Customer Reviews

โดยส่วนตัวแล้วการทำอาหารสำหรับเราเป็นเรื่องง่ายนะ แต่การทำอาหารให้อร่อยนี้สิยากกว่า ฮาๆ เมื่อก่อนตอนอยู่บ้านเราได้แค่เป็นลูกมือแม่แล้วใช้วิชาลักจำจากการเข้าครัวของแม่เอา ปกติเราไม่ชอบที่จะให้แม่มาสอนว่าต้องใส่นู้นนั้นนี้ตามสูตรแม่ แต่เราชอบมอง จำ เป็นลูกมือและสังเกตการเอามากกว่าแล้วมาปรับใช้กับการเข้าครัวของตัวเอง แต่การที่เป็นลูกมือแม่ก็ไม่ได้หมายความว่าเมนูที่ทำจะเยอะและหลากหลาย เลยได้หนังสือเรื่อง 100 เมนูอร่อย คุณทำเองได้นี้แหละช่วยชี้แนะแนวทางเรา เพราะตอนนี้เราได้มาใช้ชีวิตที่หอแล้ว เลยได้วิชาทำอาหารติดตัวจากการเป็นลูกมือแม่มาไม่น้อย และการที่เราจะใช้ชีวิตในหอสำหรับเราต้องประหยัดกันสุดๆ และการซื้อของมาทำอาหารเองนี้แหละเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ถ้าเหลือนี้ได้ใส่กล่องไปกินกลางวันที่ทำงานตลอด เห็นไหมละว่าประหยัดมาก ฮาๆ และหนังสือเล่มนี้ก็ได้บอกเคล็ดลับวิธีขันตอนการทำอาหารที่เยอะขึ้นกว่าที่เรามีในสมอง แถมขั้นตอนก็ทำง่ายไม่ยุ่งยากซับซ้อนด้วย วัตถุดิบก็หาง่ายไม่ยากมาก มีขายทั่วไปตามท้องตลาด แถมเมนูก็มีเยอะเอามากๆด้วย ก็ร้อยเมนูอ่ะนะ ทำตามสักสามเดือนยังไม่ซ้ำกันเลย เมนูก็ไม่ได้ยาก ง่ายๆแต่ทำตามแล้วอร่อยถูกปาก แฟนติดใจเลยละ สามารถแก้อาการเบื่ออาหารของเราได้ดีเลยแหละ เพราะทุกวันนี้นะทำซ้ำๆเดิมๆจนน่าอาหารไปแล้วอ่ะ เล่มนี้ช่วยได้จริงๆ รูปในเล่มก็ถ่ายชวนน่ากินซะด้วย ภาพสีสดสวยกระดาษเงา ยิ่งชวนให้น่ากินเข้าไปใหญ่ และรู้สึกว่าผู้แต่งหรือคุณทอรุ้งมีเฟสบุ๊คด้วยนะ นอกจากเมนูในเล่มแล้วเราก็ไปหาเพิ่มจากเฟสคุณทอรุ้งด้วย ฮาๆ ซึ่งหนังสือเล่มนี้จะแบ่งหมวดหมู่ประเภทของอาหารไว้ชัดเจนดี ทั้ง แกงเผ็ด แกงจืด ยำต่างๆ ผัด ทอด นึง ต้มเค็มแถมยังมีอาหารแบบฝรั่งด้วยอ่ะ ง่ายด้วยนะ น่ากินด้วย รวมไปถึงอาหารจานเดียวที่ทำได้ง่ายและรวดเร็วในเวลาที่หิวโซจัดๆ รวมไปถึงเครื่องดื่มและของหวานที่เราชอบไม่แพ้ของคาวเลย เรียกได้ว่าเล่มนี้รวมทุกอย่างครบจริงๆ ในหนึ่งมือนี้เล่มนี้บอกหมด กินของคาวเสร็จก็ต้องมีเครื่องดื่มแก้ติดคอ และก็ต่อด้วยของหวานที่แสนอร่อย ยิ่งเวลาที่ได้ช่วยกันทำกะแฟนยิ่งสนุก เปิดหนังสือไปทำไปช่วยกันทำสนุกดี เมนูบ้างอย่างก็ใช้วัตถุดิบแต่ไม่กี่อย่างก็สามารถทำออกมาอร่อยได้ ส่วนเรื่องราคาของหนังสือก็ไม่แพงนะถ้าให้เทียบกับเมนูและหมวดที่ครบตั้งแต่ของคาวยันของหวาน

โดยส่วนตัวแล้วการทำอาหารสำหรับเราเป็นเรื่องง่ายนะ แต่การทำอาหารให้อร่อยนี้สิยากกว่า ฮาๆ เมื่อก่อนตอนอยู่บ้านเราได้แค่เป็นลูกมือแม่แล้วใช้วิชาลักจำจากการเข้าครัวของแม่เอา ปกติเราไม่ชอบที่จะให้แม่มาสอนว่าต้องใส่นู้นนั้นนี้ตามสูตรแม่ แต่เราชอบมอง จำ เป็นลูกมือและสังเกตการเอามากกว่าแล้วมาปรับใช้กับการเข้าครัวของตัวเอง แต่การที่เป็นลูกมือแม่ก็ไม่ได้หมายความว่าเมนูที่ทำจะเยอะและหลากหลาย เลยได้หนังสือเรื่อง 100 เมนูอร่อย คุณทำเองได้นี้แหละช่วยชี้แนะแนวทางเรา เพราะตอนนี้เราได้มาใช้ชีวิตที่หอแล้ว เลยได้วิชาทำอาหารติดตัวจากการเป็นลูกมือแม่มาไม่น้อย และการที่เราจะใช้ชีวิตในหอสำหรับเราต้องประหยัดกันสุดๆ และการซื้อของมาทำอาหารเองนี้แหละเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ถ้าเหลือนี้ได้ใส่กล่องไปกินกลางวันที่ทำงานตลอด เห็นไหมละว่าประหยัดมาก ฮาๆ และหนังสือเล่มนี้ก็ได้บอกเคล็ดลับวิธีขันตอนการทำอาหารที่เยอะขึ้นกว่าที่เรามีในสมอง แถมขั้นตอนก็ทำง่ายไม่ยุ่งยากซับซ้อนด้วย วัตถุดิบก็หาง่ายไม่ยากมาก มีขายทั่วไปตามท้องตลาด แถมเมนูก็มีเยอะเอามากๆด้วย ก็ร้อยเมนูอ่ะนะ ทำตามสักสามเดือนยังไม่ซ้ำกันเลย เมนูก็ไม่ได้ยาก ง่ายๆแต่ทำตามแล้วอร่อยถูกปาก แฟนติดใจเลยละ สามารถแก้อาการเบื่ออาหารของเราได้ดีเลยแหละ เพราะทุกวันนี้นะทำซ้ำๆเดิมๆจนน่าอาหารไปแล้วอ่ะ เล่มนี้ช่วยได้จริงๆ รูปในเล่มก็ถ่ายชวนน่ากินซะด้วย ภาพสีสดสวยกระดาษเงา ยิ่งชวนให้น่ากินเข้าไปใหญ่ และรู้สึกว่าผู้แต่งหรือคุณทอรุ้งมีเฟสบุ๊คด้วยนะ นอกจากเมนูในเล่มแล้วเราก็ไปหาเพิ่มจากเฟสคุณทอรุ้งด้วย ฮาๆ ซึ่งหนังสือเล่มนี้จะแบ่งหมวดหมู่ประเภทของอาหารไว้ชัดเจนดี ทั้ง แกงเผ็ด แกงจืด ยำต่างๆ ผัด ทอด นึง ต้มเค็มแถมยังมีอาหารแบบฝรั่งด้วยอ่ะ ง่ายด้วยนะ น่ากินด้วย รวมไปถึงอาหารจานเดียวที่ทำได้ง่ายและรวดเร็วในเวลาที่หิวโซจัดๆ รวมไปถึงเครื่องดื่มและของหวานที่เราชอบไม่แพ้ของคาวเลย เรียกได้ว่าเล่มนี้รวมทุกอย่างครบจริงๆ ในหนึ่งมือนี้เล่มนี้บอกหมด กินของคาวเสร็จก็ต้องมีเครื่องดื่มแก้ติดคอ และก็ต่อด้วยของหวานที่แสนอร่อย ยิ่งเวลาที่ได้ช่วยกันทำกะแฟนยิ่งสนุก เปิดหนังสือไปทำไปช่วยกันทำสนุกดี เมนูบ้างอย่างก็ใช้วัตถุดิบแต่ไม่กี่อย่างก็สามารถทำออกมาอร่อยได้ ส่วนเรื่องราคาของหนังสือก็ไม่แพงนะถ้าให้เทียบกับเมนูและหมวดที่ครบตั้งแต่ของคาวยันของหวาน

เรื่องโชคดีที่โสดเป็นนี้เป็นหนังสือที่แต่งโดยคุณกาละแมร์ พัชรศรี เบญจมาศ พิธีกรชื่อดังงานรัดตัวที่เราทุกคนรู้จักกันดี จริงๆเราก็ไม่ได้เป็นโสดหรอกนะ แต่ด้วยความที่ชื่อชอบคุณกาละแมร์อยู่แล้วเลยไม่ยากที่จะหยิบเอาเรื่องที่คุณกาละแมร์แต่งมาอ่าน และก็ไม่ผิดหวัง (และก็ไม่ได้ชอบมากซะทีเดียว เพราะปกติเราไม่ชอบอ่านแนวนี้) เพราะคำที่คุณกาละแมร์ใช้บรรยายก็ตลก สนุกสนาน เหมือนคาแรคเตอร์ของเธอนั้นและ เนื้อหาไม่ได้เน้นสาระเป็นเรื่องเป็นราวเหมือนหนังสือสื่อการเรียนการสอนหรือหนังสือที่ให้ความรู้ทั่วไป แต่จะเป็นเหมือนการหยิบเอาประสบการณ์การใช้ชีวิตและความคิดของคุณกาละแมร์มาเขียนบอกเล่าเรื่องราวการใช้ชีวิตที่เป็นโสดของคุณกาละแมร์เอง เนื้อหาจะเป็นแนวให้กำลังใจพร้อมให้แง่คิดกับคนโสดและคนอ่านทั่วไปและ ภาษาที่ใช้ก็สนุกสนานอ่านและขำ ยิ้มหัวเราได้ ในหนังสือก็มีรูปบ้างปะปรายโดยเนื้อหาจะแบ่งออกเป็นเรื่องๆตอนๆไป อย่างเช่นตอนอยู่คนเดียวไปเสียวไส้ เหตุผลของการอยู่เป็นโสด อันนี้เข้าใจและ คิดว่าคุณกาละแมร์คงเจอผู้ชายแย่ๆมาเยอะอ่ะ แต่เราว่าผู้ชายก็ไม่ได้แย่ทุกคนไปมั้ง ฮาๆ และก็เรื่องสวยแบบมีมาตรฐานนี้ก็สนุกนะ ขึ้นชื่อว่าผู้หญิงอะนะไม่มีใครไม่อยากสวยหรอก อ่านแล้วเราก็เลยคิดว่าเราก็สวยแบบมาตรฐานของเราเหมือนกันนิ (คิดไปเอง ฮาๆ) และก็มีชื่อตอนเจ็บแล้วจะคือคน เจ็บแล้วทนคือควาย แค่ชื่อตอนก็กินขาดและ เราอ่านและแบบเออจริงนะ เรื่องบางเรื่องทำไมเราไม่จำ ทำไมเราไปทน ก็อ่านดูว่าคุณกาละแมร์ทำยังไงคิดยังไง แล้วมันก็สะกิดใจเราเหมือนกัน และก็ตอนไม่รอเจ้าชายแต่เราจะสร้างปราสาทด้วยตัวเองนี้ก็ชอบนะ เราเองก็สามารถสร้างอนาคตของตัวเองได้เหมือนกัน ทำไมต้องรอให้มีผู้ชายมาเคียงข้างด้วยละเนอะ และอีกตอนที่อ่านและสะดุ้งเลยคือตอนอะไรที่ทำให้มีความสุขกว่าผู้ชายและเซ็กส์ เราว่าสำหรับผู้หญิงเราไม่ได้ต้องการเรื่องแบบนั้นเสมอไปอ่ะ แต่สำหรับผู้ชายเราก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมมันสำคัญมากสำหรับพวกผู้ชาย พอได้อ่านที่คุณกาละแมร์บอกเล่าในหนังสือว่าเธอทำยังไงที่ทำให้มีความสุขมากกว่ามีผู้ชายอยู่เคียงข้างและก็ไม่ได้มีเรื่องเซ็กส์เข้ามาในชีวิต มันก็เหมือนช่วยแนะแนวทางเราได้เหมือนกัน โดยรวมแล้วเรื่องนี้ถือว่าเป็นความคิดและประสบการณ์ของคุณกาละแมร์ล้วนๆ อ่านแล้วเหมือนได้เกาะติดชีวิตของคุณกาละแมร์เลยอ่ะ อ่านและก็สนุกดีไม่ได้รู้สึกว่าเสียดายเงินที่ซื้อ

เรื่องโชคดีที่โสดเป็นนี้เป็นหนังสือที่แต่งโดยคุณกาละแมร์ พัชรศรี เบญจมาศ พิธีกรชื่อดังงานรัดตัวที่เราทุกคนรู้จักกันดี จริงๆเราก็ไม่ได้เป็นโสดหรอกนะ แต่ด้วยความที่ชื่อชอบคุณกาละแมร์อยู่แล้วเลยไม่ยากที่จะหยิบเอาเรื่องที่คุณกาละแมร์แต่งมาอ่าน และก็ไม่ผิดหวัง (และก็ไม่ได้ชอบมากซะทีเดียว เพราะปกติเราไม่ชอบอ่านแนวนี้) เพราะคำที่คุณกาละแมร์ใช้บรรยายก็ตลก สนุกสนาน เหมือนคาแรคเตอร์ของเธอนั้นและ เนื้อหาไม่ได้เน้นสาระเป็นเรื่องเป็นราวเหมือนหนังสือสื่อการเรียนการสอนหรือหนังสือที่ให้ความรู้ทั่วไป แต่จะเป็นเหมือนการหยิบเอาประสบการณ์การใช้ชีวิตและความคิดของคุณกาละแมร์มาเขียนบอกเล่าเรื่องราวการใช้ชีวิตที่เป็นโสดของคุณกาละแมร์เอง เนื้อหาจะเป็นแนวให้กำลังใจพร้อมให้แง่คิดกับคนโสดและคนอ่านทั่วไปและ ภาษาที่ใช้ก็สนุกสนานอ่านและขำ ยิ้มหัวเราได้ ในหนังสือก็มีรูปบ้างปะปรายโดยเนื้อหาจะแบ่งออกเป็นเรื่องๆตอนๆไป อย่างเช่นตอนอยู่คนเดียวไปเสียวไส้ เหตุผลของการอยู่เป็นโสด อันนี้เข้าใจและ คิดว่าคุณกาละแมร์คงเจอผู้ชายแย่ๆมาเยอะอ่ะ แต่เราว่าผู้ชายก็ไม่ได้แย่ทุกคนไปมั้ง ฮาๆ และก็เรื่องสวยแบบมีมาตรฐานนี้ก็สนุกนะ ขึ้นชื่อว่าผู้หญิงอะนะไม่มีใครไม่อยากสวยหรอก อ่านแล้วเราก็เลยคิดว่าเราก็สวยแบบมาตรฐานของเราเหมือนกันนิ (คิดไปเอง ฮาๆ) และก็มีชื่อตอนเจ็บแล้วจะคือคน เจ็บแล้วทนคือควาย แค่ชื่อตอนก็กินขาดและ เราอ่านและแบบเออจริงนะ เรื่องบางเรื่องทำไมเราไม่จำ ทำไมเราไปทน ก็อ่านดูว่าคุณกาละแมร์ทำยังไงคิดยังไง แล้วมันก็สะกิดใจเราเหมือนกัน และก็ตอนไม่รอเจ้าชายแต่เราจะสร้างปราสาทด้วยตัวเองนี้ก็ชอบนะ เราเองก็สามารถสร้างอนาคตของตัวเองได้เหมือนกัน ทำไมต้องรอให้มีผู้ชายมาเคียงข้างด้วยละเนอะ และอีกตอนที่อ่านและสะดุ้งเลยคือตอนอะไรที่ทำให้มีความสุขกว่าผู้ชายและเซ็กส์ เราว่าสำหรับผู้หญิงเราไม่ได้ต้องการเรื่องแบบนั้นเสมอไปอ่ะ แต่สำหรับผู้ชายเราก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมมันสำคัญมากสำหรับพวกผู้ชาย พอได้อ่านที่คุณกาละแมร์บอกเล่าในหนังสือว่าเธอทำยังไงที่ทำให้มีความสุขมากกว่ามีผู้ชายอยู่เคียงข้างและก็ไม่ได้มีเรื่องเซ็กส์เข้ามาในชีวิต มันก็เหมือนช่วยแนะแนวทางเราได้เหมือนกัน โดยรวมแล้วเรื่องนี้ถือว่าเป็นความคิดและประสบการณ์ของคุณกาละแมร์ล้วนๆ อ่านแล้วเหมือนได้เกาะติดชีวิตของคุณกาละแมร์เลยอ่ะ อ่านและก็สนุกดีไม่ได้รู้สึกว่าเสียดายเงินที่ซื้อ

โดยส่วนตัวแล้วเราเป็นคนที่หลับง่ายมากนะ ปกติแค่หัวถึงหมอนก็หลับแล้ว ไม่ได้หลับยากเลย ถามว่าแล้วทำไมต้องมาอ่านหนังสือเรื่อง 100 วิธีหลับยากแก้ง่ายด้วยละ ก็เพราะแฟนเราไง แฟนเราเป็นคนที่หลับยากเอามากๆ มีแสงนิดหน่อยก็นอนไม่หลับและ มีเสียงดังขั้นระหว่างนอนจนตื่นก็นอนหลับต่อไม่ได้และ แล้วเราก็ทะเลาะกันบ่อยๆเรื่องนี้ เพราะแฟนคิดว่าเราหลับง่ายจนเค้าอยู่คนเดียวเหงา ฮาๆ เราก็เลยเสาะหาแหล่งที่บอกวิธีแก้อาการนี้โดยไปเจอหนังสือเรื่อง 100 วิธีหลับยากแก้ง่ายเข้า ก่อนหน้านี้เราได้อ่านเรื่อง 100 วิธีรับมือกับประจำเดือนมาแล้ว และชอบในเนื้อหานะ มีประโยชน์และดี เราเลยตัดสินใจได้ไม่ยากที่จะหยิบเอาเรื่องนี้ติดมือกลับบ้านมาด้วย และก็ไม่ผิดหวังนะ โดยหนังสือเล่มนี้ก็แต่งโดยแพทย์ชาวจีนสองท่านและนักโภชนาการอีกท่านนึง เหมือนเรื่องของ100 วิธีรับมือประจำเดือนนั้นแหละ โดยเล่มนี้แต่งโดยนายแพทย์สวี่ซื่อเจี๋ย แพทย์หญิงเฉียวเซิ่งหลิน และนักโภชนาการคือเฉินจือหยิน การรักษาในเล่มนี้เลยมีเรื่องการรักษาแบบการแพทย์แผนจีนอีกเหมือนกัน ซึ่งก็มีทั้งสูตรยาจีนต่างๆ ซึ่งเรากะว่าจะไปหามาลองต้มให้แฟนเหมือนกัน และยังมีการฝังเข็มด้วยนะ แต่อันนี้เราคงทำให้แฟนไม่ได้จริงๆ ฮาๆ อาจตายมากกว่าหายก็เป็นได้ และยังมีการนวดกดจุดอีก อันนี้ชอบมากเลย อ่านจบแล้วเดี๋ยวจะลองทำให้แฟนดู ถ้าได้ผลยังไงจะมาบอกอีกที อิอิ จะนวดกดจุดให้หลับก่อนเราเลย จะได้ไม่ต้องมาทะเลาะกันอีก นอกจากเรื่องการรักษาด้วยการแพทย์แผนจีนที่เราบอกไปแล้ว หนังสือเล่มนี้ยังมีอีกหลายวิธีนะ และอีกวีธีที่เราชอบก็คือเรื่องการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต คือมันใช่อ่ะ เข้าใจแล้วว่าทำไมแฟนนอนไม่หลับ ทำตัวเองแท้ๆ และก็เพิ่งรู้ว่าการเลือกเครื่องนอนก็มีส่วนเหมือนกันแหะ ไม่ได้การและต้องไปหามาเปลี่ยนตามคำแนะนำ ลองดูก็ไม่ได้เสียหายอะเนอะ และก็มีอีกเรื่องที่ชอบไม่แพ้กันก็คือ นานาอาหารที่ทำให้หลับง่าย อันนี้เราชอบเป็นพิเศษ เพราะเราชอบทำอาหารอยู่แล้ว ปกติก็ทำอาหารกินเองตลอด เรื่องนี้เลยไม่ยากเลยสำหรับเรา แต่เรื่องวัตถุดิบนี้ราว่าหายากอยู่บ้างนิดหน่อยและบางอย่าง อาจแพงไปนิด แต่เพื่อแฟนอะนะ ก็ต้องทำ และถ้าทำตามหนังสือและหายหรือผลเป็นยังไง เราจะมาบอกอีกที แต่ยังเราว่าหนังสือเรื่องนี้ก็มีสารประโยชน์เยอะจริงๆ อย่างน้อนเราก็ได้เข้าใจคนที่อยู่ข้างๆเราอะเนอะ

โดยส่วนตัวแล้วเราเป็นคนที่หลับง่ายมากนะ ปกติแค่หัวถึงหมอนก็หลับแล้ว ไม่ได้หลับยากเลย ถามว่าแล้วทำไมต้องมาอ่านหนังสือเรื่อง 100 วิธีหลับยากแก้ง่ายด้วยละ ก็เพราะแฟนเราไง แฟนเราเป็นคนที่หลับยากเอามากๆ มีแสงนิดหน่อยก็นอนไม่หลับและ มีเสียงดังขั้นระหว่างนอนจนตื่นก็นอนหลับต่อไม่ได้และ แล้วเราก็ทะเลาะกันบ่อยๆเรื่องนี้ เพราะแฟนคิดว่าเราหลับง่ายจนเค้าอยู่คนเดียวเหงา ฮาๆ เราก็เลยเสาะหาแหล่งที่บอกวิธีแก้อาการนี้โดยไปเจอหนังสือเรื่อง 100 วิธีหลับยากแก้ง่ายเข้า ก่อนหน้านี้เราได้อ่านเรื่อง 100 วิธีรับมือกับประจำเดือนมาแล้ว และชอบในเนื้อหานะ มีประโยชน์และดี เราเลยตัดสินใจได้ไม่ยากที่จะหยิบเอาเรื่องนี้ติดมือกลับบ้านมาด้วย และก็ไม่ผิดหวังนะ โดยหนังสือเล่มนี้ก็แต่งโดยแพทย์ชาวจีนสองท่านและนักโภชนาการอีกท่านนึง เหมือนเรื่องของ100 วิธีรับมือประจำเดือนนั้นแหละ โดยเล่มนี้แต่งโดยนายแพทย์สวี่ซื่อเจี๋ย แพทย์หญิงเฉียวเซิ่งหลิน และนักโภชนาการคือเฉินจือหยิน การรักษาในเล่มนี้เลยมีเรื่องการรักษาแบบการแพทย์แผนจีนอีกเหมือนกัน ซึ่งก็มีทั้งสูตรยาจีนต่างๆ ซึ่งเรากะว่าจะไปหามาลองต้มให้แฟนเหมือนกัน และยังมีการฝังเข็มด้วยนะ แต่อันนี้เราคงทำให้แฟนไม่ได้จริงๆ ฮาๆ อาจตายมากกว่าหายก็เป็นได้ และยังมีการนวดกดจุดอีก อันนี้ชอบมากเลย อ่านจบแล้วเดี๋ยวจะลองทำให้แฟนดู ถ้าได้ผลยังไงจะมาบอกอีกที อิอิ จะนวดกดจุดให้หลับก่อนเราเลย จะได้ไม่ต้องมาทะเลาะกันอีก นอกจากเรื่องการรักษาด้วยการแพทย์แผนจีนที่เราบอกไปแล้ว หนังสือเล่มนี้ยังมีอีกหลายวิธีนะ และอีกวีธีที่เราชอบก็คือเรื่องการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต คือมันใช่อ่ะ เข้าใจแล้วว่าทำไมแฟนนอนไม่หลับ ทำตัวเองแท้ๆ และก็เพิ่งรู้ว่าการเลือกเครื่องนอนก็มีส่วนเหมือนกันแหะ ไม่ได้การและต้องไปหามาเปลี่ยนตามคำแนะนำ ลองดูก็ไม่ได้เสียหายอะเนอะ และก็มีอีกเรื่องที่ชอบไม่แพ้กันก็คือ นานาอาหารที่ทำให้หลับง่าย อันนี้เราชอบเป็นพิเศษ เพราะเราชอบทำอาหารอยู่แล้ว ปกติก็ทำอาหารกินเองตลอด เรื่องนี้เลยไม่ยากเลยสำหรับเรา แต่เรื่องวัตถุดิบนี้ราว่าหายากอยู่บ้างนิดหน่อยและบางอย่าง อาจแพงไปนิด แต่เพื่อแฟนอะนะ ก็ต้องทำ และถ้าทำตามหนังสือและหายหรือผลเป็นยังไง เราจะมาบอกอีกที แต่ยังเราว่าหนังสือเรื่องนี้ก็มีสารประโยชน์เยอะจริงๆ อย่างน้อนเราก็ได้เข้าใจคนที่อยู่ข้างๆเราอะเนอะ

เราเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ประจำเดือนมาผิดปกติ ไม่เคยจะมาตรงกันสักครั้งแถมบางทียังหายไปเดือนสองเดือนด้วยซ้ำ เราเชื่อว่าผู้หญิงหลายๆคนประสบปัญหาเดียวกันกับเราเยอะนะ เราเลยอยากมาแนะนำหนังสือเรื่องนี้ หนังสือเรื่อง 100 วิธีรับมือประจำเดือน แต่หนัสสือเล่มนี้ไม่ได้แต่งโดยคนไทยนะ แต่งโดยนายแพทย์ชาวจีน 2 คน คือนายแพทย์หยางจวิ้นกวง และนายแพทย์ไล่จืออิ๋น พ่วงด้วยนักโภชนาการอีกคนคือ หลี่ชิงหยง ซึ่งเราก็ไม่ได้รู้จักหรอก ฮาๆ ตอนได้รู้ว่าเป็นแผนชาวจีนเขียนก็คิดว่าหนังสือเรื่องนี้ก็ต้องดีแน่ๆ ไม่งั้นคงไม่เอามาแปลหรอก แล้วมันก็ดีจริงๆ ด้วยความที่หนังสือเล่มนี้แต่งโดยนายแพทย์และนักโภชนาการชาวจีน เนื้อหาของหนังสือเลยเป็นแบบการแพทย์แผนปัจจุบันผสมผสานกับการแพทย์แผนจีน ซึ่งปกติบ้านเราก็นิยมการรักษาแบบแผนจีนอยู่นะ แถมยาหม้อยาต้มของจีนบ้านเราก็มีขายกันทั่วไปอีกด้วย แต่ราคาแพงไปนิดนึง ฮาๆ เนื้อหาเล่มนี้ได้รวบรวมขั้นตอนวิธีการรับมือกับประจำเดือนในหลายๆแบบ รวมไปถึงอธิบายตั้งแต่ขั้นตอนการเกิดประจำเดือนกันเลยทีเดียว อ่านแล้วรู้อย่างถ่องแท้เลยละว่าที่มามันเป็นยังไง และที่ชอบมาเลยก็คือเล่มนี้จะบอกว่าอาการปวดแบบไหนบอกอะไรเราบ้าง แบบไหนที่ปวดแล้วเรียกว่าปกติ แบบไหนที่ปวดแล้วต้องรีบรักษารอช้าไม่ได้ พร้อมทั้งบอกวิธีรับมือกับการปวดแบบเชิงลึกอีก นอกจากเนื้อหานี้แล้วยังมีเรื่องของการนวดรักษาด้วยนะ ชอบมากเลย เดี๋ยวจะให้แผนอ่านแล้วมานวดให้ละ อิอิ อีกทั้งยังมีเรื่องของโภชนาการด้านอาหารด้วยนะ แนะนำการกินของเราที่ช่วยรักษาอาการปวดประจำเดือนอีกด้วย และการกินของเราแบบไหนมีผลต่อประจำเดือนยังไงประมาณนี้ รวมไปถึงบอกตำรายาจีน สมุนไพรต่างๆ กายบริหาร และวิธีอื่นๆอีกมากมายด้วยแหละ ก็ชื่อเรื่องเค้าก็บอกอยู่อะนะว่า 100 วิธีรับมือประจำเดือน วิธีต่างๆเลยเยอะมากในเล่มนี้ และที่ชอบอีกอย่างคือ เล่มนี้ได้อธิบายสาเหตุของอาการหงุดหงิดด้วยนี้แหละ ชอบมากเลย จะเอาไปให้แฟนอ่าน ฮาๆ จะได้เข้าใจว่าทำไมเราต้องเหวี่ยงตลอดเวลามีประจำเดือน เพราะเราชอบทะเลาะกะแฟนบ่อยเพราะการเหวี่ยงตอนมีประจำเดือนหรือก่อนมีก็เริ่มเหวี่ยงแล้วนี้แหละ คิดว่าแฟนอ่านแล้วก็น่าจะเข้าใจขึ้นนะ หุหุ ส่วนเรื่องของคำที่ใช้บรรยายในเล่มก็เข้าใจง่ายนะ แต่เราเรียนด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพด้วยและเลยคิดว่ามันอ่านเข้าใจง่ายในศัพท์ทางการแพทย์ แต่สำหรับคนที่ไม่ได้เรียนวิทยศาสตร์มาบางคนอ่านรู้ความหมาย บางคนอาจจะไม่รู้ว่าคืออะไร มีผลต่อร่างกายยังไง แต่สมัยนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะนะ แต่ค้นหาในเว็บก็รู้ละเอียดแล้ว ยังไงเราก็ขอแนะนำหนังสือเล่มนี้ติดตัวไว้สำหรับคุณผู้หญิง และคุณผู้ชายก็ดีเพราะจะได้เข้าใจและคอยดูแลผู้หญิงที่เรารัก

เราเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ประจำเดือนมาผิดปกติ ไม่เคยจะมาตรงกันสักครั้งแถมบางทียังหายไปเดือนสองเดือนด้วยซ้ำ เราเชื่อว่าผู้หญิงหลายๆคนประสบปัญหาเดียวกันกับเราเยอะนะ เราเลยอยากมาแนะนำหนังสือเรื่องนี้ หนังสือเรื่อง 100 วิธีรับมือประจำเดือน แต่หนัสสือเล่มนี้ไม่ได้แต่งโดยคนไทยนะ แต่งโดยนายแพทย์ชาวจีน 2 คน คือนายแพทย์หยางจวิ้นกวง และนายแพทย์ไล่จืออิ๋น พ่วงด้วยนักโภชนาการอีกคนคือ หลี่ชิงหยง ซึ่งเราก็ไม่ได้รู้จักหรอก ฮาๆ ตอนได้รู้ว่าเป็นแผนชาวจีนเขียนก็คิดว่าหนังสือเรื่องนี้ก็ต้องดีแน่ๆ ไม่งั้นคงไม่เอามาแปลหรอก แล้วมันก็ดีจริงๆ ด้วยความที่หนังสือเล่มนี้แต่งโดยนายแพทย์และนักโภชนาการชาวจีน เนื้อหาของหนังสือเลยเป็นแบบการแพทย์แผนปัจจุบันผสมผสานกับการแพทย์แผนจีน ซึ่งปกติบ้านเราก็นิยมการรักษาแบบแผนจีนอยู่นะ แถมยาหม้อยาต้มของจีนบ้านเราก็มีขายกันทั่วไปอีกด้วย แต่ราคาแพงไปนิดนึง ฮาๆ เนื้อหาเล่มนี้ได้รวบรวมขั้นตอนวิธีการรับมือกับประจำเดือนในหลายๆแบบ รวมไปถึงอธิบายตั้งแต่ขั้นตอนการเกิดประจำเดือนกันเลยทีเดียว อ่านแล้วรู้อย่างถ่องแท้เลยละว่าที่มามันเป็นยังไง และที่ชอบมาเลยก็คือเล่มนี้จะบอกว่าอาการปวดแบบไหนบอกอะไรเราบ้าง แบบไหนที่ปวดแล้วเรียกว่าปกติ แบบไหนที่ปวดแล้วต้องรีบรักษารอช้าไม่ได้ พร้อมทั้งบอกวิธีรับมือกับการปวดแบบเชิงลึกอีก นอกจากเนื้อหานี้แล้วยังมีเรื่องของการนวดรักษาด้วยนะ ชอบมากเลย เดี๋ยวจะให้แผนอ่านแล้วมานวดให้ละ อิอิ อีกทั้งยังมีเรื่องของโภชนาการด้านอาหารด้วยนะ แนะนำการกินของเราที่ช่วยรักษาอาการปวดประจำเดือนอีกด้วย และการกินของเราแบบไหนมีผลต่อประจำเดือนยังไงประมาณนี้ รวมไปถึงบอกตำรายาจีน สมุนไพรต่างๆ กายบริหาร และวิธีอื่นๆอีกมากมายด้วยแหละ ก็ชื่อเรื่องเค้าก็บอกอยู่อะนะว่า 100 วิธีรับมือประจำเดือน วิธีต่างๆเลยเยอะมากในเล่มนี้ และที่ชอบอีกอย่างคือ เล่มนี้ได้อธิบายสาเหตุของอาการหงุดหงิดด้วยนี้แหละ ชอบมากเลย จะเอาไปให้แฟนอ่าน ฮาๆ จะได้เข้าใจว่าทำไมเราต้องเหวี่ยงตลอดเวลามีประจำเดือน เพราะเราชอบทะเลาะกะแฟนบ่อยเพราะการเหวี่ยงตอนมีประจำเดือนหรือก่อนมีก็เริ่มเหวี่ยงแล้วนี้แหละ คิดว่าแฟนอ่านแล้วก็น่าจะเข้าใจขึ้นนะ หุหุ ส่วนเรื่องของคำที่ใช้บรรยายในเล่มก็เข้าใจง่ายนะ แต่เราเรียนด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพด้วยและเลยคิดว่ามันอ่านเข้าใจง่ายในศัพท์ทางการแพทย์ แต่สำหรับคนที่ไม่ได้เรียนวิทยศาสตร์มาบางคนอ่านรู้ความหมาย บางคนอาจจะไม่รู้ว่าคืออะไร มีผลต่อร่างกายยังไง แต่สมัยนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะนะ แต่ค้นหาในเว็บก็รู้ละเอียดแล้ว ยังไงเราก็ขอแนะนำหนังสือเล่มนี้ติดตัวไว้สำหรับคุณผู้หญิง และคุณผู้ชายก็ดีเพราะจะได้เข้าใจและคอยดูแลผู้หญิงที่เรารัก

พอดีไปเราไปเจอหนังสือเรื่องรักแท้ไม่น่าจะแพ้อะไรนี้โดยบังเอิญเข้า เห็นหนังสือทำได้น่ารักดี กระดาษด้านๆสีสดใด ใช้กระดาษน่าอ่านดี ตัวหนังสือการจัดเรียงโอเคใช้ได้ เป็นหนังเล่มเล็กที่มีขนาดพอเหมาะต่อการพกพาไปอ่าน ใส่กระเป๋าก็สะดวก แต่ติดนิดนึง ราคาค่อนข้างแรงไปหน่อย กูไม่เหมาะกับขนาดหนังสือเท่าไรอ่ะ เหอะๆ หรืออาจจะเป็นเพราะจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ชื่อดังอย่าง อะเดย์ ก็เป็นได้ เราเคยได้ยินเพื่อนพูดประมาณว่า หนังสือของสำนักพิมพ์หรือนิตยสารของอะเดย์เก็บไว้อนาคตราคาอาจจะสูง อันนี้ไม่รู้จริงรึป่าว แต่ก็ตัดสินใจเลือกมาอ่านแล้วอะนะ อิอิ ส่วนผู้แต่งหนังสือเรื่องรักแท้ไม่น่าจะแพ้อะไรนี้ก็คือ “พี่อ้อย” แห่งคลื่นวิทยุชื่อดังนามว่า คลับฟรายเดย์ นั้นเอง นี้แหละที่จะดึงดูดให้น่าอ่าน ฮาๆ เนื้อหาด้านในเปิดมาก็ประมาณเหมือนแนะนำตัวพี่อ้อย รวมไปถึงโยงพาดพิงไปถึงพี่ฉอดผู้เป็นเพื่อนสนิทด้วย หุหุ คำที่พี่อ้อยเขียนก็ออกแนวสไตล์พี่อ้อยเอง อ่านแล้วเหมือนมีเสียงพี่อ้อยมากระซิบข้างหู เสียงนุ่มๆน่าฟัง เบาๆสบายๆทำนองนั้น เนื้อหาที่พี่อ้อยเขียนก็สไตล์พี่อ้อยอีกเหมือนกัน หยิบยกเอาเรื่องต่างๆมาเล่ามาตอบเป็นเรื่องๆไป แต่ละเรื่องก็มีแนวไม่เหมือนกัน แตกต่างกันไป แต่ส่วนใหญ่จะสนุกสนานเฮฮา ซึ่งทั้งหมดจะแฝงไปด้วยแง่คิด มุมมองต่างๆ ค่อยสะกิดใจเราด้วยนะ บางเรื่องอ่านแล้วก็อมยิ้ม หัวเราะ ขำตามได้ แบบประมาณว่าคิดได้ไง ถามแบบนี้ได้ไง บางที่ก็ไม่น่าจะเอาเรื่องนี้มาเป็นประเด็นถามได้นะ ฮาๆๆ แต่คนเราอ่ะเนอะ มีหลายแบบหลายครอบครัวหลายความคิด เรื่องบางเรื่องเล็กๆน้อยก็เอามาหยิบยกเป็นประเด็นใหญ่ เรื่องบางเรื่องก็น่าจะตัดสินใจได้ด้วยตนเอง แต่ก็อยากยินความคิดเห็นคนอื่นหรือได้รับคำแนะนำและอาจอยากได้คนสนับสนุนเป็นแรงผลักดันก็แล้วแต่คน เรื่องนี้เลยให้ความรู้สึกเราหลายๆอย่าง บางเรื่องนะมันก็เหมือนสะท้อนตัวเราเลยอ่ะ พอมานั่งอ่าน เออว่ะ เราเคยทำอ่านไปก็ตลกตัวเองไป อายไป ทำไปได้ยังไง บางเรื่องก็โดดกับสิ่งที่เราประสบพบเจอ แล้วแบบเออพี่อ้อยก็เหมือนสอนๆใจเรา เหมือนบอกแนวทางให้เหมือนกัน และอีกอย่างน้อยจากสาระเนื้อหาดีๆที่พี่อ้อยคัดสรรค์มาให้เราแล้ว ก็มีรูปวาดน่ารักมาให้เราดูสลับกับเนื้อหาตลอดทั้งเล่มด้วย ซึ่งแต่ละรูปไม่ใช้เห็นแล้วสวย เห็นแล้วน่ารัก สีสันสดใส แค่อย่างเดียว แต่เหมือนรูปมันก็สอนหรือเตือนใจเราที่ได้มองด้วยนะ โดยรวมแล้วเล่มนี้โอเค และอย่างที่เคยบอกไป ติดอย่างเดียว ราคาค่อนข้างแรงไปหน่อย แต่ก็ไม่ได้ทำให้กระเป๋าแบนเลยซะทีเดียว

พอดีไปเราไปเจอหนังสือเรื่องรักแท้ไม่น่าจะแพ้อะไรนี้โดยบังเอิญเข้า เห็นหนังสือทำได้น่ารักดี กระดาษด้านๆสีสดใด ใช้กระดาษน่าอ่านดี ตัวหนังสือการจัดเรียงโอเคใช้ได้ เป็นหนังเล่มเล็กที่มีขนาดพอเหมาะต่อการพกพาไปอ่าน ใส่กระเป๋าก็สะดวก แต่ติดนิดนึง ราคาค่อนข้างแรงไปหน่อย กูไม่เหมาะกับขนาดหนังสือเท่าไรอ่ะ เหอะๆ หรืออาจจะเป็นเพราะจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ชื่อดังอย่าง อะเดย์ ก็เป็นได้ เราเคยได้ยินเพื่อนพูดประมาณว่า หนังสือของสำนักพิมพ์หรือนิตยสารของอะเดย์เก็บไว้อนาคตราคาอาจจะสูง อันนี้ไม่รู้จริงรึป่าว แต่ก็ตัดสินใจเลือกมาอ่านแล้วอะนะ อิอิ ส่วนผู้แต่งหนังสือเรื่องรักแท้ไม่น่าจะแพ้อะไรนี้ก็คือ “พี่อ้อย” แห่งคลื่นวิทยุชื่อดังนามว่า คลับฟรายเดย์ นั้นเอง นี้แหละที่จะดึงดูดให้น่าอ่าน ฮาๆ เนื้อหาด้านในเปิดมาก็ประมาณเหมือนแนะนำตัวพี่อ้อย รวมไปถึงโยงพาดพิงไปถึงพี่ฉอดผู้เป็นเพื่อนสนิทด้วย หุหุ คำที่พี่อ้อยเขียนก็ออกแนวสไตล์พี่อ้อยเอง อ่านแล้วเหมือนมีเสียงพี่อ้อยมากระซิบข้างหู เสียงนุ่มๆน่าฟัง เบาๆสบายๆทำนองนั้น เนื้อหาที่พี่อ้อยเขียนก็สไตล์พี่อ้อยอีกเหมือนกัน หยิบยกเอาเรื่องต่างๆมาเล่ามาตอบเป็นเรื่องๆไป แต่ละเรื่องก็มีแนวไม่เหมือนกัน แตกต่างกันไป แต่ส่วนใหญ่จะสนุกสนานเฮฮา ซึ่งทั้งหมดจะแฝงไปด้วยแง่คิด มุมมองต่างๆ ค่อยสะกิดใจเราด้วยนะ บางเรื่องอ่านแล้วก็อมยิ้ม หัวเราะ ขำตามได้ แบบประมาณว่าคิดได้ไง ถามแบบนี้ได้ไง บางที่ก็ไม่น่าจะเอาเรื่องนี้มาเป็นประเด็นถามได้นะ ฮาๆๆ แต่คนเราอ่ะเนอะ มีหลายแบบหลายครอบครัวหลายความคิด เรื่องบางเรื่องเล็กๆน้อยก็เอามาหยิบยกเป็นประเด็นใหญ่ เรื่องบางเรื่องก็น่าจะตัดสินใจได้ด้วยตนเอง แต่ก็อยากยินความคิดเห็นคนอื่นหรือได้รับคำแนะนำและอาจอยากได้คนสนับสนุนเป็นแรงผลักดันก็แล้วแต่คน เรื่องนี้เลยให้ความรู้สึกเราหลายๆอย่าง บางเรื่องนะมันก็เหมือนสะท้อนตัวเราเลยอ่ะ พอมานั่งอ่าน เออว่ะ เราเคยทำอ่านไปก็ตลกตัวเองไป อายไป ทำไปได้ยังไง บางเรื่องก็โดดกับสิ่งที่เราประสบพบเจอ แล้วแบบเออพี่อ้อยก็เหมือนสอนๆใจเรา เหมือนบอกแนวทางให้เหมือนกัน และอีกอย่างน้อยจากสาระเนื้อหาดีๆที่พี่อ้อยคัดสรรค์มาให้เราแล้ว ก็มีรูปวาดน่ารักมาให้เราดูสลับกับเนื้อหาตลอดทั้งเล่มด้วย ซึ่งแต่ละรูปไม่ใช้เห็นแล้วสวย เห็นแล้วน่ารัก สีสันสดใส แค่อย่างเดียว แต่เหมือนรูปมันก็สอนหรือเตือนใจเราที่ได้มองด้วยนะ โดยรวมแล้วเล่มนี้โอเค และอย่างที่เคยบอกไป ติดอย่างเดียว ราคาค่อนข้างแรงไปหน่อย แต่ก็ไม่ได้ทำให้กระเป๋าแบนเลยซะทีเดียว

ขึ้นชื่อว่าประเทศญี่ปุ่น ย้อมน่าเที่ยวไม่ประเทศอื่นเลยทีเดียวและเราก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบและใฝ่ฝันว่าจะไปประเทศญี่ปุ่นสักครั้งหนึ่งในชีวิต ญี่ปุ่นสำหรับเราทั้งอากาศดี ที่เที่ยวเยอะน่าเที่ยว และที่สำคัญคือเราอยากไปกินร้านอาหารที่ญี่ปุ่นมากกกก และเราก็คิดว่าถ้าได้มีโอกาสไปประเทศญี่ปุ่นจริงๆ ต้องไปเองไม่ใช่ไปกับทัวร์ท่องเที่ยวถึงจะคุ้ม และการที่เราจะไปที่ประเทศญี่ปุ่นเอง ค่าใช้จ่ายจะสูงเอามากๆ เฉพาะฉะนั้นเราก็เลยหาหนังสือไว้เป็นไกด์นำทาง เอาไว้ศึกษาก่อนเผื่อได้ไป ฮาๆๆ และเราก็ไปเจอหนังสือเล่มนี้ หนังสือเรื่อง ญี่ปุ่นอยู่ในใจเสมอ เล่ม 3 ซึ่งเราไม่รู้หรอกว่าเล่มหนึ่งกับเล่มสองเนื้อหาเป็นยังไง เพราะเราเจอแต่เล่มนี้ ตอนไปหานะเปิดอ่านผ่านๆก็ใช่แล้ว รูปสวยน่าไปเอามากๆ มีแผนที่ด้วย โดนใจสุดๆ เลยเอามาครอบครองซะเลย แต่ละหน้าแต่ละรูปพิมพ์สีทั้งเล่ม แต่เป็นกระดาษด้านนะ ไม่ได้เป็นเหมือนการ์ดที่เงาๆ เล่มนี้จะเป็นการแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวรวมถึงร้านค้าของกินด้วยในโทโฮกุหรือภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะแบ่งออกเป็นจังหวัดต่างๆ อาทิเช่น จังหวัดอะโอะโมริ จังหวัดยะมะงะตะ จังหวัดฟุกุชิมะ เป็นต้น รวมไปถึงสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในเกาะฮอกไกโด อาทิเช่น ฟุระโนะ นิซึโกะ และที่เด่นและน่าไปสุดๆคือ ซัปโปโร ซึ่งที่ซัปโปโรนี้เป็นเมืองเอกของฮอกไกโดเลยแหละ เมืองวันก่อนเราเห็นรายการหนึ่งทางโทรทัศน์พาไปดูเมืองนี้ด้วยแหละ เราชอบที่สุดคือ สวนโอโดริ เป็นสวนสาธารณะที่อยู่ใจกลางเมืองของเมืองซัปโปโรแหละ ซึ่งเป็นสวนที่มีความยาวมากๆ น่าไปมากๆอ่ะ แล้วหนงสือเล่มนี้แต่ละรูป็ชวนให้ไปซะเหลือเกิน จัดเรียงรปได้ดีมาก มุมแต่ละมุมที่ถ่ายมาก็ใช้ได้เลย ลีกอย่างที่ชอบมากสำหรับหนังสือเล่มนี้คือ มีทั้งแผนที่ไป แผนที่ของสถานที่ท่องเที่ยว แผนที่ตารางรถไฟฟ้า เวลาต่างๆทั้งเวลารถไฟ เวลาเปิดปิดสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ รวมไปถึงเวลาของร้านแต่ละร้านด้วยบอกละเอียดมากๆ และที่สำคัญคือบอกราคาเราให้คำนวณล่วงหน้าก่อนไปเลยทีเดียว ฮาๆๆๆ นอกจากนี้ยังบอกเรื่องการเดินทางไปโดยเครื่องบินด้วยนะ ดีไม่ละเอียดยันแพ็คกระเปา ฮาๆ และยังบอกตารางเทศกาลต่างๆและฤดูกาลทั้งสี่ฤดูด้วย แถมยังช่วยแนะนำว่าเราควรจะไปตอนไหน อะไร ยังไงอีก ดีอ่ะ เล่มเดียวครบเลย ราคาก็ไม่แรงด้วย ถูกกว่านิยายบางเล่มที่เราอ่านอีก แถมมีประโยชน์ดวยแหละ ถ้าเราได้ไปจริงๆ เล่มนี้จะติดตัวเราตลอดแน่ๆรับรอง อิอิ

ขึ้นชื่อว่าประเทศญี่ปุ่น ย้อมน่าเที่ยวไม่ประเทศอื่นเลยทีเดียวและเราก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบและใฝ่ฝันว่าจะไปประเทศญี่ปุ่นสักครั้งหนึ่งในชีวิต ญี่ปุ่นสำหรับเราทั้งอากาศดี ที่เที่ยวเยอะน่าเที่ยว และที่สำคัญคือเราอยากไปกินร้านอาหารที่ญี่ปุ่นมากกกก และเราก็คิดว่าถ้าได้มีโอกาสไปประเทศญี่ปุ่นจริงๆ ต้องไปเองไม่ใช่ไปกับทัวร์ท่องเที่ยวถึงจะคุ้ม และการที่เราจะไปที่ประเทศญี่ปุ่นเอง ค่าใช้จ่ายจะสูงเอามากๆ เฉพาะฉะนั้นเราก็เลยหาหนังสือไว้เป็นไกด์นำทาง เอาไว้ศึกษาก่อนเผื่อได้ไป ฮาๆๆ และเราก็ไปเจอหนังสือเล่มนี้ หนังสือเรื่อง ญี่ปุ่นอยู่ในใจเสมอ เล่ม 3 ซึ่งเราไม่รู้หรอกว่าเล่มหนึ่งกับเล่มสองเนื้อหาเป็นยังไง เพราะเราเจอแต่เล่มนี้ ตอนไปหานะเปิดอ่านผ่านๆก็ใช่แล้ว รูปสวยน่าไปเอามากๆ มีแผนที่ด้วย โดนใจสุดๆ เลยเอามาครอบครองซะเลย แต่ละหน้าแต่ละรูปพิมพ์สีทั้งเล่ม แต่เป็นกระดาษด้านนะ ไม่ได้เป็นเหมือนการ์ดที่เงาๆ เล่มนี้จะเป็นการแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวรวมถึงร้านค้าของกินด้วยในโทโฮกุหรือภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะแบ่งออกเป็นจังหวัดต่างๆ อาทิเช่น จังหวัดอะโอะโมริ จังหวัดยะมะงะตะ จังหวัดฟุกุชิมะ เป็นต้น รวมไปถึงสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในเกาะฮอกไกโด อาทิเช่น ฟุระโนะ นิซึโกะ และที่เด่นและน่าไปสุดๆคือ ซัปโปโร ซึ่งที่ซัปโปโรนี้เป็นเมืองเอกของฮอกไกโดเลยแหละ เมืองวันก่อนเราเห็นรายการหนึ่งทางโทรทัศน์พาไปดูเมืองนี้ด้วยแหละ เราชอบที่สุดคือ สวนโอโดริ เป็นสวนสาธารณะที่อยู่ใจกลางเมืองของเมืองซัปโปโรแหละ ซึ่งเป็นสวนที่มีความยาวมากๆ น่าไปมากๆอ่ะ แล้วหนงสือเล่มนี้แต่ละรูป็ชวนให้ไปซะเหลือเกิน จัดเรียงรปได้ดีมาก มุมแต่ละมุมที่ถ่ายมาก็ใช้ได้เลย ลีกอย่างที่ชอบมากสำหรับหนังสือเล่มนี้คือ มีทั้งแผนที่ไป แผนที่ของสถานที่ท่องเที่ยว แผนที่ตารางรถไฟฟ้า เวลาต่างๆทั้งเวลารถไฟ เวลาเปิดปิดสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ รวมไปถึงเวลาของร้านแต่ละร้านด้วยบอกละเอียดมากๆ และที่สำคัญคือบอกราคาเราให้คำนวณล่วงหน้าก่อนไปเลยทีเดียว ฮาๆๆๆ นอกจากนี้ยังบอกเรื่องการเดินทางไปโดยเครื่องบินด้วยนะ ดีไม่ละเอียดยันแพ็คกระเปา ฮาๆ และยังบอกตารางเทศกาลต่างๆและฤดูกาลทั้งสี่ฤดูด้วย แถมยังช่วยแนะนำว่าเราควรจะไปตอนไหน อะไร ยังไงอีก ดีอ่ะ เล่มเดียวครบเลย ราคาก็ไม่แรงด้วย ถูกกว่านิยายบางเล่มที่เราอ่านอีก แถมมีประโยชน์ดวยแหละ ถ้าเราได้ไปจริงๆ เล่มนี้จะติดตัวเราตลอดแน่ๆรับรอง อิอิ

ปกติแล้วเราเป็นคนที่พูดตรงๆ ตรงไปตรงมา ชอบพูดก่อนคิดตลอด ปากไว้กว่าสมอง โดยที่จริงๆแล้วเราไม่ได้คิดอะไรหรือบ้างครั้งความคิดก็ไม่ได้เป็นอย่างที่ปากพูดไปเสมอ ซึ่งมันเป็นผลเสียของเราเอามากๆ บ้างครั้งจะมีผลกระทบที่ตามมาอยู่เสมอ เราเลยอยากหาวิธีหรือข้อแนะนำที่จะช่วยให้เราดีขึ้น และก็มาเจอหนังสือเล่มนี้ หนังสือเรื่อง 10 กลยุทธ์พูดดีโดนใจ หนังสือเล่มนี้อัดแน่นไปด้วยเนื้อหาที่มีคุณภาพ จะออกแนวเหมือนหนังสือเรียนอะ โดยจะสอนวิธีขั้นตอนกลยุทธ์เคล็ดลับในการพูดให้เราในแบบต่างๆ รวมไปถึงสถานที่และโอกาสต่างๆอีกด้วย อาทิเช่น กลยุทธ์ในการพูดในที่ชุมชน จะเป็นกลยุทธ์ที่ใช้พูดในคนหมู่มาก โดยปกติแล้วเราก็ไม่ได้ไปอยู่ในสถานการณ์ที่มีการรวมกันของคนในชุมชนสักเท่าไร แต่ก็นานๆทีจะไปสักครั้งตามงานฉลองเทศกาลต่างๆ ปกติเวลาไปเราจะไม่ค่อยได้คุยกับใครสักเท่าไร เพราะกลัวนิสัยการพูดของตัวเองจะไปสะกิดใจใครเข้าแล้วจะมีปัญหากันซะป่าวๆ พอได้มาอ่านหนังสือเล่มนี้ก็ช่วยเราได้อยู่นะ อ่านแล้วสามารถนำมาใช้ไดจริงๆ ส่วนหัวข้อพูดที่ไหนก็ได้ใจนี้เป็นหัวข้อที่เราชอบมากเลยละ เพราะสิ่งที่เราหวังเสมอจากการพูดคุยหรือสนทนา ไม่ว่าจะกับเพื่อนหรือญาติ รวมไปถึงคนรู้จักทั่วไปหรืออาจจะไม่รู้จัก สิ่งที่เราหวังสมอคือความประทับใจในการพูดคุยกันในแต่ละครั้ง เพราะมันจะเป็นแรกที่สานสัมพันธ์การทำความรู้จักในครั้งต่อๆไป เราเลยชอบหัวข้อนี้เป็นพิเศษจากหัวข้ออื่นๆเลยแหละ เพราะพอเราอ่านแล้วเอามาลองใช้ก็ได้ผลอยู่นะ และอีกหัวข้อนึงที่เราชอบรองลงมาก็คือกลยุทธ์ในการจัดการจัดการผู้ฟังให้อยู่หมัด ฮาๆๆ เพราะอะไรอะหรอ เพราะปกติเวลาเราพูด ในความคิดเราคนที่สนใจในสิ่งที่เราพูดมักจะมองตาหรือมองหน้ามากกว่าเบือนหน้าหนีละสิ ซึ่งหาน้อยมากในการคุยกันแต่ละครั้ง หัวข้อกลยุทธ์ในการจัดการผู้ฟังให้อยู่หมัดเลยเป็นหัวข้อรองลงมาที่เราสนใจเป็นพิเศษ ซึ่งเราคิดว่ามันได้ผลอยู่นะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราว่าการที่เราจะพูดทั้งในแบบที่เป็นทางการหรือไม่เป็นทางการ ทั้งกับคนที่สนิท คนที่รู้จัก หรือแม้กระทั้งคนที่ไม่รู้จักก็ตาม หนังสือเล่มนี้ก็เป็นแค่ตัวช่วยที่ดีในการเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่ที่สำคัญที่สุดคือตัวเราพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองไหม พร้อมที่จะเอากลยุทธ์ต่างๆจากหนังสือมาใช้ไหม เพราะหนังสือเค้าก็มีวิธีที่ดีให้สำหรับราแล้ว อยู่ที่ว่าเราจะเอาวิธีเหล่านั้นไปใช้รึป่าวเท่านั้นเอง

ปกติแล้วเราเป็นคนที่พูดตรงๆ ตรงไปตรงมา ชอบพูดก่อนคิดตลอด ปากไว้กว่าสมอง โดยที่จริงๆแล้วเราไม่ได้คิดอะไรหรือบ้างครั้งความคิดก็ไม่ได้เป็นอย่างที่ปากพูดไปเสมอ ซึ่งมันเป็นผลเสียของเราเอามากๆ บ้างครั้งจะมีผลกระทบที่ตามมาอยู่เสมอ เราเลยอยากหาวิธีหรือข้อแนะนำที่จะช่วยให้เราดีขึ้น และก็มาเจอหนังสือเล่มนี้ หนังสือเรื่อง 10 กลยุทธ์พูดดีโดนใจ หนังสือเล่มนี้อัดแน่นไปด้วยเนื้อหาที่มีคุณภาพ จะออกแนวเหมือนหนังสือเรียนอะ โดยจะสอนวิธีขั้นตอนกลยุทธ์เคล็ดลับในการพูดให้เราในแบบต่างๆ รวมไปถึงสถานที่และโอกาสต่างๆอีกด้วย อาทิเช่น กลยุทธ์ในการพูดในที่ชุมชน จะเป็นกลยุทธ์ที่ใช้พูดในคนหมู่มาก โดยปกติแล้วเราก็ไม่ได้ไปอยู่ในสถานการณ์ที่มีการรวมกันของคนในชุมชนสักเท่าไร แต่ก็นานๆทีจะไปสักครั้งตามงานฉลองเทศกาลต่างๆ ปกติเวลาไปเราจะไม่ค่อยได้คุยกับใครสักเท่าไร เพราะกลัวนิสัยการพูดของตัวเองจะไปสะกิดใจใครเข้าแล้วจะมีปัญหากันซะป่าวๆ พอได้มาอ่านหนังสือเล่มนี้ก็ช่วยเราได้อยู่นะ อ่านแล้วสามารถนำมาใช้ไดจริงๆ ส่วนหัวข้อพูดที่ไหนก็ได้ใจนี้เป็นหัวข้อที่เราชอบมากเลยละ เพราะสิ่งที่เราหวังเสมอจากการพูดคุยหรือสนทนา ไม่ว่าจะกับเพื่อนหรือญาติ รวมไปถึงคนรู้จักทั่วไปหรืออาจจะไม่รู้จัก สิ่งที่เราหวังสมอคือความประทับใจในการพูดคุยกันในแต่ละครั้ง เพราะมันจะเป็นแรกที่สานสัมพันธ์การทำความรู้จักในครั้งต่อๆไป เราเลยชอบหัวข้อนี้เป็นพิเศษจากหัวข้ออื่นๆเลยแหละ เพราะพอเราอ่านแล้วเอามาลองใช้ก็ได้ผลอยู่นะ และอีกหัวข้อนึงที่เราชอบรองลงมาก็คือกลยุทธ์ในการจัดการจัดการผู้ฟังให้อยู่หมัด ฮาๆๆ เพราะอะไรอะหรอ เพราะปกติเวลาเราพูด ในความคิดเราคนที่สนใจในสิ่งที่เราพูดมักจะมองตาหรือมองหน้ามากกว่าเบือนหน้าหนีละสิ ซึ่งหาน้อยมากในการคุยกันแต่ละครั้ง หัวข้อกลยุทธ์ในการจัดการผู้ฟังให้อยู่หมัดเลยเป็นหัวข้อรองลงมาที่เราสนใจเป็นพิเศษ ซึ่งเราคิดว่ามันได้ผลอยู่นะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราว่าการที่เราจะพูดทั้งในแบบที่เป็นทางการหรือไม่เป็นทางการ ทั้งกับคนที่สนิท คนที่รู้จัก หรือแม้กระทั้งคนที่ไม่รู้จักก็ตาม หนังสือเล่มนี้ก็เป็นแค่ตัวช่วยที่ดีในการเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่ที่สำคัญที่สุดคือตัวเราพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองไหม พร้อมที่จะเอากลยุทธ์ต่างๆจากหนังสือมาใช้ไหม เพราะหนังสือเค้าก็มีวิธีที่ดีให้สำหรับราแล้ว อยู่ที่ว่าเราจะเอาวิธีเหล่านั้นไปใช้รึป่าวเท่านั้นเอง

เรื่อง 10 ขั้นตอนในการเปลี่ยนบุคลิกนี้ เป็นหนังสือที่เราตั้งใจจะอ่านเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเราเองให้ดีขึ้นจากเดิม โดยจุดประสงค์ที่แท้จริงของผู้แต่งคือ คุณรณชัย ธรรมปรีดา คือต้องการให้ผู้อ่านพัฒนาศักยภาพของตนเองด้วยขั้นตอนหรือคำแนะนำ รวมไปถึงแง่คิดต่างๆที่ได้อ่านจากหนังสือ โดยหนังสือเล่มนี้จะเปรียบขั้นตอนต่างๆให้เป็นเสมือนกุญแจไวไขกุญแจ หรือจะให้อธิบายง่ายๆก็ประมาณว่า บอกขั้นตอนในการแก้ปัญหารึระงับอารมณ์เราไม่ให้เกิดปัญหาทำนองนี้แหละ ก็ช่วยให้เราเข้าใจและมีสติในการใช้ชีวิตขึ้นนะ การใช้ภาษาหรือเนื้อเรื่องที่คุณรณชัยเขียนก็เป็นภาษาทั่วไป เป็นประมาณคำพูดบรรยายจากชีวิตหรือเหตุการณ์ที่คุณรณชัยประสบจริงๆ รวมไปถึงใส่ความคิดเห็นและความรู้สึกของคุณรณชัยลงไปด้วย ออกแนวว่าได้อ่านชีวประวัติไปในตัวนะ ไม่ได้เป็นภาษาทางการ ไม่เป็นแบบคำที่เป็นหลักเป็นการ อ่านแล้วรู้สึกเพลินนะ ไม่เครียด สบายๆ เนื้อเรื่องโดยรวมถือว่าโอเค ใช้ได้อยู่ ซึ่งปกติเราว่าเราก็ไม่ได้มีบุคลิกภาพแย่เท่าไร แต่พอมาอ่านก็สามารถเอาไปพัฒนาความคิดและบุคลิกภาพตัวเองได้อยู่ ซึ่งหนังสือเรื่อง 10 ขั้นตอนในการเปลี่ยนบุคลิกนี้ ก็จะช่วยบอกเราในเรื่องการเปลี่ยนบุคลิกภาพในด้านต่างๆ อาทิเช่น บุคลิดภาพทางด้านอารมณ์ พออ่านแล้วเรารู้สึกว่าเข้าใจและว่าการระงับอารมณ์นี้เป็นสิ่งสำคัญจริงๆ เพราะถ้าราแสดงอารมณ์ที่ไม่ดีออกไปต่อคนรอบข้างเนี่ย ผลที่จะตามมามันเยอะจริงๆ และพอแสดงออกไปแล้ว มันไม่สามารถเรียกกลับมาได้ จะเสียความรู้สึกทั้งเราและคนอื่นเปล่าๆ หนังสือเล่มนี้ก็ได้เตือนใจเราไว้เหมือนกัน ส่วนเรื่องของความสัมพันธ์ ปกติเรามนุษยสัมพันธ์ไม่ค่อยดีเท่าไร ไม่ชอบความวุ่นวายอ่ะ คนรอบข้างเราก่นจะรู้จักเราจริงๆบออกเราเสมอว่าดูเหมือนหยิ่ง แต่จริงๆไม่มีอะไรนะ แค่ไม่ได้พูดไม่ได้ยิ้มแค่นั้น พอได้อ่านเล่มนี้แล้วแบบมันสำคัญอ่ะ เลยทำให้คิดว่าการที่เรารู้จักคนไว้เยอะ มนุษยสัมพันธ์ดี เวลาเรามีเรื่องอะไรหรือต้องการความช่วยเหลืออะไร คนพวกนี้แหละไม่มากก็น้อยจะช่วยเราได้เสมอ แล้วอีกอย่างถ้าเรามนุษยสัมพันธ์ดีนะ ไปไหนก็จะมีแต่คนรัก มีแต่มิตรไม่มีศัตรู คือเล่มนี้เตือนใจเราจริงๆ คือโดยรวมแล้วเนื้อหาจะช่วยเตือนสติเราให้เราใช้ชีวิตอย่างเป็นสุขซะมากกว่า ฮาๆๆ ซึ่งแต่ละกุญแจหือแต่ละข้อจะค่อยๆเตือนใจเตือนสติเราอยู่เสมอ ว่าการใช้ชีวิตให้มีความสุขมันเป็นยังไง แล้วเราก็ได้ข้อคิดจากความคิดและประสบการณ์ที่คุณรณชัยเล่ามาเยอะมากด้วย

เรื่อง 10 ขั้นตอนในการเปลี่ยนบุคลิกนี้ เป็นหนังสือที่เราตั้งใจจะอ่านเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเราเองให้ดีขึ้นจากเดิม โดยจุดประสงค์ที่แท้จริงของผู้แต่งคือ คุณรณชัย ธรรมปรีดา คือต้องการให้ผู้อ่านพัฒนาศักยภาพของตนเองด้วยขั้นตอนหรือคำแนะนำ รวมไปถึงแง่คิดต่างๆที่ได้อ่านจากหนังสือ โดยหนังสือเล่มนี้จะเปรียบขั้นตอนต่างๆให้เป็นเสมือนกุญแจไวไขกุญแจ หรือจะให้อธิบายง่ายๆก็ประมาณว่า บอกขั้นตอนในการแก้ปัญหารึระงับอารมณ์เราไม่ให้เกิดปัญหาทำนองนี้แหละ ก็ช่วยให้เราเข้าใจและมีสติในการใช้ชีวิตขึ้นนะ การใช้ภาษาหรือเนื้อเรื่องที่คุณรณชัยเขียนก็เป็นภาษาทั่วไป เป็นประมาณคำพูดบรรยายจากชีวิตหรือเหตุการณ์ที่คุณรณชัยประสบจริงๆ รวมไปถึงใส่ความคิดเห็นและความรู้สึกของคุณรณชัยลงไปด้วย ออกแนวว่าได้อ่านชีวประวัติไปในตัวนะ ไม่ได้เป็นภาษาทางการ ไม่เป็นแบบคำที่เป็นหลักเป็นการ อ่านแล้วรู้สึกเพลินนะ ไม่เครียด สบายๆ เนื้อเรื่องโดยรวมถือว่าโอเค ใช้ได้อยู่ ซึ่งปกติเราว่าเราก็ไม่ได้มีบุคลิกภาพแย่เท่าไร แต่พอมาอ่านก็สามารถเอาไปพัฒนาความคิดและบุคลิกภาพตัวเองได้อยู่ ซึ่งหนังสือเรื่อง 10 ขั้นตอนในการเปลี่ยนบุคลิกนี้ ก็จะช่วยบอกเราในเรื่องการเปลี่ยนบุคลิกภาพในด้านต่างๆ อาทิเช่น บุคลิดภาพทางด้านอารมณ์ พออ่านแล้วเรารู้สึกว่าเข้าใจและว่าการระงับอารมณ์นี้เป็นสิ่งสำคัญจริงๆ เพราะถ้าราแสดงอารมณ์ที่ไม่ดีออกไปต่อคนรอบข้างเนี่ย ผลที่จะตามมามันเยอะจริงๆ และพอแสดงออกไปแล้ว มันไม่สามารถเรียกกลับมาได้ จะเสียความรู้สึกทั้งเราและคนอื่นเปล่าๆ หนังสือเล่มนี้ก็ได้เตือนใจเราไว้เหมือนกัน ส่วนเรื่องของความสัมพันธ์ ปกติเรามนุษยสัมพันธ์ไม่ค่อยดีเท่าไร ไม่ชอบความวุ่นวายอ่ะ คนรอบข้างเราก่นจะรู้จักเราจริงๆบออกเราเสมอว่าดูเหมือนหยิ่ง แต่จริงๆไม่มีอะไรนะ แค่ไม่ได้พูดไม่ได้ยิ้มแค่นั้น พอได้อ่านเล่มนี้แล้วแบบมันสำคัญอ่ะ เลยทำให้คิดว่าการที่เรารู้จักคนไว้เยอะ มนุษยสัมพันธ์ดี เวลาเรามีเรื่องอะไรหรือต้องการความช่วยเหลืออะไร คนพวกนี้แหละไม่มากก็น้อยจะช่วยเราได้เสมอ แล้วอีกอย่างถ้าเรามนุษยสัมพันธ์ดีนะ ไปไหนก็จะมีแต่คนรัก มีแต่มิตรไม่มีศัตรู คือเล่มนี้เตือนใจเราจริงๆ คือโดยรวมแล้วเนื้อหาจะช่วยเตือนสติเราให้เราใช้ชีวิตอย่างเป็นสุขซะมากกว่า ฮาๆๆ ซึ่งแต่ละกุญแจหือแต่ละข้อจะค่อยๆเตือนใจเตือนสติเราอยู่เสมอ ว่าการใช้ชีวิตให้มีความสุขมันเป็นยังไง แล้วเราก็ได้ข้อคิดจากความคิดและประสบการณ์ที่คุณรณชัยเล่ามาเยอะมากด้วย

สวัสดีคะเพื่อนๆ วันนี้เราจะมารีวีวหนังสือเรื่อง 50 ร้านดัง เดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้าคะ โดยส่วนตัวแล้วครอบครัวของดิฉันไม่ได้มีรถยนต์เหมือนครอบครัวคนอื่นทั่วไป เวลาเดินทางไปไหนด้วยก็ค่อนข้างที่จะลำบากพอสมควรเลย พาหนะส่วนใหญที่ใช้ในการเดินทางของพวกเราก็ไม่พ้นรถเมย์ ดีกว่านั้นหน่อยก็แท็กซี่ ซึ่งถ้าจะไปไหนไกลๆ การนั่งแท็กซี่ก็ค่อนข้างที่จะแพงและยิ่งถ้ารถติดนี้อย่าให้พูดถึงเลย เสียอารมณืมากๆกว่าจะไปถึงปลายทาง พวกเราก็เลยต้องใช้บริการรถไฟฟ้าหรือรถไฟใต้ดินบ้างในบางโอกาส และสำหรับครอบครัวของดิฉันเวลาพักผ่อนหรือทำกิจกรรมรวมกันส่วนใหญ่ก็จะเน้นเรื่องกินซะมากกว่าเรื่องเที่ยว เพราะสถานที่เที่ยวในกรุ่งเทพก็ไม่ค่อยมีอะไรมาก ถ้าจะเที่ยวก็จะไปต่างจังหวัดเลย และเราก็มีโอกสได้ไปเจอหนังสือเล่มนี้ที่ร้านหนังสือชื่อดัง ที่สะดุดที่สุดในการตัดสินใจซื้อก็คือที่หน้าปกมีคำว่า “พิเศษ!! ทุกร้านมีคูปองพิเศษษษษษษษษษ” เท่านั้นแหละหยิบไปจ่ายตังแทบไม่ทั้ง ฮาๆๆๆ มีส่วนลดมีของแถมอะไรแบบนี้ มีหรือคนไทยอย่างเราจะพลาดได้ไง จริงป่ะ หุหุ และพอได้มาเปิดอ่านจริงๆคือดีนะ การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าจริงๆก็สะดวกอยู่แล้ว แถมยังรวดเร็วทันใจอีก โดยหนังสือเล่มนี้ได้รวบรวมร้านอาหารดังๆทั้ง 50 ร้านที่เดินทางโดยรถไฟฟ้า แต่ละร้านก็ล้วนแต่เป้นร้านเด็ดๆทั้งนั้น และหลายๆร้านในเล่มนี้กเป้นร้านที่ไม่เคยออกรายการหรือลงหนังสือเล่มไหนมาก่อนนะ พอดูรูปและเห็นราคาแล้วก็น่าสนใจหลายร้านเลย แถมยังมีคูปองส่วนลดให้อีก รวมๆราคาคูปองแล้วนี้ได้ค่าหนังสือเลยมั้ง ฮาๆๆ ถ้าได้ไปใช้ทุกร้านเราก็ว่าคุ้มนะที่ได้ซื้อมา แถมยังได้กินได้รู้จักร้านดีๆอีก และที่สำคัญไปกว่านั้นคือ คูปองไม่มีวันหมดอายุจ้า ใช้ได้จนแก่ตาย ฮาๆๆ ปกติเวลาเราจะไปกินอะไรที่มีส่วนลดก็ต้องไปให้ทันในช่วงวีนที่เค้ากำหนด เหมือนต้อวรีบๆๆไปเลย แล้วครอบครัวเราก็หาเวลาที่ตรงกันค่อยข้างยาก แต่นี้ไม่ต้องกังวลเลย เพราะบัตรใช้ได้ไม่มีวันหมดอายุ เราว่าโอเคนะ ที่เหลือก็แค่ไปชิมว่าอร่อยจริงไหม คุ้มกับการเดินทางและคำแนะนำในหนังสือรึป่าว ยังไงเราไปลองชิมก่อนนะ แล้วจะมารีวิวเรื่องรสชาติอีกทีว่าจะอร่อยไหม อิอิ

สวัสดีคะเพื่อนๆ วันนี้เราจะมารีวีวหนังสือเรื่อง 50 ร้านดัง เดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้าคะ โดยส่วนตัวแล้วครอบครัวของดิฉันไม่ได้มีรถยนต์เหมือนครอบครัวคนอื่นทั่วไป เวลาเดินทางไปไหนด้วยก็ค่อนข้างที่จะลำบากพอสมควรเลย พาหนะส่วนใหญที่ใช้ในการเดินทางของพวกเราก็ไม่พ้นรถเมย์ ดีกว่านั้นหน่อยก็แท็กซี่ ซึ่งถ้าจะไปไหนไกลๆ การนั่งแท็กซี่ก็ค่อนข้างที่จะแพงและยิ่งถ้ารถติดนี้อย่าให้พูดถึงเลย เสียอารมณืมากๆกว่าจะไปถึงปลายทาง พวกเราก็เลยต้องใช้บริการรถไฟฟ้าหรือรถไฟใต้ดินบ้างในบางโอกาส และสำหรับครอบครัวของดิฉันเวลาพักผ่อนหรือทำกิจกรรมรวมกันส่วนใหญ่ก็จะเน้นเรื่องกินซะมากกว่าเรื่องเที่ยว เพราะสถานที่เที่ยวในกรุ่งเทพก็ไม่ค่อยมีอะไรมาก ถ้าจะเที่ยวก็จะไปต่างจังหวัดเลย และเราก็มีโอกสได้ไปเจอหนังสือเล่มนี้ที่ร้านหนังสือชื่อดัง ที่สะดุดที่สุดในการตัดสินใจซื้อก็คือที่หน้าปกมีคำว่า “พิเศษ!! ทุกร้านมีคูปองพิเศษษษษษษษษษ” เท่านั้นแหละหยิบไปจ่ายตังแทบไม่ทั้ง ฮาๆๆๆ มีส่วนลดมีของแถมอะไรแบบนี้ มีหรือคนไทยอย่างเราจะพลาดได้ไง จริงป่ะ หุหุ และพอได้มาเปิดอ่านจริงๆคือดีนะ การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าจริงๆก็สะดวกอยู่แล้ว แถมยังรวดเร็วทันใจอีก โดยหนังสือเล่มนี้ได้รวบรวมร้านอาหารดังๆทั้ง 50 ร้านที่เดินทางโดยรถไฟฟ้า แต่ละร้านก็ล้วนแต่เป้นร้านเด็ดๆทั้งนั้น และหลายๆร้านในเล่มนี้กเป้นร้านที่ไม่เคยออกรายการหรือลงหนังสือเล่มไหนมาก่อนนะ พอดูรูปและเห็นราคาแล้วก็น่าสนใจหลายร้านเลย แถมยังมีคูปองส่วนลดให้อีก รวมๆราคาคูปองแล้วนี้ได้ค่าหนังสือเลยมั้ง ฮาๆๆ ถ้าได้ไปใช้ทุกร้านเราก็ว่าคุ้มนะที่ได้ซื้อมา แถมยังได้กินได้รู้จักร้านดีๆอีก และที่สำคัญไปกว่านั้นคือ คูปองไม่มีวันหมดอายุจ้า ใช้ได้จนแก่ตาย ฮาๆๆ ปกติเวลาเราจะไปกินอะไรที่มีส่วนลดก็ต้องไปให้ทันในช่วงวีนที่เค้ากำหนด เหมือนต้อวรีบๆๆไปเลย แล้วครอบครัวเราก็หาเวลาที่ตรงกันค่อยข้างยาก แต่นี้ไม่ต้องกังวลเลย เพราะบัตรใช้ได้ไม่มีวันหมดอายุ เราว่าโอเคนะ ที่เหลือก็แค่ไปชิมว่าอร่อยจริงไหม คุ้มกับการเดินทางและคำแนะนำในหนังสือรึป่าว ยังไงเราไปลองชิมก่อนนะ แล้วจะมารีวิวเรื่องรสชาติอีกทีว่าจะอร่อยไหม อิอิ

เราได้มีโอกาสหยิบเรื่องนี้มาอ่านและก็รู้สึกประทับใจนะ เพราะเรื่อง ชายาชีคแห่งเคย์ลัญ นี้เป็นนิยายที่แต่งโดย บราลี นักเขียนแห่งสำนักพิมพ์แฟนซี ซึ่งเป็นสำนักพิมพ์ที่เราไม่รู้จักเลย เป็นหนังสือนิยายเล่มบางๆที่มีหน้าปกเป็นหน้าผู้หญิงสวยๆ พอเห็นการออกแบบหน้าปกแล้วก็โอเคใช่ได้อยู่ เลยพลิกอ่านเรื่องย่อหลังเล่ม เท่านั้นและตัดสินใจจะอ่านเลย แค่เรื่องย่อก็น่าสนุกแล้วนะ คำเขียนที่ผู้แต่งใช่ก็กึ่งๆทางการบ้าง อ่านแล้วก็เข้าใจง่ายนะ เพราะเรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับราชวงศ์ กษัตริย์ การครองราช ประมาณนี้แหละ เนื้อเรื่องก็ประมาณว่านางเอกหรือ “ซาฟีร่าห์ พาดินี่” เป็นหญิงสาวจากตระกูลที่เก่าแก่ของประเทศเคย์ลัญ ที่เป็นประเทศที่เล็กๆ ตระกูลชื่อดังที่ผลิตไวท์ในกับราชวัง ซาฟีร่าห์จึงมีความสามารถพิเศษคือการดมกลิ่นรวมไปถึงการนวดและปรุงน้ำหอมที่มีกลิ่นเฉพาะที่ใช้ในการบำบัด รวมไปถึงเธอก็ได้ทำธุรกิจที่เกี่ยวกับสปา ซึ่งเป็นธุรกิจที่เธอรักและหวงแหนเอามากๆ ด้วยความที่กษัตริย์โกเทียร์กษัตริย์แห่งประเทศเคย์ลัญ ต้องการหญิงสาวที่ดีที่สุดในประเทศให้เข้าพิธีสมรสกับเจ้าชาย “เรย์ฮาห์น อัล ฟารูด” ซึ่งเป็นเจ้าชายลูกนอกสมรสของกษัตริย์โกเทียร์ และก่อนที่ซาฟีร่าห์จากเข้าเฝ้ากษัตริย์โกเทียร์ เธอก็ต้องไปจัดการเกี่ยวกับธุรกิจสปาของเธอให้เรียบร้อยซะก่อน และเธอก็เดินทางไปเวนิชเพื่อจัดการเรื่องธุรกิจให้เรียบร้อย แต่แล้วด้วยความบังเอิญเลยทำให้ซาฟีราห์ต้องไปนวดคลายกล้ามเนื้อด้วยน้ำมันหอมสูตรพิเศษที่เธอจะต้องปรุงขึ้นให้กับ “เรนัลโด้ เตเวซ” และด้วยความที่เรนัลโด้ เตเวซที่รูปร่างที่สมบูรณ์แบบมาดแมนซะสุดๆ (ตามที่ผู้แต่งได้บรรยายไว้ ฮาๆ) ทั้งๆที่เขาอายุก็น่าจะสี่สิบได้แล้ว ซึ่งความเป็นจริงนี้หายากนะ ที่จะเจอผู้ชายอายุเข้าเลขสี่แล้วมีรูปร่างหน้าตาที่สมบูรณ์แบบอ่ะ ชีวิตจริงนี้หาแทบไม่ได้นะถ้าคนนั้นไม่มีตัง ฮาๆๆ และสุดท้ายแล้วซาฟีร่าห์ก็เผลอปล่อยตัวปล่อยใจไปมีอะไรกับเรนัลโด้ และพอถึงวันที่กษัตริย์โกเทียร์ประกาศตัวทายาทของพระองค์ซึ่งมันเป็นวันเดียวกันกับที่ประกาศพิธีหมั้นระหว่างซาฟีร่าห์กับเจ้าชายเรย์ฮาห์น ซาฟีร่าห์จึงรู้ว่าเจ้าชายคือคนเดียวกับคนที่เธอมีอะไรด้วยที่เวนิช (บังเอิญสุด เป็นเราก็ไม่รู้หรอก) ซึ่งจากการมีอะไรกันวันนั้นทำให้เรนัลโด้หรือเจ้าชายเรย์ฮาห์นเข้าใจว่าซาฟีร่าห์เป็นผู้หญิงที่ไม่ได้คู่ควรกับเขา แต่เจ้าชายเองก็ไม่อาจหักหามใจเบซาฟิร่าห์ได้ และกว่าที่เจ้าชายเรย์ฮาห์นจะรู้ตัวรู้ใจตัวเองก็เกือบที่จะเสียซาฟีร่าห์และก็ลูกในท้องที่เกิดจากเจ้าชายเรย์ฮาห์นกับซาฟีร่าห์ไปซะแล้ว โดยรวมแล้วสนุกใช้ได้เลยนะ เราชอบนะ ถือว่าเป็นหนังสือเล่มแรกของสำนักพิมพ์แฟนซีที่ได้อ่าน และคิดว่าถ้ามีโอเสอ่านของแฟนซีอีกก็จะไม่ลังเลใจที่จะเลือกอีกแหละ

เราได้มีโอกาสหยิบเรื่องนี้มาอ่านและก็รู้สึกประทับใจนะ เพราะเรื่อง ชายาชีคแห่งเคย์ลัญ นี้เป็นนิยายที่แต่งโดย บราลี นักเขียนแห่งสำนักพิมพ์แฟนซี ซึ่งเป็นสำนักพิมพ์ที่เราไม่รู้จักเลย เป็นหนังสือนิยายเล่มบางๆที่มีหน้าปกเป็นหน้าผู้หญิงสวยๆ พอเห็นการออกแบบหน้าปกแล้วก็โอเคใช่ได้อยู่ เลยพลิกอ่านเรื่องย่อหลังเล่ม เท่านั้นและตัดสินใจจะอ่านเลย แค่เรื่องย่อก็น่าสนุกแล้วนะ คำเขียนที่ผู้แต่งใช่ก็กึ่งๆทางการบ้าง อ่านแล้วก็เข้าใจง่ายนะ เพราะเรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับราชวงศ์ กษัตริย์ การครองราช ประมาณนี้แหละ เนื้อเรื่องก็ประมาณว่านางเอกหรือ “ซาฟีร่าห์ พาดินี่” เป็นหญิงสาวจากตระกูลที่เก่าแก่ของประเทศเคย์ลัญ ที่เป็นประเทศที่เล็กๆ ตระกูลชื่อดังที่ผลิตไวท์ในกับราชวัง ซาฟีร่าห์จึงมีความสามารถพิเศษคือการดมกลิ่นรวมไปถึงการนวดและปรุงน้ำหอมที่มีกลิ่นเฉพาะที่ใช้ในการบำบัด รวมไปถึงเธอก็ได้ทำธุรกิจที่เกี่ยวกับสปา ซึ่งเป็นธุรกิจที่เธอรักและหวงแหนเอามากๆ ด้วยความที่กษัตริย์โกเทียร์กษัตริย์แห่งประเทศเคย์ลัญ ต้องการหญิงสาวที่ดีที่สุดในประเทศให้เข้าพิธีสมรสกับเจ้าชาย “เรย์ฮาห์น อัล ฟารูด” ซึ่งเป็นเจ้าชายลูกนอกสมรสของกษัตริย์โกเทียร์ และก่อนที่ซาฟีร่าห์จากเข้าเฝ้ากษัตริย์โกเทียร์ เธอก็ต้องไปจัดการเกี่ยวกับธุรกิจสปาของเธอให้เรียบร้อยซะก่อน และเธอก็เดินทางไปเวนิชเพื่อจัดการเรื่องธุรกิจให้เรียบร้อย แต่แล้วด้วยความบังเอิญเลยทำให้ซาฟีราห์ต้องไปนวดคลายกล้ามเนื้อด้วยน้ำมันหอมสูตรพิเศษที่เธอจะต้องปรุงขึ้นให้กับ “เรนัลโด้ เตเวซ” และด้วยความที่เรนัลโด้ เตเวซที่รูปร่างที่สมบูรณ์แบบมาดแมนซะสุดๆ (ตามที่ผู้แต่งได้บรรยายไว้ ฮาๆ) ทั้งๆที่เขาอายุก็น่าจะสี่สิบได้แล้ว ซึ่งความเป็นจริงนี้หายากนะ ที่จะเจอผู้ชายอายุเข้าเลขสี่แล้วมีรูปร่างหน้าตาที่สมบูรณ์แบบอ่ะ ชีวิตจริงนี้หาแทบไม่ได้นะถ้าคนนั้นไม่มีตัง ฮาๆๆ และสุดท้ายแล้วซาฟีร่าห์ก็เผลอปล่อยตัวปล่อยใจไปมีอะไรกับเรนัลโด้ และพอถึงวันที่กษัตริย์โกเทียร์ประกาศตัวทายาทของพระองค์ซึ่งมันเป็นวันเดียวกันกับที่ประกาศพิธีหมั้นระหว่างซาฟีร่าห์กับเจ้าชายเรย์ฮาห์น ซาฟีร่าห์จึงรู้ว่าเจ้าชายคือคนเดียวกับคนที่เธอมีอะไรด้วยที่เวนิช (บังเอิญสุด เป็นเราก็ไม่รู้หรอก) ซึ่งจากการมีอะไรกันวันนั้นทำให้เรนัลโด้หรือเจ้าชายเรย์ฮาห์นเข้าใจว่าซาฟีร่าห์เป็นผู้หญิงที่ไม่ได้คู่ควรกับเขา แต่เจ้าชายเองก็ไม่อาจหักหามใจเบซาฟิร่าห์ได้ และกว่าที่เจ้าชายเรย์ฮาห์นจะรู้ตัวรู้ใจตัวเองก็เกือบที่จะเสียซาฟีร่าห์และก็ลูกในท้องที่เกิดจากเจ้าชายเรย์ฮาห์นกับซาฟีร่าห์ไปซะแล้ว โดยรวมแล้วสนุกใช้ได้เลยนะ เราชอบนะ ถือว่าเป็นหนังสือเล่มแรกของสำนักพิมพ์แฟนซีที่ได้อ่าน และคิดว่าถ้ามีโอเสอ่านของแฟนซีอีกก็จะไม่ลังเลใจที่จะเลือกอีกแหละ

ปัจจุบันโลกของเราเปลี่ยนไปมาก ธรรมชาติเหลือน้อยลง มลพิษเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะฝีมือของเราเหล่ามนุษย์ทั้งหลายนี้แหละ ที่ชอบทำลายธรรมชาติและสร้างมลพิษขึ้นเพราะต้องการความสะดวกสบาย โดยลืมไปว่าเราได้ไปเบียดเบียนธรรมชาติจนเสียหายสุดๆ นอกจากจะทำลายธรรมชาติและสร้างมลภาวะทางสิ่งแวดล้อมแล้ว เรายังลืมไปว่าผลกระทบของมันยังหันมาทำลายสุขภาพของเราอีกด้วย หนังสือเรื่อง 1001 วิธีอยู่สบาย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เลยเป็นหนังสือที่จะช่วยให้เราอยู่กับธรรมชาติได้อย่างลงตัว โดยจะรวบรวมเนื้อหาที่เกี่ยวกับกลเม็ดเคล็ดลับวิธีต่างๆที่จะทำให้เราใส่ใจกับธรรมชาติได้มากขึ้น ก็จะส่งผลให้ชีวิตเราอยู่ดีขึ้นและสุขภาพดีขึ้นด้วยนะ เนื้อหาของหนังสือก็มีความหลากหลายมากมายที่ทำให้เราสนใจหันมาดูแลธรรมชาติมากขึ้น เช่น การทำผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดบ้านใช้เอง อันนี้ชอบมากนะ ประหยัดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนด้วยอ่ะ แถมยังไม่ทำลายธรรมชาติด้วย และก็ยังมีวิธีที่จะช่วยให้เราใช้เครื่องปรับอากาศในบ้านเราให้กินไฟน้อยด้วยแหละ ซึ่งมันง่ายมากเลย ไม่อยากแค่คิดจะเริ่มทำ ช่วยทั้งโลกช่วยทั้งเงินในกระเป๋า เครื่องปรับอากาศก็จะไม่พังเร็วด้วยนะ ยืดอายุไปได้เยอะเลย และยังมีขั้นตอนการทำอาหารเพื่อสุขภาพเราด้วยนะ หนังสือเล่มนี้สุดยอดไปเลยอ่ะ บ้านเรามีผู้สูงอายุด้วย เรื่องการทำอาหารเพื่อสุขภาพเลยช่วยเราได้เยอะเลย ทำให้เรารู้ว่าอาหารเพื่อสุขภาพนี้ทำได้ไม่ยากอย่างที่คิดเลยนะ รวมไปถึงการทำสวนแบบรักษาโลกเราด้วยนะ ซึ่งแม่ของเราชอบมากเรื่องนี้ เพราะแม่ชอบอยู่บ้านที่มีต้นไม้ อยู่กะธรรมชาติอยู่แล้ว เล่มนี้ก็ได้อธิบายขั้นตอนได้โดยละเอียด และยังแนะนำการขับรถให้ประหยัดน้ำมันอีกด้วย ซึ่งทุกเรื่องที่หนังสือเรื่อง 1001 วิธีอยู่สบาย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้แนะนำ สามารถนำมาปรับใช้ได้จริงในชีวิตประจำวันด้วยอ่ะ แถมยังช่วยสะกิดจิตใต้สำนึกของเราให้คิดถึงสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของตัวเองและคนใกล้ตัวอีกด้วย นอกจากเรื่องต่างๆที่เราบอกไปแล้วนะ ยังมีเรื่องอื่นอีกมากมายเลยที่หนังสือเล่มนี้ช่วยแนะนำและบอกขั้นตอนต่างๆให้เราด้วยแหละ โดยรวมแล้วเนื้อหาดี มีประโยชน์ ใช้ได้จริงๆในชีสิตประจำวัน แต่ขอเสียอย่างของหนังสือเล่มนี้คือราคาแหละ เราว่ามันค่อนข้างแพงไปหน่อยนะ ซึ่งทำให้สำหรับคนระดับปานกลางมันค่อนข้างที่จะตัดสินใจลำบากที่จะเลือกซื้อหนังสือเรื่องนี้ โดยเฉพาะเราเองก็คิดหนักเหมือนกันถ้าจะให้ซื้อ ทำได้แค่ยืมห้องสมุดอ่านอ่ะ

ปัจจุบันโลกของเราเปลี่ยนไปมาก ธรรมชาติเหลือน้อยลง มลพิษเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะฝีมือของเราเหล่ามนุษย์ทั้งหลายนี้แหละ ที่ชอบทำลายธรรมชาติและสร้างมลพิษขึ้นเพราะต้องการความสะดวกสบาย โดยลืมไปว่าเราได้ไปเบียดเบียนธรรมชาติจนเสียหายสุดๆ นอกจากจะทำลายธรรมชาติและสร้างมลภาวะทางสิ่งแวดล้อมแล้ว เรายังลืมไปว่าผลกระทบของมันยังหันมาทำลายสุขภาพของเราอีกด้วย หนังสือเรื่อง 1001 วิธีอยู่สบาย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เลยเป็นหนังสือที่จะช่วยให้เราอยู่กับธรรมชาติได้อย่างลงตัว โดยจะรวบรวมเนื้อหาที่เกี่ยวกับกลเม็ดเคล็ดลับวิธีต่างๆที่จะทำให้เราใส่ใจกับธรรมชาติได้มากขึ้น ก็จะส่งผลให้ชีวิตเราอยู่ดีขึ้นและสุขภาพดีขึ้นด้วยนะ เนื้อหาของหนังสือก็มีความหลากหลายมากมายที่ทำให้เราสนใจหันมาดูแลธรรมชาติมากขึ้น เช่น การทำผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดบ้านใช้เอง อันนี้ชอบมากนะ ประหยัดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนด้วยอ่ะ แถมยังไม่ทำลายธรรมชาติด้วย และก็ยังมีวิธีที่จะช่วยให้เราใช้เครื่องปรับอากาศในบ้านเราให้กินไฟน้อยด้วยแหละ ซึ่งมันง่ายมากเลย ไม่อยากแค่คิดจะเริ่มทำ ช่วยทั้งโลกช่วยทั้งเงินในกระเป๋า เครื่องปรับอากาศก็จะไม่พังเร็วด้วยนะ ยืดอายุไปได้เยอะเลย และยังมีขั้นตอนการทำอาหารเพื่อสุขภาพเราด้วยนะ หนังสือเล่มนี้สุดยอดไปเลยอ่ะ บ้านเรามีผู้สูงอายุด้วย เรื่องการทำอาหารเพื่อสุขภาพเลยช่วยเราได้เยอะเลย ทำให้เรารู้ว่าอาหารเพื่อสุขภาพนี้ทำได้ไม่ยากอย่างที่คิดเลยนะ รวมไปถึงการทำสวนแบบรักษาโลกเราด้วยนะ ซึ่งแม่ของเราชอบมากเรื่องนี้ เพราะแม่ชอบอยู่บ้านที่มีต้นไม้ อยู่กะธรรมชาติอยู่แล้ว เล่มนี้ก็ได้อธิบายขั้นตอนได้โดยละเอียด และยังแนะนำการขับรถให้ประหยัดน้ำมันอีกด้วย ซึ่งทุกเรื่องที่หนังสือเรื่อง 1001 วิธีอยู่สบาย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้แนะนำ สามารถนำมาปรับใช้ได้จริงในชีวิตประจำวันด้วยอ่ะ แถมยังช่วยสะกิดจิตใต้สำนึกของเราให้คิดถึงสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของตัวเองและคนใกล้ตัวอีกด้วย นอกจากเรื่องต่างๆที่เราบอกไปแล้วนะ ยังมีเรื่องอื่นอีกมากมายเลยที่หนังสือเล่มนี้ช่วยแนะนำและบอกขั้นตอนต่างๆให้เราด้วยแหละ โดยรวมแล้วเนื้อหาดี มีประโยชน์ ใช้ได้จริงๆในชีสิตประจำวัน แต่ขอเสียอย่างของหนังสือเล่มนี้คือราคาแหละ เราว่ามันค่อนข้างแพงไปหน่อยนะ ซึ่งทำให้สำหรับคนระดับปานกลางมันค่อนข้างที่จะตัดสินใจลำบากที่จะเลือกซื้อหนังสือเรื่องนี้ โดยเฉพาะเราเองก็คิดหนักเหมือนกันถ้าจะให้ซื้อ ทำได้แค่ยืมห้องสมุดอ่านอ่ะ

เราได้มีโอกาสอ่านหนังสือเรื่อง123 อิ่มอร่อยคันไซตอนไปเที่ยวที่บ้านพี่ เห็นมันวางอยู่เลยไปหยิบมาอ่าน เรื่อง123 อิ่มอร่อยคันไซ เล่มนี้ได้รวบรวมเนื้อหาที่เกี่ยวกับร้านอาหารในญี่ปุ่นกว่า 123 ร้าน เล่มนี้ได้รวบรวมร้านอาหารทั้งในโอซาก้า เกียวโต โกเบ รวมไปถึงนารา ร้านอาหารต่างๆพอดูรูปแล้วก็น่ากินเอามากๆ ซึ่งการได้ไปญี่ปุ่นนี้ก็เป็นความฝันของเราเลย เราฝันอยากจะไปญี่ปุ่นมากๆ พยายามเก็บเงินไปให้ได้ เพราะที่อยากไปก็เพราะของกินที่แสนจะน่ากินที่ญี่ปุ่นนี้แหละ เวลาดูรายการโทรทัศน์ช่องต่างๆ ดาราคนนู้นคนนี้พาไปกินนู้นนั้นนี้ที่ญี่ปุ่น เห็นแล้วน่ากินสุดๆ เราเลยฝันอยากจะได้ไปกินอาหารอร่อยๆที่ญี่ปุ่นเอามาก โดยเฉพาะรายการทีวีแชมเปี้ยนตอนเกี่ยวกับของกินนะ อยากจะทะลุเข้าไปในจอเลย เราเลยมีความคิดฝังใจตลอดว่าสักวันหนึ่งเราจะไปตะเวนกินทุกร้านเลย (เน้นกินอย่างเดียว ฮาๆๆ) แล้วหนังสือ123 อิ่มอร่อยคันไซ เล่มนี้ก็เชิญชวนเราสุดๆ แต่ละร้านนะของกินน่ากินทั้งนั้น และยังบอกถึงรายละเอียดการเดินทางไปที่ร้านตารางรถไฟระหว่างเมือง ตารางคำแนะนำร้านอาหาร รวมถึงเวลาเปิดปิดเบ็ดเสร็จอีก ดีมากเลย แต่ถ้าจะไปก็เหมาะสำหรับการแพ็คกระเป๋าไปเอง ไม่เหมาะที่จะไปกับทัวร์ต่างๆ เพราะทัวร์จะไม่ให้ออกนอกเส้นทางที่เค้าจะพาไปละสิ เฉพาะฉะนั้นถ้าเราไปเองค่าใช้จ่ายก็จะเยอะกว่า แล้วหนังสือเรื่องนี้ก็ได้บอกถึงเมณูเด็ดของร้าน รายละเอียดการเดินทาง แผนที่ ราคาต่างๆ เราก็จะสามารถคำนวณค่าใช้จ่ายและเลือกร้านที่เราอยากไปและ ราคาที่เราสามารถจ่ายได้ด้วย นอกจากนี้ยังบอกถึงเทศกาลต่างๆในญี่ปุ่นด้วย ถ้าเราไปในช่วงไหนก็สามารถเปิดดูได้ว่ามีเทศกาลอะไรบ้าง ไปยังไง ประเพณีที่นั้นเป็นยังไง เราจะได้ทำตัวถูก ไปแล้วจะได้ไม่อายนะ ฮาๆ แถมยังสอนภาษาญี่ปุ่นเราด้วยนะ แบบว่าหนืองสือเรื่อง123 อิ่มอร่อยคันไซนี้รวมความรู้เรื่องร้ายอาหารและเทศกาลต่างๆทั้งหมดเลย ชอบมากอ่ะ ถ้าได้ไปญี่ปุ่นจริงๆเราจะไปพลาดหยิบเล่มนี้ติดกระเป๋าไปเลย หนังสือเล่มนี้จะเป็นไกด์แนะนำให้เราได้เป็นอย่างดีเลยละ ตอนนี้เหลืออย่างเดียวคือเก็บเงินไปญี่ปุ่น ฮาๆๆ ข้อมูลเรื่องร้านอาหารและของกินก็ได้จากเรื่องนี้ไปเยอะและ ยังไงก็ต้องได้ไปพิสูจน์ว่าอร่อยจริงๆไหม เห็นเค้าแนะนำไว้เยอะแยะเลย ของเด็ดๆของแต่ละร้านทั้งนั้น โดยสรุปแล้วหนังสือเล่มนี้ดีนะสำหรับเรา ถ้าใครได้ไปญี่ปุ่นก็อย่าลืมไปกินตามร้านที่หนังสือ123 อิ่มอร่อยคันไซ แนะนำไว้นะ แล้วอร่อยจริงไหมก็แวะมาบอกกันบ้าง อิอิ

เราได้มีโอกาสอ่านหนังสือเรื่อง123 อิ่มอร่อยคันไซตอนไปเที่ยวที่บ้านพี่ เห็นมันวางอยู่เลยไปหยิบมาอ่าน เรื่อง123 อิ่มอร่อยคันไซ เล่มนี้ได้รวบรวมเนื้อหาที่เกี่ยวกับร้านอาหารในญี่ปุ่นกว่า 123 ร้าน เล่มนี้ได้รวบรวมร้านอาหารทั้งในโอซาก้า เกียวโต โกเบ รวมไปถึงนารา ร้านอาหารต่างๆพอดูรูปแล้วก็น่ากินเอามากๆ ซึ่งการได้ไปญี่ปุ่นนี้ก็เป็นความฝันของเราเลย เราฝันอยากจะไปญี่ปุ่นมากๆ พยายามเก็บเงินไปให้ได้ เพราะที่อยากไปก็เพราะของกินที่แสนจะน่ากินที่ญี่ปุ่นนี้แหละ เวลาดูรายการโทรทัศน์ช่องต่างๆ ดาราคนนู้นคนนี้พาไปกินนู้นนั้นนี้ที่ญี่ปุ่น เห็นแล้วน่ากินสุดๆ เราเลยฝันอยากจะได้ไปกินอาหารอร่อยๆที่ญี่ปุ่นเอามาก โดยเฉพาะรายการทีวีแชมเปี้ยนตอนเกี่ยวกับของกินนะ อยากจะทะลุเข้าไปในจอเลย เราเลยมีความคิดฝังใจตลอดว่าสักวันหนึ่งเราจะไปตะเวนกินทุกร้านเลย (เน้นกินอย่างเดียว ฮาๆๆ) แล้วหนังสือ123 อิ่มอร่อยคันไซ เล่มนี้ก็เชิญชวนเราสุดๆ แต่ละร้านนะของกินน่ากินทั้งนั้น และยังบอกถึงรายละเอียดการเดินทางไปที่ร้านตารางรถไฟระหว่างเมือง ตารางคำแนะนำร้านอาหาร รวมถึงเวลาเปิดปิดเบ็ดเสร็จอีก ดีมากเลย แต่ถ้าจะไปก็เหมาะสำหรับการแพ็คกระเป๋าไปเอง ไม่เหมาะที่จะไปกับทัวร์ต่างๆ เพราะทัวร์จะไม่ให้ออกนอกเส้นทางที่เค้าจะพาไปละสิ เฉพาะฉะนั้นถ้าเราไปเองค่าใช้จ่ายก็จะเยอะกว่า แล้วหนังสือเรื่องนี้ก็ได้บอกถึงเมณูเด็ดของร้าน รายละเอียดการเดินทาง แผนที่ ราคาต่างๆ เราก็จะสามารถคำนวณค่าใช้จ่ายและเลือกร้านที่เราอยากไปและ ราคาที่เราสามารถจ่ายได้ด้วย นอกจากนี้ยังบอกถึงเทศกาลต่างๆในญี่ปุ่นด้วย ถ้าเราไปในช่วงไหนก็สามารถเปิดดูได้ว่ามีเทศกาลอะไรบ้าง ไปยังไง ประเพณีที่นั้นเป็นยังไง เราจะได้ทำตัวถูก ไปแล้วจะได้ไม่อายนะ ฮาๆ แถมยังสอนภาษาญี่ปุ่นเราด้วยนะ แบบว่าหนืองสือเรื่อง123 อิ่มอร่อยคันไซนี้รวมความรู้เรื่องร้ายอาหารและเทศกาลต่างๆทั้งหมดเลย ชอบมากอ่ะ ถ้าได้ไปญี่ปุ่นจริงๆเราจะไปพลาดหยิบเล่มนี้ติดกระเป๋าไปเลย หนังสือเล่มนี้จะเป็นไกด์แนะนำให้เราได้เป็นอย่างดีเลยละ ตอนนี้เหลืออย่างเดียวคือเก็บเงินไปญี่ปุ่น ฮาๆๆ ข้อมูลเรื่องร้านอาหารและของกินก็ได้จากเรื่องนี้ไปเยอะและ ยังไงก็ต้องได้ไปพิสูจน์ว่าอร่อยจริงๆไหม เห็นเค้าแนะนำไว้เยอะแยะเลย ของเด็ดๆของแต่ละร้านทั้งนั้น โดยสรุปแล้วหนังสือเล่มนี้ดีนะสำหรับเรา ถ้าใครได้ไปญี่ปุ่นก็อย่าลืมไปกินตามร้านที่หนังสือ123 อิ่มอร่อยคันไซ แนะนำไว้นะ แล้วอร่อยจริงไหมก็แวะมาบอกกันบ้าง อิอิ

เรื่อง 108 ไอเดีย งานเนารูด เป็นหนังสือประเภทที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์งานประดิษฐ์ต่างๆให้ออกมาดูเก๋ไก๋ ตามสไตล์เรา สำหรับเราคิดว่าหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่เหมาะสำหรับคุณแม่บ้านทั้งหลายทั้งที่อยู่บ้านทำงานบ้าน หรือที่ออกไปทำงานประจำ รวมถึงเด็กคุณหนูๆของครอบครัว เพราะหนังสือเล่มนี้จะสามารถช่วยสร้างจินตนาการของเด็กๆได้เป้นอย่างดี แต่ต้องอยู่ในความดูแลของผู้ใหญ่อย่างใกล้ชิดด้วยนะ แถมยังจะทำให้เกิดความผูกผันกับครอบครัว เกิดเป็นงานอดิเรกช่วยสายสัมพันธ์กันอีกก็ได้ และนอกเหนือไปจากนั้นก็คือ หนังสือเล่มนี้ยังเหมาะที่จะเอามาสร้างเป็นอาชีพหลักหรืออาชีพเสริมได้อีกด้วย นอกจากจะสร้างจินตนาการให้กับเด็กๆแล้ว ยังสร้างไอเดียต่างๆให้กับผู้ใหญ่อย่างเราอีก เรายังคิดเลยว่าจะสามารถทำธุรกิจอะไรได้บ้างเป็นของตัวเอง เพราะการที่จะให้เราเป็นมนุษย์เงินเดือนไปตลอดชีวิตไม่ใช่แนวของเราเลย หนังสือเรื่อง 108 ไอเดีย งานเนารูดนี้เลยช่วยกระตุ้นความคิดการอยากสร้างธุรกิจของเราขึ้นเรื่อยๆ พอได้อ่านได้ดูได้ลองทำแล้วมันเก๋กู๊ดมาก เลยทำให้เรารู้ว่า จริงๆมันก็ไม่ได้อยากอย่างที่เราคิดนะ ถ้าเราจะสร้างสินค้าที่มาจากไอเดียและความคิดสร้างสรรค์ของเราเอง ไม่แน่สินค้าของเราอาจจะได้ส่งออกต่างประเทศก็ได้ ฮาๆๆๆ เห็นไหมคะว่าแค่หนังสือเล่มเดียว สามารถจุดประการความคิดได้หลายอย่างเลย แล้วอย่างนี้จะไม่หามาครอบครองได้อย่างไร นอกเหนือไปจากที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมดนะ หนังสือเรื่อง 108 ไอเดีย งานเนารูดเราว่ายังเหมาะสำหรับคุณผู้ชายด้วยนะ เหมาะยังไงอ่ะหรอ ก็สำหรับทำของขวัญชิ้นพิเศษให้กับคนที่รู้ใจไง เพราะปกติแล้วเราว่าคุณผู้ชายทั้งหลายไม่ได้ชอบหรือถนัดงานแบบนี้อยู่แล้ว และถ้าของขวัญที่อยากจะให้กับคนที่รู้ใจและพิเศษแล้วละก็ ถ้าได้เป็นขอขวัญที่ทำด้วยมือและมีชิ้นเดียว และทำด้วยความตั้งใจแล้วละก็ เรารักตายเลย ส่วนคุณผู้หญิงทั้งหลายก็เหมือนกันนะ ผู้ชายที่ได้ของที่เราที่ทำเพื่อเค้าแล้ว เค้าจะดีใจที่สุดเลยละเราว่า เห็นไหมว่าแค่หนังสือเรื่อง 108 ไอเดีย งานเนารูดเล่มนี้มีประโยชน์มากแค่ไหน ยังไงก็มีติดบ้านไว้ก็ดีนะคะ เรานี้ซื้อมาเก็บไว้เลย แล้วอีกอย่างเรายังสามารถทำของเก่าให้กลายเป็นของใหม่ที่น่าใช้หลายอย่างเลยจากไอเดียที่ได้จากเล่มนี้ เนื้อหาทั้งหมดในเล่มโอเคเลย วัสดุอุปกรณ์ก็หาได้ทั่วไป ไม่ได้ใช้ของที่หาซื้อยาก คำอธิบายและวิธีการก็บอกได้ชัดเจนดี สรุปแล้วเล่มนี้ผ่านใจเราฉลุยคะ ยังไงก็อย่าลืมหามาไว้ติดบ้านนะคะ รับรองว่าดีคะ

เรื่อง 108 ไอเดีย งานเนารูด เป็นหนังสือประเภทที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์งานประดิษฐ์ต่างๆให้ออกมาดูเก๋ไก๋ ตามสไตล์เรา สำหรับเราคิดว่าหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่เหมาะสำหรับคุณแม่บ้านทั้งหลายทั้งที่อยู่บ้านทำงานบ้าน หรือที่ออกไปทำงานประจำ รวมถึงเด็กคุณหนูๆของครอบครัว เพราะหนังสือเล่มนี้จะสามารถช่วยสร้างจินตนาการของเด็กๆได้เป้นอย่างดี แต่ต้องอยู่ในความดูแลของผู้ใหญ่อย่างใกล้ชิดด้วยนะ แถมยังจะทำให้เกิดความผูกผันกับครอบครัว เกิดเป็นงานอดิเรกช่วยสายสัมพันธ์กันอีกก็ได้ และนอกเหนือไปจากนั้นก็คือ หนังสือเล่มนี้ยังเหมาะที่จะเอามาสร้างเป็นอาชีพหลักหรืออาชีพเสริมได้อีกด้วย นอกจากจะสร้างจินตนาการให้กับเด็กๆแล้ว ยังสร้างไอเดียต่างๆให้กับผู้ใหญ่อย่างเราอีก เรายังคิดเลยว่าจะสามารถทำธุรกิจอะไรได้บ้างเป็นของตัวเอง เพราะการที่จะให้เราเป็นมนุษย์เงินเดือนไปตลอดชีวิตไม่ใช่แนวของเราเลย หนังสือเรื่อง 108 ไอเดีย งานเนารูดนี้เลยช่วยกระตุ้นความคิดการอยากสร้างธุรกิจของเราขึ้นเรื่อยๆ พอได้อ่านได้ดูได้ลองทำแล้วมันเก๋กู๊ดมาก เลยทำให้เรารู้ว่า จริงๆมันก็ไม่ได้อยากอย่างที่เราคิดนะ ถ้าเราจะสร้างสินค้าที่มาจากไอเดียและความคิดสร้างสรรค์ของเราเอง ไม่แน่สินค้าของเราอาจจะได้ส่งออกต่างประเทศก็ได้ ฮาๆๆๆ เห็นไหมคะว่าแค่หนังสือเล่มเดียว สามารถจุดประการความคิดได้หลายอย่างเลย แล้วอย่างนี้จะไม่หามาครอบครองได้อย่างไร นอกเหนือไปจากที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมดนะ หนังสือเรื่อง 108 ไอเดีย งานเนารูดเราว่ายังเหมาะสำหรับคุณผู้ชายด้วยนะ เหมาะยังไงอ่ะหรอ ก็สำหรับทำของขวัญชิ้นพิเศษให้กับคนที่รู้ใจไง เพราะปกติแล้วเราว่าคุณผู้ชายทั้งหลายไม่ได้ชอบหรือถนัดงานแบบนี้อยู่แล้ว และถ้าของขวัญที่อยากจะให้กับคนที่รู้ใจและพิเศษแล้วละก็ ถ้าได้เป็นขอขวัญที่ทำด้วยมือและมีชิ้นเดียว และทำด้วยความตั้งใจแล้วละก็ เรารักตายเลย ส่วนคุณผู้หญิงทั้งหลายก็เหมือนกันนะ ผู้ชายที่ได้ของที่เราที่ทำเพื่อเค้าแล้ว เค้าจะดีใจที่สุดเลยละเราว่า เห็นไหมว่าแค่หนังสือเรื่อง 108 ไอเดีย งานเนารูดเล่มนี้มีประโยชน์มากแค่ไหน ยังไงก็มีติดบ้านไว้ก็ดีนะคะ เรานี้ซื้อมาเก็บไว้เลย แล้วอีกอย่างเรายังสามารถทำของเก่าให้กลายเป็นของใหม่ที่น่าใช้หลายอย่างเลยจากไอเดียที่ได้จากเล่มนี้ เนื้อหาทั้งหมดในเล่มโอเคเลย วัสดุอุปกรณ์ก็หาได้ทั่วไป ไม่ได้ใช้ของที่หาซื้อยาก คำอธิบายและวิธีการก็บอกได้ชัดเจนดี สรุปแล้วเล่มนี้ผ่านใจเราฉลุยคะ ยังไงก็อย่าลืมหามาไว้ติดบ้านนะคะ รับรองว่าดีคะ

หนังสือเรื่อง 10 วิธี เที่ยวนอกง่ายๆ สไตล์นักเรียนทุน (เรียนไปเที่ยวไป กำไรชีวิต) เป็นหนังสือที่แนะนำวิธีการดำเนินการขั้นตอนต่างๆในการไปเรียนทุนต่อที่ต่างประเทศ ตั้งแต่การมองหาลู่ทางจนกระทั้งเรียนรู้การท่องเที่ยวในต่างประเทศแบบเด็กทุนไปพร้อมๆกัน ที่เราหยิบเรื่องนี้มาอ่าน ประเด็นมันมีอยู่ว่าเพื่อนแฟนเราก็ได้ไปแบบนี้เหมือนกัน ซึ่งจะเป็นการเดินทางไปในช่วงที่ปิดเทอม ประมาณสี่เดือนก็ว่าได้ แต่เป็นโครงการที่ไม่ได้ไปศึกษา ไปทำงานซะมากกว่า ซึ่งก็ไปใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศนานมากจริงๆ คุ้มเลยอะถ้าได้ไป เพราะถึงจะเสียตังค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด แต่เงินที่ได้จากการทำงานกลับมา ถึงมันจะน้อยสำหรับค่าครองชีพที่นั้น แต่ก็มากพอที่จะมาแลกเป็นเงินไทย และคุ้มค่ากับสิ่งที่ได้กลับมา ทั้งภาษา ประสบการณ์ ได้ท่องเที่ยว และที่สำคัญคือได้เงินด้วย ยิ่งถ้าคนที่รู้จักใช้รู้จักใช้รู้จักเก็บนะ เผลอๆกลับมาได้เป็นแสนก็อาจจะได้นะ ฮาๆๆ พอทำได้ตามกำหนดเวลาที่เค้ากำหนดใช่ป่ะ คราวนี้ก็ออกเที่ยวได้รัวๆ แบบพอลงรูปไปเที่ยวนู้นนั้นนี้ที เราก็อิจฉาด้วยความอิจฉาตาร้อนทุกครั้งที่ได้เห็นรูป อยากไปมากกกกกกกกกกก แล้วเราก็ดันมาอ่านหนังสือนิยายของแจ่มใสเรื่องหนึ่ง (จำชื่อไม่ได้) เนื้อเรื่องประมาณนี้แบบอีก แบบว่านางเอกไปทำงานต่างประเทศกับโครงการอะไรไม่รู้ แล้วก็บอกเล่าเรื่องราวที่ใช้ชีวิตในต่างประเทศระหว่างที่อยู่ที่นั้น แถมยังเจอพระเอกสุดแสนจะรวยอีก คิดดูถ้าเราได้ไปแล้วฟลุ๊คเจอแบบนางเอกนิยายจะแฮปปี้ขนาดไหน (ฝันเนอะ อิอิ) หนังสือเรื่อง10 วิธี เที่ยวนอกง่ายๆ สไตล์นักเรียนทุน (เรียนไปเที่ยวไป กำไรชีวิต) ก็เลยตอบโจทย์ความอยากไปของเราได้ดีเลยที่เดียว บอกทุกอย่างตั้งแต่ขั้นตอนการหาทุ่น ลู่ทางต่างๆว่าจะต้องทำยังไง เตรียมตัวเตรียมความพร้อมอย่างไรในการสมัคร ส่วนเรื่องเงินเราจะต้องเตรียมอะไรบ้าง ค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง คำนวณแล้วต้องเสียเท่าไร (จะได้เก็บตังถูก อิอิ) การขอวีซ่าและพลาสปอร์ต จะต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง ทำอะไรยังไงล่มนี้เค้าก็บอกหมด รวมถึงเรื่องการทำประกันในการเดินทาง การแลกเปลี่ยนเงินตราและการส่งเงินไปต่างประเทศ ตั๋วเครื่องบินเราจะต้องซื้อยังไง เตรียมอะไรบ้าง โดยส่วนตัวแล้วไม่เคยขึ้นจองตั๋วเครื่องบินเองเลยอ่ะ เคยแต่ไปกะทัวร์ ถ้าไม่มีหนังสือเล่มนี้บอกเราก็คงยังมึนๆแน่ อย่างน้อยเล่มนี้ก็ชี้ทางสว่างให้เราได้ ฮาๆ พอได้ตั๋วเครื่องบินก็มาแพ็คกระเป๋า สำหรับคนที่ไม่เคยไปต่างประเทศ เรื่องนี้ก็ถือว่าสำคัญมากนะ ครั้งแรกที่เราไปนี้ จัดกระเป๋านานมาก ทุกอย่างสำคัญไปหมด กลัวถ้าไปซื้อที่นั้นจะโคตรแพง เลย เอาไปมันหมดทุกอย่างเลย พอมาอ่านเรื่องนี้ เออว่ารู้และต้องทำไง คราวหน้าถ้ามีโอกาสได้ไปจะเปิดเล่มนี้มาดูก่อนจัดเลย ฮาๆ เล่นไปแบบบ้าฆอบฟางซะงั้น แบกมากก็เปลืองที่ในกระเป๋าเวลาขนของฝากกับอีก และสุดท้ายเลยคือการขึ้นเครื่องบินตะลุยต่างประเทศ อ่านแล้วเหมือนตัวเองได้ไปแล้วอ่ะ ทั้งที่ยังไม่ได้จะไปเลย แต่เล่มนี้กสอนไรได้เยอะ แต่ก็มีเนื้อหาบ้างอย่างที่ปกติคนทั่วไปก็น่าจะรู้อยู่แล้ว แต่โดยรวมแล้วก็ไม่ได้แย่มากนะ ก็ให้ผ่าน

หนังสือเรื่อง 10 วิธี เที่ยวนอกง่ายๆ สไตล์นักเรียนทุน (เรียนไปเที่ยวไป กำไรชีวิต) เป็นหนังสือที่แนะนำวิธีการดำเนินการขั้นตอนต่างๆในการไปเรียนทุนต่อที่ต่างประเทศ ตั้งแต่การมองหาลู่ทางจนกระทั้งเรียนรู้การท่องเที่ยวในต่างประเทศแบบเด็กทุนไปพร้อมๆกัน ที่เราหยิบเรื่องนี้มาอ่าน ประเด็นมันมีอยู่ว่าเพื่อนแฟนเราก็ได้ไปแบบนี้เหมือนกัน ซึ่งจะเป็นการเดินทางไปในช่วงที่ปิดเทอม ประมาณสี่เดือนก็ว่าได้ แต่เป็นโครงการที่ไม่ได้ไปศึกษา ไปทำงานซะมากกว่า ซึ่งก็ไปใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศนานมากจริงๆ คุ้มเลยอะถ้าได้ไป เพราะถึงจะเสียตังค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด แต่เงินที่ได้จากการทำงานกลับมา ถึงมันจะน้อยสำหรับค่าครองชีพที่นั้น แต่ก็มากพอที่จะมาแลกเป็นเงินไทย และคุ้มค่ากับสิ่งที่ได้กลับมา ทั้งภาษา ประสบการณ์ ได้ท่องเที่ยว และที่สำคัญคือได้เงินด้วย ยิ่งถ้าคนที่รู้จักใช้รู้จักใช้รู้จักเก็บนะ เผลอๆกลับมาได้เป็นแสนก็อาจจะได้นะ ฮาๆๆ พอทำได้ตามกำหนดเวลาที่เค้ากำหนดใช่ป่ะ คราวนี้ก็ออกเที่ยวได้รัวๆ แบบพอลงรูปไปเที่ยวนู้นนั้นนี้ที เราก็อิจฉาด้วยความอิจฉาตาร้อนทุกครั้งที่ได้เห็นรูป อยากไปมากกกกกกกกกกก แล้วเราก็ดันมาอ่านหนังสือนิยายของแจ่มใสเรื่องหนึ่ง (จำชื่อไม่ได้) เนื้อเรื่องประมาณนี้แบบอีก แบบว่านางเอกไปทำงานต่างประเทศกับโครงการอะไรไม่รู้ แล้วก็บอกเล่าเรื่องราวที่ใช้ชีวิตในต่างประเทศระหว่างที่อยู่ที่นั้น แถมยังเจอพระเอกสุดแสนจะรวยอีก คิดดูถ้าเราได้ไปแล้วฟลุ๊คเจอแบบนางเอกนิยายจะแฮปปี้ขนาดไหน (ฝันเนอะ อิอิ) หนังสือเรื่อง10 วิธี เที่ยวนอกง่ายๆ สไตล์นักเรียนทุน (เรียนไปเที่ยวไป กำไรชีวิต) ก็เลยตอบโจทย์ความอยากไปของเราได้ดีเลยที่เดียว บอกทุกอย่างตั้งแต่ขั้นตอนการหาทุ่น ลู่ทางต่างๆว่าจะต้องทำยังไง เตรียมตัวเตรียมความพร้อมอย่างไรในการสมัคร ส่วนเรื่องเงินเราจะต้องเตรียมอะไรบ้าง ค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง คำนวณแล้วต้องเสียเท่าไร (จะได้เก็บตังถูก อิอิ) การขอวีซ่าและพลาสปอร์ต จะต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง ทำอะไรยังไงล่มนี้เค้าก็บอกหมด รวมถึงเรื่องการทำประกันในการเดินทาง การแลกเปลี่ยนเงินตราและการส่งเงินไปต่างประเทศ ตั๋วเครื่องบินเราจะต้องซื้อยังไง เตรียมอะไรบ้าง โดยส่วนตัวแล้วไม่เคยขึ้นจองตั๋วเครื่องบินเองเลยอ่ะ เคยแต่ไปกะทัวร์ ถ้าไม่มีหนังสือเล่มนี้บอกเราก็คงยังมึนๆแน่ อย่างน้อยเล่มนี้ก็ชี้ทางสว่างให้เราได้ ฮาๆ พอได้ตั๋วเครื่องบินก็มาแพ็คกระเป๋า สำหรับคนที่ไม่เคยไปต่างประเทศ เรื่องนี้ก็ถือว่าสำคัญมากนะ ครั้งแรกที่เราไปนี้ จัดกระเป๋านานมาก ทุกอย่างสำคัญไปหมด กลัวถ้าไปซื้อที่นั้นจะโคตรแพง เลย เอาไปมันหมดทุกอย่างเลย พอมาอ่านเรื่องนี้ เออว่ารู้และต้องทำไง คราวหน้าถ้ามีโอกาสได้ไปจะเปิดเล่มนี้มาดูก่อนจัดเลย ฮาๆ เล่นไปแบบบ้าฆอบฟางซะงั้น แบกมากก็เปลืองที่ในกระเป๋าเวลาขนของฝากกับอีก และสุดท้ายเลยคือการขึ้นเครื่องบินตะลุยต่างประเทศ อ่านแล้วเหมือนตัวเองได้ไปแล้วอ่ะ ทั้งที่ยังไม่ได้จะไปเลย แต่เล่มนี้กสอนไรได้เยอะ แต่ก็มีเนื้อหาบ้างอย่างที่ปกติคนทั่วไปก็น่าจะรู้อยู่แล้ว แต่โดยรวมแล้วก็ไม่ได้แย่มากนะ ก็ให้ผ่าน

เรื่อง Don’t อย่ามองนะถ้าไม่อยากตกหลุมรัก เป็นนิยายของสำนักพิมพ์แจ่มใส่ที่เป็นขวัญใจของวัยรุ่นสาวส่วนใหญ่ แต่งโดย “เจ้าปลาน้อย” ปกติที่เราเคยอ่านของเจ้าปลาน้อยจะอกแนวเศร้า อ่านไปเสียน้ำตาไป (หรือเราเลือกมามีแต่เศร้าๆ รีป่าว ฮาๆ) แต่พอมาเจอเรื่องนี้ ก็สนุกสนานซักส่วนใหญ่นะ แต่ก็มีเนื้อหาส่วนที่เศร้าเคล้าน้ำตาบาง ไม่ได้เศร้าไปทั้งหมด เนื้อหาจะออกเป็นแบบชีวิตความอกหักที่มาพร้อมกับความอับอายของนางเอกในวัยเรียนที่เป็นจุดกำเนิดที่ทำให้เกิดเรื่องราวทั้งหมด อ่านไปก็นึกถึงชีวิตรักสดใสไร้เดียงสาของตัวเองในสมัยวัยเด็กเลยอะ วัยเด็กก็อย่างนี้แหละรักใครชอบใครก็แบบใสๆ ไม่มีอะไรก็บอกรักกันไปมา นางเอกของเราก็เหมือนกัน ดันไปบอกรักคนที่แอบชอบโดยไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิง เป็นเพศที่ไม่สมควรจะบอกรักผู้ชายก่อน ซึ่งจริงๆแล้วสังคมไทยเราก็มีประเพณีที่ผู้หญิงควรจะรักนวลสงวนตัว ฝ่ายที่ควรจะมาบอกควรจะเป็นหน้าที่ของผู้ชายซะมากกว่า แต่แล้วนางเอกของเราก็ดันไปบอกรักผู้ชายในวันวาเลนไทม์ซะก่อน แล้วก็โดนฝ่ายชายตอกกลับมาด้วยคำพูดที่ทำร้ายจิตใจของนางเอกของเราอย่างถึงที่สุด เออ ลืมบอกไปว่า นางเอกของเราชื่อน่ารักมากอะ ชื่อ “แมวน้ำ” ฮาๆ น่ารักสุดๆ ต่อๆ ก็คำพูดที่ผู้ชายคนนั้นตอกกลับมามันก็คือคำว่า “อัปลักษณ์” ทำร้ายความรู้สึกนางเอกแมวน้ำของเราได้บาดลึกถึงหัวใจเลย ก็พี่แกเล่นพูดต่อหน้าคนอื่นหลายๆที่อยู่ในโรงเรียนเลยละสิ แถมยังบอกว่าให้ไปเอาปี๊บคุ้มหัวอีก หลังจากวันนั้นแมวน้ำของเราก็ไม่ได้ไปเรียนอีกเลยจ้า แถมยังเอาปี๊บมาคุ้มหัวอยู่ตลอด ของอะไรที่เป็นกระจกหรือสะท้อนให้เห็นตัวเองในห้องก็เอาออกหมด เพราะเวลานอนนางถอดนะ ไม่ได้ใส่ ฮาๆๆ แมวน้ำจะได้ไม่เห็นหนาตัวเองไง เป็นแบบนี้อยู่ห้าปี จนพ่อแม่ทนไม่ไหวเลยจะส่งแมวน้ำไปเรียนโรงเรียนแล้ว แมวน้ำจำใจจะต้องโรงเรียน (ห้าปีที่ผ่านมานางเอกแมวน้ำของเราเรียนที่บ้านนะ จ้างครูมาสอน มีตังป่ะละ หุหุ) จนทำให้แมวน้ำต้องไปเจอกับนายหมวกกันน็อค (คือใส่หมวกกันน็อคตอนเจอกัน) นายอันธพาล หนึ่งในสองคนนี้คือพระเอกของเรานั้นเอง นายสองคนนี้เข้ามาในชีวิตของแมวน้ำ ทำให้ชีวิตแมวน้ำเปลี่ยนไป แมวน้ำเลยต้องถอดปี๊บออก แล้วหนึ่งในสองคนนี้ก็มีคนหนึ่งที่แอบชอบนางเอกตั้งแต่แรก และอีกคนก็เป็นปผู้ชายคนนั้นที่ทำให้แมวน้ำต้องใส่ปี๊บ เรื่องราวจะดำเนินยังไง ใครเป็นใครทำไมกันแน่ ไปหาอ่านแล้วมาฟินตามๆกันนะคะ รับรองว่าสนุกไม่แพ้นิยายเรื่องอื่นๆเลย เชียร์ๆ

เรื่อง Don’t อย่ามองนะถ้าไม่อยากตกหลุมรัก เป็นนิยายของสำนักพิมพ์แจ่มใส่ที่เป็นขวัญใจของวัยรุ่นสาวส่วนใหญ่ แต่งโดย “เจ้าปลาน้อย” ปกติที่เราเคยอ่านของเจ้าปลาน้อยจะอกแนวเศร้า อ่านไปเสียน้ำตาไป (หรือเราเลือกมามีแต่เศร้าๆ รีป่าว ฮาๆ) แต่พอมาเจอเรื่องนี้ ก็สนุกสนานซักส่วนใหญ่นะ แต่ก็มีเนื้อหาส่วนที่เศร้าเคล้าน้ำตาบาง ไม่ได้เศร้าไปทั้งหมด เนื้อหาจะออกเป็นแบบชีวิตความอกหักที่มาพร้อมกับความอับอายของนางเอกในวัยเรียนที่เป็นจุดกำเนิดที่ทำให้เกิดเรื่องราวทั้งหมด อ่านไปก็นึกถึงชีวิตรักสดใสไร้เดียงสาของตัวเองในสมัยวัยเด็กเลยอะ วัยเด็กก็อย่างนี้แหละรักใครชอบใครก็แบบใสๆ ไม่มีอะไรก็บอกรักกันไปมา นางเอกของเราก็เหมือนกัน ดันไปบอกรักคนที่แอบชอบโดยไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิง เป็นเพศที่ไม่สมควรจะบอกรักผู้ชายก่อน ซึ่งจริงๆแล้วสังคมไทยเราก็มีประเพณีที่ผู้หญิงควรจะรักนวลสงวนตัว ฝ่ายที่ควรจะมาบอกควรจะเป็นหน้าที่ของผู้ชายซะมากกว่า แต่แล้วนางเอกของเราก็ดันไปบอกรักผู้ชายในวันวาเลนไทม์ซะก่อน แล้วก็โดนฝ่ายชายตอกกลับมาด้วยคำพูดที่ทำร้ายจิตใจของนางเอกของเราอย่างถึงที่สุด เออ ลืมบอกไปว่า นางเอกของเราชื่อน่ารักมากอะ ชื่อ “แมวน้ำ” ฮาๆ น่ารักสุดๆ ต่อๆ ก็คำพูดที่ผู้ชายคนนั้นตอกกลับมามันก็คือคำว่า “อัปลักษณ์” ทำร้ายความรู้สึกนางเอกแมวน้ำของเราได้บาดลึกถึงหัวใจเลย ก็พี่แกเล่นพูดต่อหน้าคนอื่นหลายๆที่อยู่ในโรงเรียนเลยละสิ แถมยังบอกว่าให้ไปเอาปี๊บคุ้มหัวอีก หลังจากวันนั้นแมวน้ำของเราก็ไม่ได้ไปเรียนอีกเลยจ้า แถมยังเอาปี๊บมาคุ้มหัวอยู่ตลอด ของอะไรที่เป็นกระจกหรือสะท้อนให้เห็นตัวเองในห้องก็เอาออกหมด เพราะเวลานอนนางถอดนะ ไม่ได้ใส่ ฮาๆๆ แมวน้ำจะได้ไม่เห็นหนาตัวเองไง เป็นแบบนี้อยู่ห้าปี จนพ่อแม่ทนไม่ไหวเลยจะส่งแมวน้ำไปเรียนโรงเรียนแล้ว แมวน้ำจำใจจะต้องโรงเรียน (ห้าปีที่ผ่านมานางเอกแมวน้ำของเราเรียนที่บ้านนะ จ้างครูมาสอน มีตังป่ะละ หุหุ) จนทำให้แมวน้ำต้องไปเจอกับนายหมวกกันน็อค (คือใส่หมวกกันน็อคตอนเจอกัน) นายอันธพาล หนึ่งในสองคนนี้คือพระเอกของเรานั้นเอง นายสองคนนี้เข้ามาในชีวิตของแมวน้ำ ทำให้ชีวิตแมวน้ำเปลี่ยนไป แมวน้ำเลยต้องถอดปี๊บออก แล้วหนึ่งในสองคนนี้ก็มีคนหนึ่งที่แอบชอบนางเอกตั้งแต่แรก และอีกคนก็เป็นปผู้ชายคนนั้นที่ทำให้แมวน้ำต้องใส่ปี๊บ เรื่องราวจะดำเนินยังไง ใครเป็นใครทำไมกันแน่ ไปหาอ่านแล้วมาฟินตามๆกันนะคะ รับรองว่าสนุกไม่แพ้นิยายเรื่องอื่นๆเลย เชียร์ๆ