สะใภ้ทิพย์ (เกตุวดี) (EBOOK)

สะใภ้ทิพย์ (เกตุวดี) (EBOOK)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: สะใภ้ทิพย์
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 307.00 บาท 76.75 บาท
ประหยัด: 230.25 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

1

 

“หยุดคิดเสียบ้างเถิดนะคุณหญิง สิ่งที่มันยังไม่เกิดเลย เราไม่ร้อนรนเอาเวลานี้ จะไม่เหมือนกับเป็นกระต่ายตื่นตูม หรอกหรือ...?”

แม้ประโยคนั้น ก็ไม่อาจจะดับความร้อนภายในหัวใจของคุณหญิงนิลนฤมลได้!

“แล้วผู้หญิงในความฝันของคุณน่ะ มันจะมีหรือ...นี่มันยุคโลกาภิวัฒน์นะ...!     มันหมดยุคของสิ่ง

เร้นลับที่คุณคิดคำนึงถึงมันตั้งพันตั้งร้อยปีแล้ว”

เจ้าสัวอุดมพรส่ายหน้าไปมา...ที่จริง...ไม่ว่าจะทำการสิ่งใด ท่านก็มักจะพึ่งพาซินแส ให้ทำนายชะตาฟ้าดินและดูฮวงจุ้ยของ สถานที่ที่จะทำกิจการมาตลอด และตลอดเวลาการค้าก็เจริญรุ่งเรือง...

คนในบ้านก็มีชีวิตที่ดีด้วยกันทุกคน...หากทว่าหลายปีที่ผ่านมานี้การค้าซบเซาลง...!

เงินทองที่เคยไหลเวียนเหมือนน้ำที่เนืองนอง ก็เริ่มติดขัด... ไม่ว่าจะขยายกิจการทำอะไรขึ้นมาก็มีแต่ขาดทุน

อั๋นทำให้คุณหญิงนิลนฤมลซึ่งเป็นภรรยาของเขา วิตกจริตเกี่ยวแก่... ‘นิมิต’ ที่เคยเกิดขึ้นหลายปีมาแล้ว

และได้ให้พระองค์หนึ่งทำนายความฝัน...คุณหญิงเองยังจำได้แม่นยำถึงการทำนายนิมิตนั้น

“จะมิผู้มีบุญมาให้ความช่วยเหลือแก่ครอบครัวของคุณหญิง ..หากไม่ได้เธอผู้นี้ให้ความช่วยเหลือแล้ว ก็จะถึงคราวหายนะของตระกูลวณิชยนต์! ทุกหย่อมหญ้าจะมีแต่ความเสียหายพินาศ! ทำการค้าขาดทุน และหากไม่ได้เธอผู้นี้เข้ามาคานอำนาจ ชี้แนะทางแห่งความสว่างไสวแล้วล่ะก็...อาตมาบอกได้เลยว่า...โยมต้องเร่งหาตัวนางทิพย์ผู้นี้ให้พบ และจะต้องรับเธอเข้ามาเป็นสะใภ้ของตระกูลให้ได้...แม้ว่าจะมีหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวเหมือนนางปีศาจแค่ไหน... แต่แท้ที่จริงแล้วเธอเป็นผู้มีบุญมาเกิด จะบันดาลความร่มเย็นเป็น สุขให้เกิดแก่วณิชยนต์ของคุณหญิง...”

คุณหญิงนิลนฤมลกลับเข้าห้องพระ.!

จุดธูปและเริ่มต้นสวดมนต์...นั่งสมาธิ!

พลัน...ภาพที่เห็นนั้นแจ่มชัด...สตรีผู้มีดวงหน้าใสสว่างราวกับพระจันทร์ยามเต็มดวง ปรากฏในสมาธิอันนิ่งสนิทเหมือนสายน้ำที่ไม่เคลื่อนไหว...

และแล้วภาพของสตรีที่มีใบหน้าปุปะ ราวกับระเด่นลันได ก็ไม่ปานปรากฏขึ้น คุณหญิงถึงกับหลุดจากสมาธิ...และน้ำตาไหลพรากออกมาโดยไม่มีสาเหตุ

นี่จะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นต่อวณิชยนต์ของเธอกันหนอ...?

เพราะ...ภาพที่เห็นนั้นดูราวหน้ามือเป็นหลังมือ...ถอยห่างมานั่งอิงผนัง แม้จะพยายามดับร้อนและตั้งสติสักเท่าไหร่ หากทว่าความร้อนรุ่มและไม่สบายใจ ก็ไม่อาจจะผ่อนคลายลงไปได้

นึกถึงคำทำนายของหลวงพ่อที่วัดเขาป่าแล้ว... คุณหญิงสั่นสะท้านไปทั้งเนื้อทั้งตัว เดือน ปี และ พ.ศ. ที่ท่านได้ทำนายวันนั้นตรงเปรี๊ยะกับสิ่งที่กำลังมีการเคลื่อนไหวในทางเลวร้าย

หุ้นที่ถืออยู่ในมือ ก็มีอันตกวูบวาบเหมือนกับดาวตกที่ตกลงสู่ที่ต่ำไม่ผิด...

วณิชยนต์ของเธอจะถึงแก่วายวอดคราวนี้ทีเดียวหรือ...?

นางทิพย์...? นางทิพย์คนนั้นมีตัวตนจริง หรือเป็นเทพธิดา อยู่ในฟากฟ้ากันแน่นะ...คุณหญิงนึกไม่ออกและบอกไม่ถูก เต็มไปด้วยความอัดอั้นกลัดกลุ้มจนร่างกายผ่ายผอมและโรคาพยาธิก็เริ่มกำเริบ

ความดันโลหิตขึ้นสูง ต้องพบหมอและกินยาเป็นกำมือ...!

คุณหญิงตัดสินใจเดินออกไปที่หน้าบ้านกลางดึก พร้อมด้วยธูปเก้าดอก... อธิษฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย หากบุญกุศลมีจริงแล้ว ก็ขอให้นำพาให้เธอได้พบ ‘นางทิพย์’ ผู้จะมาปัดเป่าทุกข์โศกทั้งหลายเหล่านั้นโดยเร็วที่สุดด้วยเถิด...

“คุณหญิง...”

“คุณคะ...”

น้ำตาของคุณหญิงยังเอ่อเต็มตา ปกติแล้วเจ้าสัวมักจะเคยเห็นคุณหญิงของทาน เต็มไปด้วยความเข้มแข็งเสมอ

ไม่เคยเห็นน้ำตาของคุณหญิงนิลนฤมลเลยสักครั้ง แต่เพราะอะไร วันนี้ผู้สามีจึงต้องประคองกอดภรรยาที่สะอื้นเบาๆ เหมือนมีเรื่องสูญเสียอย่างที่สุด

“เป็นอะไรไป...ทำไมต้องร้องไห้?”

“เราอาจจะล้มละลายก็ได้นะ คะคุณวณิชยน์ของเราอาจจะพังทลายไปก็ได้ หากสถานการณ์ของเรายังเลวร้ายต่อไปอย่างนี้!”

“ไม่เอานะคุณหญิง ไม่พูดให้ร้ายตัวเองอย่างนี้ ปานสรวงยังอยู่ทั้งคน เขาเป็นลูกชายของคุณ เขาเป็นคนมีความสามารถ เขาจะไม่ปล่อยให้คุณหญิงต้องพบกับสภาพเช่นนั้นเด็ดขาด”

“ปานสรวงคนเดียวที่จะช่วยฉันได้ค่ะ”

เธอยอมรับ... “แต่ปานสรวงจะต้องหาสะใภ้ทิพย์มาให้ฉัน...! นั่นเป็นทางเดียวที่จะทำให้วณิชยนต์รอดปลอดภัย...เป็นทางเดียวเท่านั้นจริง ๆ!”

“คุณแม่ครับ...!”

บุรุษที่นั่งคุกเข่าอยู่ใกล้ๆ ผู้เป็นมารดานั้น มีสีหน้าอันเต็มไปด้วยความวิตกเป็นอย่างยิ่ง

ไม่ได้คิดแม้แต่สักนิดเดียวว่า...อยู่ๆ มารดาของเขาจะเกิดป่วยหนักขึ้นมาถึงเพียงนี้แม้จะส่งโรงพยาบาลแล้ว พออาการดีขึ้นนิดเดียว ท่านก็ร้องขอให้พาท่านกลับมาที่บ้านวณิชยนต์ ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ชนิดใดขึ้นก็ตามท่านจะไม่ขอไปตายที่โรงพยาบาล...!

“คุณแม่...”

“ปานสรวง...”

เสียงของคุณหญิงแผ่วเบาลงไปจนเกือบจะไม่ได้ยิน... “แม่มีเรื่องจะต้องพูดกับแกและขอร้องแก...”

“คุณแม่...”

“แกรับปากแม่ก่อนว่าแกจะทำให้แม้ได้ไหม. .?”

“มีอะไรในโลกนี้ที่คุณแม่ขอแล้วผมจะทำไม่ได้ล่ะครับ...”

“แกรับปากแม่ก่อนว่าสิ่งที่แม่จะขอนี้...ไม่ว่าแม่จะพูดได้หรือไม่ได้อีก แกก็จะต้องทำ...แกต้องสัญญา...ได้ยินไหมปานสรวง”

“คุณแม่...”

เขายกมือมารดาขึ้นมาจรดริมฝีปากของเขาเองด้วยกิริยาอันเต็มไปด้วยความห่วงใยและอ่อนโยนที่สุดเขารักมารดามาก

ใกล้ชิดและผูกพันกับท่านอย่างที่สุด  อาจจะเพราะว่าเขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของท่าน

คุณหญิงมักจะพูดกับเขาเสมอว่า...เขาคือดวงใจดวงเดียวของท่าน..!

ดวงใจดวงเดียวที่แสนจะรัก และยอมให้ได้ทุกสิ่งทุกอย่าง

เว้นไว้แต่บิดาเขาซึ่งเป็นสามีท่านแล้ว ท่านก็ไม่มีใครต้องห่วงอีก 

“แม่มีเรื่องจะต้องเล่าให้แกฟัง และแม่จะต้องเล่าให้แกฟัง เสียก่อนที่แม่จะแย่ไปกว่านี้...”

“ทำไมคุณแม่ถึงได้พูดแบบนั้นล่ะครับ จะไม่มีอะไรที่แย่ไปกว่านี้หรอกนะครับทุกอย่างจะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน...จะต้องดีขึ้นนะครับ จะไม่มีอะไรที่แย่เลย”

“ปานสรวง...!”

เขาจับมือมารดาเอาไว้แน่น รู้สึกเหมือนทรวงอกของตัวเองก็ยังสะท้อนสะท้านต่อคำพูด ราวกับจะเป็นลางของคุณหญิงมารดา

ท่านไม่เคยป่วยหนักถึงเพียงนี้ แม้แต่หมอที่รักษาท่านอยู่ ประจำก็ยังตกใจ เพราะก่อนหน้านี้ ท่านก็ยังสดชื่นแข็งแรงอยู่... ทำไมอยู่ๆ สุขภาพจึงได้เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันจนเขารู้สึกใจหาย

มีใครต่อใครมาเยี่ยมกันไม่ได้ขาดสาย แต่คุณหญิงก็บอกกับเขาเอาไว้ว่าไม่อยากจะพบใคร

อยากจะอยู่แต่กับเพียงลูกชายและสามีเท่านั้น!

“สิ่งที่แม่พูดไปทั้งหมดนี้ แม่เชื่อที่สุดว่าเป็นความจริง จะไม่มีใครช่วยเราได้ นอกจากนางทิพย์คนนั้น”

“คุณแม่”

ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกอย่างที่สุดว่าเป็นความเหลวไหล    แต่หากทว่าก็ไม่อาจจะเอ่ยกล่าวหรือพูดขัดแย้งมารดาได้

เวลานี้คุณหญิงนิลนฤมล คงจะกำลังต้องการกำลังใจอย่างที่สุด เพราะฉะนั้นการรับฟังแต่โดยดีไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอะไรสำหรับเขานักหนา

มันเป็นเรื่องที่สมควรจะกระทำอย่างที่สุด

“แกรับปากแม่สิ ว่าจะต้องหาผู้หญิงคนนั้นให้พบ...”

“บอกผมหน่อยได้ไหมครับเธออยู่ที่ไหน”

“แม่เองก็ไม่รู้”

“คุณแม่ครับ”

“แม่เข้าใจนะว่า สรวงจะต้องคิดว่าแม่เหลวไหลงมงาย แต่แม่ก็รู้สึกและแม่มองเห็นเธอตลอดเวลา  เธอเป็นผู้หญิงที่งดงามที่ สุดเท่าที่แม่เคยเห็นมา...”

“ผมอยากจะให้คุณแม่พักผ่อนก่อนนะครับ คุณแม่พูดเยอะแล้ว ประเดี๋ยวจะเหนื่อยมาก”

“แต่แม่ก็อยากจะพูดให้หมดและสรวงควรจะรับปากแม่ด้วย ถ้าไม่อย่างนั้นแล้ววณิชยนต์ของเราคงจะถึงแก่กาลวิบัติ ปานสรวง แกรับปากแม่สิว่าจะหาผู้หญิงคนนั้นให้พบ และแต่งงานกับเธอ...!”

แม้ว่าเขาอยากจะขบขัน แต่เขาก็ขบขันไม่ออก เขาคิดว่า เพราะอาการเจ็บป่วยและพิษไข้นั้นเอง ที่ทำให้คุณหญิงแม่ของเขา ต้องเป็นเช่นนั้น

“คุณแม่ครับ...”

“แกทำเพื่อวณิชยนต์เท่านี้เองไม่ได้หรือ  เรื่องอื่นเรื่องส่วนตัวของลูกแม่จะไม่ยุ่งด้วยเลย”

เขานิ่งไปนาน ท้ายที่สุดเขาก็รับปากไปอย่างนั้นเอง

ไม่มีอะไรที่ดีไปกว่าการรับปากเพราะถ้าหากว่าไม่รับปากกับมารดาในเวลานี้แล้วล่ะก็ หลายสิ่งที่จะต้องตามมาก็คือ หากมารดาของเขาไม่สบายหรือเจ็บป่วยมากกว่านี้ อะไรจะเกิดขึ้น...?

การทำให้มารดาสบายใจนาที่จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว

มารดาของเขาป่วยมาก ถึงขั้นเพ้ออะไรต่ออะไรมากมายขนาดนี้ พอเขารับปากแล้ว อาการกระวนกระวายของเธอก็สงบลงไปอย่างไม่น่าเชื่อ     เขาห่มผ้าให้มารดาเมื่อมารดาหลับและกลับออกมาพบบิดา

 

 

“คุณแม่ป่วยมากถึงเพ้อนะครับท่านวิตกกังวลกับปัญหาทางธุรกิจมากจนเกินไป...”

เจ้าสัวอุดมพรส่ายหน้า “ไม่ใช่หรอก...มันไม่ใช่อย่างนั้น”

“คุณพ่อ...นี่คุณพ่อกำลังจะบอกกับผมอีกคนว่า สิ่งที่คุณแม่พูดนั้นเป็นความจริงที่ผมจะต้องปฏิบัติอย่างนั้นหรือครับ”

“สิ่งนี้มันเกิดขึ้นหลายปีมาแล้ว”

เขาหันหลังให้บิดาทันที  แต่เขาก็ยอมรับว่าเขาจะต้องฟังท่านพูด ฟังเพื่อที่จะได้รู้ข้อเท็จจริงอย่างถ่องแท้ว่าเกิดอะไรขึ้น...?

เกิดอะไรขึ้นกับวณิชยนต์   จนถึงขึ้นที่ทำให้มารดาของเขาต้องล้มป่วยลงอย่างกะทันหัน และทรุดหนักอย่างรวดเร็วเหลือเชื่อ “มันหลายปีแล้วและท่านก็ทำนายถูกทุกอย่าง ถ้าหากว่า...”

“คุณพ่อ”

เขาหันกลับมา แววตาของเขาออกจะขบขัน แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะแสดงออกให้บิดาได้รู้สึกอย่างเด่นชัดว่า เขารู้สึกอย่างไรกับสิ่งนี้ ความงมงายที่เขาไม่เคยคิดว่า บิดาและมารดาของเขาจะหลงเชื่อ

ครั้งแรก เขาคิดว่าแม่เขาจะเชื่อคนเดียวและเพ้อไปเพราะอาการป่วย แต่แล้วเมื่อมาปรึกษาบิดา ท่านกลับตอกย้ำในคำพูดของมารดาเขา

“พ่อก็ไม่รู้หรอกนะว่าอะไรจะเป็นความจริงแค่ไหน   แต่ถ้าหากว่าเราไม่ลอง เราจะรู้หรือ”

“คุณพ่อ”

“คุณหมอบอกกับพ่อเอง”

น้ำเสียงของเขาต่ำลงไปอย่างยิ่ง เหมือนมันเฝืออยู่ในลำคอ “คุณแม่ของลูกจะต้องอยู่ในความดูแลอย่างใกล้ชิด ทันทีที่เห็นท่าว่าอาการจะแย่ลง จะต้องรีบส่งโรงพยาบาล...”

“คุณแม่เป็น...ความดันโลหิตสูงนะครับ”

“หมอไม่ได้ยืนยันอาการแน่ชัดนะปานสรวง!”

“ก็ต้องใช่สิครับ    คุณแม่ไม่เคยเป็นโรคอื่น...ท่านไม่เคยล้มเจ็บ ท่านแข็งแรงสุขภาพดีตลอดเวลา”

“ปานสรวง...”

เขารู้สึกว่าอัดอั้นที่สุด ! ยอมรับว่าอาการเจ็บป่วยของมารดาในครั้งนี้ รุนแรงและช็อคความรู้สึกของเขวอย่างมาก

เขาไม่คิดว่า จู่ๆ มารดาก็จะรวงผล็อยและเปลี่ยนสภาพไป อย่างรวดเร็วน่ากลัวถึงเพียงนั้น

ใบหน้าที่เคยขาวผ่องสดสวยราวกับคนวัยต้นนั้นบัดนี้หมองคล้ำและเหลืองซีด..เหมือนกับไม่มีสีของเลือดฝาด

เขาทรุดลงนั่ง...“ผมจะไม่คิดเรื่องบ้าบอเหลวไหลอย่างนั้น และจะไม่เสียเวลาตามหานังหน้าผีที่คุณแม่กล่าวถึง...! นอกเหนือจากว่า  ผมจะต้องเสาะแสวงหาหมอที่สามารถจะรักษาแม่ผมให้หายได้เท่านั้น”

“ปานสรวง แกกำลังคิดว่าแม่ของแกงมงาย”

“ไม่ฮะ คุณแม่ป่วย...”

“ปานสรวงถ้าหากเราไม่มีทางเลือกเพราะเวลาของแม่แกเหลือน้อย แก่ก็ควรที่จะทำทุกอย่าง แม้แต่เรื่องที่แกคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหลด้วย!”

“ให้ผมทำยังไงฮะ...?”เขาอยากจะหัวเราะ     พร้อมกันก็อยากจะร้องไห้ด้วย

“นั่งทางในหรือไง...ผมทำไม่เป็น เกิดมาเป็นชีวิต ทำบุญใส่บาตรหรือสวดมนต์ในบางวาระ นั่นถือว่าผมก็เป็นพุทธศาสนิกชนที่ดีแล้ว หรือต้องให้ผมบวช...ผมเคยบอกคุณแม่นานแล้ว ผมจะบวชต่อเมื่อใกล้จะแต่งงาน...หากให้ผมบวชในช่วงที่งานยุ่งเหยิง! คุณแม่จะเหนื่อยและลำบาก”

เจ้าสัวผู้มีเส้นผมอันขาวโพลนไปทั้งศีรษะ ร่างสูงสง่าไม่ผิดโครงร่างของบุตรชาย ที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของความแข็งแรง บ่ากว้างและไหล่ตรง...!

เขาผิดแผกจากนักธุรกิจทั่วไป ที่ส่วนใหญ่ผอมแห้งแรงน้อยหรือไม่ก็พุงยื่นออกมาเป็นหลายศอก

แต่ปานสรวงเป็นสุภาพบุรุษ  ที่ดูดีทั้งลักษณะท่าทางและกิริยามารยาทไม่มีที่ติแม้แต่น้อย

“พ่อรู้ว่าแกกำลังสับสนและห่วงใยคุณแม่มาก...ปานสรวง...พ่อเองก็เป็นห่วงแม่ของแกไม่น้อยไปกว่าแก...”

เจ้าสัวมีสีหน้าวิตก...“ถ้าหากหมอที่เก่งที่สุดอย่างหมออนุชิต ยังรักษาคุณแม่ไม่ได้เราจะไม่ใช้วิธีอื่นหรือ...หรือเราจะรอเวลา...รอเวลาให้ทุกอย่างมันสายไปกว่านี้...”

“คุณพ่อ”

“เราไม่มีเวลามาก คุณแม่ของแกทรุดลงไปทุกวัน...ไม่น่าเชื่อ ว่าเวลาเพียงแค่อาทิตย์เดียวเท่านั้น แม่ของแกก็...เป็นอย่างนั้น”

“แปลว่าคุณพ่อเริ่มเชื่อแล้วว่า พระราหูเข้าเสวยอายุคุณแม่ ...จะต้องแก้เคล็ดด้วยการให้ลูกชายคนเดียวของคุณแม่ แต่งงานกับผู้หญิงวิเศษหน้าผีคนหนึ่ง...”

“เรายังไม่เคยเห็นเขา และเรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขามีตัวตนจริง ดังที่คุณแม่นิมิตเห็นหรือเปล่า...”

“ผม...”

“ทำไมเราไม่พิสูจน์กันล่ะปานสรวง?”

“คุณพ่อ”

“เรามองเห็นทางเลือกบ้างไหม...ทำหรือไม่ทำ ผลก็ออกมาเท่ากัน แต่ถ้าเราเสี่ยงแล้วมีทางที่ดีกว่า ทำไมเราจะไม่ทำล่ะ”

“นี่ผมกำลังสับสนนะครับ...”

“พ่อเข้าใจ”

“ขณะที่คุณแม่ป่วยหนัก กิจการของเราก็มีอาการหนักตามไปด้วย...!      โครงการก่อสร้างคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่กลางใจกรุงเทพฯ กำลังกลายเป็นฝันสลาย  พร้อมกันกันเงินทุนและหนี้ก้อนมหึมา”

ลำคอของเขาขมจัด!

“ธนาคารคงจะไม่รอเราไปถึงปีหน้า...”

ปานสรวงเงยหน้าขึ้น... “มันจะต้องมีทางออก...ผมคิดว่า... วณิชยนต์ยังไม่ถึงกาลวิบัติ...!”

เขาพึมพา... “คงจะไม่ใช่   เราอาจจะหวั่นวิตกกันไปเอง...เดือนหน้ายอดขายต้องพุ่งโลด...ลมหายใจเรายังจะต้องมีต่อไป...!

เขากล่าว...“และคุณแม่ก็จะต้องหายวันหายคืน ทุกอย่างจะต้องดีขึ้น       ไม่มีอะไรจะต้องเป็นไปตามคำทำนายบ้าบอนั่น...ชีวิตเรา...เราลิขิตเองครับคุณพ่อ...”

รายละเอียด

เรื่องราวของ "ปานสรวง" หนุ่มหล่อปานเทพบุตร ผู้มีภารกิจต้องติดตามหาหญิงสาวคนหนึ่งที่มีแหวนทองคำลงยา ซึ่งเป็นเนื้อคู่ของเขาและจะเป็นผู้ช่วยชีวิตแม่ของเขาตามคำบอกเล่าของท่านที่นิมิตเห็นเธอ ในภาพฝันเธอเป็นผู้หญิงที่งดงามราวกันนางในวรรณคดี เพียงแต่ "ชบาไพร" หญิงสาวบ้านป่าที่ครองแหวนทองลงยาเหมือนกับเขานั้น หน้าตาของเธอเต็มไปด้วยปุ่มปมตะปุ่มตะป่ำไม่ต่างจากคางคก เขาอยากจะปฎิเสธ แต่ก็ไม่สามารถทำได้ในเมื่อชีวิตของเขาและเธอถูกลิขิตให้ดำเนินไปด้วยกัน ชีวิตของพวกเขาจะเป็นไปเช่นไร และหญิงสาวหน้าอัปลักษณ์จะทำให้เทพบุตรอย่างเขาหลงรักได้หรือไม่? ขอเชิญคุณผู้อ่านมาค้นหาคำตอบร่วมกันในนิยายรัก "สะใภ้ทิพย์" เล่มนี้

เขียนโดย "เกตุวดี"

 

480 หน้า


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (75 รายการ)

www.batorastore.com © 2024