จอมมารบังคับรัก (เรณุกา)

จอมมารบังคับรัก (เรณุกา)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: จอมมารบังคับรัก
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 175.00 บาท 43.75 บาท
ประหยัด: 131.25 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

นครสวรรค์

"จันทร์ นังจันทร์รีบไปดูพ่อเอ็งที่บ้านเร็ว พรานสิงห์แย่แล้ว"

เสียงตะโกนโหวกเหวกดังลั่นทำให้จันทร์หอม สาวน้อยร่างสมส่วนวัยยี่สิบปี ต้องรีบเงยหน้าขึ้นมามองต้นเสียงด้วยสีหน้าตกใจ

            "อะไรจ้ะ ป้า"

จันทร์หอมย้อนถามด้วยความรวดเร็ว ใจคอไม่ค่อยดีเมื่อเห็นหญิงวัยกลางคนรูปร่างท้วม ที่มีชื่อว่าป้านุ่มกึ่งเดินกึ่งวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในร้านกาแฟของตนอย่างรีบร้อน

            "พรานสิงห์แย่แล้ว เอ็งรีบไปดูพ่อเอ็งเร็วเข้า ข้าให้คนไปตามหมอที่อนามัยแล้ว"

            "พ่อเป็นอะไรจ้ะ เมื่อเช้าก็ยังดีๆ อยู่เลยนี่นา" สาวน้อยตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก

            บิดาของเธอป่วยกระเสาะกระแสมานาน อาการมีแต่ทรงกับทรุดไร้ทีท่าว่าจะดีขึ้น ที่ตกใจก็คือเมื่อเช้าก่อนออกจากบ้านมาเปิดร้านขายของ พรานสิงห์ยังไม่มีอาการใดๆ ให้น่าเป็นห่วง แต่ตอนนี้หญิงข้างบ้านที่จันทร์หอมไว้วางใจ ให้ดูแลเรื่องอาหารกลางวันของบิดากลับมาบอกข่าวร้ายที่น่าตกใจเช่นนี้

            "ข้าเอาข้าวไปให้เหมือนทุกวัน แต่พอเปิดประตูห้องเข้าไปก็เห็นพรานสิงห์ลงมานอนที่พื้นห้อง หายใจรวยรินเต็มแก่เรียกหาแต่เอ็งอย่างเดียวเท่านั้น ข้าก็เลยรีบร้องตะโกนให้คนมาช่วยแล้วรีบมาบอกเอ็ง"

            "ฉันจะไปดูพ่อเดี๋ยวนี้"

จันทร์หอมทิ้งทุกสิ่งแล้วรีบกลับไปที่บ้าน โดยมีป้านุ่มซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์ตามไปด้วยอีกคน หญิงสาวภาวนาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์อำนาจแห่งบุญใดในโลก ได้โปรดช่วยพ่อของเธอให้ปลอดภัยด้วยเถิด

            "พ่อ"

จันทร์หอมถลาไปหาบิดาที่นอนหายใจรวยรินอยู่บนเตียง โดยมีเพื่อนบ้านใจดีที่ยืนให้กำลังใจอยู่ข้างๆ ทุกคนกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาเมื่อเห็นสองพ่อลูกกุมมือกันแน่น

            "พ่อไม่เป็นอะไรนะ เดี๋ยวจันทร์จะพาพ่อไปหาหมอในเมือง พ่ออดทนนะ ไปด้วยกันจันทร์จะพาพ่อไปเอง" หญิงสาวพยายามจะช้อนร่างของชายวัยกลางคนขึ้น แต่พรานสิงห์ส่ายหน้าและเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งว่า

            "นังหนู สัญญาได้ไหมว่าเอ็งจะทำตามที่พ่อขอร้อง"

            "พ่อ พ่ออย่าเพิ่งพูดอะไรเลยนะ ไปหาหมอกับจันทร์ดีกว่า"

            จันทร์หอมหลั่งน้ำตาอย่างห้ามไม่ได้ ลางสังหรณ์ในใจบอกให้รู้ว่าบิดากำลังต่อสู้กับมัจจุราชที่จะพรากเราสองคนให้จากกันชั่วนิรันดรเวลาที่เหลืออยู่อันน้อยนิดนี้เปรียบเสมือนเวลาแห่งการอำลาครั้งสุดท้ายต่างหาก

            "นังหนู รับปากพ่อ เอ็งจะไปกรุงเทพฯ ไปหาท่าน"

พรานสิงห์เค้นคำพูดแต่ละคำอย่างยากลำบาก มือสั่นเทาเอื้อมหยิบซองจดหมายสีขาวที่เก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีจากข้างตัวส่งให้บุตรสาว

            "อย่าอยู่ที่นี่มันอันตราย ไม่มีพ่อคอยปกป้องเอ็งอีกต่อไปแล้ว ไปซะ ไปหาท่าน ท่านจะดูแลเอ็งแทนพ่อ"

ชายวัยกลางคนส่งเสียงไอออกมาอย่างรุนแรง ลิ่มเลือดสดๆ ทะลักออกมาจากริมฝีปากที่ซีดขาว จันทร์หอมสะอื้นร่ำไห้จนตัวโยนกอดบิดาไว้แน่น

            "พ่อ พ่ออย่าทิ้งจันทร์ พ่อจ๋า" จันทร์หอมผวากอดบิดาร่ำไห้สะอึกสะอื้น

            เวลาของพรานสิงห์เหลือน้อยเต็มที่ มือที่เคยโอบอุ้มลูกรักมาแต่อ้อนแต่ออกวางประทับลงที่กลางศีรษะอีกครั้งอย่างอ่อนโยน วินาทีสุดท้ายของชีวิตจะดับวูบลง พร้อมกับมือที่เคยอุ้มชูเลี้ยงดูมาจะร่วงหล่นลงข้างตัว เป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าบิดาอันเป็นที่รักได้จากโลกนี้ไปอย่างไม่มีวันกลับ

            "พ่อ"

เสียงร่ำไห้ระงมอยู่รอบตัว หัวใจจันทร์หอมแหลกสลายลงทันที หมดแล้วหมดที่ยึดเหนี่ยวในหัวใจ ที่พึ่งหนึ่งเดียวของชีวิต พ่อผู้เป็นที่รักสุดดวงใจ

 

            สามเดือนผ่านไป

ความโศกเศร้าต่อการสูญเสียบิดาอันเป็นที่รักไม่ได้จางหายไปตามกาลเวลา แต่จันทร์หอมก็ต้องเข้มแข็งเพื่อที่จะดำเนินชีวิตต่อไปในวันที่ไม่มีพ่อ

หลังจากที่พรานสิงห์จากโลกนี้ไปแล้วและจัดการงานศพเรียบร้อย หญิงสาวก็คิดทบทวนดีแล้วว่าคำสั่งเสียสุดท้ายที่ถูกขอร้องคงไม่จำเป็นอีกต่อไป เพราะถึงแม้ว่าจะไม่มีพ่อคอยปกป้องดูแลและต้องใช้ชีวิตเพียงลำพังก็ตามที แต่จันทร์หอมก็ไม่คิดจะบากหน้าไปหาบุคคลที่พรานสิงห์ฝากฝังให้ช่วยดูแล

"ปิดบ้านให้ดีล่ะ นังจันทร์ ช่วงนี้ข้าเห็นคนของไอ้ช่วงมาป้วนเปี้ยนแถวนี้บ่อย ถ้ามีอะไรตะโกนเรียกกันได้นะ" ป้านิ่มยังคงเป็นห่วงเป็นใยจันทร์หอมเหมือนเดิม

"จ้ะป้า คงไม่มีอะไรหรอก ไอ้ช่วงมันคงไม่มายุ่งกับฉันแล้ว ได้ข่าวว่ามันเพิ่งได้เมียเป็นผู้หญิงหมู่บ้านถัดไปนี่ไม่ใช่เหรอ" หญิงสาวพูดตามที่ได้ยินมา

ไอ้ช่วง หรือโชติช่วงลูกชายกำนันคนดังที่เป็นที่ยำเกรงของคนแถวนี้ แต่ไม่ใช่กับสองพ่อลูกคู่นี้เพราะกำนันคนดังกล่าวให้ความเกรงใจพรานสิงห์ในฐานะรุ่นพี่ที่มีครูบาอาจารย์เดียวกัน

ดังนั้นไม่ว่าบุตรชายของตนจะถูกพรานสิงห์จัดการเพราะมา เกี้ยวพาราสีจันทร์หอมอย่างไรก็ไม่เป็นปัญหา ซ้ำยังเป็นคนออกปากสั่งลูกชายเองว่า ห้ามยุ่งกับจันทร์หอมอีกเด็ดขาด

ในช่วงที่บิดายังมีชีวิตโชติช่วงจึงทำได้แค่แวะเวียนมาหาคอยจังหวะที่จะเข้าใกล้ ซึ่งแน่นอนว่าจันทร์หอมไม่เปิดโอกาสซ้ำยังตะเพิดให้ไปไกลๆ เสียด้วยซ้ำ แต่ถึงกระนั้นพรานสิงห์ก็ไม่ได้วางใจว่าลูกชายกำนันจอมเกเรคนนี้จะยังไม่เลิกล้มความตั้งใจที่จะมาวอแวบุตรสาว

ยิ่งได้ข่าวว่าโชติช่วงทำตัวเป็นนักเลงและเสียหายเรื่องผู้หญิงหลายต่อหลายหน ก็ยิ่งเพิ่มความระมัดระวังและคิดเสมอว่าหากว่าวันหนึ่งไม่มีตนแล้วบุตรสาวสุดที่รักจะอยู่อย่างไรให้ปลอดภัยจากคนพาล

จันทร์หอมปิดบ้านเรียบร้อยเหมือนเช่นทุกวัน และเตรียมตัวที่จะอาบน้ำเข้านอนตามปกติ แต่เมื่อล้มตัวลงนอนเธอก็ได้ยินเสียงกุกกักที่ประตูบ้าน

ลูกสาวอดีตพรานเงี่ยหูฟังตามคำสอนเมื่อมั่นใจแล้วว่ากำลังมีผู้บุกรุก หญิงสาวจึงหาอาวุธที่ใกล้มือที่สุดมาเป็นเครื่องป้องกันตัว ก่อนจะค่อยๆ เดินออกมาอย่างช้าๆ เพื่อจัดการกับแขกยามวิกาลที่ไม่ต้อนรับ

"เร็วๆ ซิวะ เดี๋ยวก็มีใครมาเห็นหรอก ไอ้โง่เอ๊ย" เสียงตะคอกที่ดังอยู่ด้านนอกคุ้นหูหญิงสาวยิ่งนัก

จันทร์หอมกระชับไม้ที่ถือในมือไว้แน่นเตรียมพร้อมที่จะจัดการกับผู้บุกรุกที่กำลังจะเข้ามาในอีกไม่กี่นาทีนี้

"โอ๊ย..."

เสียงร้องโอ๊ยดังลั่นเมื่อใครบางคนก้าวล้ำเข้ามาในบ้าน จันทร์หอมฟาดสุดแรงลงไปที่แผ่นหลังของผู้บุกรุก

"เฮ้ย..." อีกคนชะงักเท้าเมื่อเห็นว่าคนเดินนำพบกับอะไร

"ไอ้โชติ" จันทร์หอมเห็นหน้าคนที่เดินเข้ามาชัด ที่แท้ลูกชายกำนันจอมเกเรนั่นเอง

"พวกเอ็งเข้ามาทำไม" สาวน้อยกระหน่ำตีด้วยไม้หน้าสามในมือไม่ยั้ง ร่างกำยำของผู้บุกรุกหลบหลีกพัลวัน

"จับนังจันทร์ไว้ซิโว้ย" โชติช่วงรีบตะโกนสั่งลูกน้องที่ติดตามมาอีกสองคน

"อย่าเข้ามานะ"

จันทร์หอมกระชับไม้ในมือแน่น ตั้งใจฟาดคนที่คิดจะเข้ามาทำร้ายสุดแรงแต่แรงสาวหรือจะสู้แรงชาย ไม่ช้าเธอก็ถูกลูกน้องของโชติช่วงรวบตัวไว้ได้

"ปล่อยฉันนะ ไอ้โชติ กลับบ้านไปเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันจะฟ้องกำนัน"

"กลับแน่ แต่ต้องเมื่อข้ากับเอ็งเป็นผัวเมียกันแล้วนะ ตอนนี้ไม่มีพรานสิงห์แล้วก็ไม่มีใครมาขวาง พ่อข้าก็ยินดีถ้าจะได้เอ็งไปเป็นสะใภ้" ผู้บุกรุกยิ้มกริ่มอย่างมีความสุข

"ปล่อยนะ ช่วยด้วย ป้านิ่ม ช่วยฉันด้วย" จันทร์หอมเห็นท่าไม่ดีรีบตะโกนร้องขอให้เพื่อนข้างบ้านช่วยเหลือ

โชติช่วงไม่คิดว่าเรื่องจะยุ่งยากเช่นนี้ จึงรีบเอามือปิดปากจันทร์หอมและสั่งให้ลูกน้องเอาว่าที่เมียขึ้นไปรออยู่บนห้องนอน ก่อนที่ตัวเองจะตามขึ้นไปทันที

"ปล่อยนะ" หญิงสาวทั้งดิ้นทั้งขัดขืน เสียงข้าวของที่ล้มระเนระนาดดังไปตลอดทางที่จันทร์หอมถูกนำตัวขึ้นไปข้างบน

"ฤทธิ์เยอะนักนะ มึง" โชติช่วงคำรามด้วยความโมโห เมื่อจันทร์หอมขัดขืนการเข้าหาของตน

โชติช่วงไม่คิดว่าจันทร์หอมจะฤทธิ์มากเช่นนี้ เขาเฝ้ารอเวลานี้มานานแสนนาน เวลาที่จะได้ครอบครองผู้หญิงที่หมายปองโดยปราศจากคนขัดขวาง สู้อุตส่าห์อดทนตั้งแต่รู้ข่าวเรื่องอาการป่วยที่ทรุดหนักของพรานสิงห์

จนวันที่ชายวัยกลางคนจากไปอย่างไม่มีวันกลับ เฝ้ารอเวลาให้หญิงสาวทำใจกับการสูญเสียครั้งนี้และตายใจว่าตนจะไม่มาวุ่นวายอีก เมื่อสบโอกาสที่เหมาะสมด้วยการสืบจนแน่ใจว่า หลังไร้เงาบิดาผู้จากไปสาวน้อยในดวงใจใช้ชีวิตเยี่ยงไร

เขาให้คนเฝ้าสังเกตการเข้าออก ช่วงเวลาไหนที่จะเหมาะสมกับการเข้าหอโดยไร้ผู้คนมาวุ่นวาย ตัดสินใจลงมือในวันที่กำนันผู้เป็นบิดาไม่อยู่ เพื่อที่ว่าทุกอย่างจะง่ายดายขึ้น แต่ไม่คิดว่าลูกสาวพรานสิงห์จะไหวตัวทัน และขัดขืนต่อการแสดงความรักของโชติช่วง

"ออกไปเดี๋ยวนี้นะ" จันทร์หอมตวาดไม่ยอมให้อีกฝ่ายเข้าใกล้ได้ แม้อยู่ในห้องนอนเพียงลำพังเวลานี้

"อย่าเล่นตัวน่า เอ็งก็รู้ข้าคิดอะไรรอเวลานี้มานานแค่ไหน ข้าสัญญาว่าข้าจะไม่ทอดทิ้ง จะรักยกย่องเอ็งเป็นเมียคนเดียวตลอดไป" ชายหนุ่มหว่านล้อม

"ออกไปเดี๋ยวนี้ แล้วไม่ต้องมายุ่งกับฉัน" เจ้าของบ้านคนสวยตวาดไล่

"พูดเพราะๆ ได้ไหม จะเป็นผัวเมียกันอยู่แล้ว ต้องพูดเพราะๆ ซิ เรียกใหม่ซิ พี่โชติขา"

"ไปให้พ้นนะ"

นาฬิกาที่หัวเตียงนอนลอยละล่องเกือบจะถูกหัวของคนที่พูด โชติช่วงเริ่มอารมณ์เสียและไม่อดทนรออีกต่อไปแล้ว

"ฤทธิ์มากนักนะ นังจันทร์"

โชติช่วงตรงเข้าไปกระชากตัวจันทร์หอมจากมุมห้อง แล้วเหวี่ยงลงไปที่ที่นอนอย่างไม่ไยดี ก่อนจะรีบถาโถมลงไปทาบทับหมายจะรังแกคนที่ไม่มีทางสู้ สาวน้อยสู้ยิบตาปกป้องรักษาศักดิ์ศรีตนเองด้วยชีวิต

"อย่านะ"

ก่อนที่โชติช่วงจะทำตามอำเภอใจได้ดั่งที่คิด ป้านิ่มกับเพื่อนบ้านที่เอะใจเพราะได้ยินเสียงโครมครามจากบ้านของจันทร์หอมก็เข้ามาช่วยไว้ได้ทันพอดี

ลูกชายกำนันถูกทั้งมือทั้งเท้าของคนที่เกลียดการกระทำที่ไร้สำนึกประเคนใส่ร่างไม่ยั้ง กว่าคนใจร้ายจะรอดพ้นจากการรุมประชาทัณฑ์ได้ก็สะบักสะบอมพอสมควร

ในขณะที่จันทร์หอมแม้จะปลอดภัยจากเหตุการณ์ร้ายครั้งนี้ แต่มันก็ทำให้เธอคิดถึงคำสั่งเสียของพ่อครั้งสุดท้าย

"ไปหาท่าน ท่านจะปกป้องคุ้มครองเอ็งแทนพ่อตลอดชีวิต"

 

            บ้านบูรณสิทธ์

"ที่นี่ไม่มีคนชื่อนี้"

เสียงปิดประตูดังปังต่อหน้าทำให้คนที่ยืนอยู่นอกรั้วถึงกับสะดุ้ง แม้จะรู้สึกไม่พอใจกับท่าทีไม่เป็นมิตรของคนที่เพิ่งเดินจากไปหมาดๆ แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้ นอกจากพาความผิดหวังกลับไปพร้อมกับนึกถึงผู้ล่วงลับที่จากไปแล้วว่า

"จันทร์ทำตามที่พ่อบอกแล้วนะ แต่ว่ามันไม่เป็นอย่างที่พ่อคิด"

ร่างเล็กหันหลังจะเดินกลับแต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อรถยนต์คันหรูมาจอดนิ่งอยู่ที่หน้าประตูรั้ว พร้อมกับใครบางคนที่ลดกระจกลงแล้วถามด้วยความอารีมีเมตตาว่า

"มาทำอะไรที่นี่ หนู" หญิงชราหน้าตาใจดีส่งเสียงทักทายอย่างเป็นมิตร

"หนูมาตามหาคนค่ะ คุณป้า แต่ว่าเขาไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว" จันทร์หอมพูดหน้าเศร้า

"มาตามหาใคร แล้วคนที่หนูตามหาบอกหรือว่าอยู่ที่นี่" นางย้อนถามกลับด้วยความสงสัย

สาวน้อยหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูมายืนอยู่ที่หน้าประตูบ้าน ชวนให้สงสัยว่ามาทำอะไรที่นี่ เป็นเหตุให้นางต้องสั่งให้คนรถหยุดแล้วลดกระจกลงมาถามไถ่ด้วยตนเอง

แต่พอได้ฟังว่ามาหาคนและเจาะจงว่าเป็นที่นี่ก็ทำให้ประมุขของบ้านบูรณสิทธิ์ชักหวั่นใจว่า คนที่แม่สาวน้อยหน้าแฉล้มมาตามหาคงไม่ใช่เจ้าตัวดี ที่ขยันเป็นข่าวเรื่องผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าในแต่ละวันหรอกนะ

"หนูมาหาท่านตรัยค่ะ ตรัย บูรณสิทธิ์" จันทร์หอมเอ่ยชื่อบุคคลที่ต้องการพบให้หญิงชราคนเดิมทราบ

"มาหาพ่อตรัยหรือนี่ หนูมีเรื่องอะไรถึงต้องมาหาหรือว่าหนู..."

"หนูเป็นลูกสาวพรานสิงห์ คนที่ท่านตรัยรู้จักเป็นอย่างดีค่ะ" สาวน้อยอ้างชื่อบิดาที่เพิ่งจากไป

"ลูกสาวพรานสิงห์อย่างนั้นเหรอ" นางทวนชื่อที่คุ้นหูอีกครั้ง

พรานสิงห์ พรานคนดังแห่งเมืองนครสวรรค์ คนที่ช่วยชีวิตบุคคลสำคัญของครอบครัวไว้เมื่อยี่สิบปีก่อน

"เข้าบ้านก่อน ตามฉันมาแล้วค่อยบอกว่าพรานสิงห์ให้หนูมาหาคนทำไม" นางสั่งให้คนรถเปิดประตูพร้อมกับสั่งให้จันทร์หอมเดินตามเข้าไปในบ้านด้วย

จันทร์หอมไม่รู้หรอกว่าคนที่อนุญาตให้เข้าบ้านบูรณ์สิทธิ์คือใคร และจะรู้จักพ่อของเธอหรือไม่ ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าบ้านบูรณสิทธิ์นั้น จันทร์หอมจะรู้หรือไม่ว่าชีวิตของเธอนับจากนี้จะเปลี่ยนไปในทิศทางใด

รายละเอียด

นครสวรรค์

"จันทร์ นังจันทร์รีบไปดูพ่อเอ็งที่บ้านเร็ว พรานสิงห์แย่แล้ว"

เสียงตะโกนโหวกเหวกดังลั่นทำให้จันทร์หอม สาวน้อยร่างสมส่วนวัยยี่สิบปี ต้องรีบเงยหน้าขึ้นมามองต้นเสียงด้วยสีหน้าตกใจ

            "อะไรจ้ะ ป้า"

จันทร์หอมย้อนถามด้วยความรวดเร็ว ใจคอไม่ค่อยดีเมื่อเห็นหญิงวัยกลางคนรูปร่างท้วม ที่มีชื่อว่าป้านุ่มกึ่งเดินกึ่งวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในร้านกาแฟของตนอย่างรีบร้อน

            "พรานสิงห์แย่แล้ว เอ็งรีบไปดูพ่อเอ็งเร็วเข้า ข้าให้คนไปตามหมอที่อนามัยแล้ว"

            "พ่อเป็นอะไรจ้ะ เมื่อเช้าก็ยังดีๆ อยู่เลยนี่นา" สาวน้อยตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก

            บิดาของเธอป่วยกระเสาะกระแสมานาน อาการมีแต่ทรงกับทรุดไร้ทีท่าว่าจะดีขึ้น ที่ตกใจก็คือเมื่อเช้าก่อนออกจากบ้านมาเปิดร้านขายของ พรานสิงห์ยังไม่มีอาการใดๆ ให้น่าเป็นห่วง แต่ตอนนี้หญิงข้างบ้านที่จันทร์หอมไว้วางใจ ให้ดูแลเรื่องอาหารกลางวันของบิดากลับมาบอกข่าวร้ายที่น่าตกใจเช่นนี้

            "ข้าเอาข้าวไปให้เหมือนทุกวัน แต่พอเปิดประตูห้องเข้าไปก็เห็นพรานสิงห์ลงมานอนที่พื้นห้อง หายใจรวยรินเต็มแก่เรียกหาแต่เอ็งอย่างเดียวเท่านั้น ข้าก็เลยรีบร้องตะโกนให้คนมาช่วยแล้วรีบมาบอกเอ็ง"

            "ฉันจะไปดูพ่อเดี๋ยวนี้"

จันทร์หอมทิ้งทุกสิ่งแล้วรีบกลับไปที่บ้าน โดยมีป้านุ่มซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์ตามไปด้วยอีกคน หญิงสาวภาวนาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์อำนาจแห่งบุญใดในโลก ได้โปรดช่วยพ่อของเธอให้ปลอดภัยด้วยเถิด

            "พ่อ"

จันทร์หอมถลาไปหาบิดาที่นอนหายใจรวยรินอยู่บนเตียง โดยมีเพื่อนบ้านใจดีที่ยืนให้กำลังใจอยู่ข้างๆ ทุกคนกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาเมื่อเห็นสองพ่อลูกกุมมือกันแน่น

            "พ่อไม่เป็นอะไรนะ เดี๋ยวจันทร์จะพาพ่อไปหาหมอในเมือง พ่ออดทนนะ ไปด้วยกันจันทร์จะพาพ่อไปเอง" หญิงสาวพยายามจะช้อนร่างของชายวัยกลางคนขึ้น แต่พรานสิงห์ส่ายหน้าและเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งว่า

            "นังหนู สัญญาได้ไหมว่าเอ็งจะทำตามที่พ่อขอร้อง"

            "พ่อ พ่ออย่าเพิ่งพูดอะไรเลยนะ ไปหาหมอกับจันทร์ดีกว่า"

            จันทร์หอมหลั่งน้ำตาอย่างห้ามไม่ได้ ลางสังหรณ์ในใจบอกให้รู้ว่าบิดากำลังต่อสู้กับมัจจุราชที่จะพรากเราสองคนให้จากกันชั่วนิรันดรเวลาที่เหลืออยู่อันน้อยนิดนี้เปรียบเสมือนเวลาแห่งการอำลาครั้งสุดท้ายต่างหาก

            "นังหนู รับปากพ่อ เอ็งจะไปกรุงเทพฯ ไปหาท่าน"

พรานสิงห์เค้นคำพูดแต่ละคำอย่างยากลำบาก มือสั่นเทาเอื้อมหยิบซองจดหมายสีขาวที่เก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีจากข้างตัวส่งให้บุตรสาว

            "อย่าอยู่ที่นี่มันอันตราย ไม่มีพ่อคอยปกป้องเอ็งอีกต่อไปแล้ว ไปซะ ไปหาท่าน ท่านจะดูแลเอ็งแทนพ่อ"

ชายวัยกลางคนส่งเสียงไอออกมาอย่างรุนแรง ลิ่มเลือดสดๆ ทะลักออกมาจากริมฝีปากที่ซีดขาว จันทร์หอมสะอื้นร่ำไห้จนตัวโยนกอดบิดาไว้แน่น

            "พ่อ พ่ออย่าทิ้งจันทร์ พ่อจ๋า" จันทร์หอมผวากอดบิดาร่ำไห้สะอึกสะอื้น

            เวลาของพรานสิงห์เหลือน้อยเต็มที่ มือที่เคยโอบอุ้มลูกรักมาแต่อ้อนแต่ออกวางประทับลงที่กลางศีรษะอีกครั้งอย่างอ่อนโยน วินาทีสุดท้ายของชีวิตจะดับวูบลง พร้อมกับมือที่เคยอุ้มชูเลี้ยงดูมาจะร่วงหล่นลงข้างตัว เป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าบิดาอันเป็นที่รักได้จากโลกนี้ไปอย่างไม่มีวันกลับ

            "พ่อ"

เสียงร่ำไห้ระงมอยู่รอบตัว หัวใจจันทร์หอมแหลกสลายลงทันที หมดแล้วหมดที่ยึดเหนี่ยวในหัวใจ ที่พึ่งหนึ่งเดียวของชีวิต พ่อผู้เป็นที่รักสุดดวงใจ

 

            สามเดือนผ่านไป

ความโศกเศร้าต่อการสูญเสียบิดาอันเป็นที่รักไม่ได้จางหายไปตามกาลเวลา แต่จันทร์หอมก็ต้องเข้มแข็งเพื่อที่จะดำเนินชีวิตต่อไปในวันที่ไม่มีพ่อ

หลังจากที่พรานสิงห์จากโลกนี้ไปแล้วและจัดการงานศพเรียบร้อย หญิงสาวก็คิดทบทวนดีแล้วว่าคำสั่งเสียสุดท้ายที่ถูกขอร้องคงไม่จำเป็นอีกต่อไป เพราะถึงแม้ว่าจะไม่มีพ่อคอยปกป้องดูแลและต้องใช้ชีวิตเพียงลำพังก็ตามที แต่จันทร์หอมก็ไม่คิดจะบากหน้าไปหาบุคคลที่พรานสิงห์ฝากฝังให้ช่วยดูแล

"ปิดบ้านให้ดีล่ะ นังจันทร์ ช่วงนี้ข้าเห็นคนของไอ้ช่วงมาป้วนเปี้ยนแถวนี้บ่อย ถ้ามีอะไรตะโกนเรียกกันได้นะ" ป้านิ่มยังคงเป็นห่วงเป็นใยจันทร์หอมเหมือนเดิม

"จ้ะป้า คงไม่มีอะไรหรอก ไอ้ช่วงมันคงไม่มายุ่งกับฉันแล้ว ได้ข่าวว่ามันเพิ่งได้เมียเป็นผู้หญิงหมู่บ้านถัดไปนี่ไม่ใช่เหรอ" หญิงสาวพูดตามที่ได้ยินมา

ไอ้ช่วง หรือโชติช่วงลูกชายกำนันคนดังที่เป็นที่ยำเกรงของคนแถวนี้ แต่ไม่ใช่กับสองพ่อลูกคู่นี้เพราะกำนันคนดังกล่าวให้ความเกรงใจพรานสิงห์ในฐานะรุ่นพี่ที่มีครูบาอาจารย์เดียวกัน

ดังนั้นไม่ว่าบุตรชายของตนจะถูกพรานสิงห์จัดการเพราะมา เกี้ยวพาราสีจันทร์หอมอย่างไรก็ไม่เป็นปัญหา ซ้ำยังเป็นคนออกปากสั่งลูกชายเองว่า ห้ามยุ่งกับจันทร์หอมอีกเด็ดขาด

ในช่วงที่บิดายังมีชีวิตโชติช่วงจึงทำได้แค่แวะเวียนมาหาคอยจังหวะที่จะเข้าใกล้ ซึ่งแน่นอนว่าจันทร์หอมไม่เปิดโอกาสซ้ำยังตะเพิดให้ไปไกลๆ เสียด้วยซ้ำ แต่ถึงกระนั้นพรานสิงห์ก็ไม่ได้วางใจว่าลูกชายกำนันจอมเกเรคนนี้จะยังไม่เลิกล้มความตั้งใจที่จะมาวอแวบุตรสาว

ยิ่งได้ข่าวว่าโชติช่วงทำตัวเป็นนักเลงและเสียหายเรื่องผู้หญิงหลายต่อหลายหน ก็ยิ่งเพิ่มความระมัดระวังและคิดเสมอว่าหากว่าวันหนึ่งไม่มีตนแล้วบุตรสาวสุดที่รักจะอยู่อย่างไรให้ปลอดภัยจากคนพาล

จันทร์หอมปิดบ้านเรียบร้อยเหมือนเช่นทุกวัน และเตรียมตัวที่จะอาบน้ำเข้านอนตามปกติ แต่เมื่อล้มตัวลงนอนเธอก็ได้ยินเสียงกุกกักที่ประตูบ้าน

ลูกสาวอดีตพรานเงี่ยหูฟังตามคำสอนเมื่อมั่นใจแล้วว่ากำลังมีผู้บุกรุก หญิงสาวจึงหาอาวุธที่ใกล้มือที่สุดมาเป็นเครื่องป้องกันตัว ก่อนจะค่อยๆ เดินออกมาอย่างช้าๆ เพื่อจัดการกับแขกยามวิกาลที่ไม่ต้อนรับ

"เร็วๆ ซิวะ เดี๋ยวก็มีใครมาเห็นหรอก ไอ้โง่เอ๊ย" เสียงตะคอกที่ดังอยู่ด้านนอกคุ้นหูหญิงสาวยิ่งนัก

จันทร์หอมกระชับไม้ที่ถือในมือไว้แน่นเตรียมพร้อมที่จะจัดการกับผู้บุกรุกที่กำลังจะเข้ามาในอีกไม่กี่นาทีนี้

"โอ๊ย..."

เสียงร้องโอ๊ยดังลั่นเมื่อใครบางคนก้าวล้ำเข้ามาในบ้าน จันทร์หอมฟาดสุดแรงลงไปที่แผ่นหลังของผู้บุกรุก

"เฮ้ย..." อีกคนชะงักเท้าเมื่อเห็นว่าคนเดินนำพบกับอะไร

"ไอ้โชติ" จันทร์หอมเห็นหน้าคนที่เดินเข้ามาชัด ที่แท้ลูกชายกำนันจอมเกเรนั่นเอง

"พวกเอ็งเข้ามาทำไม" สาวน้อยกระหน่ำตีด้วยไม้หน้าสามในมือไม่ยั้ง ร่างกำยำของผู้บุกรุกหลบหลีกพัลวัน

"จับนังจันทร์ไว้ซิโว้ย" โชติช่วงรีบตะโกนสั่งลูกน้องที่ติดตามมาอีกสองคน

"อย่าเข้ามานะ"

จันทร์หอมกระชับไม้ในมือแน่น ตั้งใจฟาดคนที่คิดจะเข้ามาทำร้ายสุดแรงแต่แรงสาวหรือจะสู้แรงชาย ไม่ช้าเธอก็ถูกลูกน้องของโชติช่วงรวบตัวไว้ได้

"ปล่อยฉันนะ ไอ้โชติ กลับบ้านไปเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันจะฟ้องกำนัน"

"กลับแน่ แต่ต้องเมื่อข้ากับเอ็งเป็นผัวเมียกันแล้วนะ ตอนนี้ไม่มีพรานสิงห์แล้วก็ไม่มีใครมาขวาง พ่อข้าก็ยินดีถ้าจะได้เอ็งไปเป็นสะใภ้" ผู้บุกรุกยิ้มกริ่มอย่างมีความสุข

"ปล่อยนะ ช่วยด้วย ป้านิ่ม ช่วยฉันด้วย" จันทร์หอมเห็นท่าไม่ดีรีบตะโกนร้องขอให้เพื่อนข้างบ้านช่วยเหลือ

โชติช่วงไม่คิดว่าเรื่องจะยุ่งยากเช่นนี้ จึงรีบเอามือปิดปากจันทร์หอมและสั่งให้ลูกน้องเอาว่าที่เมียขึ้นไปรออยู่บนห้องนอน ก่อนที่ตัวเองจะตามขึ้นไปทันที

"ปล่อยนะ" หญิงสาวทั้งดิ้นทั้งขัดขืน เสียงข้าวของที่ล้มระเนระนาดดังไปตลอดทางที่จันทร์หอมถูกนำตัวขึ้นไปข้างบน

"ฤทธิ์เยอะนักนะ มึง" โชติช่วงคำรามด้วยความโมโห เมื่อจันทร์หอมขัดขืนการเข้าหาของตน


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (72 รายการ)

www.batorastore.com © 2024