แมวขาวเจ้าภูเขา (ไพบูลย์ พันธุ์เมือง)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: แมวขาวเจ้าภูเขา
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 150.00 บาท 37.50 บาท
ประหยัด: 112.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

นวนิยายที่มีแรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริง

 

แมวขาวจ้าวภูเขา

 

๑  ป่าอาถรรพณ์

 

            เขาสูงตระหง่าน ชูยอดแทงฟ้า  ชั้นความสูงหลายระดับลดหลั่น  ปกคลุมด้วยสีเขียวทึมของแมกไม้นานาพรรณ  ตั้งแต่ตีนเขาถึงยอด  มองประหนึ่งผืนพรมที่เทพเจ้านำมาแผ่คลี่ ปูทับลงบนก้อนหินใหญ่  อันมีแนวทอดยาวไปไกล  ดุจวงแขนยักษ์ที่โอบล้อมเอาที่ลุ่มป่าดิบ  หรือมวลไม้แห่งหุบเขานั้นไว้

            เหนือยอดสุดของภูเขาที่ปูด้วยพรมแห่งพฤกษาชาติ  มีรอยขาดหรือรอยด่างเห็นหินโผล่อยู่บางแห่ง  ด้วยเหตุเป็นผาหินแกร่งที่มวลพฤกษาไม่สามารถจะเข้าไปยึดเกาะ  หรือจะเป็นเพราะเทพเจ้าแห่งขุนเขา  ต้องการที่จะเว้นบางส่วนไว้ให้เป็นเวิ้งถ้ำ  เพื่อให้หมู่มวลจัตุบาท ทวิบาท  มฤคชาติและวานรได้อาศัยหลบร้อนมาพึ่งเย็นก็อาจจะเป็นได้

            เวลานั้นยามเช้า  ฝอยเมฆฉีกตัวเป็นปุยขาวลอยฟ่อง  เรี่ยรายแผ่คลุม หุ้มไปทั้งขุนเขาและป่าใหญ่  มองดูเป็นหมอกมัวสีขาวขุ่น เหมือนขุนเขาถูกห่มด้วยแพรบาง  ไปทั่วทุกบริเวณ…

            กระทั่ง… ฟ้าด้านตะวันออกที่เคยทึบทึมด้วยสีเทาเริ่มยกตัวเปิดฝาครอบ  สีทองจากดวงสุริยเทพค่อยๆ สาดส่องเข้ามาโลมไล้ให้ความอบอุ่นกับแมกไม้ ขุนเขาและสรรพสัตว์จัตุบาท ทวิบาท

            สายขึ้น…

            ฝอยเมฆหมอกค่อย ๆ กลั่นตัวกลับเป็นไอน้ำแล้วจางหายขึ้นสวรรค์  คล้ายดังเทพเจ้าต้องการที่จะเปิดโลกให้ได้รับไออุ่น  จึงดึงผ้าห่มผืนเย็นนั้นกลับคืน  ปลดปล่อยให้ชีวิตต่าง ๆ ภายในโลกสีเขียวและอ้อมกอดของขุนเขา  ได้กลับฟื้นคืนสภาพจากหลับไหลสู่ชีวิตที่ปรกติอีกครั้ง

            เกล็ดน้ำค้างที่เกาะพราวอยู่ตามใบพฤกษ์เมื่อต้องแสงแดดเช้า  จึงดูงดงามดุจประกายเพชร  ทำให้ทั่วป่าและขุนเขาแห่งนั้น  ยามนั้นงดงามยิ่งนัก

            ใช่แล้ว…  เทพเจ้า  เทพเจ้าแห่งเขาแมวได้โปรดประทานให้ทุกชีวิต  ที่อาศัยมวลธัญญาหาร พฤกษาหาร และผลาหาร  ได้มีชีวิต  มีบทบาทไปตามกระแสกรรมอีกครั้ง…

            กรรมที่แต่ละตนต่างถูกลิขิตไว้ ด้วยหัตถะของพระผู้เป็นเจ้า  อาจนานนับนานกว่าหมื่นหรือแสนปี

            เสียงชะนีโหยไห้เรียกหา ผัว ผัว ผัว…ดังลงมาจากยอดผาสูง…

            พร้อมกับสรรพสิ่งมีชีวิตที่ตีนเขาเริ่มเคลื่อนไหว…

            น้ำค้างบนซุ้มไผ่ร่วงกราว  เมื่อกระรอกหนุ่มสาวหลายคู่  โผล่ออกมาจากรังบนเซิงรกที่ปูปกด้วยเถาวัลย์  ไต่ลงมาตามกิ่งก้านของมวลพฤกษา ส่งเสียงทักทายกันดัง 

“แจ็ก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ “

            ก่อนที่ร่างเล็ก ๆ อันห่อหุ้มด้วยขนนุ่มสีน้ำตาลปนเทา  จะเยื้องย้ายไปมา  พร้อมสะบัดพวงพู่ขนหางขึ้นลง มันหยอกล้อทักทายกันพอควร  แล้วก็จับคู่วิ่งไล่กันไป  คู่ใครก็คู่มัน ไม่เจ้าชู้ ผิดคู่ผิดฝา  

            คู่หนึ่ง  ไต่ลงมาตามเรียวไผ่ที่อ่อนลู่ลงมาสู่กอกล้วยป่า  เจ้าตัวผู้กระโดดนำลงมาก่อน  ค่อย ๆ เกาะไต่มาบนทางกล้วย  แล้วไต่ลงไปสู่เครือกล้วยสุก  อันมีผลสีเหลือง ๆ ขนาดเท่านิ้วชี้มนุษย์  ประดับเป็นพวงร้อยอยู่ทั้งเครือ  สักครู่เจ้าตัวเมียคู่มันก็กระโดดตามลงมา

แรงเคลื่อนตัวจากเรียวไผ่  ทำให้น้ำค้างร่วงพรูอาบรดตัวมันทั้งคู่  เป็นการชำระล้างขนเหมือนคนกำลังอาบน้ำเช้า  มันคงจะหนาวจึงสะบัดตัว สะบัดขนอยู่พึ่บพั่บ  ส่งเสียงแจ๊ก ๆ แล้วก้มหัวลงกัดกินผลกล้วยป่าเป็นอาหารเช้า

กล้วยป่ากอผอม  มีใบสี่ห้าใบแกว่งเครือเยิบยาบ  ขณะเจ้ากระรอก ๒ ตัวผัวเมียร่วมกันกัดกินแทะเนื้อในผลอยู่เพลิน ๆ  พลันมันก็ต้องสะดุ้งตกใจทำหน้าตาตื่น

ไก่ป่านับสิบที่หากินคุ้ยเขี่ย  อยู่ตามใต้ดงไผ่ ที่มีประสาทไวตามสัญชาตญาณป่า  ได้พากันบินขึ้นพึ่บพั่บ  แล้วต่างก็บินลับหลบหายไปในดงไม้รกเรื้อถัดไป

เจ้ากระรอกผัวเมียหยุดการแทะเนื้อผลกล้วยป่า  ดวงตาเล็กใสกวาดไปรอบ ๆ  มันไม่ตื่นอะไรง่าย ๆ  แบบพวกไก่ใจเสาะขี้ตื่นพวกนั้น  ด้วยเหตุที่ร้อยวันพันปีไม่มีอันตรายจากมนุษย์  หรือสัตว์ใดมามุ่งร้ายหมายขวัญ เข่นฆ่าพวกมันในละแวกทั่วป่าแถบนี้

ซุ่ม ๆ สวบ ๆ

เสียงสัตว์ชนิดใดชนิดหนึ่ง  กำลังบุกป่ามาจากแถบตีนเขา

เจ้ากระรอกผัวเมียเอียงคอ ทำท่าทักถามกัน  ไม่กระโดดหนี  แต่แอบนิ่งจ้องรอดู  แล้วมันก็มองเห็นร่างของมนุษย์ชายหนุ่มผู้หนึ่ง  ถือมีดพร้าและขวานบุกป่าปีนเขาขึ้นมา

“อะไรกัน!  นี่มันอะไรกัน!!  ชายคนนี้บุกขึ้นมาได้ไง?…”

เจ้ากระรอกผัวเมีย  หรือสัตว์อื่น ๆ  ที่มองเห็นเหตุการณ์ก็คงจะทักถามกันอย่างนี้

“ชายคนนี้มาจากไหนกัน  ทำไมจึงกล้าหาญชาญชัย  มาบุกป่าบุกเขาลูกนี้  ช่างไม่รู้จักความตายบ้างหรือยังไง…”

“ชายคนนี้บ้ามาจากไหน  ถึงไม่รู้ว่าป่านี้เป็นป่าอาถรรพณ์”

“เดี๋ยวเถอะ ๆ  ๆ เจอดี”

ซุ่ม ๆ ๆ สวบ ๆ ๆ…

ชายคนนั้นใช้มีดพร้าหวดซ้ายป่ายขวา  กอไม้เล็ก ๆ กอหญ้า พงเถารอบตัวเขาขาดวิ่นเตียนโล่งเป็นแปลง ๆ

ฉับพลัน ป่าทั้งป่ารอบด้านก็แตกตื่น…

            ซู่  ๆ ๆ ๆ ซ่า ๆ ๆ ๆ !!! กราว ๆ ๆ ๆ !!!

            เสียงสัตว์นานาเคลื่อนไหว ค่าง ลิง ชะนี กระรอก กระจง ซึ่งเป็นสัตว์ตัวจ้อยไร้พิษสง พากันเผ่นหนีโครมครืน

            ไก่ป่า นก กระพือปีกบินหนีผับ ๆ  เสียงแตกตื่นส่วนใหญ่หนีห่างออกไป

            แต่อีกเสียงหนึ่ง  เป็นเสียงของสัตว์เลื้อยคลาน  ลำตัวเท่าต้นหมาก ยาว ๓-๔ วา  เกล็ดที่ลำตัวเป็นมันเลื่อมและดำมะเมื่อม  เลื้อยปราด ๆ พร้อมแผ่พังพานส่ายหัวขึ้นลง  แลบลิ้นแผล็บ ๆ มองหาผู้บุกรุกที่ทำให้สัตว์ป่าตื่นอย่างประสงค์ร้าย

            มันเห็นเขาแล้ว

            มันคือ เจ้าตัวหนึ่งในจำนวนผู้ดูแลและอนุรักษ์-รักษาป่าผืนนี้มานานหลายปี  เลื้อยเข้าหาชายผู้บุกรุก  พร้อมแผ่แม่เบี้ยและยกคอสูง

            ทว่า ชายผู้บุกรุกจะได้สำเหนียกถึงภัยที่กำลังจะมาถึงตัว แม้สักนิดก็หาไม่  และเขาคงจะตายไปอีกศพหนึ่ง  เหมือนกับหลาย ๆ ศพที่เป็นมาในอดีตเมื่อสี่สิบห้าสิบปีก่อน  ซึ่งมันนานจน “นิลกาฬ” แทบจะลืมเลือนหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย… เพราะเมื่อไม่มีใครกล้ามาบุกรุก นิลกาฬก็กลายเป็นผู้ที่ไม่มีงานทำ มันกลายเป็นผู้ว่างงานและได้หยุดพักจากการฆ่ามานาน ทว่าวันนี้นิลกาฬกำลังจะมีงาน มันแผ่พังพานยกหัวสูงเตรียมฉก

            แต่ทว่า… มันก็ต้องหดหัวลงรอจังหวะใหม่ เมื่อมีเสียงหนึ่งกู่เรียกดังมาจากตีนเขา ใจจริงของนิลกาฬไม่อยากทำบาปด้วยการฆ่าใคร หากไม่จำเป็น… ซึ่งเพียงแต่ชายคนนี้จะยอมเปลี่ยนใจ ไม่แผ้วถางตัดฟันและรีบลงจากภูเขาไป ตามคำเตือนของเพื่อนผู้ที่ตะโกนห้ามปราม

            “วู้ว์…พี่นำ หยุดก่อน หยุดก่อน… นั่นพี่นำจะทำอะไร”

            ชายคนหนึ่งที่เดินผ่านตีนเขาและบังเอิญมองขึ้นมาเห็นไร ๆ ว่าเป็นนำดีชายหนุ่มหัวรั้นที่กำลังจะมาถางป่า บนภูเขาศักดิ์สิทธิ์

            “ฉันจะเอาที่ตรงนี้ปลูกผลไม้และปลูกพืชสมุนไพร… แต่ไม่แน่บางที ฉันอาจจะมาปลูกบ้านอยู่บนเขานี้ด้วย” ชายคนถางป่าหรือนำดี ตอบเพื่อนบ้านผู้หวังดี

            “โอ๊ย! อย่า… อย่าเชียวนะพี่นำ!   มันอันตรายมากเลยรู้มั้ย  ถ้าพี่จะถางป่าบนนี้  ท่าน! ท่านเอาถึงตายทีเดียว  เคยตายกันมาเยอะแล้ว  นี่ผมเตือนพี่ด้วยความหวังดีนะ”

            ชายผู้เป็นคนในถิ่นบอก ส่วนนำดีคือคนที่มาจากต่างถิ่น  เพิ่งจะเข้ามาอาศัยบ้านญาติอยู่ในตำบลทะเลสาบ

            “ใคร…  ใครล่ะ ที่จะมาทำร้ายฉัน ก็ไหนว่าที่ทางบนเขานี่เป็นที่ว่างเปล่า  ไม่มีใครครอบครอง” 

นำดี  เทวรักษ์  ตะโกนถามกลับลงไป ด้วยสีหน้าและสำเนียงบอกความหงุดหงิดไม่พอใจ

            “ก็เพราะไม่มีใครกล้ามาครอบครองนะซีพี่  ผมจึงบอกพี่ว่ามันอันตราย  พี่คงจะยังไม่รู้อะไร  ป่าไม้บนเขานี้และตลอดลึกลงไปในหุบเขาข้างล่างเป็นป่าอาถรรพณ์  ไม่มีใครกล้ามาแตะ  ผมว่าถ้าพี่อยากหาที่ทำกิน  ไปหาข้างล่างที่อื่นดีกว่า  แถวหลังเขาลึก ๆ เข้าไปก็ยังมี”

            “ฉันไปดูมาทั่วแล้ว  แต่ฉันพอใจที่ตรงนี้  เรื่องตายอยู่ที่ไหนมันก็ต้องตาย  ไม่มีใครเลี่ยงพ้นจะไปกลัวอะไร  เออ…ว่าแต่ถ้าที่ใดไปอยู่แล้วไม่ตายนั่นซี  ที่ค่อยน่าจะไปอยู่หน่อย” 

นำดีเถียงแบบคนหัวดื้อแล้วก็ลงมือถางต่อ

            ‘เอ้…  ข้าจะพูดกับพี่นำว่าอย่างไรดีแกจึงจะเชื่อ  เพราะถ้าแกยังขืนดื้อถางป่าบนภูเขาเทพเจ้า แกต้องตายแน่ ๆ  โธ่…’

ชายหนุ่มรุ่นน้องคนในบ้านหน้าเขาแมว  รำพึงรำพัน  ขณะที่นำดียังคงแกว่งมีดพร้าเข้าหาพวกต้นไม้และเถาวัลย์เล็ก ๆ

“งั้น คิดว่าผมขอร้องเถอะพี่  โปรดเชื่อผมสักครั้ง  ถ้าพี่นำเป็นอะไรไปลุงเทิ้มรู้เข้า ว่าผมมาเห็นแล้วไม่ห้าม ลุงเทิ้มเล่นงานผมตายแน่”  

ส่วนนำดีเมื่อหันมาเห็นหนุ่มรุ่นน้องยังไม่ไปไหน  แถมเดินขึ้นเขามาหาและมองด้วยสายตาละห้อย  อันบ่งบอกความห่วงใย  นำดีก็เห็นได้ถึงความตั้งใจอันดีนั้น จึงวางมือหยุดถางชั่วคราวถามว่า

“อาถรรพณ์ที่นายว่านะมันเป็นยังไง แล้วอะไรล่ะที่เป็นต้นเหตุทำให้คนตาย”

“ไม่มีใครบอกได้หรอกพี่ว่าท่านเป็นอะไร เพราะไม่มีใครเคยเห็นตัว นอกจากคนแก่คนเฒ่าบางคนเมื่อสี่สิบห้าสิบปีที่แล้วที่เคยเห็น แต่คนที่เคยเห็นก็ตายกันไปหมดแล้ว คนเฒ่าคนแก่เรียกท่านว่า “เทพเจ้าเขาแมว” 

“เทพเจ้าเขาแมว”  นำดีทวนคำทำท่าหัวเราะ  “… ไม่มีใครเคยเห็นตัวแต่พากันกลัว  งมงายมากไปหรือเปล่า”  นำดียิ้มเยาะ

“อย่าพูดลบหลู่ท่านเชียวนะพี่  ปรกติท่านไม่ทำร้ายใคร  ถ้าใครไม่มาฆ่าสัตว์หรือตัดไม้ทำลายป่า  ในเขตภูเขาของท่าน  ปู่เริ่ม*เคยเล่าว่า เทพเจ้าเขาแมวเป็นแมวใหญ่สีขาว  เป็นเทพผู้พิทักษ์รักษาภูเขาและป่าต้นน้ำ  ก็ภูเขาที่พี่มาถางอยู่นี่แหละ  เคยมีคนที่ไม่เชื่อขึ้นมาตัดไม้ บางคนขึ้นมาล่าสัตว์ ยิงค่าง  พากันถึงเจ็บถึงตายกันไปเยอะแล้ว  ทุกคนที่อยู่แถบนี้เขารู้เกรงกลัวกันทั้งนั้น  ไม่มีใครกล้าหรอก  ไม่งั้นที่ดินดี ๆ งาม ๆ ติดภูเขาแถบนี้ไม่เหลืออยู่หรอก”

“เฮอะ ๆ นิทานเรื่องนี้มีคนเล่าให้ฉันฟังมาหลายเที่ยวแล้ว”  นำดีหัวเราะ  “ความจริงฉันว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่า  ที่คนที่ขึ้นมาตัดไม้และล่าสัตว์  พอเกิดตายขึ้นมาก็เลยเหมาหรือรับสมอ้างว่า  มาจากอาถรรพณ์ของป่าเขาแมว”

นำดีว่าแล้วก็ตั้งท่าจะถางต่อ  แต่พอเห็นดวงตาละห้อย  และใบหน้าที่ซีดสลดของหนุ่มเจ้าของถิ่น  ในลักษณะที่เหมือนเห็นเขากำลังจะตายไปต่อหน้า  นำดีจึงพูดเพื่อให้เพื่อนบ้านคลายความกังวลว่า

“ฉันอยากจะให้เทพเจ้าหรือแมวขาวตัวนั้นปรากฏขึ้น แล้วถ้าท่านปรากฏให้เห็น ฉันจะขอที่ทำกินจากท่าน จะขอท่านดี ๆ ไม่มากหรอกจะขอสักสี่ห้าไร่ พอได้มีที่อยู่ที่ทำกินเท่านั้น ฉันพูดกับคนด้วยกันมามากแล้วพูดไม่รู้เรื่อง พอจะไปจับตรงนั้นจองตรงนี้ ถามเขาว่าที่ตรงนี้ของใคร มีแต่ชิงกันตอบว่า ของกู ๆ ตรงนั้นก็ของกู ตรงนี้ก็ของกู ฉันเลยต้องมาดูแถวนี้ไง…”

“แต่…”

“นายอย่ากังวลไปเลย เอาเถอะถ้าภูเขาลูกนี้มีอาถรรพณ์จริง ฉันจะล้างอาถรรพณ์เสียเอง ฉันก็พอจะมีวิชาความรู้ในการปราบผีป่าอยู่บ้าง ขอบใจที่เตือน นายกลับไปเถอะไม่ต้องห่วงฉัน รับรองฉันไม่เป็นอะไรหรอก”

นำดี  เทวรักษ์ กลับพูดไปโน่น  ทำเอาหนุ่มเพื่อนบ้านพูดอะไรไม่ออก  ได้แต่กลอกตา  แล้วก็ส่ายหัวก่อนจะเดินดุ่ม ๆ ลงจากภูเขาไป  แต่จุดหมายคือ บ้านของพ่อเฒ่าเทิ้ม

พ่อเฒ่าเทิ้ม มีศักดิ์เป็นลุงของนำดี บางทีพ่อเฒ่าเทิ้มอาจจะพูดจาห้ามปรามนำดีได้  ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้ไข

 

ลับร่างของเพื่อนบ้านผู้หวังดี  นำดี  เทวรักษ์  ก็เงื้อมีดขึ้นมาถางต่อ  แต่พอหวดมีดพร้าลงไปได้สองสามที  ก็ได้ยินเสียงขู่ ฟ่อ ๆ ดังขึ้นทางเบื้องหลัง

ฟ่อ ฟ่อ…

นำดีหันขวับ พร้อมกับร่างยาว ๆ โตเท่าต้นหมาก ที่แผ่แม่เบี้ยยกหัวคอยทีอยู่ก็ฉกขวับ…

แม้ผู้บุกรุกจะฟันสวนไปและมั่นใจในมีดพร้าที่ลับมาคมกริบ  แต่จะมีประโยชน์อะไรในเมื่อเห็นอยู่ว่า  คมมีดของเขาผ่านอากาศว่างเปล่า  ส่วนเขารู้สึกเจ็บแปลบที่ท่อนแขน  และพิษร้ายรุนแรงทวีขึ้นเรื่อย ๆ  มีอาการปวดซ่านเสียวไปทั้งร่าง  ขากรรไกรแข็ง  กระดิกกระเดี้ยร่างกายต่อไปอีกไม่ได้  หนังตาหนักอึ้งเหมือนคนง่วงนอนอย่างหนัก  แล้วร่างของนำดี  เทวรักษ์  ก็สุดที่จะทนยืนอยู่ไหว  เขาซวนเซแล้วล้มคว่ำอยู่ตรงนั้นทันที

**********



* นายเริ่ม  สุขเจริญ  (ตอนนั้น)อายุ ๙๙ ปี

 

รายละเอียด

ชื่อหนังสือ แมวขาวเจ้าภูเขา
ชื่อผู้แต่ง ผกายฟ้า ประกาศิต
หมวดหนังสือ นวนิยาย
คำโปรย
การที่เทพบุตรมารักใคร่สมสู่กับมนุษย์ถือเป็นการผิดกฎของสวรรค์
แม้จะเป็นสวรรค์ชั้นต่ำสุดที่อยู่ในพื้นพิภพเดียวกับมนุษย์
แต่ได้มีการแบ่งมิติที่เทพบุตรกับมนุษย์
ไม่อาจจะมาสมสู่เป็นคู่ผัวตัวเมียกันได้
องค์อินทร์หรือจอมเทพผู้ปกครองสวรรค์
จึงลงโทษโดยให้เทพบุตรผู้ทำผิดจุติมาเกิดเป็น “แมวสีขาว” หรือ
“มัชชารเทพ” มีหน้าที่มาคุ้มครองดูแลรักษาป่าในเทือกเขาแมว
และถ้ำที่อยู่อาศัยของชาวลับแล
เพื่อให้ดินแดนดังกล่าวคงความเป็นดินแดนสวรรค์
มีพืชพรรณอันอุดมสมบูรณ์
เพื่อให้เป็นที่อยู่อาศัยอันสงบสุขของมนุษย์ลับแล
และของเหล่าสัตว์ป่านานาชนิดตลอดไป

รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (78 รายการ)

www.batorastore.com © 2024