Customer Reviews
โดย: วาชิ วันที่เขียนรีวิว: 27 กรกฏาคม พ.ศ. 2557
สิ่งมีชีวิตหนึ่งเกิดมาพร้อมกับดวงตาสีทองที่งามเกินกว่าจะสรรหาคำใดมาบรรยาย ดวงตาคู่นั้นสามารถมองทะลุผ่านและสัมผัสถึงก้นบึ้งของจิตใจ ใครก็ตามที่ต้องมนตร์สะกดของดวงตาคู่นั้น แม้แต่ลมหายใจก็อาจถูกมันช่วงชิงเอาไป พวกมันบ้างก็ท่องไปในผืนนภากลางเมฆหมอก บ้างก็ดำผุดดำว่ายในห้วงนทีมหาสมุทร และมีบางส่วนที่ลงมาบนพื้นพิภพปะปนอยู่กับมนุษย์เพื่อสำรวจจิตใจคนเหล่านั้น นานๆ ครั้งพวกมันยังมอบข้อเสนอเล็กๆ น้อยๆ ให้มนุษย์อีกด้วย เพื่อแลกเปลี่ยนกับ...บางสิ่ง
อ่านคำโปรยท้ายเล่มแล้ว ข้าพเจ้าก็ได้บังเกิดความสงสัยขึ้นมาหนึ่งอย่าง ‘สิ่งมีชีวิตที่ว่านี่มันคือตัวอะไร?’ ดูจากชื่อเรื่อง Naga ก็เลยเดาว่าน่าจะเป็นนาคล่ะมั้ง ซึ่งมันก็ใช่จริงๆ ค่ะ โดยเนื้อเรื่องจะบอกเล่าเกี่ยวกับตระกูลๆ หนึ่ง ชื่อตระกูล ‘เฮบิสึกะ’ เฮบิที่แปลว่า งู ส่วนสึกะนั้นคือเนินดินหรือแปลอีกอย่างได้ว่า สุสาน เมื่อนำมารวมกันจึงแปลออกมาได้ว่า สุสานของงู มันไม่ใช่นามสกุลที่น่าพิสมัยนัก ทว่าทุกคนในตระกูลกลับยิ้มรับ และบอกกับ ‘โช’ ลูกหลานคนหนึ่งของตระกูลเฮบิสึกะ ว่านามสกุลนี้จะนำพาความรุ่งโรจน์มาให้แก่ทุกคนในตระกูล เฮบิสึกะเป็นตระกูลที่ใหญ่และเก่าแก่มาก ดังนั้นจึงมีกฎมากมายที่ลูกหลานในตระกูลนี้จำต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด หนึ่งในกฎที่ว่านี้คือ ห้ามเข้าไปห้องๆ หนึ่งซึ่งอยู่ในเรือนที่แยกออกมาจากเรือนหลัก ด้วยความเป็นเด็กจึงได้เอ่ยปากขอเหตุผลกับผู้ใหญ่ บ้างก็บอกว่า ‘สิ่งนั้นเป็นของขวัญเพื่อเกียรติคุณของครอบครัวเรา’ บ้างก็บอกว่า ‘สิ่งนั้นได้ครอบครองสิ่งที่งดงามที่สุดในโลกา’ ทว่าคุณย่าของโชกลับเป็นคนเดียวที่บอกว่า ‘สิ่งนั้น...ความจริงไม่ควรดำรงอยู่บนโลกนี้เลย’ ด้วยความสงสัย โชในวัยเยาว์จึงแอบเลื่อนประตูเปิดออกเพื่อมองเข้าไปในห้องต้องห้ามนั้น แล้วเขาก็ได้พบ...ดวงตาสีทองที่งดงามจนสามารถตรึงผู้คนที่พบเห็นให้นิ่งค้างอยู่กับที่ราวกับต้องมนตร์
ตอน ตระกูลเฮบิสึกะ นี้จะบอกเล่าความเป็นมาของคนในตระกูลนับตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ รวมไปถึงสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในเรือนหลังหนึ่งในตระกูลเฮบิสึกะนี้ด้วย เรื่องราวค่อนข้างซับซ้อนตั้งแต่เริ่ม ดำเนินเนื้อเรื่องอย่างเป็นปริศนาชวนให้น่าติดตาม แต่การย้อนความนั้นทำให้เหมือนกำลังอ่านนิยายอีกเรื่องอยู่เลย...ซึ่งมันคล้ายๆ กับตำนานหรือนิทานบทหนึ่งมากกว่า ความดาร์ก+ดราม่านี่ฟุ้งกระจาย กว่าจะบรรยายเรื่องราวในอดีตจบก็ล่อไปกว่าครึ่งเล่มแล้ว... หลังจากนั้นจึงเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ ‘โช’ แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย พร้อมกันนั้นก็ยังปรากฏตัวละครเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งซึ่งนั่นก็คือ ‘โอ’ เป็นตัวละครที่เรากรี๊ดมากที่สุดในเรื่องแล้วค่ะ! เพราะเขามีความใสซื่อที่น่ารักน่าหยิกมาก แถมพฤติกรรมแบบแปลกๆ ก็ทำให้เราหลงรักผู้ชายคนนี้ได้ไม่ยากเลยล่ะ! แต่ไม่อยากเล่าความเป็นมามากนัก ไม่เช่นนั้นจะเป็นการสปอยคนที่ยังไม่เคยอ่านเรื่องนี้เต็มๆ
โดยรวมแล้วเรื่องนี้ภาษาสวย เรียบเรียงดี แต่มีการย้อนอดีตไปมาทำให้บางครั้งก็เสียอรรถรสอยู่เหมือนกัน แต่พอตัดเข้าสู่ฉากปัจจุบัน เนื้อเรื่องก็ค่อยสนุกขึ้นมาหน่อย แต่อ่านๆ ไปแล้วก็ยังมีอึนๆ มึนๆ อยู่ดี อาจจะเพราะเนื้อหาที่ยัดแน่นเกินไปค่ะ
อ่านคำโปรยท้ายเล่มแล้ว ข้าพเจ้าก็ได้บังเกิดความสงสัยขึ้นมาหนึ่งอย่าง ‘สิ่งมีชีวิตที่ว่านี่มันคือตัวอะไร?’ ดูจากชื่อเรื่อง Naga ก็เลยเดาว่าน่าจะเป็นนาคล่ะมั้ง ซึ่งมันก็ใช่จริงๆ ค่ะ โดยเนื้อเรื่องจะบอกเล่าเกี่ยวกับตระกูลๆ หนึ่ง ชื่อตระกูล ‘เฮบิสึกะ’ เฮบิที่แปลว่า งู ส่วนสึกะนั้นคือเนินดินหรือแปลอีกอย่างได้ว่า สุสาน เมื่อนำมารวมกันจึงแปลออกมาได้ว่า สุสานของงู มันไม่ใช่นามสกุลที่น่าพิสมัยนัก ทว่าทุกคนในตระกูลกลับยิ้มรับ และบอกกับ ‘โช’ ลูกหลานคนหนึ่งของตระกูลเฮบิสึกะ ว่านามสกุลนี้จะนำพาความรุ่งโรจน์มาให้แก่ทุกคนในตระกูล เฮบิสึกะเป็นตระกูลที่ใหญ่และเก่าแก่มาก ดังนั้นจึงมีกฎมากมายที่ลูกหลานในตระกูลนี้จำต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด หนึ่งในกฎที่ว่านี้คือ ห้ามเข้าไปห้องๆ หนึ่งซึ่งอยู่ในเรือนที่แยกออกมาจากเรือนหลัก ด้วยความเป็นเด็กจึงได้เอ่ยปากขอเหตุผลกับผู้ใหญ่ บ้างก็บอกว่า ‘สิ่งนั้นเป็นของขวัญเพื่อเกียรติคุณของครอบครัวเรา’ บ้างก็บอกว่า ‘สิ่งนั้นได้ครอบครองสิ่งที่งดงามที่สุดในโลกา’ ทว่าคุณย่าของโชกลับเป็นคนเดียวที่บอกว่า ‘สิ่งนั้น...ความจริงไม่ควรดำรงอยู่บนโลกนี้เลย’ ด้วยความสงสัย โชในวัยเยาว์จึงแอบเลื่อนประตูเปิดออกเพื่อมองเข้าไปในห้องต้องห้ามนั้น แล้วเขาก็ได้พบ...ดวงตาสีทองที่งดงามจนสามารถตรึงผู้คนที่พบเห็นให้นิ่งค้างอยู่กับที่ราวกับต้องมนตร์
ตอน ตระกูลเฮบิสึกะ นี้จะบอกเล่าความเป็นมาของคนในตระกูลนับตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ รวมไปถึงสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในเรือนหลังหนึ่งในตระกูลเฮบิสึกะนี้ด้วย เรื่องราวค่อนข้างซับซ้อนตั้งแต่เริ่ม ดำเนินเนื้อเรื่องอย่างเป็นปริศนาชวนให้น่าติดตาม แต่การย้อนความนั้นทำให้เหมือนกำลังอ่านนิยายอีกเรื่องอยู่เลย...ซึ่งมันคล้ายๆ กับตำนานหรือนิทานบทหนึ่งมากกว่า ความดาร์ก+ดราม่านี่ฟุ้งกระจาย กว่าจะบรรยายเรื่องราวในอดีตจบก็ล่อไปกว่าครึ่งเล่มแล้ว... หลังจากนั้นจึงเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ ‘โช’ แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย พร้อมกันนั้นก็ยังปรากฏตัวละครเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งซึ่งนั่นก็คือ ‘โอ’ เป็นตัวละครที่เรากรี๊ดมากที่สุดในเรื่องแล้วค่ะ! เพราะเขามีความใสซื่อที่น่ารักน่าหยิกมาก แถมพฤติกรรมแบบแปลกๆ ก็ทำให้เราหลงรักผู้ชายคนนี้ได้ไม่ยากเลยล่ะ! แต่ไม่อยากเล่าความเป็นมามากนัก ไม่เช่นนั้นจะเป็นการสปอยคนที่ยังไม่เคยอ่านเรื่องนี้เต็มๆ
โดยรวมแล้วเรื่องนี้ภาษาสวย เรียบเรียงดี แต่มีการย้อนอดีตไปมาทำให้บางครั้งก็เสียอรรถรสอยู่เหมือนกัน แต่พอตัดเข้าสู่ฉากปัจจุบัน เนื้อเรื่องก็ค่อยสนุกขึ้นมาหน่อย แต่อ่านๆ ไปแล้วก็ยังมีอึนๆ มึนๆ อยู่ดี อาจจะเพราะเนื้อหาที่ยัดแน่นเกินไปค่ะ
โดย: วาชิ วันที่เขียนรีวิว: 27 กรกฏาคม พ.ศ. 2557
อีกหนึ่งผลงานของแรบบิท นักเขียนนิยายแฟนตาซีที่เป็นที่รู้จักกันดีอย่างหัวขโมยแห่งบารามอส ในเรื่องนี้นางเอกของเรื่องมาโหมดมาดแมนมาก อ่านแล้วนึกว่าทอม หรือไม่ก็ผู้ชายคนหนึ่งเลยล่ะ 5555
‘ผู้พันเพชร’ หรือ ‘พันโทหญิง วชิรวีร์ อาศิรวิษ’ มีดีกรีเป็นถึงคู่หมั้นของ ‘ผู้พันหมอจิ’ หรือ ‘พันโทจิราพัณธ์ ศราธร’ เพราะพินัยกรรมของคุณปู่ที่ระบุไว้ว่าทายาทคนโตของตระกูลศราธรต้องแต่งงานกับบุตรสาวคนโตสกุลอาศิรวิษ ทำให้ผู้พันเพชรแห่งหน่วยข่าวกรองจำต้องติดแหง็กอยู่ในสถานะคู่หมั้นของคนที่เป็นทั้งเพื่อน คู่แข่ง และคู่กัด ถึงภายนอกจะดูนุ่มนวลคงแก่เรียนตามสไตล์คุณหมอ แต่ผู้พันเพชรรู้ดีว่านี่ก็แค่เปลือกนอกที่ผู้พันหมอจอมเจ้าเล่ห์นี่สร้างขึ้นมาโดยใช้แว่นตาคงแก่เรียนสวมทับไว้อีกชั้น ส่วนตัวเราคู่รักคู่นี้นะ ถึงเพชรจะชอบแทนตัวเองว่า ‘ผม’ แถมยังไม่มีความเป็นกุลสตรีเลยแม้แต่น้อย แต่เขาก็มีมุมมองที่น่ารักๆ อยู่เยอะ โดยเฉพาะนิสัยปากไวที่พูดออกมาทีไรเป็นได้จนมุมเพราะผู้พันหมอดักคอได้ถูกทางทุกที คือกินกันไม่ลงอ่ะคู่นี้ บทหวานๆ นี่หาได้ค่อนข้างยาก แต่บทต่อปากต่อคำนี่หาอ่านได้เกือบทุกบท สองคนนี้เหมือนรักกันด้วยลำแข้งและริมฝีปากฉะกันมากกว่า
ส่วนเนื้อเรื่องนี่ก็เข้มข้นซะตั้งแต่ต้นเรื่องเลย โดยปมที่เป็นปริศนาหลักๆ เลยคือเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ ‘พลอย’ (น้องสาวของเพชร) อ้างว่าเป็นลูกชายของตน ส่วนคนเป็นพ่อก็น่าจะเป็นนักธุรกิจหนุ่มที่ชื่อว่า ‘ก้าน’ ทว่าเรื่องนี้กลับมีเบื้องหลังที่มากกว่านั้น เมื่อ ‘น้องเต้ย’ ที่พลอยอ้างว่าเป็นลูก อาจจะเป็นเด็กที่เกิดจากเพื่อนสนิทของพลอยที่ชื่อ ‘โศ’ แทน ซึ่งก่อนหน้านั้นเธอเคยคบหาอยู่กับก้านและท้อง แต่เธอกลับบอกชายหนุ่มว่าเธอเอาเด็กออกไปแล้ว เรื่องมันเลยอีรุงตุงนังเพราะไม่มีใครสามารถฟันธงได้ว่าตกลงน้องเต้ยน่ะเป็นลูกใคร ส่วนคนที่รู้ดีอย่างพลอยก็ดันปิดปากเงียบ นายก้านเลยถูกพ่อของโศซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลในวงการมืดตามเก็บเพราะเห็นว่าชายหนุ่มเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกสาวสุดรักของตัวเองตาย มันเลยกลายเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต งานนี้เลยได้เห็นสองคู่รักที่เหมือนคู่กัดกันมากกว่าแสดงวิชากันเต็มที่ ยิ่งอ่านยิ่งกรี๊ดหมอจิ และยิ่งฮาผู้พันเพชร กวนได้กวนดีจริงๆ จะเรียกว่าเป็นคนเสมอต้นเสมอปลายดีไหมล่ะเนี่ย เพราะเริ่มต้นมาดแมนมายังไง ท้ายเล่มก็ยังมาดแมนอยู่อย่างนั้น อ่านเรื่องนี้แล้วเหมือนอ่านนิยายชายรักชายซะมากกว่า 5555 แต่อย่างว่า...ผู้พันหมอจิก็มีวิธีเจียระไนเพชรของเขาล่ะนะ ก็ต้องไปลุ้นกันในเรื่องล่ะว่าเขาจะสามารถเอา ‘เพชร’ ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าใครมาประดับใจของเขาได้ด้วยวิธีไหน!
ที่อยากตินิยายเรื่องนี้มีอยู่เรื่องเดียวเลยคือ ‘ปกนิยาย’!!! เชื่อไหมว่าถ้านิยายเรื่องนี้ไม่ได้ถูกเขียนโดยแรบบิท เราไม่มีทางให้ความสนใจนิยายเรื่องนี้เลย เพราะหน้าปกไม่ดึงดูดให้ซื้อเลยสักนิด เราว่าสิ่งสำคัญที่ดึงดูดผู้ซื้อคือนิยายหน้าปกนะ เรื่องไหนปกสวยมันก็น่าเก็บไง แต่เห็นปกเรื่องนี้แล้วเรารู้สึกเสียดายเนื้อหาข้างในเลย :-(
‘ผู้พันเพชร’ หรือ ‘พันโทหญิง วชิรวีร์ อาศิรวิษ’ มีดีกรีเป็นถึงคู่หมั้นของ ‘ผู้พันหมอจิ’ หรือ ‘พันโทจิราพัณธ์ ศราธร’ เพราะพินัยกรรมของคุณปู่ที่ระบุไว้ว่าทายาทคนโตของตระกูลศราธรต้องแต่งงานกับบุตรสาวคนโตสกุลอาศิรวิษ ทำให้ผู้พันเพชรแห่งหน่วยข่าวกรองจำต้องติดแหง็กอยู่ในสถานะคู่หมั้นของคนที่เป็นทั้งเพื่อน คู่แข่ง และคู่กัด ถึงภายนอกจะดูนุ่มนวลคงแก่เรียนตามสไตล์คุณหมอ แต่ผู้พันเพชรรู้ดีว่านี่ก็แค่เปลือกนอกที่ผู้พันหมอจอมเจ้าเล่ห์นี่สร้างขึ้นมาโดยใช้แว่นตาคงแก่เรียนสวมทับไว้อีกชั้น ส่วนตัวเราคู่รักคู่นี้นะ ถึงเพชรจะชอบแทนตัวเองว่า ‘ผม’ แถมยังไม่มีความเป็นกุลสตรีเลยแม้แต่น้อย แต่เขาก็มีมุมมองที่น่ารักๆ อยู่เยอะ โดยเฉพาะนิสัยปากไวที่พูดออกมาทีไรเป็นได้จนมุมเพราะผู้พันหมอดักคอได้ถูกทางทุกที คือกินกันไม่ลงอ่ะคู่นี้ บทหวานๆ นี่หาได้ค่อนข้างยาก แต่บทต่อปากต่อคำนี่หาอ่านได้เกือบทุกบท สองคนนี้เหมือนรักกันด้วยลำแข้งและริมฝีปากฉะกันมากกว่า
ส่วนเนื้อเรื่องนี่ก็เข้มข้นซะตั้งแต่ต้นเรื่องเลย โดยปมที่เป็นปริศนาหลักๆ เลยคือเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ ‘พลอย’ (น้องสาวของเพชร) อ้างว่าเป็นลูกชายของตน ส่วนคนเป็นพ่อก็น่าจะเป็นนักธุรกิจหนุ่มที่ชื่อว่า ‘ก้าน’ ทว่าเรื่องนี้กลับมีเบื้องหลังที่มากกว่านั้น เมื่อ ‘น้องเต้ย’ ที่พลอยอ้างว่าเป็นลูก อาจจะเป็นเด็กที่เกิดจากเพื่อนสนิทของพลอยที่ชื่อ ‘โศ’ แทน ซึ่งก่อนหน้านั้นเธอเคยคบหาอยู่กับก้านและท้อง แต่เธอกลับบอกชายหนุ่มว่าเธอเอาเด็กออกไปแล้ว เรื่องมันเลยอีรุงตุงนังเพราะไม่มีใครสามารถฟันธงได้ว่าตกลงน้องเต้ยน่ะเป็นลูกใคร ส่วนคนที่รู้ดีอย่างพลอยก็ดันปิดปากเงียบ นายก้านเลยถูกพ่อของโศซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลในวงการมืดตามเก็บเพราะเห็นว่าชายหนุ่มเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกสาวสุดรักของตัวเองตาย มันเลยกลายเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต งานนี้เลยได้เห็นสองคู่รักที่เหมือนคู่กัดกันมากกว่าแสดงวิชากันเต็มที่ ยิ่งอ่านยิ่งกรี๊ดหมอจิ และยิ่งฮาผู้พันเพชร กวนได้กวนดีจริงๆ จะเรียกว่าเป็นคนเสมอต้นเสมอปลายดีไหมล่ะเนี่ย เพราะเริ่มต้นมาดแมนมายังไง ท้ายเล่มก็ยังมาดแมนอยู่อย่างนั้น อ่านเรื่องนี้แล้วเหมือนอ่านนิยายชายรักชายซะมากกว่า 5555 แต่อย่างว่า...ผู้พันหมอจิก็มีวิธีเจียระไนเพชรของเขาล่ะนะ ก็ต้องไปลุ้นกันในเรื่องล่ะว่าเขาจะสามารถเอา ‘เพชร’ ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าใครมาประดับใจของเขาได้ด้วยวิธีไหน!
ที่อยากตินิยายเรื่องนี้มีอยู่เรื่องเดียวเลยคือ ‘ปกนิยาย’!!! เชื่อไหมว่าถ้านิยายเรื่องนี้ไม่ได้ถูกเขียนโดยแรบบิท เราไม่มีทางให้ความสนใจนิยายเรื่องนี้เลย เพราะหน้าปกไม่ดึงดูดให้ซื้อเลยสักนิด เราว่าสิ่งสำคัญที่ดึงดูดผู้ซื้อคือนิยายหน้าปกนะ เรื่องไหนปกสวยมันก็น่าเก็บไง แต่เห็นปกเรื่องนี้แล้วเรารู้สึกเสียดายเนื้อหาข้างในเลย :-(
โดย: วาชิ วันที่เขียนรีวิว: 27 กรกฏาคม พ.ศ. 2557
อีกหนึ่งซีรี่ย์ยอดเยี่ยมซึ่งเป็นผลงานโดดเด่นของ Akagawa Jiro นักเขียนนิยายแนวสืบสวนที่มียอดขายอันดับหนึ่งในญี่ปุ่น โดยเนื้อเรื่องจะเกี่ยวกับ ‘คาตายาม่า’ ตำรวจหนุ่มที่แพ้ทั้งเลือดและผู้หญิง ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือเจ้าแมวสามสีที่เป็นตัวชูโรงของเรื่อง ‘โฮล์ม’ คือชื่อของมัน แค่ชื่อก็บ่งบอกยี่ห้อแล้วว่าแมวตัวนี้จะต้องฉลาดมากๆ และคอยช่วยเรื่องสืบสวนด้วยแน่นอน ด้วยการเล่าเรื่องแบบสบายๆ ทำให้นิยายฆาตกรรมเรื่องนี้อ่านง่ายกว่าคิด ผู้เขียนนั้นผูกเรื่องได้เก่ง ซ่อนเงื่อนได้แบบแยบยลจนบางครั้งก็หลอกให้เราไขว้เขวชวนให้ติดตาม อ่านแล้วเพลินดี ไม่ค่อยเครียดและน่ากลัวเท่าไหร่ มาถึงตอนที่ 20 นี้ คือตอนฆาตกรรมอลวน ตอนนี้คงเป็นตอนที่ทำให้แมวโฮล์มต้องปวดหัวตุ้บๆ เพราะชื่อตอนก็บอกอยู่แล้วว่ามันอลวน (วนไปวนมา) แน่นอน! ปริศนาที่ต้องแก้ให้ออกมีอยู่หลายเรื่องด้วยกัน ไหนจะเพลย์บอยหนุ่มที่ถูกยิงแต่ไม่ตาย กลับมาตายเพราะยาพิษแทนเสียอย่างนั้น ไหนจะศพครูสอนศิลปะขวัญใจเด็กๆ ที่ถูกแทงตายอย่างเป็นปริศนาอีก แล้วไหนยังจะเกิดเหตุฆาตกรรมครูสอนภาษาอังกฤษอีกเล่า โอยยย เท่านั้นยังไม่พอ หลักฐานชิ้นสำคัญของคดีก่อนหน้ายังมาโผล่กับคนที่เป็นศพลำดับถัดไปอีก เรียกว่าตายกันแบบโดมิโน่ยกแผงเลยทีเดียว ทว่ายังไม่หมดค่ะ เพราะยังมีคดีสาวน้อยผู้สูญเสียความทรงจำมาฆ่าตัวตายอย่างเป็นปริศนาเพิ่งเข้ามาอีก เรียกได้ว่าปมซ้อมปม บ่มทับจนงงเพราะศพที่หนึ่งยังไม่ทันจะไขปริศนาการตายได้ ศพที่เหลือก็ตามกันมาติดๆ ให้ต้องตีลังกาคิดสิบตลบ ต่อโฮล์มมีเก้าชีวิตก็คงต้องคิดจนหัวแมวแตก (ฮา ล้อเล่นนะ!) อ้อ แล้วอย่าลืมลุ้นกันด้วยนะคะ ว่าคาตายามะจะสละความโสดบวกซิงในเล่มนี้ได้หรือเปล่า ผ่านมา 20 เล่มแล้วไม่น่าเชื่อเลยเนอะว่าพ่อตำรวจหนุ่มคนนี้จะยังบริสุทธิ์อยู่ ก๊ากกกก (หัวเราะแบบสะใจเล็กน้อย ย้ำ! เล็กน้อยจริงๆ นะคะเนี่ย 5555555 //ใครจะเชื่อเอ็ง)
สำหรับใครไม่เคยอ่านซีรี่ย์นิยายชุดนี้ แนะนำว่าให้ลองค่ะ! มันไม่น่ากลัวอย่างที่คิดนะ อย่างเราที่ไม่ค่อยชอบนิยายแนวฆาตกรรมเท่าไหร่ยังอ่านได้สบาย (แต่เสพเยอะไปก็แอบมีเสียวๆ ข้างหลังอยู่เหมือนกัน กลัวโดนใครเอามีดจ้วงแทง 5555) ข้อดีของนิยายชุดนี้คืออ่านง่าย ไม่เครียด มีมุกให้ขำและเอ็นดูนายตำรวจหนุ่มกับเจ้าแมวสามสีนี้อยู่บ่อยๆ ติดก็แต่เล่มหลังๆ คนเขียนจะซอยหนึ่งเล่มแบ่งเป็นตอนยิบย่อยทำให้อ่านแล้วไม่ค่อยจะจุใจเท่าไหร่ แถมความน่าสนใจยังลดลงไปอีกเยอะพอควร น่าเสียดายก็ตรงนี้นี่แหละค่ะ (ในความคิดเราอ่ะนะ)
สำหรับใครไม่เคยอ่านซีรี่ย์นิยายชุดนี้ แนะนำว่าให้ลองค่ะ! มันไม่น่ากลัวอย่างที่คิดนะ อย่างเราที่ไม่ค่อยชอบนิยายแนวฆาตกรรมเท่าไหร่ยังอ่านได้สบาย (แต่เสพเยอะไปก็แอบมีเสียวๆ ข้างหลังอยู่เหมือนกัน กลัวโดนใครเอามีดจ้วงแทง 5555) ข้อดีของนิยายชุดนี้คืออ่านง่าย ไม่เครียด มีมุกให้ขำและเอ็นดูนายตำรวจหนุ่มกับเจ้าแมวสามสีนี้อยู่บ่อยๆ ติดก็แต่เล่มหลังๆ คนเขียนจะซอยหนึ่งเล่มแบ่งเป็นตอนยิบย่อยทำให้อ่านแล้วไม่ค่อยจะจุใจเท่าไหร่ แถมความน่าสนใจยังลดลงไปอีกเยอะพอควร น่าเสียดายก็ตรงนี้นี่แหละค่ะ (ในความคิดเราอ่ะนะ)
โดย: วาชิ วันที่เขียนรีวิว: 27 กรกฏาคม พ.ศ. 2557
‘การิน จินตรเมธร’ หรือก็คือ ‘การิน’ ที่หลายๆท่านอาจรู้จักนั้นเองเขาคือเด็กหนุ่มผู้หลงมัวเมาอยู่กับไสยศาสตร์ มนต์ดำ สิ่งลี้ลับและอื่นๆที่ขึ้นชื่อว่าเป็น ‘ความมืด’ หากแต่เขาก็ไม่เคยที่จะได้พบเห็นหรือสัมผัสมันได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดๆ จนกระทั้งได้พบกับ ‘ลัลทริมา’ เด็กสาวผู้มีญาณอาถรรพ์ พูดกันง่ายๆ คือสิ่งที่เรียกเอาความโชคร้ายหรือไม่ดีมารวมกัน ทั้งสองพบกันในบทแรกซึ่งเป็นในฉบับการ์ตูนคือ ‘คืนลอยกระทงสีเลือด’ ส่วนรายละเอียดต้องลองไปหาอ่านย้อนเอาเลยค่ะ แนะนำว่าสนุกจริงๆ กับนิยายสีดำเรื่องนี้ ไม่ว่าจะในรูปแบบของการ์ตูนหรือนิยาย พี่อัยย์ผู้เขียนก็สามารถสื่ออารมณ์ออกมาได้อย่างชัดเจนไม่แพ้กันในแต่ละรูปแบบ ทั้งบรรยายความหลอนของการฆาตกรรมที่แสนโรคจิตและวิปริตของตัวฆาตกรที่ล่าหาอาถรรพ์ การบรรยายสื่อถึงอารมณ์ความหวาดกลัว และมีอีกสิ่งหนึ่งที่ประทับใจกับการเขียนเรื่องของผู้เขียนมากคือตัวผู้เขียนนั้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องอาถรรพ์มาเป็นอย่างดี เก็บรายละเอียดยิบย่อยได้ค่อนข้างสมบูรณ์ คือมีเหตุผลรองรับจนน่าขนลุก ทั้งยังดึงเอาสิ่งที่น่าสนใจของในแต่ละจังหวัดที่ดังๆ ในด้านสิ่งลี้ลับออกมาด้วยอย่างเช่นใน ‘สะพานข้ามอัสดงแห่งความตาย’ ที่ทำเอาอยากจะไปเที่ยวกาญจนบุรีเลยค่ะ!
เอาละมาพูดถึงในเล่มนี้คือเล่มที่แปดของซีรี่ย์นิยาย ‘บันทึกเขียนกรรม’ ซึ่งก็คือเล่มสุดท้าย(?) ของในซีรี่ย์หัวใจสีดำชุดนี้ต่อนะคะ ต่อจากเล่มที่แล้วคือเล่มที่เจ็ด ‘สุขสันต์วันถึงฆาต’ ในตอนท้ายนั้นลัลทริมาได้ยื่นสมุดบันทึกของแม่การินที่ตามหาให้พร้อมกับคำพูดประโยคหนึ่งที่เล่นเอาอ่านแล้วแสบไปถึงใจเหมือนกัน การินอ่านบันทึกนั้นแล้วหงุดหงิดมองว่าสิ่งนั้นมันไร้สาระและฉีกมันทิ้งไปแต่ทว่ากลับพบเจอบางสิ่งที่แม่ของตนซ่อนเอาไว้ในสมุดบันทึกธรรมดาเข้าให้! เด็กหนุ่มจึงออกตามหา ‘สิ่งนั้น’ จนตัวเองต้องกลายเป็นเหยื่อโดนล่าในครั้งนี้! จุดสำคัญในเรื่องนี้ตัวผู้เขียนได้เผยเอาความลับในสมัยเด็กของการินออกมาจนแทบหมดเลยสมใจของสาวๆ(?)ผู้อ่านที่อยากรู้ความหลังในวัยเยาว์ของการิน รวมทั้งรอยแผลที่ซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าพันคร่ำครึนั่น ความจริงของบันทึกของผู้เป็นแม่ได้ซ่อนสิ่งที่ทำให้การินมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้
โดยส่วนตัว คิดว่าเล่มนี้ผู้เขียนบรรยายอารมณ์ออกมาได้สะเทือนใจและเจ็บปวดมากค่ะ การินเริ่มที่จะแสดงออกทางสีหน้าและแววตามากขึ้น ศึกครั้งนี้มันบาดลึกในหัวใจของเด็กหนุ่มจริงๆ ถึงปากจะร้ายยังไงพอเข้าใจความจริงของคนเป็นแม่ที่ทำเพื่อตัวเขาแล้วก็อดที่จะน้ำตาคลอตามไม่ได้เลยค่ะ
เอาละมาพูดถึงในเล่มนี้คือเล่มที่แปดของซีรี่ย์นิยาย ‘บันทึกเขียนกรรม’ ซึ่งก็คือเล่มสุดท้าย(?) ของในซีรี่ย์หัวใจสีดำชุดนี้ต่อนะคะ ต่อจากเล่มที่แล้วคือเล่มที่เจ็ด ‘สุขสันต์วันถึงฆาต’ ในตอนท้ายนั้นลัลทริมาได้ยื่นสมุดบันทึกของแม่การินที่ตามหาให้พร้อมกับคำพูดประโยคหนึ่งที่เล่นเอาอ่านแล้วแสบไปถึงใจเหมือนกัน การินอ่านบันทึกนั้นแล้วหงุดหงิดมองว่าสิ่งนั้นมันไร้สาระและฉีกมันทิ้งไปแต่ทว่ากลับพบเจอบางสิ่งที่แม่ของตนซ่อนเอาไว้ในสมุดบันทึกธรรมดาเข้าให้! เด็กหนุ่มจึงออกตามหา ‘สิ่งนั้น’ จนตัวเองต้องกลายเป็นเหยื่อโดนล่าในครั้งนี้! จุดสำคัญในเรื่องนี้ตัวผู้เขียนได้เผยเอาความลับในสมัยเด็กของการินออกมาจนแทบหมดเลยสมใจของสาวๆ(?)ผู้อ่านที่อยากรู้ความหลังในวัยเยาว์ของการิน รวมทั้งรอยแผลที่ซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าพันคร่ำครึนั่น ความจริงของบันทึกของผู้เป็นแม่ได้ซ่อนสิ่งที่ทำให้การินมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้
โดยส่วนตัว คิดว่าเล่มนี้ผู้เขียนบรรยายอารมณ์ออกมาได้สะเทือนใจและเจ็บปวดมากค่ะ การินเริ่มที่จะแสดงออกทางสีหน้าและแววตามากขึ้น ศึกครั้งนี้มันบาดลึกในหัวใจของเด็กหนุ่มจริงๆ ถึงปากจะร้ายยังไงพอเข้าใจความจริงของคนเป็นแม่ที่ทำเพื่อตัวเขาแล้วก็อดที่จะน้ำตาคลอตามไม่ได้เลยค่ะ
โดย: วาชิ วันที่เขียนรีวิว: 27 กรกฏาคม พ.ศ. 2557
พวกเขาคือนักบวชเทวทูตที่ถือกำเนิดมาเพื่อสนองโองการเทวะ ผู้เปรียบเสมือนตัวแทนของเทพเจ้า และมีชีวิตอยู่เพื่อปฏิบัติพันธกิจที่ได้รับมอบหมาย
‘ไอเลเดอร์ ชิลเดอร์ลิส’ ว่าที่เทวทูตรุ่นที่สามสิบเจ็ดได้หนีออกจากบ้านก่อนที่จะต้องรับหน้าที่สืบทอดตำแหน่งนักบวชเทวทูตอย่างเป็นทางการ เขาเดินทางเพื่อตามบางสิ่งบางอย่างที่ก่อกวนอยู่ในใจของเขาไม่ขาด ภูตน้ำแนะนำเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งให้เขา ถึงแม้จะยังสงสัยว่าที่แห่งนี้น่ะหรือจะทำให้เขาพบเจอกับสิ่งที่ตามหามาเนิ่นนาน ทว่าไอเลเดอร์ก็ยังคงเดินหน้าไปยังทางที่ภูตน้ำชี้นำ ที่นั่นเขาได้พบกับผู้ร่วมพันธกิจอีกเจ็ดตระกูล ทุกคนถูกชักนำให้มายังที่แห่งนี้ด้วยค่ามนต์ดูดวิญญาณ ราวกับเป็นกับดักหรือไม่ก็บททดสอบเทวทูตรุ่นใหม่อย่างพวกเขาก่อนการเข้ารับตำแหน่ง ซึ่งในปีนี้มีกฎเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งข้อ คือ นักบวชเทวทูตที่กำลังจะรับตำแหน่งจะต้องทำข้อตกลงกับผู้ร่วมพันธกิจคนใดคนหนึ่งมาเป็นคู่สัญญา สำหรับไอเลเดอร์ทิ่เป็นผู้สืบทอดตำแหน่วเทวทูตที่สูงส่งที่สุด เขากลับเลือก ‘อินด์ สคาร์จ’ เด็กหนุ่มตัวเล็กที่ดูอ่อนแอสุดๆ มาเป็นคู่สัญญาแทน พวกเขาต้องต่อกรกับกลุ่มผู้บูชาเทพเจ้าแห่งความมืด ซึ่งกำลังดำเนินแผนการอันล้ำลึกโดยที่เหล่าเทวทูตทั้งหลายไม่มีใครรู้ตัวมาก่อนเลย
ส่วนตัวเรามองว่าเรื่องนี้ค่อนข้างสะเปะสะปะอย่างบอกไม่ถูก อ่านเรื่อยๆ ก็พอไปไหวอยู่ แต่เอาเข้าจริงๆ ก็เหมือนตามน้ำไปซะเยอะ จะมาสนุกแบบเข้มข้นสุดๆ ก็ตอนช่วงกลางๆ เรื่องจนถึงท้ายเรื่อง ปมปริศนามีทิ้งไว้หลายอย่าง แต่อ่านแล้วเรากลับไม่ค่อยกระตือรือร้นในการค้นหาคำตอบนั้นๆ เท่าไหร่ จะเรียกว่าไม่น่าสนใจเท่าไหร่นักก็ว่าได้ แต่ถามว่าเขียนดีไหม ภาษาและการเล่าเรื่องของเขาดีค่ะ กลิ่นอายแฟนตาซีเต็มเปี่ยม ดราม่าท่วมท้น แต่ก็ยังมีฉากน่ารักๆ ของเหล่าเทวทูตทั้งแปดให้ได้ชมบ่อยๆ ด้วย ถึงอย่างนั้นจุดที่อ่านแล้วขัดใจก็ยังมีอยู่เยอะ เลยไม่รู้จะแนะนำเรื่องนี้ไปในทางไหนดี เอาเป็นว่า 50:50 ไปก่อนละกันนะคะสำหรับนิยายเรื่องนี้
ปล. ทราบมาว่าตอนที่สุ่ยเฉวียนเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา เขาเพิ่งอยู่ ม.4 เท่านั้น ถ้าดูจากอายุของคนเขียนแล้วมองเนื้อหาในเรื่อง ก็ต้องยอมรับล่ะว่าเขาเขียนออกมาได้ดีในระดับหนึ่งเลยทีเดียว แต่ด้วยความที่โครงเรื่องนี้มันใหญ่ มีความซับซ้อนมาก ทั้งยังทิ้งปมปริศนาไว้เยอะ จึงทำให้เรามองว่าเขายังบริหารเรื่องการดำเนินเนื้อเรื่องที่มีเยอะมากๆ นี้ยังไม่ดีเท่าที่ควร (คือบางจุดก็อธิบายได้เคลียร์ แต่บางเหตุการณ์ก็ตัดจบเหมือนกำปั้นทุบดิน) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวผู้อ่านแต่ละคนด้วยนะคะ บางคนอาจจะอ่านแล้วคิดต่างจากเราไปอีกแบบหนึ่งก็ได้ค่ะ :-)
‘ไอเลเดอร์ ชิลเดอร์ลิส’ ว่าที่เทวทูตรุ่นที่สามสิบเจ็ดได้หนีออกจากบ้านก่อนที่จะต้องรับหน้าที่สืบทอดตำแหน่งนักบวชเทวทูตอย่างเป็นทางการ เขาเดินทางเพื่อตามบางสิ่งบางอย่างที่ก่อกวนอยู่ในใจของเขาไม่ขาด ภูตน้ำแนะนำเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งให้เขา ถึงแม้จะยังสงสัยว่าที่แห่งนี้น่ะหรือจะทำให้เขาพบเจอกับสิ่งที่ตามหามาเนิ่นนาน ทว่าไอเลเดอร์ก็ยังคงเดินหน้าไปยังทางที่ภูตน้ำชี้นำ ที่นั่นเขาได้พบกับผู้ร่วมพันธกิจอีกเจ็ดตระกูล ทุกคนถูกชักนำให้มายังที่แห่งนี้ด้วยค่ามนต์ดูดวิญญาณ ราวกับเป็นกับดักหรือไม่ก็บททดสอบเทวทูตรุ่นใหม่อย่างพวกเขาก่อนการเข้ารับตำแหน่ง ซึ่งในปีนี้มีกฎเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งข้อ คือ นักบวชเทวทูตที่กำลังจะรับตำแหน่งจะต้องทำข้อตกลงกับผู้ร่วมพันธกิจคนใดคนหนึ่งมาเป็นคู่สัญญา สำหรับไอเลเดอร์ทิ่เป็นผู้สืบทอดตำแหน่วเทวทูตที่สูงส่งที่สุด เขากลับเลือก ‘อินด์ สคาร์จ’ เด็กหนุ่มตัวเล็กที่ดูอ่อนแอสุดๆ มาเป็นคู่สัญญาแทน พวกเขาต้องต่อกรกับกลุ่มผู้บูชาเทพเจ้าแห่งความมืด ซึ่งกำลังดำเนินแผนการอันล้ำลึกโดยที่เหล่าเทวทูตทั้งหลายไม่มีใครรู้ตัวมาก่อนเลย
ส่วนตัวเรามองว่าเรื่องนี้ค่อนข้างสะเปะสะปะอย่างบอกไม่ถูก อ่านเรื่อยๆ ก็พอไปไหวอยู่ แต่เอาเข้าจริงๆ ก็เหมือนตามน้ำไปซะเยอะ จะมาสนุกแบบเข้มข้นสุดๆ ก็ตอนช่วงกลางๆ เรื่องจนถึงท้ายเรื่อง ปมปริศนามีทิ้งไว้หลายอย่าง แต่อ่านแล้วเรากลับไม่ค่อยกระตือรือร้นในการค้นหาคำตอบนั้นๆ เท่าไหร่ จะเรียกว่าไม่น่าสนใจเท่าไหร่นักก็ว่าได้ แต่ถามว่าเขียนดีไหม ภาษาและการเล่าเรื่องของเขาดีค่ะ กลิ่นอายแฟนตาซีเต็มเปี่ยม ดราม่าท่วมท้น แต่ก็ยังมีฉากน่ารักๆ ของเหล่าเทวทูตทั้งแปดให้ได้ชมบ่อยๆ ด้วย ถึงอย่างนั้นจุดที่อ่านแล้วขัดใจก็ยังมีอยู่เยอะ เลยไม่รู้จะแนะนำเรื่องนี้ไปในทางไหนดี เอาเป็นว่า 50:50 ไปก่อนละกันนะคะสำหรับนิยายเรื่องนี้
ปล. ทราบมาว่าตอนที่สุ่ยเฉวียนเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา เขาเพิ่งอยู่ ม.4 เท่านั้น ถ้าดูจากอายุของคนเขียนแล้วมองเนื้อหาในเรื่อง ก็ต้องยอมรับล่ะว่าเขาเขียนออกมาได้ดีในระดับหนึ่งเลยทีเดียว แต่ด้วยความที่โครงเรื่องนี้มันใหญ่ มีความซับซ้อนมาก ทั้งยังทิ้งปมปริศนาไว้เยอะ จึงทำให้เรามองว่าเขายังบริหารเรื่องการดำเนินเนื้อเรื่องที่มีเยอะมากๆ นี้ยังไม่ดีเท่าที่ควร (คือบางจุดก็อธิบายได้เคลียร์ แต่บางเหตุการณ์ก็ตัดจบเหมือนกำปั้นทุบดิน) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวผู้อ่านแต่ละคนด้วยนะคะ บางคนอาจจะอ่านแล้วคิดต่างจากเราไปอีกแบบหนึ่งก็ได้ค่ะ :-)
โดย: วาชิ วันที่เขียนรีวิว: 26 กรกฏาคม พ.ศ. 2557
หากพูดถึงนางเอก ไม่ว่าจะในหนังหรือนิยายไทยเรื่องไหน เชื่อว่าแทบทุกคนจะต้องจินตนาการถึงผู้หญิงสวยๆ สูงยาวเข่าดี ไม่ก็น่ารัก บอบบาง น่าทะนุถนอม แต่กับนางเอกในนิยายเรื่องคิวบิกนี้ บอกได้เลยว่าแทบจะฉีกภาพลักษณ์จากนางเอกในฝันอย่างที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นแทบทุกกระเบียดนิ้ว 'ลูกเป็ดขี้เหร่' นี่คือคำโปรยที่อยู่ข้างหลังปกนิยายเล่มแรก ให้นักอ่านหลายๆ คนเกิดความสงสัยว่าผู้หญิงที่ชื่อ 'ฤทัยนาค' คนนี้เกิดมาเป็นนางเอกนิยายได้อย่างไร แต่เชื่อไหมคะ...หลังจากเราพลิกกระดาษอ่านนิยายเรื่องนี้ เรากลับหลงรักนางเอกคนนี้ไปโดยไม่รู้ตัว ถึงนาคจะไม่ใช่ผู้หญิงสวย แต่เธอเป็นคนเก่ง ที่สำคัญฉลาดมากกก (เบิ้ล ก.ไก่ ไปร้อยตัวเลยเอ้า!) ถ้าใครชอบนางเอกฉลาด เก่ง แกร่ง หยิบเรื่องนี้อ่านโลด คุ้มค่าทุกตัวอักษร เพราะนอกจากนางเอกเรื่องนี้จะไม่เหมือนใครแล้ว การดำเนินในแต่ละฉากแต่ละตอนยังน่าติดตามชนิดที่วางไม่ลงเลยทีเดียว!
ส่วนตัวเรารู้สึกว่ามันไม่เหมือนนิยายแนวมาเฟียเรื่องอื่นๆ นะ อ่านแล้วรู้เลยว่าคนเขียนผูกเรื่องมาดี เนื้อเรื่องจะเน้นฉากบู๊+ชิงไหวพริบกันมากกว่าฉากรัก แต่บทมาเฟียฮ่องกงจะหวาน 'หลิน หลานเซ่อ' พระเอกเรื่องนี้ก็ทำเราจิกผ้าปูที่นอนฟินหมอนขาดกระจุยมาแล้ว 5555 (ล้อเล่นนะ...) แต่ที่บอกว่าฟินอ่ะ ฟินจริงล่ะตัวเธอ! ไม่เชื่อต้องลองอ่านเอง 5555
พูดถึงตัวละคร นอกจากนางเอกที่ไม่สวยแต่รวยด้วยเสน่ห์แล้ว ก็ต้องนี่เลยค่ะ ‘หลิน หลานเซ่อ’ พระเอกของเรื่อง เขาเป็นมาเฟียที่จับตัวนาคมาเพราะพ่อกับพี่สาวแอบหลบหนีไปเสียก่อน หลานเซ่อต่างจากมาเฟียเรื่องอื่นๆ ตรงที่เขาเป็นคนสวยมั้ง ปรกติจะเห็นแต่พระเอกมาเฟียหน้าตาหล่อเหลาเคร่งขรึม นี่ก็เพิ่งเคยเจอพระเอกหน้าสวยเนี่ยแหละ แอบทึ่งๆ กับตัวละครในเรื่องนี้เหลือเกิน 5555 ความสัมพันธ์ของเขากับนาคในตอนแรกๆ นั้นไม่ค่อยดีนัก เพราะคนที่หลานเซ่อต้องการจริงๆ คือ ‘นันทกา’ พี่สาวแสนสวนราวกับหงษ์ของนาคมากกว่า ทว่าด้วยความเป็นธรรมชาติของนาค รอยยิ้มที่ออกมาจากใจจริง รวมไปถึงความห่วงใยที่ไร้การเสแสร้ง กลับเป็นสิ่งที่ดึงดูดให้สายตาของมาเฟียหน้าสวยคนนี้เผลอมองตามร่างป้อมๆ ของนาคไปโดยที่ตัวเขาก็ยังนึกประหลาดใจ แต่ในมุมมองของคนอ่านนี่คือกรี๊ดดดด ฟินไปสิบตลบค่า 5555 คู่รักที่แตกต่างกันต่างขั้วคู่นี้น่ารักมากๆ จริงๆ นอกจากนี้ยังมีเด็กหนุ่มที่ชื่อ ‘แดน’ อีกคนที่ออกมาสร้างสีสันให้กับเรื่องนี้ด้วย เขาเป็นเพื่อนสนิทกับนาคที่ชอบยั่วหลานเซ่อแบบไม่กลัวตาย ถึงจะชอบพูดจาโผงผาง ชอบบ่นฤทัยนาค ชอบกวนตีนใส่หลิน หลานเซ่อ แต่แดนก็ถือว่าเป็นคนเก่งและฉลาดมากๆ อีกคนหนึ่ง เขารู้ทันความคิดนาคหลายครั้งมาก และคอยช่วยสนับสนุน(แบบไม่เต็ม)แทบจะทุกครั้งไป เป็นอีกหนึ่งตัวละครที่เราหลงรักเลยล่ะค่ะ!
คำแนะนำก่อนจาก... ถ้าจะอ่านเรื่องนี้ แนะนำให้อ่านวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ ไม่ก็วันหยุด weekend ยาวๆ เพราะถ้าเกิดอ่านแล้วติด(เหมือนเรา) จะคลั่งอ่านแบบไม่หลับไม่นอนเลยทีเดียว (คือวางไม่ลงอ่ะ... แม้ตอนนั้นจะตีสามแล้ว และพรุ่งนี้มีทำงาน เราก็ยอมตาหมีแพนด้าไปนั่งเป็นป้าตาดำในที่ทำงานอ่ะ) มีนิยายอยู่ไม่กี่เรื่องนะที่ทำเราติดได้ขนาดนี้ เลยอยากแนะนำให้ลองซื้อไปอ่านกันดูค่ะ :-)
ส่วนใครที่เคยดูละครมาแล้ว ก็อยากให้ลองอ่านเป็นนิยายดูนะ เพราะเราคิดว่ามันสนุก+ได้อารมณ์กว่าในหลายๆ เรื่อง แล้วคุณจะรัก หลิน หลานเซ่อ กับ ฤทัยนาค มากกว่าเดิม ^^
ส่วนตัวเรารู้สึกว่ามันไม่เหมือนนิยายแนวมาเฟียเรื่องอื่นๆ นะ อ่านแล้วรู้เลยว่าคนเขียนผูกเรื่องมาดี เนื้อเรื่องจะเน้นฉากบู๊+ชิงไหวพริบกันมากกว่าฉากรัก แต่บทมาเฟียฮ่องกงจะหวาน 'หลิน หลานเซ่อ' พระเอกเรื่องนี้ก็ทำเราจิกผ้าปูที่นอนฟินหมอนขาดกระจุยมาแล้ว 5555 (ล้อเล่นนะ...) แต่ที่บอกว่าฟินอ่ะ ฟินจริงล่ะตัวเธอ! ไม่เชื่อต้องลองอ่านเอง 5555
พูดถึงตัวละคร นอกจากนางเอกที่ไม่สวยแต่รวยด้วยเสน่ห์แล้ว ก็ต้องนี่เลยค่ะ ‘หลิน หลานเซ่อ’ พระเอกของเรื่อง เขาเป็นมาเฟียที่จับตัวนาคมาเพราะพ่อกับพี่สาวแอบหลบหนีไปเสียก่อน หลานเซ่อต่างจากมาเฟียเรื่องอื่นๆ ตรงที่เขาเป็นคนสวยมั้ง ปรกติจะเห็นแต่พระเอกมาเฟียหน้าตาหล่อเหลาเคร่งขรึม นี่ก็เพิ่งเคยเจอพระเอกหน้าสวยเนี่ยแหละ แอบทึ่งๆ กับตัวละครในเรื่องนี้เหลือเกิน 5555 ความสัมพันธ์ของเขากับนาคในตอนแรกๆ นั้นไม่ค่อยดีนัก เพราะคนที่หลานเซ่อต้องการจริงๆ คือ ‘นันทกา’ พี่สาวแสนสวนราวกับหงษ์ของนาคมากกว่า ทว่าด้วยความเป็นธรรมชาติของนาค รอยยิ้มที่ออกมาจากใจจริง รวมไปถึงความห่วงใยที่ไร้การเสแสร้ง กลับเป็นสิ่งที่ดึงดูดให้สายตาของมาเฟียหน้าสวยคนนี้เผลอมองตามร่างป้อมๆ ของนาคไปโดยที่ตัวเขาก็ยังนึกประหลาดใจ แต่ในมุมมองของคนอ่านนี่คือกรี๊ดดดด ฟินไปสิบตลบค่า 5555 คู่รักที่แตกต่างกันต่างขั้วคู่นี้น่ารักมากๆ จริงๆ นอกจากนี้ยังมีเด็กหนุ่มที่ชื่อ ‘แดน’ อีกคนที่ออกมาสร้างสีสันให้กับเรื่องนี้ด้วย เขาเป็นเพื่อนสนิทกับนาคที่ชอบยั่วหลานเซ่อแบบไม่กลัวตาย ถึงจะชอบพูดจาโผงผาง ชอบบ่นฤทัยนาค ชอบกวนตีนใส่หลิน หลานเซ่อ แต่แดนก็ถือว่าเป็นคนเก่งและฉลาดมากๆ อีกคนหนึ่ง เขารู้ทันความคิดนาคหลายครั้งมาก และคอยช่วยสนับสนุน(แบบไม่เต็ม)แทบจะทุกครั้งไป เป็นอีกหนึ่งตัวละครที่เราหลงรักเลยล่ะค่ะ!
คำแนะนำก่อนจาก... ถ้าจะอ่านเรื่องนี้ แนะนำให้อ่านวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ ไม่ก็วันหยุด weekend ยาวๆ เพราะถ้าเกิดอ่านแล้วติด(เหมือนเรา) จะคลั่งอ่านแบบไม่หลับไม่นอนเลยทีเดียว (คือวางไม่ลงอ่ะ... แม้ตอนนั้นจะตีสามแล้ว และพรุ่งนี้มีทำงาน เราก็ยอมตาหมีแพนด้าไปนั่งเป็นป้าตาดำในที่ทำงานอ่ะ) มีนิยายอยู่ไม่กี่เรื่องนะที่ทำเราติดได้ขนาดนี้ เลยอยากแนะนำให้ลองซื้อไปอ่านกันดูค่ะ :-)
ส่วนใครที่เคยดูละครมาแล้ว ก็อยากให้ลองอ่านเป็นนิยายดูนะ เพราะเราคิดว่ามันสนุก+ได้อารมณ์กว่าในหลายๆ เรื่อง แล้วคุณจะรัก หลิน หลานเซ่อ กับ ฤทัยนาค มากกว่าเดิม ^^
โดย: วาชิ วันที่เขียนรีวิว: 20 กรกฏาคม พ.ศ. 2557
อีกหนึ่งผลงานของอวี้หว่อที่เรายกให้เป็นหนึ่งในสามนิยายที่ชอบที่สุด! จะเรียกว่ามันเป็นอีกด้านหนึ่งของเรื่อง No Hero รัตติกาลอันตราย ก็ว่าได้
เรื่องนี้จะบอกเล่าเรื่องราวของ ‘ซอนเน่ อันเซียร์’ เด็กหนุ่มนักศึกษาที่มีเบื้องหลังไม่ธรรมดาเลยสักนิด กับ ‘ซอนเน่ ซีแนน’ ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นราชาไร้มงกุฎ เป็นนักธุรกิจหนุ่มที่ขยายเครือข่ายเดอะซันจนกลายเป็นเครือข่ายเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่จะมีสักกี่คนที่ได้รู้ความจริง ว่าชายที่เปรียบได้กับดวงอาทิตย์ลอยเด่นเหนือผู้คนมากมายคนนี้ ที่จริงก็แค่ ‘พี่ติดน้อง’ คนหนึ่งเท่านั้น
เพราะอำนาจ เงินตรา และความผิดหวังจากการพลัดพรากสูญเสียคนที่รักที่สุดไป ทำให้ชายคนหนึ่งกระทำเรื่องร้ายกาจกับลูกชายคนเล็กของตัวเองได้อย่างเลือดเย็น คนที่ได้ชื่อว่า ‘พ่อ’ จับพี่น้องที่รักใคร่กันดีให้แยกออกจากกันเป็นเวลานานถึงเจ็ดปีเต็ม ในช่วงเวลาอันแสนยาวนั้น ซีแนนได้ถีบตัวเองขึ้นสู่จุดสุดยอดเหนือผู้คนทั้งปวง เขาใช้ความสามารถและกำลังทั้งหมดที่ไต่เต่าขึ้นมาได้เพียงเพื่อตามหา ‘น้องชาย’ เพียงคนเดียวที่จู่ๆ ก็ขาดหายการติดต่อไป ตามหาเพียงเพื่อจะพบว่าน้องชายที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นคนเลี้ยงมาเองกับมือ ไม่มีส่วนใดในร่างกายเลยที่หลงเหลือความเป็น ‘มนุษย์’ อยู่สักส่วนเดียว
นิยายเรื่องนี้จะเปรียบเทียบเรื่องราวของสองพี่น้องให้เห็นเด่นชัด คนหนึ่งเป็นเหมือนดวงตะวันที่ยืนอยู่เหนือใครๆ ส่วนอีกคนกลับเป็นเหมือนเงามืดที่ต้องเก็บซ่อนตัวตนไม่ให้ผู้ใดล่วงรู้ เปรียบได้กับกลางวันและกลางคืน ความมืดและแสงสว่าง ทว่าในความแตกต่างที่ไม่น่าจะมีสิ่งใดเชื่อมต่อกันได้ สายใยแห่งสายเลือดกลับทำให้คนทั้งสองที่ต่างกันราวกับเหรียญคนละด้านมาบรรจบลงกันได้อย่างไม่มีใครคาดคิด
ช่วงเริ่มต้นของเรื่องนี้จะเป็นอะไรที่กระชากความรู้สึกคนอ่านมาก มันทั้งดาร์กและโหดร้าย ไม่เพียงแต่ความพลัดพรากเท่านั้นที่ทำให้รู้สึกใจหาย แต่พอได้รู้ว่า ‘พ่อ’ แท้ๆ ทำอะไรกับเซียร์ลงไป โอยยย หัวใจคนอ่านแทบน้ำตาร่วง ต้องบอกเลยว่าพ่อของเซียร์และราชาซอนเน่น่ะจิตมาก ถ้ามีการโหวดตัวละครพ่อเรื่องไหนที่โหดร้ายที่สุดแห่งปี เราขอโหวดคุณพ่อท่านนี้แบบไม่มีลังเลเลยค่ะ! และด้วยสำนวนการเขียนและเล่าเรื่องของอวี้หว่อ มันทำให้คนอ่านอย่างเราอินมากอ่ะ! ฉากที่เซียร์เจ็บปวด เราอ่านแล้วก็สงสารน้องมาก แต่ฉากน่ารักๆ อย่างตอนที่พี่หวงน้องออกอาการ ‘น้องข้าใครอย่าแตะ’ นี่ก็ทำเอาร้องแอร๊ยอยู่หน้าหนังสือแบบว่าฟินอย่างบอกไม่ถูกก็ตั้งหลายครั้ง 5555 ฉากต่อสู้ก็เขียนได้สนุกไม่มีสะดุดจริงๆ เรียกได้ว่าเป็นนิยายอีกเรื่องของอวี้หว่อที่มีอารมณ์ครบรสอีกเรื่องเลยค่ะ
เรื่องนี้จะบอกเล่าเรื่องราวของ ‘ซอนเน่ อันเซียร์’ เด็กหนุ่มนักศึกษาที่มีเบื้องหลังไม่ธรรมดาเลยสักนิด กับ ‘ซอนเน่ ซีแนน’ ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นราชาไร้มงกุฎ เป็นนักธุรกิจหนุ่มที่ขยายเครือข่ายเดอะซันจนกลายเป็นเครือข่ายเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่จะมีสักกี่คนที่ได้รู้ความจริง ว่าชายที่เปรียบได้กับดวงอาทิตย์ลอยเด่นเหนือผู้คนมากมายคนนี้ ที่จริงก็แค่ ‘พี่ติดน้อง’ คนหนึ่งเท่านั้น
เพราะอำนาจ เงินตรา และความผิดหวังจากการพลัดพรากสูญเสียคนที่รักที่สุดไป ทำให้ชายคนหนึ่งกระทำเรื่องร้ายกาจกับลูกชายคนเล็กของตัวเองได้อย่างเลือดเย็น คนที่ได้ชื่อว่า ‘พ่อ’ จับพี่น้องที่รักใคร่กันดีให้แยกออกจากกันเป็นเวลานานถึงเจ็ดปีเต็ม ในช่วงเวลาอันแสนยาวนั้น ซีแนนได้ถีบตัวเองขึ้นสู่จุดสุดยอดเหนือผู้คนทั้งปวง เขาใช้ความสามารถและกำลังทั้งหมดที่ไต่เต่าขึ้นมาได้เพียงเพื่อตามหา ‘น้องชาย’ เพียงคนเดียวที่จู่ๆ ก็ขาดหายการติดต่อไป ตามหาเพียงเพื่อจะพบว่าน้องชายที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นคนเลี้ยงมาเองกับมือ ไม่มีส่วนใดในร่างกายเลยที่หลงเหลือความเป็น ‘มนุษย์’ อยู่สักส่วนเดียว
นิยายเรื่องนี้จะเปรียบเทียบเรื่องราวของสองพี่น้องให้เห็นเด่นชัด คนหนึ่งเป็นเหมือนดวงตะวันที่ยืนอยู่เหนือใครๆ ส่วนอีกคนกลับเป็นเหมือนเงามืดที่ต้องเก็บซ่อนตัวตนไม่ให้ผู้ใดล่วงรู้ เปรียบได้กับกลางวันและกลางคืน ความมืดและแสงสว่าง ทว่าในความแตกต่างที่ไม่น่าจะมีสิ่งใดเชื่อมต่อกันได้ สายใยแห่งสายเลือดกลับทำให้คนทั้งสองที่ต่างกันราวกับเหรียญคนละด้านมาบรรจบลงกันได้อย่างไม่มีใครคาดคิด
ช่วงเริ่มต้นของเรื่องนี้จะเป็นอะไรที่กระชากความรู้สึกคนอ่านมาก มันทั้งดาร์กและโหดร้าย ไม่เพียงแต่ความพลัดพรากเท่านั้นที่ทำให้รู้สึกใจหาย แต่พอได้รู้ว่า ‘พ่อ’ แท้ๆ ทำอะไรกับเซียร์ลงไป โอยยย หัวใจคนอ่านแทบน้ำตาร่วง ต้องบอกเลยว่าพ่อของเซียร์และราชาซอนเน่น่ะจิตมาก ถ้ามีการโหวดตัวละครพ่อเรื่องไหนที่โหดร้ายที่สุดแห่งปี เราขอโหวดคุณพ่อท่านนี้แบบไม่มีลังเลเลยค่ะ! และด้วยสำนวนการเขียนและเล่าเรื่องของอวี้หว่อ มันทำให้คนอ่านอย่างเราอินมากอ่ะ! ฉากที่เซียร์เจ็บปวด เราอ่านแล้วก็สงสารน้องมาก แต่ฉากน่ารักๆ อย่างตอนที่พี่หวงน้องออกอาการ ‘น้องข้าใครอย่าแตะ’ นี่ก็ทำเอาร้องแอร๊ยอยู่หน้าหนังสือแบบว่าฟินอย่างบอกไม่ถูกก็ตั้งหลายครั้ง 5555 ฉากต่อสู้ก็เขียนได้สนุกไม่มีสะดุดจริงๆ เรียกได้ว่าเป็นนิยายอีกเรื่องของอวี้หว่อที่มีอารมณ์ครบรสอีกเรื่องเลยค่ะ
โดย: วาชิ วันที่เขียนรีวิว: 20 กรกฏาคม พ.ศ. 2557
ก่อนที่จะอ่านนิยายเรื่องนี้ เรามีอ่านนิยายแนวเกมออนไลน์ในเน็ทมาก่อนแล้ว อย่างต่ำก็ 6-7 เรื่อง พอได้อ่านมากๆ เข้า มันเลยเกิดความรู้สึกเบื่อ เพราะไม่ว่าจะกี่เรื่องต่อกี่เรื่องก็มีเนื้อหาซ้ำๆ กันหมด ไม่ว่าจะเป็นการเข้าไปลงทะเบียนในเกม เลือกคลาส เลือกอาชีพ เข้าไปเริ่มเล่นที่เมืองเริ่มต้น ความซ้ำซากจำเจที่พบเจอหลายครั้งมันเลยทำให้เริ่มเบื่อ และไม่คิดจะอ่านนิยายแนวเกมออนไลน์อีก แต่แล้ววันหนึ่งเพื่อนก็ส่งเรื่อง Pride Online มาให้อ่าน มีการบอกด้วยว่าคนวาดหน้าปกให้คือ Enfer de Hell คนที่เราชอบผลงานภาพของเขามากๆ อีกด้วย! ไอ้เราก็โอ๊ะ...อย่างนี้จะพลาดไม่ได้ซะแล้ว เลยรีบปรี่เข้าร้านหนังสือซื้อนิยายเรื่องนี้มาอ่านซะเลย (ซื้อครั้งแรกนี่คือเหมาหมดภาคหนึ่งเลย มีทั้งหมดสี่เล่มค่ะ) เปิดอ่านแรกๆ ก็แบบ...อืมๆๆ ไม่ค่อยต่างจากที่คิดไว้ เข้าเกม เก็บเวล ตามสเต็ปนิยายออนไลน์ แต่พอผ่านมาได้สักพัก...อื้อหือ อะไรกัน! ทำไมมันสนุกอย่างนี้! พอความคิดนี้เด้งขึ้นมาในหัวเท่านั้นแหละค่ะ บอกได้คำเดียวว่ายาว!
เนื้อเรื่องจะเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชายหนุ่มนามว่า ‘วิศนะ’ ค่ะ เขาเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างโผงผาง ฉลาดล้ำ บ้าทะลุจุดเดือด กล้าได้กล้าเสีย เรียกได้ว่ามีฝีปากและคารมเป็นอาวุธเลยค่ะสำหรับผู้ชายคนนี้ แต่เขาไม่ได้มีดีกรีแต่เพียงเท่านี้นะคะ ไม่อย่างนั้นมีหวังเสียมาดพระเอกแย่ อีกอย่างที่ทำให้เราหลงรักในตัววิศวะ คือเขาเป็นผู้ชายที่รักพวกพ้องมาก! วิศนะได้เข้าไปเล่นเกมแล้วพบกับหญิงสาวคนหนึ่งชื่อ ‘เมษา’ แม่นางผมยาวร่างน้อยคนนี้นี่แหละนางเอกขวัญใจของเราเลย! เมษาเป็นผู้หญิงที่เก่งมาก! ไม่น่ารำคาญเหมือนนางเอกนิยายหลายๆ เรื่องที่ดีแต่ง้องแง้งไปวันๆ เธอเป็นคนสอนเรื่องราวต่างๆ ในโลกของเกมให้วิศนะที่เพิ่งเข้ามาเล่นเกมใหม่ๆ เป็นทั้งมันสมองและคนที่วิศนะไว้ใจให้ช่วยคอยระวังให้ ซึ่งเรามองว่ามันแอร๊ยมาก! แต่อย่าเพิ่งคิดนะคะว่านิยายเรื่องนี้มันเป็นแค่การเล่นเกมเฉยๆ เพราะในเกม Pride Online นี้ยังมีปริศนามากมายซ่อนไว้อีกเพียบ ซึ่งมันเป็นจุดเชื่อมต่อกับโลกแห่งความจริงด้วย ยิ่งอ่านจะยิ่งเห็นถึงความอลังการและอยากจะตะโกนว่า “นี่มันอะไรกันเนี่ย!!!” คือต้องขอคารวะคนเขียนเลยว่าเชื่อมโยงเรื่องราวต่างๆ ได้ดีและมีเหตุผลรองรับตลอด แถมตัวละครแต่ละตัวยังโดดเด่นและมีความเป็นเอกลักษณ์สูง มุกตลกมีให้อ่านเยอะมาก ขำก๊ากไปเลยก็มี ที่สำคัญคือเขาเขียนฉากต่อสู้ได้มันส์มาก! สนุกจนวางไม่ลงเลยค่ะ!
เนื้อเรื่องจะเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชายหนุ่มนามว่า ‘วิศนะ’ ค่ะ เขาเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างโผงผาง ฉลาดล้ำ บ้าทะลุจุดเดือด กล้าได้กล้าเสีย เรียกได้ว่ามีฝีปากและคารมเป็นอาวุธเลยค่ะสำหรับผู้ชายคนนี้ แต่เขาไม่ได้มีดีกรีแต่เพียงเท่านี้นะคะ ไม่อย่างนั้นมีหวังเสียมาดพระเอกแย่ อีกอย่างที่ทำให้เราหลงรักในตัววิศวะ คือเขาเป็นผู้ชายที่รักพวกพ้องมาก! วิศนะได้เข้าไปเล่นเกมแล้วพบกับหญิงสาวคนหนึ่งชื่อ ‘เมษา’ แม่นางผมยาวร่างน้อยคนนี้นี่แหละนางเอกขวัญใจของเราเลย! เมษาเป็นผู้หญิงที่เก่งมาก! ไม่น่ารำคาญเหมือนนางเอกนิยายหลายๆ เรื่องที่ดีแต่ง้องแง้งไปวันๆ เธอเป็นคนสอนเรื่องราวต่างๆ ในโลกของเกมให้วิศนะที่เพิ่งเข้ามาเล่นเกมใหม่ๆ เป็นทั้งมันสมองและคนที่วิศนะไว้ใจให้ช่วยคอยระวังให้ ซึ่งเรามองว่ามันแอร๊ยมาก! แต่อย่าเพิ่งคิดนะคะว่านิยายเรื่องนี้มันเป็นแค่การเล่นเกมเฉยๆ เพราะในเกม Pride Online นี้ยังมีปริศนามากมายซ่อนไว้อีกเพียบ ซึ่งมันเป็นจุดเชื่อมต่อกับโลกแห่งความจริงด้วย ยิ่งอ่านจะยิ่งเห็นถึงความอลังการและอยากจะตะโกนว่า “นี่มันอะไรกันเนี่ย!!!” คือต้องขอคารวะคนเขียนเลยว่าเชื่อมโยงเรื่องราวต่างๆ ได้ดีและมีเหตุผลรองรับตลอด แถมตัวละครแต่ละตัวยังโดดเด่นและมีความเป็นเอกลักษณ์สูง มุกตลกมีให้อ่านเยอะมาก ขำก๊ากไปเลยก็มี ที่สำคัญคือเขาเขียนฉากต่อสู้ได้มันส์มาก! สนุกจนวางไม่ลงเลยค่ะ!
โดย: วาชิ วันที่เขียนรีวิว: 20 กรกฏาคม พ.ศ. 2557
คนที่ชอบอ่านนิยายแนวเกมออนไลน์คงไม่มีใครไม่รู้จัก MaSaLaN เพราะเขาคือนักเขียนที่สร้างผลงานอันยอดเยี่ยมอย่าง Pride Online สงครามออนไลน์อลเวง ที่มีออกมาถึงสามภาคด้วยกัน ด้านการบรรยายนี่คือข้าน้อยต้องขอซูฮก เขาเขียนแฟนตาซี-ไซไฟได้มันส์มากๆ! ฉากต่อสู้นี่คือทำเอาลุ้นตามและเห็นภาพตามเป็นฉากๆ เลยค่ะ เรื่องการเขียนฉากแอ็คชั่นเราขอยกชายคนนี้ให้เป็นที่หนึ่งในดวงใจอ่ะ!
เรื่อง Element Online นี้จะบอกเล่าเกี่ยวกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่เคยเป็นถึง 1 ใน 4 ของกลุ่ม ‘สี่เทพอสูร’ ดูจากชื่อก็คงพอจะรับรู้ถึงความร้ายกาจของตัวเอกของเรื่องอย่าง ‘กันต์’ ได้พอประมาณ ในเกมเขาใช้ชื่อว่า ‘ไลท์นิ่ง’ ฉายาเทพอสูรสายฟ้า เขาเปรียบได้กับมันสมองของกลุ่ม กันต์เป็นคนที่ฉลาดมากๆ ในด้านการวางแผนกลยุทธ์ แถมยังมีฝีปากร้ายกาจมาพร้อมกับความเจ้าเล่ห์ที่ไม่มีใครเทียม จุดเด่นของเขาคือความเร็วที่เคลื่อนไหวประดุจสายฟ้าฟาด อีกทั้งเวทสายฟ้าของเขาก็ยังเป็นที่หนึ่งในโลก สรุปคือชายคนนี้เป็นพวกฆ่ายากแถมยังร้ายกาจแบบสุดๆ ใครที่รู้สรรพคุณนี้แล้วยังกล้าไปหาเรื่องเขาก็ไม่รู้จะเรียกว่าบ้าหรือจะเรียกว่าใจกล้าดีเลย!
กันต์ได้จับกลุ่มกับเพื่อนอีกสามคนในเกมที่มีความสามารถเหมือนกับปีศาจร้ายไม่ต่างกันในช่วงเบต้าเทสต์ เป้าหมายของพวกเขาคือร่วมมือกันเคลียร์เกม EO นี้ให้สำเร็จให้ได้ แต่ใครจะไปรู้ว่าหลังจากที่พวกเขาสามารถทำเป้าหมายนั้นได้สำเร็จ กันต์กลับประกาศว่าจะเลิกเล่นเกมและจะไม่กลับไปเล่นอีกแล้ว และนั่นคือวันสุดท้ายที่กลุ่มสี่เทพอสูรได้อยู่รวมกันพร้อมหน้า
ทว่าหลังจากนั้นกันต์กลับต้องผิดคำพูดที่ตัวเองได้เคยลั่นวาจาเอาไว้ เพราะพี่สาวสุดที่รักได้มาขอร้องแกมบังคับ บวกกับใช้ของรางวัลล่อตาล่อใจมาทำให้กันต์ยอมตกลงช่วยเหลือ ข้อแลกเปลี่ยนคือเขาต้องหาบัคในเกม EO ให้ครบตามจำนวนที่พี่สาวเขากำหนด แลกกับของหนึ่งอย่างที่เจ้าตัวอยากได้ กันต์จึงได้กลับไปที่โลกเสมือนจริงที่เต็มไปด้วยความทรงจำระหว่างเขากับพวกพ้องคนสำคัญอีกครั้ง โดยมีเป้าหมายเป็นการตามหาพวกเพื่อนๆ ที่แยกย้ายกันไปหลังจากช่วงเบต้าเทสต์จบลง แต่แล้วกันต์กลับพบว่าสี่เทพอสูรที่โด่งดังอยู่ในโลก EO ขณะนี้ไม่ใช่คนที่เขาตามหา แถมยังมี ‘ไลท์นิ่ง’ ตัวปลอมสวมฉายาแทนตัวเขาเรียบร้อยเสร็จสรรพ กันต์จึงเกิดคำถามขึ้นในหัว ว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!?
เรื่องนี้บทบู๊ไม่แพ้เรื่องไพรด์เลยค่ะ แต่นิสัยกันต์กับวิศนะ(ตัวเอกเรื่องไพรด์)นี่แทบจะเหมือนกันเลย TvT คือไม่ได้บอกว่ามันไม่ดีนะคะ เพียงแต่คนที่เคยอ่านไพรด์มาแล้วจะรู้สึกเหมือนกับได้อ่านวิศนะในอีกโลกหนึ่ง...อะไรอย่างนั้นล่ะ มันเลยทำให้เกิดความรู้สึกขัดแย้งขึ้นในอก แต่ความสนุกและความน่าตื่นเต้นของเนื้อเรื่องก็ทำให้เราลืมเรื่องเล็กๆ น้อยๆ นั้นได้ไม่ยาก ทั้งยังมีการเชื่อมตัวละครของเรื่องนี้เข้ากับเรื่องไพรด์อีกด้วย ใครที่เคยอ่านไพรด์แล้วอยากรู้ว่าวิศนะตอนแก่เป็นยังไง อ่านเรื่องนี้ได้เลยนะคะ 5555
เรื่อง Element Online นี้จะบอกเล่าเกี่ยวกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่เคยเป็นถึง 1 ใน 4 ของกลุ่ม ‘สี่เทพอสูร’ ดูจากชื่อก็คงพอจะรับรู้ถึงความร้ายกาจของตัวเอกของเรื่องอย่าง ‘กันต์’ ได้พอประมาณ ในเกมเขาใช้ชื่อว่า ‘ไลท์นิ่ง’ ฉายาเทพอสูรสายฟ้า เขาเปรียบได้กับมันสมองของกลุ่ม กันต์เป็นคนที่ฉลาดมากๆ ในด้านการวางแผนกลยุทธ์ แถมยังมีฝีปากร้ายกาจมาพร้อมกับความเจ้าเล่ห์ที่ไม่มีใครเทียม จุดเด่นของเขาคือความเร็วที่เคลื่อนไหวประดุจสายฟ้าฟาด อีกทั้งเวทสายฟ้าของเขาก็ยังเป็นที่หนึ่งในโลก สรุปคือชายคนนี้เป็นพวกฆ่ายากแถมยังร้ายกาจแบบสุดๆ ใครที่รู้สรรพคุณนี้แล้วยังกล้าไปหาเรื่องเขาก็ไม่รู้จะเรียกว่าบ้าหรือจะเรียกว่าใจกล้าดีเลย!
กันต์ได้จับกลุ่มกับเพื่อนอีกสามคนในเกมที่มีความสามารถเหมือนกับปีศาจร้ายไม่ต่างกันในช่วงเบต้าเทสต์ เป้าหมายของพวกเขาคือร่วมมือกันเคลียร์เกม EO นี้ให้สำเร็จให้ได้ แต่ใครจะไปรู้ว่าหลังจากที่พวกเขาสามารถทำเป้าหมายนั้นได้สำเร็จ กันต์กลับประกาศว่าจะเลิกเล่นเกมและจะไม่กลับไปเล่นอีกแล้ว และนั่นคือวันสุดท้ายที่กลุ่มสี่เทพอสูรได้อยู่รวมกันพร้อมหน้า
ทว่าหลังจากนั้นกันต์กลับต้องผิดคำพูดที่ตัวเองได้เคยลั่นวาจาเอาไว้ เพราะพี่สาวสุดที่รักได้มาขอร้องแกมบังคับ บวกกับใช้ของรางวัลล่อตาล่อใจมาทำให้กันต์ยอมตกลงช่วยเหลือ ข้อแลกเปลี่ยนคือเขาต้องหาบัคในเกม EO ให้ครบตามจำนวนที่พี่สาวเขากำหนด แลกกับของหนึ่งอย่างที่เจ้าตัวอยากได้ กันต์จึงได้กลับไปที่โลกเสมือนจริงที่เต็มไปด้วยความทรงจำระหว่างเขากับพวกพ้องคนสำคัญอีกครั้ง โดยมีเป้าหมายเป็นการตามหาพวกเพื่อนๆ ที่แยกย้ายกันไปหลังจากช่วงเบต้าเทสต์จบลง แต่แล้วกันต์กลับพบว่าสี่เทพอสูรที่โด่งดังอยู่ในโลก EO ขณะนี้ไม่ใช่คนที่เขาตามหา แถมยังมี ‘ไลท์นิ่ง’ ตัวปลอมสวมฉายาแทนตัวเขาเรียบร้อยเสร็จสรรพ กันต์จึงเกิดคำถามขึ้นในหัว ว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!?
เรื่องนี้บทบู๊ไม่แพ้เรื่องไพรด์เลยค่ะ แต่นิสัยกันต์กับวิศนะ(ตัวเอกเรื่องไพรด์)นี่แทบจะเหมือนกันเลย TvT คือไม่ได้บอกว่ามันไม่ดีนะคะ เพียงแต่คนที่เคยอ่านไพรด์มาแล้วจะรู้สึกเหมือนกับได้อ่านวิศนะในอีกโลกหนึ่ง...อะไรอย่างนั้นล่ะ มันเลยทำให้เกิดความรู้สึกขัดแย้งขึ้นในอก แต่ความสนุกและความน่าตื่นเต้นของเนื้อเรื่องก็ทำให้เราลืมเรื่องเล็กๆ น้อยๆ นั้นได้ไม่ยาก ทั้งยังมีการเชื่อมตัวละครของเรื่องนี้เข้ากับเรื่องไพรด์อีกด้วย ใครที่เคยอ่านไพรด์แล้วอยากรู้ว่าวิศนะตอนแก่เป็นยังไง อ่านเรื่องนี้ได้เลยนะคะ 5555
โดย: วาชิ วันที่เขียนรีวิว: 20 กรกฏาคม พ.ศ. 2557
สารภาพตามตรงว่าที่ซื้อเล่มนี้มาในตอนแรกก็เพราะปก! 5555 ผลงานของ Enfer de Hell นี่คงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณ เพราะแวบแรกที่เห็นมันก็ดึงดูดมือเราให้เอื้อมเข้าไปหานิยายเล่มนี้ซะแล้ว! แถมซื้อทีก็ไม่ได้ซื้อแค่เล่มเดียว แต่เหมามาสามเล่มรวด! อานุภาพของปกมันทำร้ายเงินในกระเป๋าตังค์ข้าน้อยมาก นั่งหลั่งน้ำตาเบาๆ แต่ได้นิยายที่มีภาพผลงานของ Enfer de Hell ไปประดับหิ้งเราก็แฮปปี้แล้ว และไหนๆ ก็ซื้อนิยายเขามาแล้ว ถ้าไม่อ่านมันก็จะเป็นการเสียเงินฟรีใช่ไหม ดังนั้นเราจึงไม่รอช้ารีบเปิดอ่านทันที (แม้ในตอนนั้นจะไม่ได้คาดหวังจากนิยายเรื่องนี้เลยก็ตาม) แต่คุณเชื่อไหม นิยายที่เราซื้อมาเพียงเพราะภาพบนปกมันดึงดูด คราวนี้มันกับตรึงเราให้อยู่ในหน้านิยายที่เป็นตัวอักษรได้อย่างไม่น่าเชื่อ! อ่านไปไม่กี่ตอนเราก็อยากแหกปากร้องออกมาดังๆ ว่านิยายเรื่องนี้มันสนุกมาก!!! วันนั้นเราอ่านรวดเดียวเลยสองเล่มจบ คือหยุดไม่ได้อ่ะ! ไม่รู้เลยว่าต้องมนต์ตัวละครตัวไหนกันแน่ (แบบว่าหลงรักทุกคน) แต่ที่แน่นอนเลยคือเราหลงรักการบรรยายและการดำเนินเนื้อเรื่องของ FINCH เข้าเต็มเปา เขาลำดับการเล่าเรื่องดีมาก ทั้งสนุก น่าตื่นเต้น และทำเอาอยากกรี๊ดในหลายๆ ฉาก มาตอนนี้เรารู้สึกขอบคุณภาพปกของคุณเฝอมากที่ทำให้เราซื้อนิยายเล่มนี้มา ถ้าพลาดไปนี่คืออยากเอาหัวโหม่งเต้าหู้ตายเลยจริงๆ ค่ะ TvT
เนื้อเรื่องจะบอกเล่าเกี่ยวกับชายหนุ่มคนหนึ่งนามว่า ‘DD’ เขาพบเจอผ้าขี้ริ้ว เอ๊ย ชายที่มีสภาพร่างกายสะบักสะบอมเต็มไปด้วยบาดแผลน่าเป็นห่วง ด้วยความเป็นคนดี(?) DD จึงพาเขาไปหาหมอ ออกค่ารักษาแทนทั้งหมด ชายคนนั้นเห็นความดีมีน้ำใจของชายหนุ่มเลยขอร้องให้ DD ช่วยเหลือเขาอีกอย่าง ด้วยการนำของบางอย่างไปส่งมอบให้กับคนๆ หนึ่ง โดยหารู้ไม่ว่าเจ้าของที่เขารับฝากมาจะกลายเป็นวัตถุพาซวยที่ผูกติดกับอะไรบางอย่างที่น่าปวดหัวที่สุดในชีวิต DD ดั้นด้นเดินทางมาไกลเพื่อตามหาคนที่เขาไม่รู้จักแม้แต่หน้า พบเจอเรื่องราวมากมายและได้เพื่อนใหม่ที่ดูจะเทิดทูนเขาเหนือหัว ก่อนจะได้รับตำแหน่งที่เขาไม่ต้องการที่สุดมาครอบครองชนิดที่เรียกว่าถูกมัดมือชก ก็ใครเล่าจะไปรู้ว่าของที่ได้รับฝากมาจะเป็นของล้ำค่าที่ไว้ใช้คัดเลือกอัศวินศักดิ์สิทธิ์แห่งเบอเรี่ยน ฟังดูจากชื่อตำแหน่งก็น่าจะพอรู้แล้วว่ามันจะนำความยุ่งยากให้ผู้ที่รับตำแหน่งนี้มากน้อยขนาดไหน นั่นยังไม่รวมถึงเรื่องที่เขาต้องปรามมังกรอสูรที่ชื่อดาร์กอิงเรมด้วยนะ!
พระเอกเรื่องนี้ต้องบอกเลยว่าเป็นคนซวยของจริง เพราะเหตุการณ์แต่ละอย่างที่เขาเจอมันห่างไกลจากคำว่าโชคดีอยู่มากโข 5555 เรื่องราวป่วนๆ มันถึงได้เริ่มต้นขึ้น ซึ่ง DD นี่ก็หาเรื่องหนีแทบจะทุกวินาทีที่เขาหายใจ ในเรื่องนี้เราชอบตัวละครทุกตัวเลยนะ ไม่ว่าจะเป็น DD ที่มีความทะเล้นเป็นเอกลักษณ์และมีความคิดพิศดารแบบสุดๆ รวมไปถึงวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่ดูจะเจ้าเล่ห์ขึ้นทุกวันตามนิสัยของคนที่เขาผูกติดด้วย ไหนจะยังมีจอมเวทย์ที่ใช้มนต์ดำมีอำนาจเก่งกล้าแต่กลับเป็นพวกปากร้ายใจดี มังกรอสูรดาร์กอิงเรมที่มีภาพลักษณ์แตกต่างจากที่ใครหลายๆ คนเข้าใจ โอยยย นิยายเรื่องนี้คือแหล่มสุดๆ ค่ะ รวมพลหนุ่มหล่อล่อตาล่อใจไม่พอ คนเขียนยังทำให้เราหลงรักนิสัยตัวละครทุกตัวแบบมีใจเท่าไหร่เทให้หมดหน้าตักเลยค่ะ
รักนิยายเรื่องนี้มากกกกกกกกกกก บอกเลย!
เนื้อเรื่องจะบอกเล่าเกี่ยวกับชายหนุ่มคนหนึ่งนามว่า ‘DD’ เขาพบเจอผ้าขี้ริ้ว เอ๊ย ชายที่มีสภาพร่างกายสะบักสะบอมเต็มไปด้วยบาดแผลน่าเป็นห่วง ด้วยความเป็นคนดี(?) DD จึงพาเขาไปหาหมอ ออกค่ารักษาแทนทั้งหมด ชายคนนั้นเห็นความดีมีน้ำใจของชายหนุ่มเลยขอร้องให้ DD ช่วยเหลือเขาอีกอย่าง ด้วยการนำของบางอย่างไปส่งมอบให้กับคนๆ หนึ่ง โดยหารู้ไม่ว่าเจ้าของที่เขารับฝากมาจะกลายเป็นวัตถุพาซวยที่ผูกติดกับอะไรบางอย่างที่น่าปวดหัวที่สุดในชีวิต DD ดั้นด้นเดินทางมาไกลเพื่อตามหาคนที่เขาไม่รู้จักแม้แต่หน้า พบเจอเรื่องราวมากมายและได้เพื่อนใหม่ที่ดูจะเทิดทูนเขาเหนือหัว ก่อนจะได้รับตำแหน่งที่เขาไม่ต้องการที่สุดมาครอบครองชนิดที่เรียกว่าถูกมัดมือชก ก็ใครเล่าจะไปรู้ว่าของที่ได้รับฝากมาจะเป็นของล้ำค่าที่ไว้ใช้คัดเลือกอัศวินศักดิ์สิทธิ์แห่งเบอเรี่ยน ฟังดูจากชื่อตำแหน่งก็น่าจะพอรู้แล้วว่ามันจะนำความยุ่งยากให้ผู้ที่รับตำแหน่งนี้มากน้อยขนาดไหน นั่นยังไม่รวมถึงเรื่องที่เขาต้องปรามมังกรอสูรที่ชื่อดาร์กอิงเรมด้วยนะ!
พระเอกเรื่องนี้ต้องบอกเลยว่าเป็นคนซวยของจริง เพราะเหตุการณ์แต่ละอย่างที่เขาเจอมันห่างไกลจากคำว่าโชคดีอยู่มากโข 5555 เรื่องราวป่วนๆ มันถึงได้เริ่มต้นขึ้น ซึ่ง DD นี่ก็หาเรื่องหนีแทบจะทุกวินาทีที่เขาหายใจ ในเรื่องนี้เราชอบตัวละครทุกตัวเลยนะ ไม่ว่าจะเป็น DD ที่มีความทะเล้นเป็นเอกลักษณ์และมีความคิดพิศดารแบบสุดๆ รวมไปถึงวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่ดูจะเจ้าเล่ห์ขึ้นทุกวันตามนิสัยของคนที่เขาผูกติดด้วย ไหนจะยังมีจอมเวทย์ที่ใช้มนต์ดำมีอำนาจเก่งกล้าแต่กลับเป็นพวกปากร้ายใจดี มังกรอสูรดาร์กอิงเรมที่มีภาพลักษณ์แตกต่างจากที่ใครหลายๆ คนเข้าใจ โอยยย นิยายเรื่องนี้คือแหล่มสุดๆ ค่ะ รวมพลหนุ่มหล่อล่อตาล่อใจไม่พอ คนเขียนยังทำให้เราหลงรักนิสัยตัวละครทุกตัวแบบมีใจเท่าไหร่เทให้หมดหน้าตักเลยค่ะ
รักนิยายเรื่องนี้มากกกกกกกกกกก บอกเลย!
โดย: วาชิ วันที่เขียนรีวิว: 20 กรกฏาคม พ.ศ. 2557
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เล็งไว้มานานมาแล้ว เพิ่งได้มีโอกาสเปิดอ่านเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเลยรีบมาเขียนรีวิวซะก่อนที่จะลืมเนื้อหาข้างใน 5555
ที่นิยายเรื่องนี้ดึงดูดความสนใจเราได้ ยอมรับเลยว่าชื่อเรื่องมันน่าสนใจจริงๆ ค่ะ ‘H.A.C.K เจาะระบบ ไขรหัสมรณะ’ ที่มองว่ามันน่าสนใจ เพราะเรื่องของแฮกเกอร์เป็นอะไรที่หาอ่านได้ยากมาก (สำหรับเราอ่ะนะ) แน่นอนว่าในนิยายหลายๆ เรื่องจะมีตัวละครที่เก่งกาจด้านคอมพิวเตอร์ สามารถเจาะระบบข้อมูลคอยซัพพอร์ตทีมของตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยม แต่บทบาทนั้นกลับน้อยแสนน้อย มาทำให้เรากรี๊ดเป็นพักๆ แล้วตัวละครนั้นก็จากไป อ่านได้ไม่จุใจอย่างที่ใจอยากเลย//นั่งสลด แต่นิยายเรื่องนี้มันไม่ได้เป็นแบบนั้นค่ะ เพราะตัวเอกของเรื่องเป็นแฮกเกอร์ตัวจริงเสียงจริง! เจาะข้อมูลล้วงความลับของหลายๆ องก์กรเป็นว่าเล่น มีท้าแข่งเจาะระบบกับคนที่เป็นแฮกเกอร์เหมือนกันเพื่อชิงชัยว่าใครเก่งกว่ากันด้วย มันคือนิยายที่ชิงไหวพริบทางด้าน IT กันอย่างดุเดือด ใครที่อยากอ่านเรื่องราวของคนที่เป็นแฮกเกอร์แบบจุใจก็ต้องนิยายเรื่องนี้เลยค่ะ
เนื้อเรื่องจะเกี่ยวกับเด็กชายอายุสิบสามชื่อพันธรัตน์ ภายนอกเขาก็เหมือนเด็กขี้เกียจทั่วไป เป็นเจ้าแว่นที่เล่นกีฬาไม่เก่ง ชอบหลับในห้องเรียน โดนเด็กอ้วนที่มีนิสัยเกเรคอยกลั่นแกล้งอยู่บ่อยครั้ง (มันเหมือนตัวละครในการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องหนึ่งยังไงก็ไม่รู้เนอะ ว่าไหม 55555) แต่ด้วยภาพลักษณ์ที่เป็นแบบนี้แหละ คนรอบตัวของเด็กชายจึงไม่มีใครเอะใจเลยว่า เบื้องหลังของตัวตนที่ดูเกียจคร้านนั้นกลับซ่อนความร้ายกาจที่แม้แต่คนจบปริญญาด้าน IT ยังไม่สามารถเทียบเทียมได้ อ่านมาถึงตอนนี้ก็คิดกันไม่ผิดหรอกค่ะ เด็กชายพันธรัตน์ คนนี้นี่แหละที่เป็นแฮกเกอร์อัจฉริยะ ที่หลับในคาบเรียนแทบจะทุกคาบก็เพราะยามดึกดื่นเขามัวแต่แฮกระบบเข้าไปขโมยข้อมูลลับตามองก์กรสำคัญๆ ทั่วโลก แต่อย่าได้คิดว่าเขาจะเอาความลับนั้นไปใช้ในทางที่ผิด เพราะสิ่งที่พันธรัตน์ได้กระทำลงไปเป็นผลมาจากความอยากรู้เท่านั้น แต่แล้วด้วยนิสัยที่เต็มไปด้วยความอยากรู้และไม่ยอมแพ้ยามถูกคนท้าทาย เขาจึงติดกับบุคคลลึกลับที่เจาะระบบเข้ามาท้าทายเขาซึ่งๆ หน้า องค์กรนั้นต้องการให้พันธรัตน์เข้าไปอยู่ร่วมทีมด้วย ทว่าองค์กรนั้นจะดีหรือร้าย ก็ต้องติดตามความสนุกกันในเล่มเอาเองนะค้า :-)
ว่ากันด้วยเรื่องของตัวละคร ส่วนตัวรู้สึกค่อนข้างหมั่นไส้ตัวเอกหรือก็คือพันธรัตน์อ่ะนะ ฮาๆ คงเพราะเขาเป็นเด็กฉลาด เลยคิดว่าเรื่องทุกอย่างมันง่ายดาย คำพูดของเขามันเลยทำให้เรารู้สึกหมั่นไส้อย่างบอกไม่ถูกอ่ะ.... อีกอย่าง เขาอายุแค่ 13 ปี แต่กลับเถียงคนที่แก่กว่าตัวเองปาวๆ แล้วยังชอบหาเรื่องจิกใช้คนๆ หนึ่งที่มาคอยคุ้มครองตัวเองราวกับเห็นคนๆ นั้นเป็นคนใช้ มันก็เลย...นะ รู้สึกติดลบกับพันธรัตน์อย่างบอกไม่ถูก แต่ในทางกลับกัน เราชอบชายหนุ่มที่แทนตัวเองว่า ‘หมายเลขเก้า’ มาก! เขาเป็นชายที่ดูมีหลักการและเหตุผล อุปนิสัยและบรรยากาศในการพูดทำให้เราหลงรักตัวละครนี้ได้ไม่ยากเลยทีเดียว ยิ่งตอนที่เขาลูบหัวพันธรัตน์อย่างเอ็นดู(ล่ะมั้ง?) โอยยย หลงรักผู้ชายอบอุ่นแต่โคตรเทพคนนี้มากๆ เลยค่า! ไม่เพียงเท่านั้น Mr.Z / Mr.R / Mr.O / Mrs.L และคนอื่นๆ เราชอบหมดเลยอ่าาา ทุกคนต่างมีความสามารถเฉพาะตัว แต่ที่บอกได้เต็มปากเลยคือแต่ละคนเก่งเทพมากกกกก (แน่นอนว่าพันธรัตน์ก็รวมอยู่ในนั้นด้วย)
เราชอบสำนวนการเขียนของนิยายเรื่องนี้นะคะ เขาบรรยายฉากและอารมณ์ดีมาก อ่านแล้วลื่นไหลไม่มีสะดุดเลย แต่ตั้งแต่เล่มหนึ่งตอนปลายเป็นต้นไปเนื้อหาจะค่อนข้างหนัก อ่านแล้วจะมีมึนเป็นพักๆ ต้องย้อนกลับไปอ่านใหม่เพื่อทำความเข้าใจเล็กน้อย แต่โดยรวมก็ถือว่าสนุกมากค่ะ :-)
ที่นิยายเรื่องนี้ดึงดูดความสนใจเราได้ ยอมรับเลยว่าชื่อเรื่องมันน่าสนใจจริงๆ ค่ะ ‘H.A.C.K เจาะระบบ ไขรหัสมรณะ’ ที่มองว่ามันน่าสนใจ เพราะเรื่องของแฮกเกอร์เป็นอะไรที่หาอ่านได้ยากมาก (สำหรับเราอ่ะนะ) แน่นอนว่าในนิยายหลายๆ เรื่องจะมีตัวละครที่เก่งกาจด้านคอมพิวเตอร์ สามารถเจาะระบบข้อมูลคอยซัพพอร์ตทีมของตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยม แต่บทบาทนั้นกลับน้อยแสนน้อย มาทำให้เรากรี๊ดเป็นพักๆ แล้วตัวละครนั้นก็จากไป อ่านได้ไม่จุใจอย่างที่ใจอยากเลย//นั่งสลด แต่นิยายเรื่องนี้มันไม่ได้เป็นแบบนั้นค่ะ เพราะตัวเอกของเรื่องเป็นแฮกเกอร์ตัวจริงเสียงจริง! เจาะข้อมูลล้วงความลับของหลายๆ องก์กรเป็นว่าเล่น มีท้าแข่งเจาะระบบกับคนที่เป็นแฮกเกอร์เหมือนกันเพื่อชิงชัยว่าใครเก่งกว่ากันด้วย มันคือนิยายที่ชิงไหวพริบทางด้าน IT กันอย่างดุเดือด ใครที่อยากอ่านเรื่องราวของคนที่เป็นแฮกเกอร์แบบจุใจก็ต้องนิยายเรื่องนี้เลยค่ะ
เนื้อเรื่องจะเกี่ยวกับเด็กชายอายุสิบสามชื่อพันธรัตน์ ภายนอกเขาก็เหมือนเด็กขี้เกียจทั่วไป เป็นเจ้าแว่นที่เล่นกีฬาไม่เก่ง ชอบหลับในห้องเรียน โดนเด็กอ้วนที่มีนิสัยเกเรคอยกลั่นแกล้งอยู่บ่อยครั้ง (มันเหมือนตัวละครในการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องหนึ่งยังไงก็ไม่รู้เนอะ ว่าไหม 55555) แต่ด้วยภาพลักษณ์ที่เป็นแบบนี้แหละ คนรอบตัวของเด็กชายจึงไม่มีใครเอะใจเลยว่า เบื้องหลังของตัวตนที่ดูเกียจคร้านนั้นกลับซ่อนความร้ายกาจที่แม้แต่คนจบปริญญาด้าน IT ยังไม่สามารถเทียบเทียมได้ อ่านมาถึงตอนนี้ก็คิดกันไม่ผิดหรอกค่ะ เด็กชายพันธรัตน์ คนนี้นี่แหละที่เป็นแฮกเกอร์อัจฉริยะ ที่หลับในคาบเรียนแทบจะทุกคาบก็เพราะยามดึกดื่นเขามัวแต่แฮกระบบเข้าไปขโมยข้อมูลลับตามองก์กรสำคัญๆ ทั่วโลก แต่อย่าได้คิดว่าเขาจะเอาความลับนั้นไปใช้ในทางที่ผิด เพราะสิ่งที่พันธรัตน์ได้กระทำลงไปเป็นผลมาจากความอยากรู้เท่านั้น แต่แล้วด้วยนิสัยที่เต็มไปด้วยความอยากรู้และไม่ยอมแพ้ยามถูกคนท้าทาย เขาจึงติดกับบุคคลลึกลับที่เจาะระบบเข้ามาท้าทายเขาซึ่งๆ หน้า องค์กรนั้นต้องการให้พันธรัตน์เข้าไปอยู่ร่วมทีมด้วย ทว่าองค์กรนั้นจะดีหรือร้าย ก็ต้องติดตามความสนุกกันในเล่มเอาเองนะค้า :-)
ว่ากันด้วยเรื่องของตัวละคร ส่วนตัวรู้สึกค่อนข้างหมั่นไส้ตัวเอกหรือก็คือพันธรัตน์อ่ะนะ ฮาๆ คงเพราะเขาเป็นเด็กฉลาด เลยคิดว่าเรื่องทุกอย่างมันง่ายดาย คำพูดของเขามันเลยทำให้เรารู้สึกหมั่นไส้อย่างบอกไม่ถูกอ่ะ.... อีกอย่าง เขาอายุแค่ 13 ปี แต่กลับเถียงคนที่แก่กว่าตัวเองปาวๆ แล้วยังชอบหาเรื่องจิกใช้คนๆ หนึ่งที่มาคอยคุ้มครองตัวเองราวกับเห็นคนๆ นั้นเป็นคนใช้ มันก็เลย...นะ รู้สึกติดลบกับพันธรัตน์อย่างบอกไม่ถูก แต่ในทางกลับกัน เราชอบชายหนุ่มที่แทนตัวเองว่า ‘หมายเลขเก้า’ มาก! เขาเป็นชายที่ดูมีหลักการและเหตุผล อุปนิสัยและบรรยากาศในการพูดทำให้เราหลงรักตัวละครนี้ได้ไม่ยากเลยทีเดียว ยิ่งตอนที่เขาลูบหัวพันธรัตน์อย่างเอ็นดู(ล่ะมั้ง?) โอยยย หลงรักผู้ชายอบอุ่นแต่โคตรเทพคนนี้มากๆ เลยค่า! ไม่เพียงเท่านั้น Mr.Z / Mr.R / Mr.O / Mrs.L และคนอื่นๆ เราชอบหมดเลยอ่าาา ทุกคนต่างมีความสามารถเฉพาะตัว แต่ที่บอกได้เต็มปากเลยคือแต่ละคนเก่งเทพมากกกกก (แน่นอนว่าพันธรัตน์ก็รวมอยู่ในนั้นด้วย)
เราชอบสำนวนการเขียนของนิยายเรื่องนี้นะคะ เขาบรรยายฉากและอารมณ์ดีมาก อ่านแล้วลื่นไหลไม่มีสะดุดเลย แต่ตั้งแต่เล่มหนึ่งตอนปลายเป็นต้นไปเนื้อหาจะค่อนข้างหนัก อ่านแล้วจะมีมึนเป็นพักๆ ต้องย้อนกลับไปอ่านใหม่เพื่อทำความเข้าใจเล็กน้อย แต่โดยรวมก็ถือว่าสนุกมากค่ะ :-)
โดย: วาชิ วันที่เขียนรีวิว: 17 กรกฏาคม พ.ศ. 2557
แทบจะทุกสถาบันที่สอนภาษาญี่ปุ่นขั้นพื้นฐาน จะแนะนำให้นักเรียนไปหาซื้อหนังสือ ‘minna no nihongo’ มาไว้ในครอบครอง ในนี้จะสอนไวยากรณ์เอาไว้เพียบ มีทั้งแบบทดสอบ คำศัพท์ บทสนทนา แล้วยังมีดิสก์สำหรับให้ฟัง-อ่านออกเสียงอย่างถูกต้องอีกด้วย
หนังสือเล่มนี้จะเริ่มสอนภาษาญี่ปุ่นที่ใช้กันในกิจวัตรประจำวันซะเป็นส่วนใหญ่ เช่นว่า การทักทายยามเช้าต้องใช้คำว่าอะไร กลางวันล่ะ กลางคืนล่ะ อะไรแบบนั้น คำศัพท์ส่วนมากเลยเป็นคำที่เราใช้กันแทบทุกวัน ทำให้เราสามารถใช้สนทนาขั้นพื้นฐานได้ แนะนำตัวได้ ถามทางได้ เรียกว่าถ้าจะศัพท์บทนี้ได้ก็ไม่ต้องกลัวเอ๋อเวลาไปเที่ยวญี่ปุ่นกันแล้วค่ะ
ว่ากันด้วยเรื่องของไวยากรณ์ ไวยากรณ์ของญี่ปุ่นมีเยอะมากกกกก (เบิ้ล ก.ไก่ ไปอีกร้อนล้านตัว) แค่เล่มแรกก็จำกันแทบไม่หวาดไม่ไหว แต่แบบฝึกหัดท้ายบทที่มีให้ทำเยอะพอๆ กับการท่องศัพท์ก็ช่วยทบทวนเรื่องที่เราเรียนไปได้มาก
หากอ่านจากคำนำ จะเห็นว่าเขามุ่งเน้นให้ผู้ที่ทำการศึกษาผ่านหนังสือสามารถใช้สิ่งที่เรียนรู้ไปสนทนาในสถานการณ์ต่างๆ ได้ ไม่ว่าในที่ทำงาน โรงเรียน มหาลัย รวมไปถึงในเขตที่อยู่อาศัย ไม่เพียงเท่านั้น เรายังจะได้เรียนรู้วัฒนธรรมของทางญี่ปุ่นผ่านบทเรียนแต่ละหน้าไปด้วย มันจะช่วยทำให้เราเข้าใจสภาพสังคมของคนญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้น ว่าโดนพื้นฐานแล้วชีวิตความเป็นอยู่ของคนญี่ปุ่นนั้นเป็นอย่างไร รวมไปถึงการปฏิบัติตัวเวลาเจอคนที่แก่กว่า/เด็กกว่า/รุ่นเดียวกัน (คือภาษามันมีหลายระดับมาก เราจำเป็นที่จะต้องเลือกใช้ให้เหมาะสม จะได้ไม่โดนคนญี่ปุ่นด่าว่าเสียมารยาทเน้อ)
ถ้าจะซื้อหนังสือเล่มนี้ไปแล้วเริ่มเรียนด้วยตัวเอง คิดว่าก็น่าจะรอดอยู่มั้งคะ... แต่ถ้าให้ดีก็น่าจะไปสมัครเรียนให้เป็นชิ้นเป็นอันไปเลยจะดีกว่าค่ะ เพราะถ้าเราไมไปเรียนก่อน เวลาเปิดหนังสือเล่มนี้ก็จะได้ฟิลแบบงงๆ มีเครื่องหมายอะไรเอ่ยเด้งอยู่ในหัวเต็มไปหมด ถึงหนังสือเล่มนี้จะเขียนขึ้นมาให้อ่านเข้าใจง่าย แต่ในเรื่องของไวยากรณ์ เราว่ามันยากที่จะทำความเข้าใจเองคนเดียวได้อ่ะ...(หรือว่าเราโง่ภาษาเกินไปแค่คนเดียวหว่า...//กินจุด)
ก็นั่นแหละค่ะ ถ้าเรียน/คิดจะเรียนภาษาญี่ปุ่น ก็ควรจะมีหนังสือเล่มนี้เอาไว้ติดบ้านสักเล่มนะคะ เพราะพี่ๆ ที่รู้จักที่พูดภาษาญี่ปุ่นคล่องปรื๋อรวมไปถึงอาจารย์ที่สอนภาษาญี่ปุ่นด้วย ทุกคนต่างแนะนำหนังสือเล่มนี้เป็นเสียงเดียวกัน บอกว่าเป็นคัมภีร์ที่ควรค่าแก่การครอบครองเป็นอย่างมาก (อะไรจะขนาดน้านนน 5555)
เรื่องภาษา แรกๆ ก็จะมีมึนๆ งงๆ ไปบ้าง แต่ถ้าพอจับจุดได้+ขยันท่องศัพท์ รับรองว่าภาษาที่มีความซับซ้อนอย่างภาษาญี่ปุ่นก็คงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป (แต่ยากมาก!? //ไม่ใช่และ!) จึงอยากขอเป็นกำลังใจให้กับคนที่เพิ่งเริ่มต้นทุกคนนะคะ อย่าเพิ่งท้อๆ นะ ^^
หนังสือเล่มนี้จะเริ่มสอนภาษาญี่ปุ่นที่ใช้กันในกิจวัตรประจำวันซะเป็นส่วนใหญ่ เช่นว่า การทักทายยามเช้าต้องใช้คำว่าอะไร กลางวันล่ะ กลางคืนล่ะ อะไรแบบนั้น คำศัพท์ส่วนมากเลยเป็นคำที่เราใช้กันแทบทุกวัน ทำให้เราสามารถใช้สนทนาขั้นพื้นฐานได้ แนะนำตัวได้ ถามทางได้ เรียกว่าถ้าจะศัพท์บทนี้ได้ก็ไม่ต้องกลัวเอ๋อเวลาไปเที่ยวญี่ปุ่นกันแล้วค่ะ
ว่ากันด้วยเรื่องของไวยากรณ์ ไวยากรณ์ของญี่ปุ่นมีเยอะมากกกกก (เบิ้ล ก.ไก่ ไปอีกร้อนล้านตัว) แค่เล่มแรกก็จำกันแทบไม่หวาดไม่ไหว แต่แบบฝึกหัดท้ายบทที่มีให้ทำเยอะพอๆ กับการท่องศัพท์ก็ช่วยทบทวนเรื่องที่เราเรียนไปได้มาก
หากอ่านจากคำนำ จะเห็นว่าเขามุ่งเน้นให้ผู้ที่ทำการศึกษาผ่านหนังสือสามารถใช้สิ่งที่เรียนรู้ไปสนทนาในสถานการณ์ต่างๆ ได้ ไม่ว่าในที่ทำงาน โรงเรียน มหาลัย รวมไปถึงในเขตที่อยู่อาศัย ไม่เพียงเท่านั้น เรายังจะได้เรียนรู้วัฒนธรรมของทางญี่ปุ่นผ่านบทเรียนแต่ละหน้าไปด้วย มันจะช่วยทำให้เราเข้าใจสภาพสังคมของคนญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้น ว่าโดนพื้นฐานแล้วชีวิตความเป็นอยู่ของคนญี่ปุ่นนั้นเป็นอย่างไร รวมไปถึงการปฏิบัติตัวเวลาเจอคนที่แก่กว่า/เด็กกว่า/รุ่นเดียวกัน (คือภาษามันมีหลายระดับมาก เราจำเป็นที่จะต้องเลือกใช้ให้เหมาะสม จะได้ไม่โดนคนญี่ปุ่นด่าว่าเสียมารยาทเน้อ)
ถ้าจะซื้อหนังสือเล่มนี้ไปแล้วเริ่มเรียนด้วยตัวเอง คิดว่าก็น่าจะรอดอยู่มั้งคะ... แต่ถ้าให้ดีก็น่าจะไปสมัครเรียนให้เป็นชิ้นเป็นอันไปเลยจะดีกว่าค่ะ เพราะถ้าเราไมไปเรียนก่อน เวลาเปิดหนังสือเล่มนี้ก็จะได้ฟิลแบบงงๆ มีเครื่องหมายอะไรเอ่ยเด้งอยู่ในหัวเต็มไปหมด ถึงหนังสือเล่มนี้จะเขียนขึ้นมาให้อ่านเข้าใจง่าย แต่ในเรื่องของไวยากรณ์ เราว่ามันยากที่จะทำความเข้าใจเองคนเดียวได้อ่ะ...(หรือว่าเราโง่ภาษาเกินไปแค่คนเดียวหว่า...//กินจุด)
ก็นั่นแหละค่ะ ถ้าเรียน/คิดจะเรียนภาษาญี่ปุ่น ก็ควรจะมีหนังสือเล่มนี้เอาไว้ติดบ้านสักเล่มนะคะ เพราะพี่ๆ ที่รู้จักที่พูดภาษาญี่ปุ่นคล่องปรื๋อรวมไปถึงอาจารย์ที่สอนภาษาญี่ปุ่นด้วย ทุกคนต่างแนะนำหนังสือเล่มนี้เป็นเสียงเดียวกัน บอกว่าเป็นคัมภีร์ที่ควรค่าแก่การครอบครองเป็นอย่างมาก (อะไรจะขนาดน้านนน 5555)
เรื่องภาษา แรกๆ ก็จะมีมึนๆ งงๆ ไปบ้าง แต่ถ้าพอจับจุดได้+ขยันท่องศัพท์ รับรองว่าภาษาที่มีความซับซ้อนอย่างภาษาญี่ปุ่นก็คงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป (แต่ยากมาก!? //ไม่ใช่และ!) จึงอยากขอเป็นกำลังใจให้กับคนที่เพิ่งเริ่มต้นทุกคนนะคะ อย่าเพิ่งท้อๆ นะ ^^
โดย: วาชิ วันที่เขียนรีวิว: 12 กรกฏาคม พ.ศ. 2557
ปรกติเราเคยได้ยินแต่บริษัทกำจัดปลวก มด หนู แมลงสาบ ใช่หรือไม่? แต่บริษัทนี้เขาไม่เหมือนใครค่ะ เพราะสิ่งที่เขารับกำจัดมีเพียงสิ่งเดียวคือ ‘ปีศาจ’ ! ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หมาป่าที่แอบมาคุ้ยถังขยะหน้าบ้าน แวมไพร์ที่แอบขโมยเลือดคุณไปโดยไม่ขออนุญาต หรือแม้แต่ปีศาจที่ชอบมาก่อกวนสร้างความรำคาญให้คุณ บริษัท Night Hunter แห่งนี้เขาพร้อมรับกำจัดปีศาจทั่วราชอาณาจักรค่ะ!
เนื้อเรื่องของนิยายเรื่องนี้จะดำเนินเรื่องโดยเด็กหนุ่มนามว่า ‘อเล็กซิส ดีไวท์เซอร์’ ค่ะ เขาไม่ได้เป็นทั้งผีหรือว่าปีศาจ แต่เป็นมนุษย์ธรรมดาที่ดันไปเจอเรื่องไม่ธรรมดาเข้า ชีวิตหลังจากนั้นเลยกลับตาลปัตรจากหน้ามือกลายเป็นหลังเท้าไปเลยทีเดียว อเล็กซิสประสบเคราะห์กรรม(?)บางอย่าง ทำให้เขาต้องเข้ามาพัวพันกับเด็กสาว(?)ผมขาวนามว่า ‘เฮล’ ที่ขึ้นชื่อเรื่องความงกจนแม้แต่ความเค็มในน้ำทะเลยังต้องขอสยบลงแทบเท้าเธอ (เวอร์ตลอด 5555) และจากเหตุผลที่ได้กล่าวไปในข้างต้น (พยายามไม่สปอยเนื้อหา) อเล็กซิสจึงต้องร่วมถุงลงถัง(?)กลายมาเป็น GB หรือที่เรียกด้วยภาษาสามัญว่า ‘เจเนรัลเบ๊’ ให้กับบริษัทกำจัดปีศาจแห่งนี้ และขึ้นชื่อว่าเป็นบริษัทกำจัดสิ่งมีชีวิตที่ไม่น่าจะมีจริงอยู่บนโลกใบนี้ คุณคิดหรือว่าบรรดาลูกจ้างที่ทำงานอยู่ที่นี่จะเป็นเพียงมนุษย์เดินดินกินข้าวแกงธรรมดา ถ้าไม่นับอเล็กซิสล่ะก็...ไม่มีหรอก... ก็ขนาดคุณพ่อบ้านยังเป็นสิ่งมีชีวิตสีขาที่ชอบเห่าหอนตอนพระจันทร์เต็มดวงเลยนี่นะ เท่านั้นยังไม่พอ ยังมียมทูต แวมไพร์ และคนที่ไม่ใช่ทั้งมนุษย์และปีศาจอย่างพ่อมดอีกหนึ่งหน่อถ้วน แค่คิดก็เห็นแววหายนะรำไรแทนนายอเล็กซิสแล้วใช่ไหมล่ะคะ 5555
เรื่องนี้การบรรยายเรื่องเขาโอเคเลยนะ เขียนสนุก มีมุกตลกให้ได้ขำตลอดทั้งเรื่อง แต่บทจะจริงจังก็ดราม่าบ้านแตก คาดเดาตอนต่อไปค่อนข้างยาก เพราะอะไรที่เราคิดไว้มันจะไม่ใช่อย่างนั้น เรียกว่าใช้งานตัวละครทุกตัวคุ้มค่า และกล้าที่จะใช้แล้วทิ้งด้วยค่ะ ในนิยายหลายๆ เรื่องที่เราเคยอ่าน ส่วนมากตัวละครหลักๆ จะค่อนข้างเทพ+เป็นอมตะ ยิงไม่โดน ฟันไม่ตาย แขนขาไม่หายครบสมบูรณ์สามสิบสองใช่ไหมคะ แต่เรื่องนี้ไม่ค่ะ (บอกเพื่อให้ทำใจไว้ก่อนเลย 5555) มันมีเรื่องของการสูญเสียเข้ามาทำให้รู้สึก อร๊ายยย ไม่น้าาาา #@(%*_@#%*_!!! นั่งดราม่าพลิกหน้ากระดาษอยู่อย่างนั้นด้วยความเสียใจ แต่กลับทำให้เนื้อเรื่องยิ่งเข้มข้นขึ้น น่าติดตามมากขึ้น เพราะเราอยากรู้ว่าหลังจากนี้คนที่เขาสูญเสียไปจะรับมือกับสภาพที่เป็นอยู่อย่างไร ซึ่งมันน่าตื่นเต้นมากๆ เราคนหนึ่งล่ะที่ติดนิยายเรื่องนี้งอมแงมเลย!
หากใครที่ยังไม่เคยอ่านนิยายเรื่องนี้ อยากแนะนำให้ลองอ่านค่ะ เพราะมันทั้งน่ารัก ตื่นเต้น ลุ้นระทึก บวกอีกหลายๆ ความรู้สึกไปในเวลาเดียวกัน เป็นนิยายที่ครบรสมาก ตอนนี้ 3 เล่มจบแล้วนะคะ ยังไงก็ลองหาอ่านดูเน้อ ^^
เนื้อเรื่องของนิยายเรื่องนี้จะดำเนินเรื่องโดยเด็กหนุ่มนามว่า ‘อเล็กซิส ดีไวท์เซอร์’ ค่ะ เขาไม่ได้เป็นทั้งผีหรือว่าปีศาจ แต่เป็นมนุษย์ธรรมดาที่ดันไปเจอเรื่องไม่ธรรมดาเข้า ชีวิตหลังจากนั้นเลยกลับตาลปัตรจากหน้ามือกลายเป็นหลังเท้าไปเลยทีเดียว อเล็กซิสประสบเคราะห์กรรม(?)บางอย่าง ทำให้เขาต้องเข้ามาพัวพันกับเด็กสาว(?)ผมขาวนามว่า ‘เฮล’ ที่ขึ้นชื่อเรื่องความงกจนแม้แต่ความเค็มในน้ำทะเลยังต้องขอสยบลงแทบเท้าเธอ (เวอร์ตลอด 5555) และจากเหตุผลที่ได้กล่าวไปในข้างต้น (พยายามไม่สปอยเนื้อหา) อเล็กซิสจึงต้องร่วมถุงลงถัง(?)กลายมาเป็น GB หรือที่เรียกด้วยภาษาสามัญว่า ‘เจเนรัลเบ๊’ ให้กับบริษัทกำจัดปีศาจแห่งนี้ และขึ้นชื่อว่าเป็นบริษัทกำจัดสิ่งมีชีวิตที่ไม่น่าจะมีจริงอยู่บนโลกใบนี้ คุณคิดหรือว่าบรรดาลูกจ้างที่ทำงานอยู่ที่นี่จะเป็นเพียงมนุษย์เดินดินกินข้าวแกงธรรมดา ถ้าไม่นับอเล็กซิสล่ะก็...ไม่มีหรอก... ก็ขนาดคุณพ่อบ้านยังเป็นสิ่งมีชีวิตสีขาที่ชอบเห่าหอนตอนพระจันทร์เต็มดวงเลยนี่นะ เท่านั้นยังไม่พอ ยังมียมทูต แวมไพร์ และคนที่ไม่ใช่ทั้งมนุษย์และปีศาจอย่างพ่อมดอีกหนึ่งหน่อถ้วน แค่คิดก็เห็นแววหายนะรำไรแทนนายอเล็กซิสแล้วใช่ไหมล่ะคะ 5555
เรื่องนี้การบรรยายเรื่องเขาโอเคเลยนะ เขียนสนุก มีมุกตลกให้ได้ขำตลอดทั้งเรื่อง แต่บทจะจริงจังก็ดราม่าบ้านแตก คาดเดาตอนต่อไปค่อนข้างยาก เพราะอะไรที่เราคิดไว้มันจะไม่ใช่อย่างนั้น เรียกว่าใช้งานตัวละครทุกตัวคุ้มค่า และกล้าที่จะใช้แล้วทิ้งด้วยค่ะ ในนิยายหลายๆ เรื่องที่เราเคยอ่าน ส่วนมากตัวละครหลักๆ จะค่อนข้างเทพ+เป็นอมตะ ยิงไม่โดน ฟันไม่ตาย แขนขาไม่หายครบสมบูรณ์สามสิบสองใช่ไหมคะ แต่เรื่องนี้ไม่ค่ะ (บอกเพื่อให้ทำใจไว้ก่อนเลย 5555) มันมีเรื่องของการสูญเสียเข้ามาทำให้รู้สึก อร๊ายยย ไม่น้าาาา #@(%*_@#%*_!!! นั่งดราม่าพลิกหน้ากระดาษอยู่อย่างนั้นด้วยความเสียใจ แต่กลับทำให้เนื้อเรื่องยิ่งเข้มข้นขึ้น น่าติดตามมากขึ้น เพราะเราอยากรู้ว่าหลังจากนี้คนที่เขาสูญเสียไปจะรับมือกับสภาพที่เป็นอยู่อย่างไร ซึ่งมันน่าตื่นเต้นมากๆ เราคนหนึ่งล่ะที่ติดนิยายเรื่องนี้งอมแงมเลย!
หากใครที่ยังไม่เคยอ่านนิยายเรื่องนี้ อยากแนะนำให้ลองอ่านค่ะ เพราะมันทั้งน่ารัก ตื่นเต้น ลุ้นระทึก บวกอีกหลายๆ ความรู้สึกไปในเวลาเดียวกัน เป็นนิยายที่ครบรสมาก ตอนนี้ 3 เล่มจบแล้วนะคะ ยังไงก็ลองหาอ่านดูเน้อ ^^
โดย: วาชิ วันที่เขียนรีวิว: 12 กรกฏาคม พ.ศ. 2557
เห็นหลังปกเล่มแรกเขียนไว้ว่าเป็นซีรีย์ Black Fantasy ที่ได้รับความนิยมทั่วทั้งใต้หวัน ฮ่องกง และจีนแผ่นดินใหญ่ เลยลองสอยมาอ่านดูสักหน่อยว่ามันจะเลิศอย่างที่เขาอวยเอาไว้หรือเปล่า แล้วมันก็ไม่ทำให้ผิดหวังค่ะ (ค่อนข้างคุ้มค่ากับเงินที่เสียไป เพราะซื้อทีนี่คือซื้อมายกเซ็ตเลย...7 เล่มจบอ่ะนะ)
เนื้อเรื่องจะเกี่ยวกับ ‘ลู่กั้ว’ กับ ‘ไป๋จิ้งฉี’ คู่กัดแห่งวิทยาลัย TMX ที่สอนคาถาเวทย์มนต์และการต่อสู้ให้กับนักศึกษา ลู่กั้วจะเป็นคนที่ค่อนข้างบ้าพลัง โผงผาง กล้าได้กล้าเสีย จนบางครั้งก็มองว่านิสัยของเขามันมุทะลุเกินไป (เหมือนพวกใช้กล้ามมากกว่าสมองว่างั้นเถอะ) แต่ถึงจะเป็นอย่างงั้น เขากลับทำให้เราประหลาดใจตรงที่เขาเป็นคนเก่ง เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ยังไม่น่าประหลาดใจเท่ากับที่ลู่กั้วเก่งเวทย์มนต์คาถาด้วย! ซึ่งต่างจากไป๋จิ้งฉีโดยสิ้นเชิง เพราะเหตุผลและเหตุการณ์บางอย่างทำให้ไป๋จิ้งฉีใช้เวทย์ต่อสู้แทบไม่ได้ แต่ในทางกลับกัน ไป๋จิ้งฉีเป็นคนรอบรู้ เขาศึกษาหลายศาสตร์ มีไหวพริบปฏิภาณเฉียบแหลม และบางครั้งยังจับสัมผัสที่แม้แต่คนสัญญาตญาณดีเยี่ยงหมาป่าอย่างลู่กั้วยังจับไม่ได้อีกด้วย แต่ไอ้นิสัยที่ตรงข้ามกันสุดขั้วนี่แหละ ทำให้ลู่กั้วกับไป๋จิ้งฉีเป็นทั้งคู่หูและคู่กัดไปในเวลาเดียวกัน บทไหนไม่ได้เห็นที่สองคนนี้เถียงกันจะคิดเลยว่า ‘นี่ฉันหยิบนิยายมาผิดเล่มรึเปล่า!?’ แล้วเวลาเถียงกันแต่ละทีนี่นะ โอ๊ยยย น่ารักมาก! ลู่กั้วจะชอบกวนตีนหาว่าไป๋จิ้งฉีเป็นไอ้กระเทย ส่วนไป๋จิ้งฉีก็ชอบด่าว่าลู่กั้วเป็นหมาไร้ปัญญา (หรือเรียกง่ายๆ ว่าหมาโง่ 5555) ถึงบางครั้งจะรู้สึกหงุดหงิดที่ไอ้พวกนี้มันเถียงกันไม่รู้จักเวล่ำเวลา+กาลเทศะ แต่นี่ก็ถือว่าเป็นสีสันในเรื่องที่เต็มไปด้วยความดาร์ก&แบล็คอ่ะนะ
ที่นิยายเรื่องนี้ได้ชื่อเรื่องว่าคู่หูปริศนา เพราะในเรื่องมันเต็มไปด้วยความลี้ลับเกี่ยวกับพวกวิญญาณร้าย มาร ปีศาจ พ่วงไปกับการก่อเหตุฆาตกรรมสะเทือนขวัญ ลู่กั้วและไป๋จิ้งฉีที่ผ่านการทดสอบมหาโหดจนได้รับการบรรจุอยู่ในองค์กรมาได้จึงต้อง(ฝืนใจ)จับคู่กันคลี่คลายปริศนาต่างๆ ที่อาจมาจากทั้งน้ำมือมาร มนุษย์ หรือจิตวิญญาณอาฆาตทั้งหลายแหล่ให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ส่วนตัวอ่านแล้วมองว่ามันก็เหมือนนิยายฆาตกรรมที่พ่วงเรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติเข้ามามีส่วนเอี่ยวด้วย ปมปริศนาบางคดีก็เดาทางได้ง่ายเกินจนน่าตกใจ แต่บางอันก็ทายผิดเพราะมันมีเรื่องเหนือธรรมชาติเข้ามาเป็นส่วนเสริมในเรื่องด้วย ซึ่งมันช่วยให้เนื้อเรื่องไม่น่าเบื่อจนเกินไป (แม้บางครั้งจะอ่านแล้วงงๆ ว่ามันเป็นไงมาไงถึงได้ดำเนินเรื่องมาอีหรอบนี้ได้ก็เถอะ...) โดยรวมแล้วเรื่องนี้ก็ถือว่าอ่านเพลินดี มีน่ากลัวนิดหน่อยจึงไม่เหมาะสำหรับคนที่ค่อนข้างกลัวผี+ปีศาจ+ฉากฆาตกรรม และแนะนำว่าอย่าได้อ่านเวลากลางคืนเลยท่าน บางครั้งมันก็หลอนจิตจนไม่กล้าปิดไฟนอนเลยอ่ะ...
เนื้อเรื่องจะเกี่ยวกับ ‘ลู่กั้ว’ กับ ‘ไป๋จิ้งฉี’ คู่กัดแห่งวิทยาลัย TMX ที่สอนคาถาเวทย์มนต์และการต่อสู้ให้กับนักศึกษา ลู่กั้วจะเป็นคนที่ค่อนข้างบ้าพลัง โผงผาง กล้าได้กล้าเสีย จนบางครั้งก็มองว่านิสัยของเขามันมุทะลุเกินไป (เหมือนพวกใช้กล้ามมากกว่าสมองว่างั้นเถอะ) แต่ถึงจะเป็นอย่างงั้น เขากลับทำให้เราประหลาดใจตรงที่เขาเป็นคนเก่ง เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ยังไม่น่าประหลาดใจเท่ากับที่ลู่กั้วเก่งเวทย์มนต์คาถาด้วย! ซึ่งต่างจากไป๋จิ้งฉีโดยสิ้นเชิง เพราะเหตุผลและเหตุการณ์บางอย่างทำให้ไป๋จิ้งฉีใช้เวทย์ต่อสู้แทบไม่ได้ แต่ในทางกลับกัน ไป๋จิ้งฉีเป็นคนรอบรู้ เขาศึกษาหลายศาสตร์ มีไหวพริบปฏิภาณเฉียบแหลม และบางครั้งยังจับสัมผัสที่แม้แต่คนสัญญาตญาณดีเยี่ยงหมาป่าอย่างลู่กั้วยังจับไม่ได้อีกด้วย แต่ไอ้นิสัยที่ตรงข้ามกันสุดขั้วนี่แหละ ทำให้ลู่กั้วกับไป๋จิ้งฉีเป็นทั้งคู่หูและคู่กัดไปในเวลาเดียวกัน บทไหนไม่ได้เห็นที่สองคนนี้เถียงกันจะคิดเลยว่า ‘นี่ฉันหยิบนิยายมาผิดเล่มรึเปล่า!?’ แล้วเวลาเถียงกันแต่ละทีนี่นะ โอ๊ยยย น่ารักมาก! ลู่กั้วจะชอบกวนตีนหาว่าไป๋จิ้งฉีเป็นไอ้กระเทย ส่วนไป๋จิ้งฉีก็ชอบด่าว่าลู่กั้วเป็นหมาไร้ปัญญา (หรือเรียกง่ายๆ ว่าหมาโง่ 5555) ถึงบางครั้งจะรู้สึกหงุดหงิดที่ไอ้พวกนี้มันเถียงกันไม่รู้จักเวล่ำเวลา+กาลเทศะ แต่นี่ก็ถือว่าเป็นสีสันในเรื่องที่เต็มไปด้วยความดาร์ก&แบล็คอ่ะนะ
ที่นิยายเรื่องนี้ได้ชื่อเรื่องว่าคู่หูปริศนา เพราะในเรื่องมันเต็มไปด้วยความลี้ลับเกี่ยวกับพวกวิญญาณร้าย มาร ปีศาจ พ่วงไปกับการก่อเหตุฆาตกรรมสะเทือนขวัญ ลู่กั้วและไป๋จิ้งฉีที่ผ่านการทดสอบมหาโหดจนได้รับการบรรจุอยู่ในองค์กรมาได้จึงต้อง(ฝืนใจ)จับคู่กันคลี่คลายปริศนาต่างๆ ที่อาจมาจากทั้งน้ำมือมาร มนุษย์ หรือจิตวิญญาณอาฆาตทั้งหลายแหล่ให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ส่วนตัวอ่านแล้วมองว่ามันก็เหมือนนิยายฆาตกรรมที่พ่วงเรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติเข้ามามีส่วนเอี่ยวด้วย ปมปริศนาบางคดีก็เดาทางได้ง่ายเกินจนน่าตกใจ แต่บางอันก็ทายผิดเพราะมันมีเรื่องเหนือธรรมชาติเข้ามาเป็นส่วนเสริมในเรื่องด้วย ซึ่งมันช่วยให้เนื้อเรื่องไม่น่าเบื่อจนเกินไป (แม้บางครั้งจะอ่านแล้วงงๆ ว่ามันเป็นไงมาไงถึงได้ดำเนินเรื่องมาอีหรอบนี้ได้ก็เถอะ...) โดยรวมแล้วเรื่องนี้ก็ถือว่าอ่านเพลินดี มีน่ากลัวนิดหน่อยจึงไม่เหมาะสำหรับคนที่ค่อนข้างกลัวผี+ปีศาจ+ฉากฆาตกรรม และแนะนำว่าอย่าได้อ่านเวลากลางคืนเลยท่าน บางครั้งมันก็หลอนจิตจนไม่กล้าปิดไฟนอนเลยอ่ะ...
โดย: วาชิ วันที่เขียนรีวิว: 06 กรกฏาคม พ.ศ. 2557
หากใครชอบแนวหุ่นยนต์ (กันดั้ม) แฟนตาซี-ไซไฟ นี่เป็นอีกเรื่องที่อยากแนะนำค่ะ โดยปรกติแล้วนิยายหรือการ์ตูนแนวนี้ ส่วนมากตัวเอกจะเป็นชายกันซะส่วนใหญ่ใช่ป่ะ แต่นิยายเรื่องนี้มีตัวเอกเป็นผู้หญิงค่ะ! ใช่... ในนิยายที่ต้องบังคับหุ่นยนต์ออกรบเหมือนกันดั้มเรื่องนี้นี่แหละค่ะ 5555
'เอเจ' เธอเป็นเด็กผู้หญิงธรรมด๊าธรรมดาที่อยู่ดีๆ ก็ถูกทหารมาลาก(?)ตัวไปนั่งแปะอยู่บนไหล่หุ่นยนต์รบค่ะ ถามว่าทำไมต้องไปนั่งอยู่ตรงนั้นด้วย ว่าง่ายๆ เลยคือตัวเอเจเนี่ย เป็นเหมือนกุญแจใช้สตาร์ทรถยนต์ค่ะ แต่รถที่ว่าดันใหญ่กว่าตึก แถมยังตีลังกาได้สามร้อยหกสิบองศา สาดกระสุนตูมตามชนิดที่แม่นางที่นั่งอยู่บนไหล่แทบจะคลั่งได้กันเลยทีเดียว! งานนี้นางเอกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติของโลกเลยต้องรับบทบาทหนักหน่อย แหม่ะ...ก็ถ้าตำแหน่ง ‘คีย์’ ที่อยู่ดีๆ ก็ได้รับ(ยัดเยียด)มามันเปลี่ยนกันได้ง่ายๆ มันก็ไม่สนุกน่ะซี่! แล้วก็เพราะอย่างนี้แหละ เวลานางเอกของเรื่องนี้เห็นกระต่ายชีวภาพตามท้องถนนทีไร เธอถึงได้เกิดอาการคันไม้คันมืออยากไล่กระทืบสิ่งมีชีวิตปุกปุยนี้ทันที! 5555 ถ้าถามว่าในเรื่องนี้อะไรน่าสงสารสุด ก็คงเป็นเจ้ากระต่ายชีวภาพนี่แหละค่ะ ใครหงุดหงิดก็เอามันเป็นที่ระบายอารมณ์ โถววว มีประโยชน์มากเลยเจ้ากระต่ายน้อยเอ๊ยยย
นิสัยนางเอกในเรื่องนี้น่ารักดีค่ะ ขี้โวยวายหน่อยๆ แต่ไม่ใช่พวกน่ารำคาญมาก นางจะออกแนวเป็นพวกสาวน้อยผู้มีจินตนาการล้ำเลิศอะไรประมาณนั้น คิดแต่ละอย่างนี่อยากมอบโล่ให้นางเลย 5555 คือมันทั้งขำ ทั้งน่ารักอ่ะ ถึงบางครั้งจะรู้สึกว่าสิ่งที่นางคิดมันจะรั่ว+เวอร์ไปหน่อย แต่ก็โอเค...รับได้อยู่ เพราะนางถือว่าเป็นนางเอกที่ฉลาดและมีไหวพริบ ไม่ใช่ดีแต่ง้องแง๊งไปวันๆ
ส่วนพระเอกในเรื่อง... แทบจะโดนเอเจกลบบทบาทไปเลยฮะ ฟิลเหมือนออกมาเป็นตัวประกอบมากกว่ายังไงยังงั้น (ในความรู้สึกเราอ่ะนะ แต่กับนักอ่านคนอื่นนี่เราก็ไม่รู้อ่ะ หลายๆ คนอาจจะคิดไม่เหมือนเราก็ได้)
เรื่องนี้ถือว่าเป็นกระแสมาแรงอยู่ช่วงหนึ่งเลยนะ ตอนนั้นมีน้องแนะนำให้ไปหาอ่านเยอะมาก (คงเพราะรู้ว่าเราชอบแนวกันดั้ม) อ่านแล้วก็ไม่ผิดหวังค่ะ เขาเขียนดี ดำเนินเรื่องสนุก ที่สำคัญคือตลก รั่ว อ่านเพลิน ตอนนี้มีภาคต่อออกมาแล้วชื่อภาคโอเมก้า หนาจุใจทั้งเล่มหนึ่งเล่มสอง ถ้าใครยังไม่เคยอ่านเรื่องนี้ หรือแนวนี้ ลองซื้อไปอ่านดูนะคะ เผื่อได้เปิดโลกทัศน์ใหม่ แล้วคุณจะได้รู้ว่านิยายแฟนตาซี-ไซไฟก็สนุกไม่หยอกเลยนะเออ :)
'เอเจ' เธอเป็นเด็กผู้หญิงธรรมด๊าธรรมดาที่อยู่ดีๆ ก็ถูกทหารมาลาก(?)ตัวไปนั่งแปะอยู่บนไหล่หุ่นยนต์รบค่ะ ถามว่าทำไมต้องไปนั่งอยู่ตรงนั้นด้วย ว่าง่ายๆ เลยคือตัวเอเจเนี่ย เป็นเหมือนกุญแจใช้สตาร์ทรถยนต์ค่ะ แต่รถที่ว่าดันใหญ่กว่าตึก แถมยังตีลังกาได้สามร้อยหกสิบองศา สาดกระสุนตูมตามชนิดที่แม่นางที่นั่งอยู่บนไหล่แทบจะคลั่งได้กันเลยทีเดียว! งานนี้นางเอกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติของโลกเลยต้องรับบทบาทหนักหน่อย แหม่ะ...ก็ถ้าตำแหน่ง ‘คีย์’ ที่อยู่ดีๆ ก็ได้รับ(ยัดเยียด)มามันเปลี่ยนกันได้ง่ายๆ มันก็ไม่สนุกน่ะซี่! แล้วก็เพราะอย่างนี้แหละ เวลานางเอกของเรื่องนี้เห็นกระต่ายชีวภาพตามท้องถนนทีไร เธอถึงได้เกิดอาการคันไม้คันมืออยากไล่กระทืบสิ่งมีชีวิตปุกปุยนี้ทันที! 5555 ถ้าถามว่าในเรื่องนี้อะไรน่าสงสารสุด ก็คงเป็นเจ้ากระต่ายชีวภาพนี่แหละค่ะ ใครหงุดหงิดก็เอามันเป็นที่ระบายอารมณ์ โถววว มีประโยชน์มากเลยเจ้ากระต่ายน้อยเอ๊ยยย
นิสัยนางเอกในเรื่องนี้น่ารักดีค่ะ ขี้โวยวายหน่อยๆ แต่ไม่ใช่พวกน่ารำคาญมาก นางจะออกแนวเป็นพวกสาวน้อยผู้มีจินตนาการล้ำเลิศอะไรประมาณนั้น คิดแต่ละอย่างนี่อยากมอบโล่ให้นางเลย 5555 คือมันทั้งขำ ทั้งน่ารักอ่ะ ถึงบางครั้งจะรู้สึกว่าสิ่งที่นางคิดมันจะรั่ว+เวอร์ไปหน่อย แต่ก็โอเค...รับได้อยู่ เพราะนางถือว่าเป็นนางเอกที่ฉลาดและมีไหวพริบ ไม่ใช่ดีแต่ง้องแง๊งไปวันๆ
ส่วนพระเอกในเรื่อง... แทบจะโดนเอเจกลบบทบาทไปเลยฮะ ฟิลเหมือนออกมาเป็นตัวประกอบมากกว่ายังไงยังงั้น (ในความรู้สึกเราอ่ะนะ แต่กับนักอ่านคนอื่นนี่เราก็ไม่รู้อ่ะ หลายๆ คนอาจจะคิดไม่เหมือนเราก็ได้)
เรื่องนี้ถือว่าเป็นกระแสมาแรงอยู่ช่วงหนึ่งเลยนะ ตอนนั้นมีน้องแนะนำให้ไปหาอ่านเยอะมาก (คงเพราะรู้ว่าเราชอบแนวกันดั้ม) อ่านแล้วก็ไม่ผิดหวังค่ะ เขาเขียนดี ดำเนินเรื่องสนุก ที่สำคัญคือตลก รั่ว อ่านเพลิน ตอนนี้มีภาคต่อออกมาแล้วชื่อภาคโอเมก้า หนาจุใจทั้งเล่มหนึ่งเล่มสอง ถ้าใครยังไม่เคยอ่านเรื่องนี้ หรือแนวนี้ ลองซื้อไปอ่านดูนะคะ เผื่อได้เปิดโลกทัศน์ใหม่ แล้วคุณจะได้รู้ว่านิยายแฟนตาซี-ไซไฟก็สนุกไม่หยอกเลยนะเออ :)