่างกันเพียงไหน แต่สิ่งหนึ่งที่คนเราทั้งหลายเหมือนกันได้ก็คือ ศักดิ์ศรีที่วัดระดับหัวใจและความเป็นคนนั่นเอง
เจ้าสาวรับจ้าง เป็นหนังสือนิยายอีกเรื่องที่ผู้อ่านคิดว่าน่าจะเหมาะสำหรับคนที่ชอบศัพท์ชั้นสูงและสำนวนเพราะๆ จะได้หยิบมาอ่าน ซึ่งให้ทั้งเพื่อความบันเทิงและเกร็ดในการมองคน มองโลก และการใช้ชีวิตประจำได้ไม่น้อยทีเดียวค่ะ
โดย: สกาวรัตน์ วันที่เขียนรีวิว: 30 สิงหาคม พ.ศ. 2556
บันทึกแห่งรัก หรือหนังสือนิยายที่มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า The Book of Love เป็นบทประพันธ์จากปลายปากกาของนักเขียนมากฝีมือว่า คณิตยา ที่ได้รับให้ประดับเป็นดาวดวงใหม่อีกหนึ่งเล่มในโครงการ New Star “นักเขียนดาวดวงใหม่” ของสำนักพิมพ์ พิมพ์คำ
บันทึกแหงรักเป็นนิยายที่เสมือนไดอารี่เล่มสำคัญของหัวใจสำหรับความรัก เป็นเรื่องราวของเด็กสาวที่ชื่อว่า นวินดา สาวน้อยที่ยังอยู่ในช่วงวัยรุ่นได้ไม่นานพอก็ต้องเปลี่ยนวิถีตนเองไปใช้ชีวิตคู่เมื่อเธอเกิดไปเข้าตาต้องใจ กุสตาโบ เนียโต โรอา เจ้าของบริษัทและสิ่งพิมพ์ที่มีเครือข่ายมากมายทั่วลาตินอเมริกาและในอเมริกา ด้วยเหตุที่นวินดาและเพื่อนท้าแข่งกันเต้นอะโกโกเพื่อล่าทิปแข่งกัน และความรู้สึกปรารถนาที่เกินจะหยุดยั้งได้ทำให้กุสตาโบ ตั้งใจแน่วแน่ว่าต้องได้ตัวเธอมาครองในคืนนั้นให้ได้
รสสัมผัสแสนหวานเจือความเร่าร้อนแปลกใหม่ทำให้นวินดาตัดสินใจตามความรู้สึกที่บอกว่ารักชายหนุ่ม ตามเขากลับไปอยู่ที่ประเทศของเขาด้วยวัยเพียง 18 ปีเท่านั้น กุสตาโบเองทั้งที่ไม่แน่ใจและไม่รู้ใจตัวเองก็ตัดสินใจเลือกนวินดาให้เป็นเจ้าสาวของตน ทั้งที่ผู้เป็นพ่อค้านหัวชนฝา และด้วยฤทธิ์ที่อยากต่อต้านการคลุมถุงชนที่บิดาจัดไว้ให้นวินดาจึงกลายเป็นสะใภ้ของครอบครัวที่เหมือนไม่อยากต้อนรับเธอเอาเสียเลย
การเดินทางมาอยู่ด้วยกัน ใช้ชีวิตในครอบครัวต่างแดนทำให้นวินดาเหงาไม่น้อยทีเดียว แต่เพราะความรักที่มีให้ต่อสามีต่างเผ่าพันธุ์คนนี้ทำให้นวินดายอมสู้ทนต่ออุปสรรคทั้งหลาย ไม่ว่าจะเกิดจากก้นบึ้งความรู้สึกหรือจากคนรอบข้างก็ตาม แต่ในที่สุดเมื่อถึงเวลาหนึ่ง ความอดทนก็ขาดสะบั้นเมื่อกุสตาโบทำงานเป็นบ้าเป็นหลัง และนวินดาแท้งลูกแฝดไปอย่างน่าสงสาร
งานเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งนักสำหรับผู้ชายอย่างกุสตาโบ หากให้เลือกระหว่างเมียและงาน นวินดาตอบแทนได้ทันทีว่าสามีเธอคงเลือกงานเป็นอย่างแรก...ความอัดอั้นตันใจ ความน้อยเนื้อต่ำใจ ความรู้สึกมากมายถ่าโถมจนเด็กสาวเกินจะรับและทนได้อีกต่อไป นวินดาตัดสินใจหนีกลับเมืองไทยเพราะคิดว่าความรักที่มีให้กุสตาโบไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการอีกแล้ว
การจากไปของนวินดาทำให้กุสตาโบได้คิดทบทวน ได้เรียนรู้ว่านวินดาสำคัญต่อหัวใจเขามากเพียงใด กุสตาโบได้อ่านไดอารี่ที่นวินดาเขียนและเขาตอบกลับทุกคำที่นวินดาได้เขียนเอาไว้ ได้เข้าใจความรู้สึกที่นวินดาต้องพบเจอ ชายหนุ่มตัดสินใจกลับไปตามหาหัวใจตนเอง แต่ก็ไม่ง่ายเลยเมื่อรอยร้าวที่ฝังลึกเป็นเสมือนบาดแผลที่ยากจะเยียวยาให้หายได้อีกแล้ว กุสตาโบจึงต้องใช้กลวิธีมากมาย ใช้ทุกความรู้สึกเพื่อดึงครอบครัวของตนให้กลับคืนมาให้ได้
ขอบอกว่าหนังสือเล่มนี้ภาษาสวยมาก...หนังสือเล่มนี้ถ่ายทอดเรื่องราวความรักและการใช้ชีวิตคู่ที่น่าสนใจมากค่ะ ไม่ใช่อะไรที่หวือหวาตื่นตาตื่นใจ แต่เป็นเรื่องราวการสร้างครอบครัวที่น่าศึกษาเพื่อใช้เป็นตัวอย่างในการดำเนินชีวิต ดีก็นำไปใช้เป็นแบบอย่าง ไม่ดีก็นำไปคอยบอกคอยย้ำตัวเองว่าแบบนี้ไม่ควรทำห้ามนำปฏิบัติ เป็นหนังสือที่ทำให้ความคิดที่เคยเลือนรางไปกระจ่างชัดขึ้นมาได้อีกครั้ง “ความรักก่อเกิดจากคนสองคน แต่เมื่อมีคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง ความรักก็อาจพังทลายได้หากใจของคนทั้งสองไม่มั่นคงในรักนั้นเพียงพอ” อยากให้คนที่มีความรักและคนที่คิดสร้างครอบครัวทุกคนได้อ่านหนังสือเล่มนี้ค่ะ
บันทึกแหงรักเป็นนิยายที่เสมือนไดอารี่เล่มสำคัญของหัวใจสำหรับความรัก เป็นเรื่องราวของเด็กสาวที่ชื่อว่า นวินดา สาวน้อยที่ยังอยู่ในช่วงวัยรุ่นได้ไม่นานพอก็ต้องเปลี่ยนวิถีตนเองไปใช้ชีวิตคู่เมื่อเธอเกิดไปเข้าตาต้องใจ กุสตาโบ เนียโต โรอา เจ้าของบริษัทและสิ่งพิมพ์ที่มีเครือข่ายมากมายทั่วลาตินอเมริกาและในอเมริกา ด้วยเหตุที่นวินดาและเพื่อนท้าแข่งกันเต้นอะโกโกเพื่อล่าทิปแข่งกัน และความรู้สึกปรารถนาที่เกินจะหยุดยั้งได้ทำให้กุสตาโบ ตั้งใจแน่วแน่ว่าต้องได้ตัวเธอมาครองในคืนนั้นให้ได้
รสสัมผัสแสนหวานเจือความเร่าร้อนแปลกใหม่ทำให้นวินดาตัดสินใจตามความรู้สึกที่บอกว่ารักชายหนุ่ม ตามเขากลับไปอยู่ที่ประเทศของเขาด้วยวัยเพียง 18 ปีเท่านั้น กุสตาโบเองทั้งที่ไม่แน่ใจและไม่รู้ใจตัวเองก็ตัดสินใจเลือกนวินดาให้เป็นเจ้าสาวของตน ทั้งที่ผู้เป็นพ่อค้านหัวชนฝา และด้วยฤทธิ์ที่อยากต่อต้านการคลุมถุงชนที่บิดาจัดไว้ให้นวินดาจึงกลายเป็นสะใภ้ของครอบครัวที่เหมือนไม่อยากต้อนรับเธอเอาเสียเลย
การเดินทางมาอยู่ด้วยกัน ใช้ชีวิตในครอบครัวต่างแดนทำให้นวินดาเหงาไม่น้อยทีเดียว แต่เพราะความรักที่มีให้ต่อสามีต่างเผ่าพันธุ์คนนี้ทำให้นวินดายอมสู้ทนต่ออุปสรรคทั้งหลาย ไม่ว่าจะเกิดจากก้นบึ้งความรู้สึกหรือจากคนรอบข้างก็ตาม แต่ในที่สุดเมื่อถึงเวลาหนึ่ง ความอดทนก็ขาดสะบั้นเมื่อกุสตาโบทำงานเป็นบ้าเป็นหลัง และนวินดาแท้งลูกแฝดไปอย่างน่าสงสาร
งานเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งนักสำหรับผู้ชายอย่างกุสตาโบ หากให้เลือกระหว่างเมียและงาน นวินดาตอบแทนได้ทันทีว่าสามีเธอคงเลือกงานเป็นอย่างแรก...ความอัดอั้นตันใจ ความน้อยเนื้อต่ำใจ ความรู้สึกมากมายถ่าโถมจนเด็กสาวเกินจะรับและทนได้อีกต่อไป นวินดาตัดสินใจหนีกลับเมืองไทยเพราะคิดว่าความรักที่มีให้กุสตาโบไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการอีกแล้ว
การจากไปของนวินดาทำให้กุสตาโบได้คิดทบทวน ได้เรียนรู้ว่านวินดาสำคัญต่อหัวใจเขามากเพียงใด กุสตาโบได้อ่านไดอารี่ที่นวินดาเขียนและเขาตอบกลับทุกคำที่นวินดาได้เขียนเอาไว้ ได้เข้าใจความรู้สึกที่นวินดาต้องพบเจอ ชายหนุ่มตัดสินใจกลับไปตามหาหัวใจตนเอง แต่ก็ไม่ง่ายเลยเมื่อรอยร้าวที่ฝังลึกเป็นเสมือนบาดแผลที่ยากจะเยียวยาให้หายได้อีกแล้ว กุสตาโบจึงต้องใช้กลวิธีมากมาย ใช้ทุกความรู้สึกเพื่อดึงครอบครัวของตนให้กลับคืนมาให้ได้
ขอบอกว่าหนังสือเล่มนี้ภาษาสวยมาก...หนังสือเล่มนี้ถ่ายทอดเรื่องราวความรักและการใช้ชีวิตคู่ที่น่าสนใจมากค่ะ ไม่ใช่อะไรที่หวือหวาตื่นตาตื่นใจ แต่เป็นเรื่องราวการสร้างครอบครัวที่น่าศึกษาเพื่อใช้เป็นตัวอย่างในการดำเนินชีวิต ดีก็นำไปใช้เป็นแบบอย่าง ไม่ดีก็นำไปคอยบอกคอยย้ำตัวเองว่าแบบนี้ไม่ควรทำห้ามนำปฏิบัติ เป็นหนังสือที่ทำให้ความคิดที่เคยเลือนรางไปกระจ่างชัดขึ้นมาได้อีกครั้ง “ความรักก่อเกิดจากคนสองคน แต่เมื่อมีคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง ความรักก็อาจพังทลายได้หากใจของคนทั้งสองไม่มั่นคงในรักนั้นเพียงพอ” อยากให้คนที่มีความรักและคนที่คิดสร้างครอบครัวทุกคนได้อ่านหนังสือเล่มนี้ค่ะ
โดย: สกาวรัตน์ วันที่เขียนรีวิว: 29 สิงหาคม พ.ศ. 2556
หนังสือเล่มนี้เป็นเสมือนหนังสืออัตชีวประวัติของนักธุรกิจคนหนึ่งของเมืองไทยก็ว่าได้ จากชื่อ “เถ้าแก่น้อย” คงไม่มีใครไม่รู้จัก หรือหากจะบอกว่ารู้จักกันในวงกว้างมากก็คงไม่ผิดนัก เพราะเรื่องราวของหนุ่มเจ้าของธุรกิจในเล่มนี้ถูกหยิบยกไปสร้างเป็นภาพยนตร์มาแล้ว
หนังสือ “เถ้าแก่น้อย ต๊อบ Story” เล่มนี้ได้เรื่องถึงเรื่องราวการต่อสู้ในเชิงธุรกิจของคุณต๊อบตั้งแต่สมัยเด็ก ได้เงินในการทำธุรกิจที่เรียกว่าไม่น่าจะเป็นธุรกิจได้เลยในสายตาผู้ใหญ่หลายๆ คน นั่นคือการเล่นเกมส์ และธุรกิจที่ไม่น่าจะเป็นเรื่องเป็นราวนี้ก็ทำเงินให้คุณต๊อบได้ในหลักแสนอย่างไม่น่าเชื่อ ด้วยกลวิธีและช่องทางที่คุณต๊อบมองเห็นและก้าวเข้าไปคว้า พร้อมกับลงมือทำให้มันสำเร็จ ซึ่งแค่นี้ก็น่าทึ่งมากแล้วสำหรับช่วงอายุในวัยที่ถือว่ายังเป็นวัยรุ่นวัยเรียน
ต่อมาได้คิดขายเครื่องเกมส์จากจีนแต่อุปกรณ์ที่จำหน่ายไม่ได้คุณภาพเอาซะเลย ฟี๊ดแบ็คไม่ดีถึงกระทั่งต้องล้มเลิกกิจการนี้ไป แต่นักธุรกิจที่มีเลือดนักสู้อยู่เต็มตัวเต็มหัวใจอย่างชายคนนี้กลับไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เด็กหนุ่มที่ไม่น่าเชื่อว่าจะกล้าท้าสู้กับความน่ากลัวในสมรภูมิการค้า ตัดสินใจคว้าเอากำไรมาจากการธุรกิจการขายเกาลัดได้อย่างไม่น่าเชื่อ ทำเงินให้ได้ในหลักล้านและต่อยอดไปสู่การทำธุรกิจสาหร่ายแสนอร่อยในนาม “เถ้าแก่น้อย”
ในหนังสือเล่มนี้นอกจากเรื่องราวที่ได้รับรู้ถึงการต่อสู้ชีวิตแล้ว ผู้อ่านจะได้ซึมซับถึงความกล้าได้กล้าเสียกล้าเสี่ยง ซึ่งเป็นหัวใจหลักของผู้ที่จะสามารถผันตัวเองมาเป็นนักธุรกิจได้ แต่ถึงกระนั้นความกล้าบ้าบิ่นนี้ก็ใช่ว่าจะพอเพียง เพราะในเส้นทางสายนี้มีทั้งชั้นเชิง แนวคิดที่หลายคนเรียกว่าการคิดเชิงวิเคราะห์หรืออะไรก็แล้วแต่ รวมถึงการสร้างกำลังใจให้ตนเองด้วยการคิดบวก ซึ่งในวัยคุณต๊อบตอนเริ่มต้นธุรกิจต่างๆ นั้นอยู่ในวัยที่ก้าวล้ำกว่าคนอื่นมากๆ เช่น เด็กในวัยเดียวกันยังสวมชุดนักเรียน ไปโรงเรียน เตะฟุตบอล เล่นกับเพื่อน จีบสาว กลับบ้านอ่านหนังสือเล่นเกมส์ แต่...ไม่สามารถสร้างเงินได้ ในขณะที่วัยเดียวกันอย่างคุณต๊อบ กลับสามารถสร้างกิจกรรมอิสระยามว่างให้กลายเป็นเงินได้
หากกลับไปถามคนสมัยนั้น ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่เชื่อว่าคงมีหลายคนไม่เชื่อและไม่อยากจะเชื่อแน่นอน แต่ตอนนี้คุณต๊อบได้พิสูจน์ให้โลกได้เห็นแล้วว่า อายุไม่สำคัญ เราสามารถหาประสบการณ์และสู้พร้อมกับหัวใจที่พร้อมเติมพลังให้ตนเองอยู่เสมอ ความสำเร็จในการสร้างสิ่งที่ตั้งหวังไม่อยู่ไกลมือแน่นอน
อ่านหนังสือแล้วได้กำลังใจในการต่อสู้มากๆ ค่ะ อาจจะแปลกเมื่อผู้หญิงที่ไม่สนใจเรื่องธุรกิจจะหยิบเล่มนี้มาอ่าน แต่เพราะเห็นอะไรที่นอกเหนือจากธุรกิจ ซึ่งนั่นก็คือกำลังใจในการต่อสู้ แนวคิดที่บอกว่าชีวิตต้องไม่หยุดก้าว และความคิดเชิงบวกที่แม้ว่าจะล้มสักกี่ครั้งก็ต้องลุกขึ้นมาให้ได้ หนังสือเล่มนี้แฝงอะไรเอาไว้มากมายและเป็นหนังสือชีวประวัติที่ผู้อ่านกล้าจะนำมาปรับใช้กับชีวิตประจำวันของตัวเองนี่ล่ะค่ะ จึงตัดสินใจคว้ามาอ่านจนได้
หนังสือ “เถ้าแก่น้อย ต๊อบ Story” เล่มนี้ได้เรื่องถึงเรื่องราวการต่อสู้ในเชิงธุรกิจของคุณต๊อบตั้งแต่สมัยเด็ก ได้เงินในการทำธุรกิจที่เรียกว่าไม่น่าจะเป็นธุรกิจได้เลยในสายตาผู้ใหญ่หลายๆ คน นั่นคือการเล่นเกมส์ และธุรกิจที่ไม่น่าจะเป็นเรื่องเป็นราวนี้ก็ทำเงินให้คุณต๊อบได้ในหลักแสนอย่างไม่น่าเชื่อ ด้วยกลวิธีและช่องทางที่คุณต๊อบมองเห็นและก้าวเข้าไปคว้า พร้อมกับลงมือทำให้มันสำเร็จ ซึ่งแค่นี้ก็น่าทึ่งมากแล้วสำหรับช่วงอายุในวัยที่ถือว่ายังเป็นวัยรุ่นวัยเรียน
ต่อมาได้คิดขายเครื่องเกมส์จากจีนแต่อุปกรณ์ที่จำหน่ายไม่ได้คุณภาพเอาซะเลย ฟี๊ดแบ็คไม่ดีถึงกระทั่งต้องล้มเลิกกิจการนี้ไป แต่นักธุรกิจที่มีเลือดนักสู้อยู่เต็มตัวเต็มหัวใจอย่างชายคนนี้กลับไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เด็กหนุ่มที่ไม่น่าเชื่อว่าจะกล้าท้าสู้กับความน่ากลัวในสมรภูมิการค้า ตัดสินใจคว้าเอากำไรมาจากการธุรกิจการขายเกาลัดได้อย่างไม่น่าเชื่อ ทำเงินให้ได้ในหลักล้านและต่อยอดไปสู่การทำธุรกิจสาหร่ายแสนอร่อยในนาม “เถ้าแก่น้อย”
ในหนังสือเล่มนี้นอกจากเรื่องราวที่ได้รับรู้ถึงการต่อสู้ชีวิตแล้ว ผู้อ่านจะได้ซึมซับถึงความกล้าได้กล้าเสียกล้าเสี่ยง ซึ่งเป็นหัวใจหลักของผู้ที่จะสามารถผันตัวเองมาเป็นนักธุรกิจได้ แต่ถึงกระนั้นความกล้าบ้าบิ่นนี้ก็ใช่ว่าจะพอเพียง เพราะในเส้นทางสายนี้มีทั้งชั้นเชิง แนวคิดที่หลายคนเรียกว่าการคิดเชิงวิเคราะห์หรืออะไรก็แล้วแต่ รวมถึงการสร้างกำลังใจให้ตนเองด้วยการคิดบวก ซึ่งในวัยคุณต๊อบตอนเริ่มต้นธุรกิจต่างๆ นั้นอยู่ในวัยที่ก้าวล้ำกว่าคนอื่นมากๆ เช่น เด็กในวัยเดียวกันยังสวมชุดนักเรียน ไปโรงเรียน เตะฟุตบอล เล่นกับเพื่อน จีบสาว กลับบ้านอ่านหนังสือเล่นเกมส์ แต่...ไม่สามารถสร้างเงินได้ ในขณะที่วัยเดียวกันอย่างคุณต๊อบ กลับสามารถสร้างกิจกรรมอิสระยามว่างให้กลายเป็นเงินได้
หากกลับไปถามคนสมัยนั้น ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่เชื่อว่าคงมีหลายคนไม่เชื่อและไม่อยากจะเชื่อแน่นอน แต่ตอนนี้คุณต๊อบได้พิสูจน์ให้โลกได้เห็นแล้วว่า อายุไม่สำคัญ เราสามารถหาประสบการณ์และสู้พร้อมกับหัวใจที่พร้อมเติมพลังให้ตนเองอยู่เสมอ ความสำเร็จในการสร้างสิ่งที่ตั้งหวังไม่อยู่ไกลมือแน่นอน
อ่านหนังสือแล้วได้กำลังใจในการต่อสู้มากๆ ค่ะ อาจจะแปลกเมื่อผู้หญิงที่ไม่สนใจเรื่องธุรกิจจะหยิบเล่มนี้มาอ่าน แต่เพราะเห็นอะไรที่นอกเหนือจากธุรกิจ ซึ่งนั่นก็คือกำลังใจในการต่อสู้ แนวคิดที่บอกว่าชีวิตต้องไม่หยุดก้าว และความคิดเชิงบวกที่แม้ว่าจะล้มสักกี่ครั้งก็ต้องลุกขึ้นมาให้ได้ หนังสือเล่มนี้แฝงอะไรเอาไว้มากมายและเป็นหนังสือชีวประวัติที่ผู้อ่านกล้าจะนำมาปรับใช้กับชีวิตประจำวันของตัวเองนี่ล่ะค่ะ จึงตัดสินใจคว้ามาอ่านจนได้
โดย: สกาวรัตน์ วันที่เขียนรีวิว: 28 สิงหาคม พ.ศ. 2556
บทประพันธ์ชุด Love Beat นี้ เป็นนวนิยายรวม 4 เรื่อง 4 รส จากนักเขียนมากฝีมือรวม 4 ท่านด้วยกัน โดยจะแบ่งเป็นเล่มๆ ดังนี้คือ นิยายเรื่อง เพลงรักสีเพลิง จากปลายปากกาของ เตชิตา ,เรื่อง สเต็ปรักเจ้าสาวฝึกหัด จากปลายปากกาของ ผักบุ้ง ,เรื่อง ทำนองรักสาวเจ้าเสน่ห์ จากปลายปากกาของ บุษบาพาฝัน และเรื่อง จังหวะรักละมุนใจ จากปลายปากกาของ ลิซ ตีพิมพ์กับสนพ. ซูการ์บีท โดยซีรี่ส์ชุดนี้ เป็นนิยายรวมเรื่องราวความรักของสาวสวย 4 คน ที่มีวิถีชีวิตผูกพันกับดนตรีทั้งหมดทั้งสิ้น
1. เรื่อง เพลงรักสีเพลิง โดย เตชิตา เป็นเรื่องราวความรักที่ไม่ค่อยลงรอยกันนักตั้งแต่เริ่มแรกของหญิงสาวช่างฝันที่มีชื่อว่า เกวลี และชายหนุ่มที่ถูกพรากคนรักไปตลอดชีวิตอย่าง ปยุต เหตุของความบาดหมางในครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะฝีมือของนางเอกนั่นเองค่ะ เมื่อเกวลีที่ยังไม่พร้อมด้านวุฒิภาวะขับรถโดยประมาทจนเป็นเหตุทำให้คนรักของพระเอกถูกพรากจากไป และนั่นก็กลายเป็นบาดแผลแห่งบาปของเกวลีไปตลอดชีวิต
ถึงกระนั้น เมื่อเกวลีตกอยู่ในอันตราย ปยุตก็ยังมีแก่ใจช่วยเหลือให้พ้นจากพวกมารสังคม และเหตุนี้เองทำให้ถูกจับพลัดจับผลูกลายไปเป็นบอร์ดี้การ์ดส่วนตัวของเกวลีตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงอย่างเลี่ยงไม่ได้ พระเอกค่อนข้างจะใจร้ายกับนางเอกเมื่อพยายามจะปิดหัวใจตัวเอง ไม่ยอมรับความรู้สึกที่เริ่มก่อตัวขึ้นทีละน้อยๆ และกว่าจะค้นพบว่ารักเกวลีมากแค่ไหน ปยุตก็กลายเป็นคนใจร้ายไปเสียแล้ว กว่าความรักจะเข้าล็อคลงตัวได้ก็มีให้ได้ลุ้นแทบแย่เหมือนกันค่ะ
2. เรื่อง สเต็ปรักเจ้าสาวฝึกหัด โดย ผักบุ้ง หนังสือเล่มนี้จะเป็นเรื่องราวความรักระหว่างดวงดาวสาวสวยที่บังเอิญร่วงผล็อยลงดินอย่าง อังศุมาลิน แคสแซนดรา เสปอร์ลิซ หรือที่รู้จักกันในนามของ แคสซี่ และแมทธิว คอลลินด์ ผู้บริหารระดับสูงของแซนเดอรส์ พลัส ชายหนุ่มที่จะพลิกชะตาชีวิตดาวโรยให้โชติช่วงได้ใหม่อีกครั้ง แต่เหตุใดกันหนอทำให้แคสซี่จำเป็นต้องใช้กลวิธีร้อยแปดพันเก้าทุกอย่างเพื่อหนีให้ห่างจากชีวิตของผู้ชายที่ชื่อว่า แมทธิว
เรื่องนี้น่าสนใจมากค่ะ เป็นเรื่องราวที่ให้ข้อคิดกับชีวิตได้ดีทีเดียวในเรื่องของการมองโลกในแง่ดี การคิดดีคิดบวก และผลของมันย่อมดีต่อจิตใจของตัวเองเสมอ นางเอกนารักค่ะ สุดแสบไม่น้อยเหมือนกัน แต่พระเอกของเราก็จัดการได้ซะอยู่หมัด สนุกแค่ไหนอยากให้ได้ลองหยิบมาอ่านแล้วจะรู้ว่าวางไม่ลงทีเดียวค่ะ
3. เรื่อง ทำนองรักสาวเจ้าเสน่ห์ โดย บุษบาพาฝัน เป็นเรื่องราวของสาวสวยมากเสน่ห์ที่ไม่ชอบต้นกำเนิดของตัวเองเอามากๆ โดยเฉพาะชื่อของตนเอง ‘กันยา’ ที่ต้องมาเจอะเจอเรื่องราวความรักกับผู้ชายที่ไม่ใช่อะไรในอุดมคติแม้แต่น้อยหากแต่เป็นเกษตรอำเภอหนุ่มหล่อขวัญใจสาวๆ ทั้งหลาย
เรื่องราววุ่นวายของกันยา หรือ กียา นักร้องสาวสวยของวง ชูการ์บีท สาวเสียงเหน่อที่ผันตัวเองมาเป็นนักร้องได้สำเร็จและวุ่นวายกับหัวใจที่มีสองหนุ่มมาแจกขนมจีบให้ได้หวั่นไหว ในเรื่องจะมีตัวร้ายที่ไม่ชอบเอาเสียเลยเพราะร้ายถึงขนาดจัดการหาน้ำกรดมาหวังสาดใส่หน้าให้นางเอกของเราต้องเสียชื่อเสียโฉม และในเรื่องนี้จะพูดถึงน่ารักความกตัญญูของผู้เป็นลูกสาวอย่างกันยาที่มีต่อมารดาของตน ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเอาอย่างในสังคมที่ครอบครัวค่อนข้างห่างเหินกันมากขึ้นทุกทีแล้ว อัดแน่นไว้ทั้งความสนุก สดใส น่ารัก น่าลุ้นทั้งแผนรักแผนร้ายที่สาวกันยาต้องพบเจอ ไม่อยากให้พลาดค่ะ
4. เรื่อง จังหวะรักละมุนใจ โดย ลิซ เป็นเรื่องราวของสาวสวยอีกหนึ่งคนกับความหวังความฝันที่อยากจะพิชิตใจเจ้าของค่ายเพลงให้จงได้ นริศรา หรือนิ่ม สาวน้อยสดใสน่ารักหากแต่ร้ายเดียงสาอย่างไม่น่าเชื่อ
เรื่องราวความรักครั้งนี้ไม่ง่ายนักเมื่อ นิ่มหวังจะคว้าหัวใจเจ้าของค่ายเพลงที่เธอหลงรักมาครอบครองให้ได้ โดยที่พระเอกของเราเองก็มีปณิธานตั้งมั่นของตัวเองเช่นกันว่า จะไม่เป็นสมภารกินไก่วัด เด็ดขาด นางเอกผู้น่ารักและน่าสงสารของเราจึงต้องสร้างปฏิบัติการณ์พิชิตใจแต่ทำอย่างไรชายหนุ่มก็ยิ่งถอยห่างออกไปทุกที กว่าทุกอย่างจะลงตัวได้สำเร็จก็เมื่อเกือบสายไปเสียแล้ว
นางเอกของเรากำลังจะถอดใจเพราะคิดว่าพระเอกไม่รักและไม่มีโอกาสจะพัฒนาให้ก่อเกิดกลายเป็นความรักอย่างที่เฝ้าหวัง พระเอกของเราจึงต้องหาทางคว้าคนที่กำลังจะถอดใจคืนกลับมาให้ได้ค่ะ เนื้อเรื่องสนุกมากค่ะ น่ารักและน่าติดตามไม่แพ้สามเรื่องที่ผ่านมาเลยทีเดียว
แอบบอกว่าความจริงแล้ว ซื้อนิยายชุดนี้มาได้เพราะชื่อ บุษบาพาฝัน ที่ติดใจการประพันธ์จากเรื่อง เกมร้ายเกมรัก นั่นเองค่ะ อ่านเรื่องทำนองรักสาวเจ้าเสน่ห์แล้วสนุกไม่แพ้กัน จึงติดตามหาอีกสามเรื่องมาอ่านด้วย สนุกครบรสจริงๆ ไม่ควรพลาดเลยนะคะ
1. เรื่อง เพลงรักสีเพลิง โดย เตชิตา เป็นเรื่องราวความรักที่ไม่ค่อยลงรอยกันนักตั้งแต่เริ่มแรกของหญิงสาวช่างฝันที่มีชื่อว่า เกวลี และชายหนุ่มที่ถูกพรากคนรักไปตลอดชีวิตอย่าง ปยุต เหตุของความบาดหมางในครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะฝีมือของนางเอกนั่นเองค่ะ เมื่อเกวลีที่ยังไม่พร้อมด้านวุฒิภาวะขับรถโดยประมาทจนเป็นเหตุทำให้คนรักของพระเอกถูกพรากจากไป และนั่นก็กลายเป็นบาดแผลแห่งบาปของเกวลีไปตลอดชีวิต
ถึงกระนั้น เมื่อเกวลีตกอยู่ในอันตราย ปยุตก็ยังมีแก่ใจช่วยเหลือให้พ้นจากพวกมารสังคม และเหตุนี้เองทำให้ถูกจับพลัดจับผลูกลายไปเป็นบอร์ดี้การ์ดส่วนตัวของเกวลีตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงอย่างเลี่ยงไม่ได้ พระเอกค่อนข้างจะใจร้ายกับนางเอกเมื่อพยายามจะปิดหัวใจตัวเอง ไม่ยอมรับความรู้สึกที่เริ่มก่อตัวขึ้นทีละน้อยๆ และกว่าจะค้นพบว่ารักเกวลีมากแค่ไหน ปยุตก็กลายเป็นคนใจร้ายไปเสียแล้ว กว่าความรักจะเข้าล็อคลงตัวได้ก็มีให้ได้ลุ้นแทบแย่เหมือนกันค่ะ
2. เรื่อง สเต็ปรักเจ้าสาวฝึกหัด โดย ผักบุ้ง หนังสือเล่มนี้จะเป็นเรื่องราวความรักระหว่างดวงดาวสาวสวยที่บังเอิญร่วงผล็อยลงดินอย่าง อังศุมาลิน แคสแซนดรา เสปอร์ลิซ หรือที่รู้จักกันในนามของ แคสซี่ และแมทธิว คอลลินด์ ผู้บริหารระดับสูงของแซนเดอรส์ พลัส ชายหนุ่มที่จะพลิกชะตาชีวิตดาวโรยให้โชติช่วงได้ใหม่อีกครั้ง แต่เหตุใดกันหนอทำให้แคสซี่จำเป็นต้องใช้กลวิธีร้อยแปดพันเก้าทุกอย่างเพื่อหนีให้ห่างจากชีวิตของผู้ชายที่ชื่อว่า แมทธิว
เรื่องนี้น่าสนใจมากค่ะ เป็นเรื่องราวที่ให้ข้อคิดกับชีวิตได้ดีทีเดียวในเรื่องของการมองโลกในแง่ดี การคิดดีคิดบวก และผลของมันย่อมดีต่อจิตใจของตัวเองเสมอ นางเอกนารักค่ะ สุดแสบไม่น้อยเหมือนกัน แต่พระเอกของเราก็จัดการได้ซะอยู่หมัด สนุกแค่ไหนอยากให้ได้ลองหยิบมาอ่านแล้วจะรู้ว่าวางไม่ลงทีเดียวค่ะ
3. เรื่อง ทำนองรักสาวเจ้าเสน่ห์ โดย บุษบาพาฝัน เป็นเรื่องราวของสาวสวยมากเสน่ห์ที่ไม่ชอบต้นกำเนิดของตัวเองเอามากๆ โดยเฉพาะชื่อของตนเอง ‘กันยา’ ที่ต้องมาเจอะเจอเรื่องราวความรักกับผู้ชายที่ไม่ใช่อะไรในอุดมคติแม้แต่น้อยหากแต่เป็นเกษตรอำเภอหนุ่มหล่อขวัญใจสาวๆ ทั้งหลาย
เรื่องราววุ่นวายของกันยา หรือ กียา นักร้องสาวสวยของวง ชูการ์บีท สาวเสียงเหน่อที่ผันตัวเองมาเป็นนักร้องได้สำเร็จและวุ่นวายกับหัวใจที่มีสองหนุ่มมาแจกขนมจีบให้ได้หวั่นไหว ในเรื่องจะมีตัวร้ายที่ไม่ชอบเอาเสียเลยเพราะร้ายถึงขนาดจัดการหาน้ำกรดมาหวังสาดใส่หน้าให้นางเอกของเราต้องเสียชื่อเสียโฉม และในเรื่องนี้จะพูดถึงน่ารักความกตัญญูของผู้เป็นลูกสาวอย่างกันยาที่มีต่อมารดาของตน ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเอาอย่างในสังคมที่ครอบครัวค่อนข้างห่างเหินกันมากขึ้นทุกทีแล้ว อัดแน่นไว้ทั้งความสนุก สดใส น่ารัก น่าลุ้นทั้งแผนรักแผนร้ายที่สาวกันยาต้องพบเจอ ไม่อยากให้พลาดค่ะ
4. เรื่อง จังหวะรักละมุนใจ โดย ลิซ เป็นเรื่องราวของสาวสวยอีกหนึ่งคนกับความหวังความฝันที่อยากจะพิชิตใจเจ้าของค่ายเพลงให้จงได้ นริศรา หรือนิ่ม สาวน้อยสดใสน่ารักหากแต่ร้ายเดียงสาอย่างไม่น่าเชื่อ
เรื่องราวความรักครั้งนี้ไม่ง่ายนักเมื่อ นิ่มหวังจะคว้าหัวใจเจ้าของค่ายเพลงที่เธอหลงรักมาครอบครองให้ได้ โดยที่พระเอกของเราเองก็มีปณิธานตั้งมั่นของตัวเองเช่นกันว่า จะไม่เป็นสมภารกินไก่วัด เด็ดขาด นางเอกผู้น่ารักและน่าสงสารของเราจึงต้องสร้างปฏิบัติการณ์พิชิตใจแต่ทำอย่างไรชายหนุ่มก็ยิ่งถอยห่างออกไปทุกที กว่าทุกอย่างจะลงตัวได้สำเร็จก็เมื่อเกือบสายไปเสียแล้ว
นางเอกของเรากำลังจะถอดใจเพราะคิดว่าพระเอกไม่รักและไม่มีโอกาสจะพัฒนาให้ก่อเกิดกลายเป็นความรักอย่างที่เฝ้าหวัง พระเอกของเราจึงต้องหาทางคว้าคนที่กำลังจะถอดใจคืนกลับมาให้ได้ค่ะ เนื้อเรื่องสนุกมากค่ะ น่ารักและน่าติดตามไม่แพ้สามเรื่องที่ผ่านมาเลยทีเดียว
แอบบอกว่าความจริงแล้ว ซื้อนิยายชุดนี้มาได้เพราะชื่อ บุษบาพาฝัน ที่ติดใจการประพันธ์จากเรื่อง เกมร้ายเกมรัก นั่นเองค่ะ อ่านเรื่องทำนองรักสาวเจ้าเสน่ห์แล้วสนุกไม่แพ้กัน จึงติดตามหาอีกสามเรื่องมาอ่านด้วย สนุกครบรสจริงๆ ไม่ควรพลาดเลยนะคะ
โดย: สกาวรัตน์ วันที่เขียนรีวิว: 28 สิงหาคม พ.ศ. 2556
หนังสือนิยายเรื่อง The Cupids บริษัทรักอุตลุด ตอน กามเทพออกศึก ตีพิมพ์ภายใต้นามปากกา อุมาริการ์ ของสำนักพิมพ์ชื่อดังอย่าง พิมพ์คำ
หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องราวความรักของหญิงสาวคนหนึ่งนามว่า หอมหมื่นลี้ เป็นนางเอกนิยายที่ชอบแต่งหน้าจัดเป็นปกติวิสัย ก่อนจะแต่งหนาหนักขึ้นไปอีกหลังจากถูกแฟนเก่าหมายมั่นอยากจัดการเธอและกลายเป็นเรื่องฝังใจทำให้เธอแต่งหน้าหนาขึ้นนั่นเอง)
และเพราะน้ำเมาแท้ๆ จึงทำให้สาวๆ ในบริษัทจัดหาคู่ที่มีชื่อว่า คิวปิดฮัทได้ร่างสัญญาบางอย่างขึ้นในวันวาเลนไทน์ปีนี้ (สัญญาที่ว่านี้เหมือนจะเกิดอย่างไม่ตั้งใจเพราะเมาหนักค่ะ) ซึ่งเรียกว่าเป็นสัญญาร้ายก็ว่าได้เมื่อในเอกสารระบุว่า จะต้องสละโสดให้ได้ก่อนวาเลนไทน์ปีหน้า ด้วยเดิมพันที่หอมหมื่นลี้จะยอมแพ้ไม่ได้เด็ดขาดนั่นเพราะมี เงินโบนัสเป็นเดิมพัน หากไม่สำเร็จเธอจะต้องเสียมันไป แล้วคนที่วางแผนเอาไว้กับเครื่องสำอางชุดใหญ่ที่หมายตาจะยอมได้อย่างไรกัน
นอกจากจะเป็นหนึ่งในสมาชิกบริษัทแม่สื่อความรักแล้ว นางเอกของเรื่องยังมีดีกรีเป็นตั่วเจ้โรงงานลูกชิ้นหมูติดตัวมาตั้งแต่เกิดอีกด้วยนะคะ และในเรื่องหอมหมื่นลี้จะได้เจอกับพระเอกของเรื่อง ชื่อว่า ปีมงคล ซึ่งนางเอกเข้าใจไปเองเสร็จสรรพว่าชายหนุ่มเป็นคนขับแท็กซี่ และยังเป็นแท็กซี่ประจำตัวของเธออีกด้วย
แต่...คนขับแท็กซี่หนุ่มอย่างปีมงคล กลับมีบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้หอมหมื่นลี้ อดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะเป็นคนขับแท็กซี่แน่แล้วอย่างนั้นหรือ ...หรือว่าเขาเป็นใครกันแน่ ซึ่งเป็นเหมือนปริศนาติดตามตัวชายหนุ่มที่ทำให้ได้ลุ้นว่าสุดท้ายแล้ว ปีมงคลคือใคร และจะทำให้หัวใจของทั้งคู่สุขสมหวังในรักได้หรือไม เพราะนอกจากตัวเอกแล้ว ยังมีตัวละครที่เรียกได้ว่ามาเพื่อป่วนโดยเฉพาะอีกหลายตัวด้วยกัน
เป็นนิยายที่จะเรียกว่าเบาสมองอีกเล่มหนึ่งก็ว่าได้ค่ะ น่ารักในแบบฉบับของสาวหน้าอกคัพซีที่ชอบการแต่งหน้าหนาเตอะเป็นชีวิตจิตใจ แต่ถึงกระนั้น ปีมงคลมีโอกาสและหลงชื่นชมในความงามแบบไร้เครื่องสำอางของ หอมหมื่นลี้ มากๆ ถึงขนาดไม่ยอมตัดใจให้สาวคนนี้หลุดมือไปได้
ตัดสินใจหยิบเรื่องนี้มาอย่างแรกเลยคือ ชื่อเรื่องค่ะ คิดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับความรักที่แสนวุ่นวายและเมื่อได้อ่านคำโปรยก็เห็นถึงความวุ่นวายกรายๆ เข้าให้แล้ว อ่านจริงแล้วยิ่งสนุกค่ะ เพราะฮาได้แทบตลอดทั้งเรื่อง ยิ่งอ่านก็ยิ่งเผลอจินตนาการไปไกลกว่าในตัวหนังสือเสียอีกค่ะ สนุกเบาสมอง เรียกรอยยิ้มได้ไม่ยากแต่ก็ไม่ทิ้งลายความน่าลุ้นน่าสงสัยให้ได้ติดตามเนื้อเรื่องไปตั้งแต่ต้นจนจบค่ะ
ถ้าเป็นไปได้ก็อยากขออนุญาตแนะนำว่าให้เริ่มอ่านตั้งแต่เล่มแรกกระทั่งเล่มจบไปเรื่อยๆ นะคะ จะได้อรรถรสแห่งบทประพันธ์มากๆ ค่ะ เพราะนิยายเรื่องนี้ เป็นหนึ่งในนิยายชุด The Cupids บริษัทรักอุตลุด ที่นำเสนอเรื่องของ 8 สาว แบ่งเป็น 8 เล่มด้วยกัน จะมีตอน กามเทพหรรษา โดย อิสย่าห์ ,ตอนกามเทพออกศึก โดย อุมาริการ์ ,กามเทพออนไลน์ โดย ร่มแก้ว ,ลูบคมกามเทพ โดย Shayna ,ซ่อนรักกามเทพ โดย ซ่อนกลิ่น ,กามเทพซ้อนกล โดย เก้าแต้ม ,กามเทพจำแลง โดย แพรณัฐ และเล่มสุดท้ายคือ กามเทพปราบมาร โดย ณารา ที่เรียกว่าปิดฉากได้ด้วยรอยยิ้มและความสนุกไม่แพ้กันเลยค่ะ
หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องราวความรักของหญิงสาวคนหนึ่งนามว่า หอมหมื่นลี้ เป็นนางเอกนิยายที่ชอบแต่งหน้าจัดเป็นปกติวิสัย ก่อนจะแต่งหนาหนักขึ้นไปอีกหลังจากถูกแฟนเก่าหมายมั่นอยากจัดการเธอและกลายเป็นเรื่องฝังใจทำให้เธอแต่งหน้าหนาขึ้นนั่นเอง)
และเพราะน้ำเมาแท้ๆ จึงทำให้สาวๆ ในบริษัทจัดหาคู่ที่มีชื่อว่า คิวปิดฮัทได้ร่างสัญญาบางอย่างขึ้นในวันวาเลนไทน์ปีนี้ (สัญญาที่ว่านี้เหมือนจะเกิดอย่างไม่ตั้งใจเพราะเมาหนักค่ะ) ซึ่งเรียกว่าเป็นสัญญาร้ายก็ว่าได้เมื่อในเอกสารระบุว่า จะต้องสละโสดให้ได้ก่อนวาเลนไทน์ปีหน้า ด้วยเดิมพันที่หอมหมื่นลี้จะยอมแพ้ไม่ได้เด็ดขาดนั่นเพราะมี เงินโบนัสเป็นเดิมพัน หากไม่สำเร็จเธอจะต้องเสียมันไป แล้วคนที่วางแผนเอาไว้กับเครื่องสำอางชุดใหญ่ที่หมายตาจะยอมได้อย่างไรกัน
นอกจากจะเป็นหนึ่งในสมาชิกบริษัทแม่สื่อความรักแล้ว นางเอกของเรื่องยังมีดีกรีเป็นตั่วเจ้โรงงานลูกชิ้นหมูติดตัวมาตั้งแต่เกิดอีกด้วยนะคะ และในเรื่องหอมหมื่นลี้จะได้เจอกับพระเอกของเรื่อง ชื่อว่า ปีมงคล ซึ่งนางเอกเข้าใจไปเองเสร็จสรรพว่าชายหนุ่มเป็นคนขับแท็กซี่ และยังเป็นแท็กซี่ประจำตัวของเธออีกด้วย
แต่...คนขับแท็กซี่หนุ่มอย่างปีมงคล กลับมีบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้หอมหมื่นลี้ อดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะเป็นคนขับแท็กซี่แน่แล้วอย่างนั้นหรือ ...หรือว่าเขาเป็นใครกันแน่ ซึ่งเป็นเหมือนปริศนาติดตามตัวชายหนุ่มที่ทำให้ได้ลุ้นว่าสุดท้ายแล้ว ปีมงคลคือใคร และจะทำให้หัวใจของทั้งคู่สุขสมหวังในรักได้หรือไม เพราะนอกจากตัวเอกแล้ว ยังมีตัวละครที่เรียกได้ว่ามาเพื่อป่วนโดยเฉพาะอีกหลายตัวด้วยกัน
เป็นนิยายที่จะเรียกว่าเบาสมองอีกเล่มหนึ่งก็ว่าได้ค่ะ น่ารักในแบบฉบับของสาวหน้าอกคัพซีที่ชอบการแต่งหน้าหนาเตอะเป็นชีวิตจิตใจ แต่ถึงกระนั้น ปีมงคลมีโอกาสและหลงชื่นชมในความงามแบบไร้เครื่องสำอางของ หอมหมื่นลี้ มากๆ ถึงขนาดไม่ยอมตัดใจให้สาวคนนี้หลุดมือไปได้
ตัดสินใจหยิบเรื่องนี้มาอย่างแรกเลยคือ ชื่อเรื่องค่ะ คิดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับความรักที่แสนวุ่นวายและเมื่อได้อ่านคำโปรยก็เห็นถึงความวุ่นวายกรายๆ เข้าให้แล้ว อ่านจริงแล้วยิ่งสนุกค่ะ เพราะฮาได้แทบตลอดทั้งเรื่อง ยิ่งอ่านก็ยิ่งเผลอจินตนาการไปไกลกว่าในตัวหนังสือเสียอีกค่ะ สนุกเบาสมอง เรียกรอยยิ้มได้ไม่ยากแต่ก็ไม่ทิ้งลายความน่าลุ้นน่าสงสัยให้ได้ติดตามเนื้อเรื่องไปตั้งแต่ต้นจนจบค่ะ
ถ้าเป็นไปได้ก็อยากขออนุญาตแนะนำว่าให้เริ่มอ่านตั้งแต่เล่มแรกกระทั่งเล่มจบไปเรื่อยๆ นะคะ จะได้อรรถรสแห่งบทประพันธ์มากๆ ค่ะ เพราะนิยายเรื่องนี้ เป็นหนึ่งในนิยายชุด The Cupids บริษัทรักอุตลุด ที่นำเสนอเรื่องของ 8 สาว แบ่งเป็น 8 เล่มด้วยกัน จะมีตอน กามเทพหรรษา โดย อิสย่าห์ ,ตอนกามเทพออกศึก โดย อุมาริการ์ ,กามเทพออนไลน์ โดย ร่มแก้ว ,ลูบคมกามเทพ โดย Shayna ,ซ่อนรักกามเทพ โดย ซ่อนกลิ่น ,กามเทพซ้อนกล โดย เก้าแต้ม ,กามเทพจำแลง โดย แพรณัฐ และเล่มสุดท้ายคือ กามเทพปราบมาร โดย ณารา ที่เรียกว่าปิดฉากได้ด้วยรอยยิ้มและความสนุกไม่แพ้กันเลยค่ะ
โดย: สกาวรัตน์ วันที่เขียนรีวิว: 26 สิงหาคม พ.ศ. 2556
หนังสือนวนิยายเรื่อง ร่มฉัตร เป็นบทประพันธ์อีกเรื่องหนึ่งของ ทมยันตี ที่การันตีความสวยงามของฉากในเรื่องเอาไว้ได้อย่างไม่แพ้เรื่องใดที่ผู้เขียนได้บรรจงคัดสรรมาให้เราได้อ่าน
หนังสือเรื่อง ร่มฉัตร เป็นวรรณกรรมย้อนยุคที่นำเสนอเรื่องราวผ่านตัวเอกคือ แม่วาด หรือแม้นวาด เป็นยุคที่ผู้หญิงยังไม่ได้ร่ำเรียนหนังสือเหมือนยุคปัจจุบัน หากจะรับราชการนั่นก็คือการเข้าไปรับใช้เจ้านายในวัง โดยตัวแม้นวาดนั้นเป็นลูกของนายช่างและคุณหญิงวงศ์ ในครอบครัวก็เหมือนสมัยก่อนที่บิดาคือนายช่างจะมีเมียหลายคน แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นปัญหาอะไรนักเมื่อบรรดาเมียเล็กเมียน้อยเมียบ่าวทั้งหลายจะยกให้คุณหญิงวงศ์คือแม่ของแม้นวาดอยู่เหนือหัวใครทั้งหมดในบ้านนั่นเอง
คุณหญิงวงศ์มีลูกแฝดสองคนซึ่งมีศักดิ์เป็นน้องของแม้นวาด คนหนึ่งพลัดตกน้ำเสียชีวิตและต่อมาแฝดอีกคนก็เสียชีวิตตามด้วยโรคป่วยไข้ คนสมัยนั้นจะลือกันว่าอีกคนหนึ่งมาพาไปอยู่ด้วย ตามความเชื่อของคนสมัยก่อนนะคะ แม่ของแม้นวาดเสียใจมากและเจ็บออดๆ แอดๆ มานับตั้งแต่นั้น กระทั่งไม่นานก็เสียชีวิตไปด้วยอีกคน นั่นจึงเป็นเหตุให้แม้นวาดจำต้องถูกส่งตัวเข้าไปอยู่ในวังตามคำสั่งที่คุณหญิงวงศ์ผู้เป็นมารดาได้สั่งเสียเอาไว้
แม้นวาดเข้าไปอยู่ในวัง ฝึกฝนการฝีมือต่างๆ ตามแบบในวัง ซึ่งตอนนี้ผู้อ่านจะได้ซึมซับบรรยากาศภายในวัง การดำเนินชีวิต และอุปนิสัยของตัวละครในวังที่มีทั้งเหมือนและแตกต่างกัน มีคนทั้งที่ดีและไม่ดี ทำให้เห็นสรรจธรรมของโลกอีกอย่างหนึ่งว่า ไม่ว่าอยู่ที่ใดย่อมต้องมีทั้งคนดีและคนไม่ดีปะปนอยู่ด้วยกันเสมอ การใช้ชีวิตจึงอยู่ที่เราจะเลือกวางว่าจะอยู่ที่ใด อย่างไร ระดับไหน จึงจะเหมาะสมและทำให้ชีวิตเป็นสุขได้อย่างที่เราอยากจะให้เป็น (อันนี้แค่เกร็ดเล็กน้อยที่ผู้อ่านนำมาเสนอ ยังมีอีกหลายแง่มุมที่น่าสนใจ) นางเอกเป็นผู้หญิงที่มีนิสัยใจคออย่างหญิงไทยสมัยก่อนจริงๆ น่ารัก อ่อนโยน อ่อนหวาน และขยันขันแข็งเป็นที่สุด จึงเป็นที่รักของเจ้านายอย่างเสด็จพระองค์หญิงท่านมาก
ในเรื่องแม้นวาดจะเป็นหญิงสาวที่สวยน่ารัก ความจริงน่ารักมาตั้งแต่เด็กแล้วล่ะค่ะ หน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพราเป็นที่รักของทุกคน จนกระทั่งเติบโตเป็นสาวสวยและถูกตาต้องใจพระเอกคือคุณอรรถ แม้นวาดได้ออกเรือน คือแต่งงานมีครอบครัวกับอรรถ พี่ชายของหญิงในวังคนหนึ่งที่ชื่อ อุษา ซึ่งถือเป็นรุ่นพี่ของวาดในพระตำหนักนั่นเอง แม้นวาดต้องออกมาจากวังไปใช้ชีวิตอยู่ภายนอก ต้องปรับตัวอะไรมากมายแต่ก็สามารถดำเนินชีวิตผ่านไปได้จนถึงยุครัชสมัยในปัจจุบัน มีลูกหลานและครอบครัวที่มีความสุขตามอรรตภาพกระทั่งเสียชีวิตในที่สุด ตอนท้ายจะเป็นเรื่องราวของลูกๆ แม่วาดค่ะ
เล่มนี้นอกจากจะทำให้ได้ซึมซับบรรยากาศความเป็นอยู่แบบไทยเดิมแล้ว ยังทำให้เราได้รู้จักประวัติศาสตร์ของบ้านเมืองไทยในอดีตไม่น้อยทีเดียวค่ะ ทั้งค่านิยม ความเป็นอยู่ การดำเนินชีวิต และรวมถึงแนววิธีคิดของคนสมัยนั้นด้วย
หนังสือเรื่อง ร่มฉัตร เป็นวรรณกรรมย้อนยุคที่นำเสนอเรื่องราวผ่านตัวเอกคือ แม่วาด หรือแม้นวาด เป็นยุคที่ผู้หญิงยังไม่ได้ร่ำเรียนหนังสือเหมือนยุคปัจจุบัน หากจะรับราชการนั่นก็คือการเข้าไปรับใช้เจ้านายในวัง โดยตัวแม้นวาดนั้นเป็นลูกของนายช่างและคุณหญิงวงศ์ ในครอบครัวก็เหมือนสมัยก่อนที่บิดาคือนายช่างจะมีเมียหลายคน แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นปัญหาอะไรนักเมื่อบรรดาเมียเล็กเมียน้อยเมียบ่าวทั้งหลายจะยกให้คุณหญิงวงศ์คือแม่ของแม้นวาดอยู่เหนือหัวใครทั้งหมดในบ้านนั่นเอง
คุณหญิงวงศ์มีลูกแฝดสองคนซึ่งมีศักดิ์เป็นน้องของแม้นวาด คนหนึ่งพลัดตกน้ำเสียชีวิตและต่อมาแฝดอีกคนก็เสียชีวิตตามด้วยโรคป่วยไข้ คนสมัยนั้นจะลือกันว่าอีกคนหนึ่งมาพาไปอยู่ด้วย ตามความเชื่อของคนสมัยก่อนนะคะ แม่ของแม้นวาดเสียใจมากและเจ็บออดๆ แอดๆ มานับตั้งแต่นั้น กระทั่งไม่นานก็เสียชีวิตไปด้วยอีกคน นั่นจึงเป็นเหตุให้แม้นวาดจำต้องถูกส่งตัวเข้าไปอยู่ในวังตามคำสั่งที่คุณหญิงวงศ์ผู้เป็นมารดาได้สั่งเสียเอาไว้
แม้นวาดเข้าไปอยู่ในวัง ฝึกฝนการฝีมือต่างๆ ตามแบบในวัง ซึ่งตอนนี้ผู้อ่านจะได้ซึมซับบรรยากาศภายในวัง การดำเนินชีวิต และอุปนิสัยของตัวละครในวังที่มีทั้งเหมือนและแตกต่างกัน มีคนทั้งที่ดีและไม่ดี ทำให้เห็นสรรจธรรมของโลกอีกอย่างหนึ่งว่า ไม่ว่าอยู่ที่ใดย่อมต้องมีทั้งคนดีและคนไม่ดีปะปนอยู่ด้วยกันเสมอ การใช้ชีวิตจึงอยู่ที่เราจะเลือกวางว่าจะอยู่ที่ใด อย่างไร ระดับไหน จึงจะเหมาะสมและทำให้ชีวิตเป็นสุขได้อย่างที่เราอยากจะให้เป็น (อันนี้แค่เกร็ดเล็กน้อยที่ผู้อ่านนำมาเสนอ ยังมีอีกหลายแง่มุมที่น่าสนใจ) นางเอกเป็นผู้หญิงที่มีนิสัยใจคออย่างหญิงไทยสมัยก่อนจริงๆ น่ารัก อ่อนโยน อ่อนหวาน และขยันขันแข็งเป็นที่สุด จึงเป็นที่รักของเจ้านายอย่างเสด็จพระองค์หญิงท่านมาก
ในเรื่องแม้นวาดจะเป็นหญิงสาวที่สวยน่ารัก ความจริงน่ารักมาตั้งแต่เด็กแล้วล่ะค่ะ หน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพราเป็นที่รักของทุกคน จนกระทั่งเติบโตเป็นสาวสวยและถูกตาต้องใจพระเอกคือคุณอรรถ แม้นวาดได้ออกเรือน คือแต่งงานมีครอบครัวกับอรรถ พี่ชายของหญิงในวังคนหนึ่งที่ชื่อ อุษา ซึ่งถือเป็นรุ่นพี่ของวาดในพระตำหนักนั่นเอง แม้นวาดต้องออกมาจากวังไปใช้ชีวิตอยู่ภายนอก ต้องปรับตัวอะไรมากมายแต่ก็สามารถดำเนินชีวิตผ่านไปได้จนถึงยุครัชสมัยในปัจจุบัน มีลูกหลานและครอบครัวที่มีความสุขตามอรรตภาพกระทั่งเสียชีวิตในที่สุด ตอนท้ายจะเป็นเรื่องราวของลูกๆ แม่วาดค่ะ
เล่มนี้นอกจากจะทำให้ได้ซึมซับบรรยากาศความเป็นอยู่แบบไทยเดิมแล้ว ยังทำให้เราได้รู้จักประวัติศาสตร์ของบ้านเมืองไทยในอดีตไม่น้อยทีเดียวค่ะ ทั้งค่านิยม ความเป็นอยู่ การดำเนินชีวิต และรวมถึงแนววิธีคิดของคนสมัยนั้นด้วย
โดย: สกาวรัตน์ วันที่เขียนรีวิว: 26 สิงหาคม พ.ศ. 2556
หนังสือนิยายเรื่อง 60 วันฉันจะ(ไม่)รักเธอ ของนักเขียนนามปากกาว่า ศิรพิชญ์(Shayna) เป็นหนังสือนิยายที่เสนอเรื่องราวของชายหญิงคู่หนึ่งที่ก่อเกิดความรักกันได้จากรายการเรียลลิตี้โชว์เกมส์หนึ่ง ด้วยคุณสมบัติของนายเก้า พระเอกของเรื่องที่เป็นคาสโนว่าหนุ่มหล่อเหมาะแก่การนำมาเป็นรางวัลยั่วน้ำลายสาวๆ บวกกับเงินรางวัลหนึ่งล้าน รถมินิคูเปอร์อีกคัน ยิ่งทำให้รายการดูน่าลุ้นน่าเล่นมากขึ้น (แต่ดูเหมือนรางวัลที่น่าสนใจจะเป็นหัวใจของพ่อพระเอกหนุ่มคนนี้เสียมากกว่านะคะ)
เกมส์โชว์ที่จัดให้หญิงสาวสมัครเข้ามาเพื่อปฏิบัติภาระกิจการเอาชนะใจคว้าความรักของนายเก้าไปครอง และเรื่องก็คงไม่เกิดหากต้นอ้อ นางเอกของเรื่องซึ่งมีอาชีพเป็นนักเขียนไม่บังเอิญจับพลัดจับผลูมาเป็นหนึ่งในผู้ร่วมรายการด้วย...ด้วยเหตุที่เธอต้องเปลี่ยนแนวการเขียนนิยายจึงทำให้เรื่องราวน่ารักบังเกิดขึ้นจนได้
ผู้เข้าร่วมเกมส์โชว์ครั้งนี้จะต้องปฏิบัติภาระกิจที่ได้รับมอบหมายในแต่ละครั้ง ทำทุกอย่างเพื่อให้พระเอกของเรื่องพอใจ ไม่ว่าจะเป็นการแข่งทำอาหาร การเดาใจโดยเลือกซื้อของขวัญให้ ต่างๆ เหล่านี้ โดยในการแข่งขันย่อมต้องมีการชิงดีชิงเด่นและตัวร้ายของเรื่องก็ทำตัวได้เป็นนางร้ายจริงๆ ค่ะ แม้ว่าตัวร้ายจะร้ายแบบตอแหลเก่ง แต่ก็ทำให้สร้างสีสันต์ให้กับเรื่องได้ไม่น้อยทีเดียวค่ะ (แอบคิดว่าถ้านำไปทำเป็นละครคงสนุกมากทีเดียวค่ะ)
"สำหรับผม การเลือกผู้หญิงสักคนมาเป็นแฟนก็เหมือนการเลือกตั้งซื้อรถสปอร์ต นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกต้องสะดุดตาแล้ว ผมยังต้องการสมรรถนะสูงสุดด้วย Test drive ก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ผมตัดสินใจว่า สมควรจะทุ่มเงินซื้อมันหรือเปล่า แต่ผมขอบอกไว้ก่อนนะ ว่าผมเป็นนักสะสมรถสปอร์ต" เป็นคำกล่าวของนวมินทร์หรือนายเก้าสำหรับการเลือกผู้หญิงที่จะมาพิชิตหัวใจคว้ารางวัลไปครองนั่นเองค่ะ อิอิ ฟังแล้วก็แอบขำแต่ก็ทำให้อ่านไปคิดไปได้ว่าพ่อหนุ่มคนนี้ช่างเลือกนะ และดูเหมือนจะเป็นการท้าทายความกล้า ความสามารถของเหล่าบรรดาสาวๆ ได้เป็นอย่างดีว่าตนเองจะมีสมรรถนะสูงพอจะอยู่ในคอลเลคชั่นของหนุ่มเก้าหรือเปล่า แต่สุดท้ายแล้วพระเอกก็เสร็จน้องต้นอ้อ นางเอกของเรื่องจนได้ ก็ด้วยเพราะเป็นคนที่มีนิสัยตรงไปตรงมา คิดอย่างไรก็พูดอย่างนั้น ซึ่งดูจะเป็นบุคลิกเด่นของนางเอกที่ทำให้พระเอกของเรายอมสยบหัวใจมอบให้ต้นอ้อเอาไปครอบครอง
เป็นหนังสือที่จัดได้ว่าน่าอ่านอีกหนึ่งเล่ม หน้าปกสีสวยสะดุดตา ชื่อเรื่องเห็นแล้วก็น่าสะดุดใจ จึงเลือกหยิบมาอ่านค่ะ ตอนแรกไม่คิดว่าจะได้นิยายแนวนี้มา ด้วยพล็อตรวมแล้วน่าสนใจและน่าติดตามมาก ไม่ซ้ำจำเจกับใครนี่เอง
เสน่ห์ที่คิดว่าทำให้เลือกนิยายเรื่องนี้ นอกจากพล็อตเรื่องที่น่าสนใจแล้วน่าจะเป็นเรื่องของนิสัยตัวละคร ชอบความน่ารักของต้นอ้อ คือตัวนางเอกของเรื่องค่ะ เป็นตัวละครผู้หญิงที่ตรงไปตรงหน้า และทุ่มเทกับการทำงานเป็นอย่างมาก หากไม่เพราะเรื่องงาน เรื่องราวต่างๆ คงไม่เกิดขึ้นแน่ๆ อีกประการคือ คนที่คิดรายการนี้ขึ้นมา...(ก็คงต้องยกนิ้วให้ผู้เขียนนั่นล่ะค่ะ) ช่างคิดได้ คิดได้ไงกันนี่...
เป็นนิยายเบาสมองน่ารักอีกเล่มหนึ่งที่อยากแนะนำ คิดว่าเหมาะกับสังคมที่ค่อนข้างหนักอึ้งในช่วงนี้ ใครที่อยากพักสมองน่าจะได้ลองอ่านเล่มนี้การันตีรอยยิ้มว่าจะต้องเผลอมอบให้พี่เก้ากับน้องต้นอ้อแน่นอนค่ะ
เกมส์โชว์ที่จัดให้หญิงสาวสมัครเข้ามาเพื่อปฏิบัติภาระกิจการเอาชนะใจคว้าความรักของนายเก้าไปครอง และเรื่องก็คงไม่เกิดหากต้นอ้อ นางเอกของเรื่องซึ่งมีอาชีพเป็นนักเขียนไม่บังเอิญจับพลัดจับผลูมาเป็นหนึ่งในผู้ร่วมรายการด้วย...ด้วยเหตุที่เธอต้องเปลี่ยนแนวการเขียนนิยายจึงทำให้เรื่องราวน่ารักบังเกิดขึ้นจนได้
ผู้เข้าร่วมเกมส์โชว์ครั้งนี้จะต้องปฏิบัติภาระกิจที่ได้รับมอบหมายในแต่ละครั้ง ทำทุกอย่างเพื่อให้พระเอกของเรื่องพอใจ ไม่ว่าจะเป็นการแข่งทำอาหาร การเดาใจโดยเลือกซื้อของขวัญให้ ต่างๆ เหล่านี้ โดยในการแข่งขันย่อมต้องมีการชิงดีชิงเด่นและตัวร้ายของเรื่องก็ทำตัวได้เป็นนางร้ายจริงๆ ค่ะ แม้ว่าตัวร้ายจะร้ายแบบตอแหลเก่ง แต่ก็ทำให้สร้างสีสันต์ให้กับเรื่องได้ไม่น้อยทีเดียวค่ะ (แอบคิดว่าถ้านำไปทำเป็นละครคงสนุกมากทีเดียวค่ะ)
"สำหรับผม การเลือกผู้หญิงสักคนมาเป็นแฟนก็เหมือนการเลือกตั้งซื้อรถสปอร์ต นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกต้องสะดุดตาแล้ว ผมยังต้องการสมรรถนะสูงสุดด้วย Test drive ก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ผมตัดสินใจว่า สมควรจะทุ่มเงินซื้อมันหรือเปล่า แต่ผมขอบอกไว้ก่อนนะ ว่าผมเป็นนักสะสมรถสปอร์ต" เป็นคำกล่าวของนวมินทร์หรือนายเก้าสำหรับการเลือกผู้หญิงที่จะมาพิชิตหัวใจคว้ารางวัลไปครองนั่นเองค่ะ อิอิ ฟังแล้วก็แอบขำแต่ก็ทำให้อ่านไปคิดไปได้ว่าพ่อหนุ่มคนนี้ช่างเลือกนะ และดูเหมือนจะเป็นการท้าทายความกล้า ความสามารถของเหล่าบรรดาสาวๆ ได้เป็นอย่างดีว่าตนเองจะมีสมรรถนะสูงพอจะอยู่ในคอลเลคชั่นของหนุ่มเก้าหรือเปล่า แต่สุดท้ายแล้วพระเอกก็เสร็จน้องต้นอ้อ นางเอกของเรื่องจนได้ ก็ด้วยเพราะเป็นคนที่มีนิสัยตรงไปตรงมา คิดอย่างไรก็พูดอย่างนั้น ซึ่งดูจะเป็นบุคลิกเด่นของนางเอกที่ทำให้พระเอกของเรายอมสยบหัวใจมอบให้ต้นอ้อเอาไปครอบครอง
เป็นหนังสือที่จัดได้ว่าน่าอ่านอีกหนึ่งเล่ม หน้าปกสีสวยสะดุดตา ชื่อเรื่องเห็นแล้วก็น่าสะดุดใจ จึงเลือกหยิบมาอ่านค่ะ ตอนแรกไม่คิดว่าจะได้นิยายแนวนี้มา ด้วยพล็อตรวมแล้วน่าสนใจและน่าติดตามมาก ไม่ซ้ำจำเจกับใครนี่เอง
เสน่ห์ที่คิดว่าทำให้เลือกนิยายเรื่องนี้ นอกจากพล็อตเรื่องที่น่าสนใจแล้วน่าจะเป็นเรื่องของนิสัยตัวละคร ชอบความน่ารักของต้นอ้อ คือตัวนางเอกของเรื่องค่ะ เป็นตัวละครผู้หญิงที่ตรงไปตรงหน้า และทุ่มเทกับการทำงานเป็นอย่างมาก หากไม่เพราะเรื่องงาน เรื่องราวต่างๆ คงไม่เกิดขึ้นแน่ๆ อีกประการคือ คนที่คิดรายการนี้ขึ้นมา...(ก็คงต้องยกนิ้วให้ผู้เขียนนั่นล่ะค่ะ) ช่างคิดได้ คิดได้ไงกันนี่...
เป็นนิยายเบาสมองน่ารักอีกเล่มหนึ่งที่อยากแนะนำ คิดว่าเหมาะกับสังคมที่ค่อนข้างหนักอึ้งในช่วงนี้ ใครที่อยากพักสมองน่าจะได้ลองอ่านเล่มนี้การันตีรอยยิ้มว่าจะต้องเผลอมอบให้พี่เก้ากับน้องต้นอ้อแน่นอนค่ะ
โดย: สกาวรัตน์ วันที่เขียนรีวิว: 24 สิงหาคม พ.ศ. 2556
หนังสือนิยายเรื่อง อาญาร้ายทัณฑ์ซาตาน ของ จิราจันทร์ เป็นหนังสือนิยายอีกเรื่องที่เข้าถึงบรรยากาศนิยายไทยทีเดียวค่ะ เรื่องไม่เกิดหากไม่มีนางร้าย แต่ถ้าไม่มีนางร้ายก็ไม่สนุกเมื่อนางร้ายคือหญิงสาวที่พระเอกหอบหิ้วกลับมาจากเมืองนอกเมืองนาเพื่อตั้งใจจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน แต่กลับต้องมาเจอว่าพระเอก คือภาคภูมิต้องหมั้นกับเนื้อคู่ตุนาหงันที่มารดาจัดเตรียมเอาไว้ให้นั่นคือน้องหนู นางเอกของเรื่องนั่นเอง
เมื่อความรักความหวังหรือจะเรียกว่าความพยายามที่จะจับผู้ชายหล่อรวยสักคนของษาถูกขัดขวาง นางร้ายอย่างษาจึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ความมั่นคงที่เคยมีคงอยู่ต่อไป นางเอกคือน้องหนูจึงกลายเป็นคนที่ถูกมองในแง่ร้ายตลอดหลังจากงานหมั้นเมื่อพระเอกอย่างภาคภูมิรักษาระดับความซื่อเอาไว้ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เชื่อทุกอย่างที่คนรัก(เก่า)อย่างษาบอก พระเอกจึงร้ายกับนางเอกสารพัดที่จะทำ
ช่วงท้ายของเรื่อง เราๆ ท่านๆ อาจจะพอเดาได้ว่าจะจบแนวไหนอย่างไร พล็อตเรื่องไม่แตกต่างจากแนวที่เคยเห็นในตลาดนิยายบ้านเรานัก
จุดเด่นที่ทำให้หยิบหนังสือเล่มนี้มาอ่านเพราะหน้าปกที่สวยเข้าตา ราคาโดนใจและชื่อเรื่องที่การันตีถึงความร้ายกาจของตัวเอกในเรื่องได้เป็นอย่างดี (ร้ายกาจเหมือนซาตาน) รวมถึงการบรรยายและถ้อยคำที่สื่อได้ถึงตัวละครนั้นๆ ทำให้น่าอ่าน อ่านสนุก สำนวนภาษาที่ใช้อ่านง่ายและไม่น่าเบื่อ หากว่าใครไม่ติดใจกับเรื่องพล็อตที่เดิมๆ ไปนิดแต่ขายดีมากในตลาดนิยายบ้านเราก็น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว
เมื่อความรักความหวังหรือจะเรียกว่าความพยายามที่จะจับผู้ชายหล่อรวยสักคนของษาถูกขัดขวาง นางร้ายอย่างษาจึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ความมั่นคงที่เคยมีคงอยู่ต่อไป นางเอกคือน้องหนูจึงกลายเป็นคนที่ถูกมองในแง่ร้ายตลอดหลังจากงานหมั้นเมื่อพระเอกอย่างภาคภูมิรักษาระดับความซื่อเอาไว้ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เชื่อทุกอย่างที่คนรัก(เก่า)อย่างษาบอก พระเอกจึงร้ายกับนางเอกสารพัดที่จะทำ
ช่วงท้ายของเรื่อง เราๆ ท่านๆ อาจจะพอเดาได้ว่าจะจบแนวไหนอย่างไร พล็อตเรื่องไม่แตกต่างจากแนวที่เคยเห็นในตลาดนิยายบ้านเรานัก
จุดเด่นที่ทำให้หยิบหนังสือเล่มนี้มาอ่านเพราะหน้าปกที่สวยเข้าตา ราคาโดนใจและชื่อเรื่องที่การันตีถึงความร้ายกาจของตัวเอกในเรื่องได้เป็นอย่างดี (ร้ายกาจเหมือนซาตาน) รวมถึงการบรรยายและถ้อยคำที่สื่อได้ถึงตัวละครนั้นๆ ทำให้น่าอ่าน อ่านสนุก สำนวนภาษาที่ใช้อ่านง่ายและไม่น่าเบื่อ หากว่าใครไม่ติดใจกับเรื่องพล็อตที่เดิมๆ ไปนิดแต่ขายดีมากในตลาดนิยายบ้านเราก็น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว
โดย: สกาวรัตน์ วันที่เขียนรีวิว: 22 สิงหาคม พ.ศ. 2556
คิวบิก CUBIC#4 น่าสนุกน่าติดตามไม่แพ้สามเล่มที่ผ่านมาเพราะเป็นเล่มจบแล้วค่ะ แม้เล่มนี้จะเป็นเล่มสุดท้ายที่มีเนื้อหาขนาดหนังสือเล็กกว่าสามเล่มที่ผ่านมา แต่ก็ทำให้การสรุปจบเป็นไปได้อย่างสวยงาม
ในหนังสือเล่มนี้จะเปิดเผยวิธีการสืบเสาะไขความลับต่างๆ ให้คนร้ายได้ทราบว่า ทำอย่างไรคิดอย่างไรจึงได้รู้และจัดการกับคนร้ายได้นั่นเองค่ะ เหมือนการ์ตูนนักสืบแนวโคนันแต่ก็สนุกในแบบฉบับนิยายนะคะ นางเอกคือ ฤทัยนาค ยังคงขยันอดทน เฮฮาน่ารักและเก่งกล้าสามารถเหมือนเดิม แม้จะรักษาความเว่อเอาไว้ได้ครบถ้วนแต่ก็น่ารักและกินใจคนอ่านทีเดียว เพราะในเล่มนี้พระเอกคือหลินหลานเซ่อ จะความจำเสื่อม คือจำนางเอกไม่ได้และล้มเลิกการแต่งงานกับนางเอก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงคอยดูแลอยู่ชิดใกล้เพราะรู้ดีว่า ที่สุดแล้วพระเอกรักตนมากแค่ไหน ซึ่งตลอดเวลาจิตใต้สำนึกของพระเอกก็ยังคงรักนางเอกมากๆ เหมือนเดิม อันนี้ชอบมากค่ะ ชอบที่พระเอกรักนางเอกมาก ประทับใจจริงๆ ค่ะ
สำนวนในเล่มนี้น่าอ่านน่าฟังไม่แพ้ทั้งสามเล่มที่ผ่านมาเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นตอนที่นางเอกบอกว่าจะอยู่กับพระเอกแม้ว่าเขาจะความจำเสื่อม ต้องเจ็บปวดใจก็จะอดทน (ประมาณนี้ ที่นางเอกบอกจริงๆ ซึ้งกว่านี้เยอะค่ะ) ต้องลองอ่านดูค่ะ แต่สำนวนภาษาที่ไม่ค่อยเป๊ะเท่าไหร่อาจทำให้คนที่ชอบหรือยึดกับคำกล่าวที่เคยได้ยินได้ฟังอาจไม่ถูกใจนักนะคะเพราะภาษาจะไม่ค่อยเป็นทางการนัก บางคนอ่านแล้วจะบอกว่าภาษาค่อนข้างเด็กไปหน่อย บางคนก็อาจจะไม่ถูกใจกับความเก่งเว่อของนางเอก แต่ถ้าไม่ถือสาอะไรก็จะอ่านเรื่องนี้ได้สนุกทีเดียวค่ะ
ในหนังสือเล่มนี้จะเปิดเผยวิธีการสืบเสาะไขความลับต่างๆ ให้คนร้ายได้ทราบว่า ทำอย่างไรคิดอย่างไรจึงได้รู้และจัดการกับคนร้ายได้นั่นเองค่ะ เหมือนการ์ตูนนักสืบแนวโคนันแต่ก็สนุกในแบบฉบับนิยายนะคะ นางเอกคือ ฤทัยนาค ยังคงขยันอดทน เฮฮาน่ารักและเก่งกล้าสามารถเหมือนเดิม แม้จะรักษาความเว่อเอาไว้ได้ครบถ้วนแต่ก็น่ารักและกินใจคนอ่านทีเดียว เพราะในเล่มนี้พระเอกคือหลินหลานเซ่อ จะความจำเสื่อม คือจำนางเอกไม่ได้และล้มเลิกการแต่งงานกับนางเอก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงคอยดูแลอยู่ชิดใกล้เพราะรู้ดีว่า ที่สุดแล้วพระเอกรักตนมากแค่ไหน ซึ่งตลอดเวลาจิตใต้สำนึกของพระเอกก็ยังคงรักนางเอกมากๆ เหมือนเดิม อันนี้ชอบมากค่ะ ชอบที่พระเอกรักนางเอกมาก ประทับใจจริงๆ ค่ะ
สำนวนในเล่มนี้น่าอ่านน่าฟังไม่แพ้ทั้งสามเล่มที่ผ่านมาเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นตอนที่นางเอกบอกว่าจะอยู่กับพระเอกแม้ว่าเขาจะความจำเสื่อม ต้องเจ็บปวดใจก็จะอดทน (ประมาณนี้ ที่นางเอกบอกจริงๆ ซึ้งกว่านี้เยอะค่ะ) ต้องลองอ่านดูค่ะ แต่สำนวนภาษาที่ไม่ค่อยเป๊ะเท่าไหร่อาจทำให้คนที่ชอบหรือยึดกับคำกล่าวที่เคยได้ยินได้ฟังอาจไม่ถูกใจนักนะคะเพราะภาษาจะไม่ค่อยเป็นทางการนัก บางคนอ่านแล้วจะบอกว่าภาษาค่อนข้างเด็กไปหน่อย บางคนก็อาจจะไม่ถูกใจกับความเก่งเว่อของนางเอก แต่ถ้าไม่ถือสาอะไรก็จะอ่านเรื่องนี้ได้สนุกทีเดียวค่ะ
โดย: สกาวรัตน์ วันที่เขียนรีวิว: 21 สิงหาคม พ.ศ. 2556
คิวบิก CUBIC#3 เล่มนี้จะค่อนข้างดึงอารมณ์ผู้อ่านค่ะ ยอมรับว่านางเอกฉลาดได้อย่างเต็มปากเต็มคำแต่ถึงอย่างนั้นในหนังสือเล่มนี้ที่เป็นภาคต่อของ คิวบิก เล่ม 2 ก็ยังมีผู้ร้ายที่น่ากลัวโผล่มาอีกนะคะ ในเล่มนี้คนร้ายจะฉลาดกว่านางเอกอีกนะคะ แต่ถึงอย่างนั้น ฤทัยนาคก็ยังคงยึดมั่นที่จะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องพระเอก คือ หลินหลานเซ่อ โดยการแกล้งตาย...
ในหนังสือเล่มนี้ พระเอกน่าสงสารที่สุดก็ตอนที่ได้รู้ข่าวจากลูกน้องว่า นางเอกเสียชีวิตแล้วนั่นล่ะ โอ้ย...อยากร้องไห้เลยค่ะ พระเอกพยายามสืบหาคนที่อยู่เบื้องหลังการตายของนางเอกตลอด
ส่วนเรื่องความหวานของเรื่องคิวบิกจากเล่มหนึ่งถึงเล่มสาม ต้องขอยกนิ้วให้เล่มนี้เลยค่ะ บทบู๊ไม่เข้มข้นนัก แต่เน้นความหวานที่พระเอกจะคิดถึงนางเอกตลอดเวลา ขนาดอยู่ใกล้กับลูกสาวของคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคนที่ลอบฆ่านางเอก แถมยังสวยน่ารักแบบว่าใครเห็นใครก็ชอบเพราะเป็นสเป็คที่ผู้ชายต่างหมายปอง พระเอกของเรา หลินหลานเซ่อ ยังไม่สนใจเลย คิดถึง ฤทัยนาค คนเดียว แม้ว่านางเอกของเรายังคงรักษานิสัยที่ชอบหาเรื่องวุ่นวายใส่ตัวแบบไม่หยุดหย่อนเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่นก็เถอะ ส่วนฤทัยนาคก็เชื่อมั่นในรักที่มีต่อหลินหลานเซ่อ และเข้ามาเป็นเงาพระเอกอีกครั้งเพื่อปกป้องทั้งพระเอกและคนรอบข้าง สนุกค่ะเล่มนี้ ถูกใจคนอ่านที่อยากเพิ่มความหวานให้พระนางคู่นี้มากๆ ค่ะ
ในหนังสือเล่มนี้ พระเอกน่าสงสารที่สุดก็ตอนที่ได้รู้ข่าวจากลูกน้องว่า นางเอกเสียชีวิตแล้วนั่นล่ะ โอ้ย...อยากร้องไห้เลยค่ะ พระเอกพยายามสืบหาคนที่อยู่เบื้องหลังการตายของนางเอกตลอด
ส่วนเรื่องความหวานของเรื่องคิวบิกจากเล่มหนึ่งถึงเล่มสาม ต้องขอยกนิ้วให้เล่มนี้เลยค่ะ บทบู๊ไม่เข้มข้นนัก แต่เน้นความหวานที่พระเอกจะคิดถึงนางเอกตลอดเวลา ขนาดอยู่ใกล้กับลูกสาวของคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคนที่ลอบฆ่านางเอก แถมยังสวยน่ารักแบบว่าใครเห็นใครก็ชอบเพราะเป็นสเป็คที่ผู้ชายต่างหมายปอง พระเอกของเรา หลินหลานเซ่อ ยังไม่สนใจเลย คิดถึง ฤทัยนาค คนเดียว แม้ว่านางเอกของเรายังคงรักษานิสัยที่ชอบหาเรื่องวุ่นวายใส่ตัวแบบไม่หยุดหย่อนเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่นก็เถอะ ส่วนฤทัยนาคก็เชื่อมั่นในรักที่มีต่อหลินหลานเซ่อ และเข้ามาเป็นเงาพระเอกอีกครั้งเพื่อปกป้องทั้งพระเอกและคนรอบข้าง สนุกค่ะเล่มนี้ ถูกใจคนอ่านที่อยากเพิ่มความหวานให้พระนางคู่นี้มากๆ ค่ะ
โดย: สกาวรัตน์ วันที่เขียนรีวิว: 21 สิงหาคม พ.ศ. 2556
คิวบิก CUBIC#2 หนังสือเล่มนี้จะเป็นภาคต่อจากหนังสือนิยายคิวบิกภาคแรกค่ะ เรื่องนี้ยังคงบู๊เหมือนเดิม อ่านสนุกเหมือนเดิมเลยค่ะ แต่ว่าในภาคนี้ ฤทัยนาค นางเอกของเราฉลาดขึ้นมากเลยทีเีดียวค่ะ ในเรื่องจะทำให้นางเอกของเราดูฉลาดมากจริงๆ แต่ถึงจะฉลาดมากก็ยังมีมุมที่เกือบจะเอาตัวไม่รอดด้วยเหมือนกันนะคะ ตื่นเต้นเร้าใจให้ลุ้นได้ตลอดเหมือนกันค่ะ ภาคนี้ค่อนข้างกระชากอารมณ์นะ เพราะมีตอนที่พระเอกกับนางเอกต้องห่างกันไปไกล เหมือนเป็นการพิสูจน์ใจพิสูจน์ความรักอะไรประมาณนี้ ต้องห่างเพราะความจำเป็น ห่างเพราะต้องรักษาชีวิตนางเอกเอาไว้ แต่ห่างกันขนาดไหนพระเอกก็ยังคิดถึงแต่นางเอกตลอด
ในเล่มนี้ หลินหลานเซ่อ ได้ตัว พี่สาวของนางเอก คือ นันทกา มาอยู่ด้วย ตลอดเวลาก็จะคิดถึงและพูดถึงแต่เรื่องของ ฤทัยนาค ตลอด เป็นตอนที่พระเอกแสดงออกมามากมายเลยค่ะว่ารักนางเอกจริงๆ จึงทำทุกอย่างเพื่อให้นางเอกอยู่ใกล้ๆ อยู่ด้วยกันตลอด
เท่าที่กล่าวมาเหมือนจะมีแต่เรื่องหวานๆ นะคะ แต่แนวแอคชั่นก็ยังเข้มข้นค่ะ เพราะฤทัยนาคต้องกลายเป็นคนที่คนร้ายสั่งให้ไปฆ่าพระเอกด้วยตนเอง แต่นางเอกที่เป็นเงาของพระเอก 'คิวบิก' ก็ต้องรักษาพระเอกเอาไว้ด้วย จึงกลายเป็นเกมร้อนซ่อนเงื่อน แผนซ้อนแผนให้ได้ตามลุ้นตามเอาใจช่วยกันตลอดค่ะ
ในเล่มนี้ หลินหลานเซ่อ ได้ตัว พี่สาวของนางเอก คือ นันทกา มาอยู่ด้วย ตลอดเวลาก็จะคิดถึงและพูดถึงแต่เรื่องของ ฤทัยนาค ตลอด เป็นตอนที่พระเอกแสดงออกมามากมายเลยค่ะว่ารักนางเอกจริงๆ จึงทำทุกอย่างเพื่อให้นางเอกอยู่ใกล้ๆ อยู่ด้วยกันตลอด
เท่าที่กล่าวมาเหมือนจะมีแต่เรื่องหวานๆ นะคะ แต่แนวแอคชั่นก็ยังเข้มข้นค่ะ เพราะฤทัยนาคต้องกลายเป็นคนที่คนร้ายสั่งให้ไปฆ่าพระเอกด้วยตนเอง แต่นางเอกที่เป็นเงาของพระเอก 'คิวบิก' ก็ต้องรักษาพระเอกเอาไว้ด้วย จึงกลายเป็นเกมร้อนซ่อนเงื่อน แผนซ้อนแผนให้ได้ตามลุ้นตามเอาใจช่วยกันตลอดค่ะ
โดย: สกาวรัตน์ วันที่เขียนรีวิว: 21 สิงหาคม พ.ศ. 2556
หนังสือนิยายเรื่อง คิวบิก ฟังจากชื่อเรื่องแล้วตอนแรกคิดว่าจะเป็นแนวหวานแหววรักโรแมนติก เกี่ยวกับความรักแสนหวานล้วนๆ แต่เมื่อได้หยิบมาอ่านจริงๆ แล้วปรากฏว่าไม่ใช่เลย ออกจะเป็นแนวแอคชั่นด้วยซ้ำไปค่ะ แถมนางเอกของเรื่อง คือ ฤทัยนาค ยังไม่สวยเพอร์เฟคเหมือนนางเอกเรื่องอื่นๆ เสียอีก แล้วอย่างนี้พระเอกของเราอย่างคุณ หลินหลานเซ่อ จะสนใจได้อย่างไรจริงไหมคะ
แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนุกไม่น้อยทีเดียวค่ะ พระเอกที่ไม่เคยคิดจะมองหรือรักนางเอกเลยกลับต้องค่อยๆ ซึมซับความผูกพันและรักกันเมื่อมีเรื่องผลิกผันให้ ฤทัยนาค บังเอิญช่วยชีวิต หลินหลานเซ่อ จากการถูกตามฆ่าเอาไว้ได้ จึงต้องกลายมาเป็นเงาของพระเอกในนามชื่อว่า คิวบิก อย่างช่วยไม่ได้นั่นเองค่ะ
เรื่องนี้ออกจะเว่อสักหน่อยในเรื่องของความเก่งที่นางเอกไม่น่าจะเก่งอะไรขนาดนั้น แต่เนื้อเรื่องก็พยายามจะทำให้เรารู้สึกว่าเธอเก่งจังเลยนะ ส่วนพระเอกเรื่องนี้จะไม่ค่อยพูดจาถึงความรักพร่ำเพรื่อ หากจะสัมผัสถึงความรักได้ล่ะก็ดูจากการกระทำของคุณหลินหลานเซ่อได้เลยล้วนๆ ค่ะ เป็นหนังสือนิยายที่น่ารักอีกเรื่องค่ะ อยากให้นำมาทำเป็นละครเหมือนกันนะคะ คิดว่าคงสนุกดีไม่น้อยทีเดียวค่ะ
แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนุกไม่น้อยทีเดียวค่ะ พระเอกที่ไม่เคยคิดจะมองหรือรักนางเอกเลยกลับต้องค่อยๆ ซึมซับความผูกพันและรักกันเมื่อมีเรื่องผลิกผันให้ ฤทัยนาค บังเอิญช่วยชีวิต หลินหลานเซ่อ จากการถูกตามฆ่าเอาไว้ได้ จึงต้องกลายมาเป็นเงาของพระเอกในนามชื่อว่า คิวบิก อย่างช่วยไม่ได้นั่นเองค่ะ
เรื่องนี้ออกจะเว่อสักหน่อยในเรื่องของความเก่งที่นางเอกไม่น่าจะเก่งอะไรขนาดนั้น แต่เนื้อเรื่องก็พยายามจะทำให้เรารู้สึกว่าเธอเก่งจังเลยนะ ส่วนพระเอกเรื่องนี้จะไม่ค่อยพูดจาถึงความรักพร่ำเพรื่อ หากจะสัมผัสถึงความรักได้ล่ะก็ดูจากการกระทำของคุณหลินหลานเซ่อได้เลยล้วนๆ ค่ะ เป็นหนังสือนิยายที่น่ารักอีกเรื่องค่ะ อยากให้นำมาทำเป็นละครเหมือนกันนะคะ คิดว่าคงสนุกดีไม่น้อยทีเดียวค่ะ
โดย: สกาวรัตน์ วันที่เขียนรีวิว: 21 สิงหาคม พ.ศ. 2556
หนังสือนิยายเรื่อง คุณหญิงนอกทำเนียบ เป็นบทประพันธ์อีกเรื่องที่น่าสนใจ แม้การเดินเรื่องอาจจะเครียดไปบ้างสำหรับบางคนแต่เต็มไปด้วยคำสอนมากมายโดยผ่านการเดินเรื่องจากตัวเอกอย่าง ศจี หญิงสาวสวยที่ถูกหล่อหลอมมาจากสังคมที่อยู่ระหว่างความดีและความชั่ว การที่เธอได้รู้เห็นอะไรมากมายทำให้มีความทะยานอยากที่จะนำชีวิตตนให้ขึ้นสู่จุดสูงสุดเท่าที่จะทำได้ แต่สุดท้ายก็จะพบเพียงความรู้สึกโดดเดี่ยวที่อยากหลีกหนี
เรื่องนี้มีส่วนดีในเรื่องคำสอนการใช้ชีวิตของผู้หญิง มีให้คิดและน่าติดตามหลายอย่างและทำให้เห็นความต้องการแท้จริงของผู้ชายในแง่มุมที่คุณอาจคิดไม่ถึง สอนให้รู้ว่าการทำดี ทำชั่ว ได้ผลอย่างไร ควรเลือกทำตัวแบบไหน เป็นหนังสือที่อ่านแล้วช่วยจรรโลงทั้งจิตใจและสังคมได้ดีอีกเล่มหนึ่งทีเดียว หากใครที่ชอบอ่านหนังสือนิยายที่ไม่ได้ให้แค่ความสนุก แต่แฝงแนวคิด คำสอน และการดำเนินชีวิตที่สามารถนำไปใช้ได้ทุกยุคทุกสมัยไม่ควรพลาดเล่มนี้นะคะ
เรื่องนี้มีส่วนดีในเรื่องคำสอนการใช้ชีวิตของผู้หญิง มีให้คิดและน่าติดตามหลายอย่างและทำให้เห็นความต้องการแท้จริงของผู้ชายในแง่มุมที่คุณอาจคิดไม่ถึง สอนให้รู้ว่าการทำดี ทำชั่ว ได้ผลอย่างไร ควรเลือกทำตัวแบบไหน เป็นหนังสือที่อ่านแล้วช่วยจรรโลงทั้งจิตใจและสังคมได้ดีอีกเล่มหนึ่งทีเดียว หากใครที่ชอบอ่านหนังสือนิยายที่ไม่ได้ให้แค่ความสนุก แต่แฝงแนวคิด คำสอน และการดำเนินชีวิตที่สามารถนำไปใช้ได้ทุกยุคทุกสมัยไม่ควรพลาดเล่มนี้นะคะ
โดย: สกาวรัตน์ วันที่เขียนรีวิว: 05 สิงหาคม พ.ศ. 2556
อ่านเรื่องนี้แล้วค่ะ อยากบอกว่าเป็นหนังสือที่สนุกมากๆ เป็นอีกหนึ่งผลงานที่น่าประทับใจกับความน่ารักของตัวละคร ภาษาไม่ต้องพูดถึงเพราะรู้ดีว่าคุณทมยันตีเขียนนิยายได้น่าอ่าน อ่านสนุก
แรกเริ่มเดิมทีเป็นแฟนของคุณทมยันตีอยู่แล้ว เจอเรื่องนี้หยิบมาดูแล้วน่าสนใจ ตัวละครน่ารักมากค่ะ เมียวดีนางเอกน่ารักสดใสสมกับเป็นสาวชาวดงจริงๆ ส่วนคุณทรงเผ่าก็น่ารักมากคอยช่วยเหลือเมียวดีตลอด
ได้เห็นความจริงใจ ไร้เดียงสา ความน่ารักที่เมียวดีมีต่อเพื่อนมนุษย์ทุกคนแล้วหาได้ยากในสมัยนี้จริงๆ ค่ะ อ่านแล้วสบายใจยิ้มได้ตลอดเรื่องเลยค่ะ จรรโลงหัวใจที่เหนื่อยหนักกับสภาพสังคมปัจจุบันได้ดีทีเดียวค่ะ ใครที่อยากพักผ่อนคลายสมองและหัวใจลองอ่านเล่มนี้ดูนะคะ เรียกว่าหยิบหนังสือเล่มนี้มาอ่านแล้วไม่มีผิดหวังจริงๆ ค่ะ
แรกเริ่มเดิมทีเป็นแฟนของคุณทมยันตีอยู่แล้ว เจอเรื่องนี้หยิบมาดูแล้วน่าสนใจ ตัวละครน่ารักมากค่ะ เมียวดีนางเอกน่ารักสดใสสมกับเป็นสาวชาวดงจริงๆ ส่วนคุณทรงเผ่าก็น่ารักมากคอยช่วยเหลือเมียวดีตลอด
ได้เห็นความจริงใจ ไร้เดียงสา ความน่ารักที่เมียวดีมีต่อเพื่อนมนุษย์ทุกคนแล้วหาได้ยากในสมัยนี้จริงๆ ค่ะ อ่านแล้วสบายใจยิ้มได้ตลอดเรื่องเลยค่ะ จรรโลงหัวใจที่เหนื่อยหนักกับสภาพสังคมปัจจุบันได้ดีทีเดียวค่ะ ใครที่อยากพักผ่อนคลายสมองและหัวใจลองอ่านเล่มนี้ดูนะคะ เรียกว่าหยิบหนังสือเล่มนี้มาอ่านแล้วไม่มีผิดหวังจริงๆ ค่ะ
โดย: สกาวรัตน์ วันที่เขียนรีวิว: 05 สิงหาคม พ.ศ. 2556
ตัดสินใจซื้อเรื่องนี้เพราะประทับใจจากทีวีในละครหลังข่าว แต่พอได้มาอ่านจากบทประพันธ์ช่างซาบซึ้งกินใจยิ่งกว่า ได้สัมผัสถึงตัวอักษรและภาษาที่คุณทมยันตีถ่ายทอดสื่ออารมณ์ อ่านแล้วได้อรรถรสกว่าการดูเพียงอย่างเดียวจริงๆ ค่ะ
และเรื่องนี้เป็นนิยายน้อยเรื่อง ที่อ่านแล้วยอมให้พระเอกตายตอนจบ แม้ว่าจะภาวนาทุกครั้งว่าไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น แต่ก็ยอมเสียน้ำตาและอ่านซ้ำแล้วซ้ำอีก
นอกจากความสนุกแล้วยังได้ความรู้ในเรื่องประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่สองด้วยนะคะ เรียกว่าอ่านสนุกแล้วได้เกร็ดความรู้ไปด้วยในตัว ดีมากๆ ค่ะ
นิยายของคุณทมยันตีมีหลายเรื่องที่น่าติดตาม เพราะสนุกและน่าอ่านมาก "คู่กรรม" ก็เป็นอีกเรื่องที่ไม่ควรพลาดนะคะ เพราะอ่านแล้วรู้ได้เลยค่ะว่า คุ้มค่าคุ้มราคาจริงๆ
และเรื่องนี้เป็นนิยายน้อยเรื่อง ที่อ่านแล้วยอมให้พระเอกตายตอนจบ แม้ว่าจะภาวนาทุกครั้งว่าไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น แต่ก็ยอมเสียน้ำตาและอ่านซ้ำแล้วซ้ำอีก
นอกจากความสนุกแล้วยังได้ความรู้ในเรื่องประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่สองด้วยนะคะ เรียกว่าอ่านสนุกแล้วได้เกร็ดความรู้ไปด้วยในตัว ดีมากๆ ค่ะ
นิยายของคุณทมยันตีมีหลายเรื่องที่น่าติดตาม เพราะสนุกและน่าอ่านมาก "คู่กรรม" ก็เป็นอีกเรื่องที่ไม่ควรพลาดนะคะ เพราะอ่านแล้วรู้ได้เลยค่ะว่า คุ้มค่าคุ้มราคาจริงๆ