เจ้าสาวสามราตรี (เพฑูรย์) (EBOOK)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: เจ้าสาวสามราตรี
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 199.00 บาท 129.35 บาท
ประหยัด: 69.65 บาท ( 35.00% )

เนื้อหาบางส่วน

เจ้าสาวสามราตรี     โดยเพฑูรย์            

 

                                                                                ตอนที่ 1                 

 

                                กานต์  เกียรติไพศาล เพ่งมองเข้าไปในตึกแถวเล็กๆ ที่เปิดเป็นร้านตัดผมชายและร้านซักรีดตรงหน้า ด้วยความดูแคลน ไม่น่าเชื่อว่านักธุรกิจใหญ่อย่างเขาจะต้องเสียเวลาถ่อสังขารมาถึงที่นี่ เพียงเพราะลูกชายนอกสมรสของน้องชายสุดที่รัก

หนุ่มใหญ่ผู้มากด้วยประสบการณ์ไม่อยากคิดเลยว่า อารัญหลานชายของเขาจะมา

ติดพันผู้หญิงที่อาศัยอยู่ในนี้ได้ เขารู้มาว่าเธอชื่อรินดา อายุยี่สิบห้าปี เคยเป็นเพื่อนร่วมสถาบันเดียวกันกับอารัญก่อนที่อารัญจะถูกส่งไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ อาศัยอยู่กับพ่อขี้เมาที่ขยันเปิดๆ ปิดๆ ร้านตัดผมและหลานชายอายุแปดขวบ เด็กที่หนุ่มใหญ่เจนโลกอย่างเขามองว่าน่าจะเป็นลูกไม่มีพ่อของเธอมากว่า

                                “ไม่ต้องดับเครื่องหรอก ฉันเข้าไปคุยไม่นาน” นัยน์ตาเย็นชากวาดสายตาไปที่ร้านของเป้าหมายอีกครั้ง ก่อนจะกระชับสูทราคาแพง ก้าวเท้าลงจากรถยนต์คันหรูทันทีที่ผู้ติดตามเปิดประตูแล้วก้มศีรษะให้ด้วยความนอบน้อม

 

                                เสียงไอโขลกๆ และเสียงบ่นพึมพำของผู้ชายที่ดังเล็ดลอดออกมาจากห้องนอน ทำให้เจ้าของใบหน้ารูปไข่ต้องส่ายหน้าอย่างระอา พ่อกลายเป็นคนขี้เมาตั้งแต่แม่ของเธอตายและมาตอกย้ำความเสียใจเมื่อ

สิรินลูกสาวคนเล็กท้องไม่มีพ่อ และในฐานะลูกสาวคนโต รินดาจึงต้องรับหน้าที่หาเงินเข้าบ้านแบบที่ป้าข้างบ้านคอยว่าให้เสมอว่าตัวเป็นเกลียวหัวเป็นนอต           

และคนที่ทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นนอตก็ต้องทำหน้ามุ่ย วางเตารีดที่กำลังรีดผ้าให้ลูกค้า

ลงอย่างหัวเสีย เมื่อมองเห็นผู้ชายสองคนเดินตรงเข้ามาในร้านด้วยท่าทางองอาจ

                                “วันนี้ช่างไม่สบายค่ะ” หล่อนตะโกนบอก แล้วก็นึกเสียดายรายได้ที่ต้องเดินจากไปเหมือนทุกครั้งที่พ่อเมา!!

                                “เธอชื่อรินดาใช่ไหม?” ผู้ชายที่ยืนจังก้า กางขาออกจากกันเล็กน้อยถามขึ้นเสียงเรียบ

                                “ริน-นะ-ดา ไม่ใช่ ริน-ดา” คราวนี้เจ้าของชื่อเดินออกมาจากมุมซักรีดของเธอ

ดวงตากลมโตปราดสำรวจผู้ชายสองคนที่เข้ามาในร้านนั้นอย่างพินิจพิจารณา และถ้าเธอให้

ความสนใจกับพวกเขาสักหน่อยเธอคงจะไม่บอกอย่างนั้นแน่ๆ เพราะดูจากลักษณะท่าทางและการแต่งกายแล้ว พวกเขาคงไม่เสียเวลาแม้แต่จะคิดที่จะมานั่งเป็นลูกค้าให้กับพ่อของเธอที่ร้านตัดผมเล็กๆ อย่างนี้ด้วยซ้ำ!!

                                “พวกคุณคือใคร มีธุระอะไรคะ?”

                                “ฉันมาหาริน-นะ-ดา” คราวนี้เจ้าของไหล่กว้างที่วางสีหน้าเรียบเฉยออกเสียงชื่อของเธอถูกต้องชัดเจน

                                “ฉันนี่ล่ะค่ะรินดา แต่ฉันไม่รู้จัก..”

                                “ฉันเป็นลุงของอารัญ” เสียงห้าวนุ่มลึกแนะนำตัว

                                “ลุงกานต์!” รินดารีบยกมือไหว้ เพราะอารัญเคยเล่าเรื่องราวของคุณลุงกานต์ให้เธอฟังอยู่เสมอ แต่ไม่นึกว่าคุณลุงกานต์ตัวจริงจะยังหนุ่มแน่น รูปหล่อ ซ้ำยังเป็นหนุ่มบุคลิกดีอีกต่างหาก

                                “เชิญคุณลุงนั่งก่อนค่ะ คุณอารัญเคยพูดถึงคุณ..” หล่อนกระวีกระวาดเชื้อเชิญ

                                “ฉันแค่แวะมา” เสียงทุ้มๆ ตัดบทอย่างรำคาญ กานต์มองกวาดผ่านๆ ไปยังเก้าอี้ไม้สองตัวที่หล่อนเชื้อเชิญให้นั่งอย่างไม่ปิดบังความรู้สึก

                                “ก็แค่แวะมาบอกให้เธอเลิกยุ่งกับหลานชายของฉันได้แล้ว”

                                “กับอารัญน่ะหรือคะ?” หล่อนทำตาโต

                                “ใช่! จะเป็นใครไปอีกล่ะ” น้ำเสียงเหมือนรำคาญ

                                “หรือเธอยุ่งกับผู้ชายมากกว่าหลานของฉัน”

                                “เปล่าค่ะ”

                                “แล้วก็จะเป็นการดีมาก หากว่าเธอจะไม่สูบเอาเงินไปจากเขาอีก ที่แล้วมาฉันจะยกให้ ถือเสียว่าเป็นค่าจ้างให้เธออยู่ห่างๆ หลานชายของฉันไว้ก็แล้วกัน”

                                “เงิน เงินอะไรคะคุณลุง”

                                พับผ่าสิ! ชายหนุ่มไม่ชอบคำว่าลุงที่ออกมาจากปากของเธอเลยจริงๆ มันทำให้เขาดูหง่อมราวกับคนอายุหกสิบขึ้นมาอย่างไรชอบกลทั้งๆ ที่เขาเพิ่งจะฉลองวันเกิดครบสี่สิบสองปีมาไม่กี่วันนี่เอง

                                “ก็เงินที่เธอขอเขาเอาไปผ่อนร้านนี้อย่างไรล่ะ รินดา” น้ำเสียงห้วนขึ้น

                                “อ๋อ!” คราวนี้คนตัวเล็กจำได้

                                “เงินนั่นฉันขอยืมเขาค่ะ ไม่ใช่ขออารัญเขาฟรีๆ” รินดาอธิบาย หากว่าไม่จนตรอกจริงๆ เธอคงไม่กล้าเอ่ยปากหยิบยืมจากหลานชายของเขาหรอก

                                “หลานชายฉันเขามีจิตใจโอบอ้อมอารี และชอบมองคนในแง่ดีเกินไป”

                                “คุณกำลังหมายความว่า ฉันจะหลอกเอาเงินหลานชายของคุณอย่างนั้นหรือคะ?”

                                “ขอโทษด้วยนะ หากว่าฉันพูดถูกจุด” เจ้าของบุคลิกมาดเฉียบรับคำ

                                “มันไม่ใช่อย่างที่คุณลุงคิดนะคะ” หล่อนเสียงดังขึ้น เมฆายังยืนกุมมือขนาบข้างเจ้านายมาดนิ่งอยู่เงียบๆ

                                “ใช่ หรือไม่ใช่ ฉันก็อยากให้เธอเลิกคบกับอารัญ”

                                “เพราะอะไรคะ ฉันกับอารัญ เรา...”                     

                                “อยู่ให้ห่างจากอารัญ!” น้ำเสียงเรียบๆ แต่แฝงไปด้วยความข่มขู่ตัดบทขึ้น

                                “อย่าให้ฉันต้องทำในสิ่งที่ฉันไม่อยากจะทำ!” อีกครั้งที่รินดาคิดว่ามันเป็นคำขู่ ก่อนที่ร่างสูงสมสง่าจะสาวเท้าออกไปจากร้านของเธออย่างทรงอำนาจ แต่ก็ยังทันได้ยินเสียงไอโขลกๆและเสียงพึมพำอ้อแอ้จากคนที่นอนอยู่ในห้อง!!

 

                                ‘นี่หรือคุณลุงของอารัญ’ หล่อนทรุดตัวลงนั่งอย่างอ่อนแรง ก่อนจะลำดับเรื่องราวของเธอกับผู้ชายที่ชื่ออารัญ

                                อารัญเป็นเพื่อนร่วมสถาบันเดียวกันกับเธอ ตั้งแต่เธอยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษา เคยคบหาอยากจะลองเป็นมากกว่าคำว่าเพื่อน แต่ก็ไปไม่รอด เพราะอารัญย้ายไปเรียนต่อที่ต่างประเทศตั้งแต่ยังไม่จบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายด้วยซ้ำ  เขาจึงไม่ได้ติดต่อกับเธออีก จนกระทั่งวันหนึ่งหล่อนก็ไปเจอกับอารัญโดยบังเอิญในงานราตรีคืนสู่เหย้า หลังจากที่อารัญได้หวนกลับมาเมืองไทยอีกครั้ง  และนั่นเป็นที่มาที่ทำให้เธอกับอารัญเริ่มคบหาติดต่อกันอีก

“ป้าดา” เสียงเล็กๆ ของเด็กชายหน้าเป็นที่นั่งทำการบ้านร้องเรียกหาตัวช่วยทุกครั้งเมื่อเด็ก

น้อยมีการบ้านวิชาคณิตศาสตร์ เมื่อนั่นแหละที่หล่อนตื่นจากภวังค์

                                “ผมไม่เข้าใจข้อนี้”

                                “รอเดี๋ยวเดียวจ้ะ” มือเล็กๆ ปาดเหงื่อที่ผุดขึ้นที่หน้าผาก เสียงคนในห้องเงียบไปนานแล้ว แล้วก็คงจะเป็นวันพรุ่งนี้ที่พ่อของหล่อนจะสร่างเมาและลุกขึ้นอาบน้ำอาบท่าปัดกวาดหน้าร้านพร้อมที่จะเปิดให้บริการตามปกติ

รินดาถอนหายใจ หลายปีก่อนแม่ของเธอมาตายด้วยอุบัติเหตุขณะที่ซ้อนมอเตอร์ไซค์ไปกับ

พ่อ การที่เมียรักต้องตายไปต่อหน้าต่อตาทำให้นายประชาพ่อของเธอทำใจไม่ได้ ครอบครัวที่เคยอบอุ่นอยู่กันพร้อมหน้าพ่อแม่ลูก ต้องเงียบเหงาลงอย่างน่าใจหาย ขาดแม่แล้วก็ไม่มีใครที่จะดูแลบ้านช่อง รวมทั้งดูแลว่ากล่าวตักเตือนสิรินน้องสาวของเธอ และนั่นก็เป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้น้องสาวของเธอต้องออกจากโรงเรียนกลางคัน เพราะท้องไม่มีพ่อ ก่อนจะทิ้งการเรียนขอออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านตามลำพัง ปล่อยให้เธอต้องเลี้ยงพ่อและเลี้ยงหลานตาดำๆ อยู่เพียงผู้เดียว!!

                                “ไหนข้อไหนจ๊ะ” รินดาเช็ดไม้เช็ดมือแล้วนั่งลงเคียงข้างเด็กชายมังคุด

                                “ข้อนี้” เด็กชายเอามือจิ้ม

                                “มีส้มอยู่สอง...” หล่อนอ่านคำถามและอธิบายวิธีการทำให้กับคนตัวเล็กโดยไม่ได้สังเกตถึงฝีเท้าของใครคนหนึ่งที่เดินเข้ามาอย่างเงียบๆ

                                “ทำอะไรกันจ๊ะสองป้าหลาน”

                                “คุณรัญ” หล่อนส่งยิ้มให้กับผู้มาใหม่อย่างอ่อนโยน ความที่ไม่ได้ติดต่อกันมานานทำให้รินดาไม่กล้าเรียกอีกฝ่ายว่าอารัญเหมือนเมื่อครั้งยังนุ่งขาสั้น เพราะบัดนี้เด็กหนุ่มคนนั้นได้เติบโตเป็นหนุ่มมาดนักธุรกิจเต็มตัวจนได้รับความไว้วางใจจากผู้เป็นลุงให้เป็นผู้ดูแลกิจการของ ‘เกียรติไพศาล’ ที่ประเทศอังกฤษ

                                “สอนการบ้านให้มังคุดอยู่ค่ะ เชิญนั่งก่อนนะคะ” หล่อนเชื้อเชิญ หันไปอธิบายวิธีทำให้กับหลานชายจอมซนแล้วก็ลุกขึ้นเข้าครัว ยกแก้วน้ำมาให้แขกหนุ่ม

                                “คุณลุงล่ะ” อารัญหมายถึงนายประชาพ่อของรินดา

                                “นอน” อีกคนตอบอย่างเซ็งๆ

                                “เมาอีกแล้วหรือ?”

                                “ฮื่อ!” เสียงเบื่อหน่ายตอบรับ

                                “เพราะฉะนั้นคืนนี้ ฉันคงออกไปดูหนังกับคุณอย่างที่ตั้งใจไว้ไม่ได้แล้วล่ะค่ะ” มันไม่ใช่ครั้งนี้ครั้งแรกที่รินดาต้องตัดใจไม่ออกไปกับเพื่อนชายมหาเศรษฐี เพราะเธอไม่กล้าทิ้งหลานชายไว้กับผู้ชายขี้เมาที่นอนหลับอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว

                                “ไว้เป็นคืนพรุ่งนี้ก็ได้” อารัญเข้าใจดี และก็อดจะสงสารผู้หญิงตรงหน้านี้ไม่ได้ ในวัยสาวสดใสอย่างหล่อนควรจะมีชีวิตชีวากว่าการที่จะมาจมปลักคอยดูแลพ่อขี้เมาและหลานชายตัวน้อย

                                “คุณรัญ!” หล่อนเรียกชายหนุ่ม

                                “เรื่องเงินที่ฉันขอยืมคุณมา ฉันยังเก็บเงินที่จะคืนให้คุณไม่ได้เลยค่ะ”

                                “นึกยังไงถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีก” อารัญกล่าวขึ้นอย่างอ่อนโยน

                                “ก็ผมบอกแล้วนี่ครับว่าผมตั้งใจช่วย”

                                “ฉันเข้าใจที่คุณมีความเมตตาต่อครอบครัวของเรา แต่ฉันรู้สึกไม่สบายใจค่ะ” หล่อนไม่กล้าจะบอกชายหนุ่มว่าเป็นเพราะอะไร

                                “จะไม่สบายใจไปทำไมครับ ก็บอกแล้วว่าผมไม่ได้ให้ยืม” ชายหนุ่มส่ายหน้าอย่างระอาในความดื้อดึงของหญิงสาว

                                “ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แต่ฉันก็อยากจะคืนเงินคุณอยู่ดี แต่ต้องขอเวลาหน่อย” ท้ายประโยคหล่อนอ้อมแอ้มไม่เต็มเสียง

                                “เพราะไม่เช่นนั้น ใครไม่รู้จะหาว่าฉัน...ฉันสูบเอาเงินคุณ” เธอยกเอาท้ายประโยคที่ผู้ชายเย็นชาคนหนึ่งเป็นผู้กล่าวหา

                                “คิดมากไปได้” อารัญหัวเราะเบาๆ

                                “เงินก็เงินของผม ใครจะมารู้ดีไปกว่าผมล่ะจริงไหม?”

                                “ก็..” หล่อนลังเลที่จะบอก

                                “ไม่รู้สิคะ เผื่อจะมีคนอื่นๆ รู้ มันคงไม่ดี”

                                “สนใจทำไมกับคนอื่น แค่เรารู้ว่าเราสองคนทำอะไรแค่นั้นก็พอ”

                                “ก็..” หล่อนยังอึกอัก

                                “มีอะไรหรือ?”

                                “ปะ เปล่าค่ะ คุณทานข้าวมาหรือยังคะ?” หญิงสาวรีบเปลี่ยนเรื่อง

                                “ยังเลย เลิกงานก็ตรงมานี่แหละ”

                                “งั้นถ้าไม่รังเกียจก็ทานข้าวด้วยกันนะคะ”

                                “ผมเริ่มจะหิวแล้วสิ” ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นเดินตามร่างบางเข้าไปในครัว

                                “คุณรัญช่วยดูการบ้านของมังคุดให้ฉันดีกว่า ฉันขอทำกับข้าวเสริมอีกสักอย่างก็เสร็จแล้วล่ะค่ะ” หล่อนบอกแขกหนุ่ม ก่อนจะขอตัวเข้าครัวทำกับข้าวมาเพิ่ม บอกตัวเองให้ลืมสายตา วาจาและกิริยาที่ดูถูกดูแคลนของผู้ชายมาดนิ่งอย่างคุณลุงของเขาซะ!!

 

                                เสียงฮัมเพลงที่ดังอยู่หน้าร้าน ทำให้รินดาอดจะอมยิ้มไม่ได้ ก่อนจะชะโงกหน้าไปมองร่างเล็กๆ ของผู้เป็นพ่อที่กำลังปัดกวาดเช็ดถูเก้าอี้และม้านั่งในร้านประชาบาร์เบอร์อย่างขะมักเขม้น

                                “สร่างเมาแล้วสิ!” ลูกสาวถามยิ้มๆ แต่คำตอบที่ได้รับกลับเป็นการถามถึงหลานชายหัวโปรด

                                “มังคุดล่ะ”

                                “เดี๋ยวลงมา” ตอบแล้วเดินเข้าครัว จัดการเตรียมมื้อเช้าให้กับผู้ชายสองวัยอันเป็นกิจวัตรที่รินดาหลีกเลี่ยงไม่ได้ หลังจากที่แม่เสียชีวิต

                                “วันนี้พ่อห้ามเมานะ” เสียงใสๆ ตะโกนออกมาจากในครัว

                                “เพราะว่าคืนนี้หนูมีนัดจะไปดูหนังกับคุณรัญ ไม่งั้นไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อนเจ้ามังคุดมัน”

                                “แต่พ่อว่าจะไปหาป้าแกที่สุพรรณสักหน่อย เผื่อจะกลับค่ำ”

                                “ไปยืมเงินใช่ไหมคะ?” ลูกสาวออกมายืนพิงขอบประตูมองคนที่จะไปสุพรรณบุรีนิ่ง

                                “ค้างค่าผ่อนบ้านลุงจิตมาสองเดือนแล้วนะ” ผู้เป็นพ่อบอกเหตุผล

                                “เรื่องนั้นพ่อไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ หนูจัดการเรียบร้อยแล้ว” คนจัดการยืนส่งยิ้มหน้าใส พลางหวนนึกถึงคืนที่เธอแอบได้ยินเสียงพ่อร้องไห้เก็บข้าวของเตรียมย้ายออก และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้เธอต้องยอมข่มความอายไปขอยืมเงินจากอารัญ!!

                                “แกไปเอาเงินที่ไหนมาวะอีหนู”

                                “หนูขอยืมเพื่อน”

                                “ใคร?”

                                “พ่ออย่ารู้เลย ถึงอย่างไรหนูก็จัดการเรียบร้อยไปแล้วล่ะค่ะ เพียงแต่ว่าต่อไปนี้ พ่อกับหนูต้องขยันทำงานให้มากขึ้น หนูเองก็จะรับผ้ามาซักให้มากกว่าเดิม เราจะได้มีเงินมาผ่อนบ้านและที่สำคัญมีเงินไปใช้คืนเพื่อนของหนูด้วย”

                                “พ่อว่าบ้านหลังนี้ต่อไปเราก็ปล่อยให้ธนาคารเขายึดมันไปซะจะได้สิ้นเรื่อง” นายประชาพูดอย่างปลงตกเพราะหมดกำลังใจที่จะผ่อนมันต่อ

                                “ได้ไงคะ?” ลูกสาวร้องเสียงหลง นึกขอบใจตัวเองที่ตัดสินใจยืมเงินอารัญ

                                “บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่พ่อกับแม่ได้มันมาจากน้ำพักน้ำแรง และอีกอย่างพ่อกับแม่ก็ผ่อนมันมาตั้งนานแล้ว อีกไม่กี่ปีมันก็จะเป็นของเรา พ่ออย่าเพิ่งถอดใจสิคะ ยังไงๆ เราก็ต้องประคับประคองมันไปจนได้แหละค่ะ” น้ำเสียงหนักแน่นของลูกสาวที่ทำให้นายประชาต้องถอนหายใจ สายตามองตามร่างบางของลูกสาวคนโตที่หายเข้าไปในครัวด้วยความรักและความขอบคุณหญิงสาว

รินดาทำงานหนักเพราะตั้งแต่นางนงเยาว์เสียชีวิต หล่อนก็ทำหน้าที่เป็นเสาหลักของ

ครอบครัวแทนเขาที่บางวันก็อดไม่ได้ที่จะใช้น้ำเมาดับความทุกข์ ความคิดถึงถึงผู้เป็นภรรยาและความล้มเหลวในการเลี้ยงดูสิรินบุตรสาวคนสุดท้อง!!

                                “ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แต่ถ้าว่าบ้านหลังนี้มันทำให้ลูกต้องเหนื่อยสายตัวแทบขาดแบบนี้ พ่อก็คิดว่าเราน่าจะยกให้ลุงจิตไปซะ ส่วนเขาจะผ่อนต่อหรือเอาไปขายมันก็เรื่องของเขา” นายประชาตะโกนไล่หลัง

                                “เรื่องอะไรจะยอมคะ เราผ่อนมาตั้งนาน ถ้าพ่อห่วงเรื่องนี้ พ่อก็ต้องเลิกกินเหล้าเมาหยำเป แล้วหันมาทำงานหาเงินผ่อนบ้านช่วยหนูดีกว่า” เสียงใสๆ ตะโกนกลับ

                                “หนูเอาเงินไปให้เขาแล้วนะ” ผู้เป็นพ่อหมายถึงสมจิตเพื่อนรักที่รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าของบ้านในนามเพราะสมจิตรับราชการสามารถกู้เงินเพื่อมาซื้อบ้านหลังนี้แทนเขาได้ โดยเขาจะต้องชำระค่าผ่อนบ้านให้กับสมจิตเป็นประจำทุกๆ เดือน

                                “ก็บอกแล้วว่าเรียบร้อย พ่อไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ”  

                                “คุณรัญให้ยืมเงินหรือ?” เงียบไปไม่นานนายประชาก็ถามขึ้น

                                “พ่อคิดว่าใครล่ะ?” ลูกสาวย้อนถามขณะจัดสำรับกับข้าวมื้อเช้า ไม่นานหลานชายหน้าเป็นก็เข้าประจำที่

                                “งั้นก็ฝากขอบคุณ คุณรัญเขาด้วยแล้วกัน”

                                “คืนนี้เขาจะมารับหนูไปดูหนัง พ่อก็บอกเขาเองสิคะ”

                                “ได้ ถ้าไม่เมาเสียก่อน” ผู้เป็นพ่อกระเซ้า จึงถูกคนตัวเล็กทำเสียงเขียวขู่

                                “อย่าเชียวนะ!”

                                “ป้าจะไปดูหนังกับคุณรัญหรือครับ”

                                “ใช่”

                                “ป้ากับคุณรัญเป็นแฟนกันแหงๆ เลย” มังคุดทำเสียงแก่แดด

                                “เป็นเด็กเป็นเล็กทำเป็นอวดรู้”

                                “ก็ไม่จริงหรือครับ” เด็กน้อยส่งยิ้มจนตาหยี

                                “คุณรัญมาบ้านเราเกือบทุกวันเลย”

                                “รีบกินเข้า เสร็จแล้วป้าจะได้ไปส่ง” รินดาตัดบทก่อนจะนั่งลงจัดการกับมื้อเช้าของหล่อน นึกถึงคำพูดของมังคุดแล้วรินดาก็ได้แต่ปลงตก เธอกับอารัญฐานะแตกต่างราวฟ้ากับดิน เธอไม่อยากคิดว่าเขาจะมาสนใจไยดีกับเธอเหมือนก่อน ซ้ำร้ายลุงของเขาก็เป็นก้างขวางคอชิ้นใหญ่ เธอคงเป็นได้แค่เพื่อนที่อารัญมีไว้คลายเหงาก็เท่านั้น!!

รายละเอียด

             คำโปรยเรื่องเจ้าสาวสามราตรี

 

“คุณจะทำอะไรฉันคุณกานต์!”  รินดาดิ้นหนี

                        “ทำอย่างเมื่อกี้อีกครั้งไง ครั้งนี้เธอตื่นเต็มตาแล้ว

หวังว่าฉันคงจะทำให้เธอประทับใจบ้าง”

                        “บ้า! ปล่อยฉันนะ”

“ปล่อยทำไม? ก็ฉันกำลังจะทำให้เธอประทับใจกับมัน

จนยากที่จะลืม”

“ไอ้บ้า! ปล่อยฉัน”

“อย่าดิ้นเลยรินดา ยิ่งดิ้นเธอยิ่งเจ็บนะ”

คนตัวโตขู่

“ปล่อยฉัน!” หล่อนเข่นเขี้ยว

“ฉันเจ็บนะ ปล่อยฉันไปเถอะ เอาไว้วัน

หลังก็ได้นะ นะคะคุณกานต์” หล่อนใช้จิตวิทยาต่อรอง

“ทำไมล่ะ?” กานต์ถามแต่ท่าทางไม่เล่น

ด้วย

“เพราะถึงฉันจะไม่เจนจัด แต่ฉันก็รู้นะ

ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ที่..ที่จะทำอีกครั้ง มันไม่..ไม่เร็ว

ขนาดนี้” เหยื่อสาวตะกุกตะกัก

“เธอไปเอาความคิดนี้มาจากไหน?

“ฉันรู้ก็แล้วกัน” หล่อนเบือนหน้าหนีเมื่อ

สามีหมาดๆ ก้มหน้าลงมาใกล้

“ก็ไหนว่าไม่เจนจัดไง?” กานต์หลิ่วตา

ล้อเลียน สองมือรวบตัวเธอไว้แน่น

“ฉัน...ฉันอ่านในหนังสือ คราวนี้คุณ

ปล่อยฉันได้หรือยัง?”

“ยัง! จนกว่าฉันจะฉีกตำราของเธอทิ้งไป”

 

                                    *******************


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (83 รายการ)

www.batorastore.com © 2025