เรือนนพเก้า (แก้วเก้า)

เรือนนพเก้า (แก้วเก้า)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9789742533069
ผู้แต่ง: แก้วเก้า
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 300.00 บาท 75.00 บาท
ประหยัด: 225.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

คุณยายบุญทิพย์กับสร้อยสนลงจากรถประจำทางที่สถานีขนส่งสายใต้ ต่อจากนั้น ก็ต่อรถประจำทางอีกสายหนึ่งมาที่บางล่าพู

การจับจ่ายข้าวของที่นี่เป็นความสุขอย่างหนึ่งของสร้อยสน เพราะหล่อน

ไม่มีโอกาสจะไปเป็ดหูเป็ดตาที่อื่น สิบห้าปีมาแล้ว หล่อนเคยเดินทางมาเรียน หนังสือที่สถาบันราชภัฏ สมัยยังเป็นวิทยาลัยครู แต่เพียงหนึ่งปีเศษหล่อนก็ ตัดสินใจเลิกเรียน กลับ'ไปอยู่บ้านเสียเฉยๆ หลังจากนั้นชีวิตของสร้อยสน ดูเหมือนจะมีเส้นทางเพียงแค่บ้านรีมแม่นํ้า กับตลาดเท่านั้น

ส่วนคุณยาย มีจุดมุ่งหมายอีกอย่างหนึ่ง นอกจากซื้อหาของใช้ของกิน ที่จำเป็นแล้ว ถ้าหากมีเวลาว่างมากพอ คุณยายจะแวะเวียนเข้าไปในร้านขาย เครื่องประดับอาภรณ์ของเก่า เรื่อยไปตั้งแต่ถนนพระสุเมรุจนถึงถนนพระอาทิตย์ เพื่อไปเลือกหาเครื่องประดับบางชิ้นที่เธอมุ่งหมายแสวงหา ว่ามีอยู่ในร้านบ้าง หรือเปล่า แต่ทุกครั้ง คุณยายก็คว้าน้ำเหลว

“เคยเห็นไหมคะ เถ้าแก่” คุณยายมักจะถามเจ้าของร้าน “ฉันอยากได้ แหวนนพเก้า...”

“อ๋อ! มีครับ คุณบ้า มี...”

“แหวนวงนี้ไม่เหมือนแหวนนพเก้าที่เห็น ๆ กันนะคะ เรือนท่าเป็นรูป พญานาค”

“โอ้โฮ! แหวนรีครับ ไม่เคยเห็น ถ้าเป็นกำไลละก็พอจะมี ถ้าเป็นแหวน นี่มันเล็กเหลือเกินนี่ครับ ไม่ค่อยมีใครท่ากันหรอก ฝีมือต้องละเอียดมาก ท่า แล้วไม่คุ้มราคา”

เจ้าของร้านบางคนก็แสดงความเอื้อเพื่อว่า

“คุณบ้าจะสั่งท่าไหมล่ะครับ เขียนแบบมาแล้วสั่งช่างให้ท่าละก็ อาจจะได้

แต่ผมว่าฝีมือน่าจะละเอียดมาก ต้องไปถามช่างดูก่อน”

“สั่งทำใหม่ไม่ได้หรอกค่ะ ฉันอยากได้ของเก่า”

“เอางี้ซีครับ คุณยายทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ เผื่อผมเห็นของแบบนี้เข้ามา เมื่อไหร่ จะโทร.ไปบอก ดีไหมครับ”

หลายต่อหลายปี คุณยายแวะเวียนไปตามร้านแถวหัวเม็ด บ้านหม้อ และบางลำพู ด้วยคำถามซ้ำซากอย่างเดิม ทุกครั้ง คำตอบก็เหมือนเดิม สร้อยสนอดรนทนไม่ได้ ครั้งหนึ่งหล่อนเคยถามว่า “แหวนอะไรกันคะ คุณยาย ทำไมคุณยายอยากได้มากนักล่ะคะ” “ยายอยากได้ก็แล้วกัน”

“ถ้าอยากได้แหวนแบบนั้น คุณยายก็ทำไมไม่สั่งทำ จะได้หมดเรื่อง ไม่ต้อง เที่ยวถามตามร้าน”

“ยายไม่อยากได้ของใหม่ อยากได้ของเก่า...เฮ้อ!” คุณยายถอนใจยาว “ของ'โบรา'โบราณ ปานนี้คงสูญหายไปแล้ว...น่าเสียดาย”

สร้อยสนไม่อาจเดาอะไรได้ทั้งล้นจากคำตอบของคุณยายบุญทิพย์ หล่อน รู้แต่ว่า ถ้าคุณยายอยากอธิบาย คุณยายก็จะพูดออกมาเอง แต่มีเรื่องหลายเรื่อง ที่คุณยายตัดบทว่า

“อย่าซักให้มากนักเลย แม่สร้อย หล่อนรู้ไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมาหรอก ดีไม่ดี จะเป็นโทษกับตัวเองมากกว่าเป็นคุณ”

ถ้ายังปืนละก็ ไม่ต้องถามให้เหนื่อยแรง ลองคุณยายไม่บอก เวลาผ่านไปกี่ สิบปี คุณยายก็โม่เป็ดปากบอกอยู่ดี

ครั้งนี้แตกต่างจากร้านก่อน ๆอยู่บ้าง ตรงที่เมื่อคุณยายไปหยุดยืนเคาะ ประตูกระจก ให้เจ้าของร้านกดสวิตช์เป็ดประตูรับ เพราะพอก้าวเข้าไป ลูกค้าที่ นั่งอยู่คนหนึ่งในร้าน ก็ส่งเสียงทักอย่างแปลกใจและยินดี

“อุ๊ยต๊าย..ตาย โลกกล๊ม..กลม ถึงมาเจอกันได้ สวัสดีค่ะ คุณน้าทิพย์ขา นึกยังไงคะมาถึงนี่”

คุณยายรับไหว้ผู้หญิงคนนั้น พูดเพียงสั้นๆว่า “จ้ะ สวัสดี แม่บุญเพิ่ม”

“แหม! ดิฉันเปลี่ยนชื่อแล้วนะคะ ชื่อสุบัณรสิ..ตั้งแต่เปลี่ยนชื่อใหม่ ทำมา ค้าขึ้น เงินทองไหลมาเทมา เห็นผลทันตาจริงจริ้ง...ชื่อถูกโฉลก เชิญนั่งก่อนซีคะ คุณน้าทิพย์ขา นั่งตรงนี้เถอะค่ะ สบ๊ายสบาย”

หล่อนเชื้อเชิญราวกับเป็นเจ้าของร้านเสิยเอง ส่วนเจ้าของร้านซึ่งเป็น หนุ่มใหญ่วัยลี่สิบ ผิวขาว ทำทางอารมณ์ดี ก็ได้แต่ยกมือไหว้ หัวเราะแหะๆ เพราะมีคนแย่งหน้าที่ไปเสียแล้ว

สร้อยสนจำได้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นญาติห่าง ๆ ของคุณยายบุญทิพย์ หล่อน ชื่อบุญเพิ่ม เป็นผู้หญิงวัยหกสิบ...ถ้าฟังจากเสียงพูด นอกจากนั่นแล้วไม่มีอะไรจะ ระบุอายุของหล่อนได้ เพราะทุกสิงทุกอย่างที่จะฟ้องถึงวัยแท้จริง ได้ถูกดิง รัด ยก เสริม ฉาบสิไว้อย่างดีที่สุด เท่าที่ฝีมือศัลยแพทย์เสริมสวยและช่างแต่งหน้า จะบรรจงทำได้

หลายปี เกือบสิบปีมาแล้ว หล่อนเคยมาหาคุณยายเพื่อจะเจรจาเรื่องที่ดิน ที่หล่อนเป็นนายหน้าชื้อขาย แล้วก็หายเงียบไป ตอนนั่นหล่อนสาวสวยกว่านี้ แต่ไม่ได้หรูหราแพรวพราวมากเท่านี้ โดยเฉพาะตามข้อมือ นิ้วและติ่งหู “แหม! ลืมถาม คุณน้าจะมาชื้อเครื่องเพชรหรือคะ?”

หล่อนเจรจาเจื้อยแจ้วต่อไปอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย “ดี๊ค่ะ ดี เจอกันสองคน ดิฉันจะได้ช่วยเลือกให้ คือ...วันนี้ว่างค่ะ ไม่มี อะไรทำ ก็เลยสั่งคนขับรถให้ขับรถเบนย์พานั่งมาเรื่อย ๆ นึกขึ้นได้ว่าถิ่นนี้เป็นถิ่น เก่าแก่ รู้จักคนเก่าๆเยอะ ไม่ได้เห็นหน้ากันหลายปี เดี๋ยวจะว่าเราใจจืดใจดำ รวยแล้วไม่ค่อยจะนึกถึงเพื่อนฝูงคนรู้จัก..อ้อ! มาแล้วค่ะ นํ้าชาร้อนๆ ทานซะนะ คะ แก้กระหาย”

เจ้าของร้านยกนํ้าชาควันขึ้นฉุยมาให้คุณยาย และนํ้าเย็นสำหรับสร้อยสน ถามอย่างสุภาพว่า

“คุณยายจะชมอะไรครับ เชิญเลยนะครับ ชอบอย่างไหนเชิญเลย”

คุณยายเพิ่งได้จังหวะจะถาม

“เรื่องแหวนนพเก้าที่เคยถามๆ มาหลายหนแล้วน่ะค่ะ คุณ เคยได้เห็น บ้างไหม”

“มีแต่แหวนนพเก้าแบบนี้ละครับ”

เยาเปิดตู้กระจก เลื่อนมือไปตามอาภรณ์ที่เรียงอยู่เป็นตับบนพื้นกำมะหยี่ แล้วหยิบแหวนแถวเล็กๆ ฝังพลอยทั่งเก้าสีขึ้นมาวงหนึ่ง ส่งไห้อย่าปืนอบน้อม คุณยายมองแล้วก็ส่ายหน้า “ไม่ละค่ะ ไม่ใช่อย่างที่ฉันอยากได้”

เจ้าของร้านเก็บแหวนเข้าที่ตามเดิม ตอบอย่างคนที่รู้จักคุ้นเคยกันดี “ผมถามพรรคพวกให้หลายครั้งแล้วครับ สืบ ๆ ดูตามเจ้าประจำด้วยซ้ำ ลักษณะที่คุณยายว่าต้องเป็นแหวนเก่าแก่ บางทีเจ้าของเขาเก็บใส่ตู้ไว้ไม่ขายก็มี ผมก็ลองสืบนะครับ บอกให้รู้ทั่วๆว่าใครอยากเอามาแลกแบบใหม่ๆไปใส่บ้างก็ เอามาเลย มีคนอยากซื้อ...ก็ไม่เห็นมี น่าเสียดายจริงๆ เพราะคุณยายบอกว่าจะ ให้ราคาเต็มที่ ไม่เกี่ยง”

คนที่ฟ้งอยู่ ขยับตัวเมื่อได้ยินคำว่า “ให้ราคาเต็มที่”

“แหวนอะไรกันคะ คุณน้าขา ที่คุณน้าบอกว่าอยากได้”

คุณยายไม่ทันตอบ เจ้าของร้านก็หันไปอธิบาย “คุณยายน่ะครับ ท่านอยากได้แหวนนพเก้าทำเรือนเป็นรูปพญานาค ผม ยังไม่เคยเห็นเลยครับ เคยเห็นแต่แหวนงูท่าด้วยทอง หัวฝังไพลินหรือทับทิม นิดหน่อย ยังงั้นมีครับ พอหาได้ ฟ้งที่คุณยายเล่ามาน่ากลัวจะเป็นแหวนของพวก ผู้ดีมีตระกูล หรือไม่ก็เจ้านายสมัยก่อนนะครับ ชาวบ้านเขาไม่ค่อยท่ากันหรอก ครับ แค่นึกถึงผีเมือท่า ก็หาช่างยากมากแล้ว”

สุบัณรสีเบิกตาที่ระบายด้วยสีหนัก ซ้ำยังตัดขอบไว้เข้มลึก ขี้นกว้าง ถาม

เสียงสูง

“อุย! ทำไมคุณน้าจำเพาะเจาะจงจะต้องเสือกเรือนแหวนยังงั้นด้วยล่ะคะ พญานกพญานาค...ฟังน่ากลั๊ว เห็นแต่เขาเจาะจงกันแต่น้ำหนักเพชรว่ากี่กะรัต ทับทิมสยาม หรือมรกตรัสเชีย ไม่เห็นมีใครสนใจเรือนแหวนกันซักคน”

คุณยายไม่ตอบ สร้อยสนเห็นสีหน้าก็รู้ว่าคุณยายเบื่อคำถามแบบนี้ แต่ เจ้าของร้านเป็นฝ่ายตอบเสียแทน อย่างคนมีมนุษย์สัมพันธ์ดี

“คุณยายท่านชอบของเก่าๆครับ อย่างแหวนแบบนี้ ท่านถามหามาหลาย

ปีแล้วครับ เรื่องอื่นๆคุณยายมักจะมาเจอจังหวะดีนะครับ อย่างคราวก่อน ผมเพิ่งโต้มาเม็ดหนึ่ง น่าโวมาก ขาวบริสุทธิ์ขนาดกำลังดีไม่มากไม่น้อยเกินไป ห้ากะรัต คุณยายมาเจอพอดี...เลยได้ไปเลย โชคดีจริง ๆ อีกเจ้าเขามาดูอยู่ เหมือนกัน แต่เขาชักช้าเลยอด เยายังบ่นเสยดาย”

นัยน์ตาที่ระบายไว้หนักลึก เบิ่งโตขึ้นทันที ตั้งแต่ได้ยินคำว่า ‘ห้ากะรัต’ แล้วคำถามก็ตามมาทันที

“คุณน้ามาซื้อบ่อยหรือคะ?”

“ไม่บ่อยหรอกจ้ะ...”

“คุณยายได้ของดีๆไปเยอะเหมือนกันนะครับ” เจ้าของร้านว่ายิ้มๆ “ใคร

เป็นลูกเป็นหลานก็สบาย ดีแล้วครับคุณยาย เงินทองออกมากมาย เก็บใส่ ธนาคารไว้ทำไม ถอนดอกเบี้ยนิดๆหน่อยๆมาใช้ พวกผมจะได้อาศัยรับ- ประทานมั่ง แฮ่ะ ๆ”

คุณยายนั่งคุยอะไรต่อมีอะไรอยู่ในร้านนั้นอีกพักใหญ่ ในขณะที่สร้อยสน เลี่ยงออกไปซื้อขนมไทย ๆ จากอีกฟากหนึ่งของถนน หล่อนอึดอัดที่จะต้องนั่งเผชิญ หน้ากับญาติคนนี้ แล้วก็รู้ว่าคุณยายเอง ก็โม่ค่อยชอบจะผูกมิตรไมตรีด้วยเท่าไร มิฉะนั้นก็คงไปมาหาลู่กันนานกว่านี้เสียแล้ว

คุณยายมิญาติหลายคน ทั้งญาติฝ่ายตนเองและญาติฝ่ายสามีผู้ล่วงลับ หลายคนมั่งมิศรีสุข...อย่างคุณนายบุญเพิ่มคนนี้         แต่ทุกคนก็ทำคล้าย ๆ กับ

คุณยายเป็นไม้ผุๆท่อนหนึ่ง ที่เขาข้ามไปมาอย่างไม่เอาใจใส่

คุณยายเคยบอก โดยไม่มีเสียงโทมนัส

“ไม่มายุ่งกับฉัน ดีแล้ว ฉันจะได้ตายตามสบาย ไม่มิใครมารุมล้อมคอย แช่งเพราะอยากได้มรดก”

แต่ความยินดีของคุณยาย ดำเนินมาได้จนถึงวันนี้ ก็มิอันต้องผันแปร เปลี่ยนแปลง

นิชาเดินจากปากซอยมาถึงหน้าบ้าน เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็น

รถเบนซ์คันหนึ่งจอดเด่นเป็นสง่าขวางประตูอยู่พอดี คนขับวัยชรากำลังใช้โม้ขนไก่

ปัดฝุ่นง่วนอยู่ นิซาส่งยิ้มให้แกเป็นเฮงทักทาย โดยไม่ได้ถาม เพราะไม่รู้ว่า

รถของใคร

แต่พอก้าวเข้าไปในตัวบ้าน ไม่เห็นหน้า ได้ยินแต่เสียง ก็รู้ทันที

เลียงของคุณบ้าสุบัณรสีแหลมก้องออกมาจากห้องรับแขกเล็ก ๆ ของบ้าน

ได้ยินชัดโดยไม่ต้องใช้เครื่องขยายเลียง

“อ๊อ...อ..อ..”

เสียงของเธอไต่บันไดเสียงขึ้นไปสูงลิบ เกินกว่าไม้ตรีจะเอื้ออำนวยได้ ภาษาไทยไม่มีเครื่องหมายแทนเสียงได้ถึงขนาดนั้น

“กลับมาแล้วเรอะจ๊ะ ไม่ได้เห็นหน้าซะเกือบลี่ปี มาดูซี้..ว่าหน้าตาเปลี่ยน

ไปแค่ไหน”

นิชาย่นจมูกอย่างลืมตัว

คุณบ้าเป็นพี่สาวคนโตของพ่อ ปกติก็ไม่ค่อยจะมาเยี่ยมเยียนบ้านนี้นัก ครั้ง สุดท้ายคุณบ้ามาเป็นเจ้าภาพงานศพของพ่อ ตอนที่นิชาเพิ่งสอบเข้ามหาวิทยาลัย ได้ใหม่ๆ

แสงไพ่ในห้องรับแขกเป็ดสว่างไสว แต่แสงเพชรบนเนื้อตัวของคุณบ้าสว่างจ้า เคืองตา และที่บาดตายิ่งกว่าเพชร ก็คือแสงคมกล้ามองทะลุปานประหนึ่ง เลเซอร์ จากสายตาของคุณบ้าสุบัณรสี

“อื้อ..อ..อ..” เสียงของคุณบ้ายังไต่บันไดเสียงขึ้นไปถึงยอด อย่าง ไม่เปลี่ยนแปลง “สวยนี่...ซ้วย..สวย...เออ! ผิวพรรณดี องค์เอวอรชร ยินขึ้นซิ

ยืนให้บ้าดูชัด ๆ”

ก็สูททันสมัยสีชมพูอ่อน กระโปรงสั้นแค่เข่า ที่ขอยืมเพื่อนมาสวมเพี่อไป สมัครงานบริษัทวันนี้น่ะซี ทำให้นิชาแปลกไปจากทุกวัน...หรือพูดอีกที ไม่เหมือน ตัวจริง ผมที่แปรงเรียบร้อย ไม่กระเซิงกระเจิงอย่างก่อนๆนั้นก็อีกอย่าง มัน เป็นความจำเป็นอันหลีกเลี่ยงมิได้ สำหรับการสร้างความประทับใจให้หัวหน้าฝ่าย บุคคลที่สัมภาษณ์

“ลูกสาวเธอสวยนี่ สวยกว่าแม่ซะอีก” คุณบ้าหันไปชมกับเจ้าของบ้าน “นี่ละ ที่เขาว่าแม่ไม่สวย แต่ลูกออกมาสวยนี่เห็นจะจริง”

นิชาแน่ใจว่ารอยยิ้มแม่บอกความพะอืดพะอม เธอตอบออม ๆ เสียงว่า “แกโตเป็นสาวแล้วค่ะ เมื่อก่อนตอนพี่เพิ่ม..เอ๊ย...,พี่สุบัณรสีเห็น...ยังแค่ ลืบหกลืบเจ็ด”

“ถึงว่าสิในบรรดาหลานๆฉันทั้งหมด ก็มีแต่ลูกยองเธอนี่แหละ เรียนเก่ง กว่าเพื่อน แล้วที่เห็นนี่ยังสวยกว่าเพื่อน หน้าตาผิวพรรณดูเป็นลูกผู้ดี ยังงี้จะ เอาไปอวดใครก็ได้เต็มปาก แล้วนี่ แม่นิชา...”

คุณป้าหันมาซัก

“แม่เราเขาบอกว่าวันนี้ไปสมัครงาน ได้โหม?”

ยิ้มของนิชาออกจะจืดเจื่อน

“ยากค่ะ เขาบอกว่าแล้วบริษัทจะแจ้งให้ทราบภายหลัง ก็คงไม่ได้ ปีนี้’งาน หายากเหมือนจะตาย ที่ไหน ๆ ก็โม่จ้างพนักงานใหม่ทั้งนั้น มีแต่จะลดจำนวน” คุณป้าตบอก หันไปมองแม่

“ตาย! แล้วยังงี้เธอจะทำยังไงกันจ๊ะ นวลแข ลูกก็ออกคลั่ก ๆ ตั้งหลาย คน ผัวก็ตายแล้ว เหลือเธอทำมาหาเลี้ยงอยู่คนเดียว เงินเดือนข้าราชการจะพอ ยาไส้ได้ยังไง้ ลูกคนโตเรียนจบมาก็ยังหางานทำไม่ได้อีก...ไม่ได้การซะแล้วมั้งเนี่ย”

นิชาเกิดความรู้สึกอย่างหนึ่ง...ว่าอยากจะทำได้เหมือนในละคร คือเสก

คุณป้าให้กลายเป็นจรวด จะได้พุ่งออกนอกหน้าต่างบ้านไปเสียเดี๋ยวนั้น

“แล้วคุณป้ามีไอเดียหรือคะ ว่าจะให้แม่ทำยังไง?”

คุณบ้าหันขวับมามอง ตอนแรกเหมือนอยากจะจับตัวหล่อนพุ่งออกไป นอกหน้าต่างบ้านเสียด้วยซํ้า แต่แล้ว เมื่อนึกอะไรได้ ก็ยิ้มแค่นๆ

“แน่ละย่ะ ถ้าไม่มีหนทางละก็ ฉันไม่รารวยอย่างทุกวันนี้ร้อก ก็คงจะจน ต๊อกต๋อย...เปล่านะ นวลแข ไม่ได้ว่าเธอ เห็นใจเหมือนกันว่าเธอเป็นพวกกิน เงินเดือน ไม่ได้ทำธุรกิจอย่างฉัน จะเอาเงินเป็นก้อนเป็นกำที่ไหนมาใช้จ่าย นอก ซะว่าจะมีมรดก หรือไม่ก็โกงเขามา...ก็โมใช่ทั้งสองอย่างใช่มั้ยล่ะ”

แม่ตอบอย่างอดทน

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”

“แต่ฉันก็จะช่วยเธอ...ไม่ทอดไม่ทั้ง ยังไงเด็กสามคนนี่ก็หลานฉันแท้ ๆ

 

(โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)

 

รายละเอียด

หนังสือเรื่องนี้ นับเป็นจินตนิยายอีกเล่มหนึ่งของผู้เขียน ที่สามารถสะท้อนให้เห็นถึงสถานภาพและบทบาทของสตรีในอดีตที่ถูกจำกัดด้วยขนบธรรมเนียมประเพณีแห่งยุคสมัย นอกจากนี้ผู้ประพันธ์ยังนำเสนอเกี่ยวกับความเชื่อเรื่อง'กรรม' ได้อย่างสมเหตุสมผลสอดคล้องกับหลักทางพระพุทธศาสนา
เรื่องราวของแหวนงูที่อยู่ในหีบนั้นนั่นเอง คือ แหวนนพเก้าอีกวงหนึ่ง รูปทรงเป็นเกล็ดคล้ายลำตัวงูขดเป็นวง หัวแหวนแผ่ออกคล้ายพังพานงูใหญ่ เรียงลำดับด้วยเพชรและพลอยอีกแปดชนิด เก่าหมองหลังจากถูกเก็บไว้ในหีบ ฝังไว้นานค่อนศตวรรษ เรือนนพเก้าที่พันธนาการดวงวิญญาณของ "ผอบแก้ว" เอาไว้ เช่นเดียวกับความห่วงกังวลถึงแหวนซึ่งมีผู้ให้เธอ หากแต่มันได้หายไป แม้พยายามตามหาเท่าไรก็ไม่พบ !! แล้วเรื่องราวจะดำเนินต่อไปอย่างไร !? ขอเชิญคุณผู้อ่านมาติดตามร่วมกันในนิยาย "เรือนนพเก้า" เล่มนี้

เขียนโดย "แก้วเก้า" ("วินิตา ดิถียนต์" หรือ 'ว. วินิจฉัยกุล')

 

412 หน้า


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024