Customer Reviews

Trendy Drinks เครื่องดื่มสำหรับคนยุคใหม่ ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์แม่บ้าน เล่มนี้เคยได้อ่านตอนไปบ้านน้า แล้วชอบมากกก เพราะแค่ชื่อก็บอกแล้วว่ารวมการทำเครื่องดื่มสุดอร่อยและเหมาะสำหรับคนยุคใหม่อย่างพวกเราไงละ และโดยส่วนตัวแล้วชอบทำเครื่องดื่มเองด้วย พอได้มาอ่านเล่มนี้ก็ชอบสุดๆ เข้าทางเลย ซึ่งในเล่มมีเครื่องดื่มหลากหลายแนว และประเภทมาก อาทิเช่น ค็อกเทล ม็อกเทล สมูทตี้ มิลค์เชค พั้นช์ หรือเฟรปเป้ ฯลฯ วิธีการทำก็ไม่ยาก ส่วนผสมก็ไม่วุ่นวายอะไร เพราะเขาอธิบายไว้อย่างละเอียดเลย และที่ชอบสุดๆต้องเป็นรูปประกอบ ภาพสีชัด มีทุกขั้นตอน เราชอบเมนูพวกสมูทตี้ เพราะทำง่ายและมีประโยชน์มาก บางคนอาจจะไม่อยากใส่ส่วนผสมที่เขาให้มา เราก็สามารถดัดแปลงเอาอย่างอื่นมาแทนได้แล้วแต่ตามความชอบเลย อีกอย่างเมนูเครื่องดื่มเหล่านี้เหมาะมากที่จะทำเองเวลามีงานในโอกาสต่างๆอย่างงาน ปาร์ตี้ ชวนเพื่อนมากสนุกกัน เราก็ทำเครื่องดื่มพวกค็อกเทล ม็อกเทล หรือจะเป็นพั้นช์ก็ได้ (แบบแอบมีแอลกอฮอล์นิดหน่อย) หรือในงานวันเกิด ปีใหม่ งานนี้จะมีพวกผู้ใหญ่เยอะหน่อย เราก็ทำเครื่องดื่มพวกสมูทตี้ หรือไม่ก็มิลค์เชค เพื่อสุขภาพไปเลยก็ได้ หนังสือเล่มนี้จึงเป็นอีกเล่มที่น่าสนใจมาก อ้อ เราว่าเหมาะสำหรับคนที่อยากเปิดร้านก็ได้ อย่างร้านเค้ก ร้านอาหาร ที่อยากมีเมนูแปลกๆ และเมนูเพื่อสุขภาพ ลองเอาเมนูเครื่องดื่มในเล่มนี้ไปลองทำ และลองดัดแปลงให้เป็นสูตรตัวเองดู เราว่ามันก็น่าสนนะ เพราะเดี๋ยวนี้คนรุ่นใหม่หันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพและอาหารการกินกันเยอะ ฉะนั้นหนังสือเล่มนี้จึงน่าสนในมากๆเลยละคะ นักอ่านทุกท่าน

Trendy Drinks เครื่องดื่มสำหรับคนยุคใหม่ ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์แม่บ้าน เล่มนี้เคยได้อ่านตอนไปบ้านน้า แล้วชอบมากกก เพราะแค่ชื่อก็บอกแล้วว่ารวมการทำเครื่องดื่มสุดอร่อยและเหมาะสำหรับคนยุคใหม่อย่างพวกเราไงละ และโดยส่วนตัวแล้วชอบทำเครื่องดื่มเองด้วย พอได้มาอ่านเล่มนี้ก็ชอบสุดๆ เข้าทางเลย ซึ่งในเล่มมีเครื่องดื่มหลากหลายแนว และประเภทมาก อาทิเช่น ค็อกเทล ม็อกเทล สมูทตี้ มิลค์เชค พั้นช์ หรือเฟรปเป้ ฯลฯ วิธีการทำก็ไม่ยาก ส่วนผสมก็ไม่วุ่นวายอะไร เพราะเขาอธิบายไว้อย่างละเอียดเลย และที่ชอบสุดๆต้องเป็นรูปประกอบ ภาพสีชัด มีทุกขั้นตอน เราชอบเมนูพวกสมูทตี้ เพราะทำง่ายและมีประโยชน์มาก บางคนอาจจะไม่อยากใส่ส่วนผสมที่เขาให้มา เราก็สามารถดัดแปลงเอาอย่างอื่นมาแทนได้แล้วแต่ตามความชอบเลย อีกอย่างเมนูเครื่องดื่มเหล่านี้เหมาะมากที่จะทำเองเวลามีงานในโอกาสต่างๆอย่างงาน ปาร์ตี้ ชวนเพื่อนมากสนุกกัน เราก็ทำเครื่องดื่มพวกค็อกเทล ม็อกเทล หรือจะเป็นพั้นช์ก็ได้ (แบบแอบมีแอลกอฮอล์นิดหน่อย) หรือในงานวันเกิด ปีใหม่ งานนี้จะมีพวกผู้ใหญ่เยอะหน่อย เราก็ทำเครื่องดื่มพวกสมูทตี้ หรือไม่ก็มิลค์เชค เพื่อสุขภาพไปเลยก็ได้ หนังสือเล่มนี้จึงเป็นอีกเล่มที่น่าสนใจมาก อ้อ เราว่าเหมาะสำหรับคนที่อยากเปิดร้านก็ได้ อย่างร้านเค้ก ร้านอาหาร ที่อยากมีเมนูแปลกๆ และเมนูเพื่อสุขภาพ ลองเอาเมนูเครื่องดื่มในเล่มนี้ไปลองทำ และลองดัดแปลงให้เป็นสูตรตัวเองดู เราว่ามันก็น่าสนนะ เพราะเดี๋ยวนี้คนรุ่นใหม่หันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพและอาหารการกินกันเยอะ ฉะนั้นหนังสือเล่มนี้จึงน่าสนในมากๆเลยละคะ นักอ่านทุกท่าน

สวยเลือกได้...สไตล์จีบัน Jeban on the book เป็นหนังสือที่เผยเคล็ดลับในการแต่งหน้าให้แก่สาวที่ชอบการแต่งหน้าแต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนลองมาอ่านเล่มนี้กันดูก่อนคะ เพราะหนังสือเล่มนี้เกิดมาจากเว็บไซต์หนึ่งที่สาวๆหลายๆคนอาจจะรู้จัก ซึ่งเว็บไซต์นี้เป็นเว็บไซต์ที่รวบเรื่องราวความงามในหลายๆด้าน ทั้งสุขภาพ และการแต่งหน้า แต่งตัว จนสุดท้ายมาเกิดเป็นรูปเล่มหนังสือได้ลองอ่านกัน เราว่าภายในเล่มจะพูดเป็นหลักการทางวิทยาศาสตร์เกินไป แต่ชอบตรงที่บอกว่าแปรงแต่ละชนิด แต่ละประเภทใช้อย่างไร เก็บรักษาอย่างไร ไหนจะโทนสีต่างๆแต่งนำมาแต่งแล้วจะเข้ากับเรารึเปล่า และอีกอย่างที่ชอบเล่มนี้ก็เพราะว่าคนเขียนหรือเจ้าของเว็บไซต์เป็นคนที่แต่งหน้าไม่เป็นมาก่อน แต่ด้วยความที่อยากแต่งเป็น อยากสวยก็ได้ลองผิดลองถูก จนสามารถแต่งออกมาได้ และอยากให้สาวๆที่เป็นแบบนี้ได้ลองมาเปลี่ยนตัวเองดู เพราะแรกๆเราก็แต่งหน้าไม่เป็นแต่งหนักมากไปบ้าง อ่อนไปบ้าง บ้างทีก็ไม่เข้ากับตัวเอง แต่พอได้อ่านหนังสือการแต่งหน้ามากๆเข้า และลองมาแต่งดู เลือกสไตล์ที่เป็นเรา สุดท้ายก็ได้แบบที่ชอบแต่งและก็แต่งมาตลอด หนังสือสวยได้...สไตล์จีบัน Jebun on the book เล่มนี้จึงเป็นหนังสือที่ถือว่าเป็นแรงบันดาลใจให้แก่สาวๆที่อยากแต่งหน้าเป็น และแต่งหน้าสวย เข้ากับสไตล์ตัวเองก็ว่าได้ อ้อ เคยได้ยินประโยคที่ว่า เลือกรองพื้นผิด ชีวิตจบ รึป่าว ฉะนั้นหนังสือเล่มนี้จึงเป็นหนังสือที่เหมาะสำหรับสาวที่เริ่มคิดที่จะแต่งหน้ามากๆเลยละคะ

สวยเลือกได้...สไตล์จีบัน Jeban on the book เป็นหนังสือที่เผยเคล็ดลับในการแต่งหน้าให้แก่สาวที่ชอบการแต่งหน้าแต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนลองมาอ่านเล่มนี้กันดูก่อนคะ เพราะหนังสือเล่มนี้เกิดมาจากเว็บไซต์หนึ่งที่สาวๆหลายๆคนอาจจะรู้จัก ซึ่งเว็บไซต์นี้เป็นเว็บไซต์ที่รวบเรื่องราวความงามในหลายๆด้าน ทั้งสุขภาพ และการแต่งหน้า แต่งตัว จนสุดท้ายมาเกิดเป็นรูปเล่มหนังสือได้ลองอ่านกัน เราว่าภายในเล่มจะพูดเป็นหลักการทางวิทยาศาสตร์เกินไป แต่ชอบตรงที่บอกว่าแปรงแต่ละชนิด แต่ละประเภทใช้อย่างไร เก็บรักษาอย่างไร ไหนจะโทนสีต่างๆแต่งนำมาแต่งแล้วจะเข้ากับเรารึเปล่า และอีกอย่างที่ชอบเล่มนี้ก็เพราะว่าคนเขียนหรือเจ้าของเว็บไซต์เป็นคนที่แต่งหน้าไม่เป็นมาก่อน แต่ด้วยความที่อยากแต่งเป็น อยากสวยก็ได้ลองผิดลองถูก จนสามารถแต่งออกมาได้ และอยากให้สาวๆที่เป็นแบบนี้ได้ลองมาเปลี่ยนตัวเองดู เพราะแรกๆเราก็แต่งหน้าไม่เป็นแต่งหนักมากไปบ้าง อ่อนไปบ้าง บ้างทีก็ไม่เข้ากับตัวเอง แต่พอได้อ่านหนังสือการแต่งหน้ามากๆเข้า และลองมาแต่งดู เลือกสไตล์ที่เป็นเรา สุดท้ายก็ได้แบบที่ชอบแต่งและก็แต่งมาตลอด หนังสือสวยได้...สไตล์จีบัน Jebun on the book เล่มนี้จึงเป็นหนังสือที่ถือว่าเป็นแรงบันดาลใจให้แก่สาวๆที่อยากแต่งหน้าเป็น และแต่งหน้าสวย เข้ากับสไตล์ตัวเองก็ว่าได้ อ้อ เคยได้ยินประโยคที่ว่า เลือกรองพื้นผิด ชีวิตจบ รึป่าว ฉะนั้นหนังสือเล่มนี้จึงเป็นหนังสือที่เหมาะสำหรับสาวที่เริ่มคิดที่จะแต่งหน้ามากๆเลยละคะ

แต่งสไตล์ที่ใช่ สวยสไตล์ที่ชอบ นักเขียนคือ พักฮเยมินหรือที่รู้จักในชื่อ Pony เมกอัพชื่อดังของเกาหลีที่ได้รับความสนใจอย่างมาก ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์อมรินทร์สุขภาพ ในเครือบริษัทอมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) โดยเล่มนี้เป็นเล่มที่สองที่ออกมาของเธอ ซึ่งเล่มแรกคือ”แต่งปุ๊บ สวยปั๊บ สไตล์เกาหลี” ที่ได้รับความสนใจอย่างมากมายจากสาวๆที่ชื่นชอบการแต่งหน้าสไตล์เกาหลี โดยในเล่มจะบอกถึงวิธีแต่งหน้าตั้งแต่การเตรียมผิว การลงรองพื้นและเลือกรองพื้นให้ถูกสีกับสีผิวของเราให้ถูกวิธีแล้ว ในเล่มนี้ยังมาบอกถึงเคล็ดลับในการเลือกสีและโทนสีที่เข้ากับสีผิวของเรา ว่าเรามีสีผิวแบบนี้ควรจะใช้สีในการแต่งหน้าแบบไหน นอกจากนี้ยังมีสไตล์การแต่งหน้าที่หลากหลาย อาทิเช่น การแต่งหน้าให้เป็นสาวแบ๊วๆใสๆ การแต่งหน้าให้เป็นสาวทรงเสน่ห์ การแต่งหน้าให้เป็นคนดัง หรือการแต่งหน้าสไตล์สาวแกล(แบบแนวญี่ปุ่นๆจะเป็นลิค่อนหรือยามัมบะก็ได้ เรียกได้ว่าแนวเยอะๆ) และนอกจากแนวการแต่งหน้าที่มีหลากหลายแนวแล้ว ยังมีเคล็ดลับสำหรับสาวๆที่หน้าไม่ได้เรียบเนียบอีกด้วย เพราะภายในเล่มจะบอกวิธีการแก้ไขจุดบกพร่องหรือจุดด้อยบนหน้าให้เราได้แต่งหน้าได้อย่างเรียบเนียบและดูเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบการแต่งหน้าที่ดูเยอะเกินไป เล่มนี้เป็นเล่มที่เราชอบดูเวลาที่ต้องการแต่งหน้าไปงานหรือต้องการแต่งหน้าที่ดูแปลกไปจากที่แต่งอยู่เสมอๆ เล่มนี้จึงมีประโยชน์มาก เราชอบการแต่งหน้าแนวสาวแกลนะ ดูแปลกดีแต่ยังไม่มีความกล้าพอ มันดูเยอะไป และที่ชอบอีกอย่างคือสามารถนำเคล็ดลับในหนังสือมาประยุกต์ใช้กับตัวเองได้

แต่งสไตล์ที่ใช่ สวยสไตล์ที่ชอบ นักเขียนคือ พักฮเยมินหรือที่รู้จักในชื่อ Pony เมกอัพชื่อดังของเกาหลีที่ได้รับความสนใจอย่างมาก ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์อมรินทร์สุขภาพ ในเครือบริษัทอมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) โดยเล่มนี้เป็นเล่มที่สองที่ออกมาของเธอ ซึ่งเล่มแรกคือ”แต่งปุ๊บ สวยปั๊บ สไตล์เกาหลี” ที่ได้รับความสนใจอย่างมากมายจากสาวๆที่ชื่นชอบการแต่งหน้าสไตล์เกาหลี โดยในเล่มจะบอกถึงวิธีแต่งหน้าตั้งแต่การเตรียมผิว การลงรองพื้นและเลือกรองพื้นให้ถูกสีกับสีผิวของเราให้ถูกวิธีแล้ว ในเล่มนี้ยังมาบอกถึงเคล็ดลับในการเลือกสีและโทนสีที่เข้ากับสีผิวของเรา ว่าเรามีสีผิวแบบนี้ควรจะใช้สีในการแต่งหน้าแบบไหน นอกจากนี้ยังมีสไตล์การแต่งหน้าที่หลากหลาย อาทิเช่น การแต่งหน้าให้เป็นสาวแบ๊วๆใสๆ การแต่งหน้าให้เป็นสาวทรงเสน่ห์ การแต่งหน้าให้เป็นคนดัง หรือการแต่งหน้าสไตล์สาวแกล(แบบแนวญี่ปุ่นๆจะเป็นลิค่อนหรือยามัมบะก็ได้ เรียกได้ว่าแนวเยอะๆ) และนอกจากแนวการแต่งหน้าที่มีหลากหลายแนวแล้ว ยังมีเคล็ดลับสำหรับสาวๆที่หน้าไม่ได้เรียบเนียบอีกด้วย เพราะภายในเล่มจะบอกวิธีการแก้ไขจุดบกพร่องหรือจุดด้อยบนหน้าให้เราได้แต่งหน้าได้อย่างเรียบเนียบและดูเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบการแต่งหน้าที่ดูเยอะเกินไป เล่มนี้เป็นเล่มที่เราชอบดูเวลาที่ต้องการแต่งหน้าไปงานหรือต้องการแต่งหน้าที่ดูแปลกไปจากที่แต่งอยู่เสมอๆ เล่มนี้จึงมีประโยชน์มาก เราชอบการแต่งหน้าแนวสาวแกลนะ ดูแปลกดีแต่ยังไม่มีความกล้าพอ มันดูเยอะไป และที่ชอบอีกอย่างคือสามารถนำเคล็ดลับในหนังสือมาประยุกต์ใช้กับตัวเองได้

รอบรู้ Asean ฉบับการ์ตูน 2 ภาษา เป็นหนังสืออีกเล่มที่มีความน่าสนใจอย่างมาก เพราะภายในเล่มจะเขียนเล่าถึงประวัติความเป็นมาของการก่อตั้งอาเซียน และยังเล่าถึงประวัติของประเทศสมาชิกอันได้แก่ ไทย ลาว พม่า มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย บรูไน เวียดนาม และกัมพูชา และอื่นๆ(อยากรู้ว่าอื่นๆคือประเทศอะไรต้องหามาอ่านคะ) ซึ่งภายในเล่มจะบอกถึงวัฒนธรรม ประเพณี การแต่งกาย อาหาร รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยว ในแต่ละประเทศไว้อย่างครบถ้วนเลยละ นอกจากนี้ภายในเล่มยังมีถึงสองภาษาไว้ให้เราได้อ่านอีกด้วย ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ และยังมีภาพประกอบที่น่าสนใจอีกด้วย เหมาะสำหรับน้องๆหรือนักอ่านที่สนใจและเบื่อการอ่านที่มีแต่ตัวหนังสือ เล่มนี้ถือเป็นอีกทางเลือกไว้ให้นักอ่านทุกท่านได้เพลิดเพลินกับรูปภาพและสีสันที่ไม่ทำให้การอ่านน่าเบื่ออีกต่อไป และอีกอย่างที่สำคัญจะเป็นการให้เราได้เตรียมตัวเพื่อเข้าสู้อาเซียนในปีหน้าได้อย่างไม่อายใครด้วย ว่าเราก็พอจะมีความรู้เรื่องอาเซียนนะ ไม่ใช่ว่าไม่รู้อะไรเลย...เราชอบตรงที่มีการบอกถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในแต่ละประเทศ เพราะเราและครอบครัวชอบเที่ยวและมีแพลนว่าจะไปประเทศใกล้นี้ดู แต่ก็ยังตัดสินใจไม่ได้ แต่พอได้มาอ่านเล่มนี้ก็เกิดข้อถกเถียงกันอีกเพราะมีสถานที่น่าเที่ยวมากมายเลยในแต่ละประเทศ ก็ต้องตัดสินใจกันใหม่ว่าจะไปไหน และอย่างที่เราทราบกันละคะว่าอีกไม่นานนี้เราจะก้าวเข้าสู้อาเซียนแล้ว สิ่งที่ต้องเตรียมตัวแต่เนิ่นๆเลยก็คือภาษาอังกฤษที่เด็กไทยเราถือว่ายังอ่อนอยู่มาก และเพื่อเป็นการเริ่มต้น เราก็มาเริ่มอ่านจากเล่มนี้กันเถอะคะเพราะภายในเล่มมีถึงสองภาษานั้นเอง ทั้งภาษาไทยที่เราอ่านกันได้อยู่แล้ว และภาษาอังกฤษที่เราจะต้องฝึกฝนกันอย่างมาก แต่เด็กไทยเก่งอยู่แล้วคะ เราสามารถอยู่แล้ว เชื่อว่ากว่าจะก้าวเข้าสู้อาเซียนจริงๆในปีหน้าเด็กไทยเราก็คงจะเตรียมตัวกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว ฉะนั้นหนังสือเล่มนี้ก็เป็นอีกทางเลือกที่รอให้นักอ่านได้มาลองอ่านกันดูคะ

รอบรู้ Asean ฉบับการ์ตูน 2 ภาษา เป็นหนังสืออีกเล่มที่มีความน่าสนใจอย่างมาก เพราะภายในเล่มจะเขียนเล่าถึงประวัติความเป็นมาของการก่อตั้งอาเซียน และยังเล่าถึงประวัติของประเทศสมาชิกอันได้แก่ ไทย ลาว พม่า มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย บรูไน เวียดนาม และกัมพูชา และอื่นๆ(อยากรู้ว่าอื่นๆคือประเทศอะไรต้องหามาอ่านคะ) ซึ่งภายในเล่มจะบอกถึงวัฒนธรรม ประเพณี การแต่งกาย อาหาร รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยว ในแต่ละประเทศไว้อย่างครบถ้วนเลยละ นอกจากนี้ภายในเล่มยังมีถึงสองภาษาไว้ให้เราได้อ่านอีกด้วย ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ และยังมีภาพประกอบที่น่าสนใจอีกด้วย เหมาะสำหรับน้องๆหรือนักอ่านที่สนใจและเบื่อการอ่านที่มีแต่ตัวหนังสือ เล่มนี้ถือเป็นอีกทางเลือกไว้ให้นักอ่านทุกท่านได้เพลิดเพลินกับรูปภาพและสีสันที่ไม่ทำให้การอ่านน่าเบื่ออีกต่อไป และอีกอย่างที่สำคัญจะเป็นการให้เราได้เตรียมตัวเพื่อเข้าสู้อาเซียนในปีหน้าได้อย่างไม่อายใครด้วย ว่าเราก็พอจะมีความรู้เรื่องอาเซียนนะ ไม่ใช่ว่าไม่รู้อะไรเลย...เราชอบตรงที่มีการบอกถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในแต่ละประเทศ เพราะเราและครอบครัวชอบเที่ยวและมีแพลนว่าจะไปประเทศใกล้นี้ดู แต่ก็ยังตัดสินใจไม่ได้ แต่พอได้มาอ่านเล่มนี้ก็เกิดข้อถกเถียงกันอีกเพราะมีสถานที่น่าเที่ยวมากมายเลยในแต่ละประเทศ ก็ต้องตัดสินใจกันใหม่ว่าจะไปไหน และอย่างที่เราทราบกันละคะว่าอีกไม่นานนี้เราจะก้าวเข้าสู้อาเซียนแล้ว สิ่งที่ต้องเตรียมตัวแต่เนิ่นๆเลยก็คือภาษาอังกฤษที่เด็กไทยเราถือว่ายังอ่อนอยู่มาก และเพื่อเป็นการเริ่มต้น เราก็มาเริ่มอ่านจากเล่มนี้กันเถอะคะเพราะภายในเล่มมีถึงสองภาษานั้นเอง ทั้งภาษาไทยที่เราอ่านกันได้อยู่แล้ว และภาษาอังกฤษที่เราจะต้องฝึกฝนกันอย่างมาก แต่เด็กไทยเก่งอยู่แล้วคะ เราสามารถอยู่แล้ว เชื่อว่ากว่าจะก้าวเข้าสู้อาเซียนจริงๆในปีหน้าเด็กไทยเราก็คงจะเตรียมตัวกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว ฉะนั้นหนังสือเล่มนี้ก็เป็นอีกทางเลือกที่รอให้นักอ่านได้มาลองอ่านกันดูคะ

ธุวตารา เขียนโดยลักษณวดี ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม ต้องขอบอกก่อนเลยว่า นามปากกาลักษณวดี เป็นอีกนามปากกาหนึ่งของคุณหญิงวิมล หรือที่คุ้นเคยกันดีในนามปากกาทมยันตีและนามปากกาลักษณวดี มักจะเขียนในแนวเจ้าหญิงเจ้าชาย ในเรื่องนี้จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับฟาโรห์ เป็นการเล่าถึงการรวบของสองอาณาจักร “ธีบิสบน” และ “ธีบิสล่าง” เริ่มเรื่องจะกล่าวถึงความวุ่นวายภายในอาณาจักรธีบิสบนของ “ฮัตเซปซัต” ที่ต้องการให้มีการแต่งงานเพื่อแต่งตั้งฟาโรห์องค์ต่อไปแต่ฮัตเซปซัตไม่ต้องการแต่งงาน เพราะเชื่อเสมอมาว่าตนเองจะได้เป็นฟาโรห์โดยลืมไปว่าตนเองเป็น “ผู้หญิง” นี่จึงทำให้เกิดเรื่องราวต่างๆมากมายตามมา ด้วยเหตุนี่ทำให้เกิดการลอบฆ่า “เจ้าชายทุตโมส” น้องชายของฮัตเซปซัตที่ต้องแต่งงานด้วยจาก “วิเซียร์” แต่ถึงแม้ว่าจะช่วยชีวิตน้องชายไม่ได้แต่ฮัตเซปซัตสามารถทำให้น้องชายขึ้นเป็นฟาโรห์ได้ และจัดการกำจัดวิเซียร์ โดยนำเจ้าชายอีกองค์มาเป็นฟาโรห์แทนน้องชายที่ตายไปแต่ฮัตเซปซัตก็ยึดอำนาจมาแต่เพียงผู้เดียว (แบบว่ามาเป็นหุ่นเฉยๆ) จากนั้นก็เป็นการกล่าวถึงฟาโรห์อีกองค์หนึ่งนั้นคือ “เมมโนฟิส” ฟาโรห์จากธีบินล่างที่ตอนแรกต้องการมาทำศึก ยึดเมือง แต่ไปๆมาๆ กลายเป็นว่ามาช่วยฮัตเซปซัตกำจัดศัตรูภายในอาณาจักที่ยังเหลืออยู่นอกจากวิเซียร์ที่ตายไป แล้วเรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร ต้องอ่านกันดูคะ
เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ชอบมากๆ อ่านหลายรอบมาก เพราะนอกจากได้ความบันเทิงในด้านนวนิยายแล้ว เราจะยังได้ความรู้ในการทำพิธีศพของอียิปต์ในสมัยก่อนอีกด้วยเพราะในเรื่องจะบรรยายไว้อย่างครบเลยทีเดียว และฮัตเซปซัตถือว่าเป็นฟาโรห์หญิงที่มีความเก่งมาๆอีกองค์หนึ่ง แต่เราเสียดายตรงที่ทำไมไม่ฆ่าทุตโมสซิสที่3ไปด้วย เลี้ยงไว้ทำไม แล้วที่ชอบอีกก็ต้องเป็นฉากหวานๆของสองฟาโรห์ (ไม่รู้จะหวานจริงรึป่าว เอาแต่ทะเลาะกัน) เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่สนุกอีกเรื่องที่เหล่านักอ่านต้องไม่พลาด ลองหามาอ่านกันดู

ธุวตารา เขียนโดยลักษณวดี ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม ต้องขอบอกก่อนเลยว่า นามปากกาลักษณวดี เป็นอีกนามปากกาหนึ่งของคุณหญิงวิมล หรือที่คุ้นเคยกันดีในนามปากกาทมยันตีและนามปากกาลักษณวดี มักจะเขียนในแนวเจ้าหญิงเจ้าชาย ในเรื่องนี้จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับฟาโรห์ เป็นการเล่าถึงการรวบของสองอาณาจักร “ธีบิสบน” และ “ธีบิสล่าง” เริ่มเรื่องจะกล่าวถึงความวุ่นวายภายในอาณาจักรธีบิสบนของ “ฮัตเซปซัต” ที่ต้องการให้มีการแต่งงานเพื่อแต่งตั้งฟาโรห์องค์ต่อไปแต่ฮัตเซปซัตไม่ต้องการแต่งงาน เพราะเชื่อเสมอมาว่าตนเองจะได้เป็นฟาโรห์โดยลืมไปว่าตนเองเป็น “ผู้หญิง” นี่จึงทำให้เกิดเรื่องราวต่างๆมากมายตามมา ด้วยเหตุนี่ทำให้เกิดการลอบฆ่า “เจ้าชายทุตโมส” น้องชายของฮัตเซปซัตที่ต้องแต่งงานด้วยจาก “วิเซียร์” แต่ถึงแม้ว่าจะช่วยชีวิตน้องชายไม่ได้แต่ฮัตเซปซัตสามารถทำให้น้องชายขึ้นเป็นฟาโรห์ได้ และจัดการกำจัดวิเซียร์ โดยนำเจ้าชายอีกองค์มาเป็นฟาโรห์แทนน้องชายที่ตายไปแต่ฮัตเซปซัตก็ยึดอำนาจมาแต่เพียงผู้เดียว (แบบว่ามาเป็นหุ่นเฉยๆ) จากนั้นก็เป็นการกล่าวถึงฟาโรห์อีกองค์หนึ่งนั้นคือ “เมมโนฟิส” ฟาโรห์จากธีบินล่างที่ตอนแรกต้องการมาทำศึก ยึดเมือง แต่ไปๆมาๆ กลายเป็นว่ามาช่วยฮัตเซปซัตกำจัดศัตรูภายในอาณาจักที่ยังเหลืออยู่นอกจากวิเซียร์ที่ตายไป แล้วเรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร ต้องอ่านกันดูคะ
เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ชอบมากๆ อ่านหลายรอบมาก เพราะนอกจากได้ความบันเทิงในด้านนวนิยายแล้ว เราจะยังได้ความรู้ในการทำพิธีศพของอียิปต์ในสมัยก่อนอีกด้วยเพราะในเรื่องจะบรรยายไว้อย่างครบเลยทีเดียว และฮัตเซปซัตถือว่าเป็นฟาโรห์หญิงที่มีความเก่งมาๆอีกองค์หนึ่ง แต่เราเสียดายตรงที่ทำไมไม่ฆ่าทุตโมสซิสที่3ไปด้วย เลี้ยงไว้ทำไม แล้วที่ชอบอีกก็ต้องเป็นฉากหวานๆของสองฟาโรห์ (ไม่รู้จะหวานจริงรึป่าว เอาแต่ทะเลาะกัน) เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่สนุกอีกเรื่องที่เหล่านักอ่านต้องไม่พลาด ลองหามาอ่านกันดู

มนตราแห่งดารา ผู้แต่งลักษณวดี ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม นามปากกาลักษณวดีเป็นอีกหนึ่งนามปากกาของคุณหญิงวิมลหรือที่รู้จักในนามทมยันตี เป็นนามปากกาที่เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับเจ้าหญิงเจ้าชาย เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องล่าสุดที่ตีพิมพ์ออกมาเมื่อราวกลางปีที่แล้ว เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีตและสืบเนื่องมาถึงปัจจุบัน เมื่อ “ราทา” จะต้องทำให้ “อิลวลา” จดจำเรื่องราวตั้งแต่อดีตให้ได้เพื่อที่จะกลับไปแก้ไข เรื่องราวที่เกิดขึ้นที่มีผลมาจนถึงปัจจุบัน จะต้องทำให้อิลวลาเชื่อให้ได้ว่าเธอคือ “เจ้าหญิงเมนเน่” และตัวราทาเองคือ “ทาเอ็มวาเส็ต” เรื่องราวในเรื่องไม่มีอะไรมากเพียงแค่เป็นการทำให้อิลวลาย้อนอดีตตัวเองให้ได้เพื่อกลับมาแก้ไขเหตุการณ์ในอดีต โดยเนื้อเรื่องจะมีความคล้ายกับเรื่องศิวาลัย แต่ในเรื่องนี้จะเป็นเรื่องราวและความเชื่อของอียิปต์ โดยใครทำอะไรไว้คนนั้นก็ต้องกลับไปแก้ไขเอง
เรื่องนี้เราพึ่งจะซื้อมาเพราะเห็นว่าออกมา ก็ไปจับๆพลิกๆดู ตัดสินใจซื้อมา ลองอ่านดู ก็ชอบนะสนุกดี คนละแนวกับที่เคยได้อ่านมา เพราะปกติเรื่องราวเกี่ยวกับอียิปต์จะเป็นฟาโรห์ที่รบกัน แย่งเมืองกัน แต่ในเรื่องนี้จะกล่าวในด้านของความเชื่อที่เกี่ยวกับนักบวช แปลกดี สนุกนะ ชอบตัวราทาที่บรรยายในหนังสือตรงที่ตัดผมสกินเฮดแล้วแต่งชุดขาว แบบว่าไม่เข้ากันเลย แต่อ่านแล้วชอบทำให้รู้ถึงความสัมพันธ์และความรู้สึกของราทาที่มีต่ออิลวลา ตั้งแต่อดีตที่รอและตามหา ปัจจุบันก็ยังรอ จนสุดท้ายก็ได้อยู่ด้วยกันแม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกันอย่างการแต่งงาน แต่เรื่องนี้ก็จบได้อย่างที่สวยงาม แรกๆคิดว่าจะไม่แฮปปี้ซะอีก ลองอ่านดูคะหากใครชอบแนวอียิปต์ เล่มนี้จะเป็นอีกแนวที่นักอ่านไม่ควรพลาด

มนตราแห่งดารา ผู้แต่งลักษณวดี ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม นามปากกาลักษณวดีเป็นอีกหนึ่งนามปากกาของคุณหญิงวิมลหรือที่รู้จักในนามทมยันตี เป็นนามปากกาที่เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับเจ้าหญิงเจ้าชาย เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องล่าสุดที่ตีพิมพ์ออกมาเมื่อราวกลางปีที่แล้ว เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีตและสืบเนื่องมาถึงปัจจุบัน เมื่อ “ราทา” จะต้องทำให้ “อิลวลา” จดจำเรื่องราวตั้งแต่อดีตให้ได้เพื่อที่จะกลับไปแก้ไข เรื่องราวที่เกิดขึ้นที่มีผลมาจนถึงปัจจุบัน จะต้องทำให้อิลวลาเชื่อให้ได้ว่าเธอคือ “เจ้าหญิงเมนเน่” และตัวราทาเองคือ “ทาเอ็มวาเส็ต” เรื่องราวในเรื่องไม่มีอะไรมากเพียงแค่เป็นการทำให้อิลวลาย้อนอดีตตัวเองให้ได้เพื่อกลับมาแก้ไขเหตุการณ์ในอดีต โดยเนื้อเรื่องจะมีความคล้ายกับเรื่องศิวาลัย แต่ในเรื่องนี้จะเป็นเรื่องราวและความเชื่อของอียิปต์ โดยใครทำอะไรไว้คนนั้นก็ต้องกลับไปแก้ไขเอง
เรื่องนี้เราพึ่งจะซื้อมาเพราะเห็นว่าออกมา ก็ไปจับๆพลิกๆดู ตัดสินใจซื้อมา ลองอ่านดู ก็ชอบนะสนุกดี คนละแนวกับที่เคยได้อ่านมา เพราะปกติเรื่องราวเกี่ยวกับอียิปต์จะเป็นฟาโรห์ที่รบกัน แย่งเมืองกัน แต่ในเรื่องนี้จะกล่าวในด้านของความเชื่อที่เกี่ยวกับนักบวช แปลกดี สนุกนะ ชอบตัวราทาที่บรรยายในหนังสือตรงที่ตัดผมสกินเฮดแล้วแต่งชุดขาว แบบว่าไม่เข้ากันเลย แต่อ่านแล้วชอบทำให้รู้ถึงความสัมพันธ์และความรู้สึกของราทาที่มีต่ออิลวลา ตั้งแต่อดีตที่รอและตามหา ปัจจุบันก็ยังรอ จนสุดท้ายก็ได้อยู่ด้วยกันแม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกันอย่างการแต่งงาน แต่เรื่องนี้ก็จบได้อย่างที่สวยงาม แรกๆคิดว่าจะไม่แฮปปี้ซะอีก ลองอ่านดูคะหากใครชอบแนวอียิปต์ เล่มนี้จะเป็นอีกแนวที่นักอ่านไม่ควรพลาด

เมฆขาว ผู้แต่งโรสลาเรน ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม โรสลาเรนเป็นอีกนามปากกาหนึ่งของคุณหญิงวิมล หรือทมยันตีนั้นเองคะ นามปากกาโรสลาเรนจะเขียนเกี่ยวจินตนิยาย ในเล่มนี้จะเล่าเรื่องราวของชนเผ่าอินเดียนแดง โดยเล่าถึงชีวิตความเป็นอยู่ เรื่องราวความเชื่อ และแทรกแซงเรื่องราวความรักลงไปด้วย โดยเล่าถึงชนเผ่าอินเดียนแดงชนเผ่าหนึ่งที่ได้นำเด็กทารกผิวขาว (คนอินเดียนแดงจะผิวสีออกแดงๆคล่ำๆ) มาแทนลูกของตัวเองที่ตายไปและให้ชื่อว่า “วีคมุนเค” แปลว่าสายรุ้งและต่อมาชื่อ “เมฆขาว” โดยมีพี่ชายชื่อ “โคซิส” ต่อมามีชื่อว่า “อินทรีสายฟ้า” ดูเหมือนว่าทั้งสองและชนเผ่าจะดำเนินชีวิตไปอย่างปกติสุขจนกระทั่งมีการกวาดต้อนให้ชนเผ่าอินเดียนแดงมาอยู่เป็นที่เป็นทางจากฝ่ายรัฐบาลของสหรัฐฯ หลังจากนั้นก็เกิดการสู้รบกัน มีการล้มตายกันเป็นจำนวนมาก และถึงแม้ว่าเราจะได้เห็นมุมหวานๆของทั้งสองแต่ก็ต้องเป็นไปท่ามกลางการสู้รบที่ต้องการปกป้องแผ่นดินเกิด ไม่ต้องการให้ใครเข้ามายึดตรอง แต่สุดท้ายเพื่อความอยู่รอดของทั้งชนเผ่า ต้องยอมไปอยู่ในที่ที่ทางรัฐบาลจัดไว้ให้ และทำให้เมฆขาวและอินทรีสายฟ้าได้แต่งงานกัน
เรื่องนี้เป็นเรื่องอ่านแล้วประทับใจในความรักบ้านเกิด ผืนแผ่นดินเกิดของคนอินเดียนแดง แต่ก็เศร้าที่เมฆขาวต้องเสียลูกไป เพราะเอาแต่สู้รบ ตอนแรกนึกว่าทั้งเมฆขาวทั้งอินทรีสายฟ้าจะไม่ได้คู่กันซะแล้ว เพราะในเผ่ามีกฎว่าพี่น้องแต่งงานกันไม่ได้ แต่จ้า อินทรีสายฟ้าไม่สนใจจ้า แบบว่าน่ารักมากๆ ชอบประโยคที่ว่าทั้งสองเป็นอีกซีกของกันละกัน คือแบบแยกกันไม่ได้ไง อย่างที่บอกแหละเรื่องนี้สนุกทำให้เราย้อนกลับมาถามตัวเองว่าเรารักแผ่นดินเกิดได้อย่างคนอินเดียนแดงไหม?

เมฆขาว ผู้แต่งโรสลาเรน ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม โรสลาเรนเป็นอีกนามปากกาหนึ่งของคุณหญิงวิมล หรือทมยันตีนั้นเองคะ นามปากกาโรสลาเรนจะเขียนเกี่ยวจินตนิยาย ในเล่มนี้จะเล่าเรื่องราวของชนเผ่าอินเดียนแดง โดยเล่าถึงชีวิตความเป็นอยู่ เรื่องราวความเชื่อ และแทรกแซงเรื่องราวความรักลงไปด้วย โดยเล่าถึงชนเผ่าอินเดียนแดงชนเผ่าหนึ่งที่ได้นำเด็กทารกผิวขาว (คนอินเดียนแดงจะผิวสีออกแดงๆคล่ำๆ) มาแทนลูกของตัวเองที่ตายไปและให้ชื่อว่า “วีคมุนเค” แปลว่าสายรุ้งและต่อมาชื่อ “เมฆขาว” โดยมีพี่ชายชื่อ “โคซิส” ต่อมามีชื่อว่า “อินทรีสายฟ้า” ดูเหมือนว่าทั้งสองและชนเผ่าจะดำเนินชีวิตไปอย่างปกติสุขจนกระทั่งมีการกวาดต้อนให้ชนเผ่าอินเดียนแดงมาอยู่เป็นที่เป็นทางจากฝ่ายรัฐบาลของสหรัฐฯ หลังจากนั้นก็เกิดการสู้รบกัน มีการล้มตายกันเป็นจำนวนมาก และถึงแม้ว่าเราจะได้เห็นมุมหวานๆของทั้งสองแต่ก็ต้องเป็นไปท่ามกลางการสู้รบที่ต้องการปกป้องแผ่นดินเกิด ไม่ต้องการให้ใครเข้ามายึดตรอง แต่สุดท้ายเพื่อความอยู่รอดของทั้งชนเผ่า ต้องยอมไปอยู่ในที่ที่ทางรัฐบาลจัดไว้ให้ และทำให้เมฆขาวและอินทรีสายฟ้าได้แต่งงานกัน
เรื่องนี้เป็นเรื่องอ่านแล้วประทับใจในความรักบ้านเกิด ผืนแผ่นดินเกิดของคนอินเดียนแดง แต่ก็เศร้าที่เมฆขาวต้องเสียลูกไป เพราะเอาแต่สู้รบ ตอนแรกนึกว่าทั้งเมฆขาวทั้งอินทรีสายฟ้าจะไม่ได้คู่กันซะแล้ว เพราะในเผ่ามีกฎว่าพี่น้องแต่งงานกันไม่ได้ แต่จ้า อินทรีสายฟ้าไม่สนใจจ้า แบบว่าน่ารักมากๆ ชอบประโยคที่ว่าทั้งสองเป็นอีกซีกของกันละกัน คือแบบแยกกันไม่ได้ไง อย่างที่บอกแหละเรื่องนี้สนุกทำให้เราย้อนกลับมาถามตัวเองว่าเรารักแผ่นดินเกิดได้อย่างคนอินเดียนแดงไหม?

พจนานุกรมคันจิ ฉบับพกพา เป็นพจนานุกรมสำหรับเหล่าผู้เรียนภาษาญี่ปุ่น เพราะมีความสำคัญมากกก
เอาไว้หาตัวคันจิที่เราไม่รู้ ไม่เคยเห็น ไม่เคยเรียนมาก่อน โดยในตัวเล่มจะมีสารบัญให้ทั้งหมดสามแบบคือแบบหาจากการนับจำนวนเส้น แบบเสียงอ่าน และแบบหาจากส่วนประกอบของตัวอักษร แบบที่หาง่ายสุดก็คงจะเป็นแบบนับเส้น แต่ถ้านับผิดก็หาไม่เจอกันได้ ฉะนั้นจะต้องหาแบบบวกหนึ่งลบหนึ่ง ตัวอย่างเช่น เรานับได้ห้า แต่พอไปหาในพจนานุกรมเราต้องหาทั้งสี่เส้นและสามเส้น เพราะยิ่งเส้นมากโอกาสที่นับพลาดก็มีมาก โดยส่วนตัวเรา ไม่ค่อยชอบรูปเล่มแบบนี้ เพราะบอกว่าฉบับพกพาใช่ไหม? แต่แบบมันหนามากถึงขนาดจะไม่ใหญ่ก็เถอะ มันจึงใส่ในกระเป๋าได้ยากมากเราว่าแบบเก่าสะดวกกว่าที่เป็นหน้าปกสีออกแดงๆ แล้วที่ลำบากในการใช้เลยคือจะทำให้ขอบกระดาษเว้าเข้าไปทำไม จับก็ยาก เปิดหาก็ลำบาก แต่ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยปลื้มยังไงก็ต้องซื้อมาใช้อยู่ดี เพราะเวลาเรียนเนี่ยอาจจะใช้พจนานุกรมจากมือถือได้แต่เวลาสอบเนี่ยไม่ได้ เราก็ต้องมาใช้เล่มนี้อยู่ดี อ้อ อีกอย่างเนื้อหาภายในเล่มมักจะหายไปหน้าหรือสองหน้าแสมอ ยังไงก็ต้องลองดูให้ดี หรือไม่ถ้าเจอก็ส่งคือเปลี่ยนใหม่ไปเลย และถ้าพูดถึงเนื้อหาในเล่มถือว่ามีเนื้อหาที่สมบูรณ์ มีตัวคันจิที่ต้องการ มีเสียงอ่าน มีความหมาย ครบถ้วน เป็นพจนานุกรมคันจิที่เหล่านักเรียนภาษาญี่ปุ่นจะต้องมีติดตัวไว้อีกหนึ่งเล่ม เพราะจะต้องเปิดใช้แน่ๆเวลาที่มีการสอบทั้งสอบปกติหรือการสอบแปลความที่มักจะเจอตัวคันจิแบบแปลกๆก็จะต้องมานับเส้นและเปิดหาความหมาย โดยรวมถือว่าเป็นพจนานุกรมคันจิที่ต้องมีติดตัวทุกคน คนที่กำลังเรียนหรือจะเริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่นต้องหาซื้อไว้นะคะ

พจนานุกรมคันจิ ฉบับพกพา เป็นพจนานุกรมสำหรับเหล่าผู้เรียนภาษาญี่ปุ่น เพราะมีความสำคัญมากกก
เอาไว้หาตัวคันจิที่เราไม่รู้ ไม่เคยเห็น ไม่เคยเรียนมาก่อน โดยในตัวเล่มจะมีสารบัญให้ทั้งหมดสามแบบคือแบบหาจากการนับจำนวนเส้น แบบเสียงอ่าน และแบบหาจากส่วนประกอบของตัวอักษร แบบที่หาง่ายสุดก็คงจะเป็นแบบนับเส้น แต่ถ้านับผิดก็หาไม่เจอกันได้ ฉะนั้นจะต้องหาแบบบวกหนึ่งลบหนึ่ง ตัวอย่างเช่น เรานับได้ห้า แต่พอไปหาในพจนานุกรมเราต้องหาทั้งสี่เส้นและสามเส้น เพราะยิ่งเส้นมากโอกาสที่นับพลาดก็มีมาก โดยส่วนตัวเรา ไม่ค่อยชอบรูปเล่มแบบนี้ เพราะบอกว่าฉบับพกพาใช่ไหม? แต่แบบมันหนามากถึงขนาดจะไม่ใหญ่ก็เถอะ มันจึงใส่ในกระเป๋าได้ยากมากเราว่าแบบเก่าสะดวกกว่าที่เป็นหน้าปกสีออกแดงๆ แล้วที่ลำบากในการใช้เลยคือจะทำให้ขอบกระดาษเว้าเข้าไปทำไม จับก็ยาก เปิดหาก็ลำบาก แต่ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยปลื้มยังไงก็ต้องซื้อมาใช้อยู่ดี เพราะเวลาเรียนเนี่ยอาจจะใช้พจนานุกรมจากมือถือได้แต่เวลาสอบเนี่ยไม่ได้ เราก็ต้องมาใช้เล่มนี้อยู่ดี อ้อ อีกอย่างเนื้อหาภายในเล่มมักจะหายไปหน้าหรือสองหน้าแสมอ ยังไงก็ต้องลองดูให้ดี หรือไม่ถ้าเจอก็ส่งคือเปลี่ยนใหม่ไปเลย และถ้าพูดถึงเนื้อหาในเล่มถือว่ามีเนื้อหาที่สมบูรณ์ มีตัวคันจิที่ต้องการ มีเสียงอ่าน มีความหมาย ครบถ้วน เป็นพจนานุกรมคันจิที่เหล่านักเรียนภาษาญี่ปุ่นจะต้องมีติดตัวไว้อีกหนึ่งเล่ม เพราะจะต้องเปิดใช้แน่ๆเวลาที่มีการสอบทั้งสอบปกติหรือการสอบแปลความที่มักจะเจอตัวคันจิแบบแปลกๆก็จะต้องมานับเส้นและเปิดหาความหมาย โดยรวมถือว่าเป็นพจนานุกรมคันจิที่ต้องมีติดตัวทุกคน คนที่กำลังเรียนหรือจะเริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่นต้องหาซื้อไว้นะคะ

พจนานุกรม 8,000 ศัพท์ไทย-ญี่ปุ่น (พร้อมตัวอย่างและคำแปลภาษาญี่ปุ่น) พจนานุกรมเล่มนี้ถ้าถามว่าสำคัญในการเรียนไหม เราว่าส่วนตัวไม่ค่อยสำคัญแต่ใครจะซื้อไว้ก็ได้เพราะสามารถใช้ประโยชน์ได้ อย่างในการแต่งประโยคหรือแต่งเรื่อง หากต้องการคำไหนแล้วไม่มั่นใจว่าจะใช้อย่างไรภายในเล่มก็จะมีตัวอย่างและรูปประโยคมาให้ เราก็อาจจะนำมาปรับเปลี่ยน(ลอกนั้นแหละ) ให้เป็นแบบที่เราอยากให้เป็น หรือปรับเปลี่ยนคำ เพราะถ้ายกตัวอย่างที่เขาให้มาในเล่มมาเขียนเลยมันจะดูเป็นทางการเกินไปเพราะบางคำหรือบางไวยากรณ์มันจะดูขั้นสูงเกินไปสำหรับผู้ที่กำลังเรียน สำหรับตัวเราไม่ซื้อเพราะเราว่ามันไม่จำเป็นเท่าไร อีกอย่างเราไม่ค่อยชอบตัวรูปแบบ รูปเล่มมัน มันดูใหญ่เกินที่จะพาไปไหนต่อไหนด้วย ที่ขัดใหญ่มากก็คงจะเป็นขอบที่มันเว้าเข้าไปมันจับยาก เราว่ามันไม่พอดีอะ เราไม่ชอบ แล้วประโยคตัวอย่างในเล่มบางครั้งมันก็เข้าในยาก ว่ามันเอามาใช้ได้อย่างไร ทำไมถึงใช้รูปนี้ ใช้อย่างอื่นได้ไหม (ดูแล้วเรามักจะมีปัญหา คือแบบไม่ชอบไง)แต่ก็นะ สำหรับคนที่ต้องการความรู้เยอะๆหรือต้องการความถูกต้องเล่มนี้ก็ถือว่าใช้ได้ แต่เราว่าถ้าเราลองหันแต่งประโยคเองแล้วให้อาจารย์หรือคนญี่ปุ่นเองช่วยตรวจให้มันน่าจะดีกว่ามาดูตัวอย่างที่เจามีไว้ให้แล้วนะ เพราะเราว่ามันก็เหมือนกับการมานั่งลอกนั้นแหละ แม้จะบอกว่าตัวเป็นตัวอย่างก็เถอะ แต่ใครจะซื้อเอาไว้ก็ไม่เสียดาย ไม่ว่ากัน ถือว่าเป็นการหาความรู้ใส่ตัวในอีกรูปแบบหนึ่ง

พจนานุกรม 8,000 ศัพท์ไทย-ญี่ปุ่น (พร้อมตัวอย่างและคำแปลภาษาญี่ปุ่น) พจนานุกรมเล่มนี้ถ้าถามว่าสำคัญในการเรียนไหม เราว่าส่วนตัวไม่ค่อยสำคัญแต่ใครจะซื้อไว้ก็ได้เพราะสามารถใช้ประโยชน์ได้ อย่างในการแต่งประโยคหรือแต่งเรื่อง หากต้องการคำไหนแล้วไม่มั่นใจว่าจะใช้อย่างไรภายในเล่มก็จะมีตัวอย่างและรูปประโยคมาให้ เราก็อาจจะนำมาปรับเปลี่ยน(ลอกนั้นแหละ) ให้เป็นแบบที่เราอยากให้เป็น หรือปรับเปลี่ยนคำ เพราะถ้ายกตัวอย่างที่เขาให้มาในเล่มมาเขียนเลยมันจะดูเป็นทางการเกินไปเพราะบางคำหรือบางไวยากรณ์มันจะดูขั้นสูงเกินไปสำหรับผู้ที่กำลังเรียน สำหรับตัวเราไม่ซื้อเพราะเราว่ามันไม่จำเป็นเท่าไร อีกอย่างเราไม่ค่อยชอบตัวรูปแบบ รูปเล่มมัน มันดูใหญ่เกินที่จะพาไปไหนต่อไหนด้วย ที่ขัดใหญ่มากก็คงจะเป็นขอบที่มันเว้าเข้าไปมันจับยาก เราว่ามันไม่พอดีอะ เราไม่ชอบ แล้วประโยคตัวอย่างในเล่มบางครั้งมันก็เข้าในยาก ว่ามันเอามาใช้ได้อย่างไร ทำไมถึงใช้รูปนี้ ใช้อย่างอื่นได้ไหม (ดูแล้วเรามักจะมีปัญหา คือแบบไม่ชอบไง)แต่ก็นะ สำหรับคนที่ต้องการความรู้เยอะๆหรือต้องการความถูกต้องเล่มนี้ก็ถือว่าใช้ได้ แต่เราว่าถ้าเราลองหันแต่งประโยคเองแล้วให้อาจารย์หรือคนญี่ปุ่นเองช่วยตรวจให้มันน่าจะดีกว่ามาดูตัวอย่างที่เจามีไว้ให้แล้วนะ เพราะเราว่ามันก็เหมือนกับการมานั่งลอกนั้นแหละ แม้จะบอกว่าตัวเป็นตัวอย่างก็เถอะ แต่ใครจะซื้อเอาไว้ก็ไม่เสียดาย ไม่ว่ากัน ถือว่าเป็นการหาความรู้ใส่ตัวในอีกรูปแบบหนึ่ง

พจนานุกรม ญี่ปุ่น-ไทย ไทย-ญี่ปุ่น 2 ภาษาใน 1 เล่ม เป็นพจนานุกรมที่เราว่ามีประโยชน์อีกเล่มหนึ่งเลยทีเดียว เหมาะไว้ใช้สำหรับเวลาที่ต้องแต่งประโยคจากไทยเป็นญี่ปุ่นหรือต้องแปลจากญี่ปุ่นเป็นไทยแล้วนึกคำศัพท์ญี่ปุ่นคำนั้นๆไม่ออกหรือไม่เคยรู้มาก่อน เพราะในเล่มจะรวมคำศัพท์ที่จำเป็นไว้ให้เราอย่างครบถ้วน แต่คำศัพท์ยากๆและศัพท์เฉพาะถือว่ายังมีน้อยอยู่ก็ตาม และไม่ใช้ว่าจะมีแค่จากญี่ปุ่นไปไทยยังมีจากไทยไปญี่ปุ่นอีกด้วย และขนาดรูปเล่มของเล่มนี้ก็มีขนาดไม่ใหญ่มาก เหมาะสำหรับใส่กระเป๋าเรียนสามารถนำใส่กระเป๋าและพกพาไปไหนๆกับเราได้ แต่เราว่าน่าจะทำให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้นอีกนิดเพราะดูเหมือนว่าเล่มนี้จะเป็นเล่มที่เล็กที่สุดเลยก็ว่าได้ และไม่ใช่ว่ามีเล่มนี้เล่มเดียวแล้วจะพอนะคะ คนที่เรียนภาษาแล้วจะได้ดีต้องมีพจนานุกรมเก็บไว้ในครอบครองอย่างน้อยสามเล่มขึ้นไป เพราะยิ่งมีมากเราก็จะยิ่งมีไว้ใช้งานได้มากขึ้น และเพื่อความถูกต้องในการทำงานอีกด้วย โดยส่วนตัวเราก็มีเล่มนี้และบอกเลยว่ามีประโยชน์มากแม้ว่าคำศัพท์อาจจะไม่เยอะและไม่ครอบคลุมเท่าที่ควร แต่ก็ไว้ใช้ได้เมื่อยามที่จำเป็น(ย้ำว่าจำเป็นเพราะบางทีมาหาแล้วคำนั้นๆก็มีไม่มีเหมือนกันแบบว่าขั้นสูงเกิน)และเรานึกคำศัพท์นั้นไม่ออกแล้วจริงๆ เราจึงคิดว่าพจนานุกรมเล่มนี้เหมาะสำหรับน้องๆที่กำลังเรียนภาษาญี่ปุ่นในขั้นเริ่มต้นหรือคิดที่จะเรียนภาษาญี่ปุ่นแล้วกำลังมองหาพจนานุกรมเล่มเล็กๆที่พกพาได้สะดวก และสามารถใช้งานได้ในระดับพื้นฐาน เพราะเล่มนี้เราสามารถใช้งานได้ถึงสองรูปแบบกันเลยทีเดียวคะ

พจนานุกรม ญี่ปุ่น-ไทย ไทย-ญี่ปุ่น 2 ภาษาใน 1 เล่ม เป็นพจนานุกรมที่เราว่ามีประโยชน์อีกเล่มหนึ่งเลยทีเดียว เหมาะไว้ใช้สำหรับเวลาที่ต้องแต่งประโยคจากไทยเป็นญี่ปุ่นหรือต้องแปลจากญี่ปุ่นเป็นไทยแล้วนึกคำศัพท์ญี่ปุ่นคำนั้นๆไม่ออกหรือไม่เคยรู้มาก่อน เพราะในเล่มจะรวมคำศัพท์ที่จำเป็นไว้ให้เราอย่างครบถ้วน แต่คำศัพท์ยากๆและศัพท์เฉพาะถือว่ายังมีน้อยอยู่ก็ตาม และไม่ใช้ว่าจะมีแค่จากญี่ปุ่นไปไทยยังมีจากไทยไปญี่ปุ่นอีกด้วย และขนาดรูปเล่มของเล่มนี้ก็มีขนาดไม่ใหญ่มาก เหมาะสำหรับใส่กระเป๋าเรียนสามารถนำใส่กระเป๋าและพกพาไปไหนๆกับเราได้ แต่เราว่าน่าจะทำให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้นอีกนิดเพราะดูเหมือนว่าเล่มนี้จะเป็นเล่มที่เล็กที่สุดเลยก็ว่าได้ และไม่ใช่ว่ามีเล่มนี้เล่มเดียวแล้วจะพอนะคะ คนที่เรียนภาษาแล้วจะได้ดีต้องมีพจนานุกรมเก็บไว้ในครอบครองอย่างน้อยสามเล่มขึ้นไป เพราะยิ่งมีมากเราก็จะยิ่งมีไว้ใช้งานได้มากขึ้น และเพื่อความถูกต้องในการทำงานอีกด้วย โดยส่วนตัวเราก็มีเล่มนี้และบอกเลยว่ามีประโยชน์มากแม้ว่าคำศัพท์อาจจะไม่เยอะและไม่ครอบคลุมเท่าที่ควร แต่ก็ไว้ใช้ได้เมื่อยามที่จำเป็น(ย้ำว่าจำเป็นเพราะบางทีมาหาแล้วคำนั้นๆก็มีไม่มีเหมือนกันแบบว่าขั้นสูงเกิน)และเรานึกคำศัพท์นั้นไม่ออกแล้วจริงๆ เราจึงคิดว่าพจนานุกรมเล่มนี้เหมาะสำหรับน้องๆที่กำลังเรียนภาษาญี่ปุ่นในขั้นเริ่มต้นหรือคิดที่จะเรียนภาษาญี่ปุ่นแล้วกำลังมองหาพจนานุกรมเล่มเล็กๆที่พกพาได้สะดวก และสามารถใช้งานได้ในระดับพื้นฐาน เพราะเล่มนี้เราสามารถใช้งานได้ถึงสองรูปแบบกันเลยทีเดียวคะ

อาญารักเจ้าพ่อ2 ผู้แต่ง Pream ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์อักษรศาสตร์ เป็นเรื่องต่อจากอาญารักเจ้าพ่อในภาคแรก ซึ่งในเล่มนี้จะเป็นเรื่องราวของบรรดาลูกๆ เจ้าพ่ออ่างกับนางไก่หลง แต่จะออกมากันแค่สองคนก่อนคือ “ริว” และ “เร” (ส่วน “รัน” ต้องรอพรีมแต่ของ “เรียว” มีแล้วนะ)โดยในเล่มนี้จะเล่าเรื่องราวของริวที่ได้พบกับนางในดวงใจ “เรย์ยาหรือกฤติกา” ซึ่งริวถูกตาต้องใจหลังจากที่ได้เจอกันในตลาดกลางคืน แต่ใช่ว่าเรย์ยาจะยอมริวง่ายๆกลายเป็นว่าต้องมาชิงไหวชิงพริบกันบ้าง รักในรุ่นพ่อมีอุปสรรคอย่างไรรุ่นลูกก็มี แต่อุปสรรคในครั้งนี้กลับมีต้นเหตุมาจากเรื่องราวในรุ่นพ่อนั้นเอง ขึ้นชื่อว่าลูกเจ้าพ่อก็ไม่ยอมให้ใครมาลูบคมได้ง่ายๆอยู่แล้ว แต่จะริวจะทำอย่างไรกับอุปสรรคที่มี เรย์ยาจะยอมใจอ่อนให้ริวเพราะกลัวริวจะตายหรือหายไปหรือเปล่าต้องอ่านกันดูคะ และในเมื่อพี่ชายมีอุปสรรคขนาดนี้แล้วคู่น้องสาวละจะเป็นอย่างไร ในเมื่อไปแอบรักคนที่คิดกับเราว่าเป็นน้องร่วมโลก คุณเรจะเจ็บช้ำมากมายแค่ไหน จะสมหวังก่อนพี่ชายรึป่าว ต้องซื้อมาอ่านและหาคำตอบกันดูคะ
โดยส่วนตัวแล้วชอบในภาคแรกมากกว่า เพราะในเล่มนี้ดูเหมือนริวไม่ค่อยเก่งเลย เจ้าพ่ออ่างยังมาคอยช่วยอยู่เลย ดูไม่ได้แสดงฝีมือเท่าที่ควร ส่วนของเรก็ดูแบบว่าคิดไปเองซะมาก แต่โดยรวมถือว่าสนุกคะ และแบบว่านี้คือแนวการเขียนของพรีมเขาละ แบบว่าพระเอกหล่อ รวย มีอิทธิพล อะไรประมาณนี้อะ อย่างที่บอกละคะใครที่ชอบแนวนี้ก็อย่างลืมหาซื้อมาอ่านกันดูว่าจะชอบเหมือนกันรึป่าว

อาญารักเจ้าพ่อ2 ผู้แต่ง Pream ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์อักษรศาสตร์ เป็นเรื่องต่อจากอาญารักเจ้าพ่อในภาคแรก ซึ่งในเล่มนี้จะเป็นเรื่องราวของบรรดาลูกๆ เจ้าพ่ออ่างกับนางไก่หลง แต่จะออกมากันแค่สองคนก่อนคือ “ริว” และ “เร” (ส่วน “รัน” ต้องรอพรีมแต่ของ “เรียว” มีแล้วนะ)โดยในเล่มนี้จะเล่าเรื่องราวของริวที่ได้พบกับนางในดวงใจ “เรย์ยาหรือกฤติกา” ซึ่งริวถูกตาต้องใจหลังจากที่ได้เจอกันในตลาดกลางคืน แต่ใช่ว่าเรย์ยาจะยอมริวง่ายๆกลายเป็นว่าต้องมาชิงไหวชิงพริบกันบ้าง รักในรุ่นพ่อมีอุปสรรคอย่างไรรุ่นลูกก็มี แต่อุปสรรคในครั้งนี้กลับมีต้นเหตุมาจากเรื่องราวในรุ่นพ่อนั้นเอง ขึ้นชื่อว่าลูกเจ้าพ่อก็ไม่ยอมให้ใครมาลูบคมได้ง่ายๆอยู่แล้ว แต่จะริวจะทำอย่างไรกับอุปสรรคที่มี เรย์ยาจะยอมใจอ่อนให้ริวเพราะกลัวริวจะตายหรือหายไปหรือเปล่าต้องอ่านกันดูคะ และในเมื่อพี่ชายมีอุปสรรคขนาดนี้แล้วคู่น้องสาวละจะเป็นอย่างไร ในเมื่อไปแอบรักคนที่คิดกับเราว่าเป็นน้องร่วมโลก คุณเรจะเจ็บช้ำมากมายแค่ไหน จะสมหวังก่อนพี่ชายรึป่าว ต้องซื้อมาอ่านและหาคำตอบกันดูคะ
โดยส่วนตัวแล้วชอบในภาคแรกมากกว่า เพราะในเล่มนี้ดูเหมือนริวไม่ค่อยเก่งเลย เจ้าพ่ออ่างยังมาคอยช่วยอยู่เลย ดูไม่ได้แสดงฝีมือเท่าที่ควร ส่วนของเรก็ดูแบบว่าคิดไปเองซะมาก แต่โดยรวมถือว่าสนุกคะ และแบบว่านี้คือแนวการเขียนของพรีมเขาละ แบบว่าพระเอกหล่อ รวย มีอิทธิพล อะไรประมาณนี้อะ อย่างที่บอกละคะใครที่ชอบแนวนี้ก็อย่างลืมหาซื้อมาอ่านกันดูว่าจะชอบเหมือนกันรึป่าว

ยมธิดา ผู้แต่งรอมแพง ครั้งแรกตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ฟิสิกเซ็นเตอร์และได้มีการจัดพิมพ์ใหม่ ปรับเปลี่ยนรูปเล่มและแบบหน้าปกใหม่กับสำนักพิมพ์แฮปปี้บานาน่า ยมธิดาเป็นหนึ่งในชุดหิมพานต์ ของรอมแพง และหากใครเคยได้อ่านเรื่องก่อนหน้านี้อย่างเรื่องปักษานาคาและชอบนางเอกที่ไม่เหมือนใคร มาในเรื่องยมธิดา นี้ทุกคนจะเจอกับความแปลกในอีกรูปแบบหนึ่ง ในเรื่องนี้เล่าถึงเรื่องราวของ “มนต์สวาท” (แค่ชื่อก็สยิวแล้ว ฮ่าๆๆๆ)ลูกสาวที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแบ่งเบาความเจ็บปวดของพระยมที่ต้องดื่มน้ำจากกระทะทองแดงทุกวัน และมีพี่เลี้ยงคือกุมารี ที่คอยดูแลและเป็นเพื่อนกับมนต์สวาท แต่ในวันหนึ่งเกิดเหตุการณ์ที่มนต์สวาททะเลาะกับพี่ชายและรู้ว่าตัวเองถูกสร้างมาจากเวทมนต์ คิดว่าพระยมไม่รัก พระยมจึงหาวิธีที่มนต์สวาทจะไม่ต้องทรมานเหมือนพระยมโดยให้มนต์สวาทไปหาปู่คือองค์กัศยป ให้ช่วยและนี้จึงเป็นเหตุให้มนต?สวาทและกุมารีออกเดินทางโดยต้องผ่านป่าหิมพานต์ โดยในขณะนั้นได้มีการเลือกคู่ของเจ้าชายครุฑ “ชญาณ์เทพ” แต่ด้วยความที่มนต์สวาทโดยแปลงให้เป็นยักษ์จากพระยมก่อนเดินทาง ทำให้ไม่มีใครรู้ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร นอกจากคนที่รักจริงและมีความจริงใจ จึงจะสามารถเห็นรูปกายที่แท้จริงของมนต์สวาทได้ เอาละสิ แล้วเหตุการณ์จะเป็นอย่างไร มนต์สวาทจะไปหาปู่ได้รึป่าว ชญาณ์เทพจะรู้สึกอย่างไรต่อมนต์สวาท รัก? เกลียด? หากอยากรู้กัน ต้องซื้อมาอ่านกันดูคะ
เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่เราอ่านทีเดียวจบ แบบไม่หยุดพักกันเลย สนุกมาก ชอบนางเอกของรอมแพงทุกเรื่อง มีความแปลกไม่เหมือนใคร และในเรื่องนี้มีการบรรยายเกี่ยวกับป่าหิมพานต์จนสามารถจินตนาการตามจนเห็นภาพว่าต้องมีความสวยงามๆแน่นอน ไหนจะพวกสิงสาราสัตว์แปลกๆมากมายอีกละ คืออย่างที่บอกไปว่าเรื่องนี้สนุก ต้องลองหามาอ่านกันแล้วจะอยากอ่านเรื่องอื่นต่ออีกแน่นอน

ยมธิดา ผู้แต่งรอมแพง ครั้งแรกตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ฟิสิกเซ็นเตอร์และได้มีการจัดพิมพ์ใหม่ ปรับเปลี่ยนรูปเล่มและแบบหน้าปกใหม่กับสำนักพิมพ์แฮปปี้บานาน่า ยมธิดาเป็นหนึ่งในชุดหิมพานต์ ของรอมแพง และหากใครเคยได้อ่านเรื่องก่อนหน้านี้อย่างเรื่องปักษานาคาและชอบนางเอกที่ไม่เหมือนใคร มาในเรื่องยมธิดา นี้ทุกคนจะเจอกับความแปลกในอีกรูปแบบหนึ่ง ในเรื่องนี้เล่าถึงเรื่องราวของ “มนต์สวาท” (แค่ชื่อก็สยิวแล้ว ฮ่าๆๆๆ)ลูกสาวที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแบ่งเบาความเจ็บปวดของพระยมที่ต้องดื่มน้ำจากกระทะทองแดงทุกวัน และมีพี่เลี้ยงคือกุมารี ที่คอยดูแลและเป็นเพื่อนกับมนต์สวาท แต่ในวันหนึ่งเกิดเหตุการณ์ที่มนต์สวาททะเลาะกับพี่ชายและรู้ว่าตัวเองถูกสร้างมาจากเวทมนต์ คิดว่าพระยมไม่รัก พระยมจึงหาวิธีที่มนต์สวาทจะไม่ต้องทรมานเหมือนพระยมโดยให้มนต์สวาทไปหาปู่คือองค์กัศยป ให้ช่วยและนี้จึงเป็นเหตุให้มนต?สวาทและกุมารีออกเดินทางโดยต้องผ่านป่าหิมพานต์ โดยในขณะนั้นได้มีการเลือกคู่ของเจ้าชายครุฑ “ชญาณ์เทพ” แต่ด้วยความที่มนต์สวาทโดยแปลงให้เป็นยักษ์จากพระยมก่อนเดินทาง ทำให้ไม่มีใครรู้ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร นอกจากคนที่รักจริงและมีความจริงใจ จึงจะสามารถเห็นรูปกายที่แท้จริงของมนต์สวาทได้ เอาละสิ แล้วเหตุการณ์จะเป็นอย่างไร มนต์สวาทจะไปหาปู่ได้รึป่าว ชญาณ์เทพจะรู้สึกอย่างไรต่อมนต์สวาท รัก? เกลียด? หากอยากรู้กัน ต้องซื้อมาอ่านกันดูคะ
เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่เราอ่านทีเดียวจบ แบบไม่หยุดพักกันเลย สนุกมาก ชอบนางเอกของรอมแพงทุกเรื่อง มีความแปลกไม่เหมือนใคร และในเรื่องนี้มีการบรรยายเกี่ยวกับป่าหิมพานต์จนสามารถจินตนาการตามจนเห็นภาพว่าต้องมีความสวยงามๆแน่นอน ไหนจะพวกสิงสาราสัตว์แปลกๆมากมายอีกละ คืออย่างที่บอกไปว่าเรื่องนี้สนุก ต้องลองหามาอ่านกันแล้วจะอยากอ่านเรื่องอื่นต่ออีกแน่นอน

จิตา ผู้แต่งทมยันตี ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม เป็นผลงานอีกเรื่องที่เขียนเล่าเกี่ยวกับธรรมะในรูปแบบของนวนิยายที่ทำให้นักอ่านอย่างเราเกิดความเข้าใจขึ้นมาบ้าง มีบ้างบางตอนที่ออกจะงงอยู่หน่อย โดยเรื่องนี้เล่าถึงชีวิตความเป็นมาและเป็นอยู่ของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่มีความสามารถพิเศษนั้นคือพลัง “จิต” สามารถเห็นเหตุการณ์ บังคับสิ่งของให้ลอยได้บ้าง เปิดเองบ้าง แต่นั้นนี้ทั้งนั้นก็ต้องอยู่ที่สมาธิของเด็กหญิงด้วย ในตอนแรกๆแม่ของ “จิตา” คือเด็กผู้หญิงที่มีพลังจิต ยังคงรับไม่ได้ที่ลูกแปลกไปแต่ด้วยความเป็นแม่จึงค่อยๆเรียนรู้และปรับตัว ค่อยสอนให้จิตารู้จักใช้ความสามารถที่มีอย่างถูกวิธี รู้จักควบคุม เพราะไม่อย่างนั้นจะเป็นอันตรายต่อตัวจิตา และสุดท้ายเมื่อจิตาได้ทำสิ่งที่ต้องทำเสร็จเรียบร้อย จิตาก็ต้องไป
เรื่องที่เป็นอีกเรื่องที่ตอนแรกไม่คิดว่าจะอ่าน แต่พอได้เอามาลองอ่าน บอกได้เลยว่า สนุกมากอีกเรื่องนึง เพราะสะท้อนให้เห็นในหลายๆด้านทั้งในด้านของความเป็นแม่ที่ไม่ว่ารู้จะเป็นอย่างไร คนที่เป็นแม่ของรับได้ และคอยดูแล คอยสอนให้อย่างถูกวิธี แม้ว่าในเรื่องจิตาจะเป็นคนค่อยแนะนำให้แม่ปล่อยวาง หรือคิดตามในสิ่งที่บอกก็ตามโดยสอดแทรกเรื่องของความเชื่อในด้านของพลังจิตที่หากเป็นที่มีสมาธิก็สามารถทำได้ เราอ่านแล้วยังเคยจะลองทำดู แต่ก็ไม่ไหว หลับ เมื่อย แต่อ่านเรื่องนี้แล้วได้ความคิดดีๆเยอะเลย อ้อ เรามีแอบน้ำตาซึมด้วย ก็บอกไม่ได้ว่าซึ้งยังไงแต่เราเชื่อว่าถามได้ลองอ่านจะชอบเหมือนเรา

จิตา ผู้แต่งทมยันตี ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม เป็นผลงานอีกเรื่องที่เขียนเล่าเกี่ยวกับธรรมะในรูปแบบของนวนิยายที่ทำให้นักอ่านอย่างเราเกิดความเข้าใจขึ้นมาบ้าง มีบ้างบางตอนที่ออกจะงงอยู่หน่อย โดยเรื่องนี้เล่าถึงชีวิตความเป็นมาและเป็นอยู่ของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่มีความสามารถพิเศษนั้นคือพลัง “จิต” สามารถเห็นเหตุการณ์ บังคับสิ่งของให้ลอยได้บ้าง เปิดเองบ้าง แต่นั้นนี้ทั้งนั้นก็ต้องอยู่ที่สมาธิของเด็กหญิงด้วย ในตอนแรกๆแม่ของ “จิตา” คือเด็กผู้หญิงที่มีพลังจิต ยังคงรับไม่ได้ที่ลูกแปลกไปแต่ด้วยความเป็นแม่จึงค่อยๆเรียนรู้และปรับตัว ค่อยสอนให้จิตารู้จักใช้ความสามารถที่มีอย่างถูกวิธี รู้จักควบคุม เพราะไม่อย่างนั้นจะเป็นอันตรายต่อตัวจิตา และสุดท้ายเมื่อจิตาได้ทำสิ่งที่ต้องทำเสร็จเรียบร้อย จิตาก็ต้องไป
เรื่องที่เป็นอีกเรื่องที่ตอนแรกไม่คิดว่าจะอ่าน แต่พอได้เอามาลองอ่าน บอกได้เลยว่า สนุกมากอีกเรื่องนึง เพราะสะท้อนให้เห็นในหลายๆด้านทั้งในด้านของความเป็นแม่ที่ไม่ว่ารู้จะเป็นอย่างไร คนที่เป็นแม่ของรับได้ และคอยดูแล คอยสอนให้อย่างถูกวิธี แม้ว่าในเรื่องจิตาจะเป็นคนค่อยแนะนำให้แม่ปล่อยวาง หรือคิดตามในสิ่งที่บอกก็ตามโดยสอดแทรกเรื่องของความเชื่อในด้านของพลังจิตที่หากเป็นที่มีสมาธิก็สามารถทำได้ เราอ่านแล้วยังเคยจะลองทำดู แต่ก็ไม่ไหว หลับ เมื่อย แต่อ่านเรื่องนี้แล้วได้ความคิดดีๆเยอะเลย อ้อ เรามีแอบน้ำตาซึมด้วย ก็บอกไม่ได้ว่าซึ้งยังไงแต่เราเชื่อว่าถามได้ลองอ่านจะชอบเหมือนเรา

เงาทรราช เขียนโดยมุกเรียง ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์พิมพ์คำ เป็นนิยายแนวย้อนยุค เป็นเรื่องราวของ “บราลี” หญิงสาวที่ทำงานเป็นบอดีการ์ดและซวยซ้ำซวยซ้อน เพราะนอกจากที่บ้านจะถูกไฟไหม้ พ่อแม่ได้รับบาดเจ็บแล้ว ยังถูกแฟนหนุ่มนอกใจอีกด้วย นอกใจไปกับผู้ชาย (อุ้ยตาย!)เธอก็เลยรับข้อเสนอของลุงที่มาเสนอให้เธอไปช่วยเป็นบอดีการ์ดให้แก่กษัตริย์นาม “วิรุฬหิต” ผู้ที่มีความเหี้ยมโหด และเอาแต่ใจอย่างที่สุด โดยเธอจะต้องเปลี่ยนใจวิรุฬหิตไม่ให้กลายเป็นทรราชตามคำทำนาย แต่มันไม่ง่ายนะสิ เพราะกว่าบราลีจะทำให้วิรุฬหิตเชื่อใจ ไว้วางใจก็ต้องใจเวลา และที่สำคัญยังต้องเปลื้องตัวอีกด้วย เพราะสุดท้ายแล้วบราลีก็กลายเป็นเมียวิรุฬหิตผู้เหี้ยมโหดไปโดยปริยาย ลในระหว่างนั้นทั้งบราลีทั้งวิรุฬหิตก็ต้องโดยทำร้ายจากผู้ที่หวังไม่พอใจในตัววิรุฬหิตและคนที่หวังจะครอบครองบัลลังก์อีกด้วยจนสุดท้ายทั้งสองก็ต้องออกจากเมืองไปอยู่ในป่าและรวบรวมคนที่ยังภักดีมาช่วยกันต่อสู้เพื่อกอบกู้บัลลังก์ แม้ว่าจะต้องใช้เวลาอย่างยาวนานก็ตาม
เราว่าเรื่องนี้ เฉยๆ เพราะเราว่าดำเนินเรื่องแบบแปลกๆ มารวบรัดตัดตอนในตอนท้ายๆและมันดูไม่ค่อยเข้ากันกับเนื้อเรื่องในตอนต้น และอีกอย่างวิรุฬหิตดูไม่ค่อยเก่งเลยใช้แต่อำนาจพอไม่มีอำนาจก็ดูเหมือนจะทำอะไรไม่ค่อยได้ ส่วนนางเอกก็สรุปไม่ได้แน่ชัดว่าเป็นคนแบบไหนแน่ มันแบบว่าดูครึ่งๆกลางๆ บางทีก็มีแอบงงเหมือนกันว่า เอ้า ทำไม่มาแบบนี้อะ มันดูหักมุมแบบแปลกๆ สรุปคือไม่ค่อยปลื้ม เฉยๆ

เงาทรราช เขียนโดยมุกเรียง ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์พิมพ์คำ เป็นนิยายแนวย้อนยุค เป็นเรื่องราวของ “บราลี” หญิงสาวที่ทำงานเป็นบอดีการ์ดและซวยซ้ำซวยซ้อน เพราะนอกจากที่บ้านจะถูกไฟไหม้ พ่อแม่ได้รับบาดเจ็บแล้ว ยังถูกแฟนหนุ่มนอกใจอีกด้วย นอกใจไปกับผู้ชาย (อุ้ยตาย!)เธอก็เลยรับข้อเสนอของลุงที่มาเสนอให้เธอไปช่วยเป็นบอดีการ์ดให้แก่กษัตริย์นาม “วิรุฬหิต” ผู้ที่มีความเหี้ยมโหด และเอาแต่ใจอย่างที่สุด โดยเธอจะต้องเปลี่ยนใจวิรุฬหิตไม่ให้กลายเป็นทรราชตามคำทำนาย แต่มันไม่ง่ายนะสิ เพราะกว่าบราลีจะทำให้วิรุฬหิตเชื่อใจ ไว้วางใจก็ต้องใจเวลา และที่สำคัญยังต้องเปลื้องตัวอีกด้วย เพราะสุดท้ายแล้วบราลีก็กลายเป็นเมียวิรุฬหิตผู้เหี้ยมโหดไปโดยปริยาย ลในระหว่างนั้นทั้งบราลีทั้งวิรุฬหิตก็ต้องโดยทำร้ายจากผู้ที่หวังไม่พอใจในตัววิรุฬหิตและคนที่หวังจะครอบครองบัลลังก์อีกด้วยจนสุดท้ายทั้งสองก็ต้องออกจากเมืองไปอยู่ในป่าและรวบรวมคนที่ยังภักดีมาช่วยกันต่อสู้เพื่อกอบกู้บัลลังก์ แม้ว่าจะต้องใช้เวลาอย่างยาวนานก็ตาม
เราว่าเรื่องนี้ เฉยๆ เพราะเราว่าดำเนินเรื่องแบบแปลกๆ มารวบรัดตัดตอนในตอนท้ายๆและมันดูไม่ค่อยเข้ากันกับเนื้อเรื่องในตอนต้น และอีกอย่างวิรุฬหิตดูไม่ค่อยเก่งเลยใช้แต่อำนาจพอไม่มีอำนาจก็ดูเหมือนจะทำอะไรไม่ค่อยได้ ส่วนนางเอกก็สรุปไม่ได้แน่ชัดว่าเป็นคนแบบไหนแน่ มันแบบว่าดูครึ่งๆกลางๆ บางทีก็มีแอบงงเหมือนกันว่า เอ้า ทำไม่มาแบบนี้อะ มันดูหักมุมแบบแปลกๆ สรุปคือไม่ค่อยปลื้ม เฉยๆ

เงาทรราช เขียนโดยมุกเรียง ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์พิมพ์คำ เป็นนิยายแนวย้อนยุค เป็นเรื่องราวของ “บราลี” หญิงสาวที่ทำงานเป็นบอดีการ์ดและซวยซ้ำซวยซ้อน เพราะนอกจากที่บ้านจะถูกไฟไหม้ พ่อแม่ได้รับบาดเจ็บแล้ว ยังถูกแฟนหนุ่มนอกใจอีกด้วย นอกใจไปกับผู้ชาย (อุ้ยตาย!)เธอก็เลยรับข้อเสนอของลุงที่มาเสนอให้เธอไปช่วยเป็นบอดีการ์ดให้แก่กษัตริย์นาม “วิรุฬหิต” ผู้ที่มีความเหี้ยมโหด และเอาแต่ใจอย่างที่สุด โดยเธอจะต้องเปลี่ยนใจวิรุฬหิตไม่ให้กลายเป็นทรราชตามคำทำนาย แต่มันไม่ง่ายนะสิ เพราะกว่าบราลีจะทำให้วิรุฬหิตเชื่อใจ ไว้วางใจก็ต้องใจเวลา และที่สำคัญยังต้องเปลื้องตัวอีกด้วย เพราะสุดท้ายแล้วบราลีก็กลายเป็นเมียวิรุฬหิตผู้เหี้ยมโหดไปโดยปริยาย ลในระหว่างนั้นทั้งบราลีทั้งวิรุฬหิตก็ต้องโดยทำร้ายจากผู้ที่หวังไม่พอใจในตัววิรุฬหิตและคนที่หวังจะครอบครองบัลลังก์อีกด้วยจนสุดท้ายทั้งสองก็ต้องออกจากเมืองไปอยู่ในป่าและรวบรวมคนที่ยังภักดีมาช่วยกันต่อสู้เพื่อกอบกู้บัลลังก์ แม้ว่าจะต้องใช้เวลาอย่างยาวนานก็ตาม
เราว่าเรื่องนี้ เฉยๆ เพราะเราว่าดำเนินเรื่องแบบแปลกๆ มารวบรัดตัดตอนในตอนท้ายๆและมันดูไม่ค่อยเข้ากันกับเนื้อเรื่องในตอนต้น และอีกอย่างวิรุฬหิตดูไม่ค่อยเก่งเลยใช้แต่อำนาจพอไม่มีอำนาจก็ดูเหมือนจะทำอะไรไม่ค่อยได้ ส่วนนางเอกก็สรุปไม่ได้แน่ชัดว่าเป็นคนแบบไหนแน่ มันแบบว่าดูครึ่งๆกลางๆ บางทีก็มีแอบงงเหมือนกันว่า เอ้า ทำไม่มาแบบนี้อะ มันดูหักมุมแบบแปลกๆ สรุปคือไม่ค่อยปลื้ม เฉยๆ

เงาทรราช เขียนโดยมุกเรียง ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์พิมพ์คำ เป็นนิยายแนวย้อนยุค เป็นเรื่องราวของ “บราลี” หญิงสาวที่ทำงานเป็นบอดีการ์ดและซวยซ้ำซวยซ้อน เพราะนอกจากที่บ้านจะถูกไฟไหม้ พ่อแม่ได้รับบาดเจ็บแล้ว ยังถูกแฟนหนุ่มนอกใจอีกด้วย นอกใจไปกับผู้ชาย (อุ้ยตาย!)เธอก็เลยรับข้อเสนอของลุงที่มาเสนอให้เธอไปช่วยเป็นบอดีการ์ดให้แก่กษัตริย์นาม “วิรุฬหิต” ผู้ที่มีความเหี้ยมโหด และเอาแต่ใจอย่างที่สุด โดยเธอจะต้องเปลี่ยนใจวิรุฬหิตไม่ให้กลายเป็นทรราชตามคำทำนาย แต่มันไม่ง่ายนะสิ เพราะกว่าบราลีจะทำให้วิรุฬหิตเชื่อใจ ไว้วางใจก็ต้องใจเวลา และที่สำคัญยังต้องเปลื้องตัวอีกด้วย เพราะสุดท้ายแล้วบราลีก็กลายเป็นเมียวิรุฬหิตผู้เหี้ยมโหดไปโดยปริยาย ลในระหว่างนั้นทั้งบราลีทั้งวิรุฬหิตก็ต้องโดยทำร้ายจากผู้ที่หวังไม่พอใจในตัววิรุฬหิตและคนที่หวังจะครอบครองบัลลังก์อีกด้วยจนสุดท้ายทั้งสองก็ต้องออกจากเมืองไปอยู่ในป่าและรวบรวมคนที่ยังภักดีมาช่วยกันต่อสู้เพื่อกอบกู้บัลลังก์ แม้ว่าจะต้องใช้เวลาอย่างยาวนานก็ตาม
เราว่าเรื่องนี้ เฉยๆ เพราะเราว่าดำเนินเรื่องแบบแปลกๆ มารวบรัดตัดตอนในตอนท้ายๆและมันดูไม่ค่อยเข้ากันกับเนื้อเรื่องในตอนต้น และอีกอย่างวิรุฬหิตดูไม่ค่อยเก่งเลยใช้แต่อำนาจพอไม่มีอำนาจก็ดูเหมือนจะทำอะไรไม่ค่อยได้ ส่วนนางเอกก็สรุปไม่ได้แน่ชัดว่าเป็นคนแบบไหนแน่ มันแบบว่าดูครึ่งๆกลางๆ บางทีก็มีแอบงงเหมือนกันว่า เอ้า ทำไม่มาแบบนี้อะ มันดูหักมุมแบบแปลกๆ สรุปคือไม่ค่อยปลื้ม เฉยๆ