หัวใจดงดิบ เล่ม 2 (โสภี พรรณราย)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: -
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 150.00 บาท 37.50 บาท
ประหยัด: 112.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

๒๖...

                ท่ามกลางเสียงเพลง แสงไฟสลัวๆ กลิ่นควัน

บุหรี่ วรวัชนั่งอยู่นานกับเครื่องดื่มโปรดปราน

                แม้มีคนอาสาเป็นเพื่อนคุยด้วย เขาปฏิเสธ

                จนเครื่องดื่มหมดไปหลายแก้ว เขาหยิบอะไร

เล็กๆในกระเป๋ากางเกงออกมา เห็นชัดว่าเป็นกล่อง

กำมะหยี่

                ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มเหยียดๆ

                หนักหนาเหมือนกันสำหรับการลงทุนครั้งนี้

                เขาเพิ่งซื้อเมื่อตอนบ่าย เดินผ่านร้านเพชรใน

โรงแรม

 

 

                เพชรเม็ดเล็กๆ ในแหวนทองเหลืองอร่าม ราคา

เกือบสามเหมื่นบาท!

                สามหมื่นบาทกับการลงทุน บทละครกำลังเริ่มต้น

                โดยไม่ต้องอาศัยผู้กำกับ เขาแสดงเอง เล่นเอง กำกับ

เอง

                หล่อนเด่นอยู่บนเวที ในชุดกระโปรงสั้นผ้ามันระยับ

จนคล้ายหนัง โชว์ผิวพรรณขาวเนียน ล่อจระเข้

                เสียงก็งั้นๆ หล่อนขายเรือนร่างและความสดสวย

มากกว่า ค่อนข้างได้ผลกับเสียงปรบมือยาวนาน

                วรวัชสะกิดพนักงานบริการ กระซิบเบาๆ ชี้ไปทาง

หล่อนเป็นอันรู้กัน

                เพียงครู่เดียวมิรินทร์ก็เดินมาหา

                มันเป็นการยากที่จะอ่านความรู้สึกของหล่อน

                คืนนี้ไม่มีรอยยิ้ม ศีรษะตั้งตรง หล่อนสามารถทำให้

บรรยากาศอึดอัดไม่เลว

                “ผมสั่งเครื่องดื่มให้คุณนะ”

                “ไม่ต้องค่ะ!”

                หล่อนไม่ได้ปฏิเสธตามมารยาท  เขาดูออก

 

 

                “ตามใจ ผมมีอะไรอย่างหนึ่งจะให้แหน่ะ”

                วรวัชยื่นกล่องกำมะหยี่ นี่หรือบทบาทของเขา แข็ง

กระด้างด้วยกันทั้งคู่ จนเขานึกขำตัวเอง

                ทำตัวเป็นเศรษฐีที่มาติดพันนักร้อง จะแสดงให้สม

บทบาทสักหน่อย ดูท่าทางหล่อนไม่ให้ความร่วมมือ

                หล่อนเพียงเลิกคิ้วนิดๆ

                ภาพที่เขาคิด หล่อนน่าจะตื่นเต้น เปิดและยิ้ม อย่าง

น้อยพนมมือกับอกเขา กราบขอบคุณ

                วรวัชคิดไปเองทั้งหมด

                คนอย่างมิรินทร์ไม่มีวันทำเช่นนั้น หล่อนไม่ยอม

แตะต้องกล่องกำมะหยี่เลยด้วยซ้ำ

                “อะไรคะ?”

                “คุณดูเองสิ”

                “ให้ดู?”

                “ให้คุณ!” เขาเน้น

                “ฉันรับไม่ได้หรอกค่ะ ขอบคุณ”

                วรวัชขมวดคิ้ว ไม่ใช่วิสัยของผู้หญิง ไม่ใช่วิสัย

 

 

 

ของหล่อน อย่างน้อยถึงไม่รับก็น่าจะเปิดดู แล้วค่อยปฏิเสธ

                “คุณน่าจะดูก่อน”

                “ฉันว่าไม่จำเป็นหรอก”

                “จะเอาใจแขกหน่อยไม่ได้หรือ?”

                “แต่”

                “ถือว่าผมเป็นหุ้นส่วนที่นี่ก็ได้”

                “ในฐานะเจ้านายค่ะ!”

                ผ่านไปเพียงสองคืน หล่อนไม่ใช่มิรินทร์คนเดิม

วรวัชสงสัยสานิทเมาและพูดอะไรกับมิรินทร์

                จะต้องมีผลที่ทำให้หล่อนเปลี่ยนแปลง

                แหวนเพชร!

                ประจักษ์สายตาหล่อน ทั้งๆ ที่รู้หล่อนเปิดกล่องและ

ส่งคืน

                “สวยดีค่ะ”

                “ผมให้คุณ”

                “ฉันไม่เคยรับของมีค่าจากใคร”

 

 

“ยกเว้นผมสักคนไม่ได้?” เขาไม่เชื่อ และถึงเป็น

จริงหล่อนก็อ่อยเหยื่อหวังปลาตัวใหญ่มากกว่า

                “มันไม่มีเหตุผลที่ฉันจะรับของมีค่าจากใคร”

                “ทำไม ในเมื่อคนให้เต็มใจ”

                “ถ้ารับ ฉันก็คงเป็นหนี้บุญคุณใครต่อใครมาก

มาย”

                “ไม่ ผมไม่คิดอย่างงั้น”

                “แต่ฉันคิด”

                “ท่าทางวันนี้คุณไม่ค่อยสบายนะ”

                “หรือคะ?”

                “ถามจริงๆ เถอะ คุณเป็นอะไรไป?”

                “ฉันสบายดี”

                “ผมดูออกนะ” กิริยาหรี่ตา สมเพชตัวเองที่ต้อง

ง้องอนเอาใจใส่ผู้หญิงที่ตนนึกรังเกียจ

                หล่อนตาวาวมองหน้าเขา

                “จะให้ฉันพูดหรือคะ?”

                “ผมเปิดโอกาสให้แล้ว”

                “คุณเป็นอะไรกับคุณสานิทคะ?”

 

 

                “คุณรู้อะไร มากแค่ไหนล่ะ?” เขาย้อน นึกอยู่

แล้วสานิทเองที่ทำให้แผนแตก

                ท่าทางหล่อนยังลังเล ดวงตาคลางแคลง

                “เสี่ยทินกรบอกว่า คุณสานิทเป็นหลานชายคุณ

ฉันไม่รู้ว่าคุณคิดยังไงกับฉันกับคุณสานิท คุณสานิทเมาพูด

อะไรออกมาเกี่ยวข้องกับฉัน แต่คุณสิรินีเข้ามาขัดขวางเสีย

ก่อน แต่ปัญหาทั้งหมดไม่สำคัญเท่ากับที่ฉันรู้มาว่าคุณไม่มี

น้องชาย ละครที่คุณสร้างมาหลอกฉัน น้องชายติดพันหมอ

นวด ไม่เป็นความจริง คุณคงหมายถึงคุณสานิทกับ

ฉันมากกว่า!”

                แทนที่วรวัชจะตกใจ เขากลับหัวเราะ

                วันหนึ่งต้องรู้เรื่องจนได้

                “ผมไม่มีอะไรจะแก้ตัว”

                หล่อนหมดความสงสัยทันที  ใจเต้นแรง หน้าแดงก่ำ

                “คุณเห็นฉันเป็นตัวตลก เป็นคนโง่ ถึงฉันเป็น

นักร้อง ไม่มีการศึกษาสูงๆ เหมือนพวกคุณ แต่ฉันก็มี

ศักดิ์ศรีค่ะ!”

                หล่อนลุกผละไปทันที

 

 

                เพราะคำพูดที่ว่า ผมไม่มีอะไรจะแก้ตัว

                มิรินทร์ยอมรับว่าโกรธ ถ้าหล่อนอยู่ต่อก็ไม่แน่ใจ

ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น

                วรวัชเก็บกล่องกำมะหยี่ ยิ้มเหยียดริมฝีปากคนเดียว

                ทำเป็นหยิ่ง

                จบ จบง่ายๆ กับละครยาวนานที่ผ่านมานับเดือน

แผนแตกเพราะสานิทคนเดียว

                ไม่งั้นสานิทคงได้เห็นว่า มิรินทร์เลือกเงิน!

                ถ้าเขาถอยก็เท่ากับเปิดโอกาสให้สานิทรุก มิรินทร์

ยิ่งกำลังโกรธอาจจับสานิทแน่น ยังดีสานิทไปดูงานเมืองนอก

หนึ่งเดือน ถึงเวลานั้น หล่อนอาจเป็น ‘อนุ’ ของเสี่ยคน

ไหนแล้ว

                วรวัชใจเย็น เพราะมีเวลาอีกนาน

                เขาลุกขึ้นยืนสั่งพนักงานลงบัญชีตนไว้ แล้วเดินไป

ห้องทำงานของเสี่ยทินกร พอรู้ว่าเป็นใคร เสี่ยก็รีบเปิด

ประตูให้

                “เชิญ เชิญคุณวรวัช”

                “ขนาดไม่ใช่สุดสัปดาห์ ยังเห็นแขกพอสมควร”

 

 

                เสี่ยยิ้มร่า

                “โชคดี แขกประจำทั้งนั้น แย่หน่อยก็ช่วงหน้า

ฝน”

                “หน้าฝนที่ไหนก็ตกทั้งนั้นแหละ”

                “ใกล้หน้าฝน ผมก็ใจไม่ค่อยดี”

                “ผมเชื่อมือ ระดับเสี่ย คงมีอะไรมาดึงดูดลูกค้า”

                “ถ้าคุณวัชมีอะไรแนะนำ ก็ช่วยบอกด้วยนะครับ

อาศัยผมคนเดียวบางทีก็คิดไม่ออก”

                “ผมไม่ถนัดทางบริหารคลับบาร์ รอแบ่งปันผล

อย่างเดียวก็พอ”

                “แน่นอนอยู่แล้ว กำไรคุณต้องได้ คุณทุ่มเงินให้

กับที่นี่มาก”

                “เออ ผมมีเรื่องจะปรึกษาหน่อยเกี่ยวกับคุณ

มิรินทร์”

                มิรินทร์ ชื่อนี้ทำให้เสี่ยทินกรนึกขึ้นได้

                “พูดถึงมิรินทร์ วันนั้นผมเผลอ”

                วรวัชพยักหน้า ก่อนที่เขาจะกล่าวจบ

 

 

                “ผมรู้แล้ว ไม่สำคัญหรอก ใครๆ ก็รู้ว่าผมกับ

นายนิทเป็นอะไรกัน น่าเสียดายที่เคยหวังจะให้นายนิท

แต่งงานกับลูกสาวเสี่ย เป็นอันต้องล้มไปเพราะนักร้องของ

เสี่ยเป็นเหตุ”

                “ผมน่ะเป็นผู้ชาย ย่อมรู้ใจผู้ชายดี เมียผมน่ะสิ

ชอบคุณสานิท”

                “นายนิทยังมาบ่อยหรือเปล่า?”

                “ก็ยังมาอยู่ แต่ไม่เคยเข้ามาหาผมเลย”

                “คงจะมองหน้าเสี่ยไม่สนิทใจ เพราะจีบคุณสิอยู่

นาน อยู่ๆ ก็เปลี่ยนใจ”

                “มิรินทร์เป็นคนสวย มีเสน่ห์ คุณเองก็เถอะมา

บ่อยๆ ระวังจะติดบ่วงเธอโดยไม่รู้ตัวน่า” เสี่ยกระเซ้า

                “เหมือนเสี่ยใช่มั้ย?”

                คนถูกแซวกลับหัวเราะลั่น

                “ของสวยๆ งามๆ ใครจะไม่ชอบ”

                “ถ้าที่นี่ไม่มีมิรินทร์สักคน จะอยู่ได้มั้ย?” วรวัช

ถามยิ้มๆ แต่เหมือนเป็นการเบรกเสี่ยทินกรอย่างกะทันหัน

                รอยยิ้มที่ระบายบนใบหน้าจางหาย

 

 

                “คุณหมายความว่ายังไงครับ?”

                “ถ้าเราไม่จ้างนักร้องคนนี้” วรวัชหรี่ตา

                “เหตุผลล่ะครับ?”

                “ผมไม่อยากให้สานิทคบกับหล่อน!”

                “มันก็น่าเสียดายมาก คนอย่างมิรินทร์หางานไม่ยาก

หรอก ผมไม่กลัวเรื่องเธอตกงาน แต่ผมเสียดาย”

                “เสียดายรายได้?”

                “คือ” เสี่ยทินกรอ้ำๆ อึ้งๆ “ถึงไม่มีมิรินทร์

คลับของเราก็อยู่ได้ เพราะยังมีนักร้องเด่นๆ อีกหลายคน”

                “นั่นสิ เสียงเธอผมว่างั้นๆ”

                “แต่เราไม่มีเหตุผลให้เธอออก”

                “อย่างที่ผมบอก”

                “เหตุผลไม่เพียงพอนะครับ คุณวรวัชลองคิดดู

คุณสานิทติดพันมิรินทร์ ผมเป็นพ่อยายสิ ผมน่าจะโกรธ

และไล่มิรินทร์ออกจากคลับ ผมยังไม่ทำเลย เพราะผม

เข้าใจหนุ่มสาว ไม่รักจะบังคับให้รักกันไม่ได้ และถึง

มิรินทร์ออกจากที่นี่ คุณเชื่อมั้ย คุณสานิทก็ต้องตาม

 

 

มิรินทร์จนพบ ต้องติดต่อกันต่อ ไม่เลิกง่ายๆหรอก

ครับ”

                วรวัชพยักหน้าช้าๆ

                “ผมก็เพียงปรึกษาเสี่ยดู”

                “อย่าถึงขนาดให้เธอออกเลยครับ”

                “ก็ตามใจเสี่ยนะ ผมไม่อยากสร้างความลำบากใจ

กับเสี่ย ในเมื่อไว้ใจกับเสี่ยแล้ว ไม่อยากก้าวก่าย”

                “ขอบคุณที่เข้าใจผม”

 

                วรวัชนั่งจิบกาแฟกับกรกานดาบนชุดเก้าอี้สนาม

หน้าสนามหญ้า ซึ่งมองออกไปเห็นบริเวณบ้านเกือบทั่ว

ร่มรื่นด้วยพรรณไม้และการจัดสวนที่มีรสนิยม

                “เป็นไงคะ ความลับแตกหมดแล้ว คุณจะจัดการ

อย่างไรต่อ?” กรกานดาถามยิ้มๆ

                เจ้าของบ้านหนุ่มอมยิ้ม

                “ปล่อยเลยตามเลย”

                “หลานชายคุณก็คบกับมิรินทร์สบายใจไป”

                “ผมต้องหาทางให้เขาแต่งงานกับคุณสิ”

 

 

                “ทางนั้นจะยอมเรอะ ในเมื่อรู้ว่าหลานคุณชอบ

มิรินทร์”

                “ผมลองหยั่งเสียงแล้ว เสี่ยไม่โกรธและไม่รังเกียจ

นายนิท”

                “ตัวคุณสิรินี?”

                “ผมว่าเธอยังมีใจต่อนายนิท ยังเห็นติดต่อกัน คืน

นั้นนายนิทเมา คุณสิยังเป็นคนหิ้วกลับบ้าน”

                “มิรินทร์จะไม่ปล่อยคุณสานิท”

                “ผมกลัวอย่างงั้น”

                “เท่าที่ผ่านมาคุณยังทำไม่เสร็จ พิสูจน์กับหลาน

ไม่ได้ว่า มิรินทร์เห็นแก่เงิน”

                “ผมว่าถ้ามีเวลา อีกไม่นานก็รู้ดำรู้แดงแล้ว”

                “นี่ก็นานแล้วนะคะ” หล่อนค้อน “ขืนนานกว่านี้

คุณไม่มีตามองดาแน่เลย”

                “ผมไม่คิดว่าจะหยุดอยู่แค่นี้!”

                “ขัดขวางความรักคนอื่นยากนะคะ โบราณว่าน้ำ

เชี่ยวอย่าเอาเรือขวาง” พูดไปกรกานดาก็รู้ว่าเปล่าประ-

โยชน์

 

 

                วรวัชไม่เคยทิ้งปัญหาครึ่งๆ กลางๆ

                ยิ่งเรื่องนี้เขาทุ่มเทขัดขวางมาตั้งแต่ต้น ด้วยจิตใจ

รังเกียจ ชิงชัง ความรู้สึกเช่นนั้นยากจะลบเลือน

                วรวัชยอมรับว่า มิรินทร์ค่อนข้าง ‘หิน’ เป็นคนอื่น

งานชิ้นนี้ของเขาก็เสร็จไปนานแล้ว

                ยิ่งนึกถึงใบหน้ามิรินทร์ คืนสุดท้ายที่พบ

                หล่อนโกรธ

                ฉันมีศักดิ์ศรี!

                หล่อนโกรธที่ถูกหลอก เขากีดกันสานิท แต่ขณะ

เดียวกันก็ตามจีบหล่อน เป็นใครก็ต้องโกรธ

                “แล้วเรื่องของเขมล่ะคะ?”

                “ก็ทำงานต่อ”

                “ถ้าคุณไม่แคร์อีกแล้ว ก็ไล่เขาออก”

                “เขมไม่มีความผิด ผมให้เขาทำงานต่อ ไม่เกี่ยวกับ

พี่สาว”

                “คุณก็เป็นแบบนี้ หายใจเข้าออกเป็นครอบครัว

นั้นหมด ทั้งพี่สาว น้องชาย”

 

 

                “ผมทำเพื่อนายนิท!”

                “ค่ะ หลานชายคนโปรด”

                “ถ้าคุณเป็นผม คุณจะรู้”

                “ใส่ใจแต่หลาน คุณจะสนใจฉันนิดก็ไม่ ผู้ชายคน

อื่นๆ เขาสนใจแฟนมากกว่าญาติพี่น้องนะคะ” กรกานดา

กึ่งบึ้ง กึ่งยิ้ม

                จะเร่งเร้าหนักก็เหมือนไม่มียางอาย ในเมื่อเป็น

ผู้หญิง วรวัชเองก็แสนเย็น

                ถ้าไม่รัก กรกานดาคงไม่ทนถึงป่านนี้

 

                กับข้าวสามอย่างยกขึ้นโต๊ะ  มีน้ำแกงจืดเต้าหู้

ไข่เจียวหมูสับ และผัดเผ็ดปลาดุก

                แกงจืดเต้าหู้ กับไข่เจียวหมูสับ มิรินทร์เป็นคนทำ

ส่วนผัดเผ็ดปลาดุกให้เขมออกมาซื้อที่ปากซอย

                หล่อนตักข้าวใส่จานสองจาน ปากก็ตะโกนเรียก

                “เขม เสร็จแล้วจ้ะ”

                ถึงมีศักดิ์เป็นน้อง ผู้ชายก็ยังเป็นเพศที่สบายกว่า

 

 

เรื่องงานบ้านงานเรือน การครัว ถือว่าเป็นหน้าที่ของผู้หญิง

มากกว่า

                ถ้ามิรินทร์ไม่เหนื่อยมาก หล่อนก็ยินยอมทำเพื่อเขม

เพราะเห็นน้องชายหน้าดำกลับบ้านทุกวัน

                มิรินทร์นั่งทานก่อน เขมตามเข้ามาในห้องอาหาร

ชะโงกมอง พี่สาวค้อนแต่ไม่พูดอะไร

                ถึงอย่างไรคนบ่นก็ยังตักทานได้อย่างอร่อยปาก

                “อยากทานอะไร เธอก็ลงมือทำเองสิ” พี่สาว

เอ่ยปาก

                “ซื้อเอาดีกว่าครับ”

                “ซื้อเขามีแต่ผงชูรส ถ้ามีเวลากว่านี้หน่อย พี่ก็

อยากทำเองหมด” ทานไปได้หน่อย มิรินทร์เงยหน้าถาม

น้องชาย

                “งานเป็นไงบ้าง?”

                “เรื่อยๆ” ใบหน้าเบื่อหน่าย

                “พบคุณวรวัชบ้างมั้ย?”

 

 

                “ผมเห็นเขา แต่เขาไม่เห็นผม เขาเดินเข้าบริษัท

ก็ดิ่งเข้าห้องทำงาน ไม่แวะ ไม่เวียน ไม่ทักทายใครหรอก

ครับ”

                มิรินทร์นิ่งคิด

                หล่อนยังเคืองขุ่นวรวัช

                เรื่องรับเขมทำงาน ก็คงเป็นเหตุผลของวรวัช เพื่อ

การอย่างใดอย่างหนึ่งที่เกี่ยวกับหล่อนและสานิท!

                เพิ่งรู้สึกว่าสานิทมีเค้าคล้ายวรวัช

                แต่จะอย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่น่าดึงหล่อนเกี่ยวข้อง

ด้วยเลย

                “เธอคงไม่คิดจะเปลี่ยนงานนะ”

                เขมกะพริบตาถี่ๆ

                “พี่รินทร์เป็นคนฝากงานให้ผม ขืนเปลี่ยน ผมถูก

ด่าหูชาแน่ๆ”

                “ถ้ามีงานที่ดีกว่า พี่จะพยายามหาให้เธอ แต่ระหว่าง

นี้เธอทำไปก่อน”

                “มันอะไรครับ?”

               

 

 

                “เออ พี่จะจัดการเอง”

                “เปลี่ยนแล้วมันจะดีขึ้นมั้ยครับ ไอ้ตำแหน่งเดิม

เงินเดือนสองสามพันบาท เฮ้อ! ชีวิตผมอยู่แค่นี้เอง” เขม

เกือบจะปลงตก

                พี่สาวไม่พูดอะไร แต่ใช้ความคิดมากกว่าสนใจ

อาหารเบื้องหน้า


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (75 รายการ)

www.batorastore.com © 2024