ซ่อนรักไว้ในลมหนาว (พิมพ์ซ้ำ เปลี่ยนปก)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: -
ของหมดถาวร (ต้องการสินค้า)
ราคา: 290.00 บาท 72.50 บาท
ประหยัด: 217.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

 

นั่นใครมานั่งอยู่ตรงหน้าบ้าน!

พีรดาเขม้นมองผ่านกระจกหน้ารถที่เต็มไปด้วยฝ้า รีบยกแขนเสื้อขึ้นเช็ด และเร่งที่ปัดนํ้าฝนให้ปัดเกล็ดหิมะที่ร่วงหล่นลงมาไม่ขาดสายเร็วขึ้นเพี่อจะได้มองเห็นแขกซึ่งนั่งรออยู่ที่ใต้ชายคาเล็กๆ หน้าบ้านให้ชัดเจนกว่าเดิม หากหิมะที่โปรยปรายลงมาหนักขึ้น บวกกับฮีตเตอร์ในรถบุโรทั่งทำงานบ้างไม่ทำงานบ้างจน ทำให้มีฝ้าเกาะเต็มกระจกรถด้านใน ทำให้เธอมองเห็นเพียงร่างสูงในเสื้อแจ็กเกตตัวโตและฮูดซึ่งคลุมใบหน้าของชายผู้นั้นลงมากว่าครึ่งจนเห็นไม่ชัดแม้จะเป็น เวลากลางวันก็ตาม

วันนี้มหาวิทยาลัยประกาศหยุดเรียนกะทันหัน เนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งเตือนว่าจะเกิดพายุหิมะที่รุนแรงที่สุดในรอบสิบปีของเมืองชินชินเนติ มลรัฐโอไฮโอ โรงเรียน มหาวิทยาลัย รวมทั้งหน่วยงานต่างๆ ก็ประกาศเลิกงานแต่วันกันเป็นแถว และเธอก็ถ่อเจ้าเศษเหล็กซึ่งยังเรียกว่าเป็นรถที่ตั้งชื่อว่า ‘เจ้าคุณทวด’ ของเธอกลับบ้านท่ามกลางพายุหิมะที่เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับประชาชนจำนวนมากบนถนนทำให้การจราจรติดชัด ใช้เวลามากกว่าปกติถึงเกือบชั่วโมงกว่าจะมาถึงบ้านได้ เพี่อพบว่ามีแขกมานั่งรออยู่แล้ว

แต่อาจจะเป็นแขกของมิสทิมเบอร์เลคก็ได้ เธอบอกตัวเองเมื่อเลี้ยวเข้าไปจอดรถในโรงจอดด้านนอกซึ่งเจ้าของบ้านจัดไวให้ ด้วยเธอเช่าห้องใต้ดินของบ้านเป็นที่พักอาศัยมาได้เกือบสองปีแล้วระหว่างศึกษาต่อปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยของรัฐ จนเกือบจะจบการศึกษาในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้

บ้านหลังนี้เป็นบ้านไม้สองชั้นสไตล์คันทรี่ทาด้วยสีขาวทั้งหลังเช่นเดียวกับบ้านหลังอื่นๆ ในละแวกนี้ โดยห้องใต้ดินของบ้านได้แบ่งออกเป็นสัดส่วน เพี่อให้นักศึกษาเช่า และไม่ได้หวาดกลัวแขกที่มาเยือนโดยไม่ได้รับเชิญ เพราะแถบนี้ค่อนข้างปลอดภัย ทั้งมีแม่บ้านชาวอเมริกันพักอยู่ใกล้ๆ เพี่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เธอจึงกระชับผ้าพันคอและสวมหมวกไหมพรมเพี่อให้ความอบอุ่นเมื่อหันหลังไปหยิบข้าวของที่เธอแวะชื้อมาจากร้านขายของชำใกล้บ้านจำพวกไข่และผัก รวมไปถึงอาหารแห้ง อาหารแช่แข็งหลายชนิดเพี่อตุนไว้ตามคำเตือนของกรมอุตุฯ ที่ว่าพายุอาจกินเวลานานกว่าสัปดาห์และควรจะงดเดินทางในช่วงนี้ จนกว่าจะมีประกาศจากทางการอีกครั้ง

เธอหอบหิ้วถุงกระดาษในมือและก้าวลงจากรถ เพี่อจะได้ลงไปสอบถามแขก แต่แล้วก็เห็นร่างนั้นโผล่มายืนเบื้องหน้าพร้อมกับเอ่ยทักขึ้น

“หวัดดีลูก'หมู”

“เฮ้ย!” พีรดาเงยหน้าขึ้นมอง เมื่อเห็นใบหน้าขาวคุ้นตาก็ทักกลับ “ธรรศ ไปไงมาไงเนี่ย”

“ก็มาเยี่ยม มา ให้ช่วยถืออะไรไหม ท่าทางจะหนัก”

พีรดายี่นถุงกระดาษในมือให้เพื่อนหนุ่มแต่โดยดี ปากยังถามไป

“หิมะตกหนักแบบนี้ยังจะมาเยี่ยมอีกเหรอ” คนถามเหลียวมองรอบกาย ก็ไม่เห็นรถสปอร์ตคันโก้ของชายหนุ่มที่เคยเห็นอยู่ในรัศมีสายตา “แล้วแกมา ยังไง”

“นั่งแท็กซี่มา” เขาตอบเรียบๆ มือใหญ่หอบถุงของเพี่อนเดินไปยังประตูบ้านซึ่งมีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่สองใบตั้งอยู่ เจ้าของบ้านคงไม่คิดว่าเขาจะมาเยี่ยมธรรมดาแน่จึงถามขึ้น

“มาเยี่ยมต้องหิ้วกระเป๋าเดินทางมาแบบนี้ด้วยหรือวะ”

“เรื่องมันยาว ให้ฉันเข้าไปข้างในก่อนแล้วจะเล่าให้ฟัง”

พีรดาอดลอบสังเกตใบหน้าของเพี่อนหนุ่มไม่ได้ แล้วเธอก็เห็นริ้วรอยของความอิดโรยรอบขอบตา แววตาที่เคยสดใสขี้เล่น แพรวพราว บัดนี้ดูหม่นหมองหดหู่ จึงไม่ถามอีก รีบล้วงเข้าไปในกระเป๋าผ้าที่เธอปักลวดลายดอกไม้เอง หยิบกุญแจห้องขึ้นมา และอ้อมไปทางประตูด้านข้าง เปิดลงไปชั้นล่างจากด้าน นอกโดยไม่ต้องผ่านตัวบ้านลงไปห้องใต้ดินซึ่งเป็นที่พำนักของเธอ แล้วรีบเปิดฮีตเตอร์ให้ความอบอุ่นภายในห้องเล็กๆ ทันที

แขกของเธอวางถุงกระดาษลงบนโต๊ะอาหารขนาดสองที่นั่งข้างครัว ก่อนจะเดินกลับออกไปลากกระเป๋าเดินทางลงมาแล้วปิดประตูตามหลัง เจ้าของบ้านจัดอาหารสดเรียงเข้าตู้เย็น เสร็จแล้วหันมามองเพื่อนซึ่งกำลังถอดเสื้อแจ็กเกต ยี่ห้อดังออกจากตัว โดยมีกระเป๋าเดินทางวางอยู่ตรงหน้าด้วยความอึดอัด... ไม่สะดวกใจที่เห็นเขามาเยี่ยมแบบนี้ เพราะมันเป็นลางไม่ค่อยดีเลย และหากใครมาเห็นเข้า ชื่อเสียงของเธอคงจะปนปี้แน่

ทว่าเมื่อเห็นความเศร้าที่ฉายจากดวงตาของเขา เธอก็ได้แต่เดินไปต้มน้ำในครัวเพี่อชงชารับแขก

“แกมารอนานหรือยัง”

“สักครึ่งชั่วโมงได้” เขาตอบเมื่อใช้มือปัดเกล็ดหิมะที่ติดอยู่บนผมยาวที่มัดอยู่ตรงท้ายทอย พร้อมๆ กับกระทืบโคลนออกจากรองเท้า และถอดออก ก่อนก้าวลงไปบนพรมเก่าที่สะอาดสะอ้าน

“ดื่มชาหน่อยนะ ท่าทางแกแย่มากๆ” เธอวิจารณ์...อากาศภายนอกติดลบถึงสิบองศา และเขาคงจะหนาวแทบแย่ที่ต้องรอเธอนานขนาดนี้ และเธอยังสงสัยไม่หายว่าทำไมเขาจะต้องเลือกเวลานี้มาเยี่ยม...

ร้อยวันพันปีธรรศไม่เคยแวะมาเยี่ยม ทั้งที่เขาก็รู้ว่าเธอเรียนอยู่ในเมืองเดียวกัน แต่คนละมหาวิทยาลัย เธอได้ทุนมาเรียนที่มหาวิทยาลัยของรัฐ ขณะที่ครอบครัวของธรรศส่งเขามาเรียนที่มหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง ค่าเทอมแพงหูฉี่ ด้วยอยู่กันคนละสังคมและที่เรียนอยู่ห่างกันต้องขับรถราวยี่สิบนาที จึงไม่เคยแวะมาวิสาสะกันสักเท่าไร

จะว่าไปแล้ว เธอก็แทบจะไม่ค่อยวิสาสะกับใครเพราะมหาวิทยาลัยของ เธอมีนักศึกษาชาวไทยอีกเพียงสองคน คนหนึ่งมีครอบครัวแล้ว อีกคนหนึ่งก็อาศัยอยู่กับแฟนหนุ่มชาวอเมริกัน จึงแทบจะไม่เคยเจอคนไทยที่ไหน นอกจากนานๆ ทีเธอจึงจะไปร่วมงานสมาคมกับนักศึกษาไทยที่จัดขึ้นในเมืองสักครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นกลุ่มนักศึกษาผู้มีอันจะกินจากมหาวิทยาลัยเอกชนแทบทั้งสิ้น

“ขอบใจว่ะ” ธรรศพึมพำตอบ สายตาก็กวาดไปทั่วห้องรับแขกที่จัดไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย บนผนังสีเหลืองสดมีภาพดอกทานตะวันซึ่งมีกรอบที่เพนต์สีงดงาม ชั้นหนังสือทำขึ้นง่ายๆ ด้วยการเรียงอิฐบล็อกซ้อนกันและคั่นด้วยแผ่นกระดานชิดอยู่ด้านหนึ่งชองห้อง ตรงกลางมีโซฟาเก่าๆ บุกำมะหยี่ที่บ่งบอกสีไม่ได้ว่าเป็นนํ้าตาลหรือสีส้มสำหรับสองที่นั่งตั้งอยู่หน้าทีวียี่สิบนิ้ว เฟอร์นิเจอร์ภายในห้องนั้นหากไม่ทำเองก็เป็นของเก่ามือสอง หรือมือที่สิบ ที่เจ้าของห้องคงไม่เก็บมาใส่ใจ แต่เมื่อมันประกอบกันขึ้นมา ก็ทำให้ห้องใต้ดินที่ซึมเซาสว่างจ้าสดใสราวกับอยู่ท่ามกลางแสงตะวัน ขัดกับอากาศภายนอก ลิบลับ สมแล้วที่เป็นห้องชองสถาปนิกสาวที่ออกแบบห้องน่ารักสมตัว

“ห้องแกสวยจัง”

“ขอบใจที่ชม” พีรดาตอบขณะรินน้ำร้อนลงในแก้วที่มีถุงชาเชียวซึ่งซื้อจากซูเปอร์มาร์เกตในราคาย่อมเยา แล้วเดินออกจากครัวยื่นแก้วให้แก่เพี่อนหนุ่ม เมื่อรู้ว่าถึงเวลาที่จะต้องคุยกัน จึงเดินนำเขาไปยังโต๊ะอาหารขนาดเล็ก และรอฟังคำอธิบายจากเขา

ธรรศเดินตามมานั่งตรงข้ามกับเธอ เขาหลุบตาตํ่าลงมานิดเมื่อไม่จำเป็นจะต้องอ้อมค้อม

“ฉันถูกไล่ออกจากอพาร์ตเมนต์เมื่อเช้า”

“ฮ้า ทำไมล่ะ อยู่ๆ มาไล่กันออกอย่างงี้ได้ไง” พีรดาเตรียมโวยวาย หากธรรศชิงพูดขึ้น

“ฉันไม่มีเงินจ่าย บ้านของฉันถูกฟ้องล้มละลาย ป้ากับแม่เรียกตัวฉันกลับ บอกว่าไม่มีเงินจะส่งเสียฉันแล้ว”

คนฟังอึ้งไปทันที ก่อนกระซิบถาม

“แล้วแกจะทำยังไงต่อไป”

“ฉันยังไม่รู้เลย แต่ฉันไม่อยากกลับ ฉันเหลืออีกแค่เก้าเครดิตเท่านั้น ก็จะจบแล้ว ถ้ากลับตอนนี้ ที่เรียนมาตั้งนานก็สูญเปล่า”

“ใช่” เธอพยักหน้าเห็นด้วยทันที แล้วก็รู้สึกกังวลขึ้นมาว่าเขาจะหาเงินที่ไหนมาเรียน แล้วค่ากินค่าอยู่อีกล่ะ ไม่ใช่น้อย ยิ่งเป็นคุณหนูอย่างเขา...ไม่ใช่ ลูกชาวบ้านที่ต้องสู้ชีวิตอย่างเธอ คงจะหาเงินลำบากหน่อยละ

และเธอคงคิดไม่ผิดเมื่อชำเลืองมองมือใหญ่ที่ดูนุ่มนวล เขาคงไม่เคยแตะต้องงานอะไร

“ตอนนี้ฉันขายรถกับขายเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดไปแล้ว ได้เงินมาก้อนหนึ่ง คิดว่าพอค่าเทอมเทอมสุดท้าย อาจจะขาดนิดหน่อย ก็ต้องหาวิธีเอา ฉันคิดว่าจะหางานทำ”

พีรดาอ้าปากค้างอีกหน...หูเธอคงจะฝาดไปแน่ๆ ที่ได้ยินธรรศบอกว่าจะหางานทำ

ลูกชายเจ้าของโรงงานเหล็กมูลค่านับร้อยๆ ล้าน หนุ่มหล่อพ่อรวยที่สาวๆ ต่างก็พากันกรี๊ดกราดเมื่อเขาเดินผ่าน หากรวมเข้ากับการเป็นนักฟุตบอลของมหาวิทยาลัย เขาก็กลายเป็นที่หมายปองของหญิงสาวทุกคนไปในทันที ทว่า...เขาก็มีดาราประจำใจอยู่แล้ว

วิลาสินี...สาวสวยสมชื่อ เชียร์ลีดเดอร์และดาวประจำคณะนิเทศศาสตร์ ครองใจชายหนุ่มมาตั้งแต่ปีหนึ่งจนเรียนจบ หนุ่มสาวรักกันปานจะกลืนจนไม่มี ที่ว่างให้ใครแทรกได้ และเธอก็เป็นหนึ่งในพยานความรักของพวกเขา เมื่อเธอคือเพื่อนสนิทของวิลาสินีตั้งแต่เรียนชั้นมัธยมมาด้วยกัน

แล้วเธอก็คิดถึงครั้งแรกที่เธอเห็นธรรศ...นักศึกษาปีหนึ่งซึ่งถูกรุ่นพี่แกล้งให้วิ่งรอบสนามในการรับน้อง ใบหน้าของเขาขาววอกไปด้วยแป้ง ผมถูกมัดเป็นจุกและเปียเต็มศีรษะ เธอจำได้ว่าอมยิ้มกับภาพที่เห็น ทั้งที่เธอเองก็ไม่ได้มีสภาพแตกต่างจากเขามากนัก เพราะคณะของเธอก็รับน้องไม่ไกลจากคณะของเขา

พีรดาสะบัดศีรษะ...ไล่ความทรงจำเก่าๆ ไปเสีย เพราะหลังจากนั้นไม่นาน วิลาสินีซึ่งกลายมาเป็นดาวคณะก็เริ่มออกเดตกับเขา แล้วทั้งสองก็คบกันอย่างเปิดเผย ทำใบ้หนุ่มๆ และสาวๆ อกหักกันเป็นแถว หนึ่งในนั้นก็คือเธอด้วย...

“แล้วแกจะไปอยู่ที่ไหนวะ”

คนถูกถามเงยหน้าขึ้นสบตากลมโตอย่างตรงไปตรงมาอย่างยิ่ง ราวกับเห็นเธอเป็นที่พึ่งสุดท้ายในโลก

“ฉันไม่ได้บอกใคร” เขาอ้อมแอ้มตอบ “ข่าวการล้มละลายถูกปิดเงียบที่สุด”

“อ้าว...แล้วหวานล่ะ แกไม่ได้บอกเธอหรอกเหรอ”

ชายหนุ่มส่ายหน้าช้าๆ ไม่ยอมสบตา

“เธอไม่รู้ ฉันไม่อยากให้เธอไม่สบายใจ”

คนฟังนิ่วหน้า...ตำหนิว่าคนเป็นแฟนกัน เรื่องสำคัญเช่นนี้กลับไม่บอกไม่กล่าวกัน หากคิดดูอีกที ธรรศอาจคิดถูกที่ไม่บอกเพี่อนสาวของเธอ เพราะวิลาสินีเป็นคนคิดมากและจริงจังกับชีวิต ข่าวนี้จะทำให้เพี่อนสาวของเธอไม่สบายใจได้อย่างที่ธรรศบอกแน่นอน

“ฉันรู้ว่าแกพึ่งพาได้ เราเป็นเพื่อนกันมานาน แกช่วยปิดเรื่องนี้เป็นความลับได้ไหมวะลูกหมู”

“เรื่องนั้นไม่มีปัญหาหรอก ฉันจะไม่บอกใคร” เธอรับปาก เพราะถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของเพี่อน และเธอไม่ใช่คนพูดมาก ทั้งยังมีเพี่อนไม่กี่คนจนเกือบเรียกว่าสันโดษด้วยชํ้า ธรรศจึงไม่ต้องกังวลว่าเธอจะปากโป้งเรื่องของเขา

“รวมทั้งหวานด้วยนะ อย่าบอกเธอ”

“อือ...จะไม่บอกหวานด้วยเหมือนกันไม่ต้องห่วงหรอก” เธอรับปาก สายตากวาดไปทั่วใบหน้าของเพื่อนหนุ่ม...ข่าวร้ายทำให้เขาดูหม่นหมองลงไป หากไม่ทำให้ความหล่อของเขาลดลง เวลาผ่านไปเกือบเจ็ดปี เขาเปลี่ยนจากหนุ่มน้อยมาเป็นชายหนุ่มเต็มตัว คางของเขาเรียวไปนิด ดูบอบบางมากกว่าจะสู้ชีวิต หากเขามีคิ้วที่ดกหนา เหนือดวงตาชั้นเดียวตามเชื้อสายชาวจีน จมูกโด่งเป็นสัน แข็งแรง ปลายงุ้มลงเล็กน้อย และริมฝีปากกว้างเต็มอิ่ม หล่อตามเทรนด์แบบหนุ่มหน้าตี๋ที่กำลังมาแรง และกระชากใจสาวๆ ได้ไม่ยากเย็น

พีรดาถอนหายใจเบาๆ เมื่อเสมองถ้วยชาในมือ เพราะไม่อยากหวั่นไหวไปกับความหล่อของเขา และเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

“ส่วนเรื่องงานฉันจะลองโทร.ไปถามมิสเรโกะดูว่าแกต้องการคนเพิ่มไหม” เธออาสาจะสอบถามเจ้าของร้านอาหารญี่ปุ่นที่เสิร์ฟประจำ จะได้ฝากธรรศเข้าทำงานอีกคน “จะได้เป็นค่าใช้จ่ายกับค่าเทอมที่เหลือ”

ธรรศพยักหน้ารับด้วยความซาบซึ้งใจ

“ขอบใจนะลูกหมู ฉันตัดสินใจไม่ผิดจริงๆ ที่มาหาแก”

(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024