หนาวไฟพิศวาส (นางแก้ว) (EBOOK)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: หนาวไฟพิศวาส
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 150.00 บาท 97.50 บาท
ประหยัด: 52.50 บาท ( 35.00% )

เนื้อหาบางส่วน

ตอนที่ 1 เล่นหรือลวง

 

แบงคอกซิตี้ ดินแดนที่ไม่เคยหลับใหล แม้เข้ายามดึกดื่นเที่ยงคืนแล้วก็ตาม

 

แสงสีหลากหลายสาดสลับร่างของ ของนักท่องราตรีหลายสิบคน ท่ามกลางความสนุกสนานของพวกเขาเหล่านั้น มีชาย-หญิง คู่หนึ่งกลางเวที ฝ่ายชายหนุ่มมีรูปร่าง เรือนกาย และใบหน้างามจัด ร่างสูงกำลังกอกเกี่ยวกระหวัดรัดแขนโอบกอดร่างอรชรและแสนสวย ของหญิงสาวซึ่งแต่งกายสวย ทันสมัย เธอทำผมทรงลูกตาลยีดูเปรี้ยว และปราดเปรียวยิ่งนัก

                “แต่งงานกับผมนะมาย” อคิราภ์ออดอ้อนหญิงสาวผู้ที่ตนหลงใหล มาตั้งแต่อีกฝ่ายเป็นรุ่นน้องอยู่ปีสาม มาปีสี่ และเรียนจบไปแล้ว เขายังเรียนปีที่หกเข้าเจ็ด ยังไม่ยอมจบเสียที ติดทั้งการเที่ยวเล่น และการเรียนไม่เอาไหนเลย เมื่อไม่ตั้งใจเรียน ชายหนุ่มจึงไม่รู้จักเรียนจบ ถึงแม้เป็นมหาวิทยาลัยเอกชน แต่ก็ต้องมีกำหนดให้จบเช่นกัน

                หนุ่มรูปงามมีความพยายามที่จะเรียน แต่ไม่มากพอจะจบ ยิ่งมาติดหญิงสาวเขายิ่งไม่อยากอยู่ห่าง เฝ้าเวียนตามตื๊อไม่เลิก ส่วนหญิงคนงามเล่นกับชีวิตหลังเรียนจบ โดยให้สัญญากับตัวเองไว้ว่า เที่ยวพอใจแล้วจะทำงานทันที เวลานี้เธอยังสนุกอยู่ดังนั้นจึงยังไม่ออกหางานทำเสียที

 มีนาดึงตัวออกห่างจากอ้อมกอดหากนิ้วมือเรียวดังลำเทียนลูบไล้ใบหน้างามดังผู้หญิงของหนุ่มรูปงาม

                “จะทำอะไรเลี้ยงมายล่ะจ้ะทูนหัว”

                “ให้ทำอะไรก็ได้หรือไม่ต้องทำก็ได้ สมบัติผมมีมากพอเลี้ยงมายอยู่แล้ว”

                “ถ้าอย่างนั้นก็ให้ผู้ใหญ่มาขอมายได้เลย” หญิงสาวหยอกเย้า ไม่จริงจัง หากคนฟังกลับรู้สึกราวกับว่าโลกทั้งใบได้หมุนมาหาตนเองแล้ว

ความหวังที่จะได้ครอบครองหญิงที่จนหลงรักจนหัวปรักหัวปรำ

                ส่วนหญิงสาวแสนสวยเอ่ยออกไปด้วยความเล่น มากกว่าจริงจัง เมื่อได้เวลากลับ อคิราภ์ขับรถไปส่งมีนาที่บ้าน บ้านของหญิงสาวอยู่ในหมู่บ้านใจกลางเมือง รอดพ้นน้ำท่วมมาได้เพราะอยู่เขตชั้นใน ดังนั้นราคาจึงดีดขึ้นสำหรับบ้านเฟสใหม่ ซึ่งทางหมู่บ้านกำลังเร่งสร้าง เป็นผลพวงมาจากน้ำท่วมปี54

                ไฟในบ้านยังเปิดสว่าง มีนาซึ่งมึนด้วยฤทธิ์เบียร์ เธอหัวเราะเบาๆ เอ่ยกับชายหนุ่ม ซึ่งดูหลงรักเธอมากว่า

                “พี่เมย์เป็นสุดยอดของความห่วงน้องสาวเลยค่ะ”

หนุ่มรูปงามสอดแขนมากอดเอวคอดด้วยอารมณ์หวามครุกรุ่น มีนารีบปลดออก พลางต่อว่าอีกฝ่าย

                “ไม่ใช่เวลาเต้นรำ อย่ามากอดเล่นเลยน่าเล็ก”

                “เล็กรักมายมากเลยนะ อยากแต่งงานกับมาย รู้มั้ย เล็กจะไม่มีทางปล่อยมายสักเวลา”ชายหนุ่มเอ่ยเสียงสั่นพร่า นัยน์ตาหวานระยับ

                มีนาหัวเราะเบาๆไม่รู้สึกอะไรมากไปกว่าความเป็นเพื่อนรุ่นน้องของหนุ่มรูปงามคนนี้ จากนั้นเปิดประตูรถทำท่าจะออก หนุ่มรูปงามรีบดึงมือนุ่ม ฉวยโอกาสหอมโดยแรงก่อนเอ่ยว่า

                “สัญญาแล้วนะ”

                “สัญญาอะไร”มีนาจำไม่ได้จริงๆ แต่อคิราภ์กลับคิดว่าเธอแสร้งทำเป็นลืม เขาจึงยิ้มบางๆ ปล่อยมืออีกฝ่าย มีนาลงจากรถไป แต่ชายหนุ่มผู้มีความอยากเอาชนะยังอ้อยอิ่งตามลงจากรถ จะไปส่ง มีนารีบเอ่ย

                “บ้านมายเองนะคะเล็ก ไม่ต้องไปส่งหรอกค่ะ อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะสว่างแล้ว เล็กรีบกลับไปเถอะค่ะ”

                “จริงสินะ ขอบใจมายมากที่เตือน เล็กน่าจะรีบกลับไปบอกพี่ใหญ่ โดยเร็ว”

                ชายหนุ่มบอกตามหลังมา แต่หญิงสาวไม่ได้สนใจฟัง เธอผละจากไปอย่างมึนศีรษะเต็มที่ ทั้งดื่มมาก และร่างกายต้องการพักผ่อน

                เมื่อเข้าไปในบ้านหลังกะทัดรัดตามประสาบ้านสาวโสด เธอปรือตามมอง พี่สาว ซึ่งปล่อยผมยาวลีบแบน แสกกลาง และสวมแว่นตาหนา ทำให้ดูเมทินีดูแก่ไปกว่าอายุสามสิบถึงสิบปีทีเดียว มีนายิ้มไม่เต็มที่ เมากว่าที่เคยเมา

                “โอ้ พี่สาว ตื่นแต่มืดแต่ดึกเชียวค่ะพี่”

                “ใครว่าตื่น ห้ะ มาย พี่ของเธอยังไม่นอนเลยสักงีบเดียว”

                “ยัยนุ่น มันเอาปืนบังคับพี่สาวเหรอ” หญิงสาวยังปากดีเหน็บแนมพี่สาวเพียงคนเดียว เมทินีเข้ามาลากแขนน้องสาวขึ้นบันไดไปยังห้องนอนของอีกฝ่าย พร่ำบ่นตลอดทาง

                “มายนะมาย ทำไมทำตัวเหลวไหลอย่างนี้ กินเหล้า เมายาให้ได้ทุกวัน ไม่คิดถึงความเป็นห่วงของพี่สักนิดเลยนะ คืนนี้ยังกลับเกือบสว่าง จะไม่ให้เป็นห่วงได้ยังไง พี่กลัวว่าเธอจะไปโดนลากไปรุมโทรมรู้มั้ย เสื้อในก็ไม่ใส่ กางเกงในใส่หรือเปล่าก็ไม่รู้ หรือใส่ แต่ประเภทเจาะรูเตรียมพร้อม”

                คนเป็นพี่บ่น บ่น แต่เมื่อหันไปดูอีกที นอนสาวเกาะประตูหายใจสม่ำเสมอ ซึ่งดูเหมือนมีนามีความสามารถพิเศษในการยืนหลับได้อย่างที่พี่สาวละอาใจ

                “ดูสิ นี่ต้องเช็ดตัวให้อีกแล้วล่ะมั้ง”เมทินียังบ่น และในที่สุด เธอก็พาร่างงัวเงียของน้องสาวไปทิ้งตัวลงบนที่นอน และหลับอย่างแสนสุข โดยหน้าที่เช็ดตัวหรือเปลี่ยนผ้าเป็นของเมทินีตามเคย

                ความอวบอิ่มของเรือนร่างน้องสาวทำให้พี่สาวเป็นห่วงเรื่องการใช้ชีวิตเปลืองตัว แต่เมื่อเห็นกางเกงในตัวจิ๋ว ซึ่งเธอตำหนิว่าเจาะรูเตรียมพร้อม เป็นชั้นในธรรมดา แต่บางด้วยลายลูกไม้ จึงอดส่ายหน้าไปมาเสียไม่ได้

                “พี่ให้เงินเดือนเธอใช้ เธอไปขนซื้อเสื้อ สัพปะลังเค พวกนี้มาใช้หมดสินะ ยัยตัวดี” กล่าวพลางพี่สาวแสนดีตีกันขาวฟิตเปี๊ยะของน้องสาวไปฉาดหนึ่ง มีนารู้สึกคัน จึงเกาตามรอยตี ทำให้เมทินีอดยิ้มด้วยความเอ็นดูเสียไม่ได้ ต่อมาเธอเช็ดตัวเพื่อให้น้องสาวหลับสบายแล้ว จึงได้ดึงผ้าแพรมาคลุมร่างอวบอิ่มน่ามองของอีกฝ่าย แล้วจึงปิดปากหาว บ่นถึงตัวเอง

                “หวังว่าลูกศิษย์ของฉันจะไม่ได้เล็คเชอร์วิชาใหม่ไปหรอกนะ ง่วงซะมึนหัวเลย”

                หญิงสาววัยเกือบเกินงาม เดินปิดปากหาวกลับไปห้องนอนของตนเองซึ่งเป็นห้องนอนใกล้ๆนั้นเอง เธอล้มตัวลงนอนบนเตียงเดี่ยว คิดถึงบิดามารดา ซึ่งล่วงลับไปตั้งแต่เธอเรียนจบมหาวิทยาลัยได้เพียงปีเดียว ท่านทิ้งน้องสาวห่างกันสิบปีไว้ให้ดูแลอย่างที่คนเป็นพี่สาวต้องตามไปเก็บมีนาอยู่หลายครั้ง เนื่องจากอีกฝ่ายนอนค้างบ้านเพื่อนเพราะความเมา

                “ยัยขี้เมา เธอได้เกียรตินิยมมาได้ยังไงกันนะมาย ยัยน้องตัวดีของพี่” เมทินีพึมพรำ

เธอจะรักมากน้องสาวอย่างที่ไม่มีอะไรมาเทียบได้ แม้น้องสาวจะเรียนจบโดยยังไม่ทำงาน เธอไม่นึกบ่นว่าอีกฝ่ายขี้เกียจ เพราะรู้ดีว่ามีนาไม่ใช่คนอย่างนั้น

 เพียงแต่อีกฝ่ายอาจจะยังอยากใช้ชีวิตให้สนุกมากก่อนจะต้องมาอยู่ในวังวนของการทำงานที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน น้องสาวเรียนจบปริญญาตรีด้วยวัยยี่สิบเท่านั้น เธอเก่งอย่างพี่สาวภูมิใจ และลืมเรื่องการเที่ยวของอีกฝ่ายไปได้ทุกครั้งเช่นกัน เมทินีค่อยพริ้มตาหลับลงไปโดยที่นาฬิกาจะร้องบอกเธอในอีกสี่ชั่วโมงว่าต้องรีบอาบน้ำแต่งกายไปทำงานได้แล้ว เพราะวันจันทร์-ศุกร์เป็นช่วงที่รถติดอย่างมหาวายร้ายที่สุด!!

 

                รถเก๋งหรูเหยียบคันเร่งมิด อย่างไม่กลัวต่อความตาย เพราะผู้ขับกำลังอยู่ในอาการเร่งร้อน ลืมตัว อคิราภ์ดีใจมากต่อคำบอกกล่าว อย่างที่มีนาไม่จดจำว่าได้พูดอะไรลงไป หากชายหนุ่มจริงจังต่อถ้อยคำนั้น

เขากำลังจะไปสู่ขอหญิงที่เขาหลงรักมาอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน…และเขาไม่มีวันร้างแรมคืนกับเธอสักเวลาเดียว อคิราภ์คิดอย่างลิงโลดใจ

ชายรูปงามพุ่งรถเข้าจอดหน้าบ้านไม้ทรงสวย ดูคลาสสิก ราวกับว่าขณะที่สร้างนั้นคนสร้างตั้งใจออกแบบมาจากภาพวาด บ้านของอคิราภ์ อยู่คนละหลังกับบ้านของภูชิสะ ซึ่งปลูกเป็นเรือนไม้ยกพื้น ตกแต่งได้หรูราวกับยกรีสอร์ตขยายกว้างมาเป็นแบบบ้านของตนเอง

ชายหนุ่มจอดรถแทรกเข้าไปยังโรงจอดรถ ซึ่งสร้างเป็นโครงโค้ง กึ่งกลางระหว่างบ้านสองหลัง โดยมีพุ่มไม้ปลูกประดับไม่ให้ดูเหมือนลานจอดรถทั่วไป ในโรงรถที่อคิราภ์พุ่งรถเข้าไปจอดนั้น มีรถหลายยี่ห้องจอดเรียงกันหลายคัน ทั้งรถMU 7 สีแกมทอง เป็นรถที่กว้างพอจะเดินทางได้เจ็ดถึงแปดคน ถัดมาคือ รถเก๋งยุโรปสีดำนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งเสียภาษีค่อนข้างแพงทีเดียว ถัดไปเป็น รถกระบะตอนเดียว และกระบะสองตอน สีขาวและน้ำเงิน

ชายหนุ่มรูปงามก้าวลงจากรถแล้ว วิ่งรี่ไปยังบ้านทรงสวยของตนเอง คำหล้า ซึ่งแม่บ้านวัยสี่สิบห้า สวมเสื้อม่อฮ่อมและนุ่งผ้าซิ่นพื้นเมือง รีบหลบทางให้อีกฝ่าย อุทานตกใจ

                “ตายแล้ว คุณเล็กจะรีบไปไหนคะ”

                “พี่ใหญ่อยู่ไหนคำหล้าอยู่ไหนรีบบอกมาเร็ว ๆ”

                “ไปฟาร์มค่ะมีเรื่องยุ่ง ๆ อยู่ค่ะ”

                “ไม่มีอะไรสำคัญเท่าเรื่องของฉันหรอกน่า” อคิราภ์กล่าวเอาแต่ใจเหมือนเด็ก

                “ให้คนไปตามมาเดี๋ยวนี้คำหล้า ไม่อย่างนั้นฉันจะอาละวาดให้ดู”

                คำหล้ารีบทำตาม บอกให้รู้ว่าชายผู้นี้สำคัญยิ่งเพียงใด ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงภูชิสะก็มาโดยรถปาเจโรสีแดงเข้ม (เลือดหมู) เขาเป็นชายหนุ่มร่างสูงกว่าหกฟุต หนวดเคราครึ้มจนดูดุ คิ้วหนาดำ ยาวโค้ง รับด้วยดวงตาคมกว้าง ล้อมกรอบด้วยแพขนตาหนา ยาวงอนยิ่งกว่าหญิงสาว เขาเหมือนชาวอาหรับ ซึ่งต้นเชื้อสายของเขามาจากตะวันออกไกลจริงมาปักหลักฐานนานสามชั่วคน แต่ชายผู้นี้กลับไปมีรูปร่าง หน้าตาคุณปู่ผู้เป็นเหมือนต้นตระกูล

                อคิราภ์ลุกปราดไปหาผู้เป็นพี่ชาย จากนั้นเขาวิงวอนจนดูออดอ้อนเกินจริง

                “พี่ใหญ่ช่วยผมด้วยนะครับ”

                “มีเรื่องอะไรใครทำ”ภูชิสะถามอย่างร้อนรน และยังคงมองชายรูปงามคนนี้เป็นเด็กรุ่นอายุสักสิบสองเท่านั้น

 คำหล้าแม่บ้านวัยสี่สิบแอบนึกค่อนแสนคำเด็กสาวสวยกระซิบนินทา

                “ทำยังกับคุณเล็กตัวกะเปี๊ยกตามใจจนเสียผู้เสียคน คุณต้อมยังดีซะกว่า ทำงานงกๆตั้งแต่เรียนไม่จบด้วยซ้ำคุณใหญ่ไม่เห็นโอ๋เอาใจบ้าง”

                “อย่านินทาเสียงดังไป เดี๋ยวคุณใหญ่ได้ยินเข้าล่ะก็โดนตบปากคอเลือดไม่รู้ด้วย มือตีนยิ่งหนักอย่าบอกใครอยู่ด้วย” แม่บ้านเตือนสาวใช้ ซึ่งอีกฝ่ายเป็นหลานในไส้อย่างห่วงใหญ่

ภูชิสะเป็นอย่างที่นางพูดไม่มีผิด เวลาโกรธใครชายหนุ่มโมโหร้าย ปากจัด มือไว ตีนก็ไว ทีเดียว แต่คำหล้าและบริวารคนใกล้ชิดจะรู้เช่นกันว่า โดยเนื้อแท้ชายคนนี้ใจดียิ่งนัก

แน่

“ แล้วถ้าให้ดี แกอย่าได้เอาคุณเล็ก น้องเทวดาของคุณใหญ่ไปเปรียบกับน้องบุญธรรมอย่างคุณต้อมอย่างเด็ดขาด” คนที่ถูกพูดพาดพิงอยู่ กำลังกุมบ่าน้องชายมั่นห่วงใยเกินปกติ

                “พี่ใหญ่ไปกรุงเทพฯ นะครับไปขอผู้หญิงให้เล็กที”

                “ปัดโธ่” เขาผลักน้องชายแทบจะทันที ก่อนจะทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ ทำหน้าบึ้งตึงกล่าวห้าวจนฟังดุ จริงจัง ทั้งที่อคิราภ์รู้ว่า แล้วในที่สุดพี่ชายคนนี้จะต้องตามใจเขาอยู่ดี “ที่แกรีบกลับบ้านเพราะเรื่องผู้หญิงไร้สาระนี่หรือ”

                “ไม่นะครับ” เขานั่งใกล้พี่ชาย “มายน่ารักเป็นยอดหญิงที่เล็กรักมากเขาให้เล็กไปขอเขา พี่ใหญ่ครับถ้าพี่ใหญ่ไปขอมายให้เล็ก เล็กสัญญาจะเป็นน้องที่ดี ไม่เกเรกับพี่ใหญ่ จะตั้งใจเรียนให้จบเสียทีครับ นะครับ”คนเป็นน้องอ้อนวอนเหมือนเด็กผู้หญิง

                พี่ชายใหญ่ตะคอกเข้าใส่ด้วยความไม่พอใจ เพราะอีกฝ่ายขอผู้หญิงด้วยการแลกเปลี่ยนกับการทำตัวเพื่อให้ดีขึ้น

                “นี่หรือคำพูดของคนจะมีเมีย แกมันเด็กเมื่อวานซืนชัด ๆ การจะทำตัวหรือรักเรียนให้ดี ไม่เห็นจะต้องถึงกับเอาผู้หญิงมาจูงบังเหียนให้เลยนะเล็ก”

                ชายรูปงามเห็นว่าการวอนขอด้วยดีแล้ว พี่ชายกลับไม่เห็นดีด้วย เขาจึงใช้วิธีดั้งเดิม นั่นคือขู่ด้วยท่าทีขึงขังเอาจริง

                “ถ้าพี่ใหญ่ ไม่ทำตามที่เล็กขอ เล็กจะขับรถลงหน้าผาเดี๋ยวนี้”

ภูชิสะท้าทาย เพราะเห็นความอ่อนแอของน้องมาตั้งแต่แบเบาะ เลี้ยงยาก ขี้โรค และเอาแต่ใจ แม้จะอายุถึงยี่สิบห้าปีแล้ว เรียนยังไม่จบเสียที แต่กระนั้นในส่วนลึกหรือตื้นของจิตใจ บริวารหลายร้อยคนต่างรับรู้ ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่ภูชิสะจะรักมากเกิน อคิราภ์ น้องในสายเลือดเพียงคนเดียวคนนี้อีกแล้ว

                “เชิญเลยถ้าคิดว่าขู่พี่ได้”

 อคิราภ์เกิดอารมณ์น้อยใจ จึงหุนหันพลันแล่น ลุกปราดก่อนจะถลันออกไปที่รถ ภูชิสะคว้าอีกฝ่ายไวทันทีด้วยความใจอ่อน ซึ่งก็ใจอ่อนทุกครั้งสำหรับน้องชายคนนี้

“พี่ใหญ่ไม่ต้องสนใจเล็ก เล็กจะไปตามทางของเล็ก จะพุ่งชนเสาไฟฟ้าเดี่ยวนี้เลย”

“ไม่เอาน่าเล็ก”พี่ชายรีบปลอบ “พี่แค่ล้อเล่นเท่านั้น เล็กก็รู้ว่าพี่ตามใจเล็กทุกอย่าง จะให้ไปขอนางฟ้านางสวรรค์ที่ไหนก็ได้ พี่จะจัดการให้ ค่าสินสอดกี่ล้านก็ไม่เกี่ยง”

สิ้นคำยอมจำนนของพี่ชาย ชายหนุ่มที่จ้องเอาชนะจนได้ จึงโถมเข้าไปกอดพี่ชายแน่น ดีใจอย่างที่สุดที่พี่ชายตามใจ

                ส่วนสองบริวาร ซึ่งแปอบรอนินทาอยู่พากันส่ายหน้าไปมากับการที่พี่ใหญ่อ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไปกับน้องชายนิสัยเสียคนนี้  แสนคำเบ้ปากเมื่อนายสิ้นฤทธิ์เอาง่าย ๆ โดยส่วนตัวแสนคำไม่ชอบคุณเล็กอยู่แล้ว เพราะอีกฝ่ายอายุมากกว่าเธอหลายปี แต่บางครั้งทำตัวเหมือนเด็กที่มีปัญหาบ่อยๆ ไม่พอใจเพียงนิดเดียว ปัดถาดทิ้ง โดยไม่สนใจว่าถาดนั้นจะกระเด็นโนหน้าแสนคำคนนี้ นั่นคือประเด็นหลักที่สาวใช้หน้าตาดีคนนี้ไม่ชอบเจ้านายคนเล็กเอาเสียเลย

                “ขบวนรักหลงน้องไม่มีใครเกินนายหรอก”

                “ขนาดคุณปรียาผู้หญิงที่มาค้าง

อ้างแรม นายยังไม่สนใจจะแต่งงาน นี่คิดให้คุณเล็กแต่งงานก่อนเสียแล้ว”

                 ภายในห้องภูชิสะถามรายละเอียดถึงว่าที่คู่หมั้นของน้องชาย อคิราภ์ตอบด้วยความหลงใหลเกินเหตุ ดังนั้นเมื่อพี่ชายวาดภาพตามคำพูดน้องชาย จึงเกิดภาพหญิงสาวขึ้นมาในสมอง ว่าคนที่น้องหมายปองจะเป็นนางฟ้า สวมชฎา นั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่ตรงหน้าพระอินทร์อย่างไรก็อย่างนั้น

                “มายแสนดี เรียบร้อย น่ารัก มายไม่เคยทำตัวเหลวไหล เธอเรียนเก่ง เป็นนักเรียนดีเด่น อยู่ตามลำพังกับพี่สาว เล็กสงสารเธอเหลือเกินครับพี่ใหญ่ มายหน้าจะมีคนคอยปกป้องดูและที่ดี”

แสนคำแอบฟังอย่างถนัดหู แล้วบ่นให้คำหล้าน้าสาวฟังว่า

 “ถ้าคุณมายที่คุณเล็กว่าน่าสงสาร และต้องการคนดูแล แสนว่า น่าจะห่างคุณเล็กนะน้า เพราะไม่อย่างนั้นคุณมายเธอต้องเป็นฝ่ายเอาคุณเล็กเข้าเอวอุ้มกระเตงเข้านอนทุกวันแน่”

“แกละปากดี เงียบซี อยากฟังนายจะว่ายังไง”

สองบริวารจึงได้เงียบเพื่อฟังกันต่อไป

“เขาให้เล็กไปสู่ขอได้เมื่อไหร่”

“วันนี้เลยครับพี่ใหญ่ ผมอยากแต่งงานกับมายเร็วๆครับ เรารักกันมานานสองปีแล้วล่ะครับ มายแสนดี เรียบร้อย เล็กชวนให้มาบ้าน ก็ไม่มา เธอไว้ตัวมาก ขนาดเล็กจะเดินไปส่งที่หน้าประตูบ้านเธอยังไม่ยอมเลยครับ”

“เอ่อ เล็กมั่นใจหรือว่าผู้หญิงคนนั้นเขาให้ไปขอจริงๆ”

“ทำไมพี่ใหญ่ต้องถามเล็กอย่างนี้ด้วย” น้องชายขึ้นเสียงดัง ท่าทางขุ่นเคือง คว้าหมอนอิงบนโซฟามากำแน่น หน้าตึง พี่ชายรีบยกมือห้ามอารมณ์ขุ่นมัว และเตรียมอาละวาดของน้องชายด้วยคำกล่าวแก้ว่า

“พี่ไม่ได้สงสัยในตัวเล็กหรือความรักของเล็กกับมาย แต่เอาล่ะ ไม่มีอะไรแล้ว พรุ่งนี้พี่ไปขอผู้หญิงคนนั้นให้กับเล็กเลยก็แล้วกัน”

“เล็กรักพี่ใหญ่มากเลยครับ ถ้าคุณพ่อคุณแม่มองอยู่ พวกท่านต้องขอบใจพี่ใหญ่มากที่เลี้ยงเล็กมาด้วยความรักแทนพวกท่านอย่างนี้”

“เอาน่า ไปนอนไป แล้วพรุ่งนี้เราไปกรุงเทพ ไปหมั้นสาวคนรักของเล็กพร้อมกัน ว่าแต่บ้านเขาอยู่ที่ไหน”

“อยู่ที่หมู่บ้านยูงทอง “คนเป็นน้องบอกรายละเอียดถึงบ้านสาวที่เขาหลงใหล จากนั้นจึงผละจากพี่ชายง่ายๆด้วยท่าทีง่วง  เหมือนเด็กชายสามขวบ ซึ่งพร้อมจะงอแงถ้าไม่ได้นอนสมใจ “พี่ใหญ่จำได้แล้วนะ เล็กจะได้ไปนอนก่อน”

อคิราภ์ผุดลุกไปทันที โดยไม่สนใจอะไรอีก เมื่อชายหนุ่มขยับตัว แม่บ้าน และผู้ช่วยพากันหลบลี้หนีหน้าไปทันทีราวกับว่าทั้งสองมีวิชาสหายตัวได้กระนั้น

เมื่อน้องชายไปแล้ว ภูชิสะขยับจะลุกขึ้นไปนอนบนเรือนไม้ยกพื้น ซึ่งแยกจากบ้านทรงสเปนของน้องชาย  ชายหนุ่มต้องชะงัก เมื่อร่างสูงของยุทธนา ผู้เป็นน้องบุญธรรม ใช้นามสกุลเดียวกันกับเขาอย่างถูกต้องตามกฎหมายเดินเข้ามาขวางทาง ทำให้ภูชิสะดุใส่อีกฝ่ายทันที

“อะไรของแกวะต้อม มายืนขวางทางอย่างนี้ มีเรื่องอะไร”

“ผมเห็นคุณเล็กท่าทางร้อน”

“บ้านของแกอยู่ตั้งไกลจากที่นี่ยังอุตส่าห์มาเห็นได้อีก ไป ไปอีกสองชั่วโมงจะหกโมงเช้าแล้ว นี่แกมาซุ่มดูหรือไงถึงได้เห็นนายเล็กกลับมา”

“ผมติดงานในฟาร์มเลยไม่ได้กลับบ้านครับ พักอยู่ที่ห้องรับแขกของนายบนเรือนนั่นล่ะ นายไม่สังเกตเองครับ”

“เออผิดที่พี่ แล้วนี่ลุกมาแต่มืดเพื่ออะไร”

“คุณเล็กให้ไปหมั้นผู้หญิงหรือครับนาย”

“อ้อ แอบฟังเสียด้วย เดี๋ยวพ่อเตะเสียนี่” กล่าวพลางชายร่างใหญ่ขยับเท้า ยุทธนารีบถอยไปสองก้าวเพื่อให้พ้นรัศมีฝ่าเท้าหนักอึ้งของอีกฝ่าย ภูชิสะเอ่ยว่า

“แกได้ยินหมดก็ดีแล้ว พรุ่งนี้ดูแลงานที่บริษัทแทนพี่ไปด้วยเลย พี่ไม่เข้าไปล่ะ”

“ผมว่า...เออ ไม่สอบถามทางผู้หญิงก่อนหรือครับว่าตกลงยอมรับหมั้นจริงหรือเปล่า”

“นี่แกหาว่าน้องชายแกโมเมเอาเองหรือไงต้อม”

“ผมแค่คิดว่า  พี่ควรถามเขาก่อนเท่านั้นครับ จะได้ เอ่อ ไปไม่เสียเที่ยว”

ภูชิสะนิ่งอึ้งไปในทันใด เขาครุ่นคิดตามคำแนะนำที่รอบคอบของน้องเลี้ยง ครู่หนึ่งจึงเอ่ยว่า

“ทำไมแกไม่เชื่อคำพูดของเล็ก เขาพูดขนาดนั้น แสดงว่าแฟนของเขาต้องให้ไปหมั้นจริงๆ”

“ครับ ผมกลับไปนอนในห้องรับแขกก็แล้วกันครับ” ยุทธนาหมดคำแนะนำ และหมุนกายเดินจากไปทันที

ชายหนุ่มรู้ตัวเองดีว่า ไม่เคยได้แทรกแซงหรือแสดงความหวังดีใดๆเกี่ยวกับน้องชายของนายที่เขารักและเคารพได้เลย ดูเหมือนความรักของภูชิสะที่มีให้น้องชายเป็นความรักอย่างคนหูหนวกตาบอดที่ไม่ยอมรับฟังความเห็นของใครทั้งสิ้น

ส่วนภูชิสะ เดินกลับที่พัก เขาผ่านห้องนอนรับแขกซึ่ง ยุทธนาเข้ามาใช้ในวันนี้ ชายร่างใหญ่นึกถึงความหวังดีของผู้จัดการหนุ่ม และน้องเลี้ยงของเขา ซึ่งคงอยากเตือนเรื่องอคิราภ์ จึงได้มานั่งรอนอนรอเพื่อบอก โทรไปหาบ้านผู้หญิงก่อน เป็นความคิดที่ไม่เลว

 แต่ ภูชิสะตัดใจ เชื่อน้องชายในสายเลือดมากกว่า  ด้วยเหตุผลเข้าข้างน้องชายว่า หากฝ่ายหญิงไม่ได้เป็นคนรัก แสนเสน่หาของน้องชายแล้ว จะพูดเรื่องให้ไปสู่ขอเพื่อนแต่งงานกันเร็วๆทำไม หญิงคนนั้นคงโดนพี่สาวรังแกจึงอยากมาอยู่กับน้องชายผู้อ่อนโยนของเขาก็เป็นได้

 ภูชิสะสรุปเรื่องความเอาแต่ใจ และอ่อนแอ เป็นความอ่อนโยน ยุทธนาจะเอ่ยแนะนำสั้นๆประโยคเดียว เพราะชายหนุ่มคิดแล้ว หากแนะนำเกินไป คุณเล็กมาได้ยินเข้า เรื่องอาจจะลุกลามไปถึง

ว่ายุทธนาคิดปล้นสมบัติเลยก็เป็นได้ คนเป็นพี่ชาย มองข้ามสิ่งไม่ดีของน้องด้วยความรัก โดยแท้จริง รักอย่างบไม่มีเงื่อนไขใดๆ ภูชิสะขอเพียงให้น้องชายมีความสุขเท่านั้นเป็นพอ!!

                ถึงเวลาเช้าตรู่ อคิราภ์ยังนอนหลับสบาย พี่ชายให้เด็กไปปลุก แต่ชายหนุ่มกลับไล่ส่ง

“ไป ไปให้พ้น ฉันจะนอน”

“วันนี้คุณเล็กให้คุณใหญ่ไปขอเมียไม่ใช่หรือคะ”

“ฉันง่วง ไปบอกพี่ใหญ่ให้ไปคนเดียว เป็นหน้าที่ของพี่ใหญ่ ไม่ใช่ธุระของฉัน”ความเกียจคร้าน และยังรักในการนอนหลับต่อ ทำให้ชายหนุ่มปฏิเสธในเรื่องที่แสนคำงง “ แกรีบไปบอกพี่ชายฉันเลยไป”

 ดังนั้นแสนคำเดินหน้าง้ำ พร้อมบ่นพึมพรำ

                “เมื่อคืนร้องอยากมีเมีย วันนี้บอกไม่ใช่ธุระเสียอย่างนั้น ไม่รู้จะเห็นแก่ตัวไปถึงไหน สงสารนายจริงๆที่มีน้องไม่บ้าบอเอาแต่ได้คนนี้”

                แสนคำได้แต่ต่อว่าอีกฝ่ายตามลำพัง และเธอก็ต้องทำตามคำสั่งชายรูปงาม ซึ่งเกิดมาสวยเพียงรูปจริงผู้ช่วยแม่บ้านกลับไปรายงานให้คนเป็นนายฟังบนเรือนไม้ยกพื้น ชายหนุ่มนั่งดื่ม นมสดแทนกาแฟซึ่งเขาไม่นิยม ดื่มเลยสักนิด

                “คุณเล็กบอกว่าง่วงนอน ให้นายไปคนเดียวค่ะ บอกว่า เป็นหน้าที่ของนาย”

                “อืมม์ฉันไปคนเดียวก็ดีเหมือนกัน ให้เขานอนไปให้เต็มอิ่ม กลับมาจะได้ฟังข่าวดี”

                ภูชิสะยอมน้องชายตามเคย แสนคำได้แต่แอบหลบหน้ามทองพื้นแล้วเบ้ปากไม่ชอบใจ เพราะไม่ว่าถูกหรือผิด ผู้เป็นเจ้าของฟาร์มและกิจการโรงงานแปรรูปขนาดใหญ่ ยังคงตามใจน้องชายเสมอ เขามักจะคิดว่าน้องชายอาภัพ ที่เกิดมากำพร้าทั้งพ่อและแม่ มีเพียงเขาคนเดียวที่ต้องเป็นสองอย่างให้กับอีกฝ่าย ดังนั้นไม่ว่าสิ่งใด ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงแล้วล่ะก็ ภูชิสะจะตามใจและสรรหามาให้น้องชายคนเล็กทุกอย่างไป !!

 

                ที่บ้านนกยูง ของสองสาวพี่น้อง เป็นบ้านตึกสองชั้นเป็นบ้านหลังเดี่ยวในหมู่บ้านจัดสรร มีนาสวมชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นอวดขาเรียวขาวชนิดที่ทำให้หนุ่มบ้านใกล้เรือนเคียงหวั่นไหวได้ มีนาขยับแว่นตา เมื่อน้องสาวยื่นหนังสือแฟชั่นให้ดู

                “อะไรมาย”

                “ชุดนี้สวยนะคะพี่เมย์”

                “แค่เสื้อใน กางเกงในนี่หรือราคาครึ่งค่อนหมื่น”

                “ถ้าอยากได้เพียงเอ่ยปากขี้คร้านหนุ่มจะขนใส่กล่องให้มาย”

                “มาย” พี่สาวเรียกชื่อน้องสาวเสียงดุ เธอขยับแว่นสายตาอีก อย่างติดเป็นนิสัย มีนาแกล้งยื่นหน้าไปจนใกล้

                “เจ้าขาคุณแม่”

                “นี่อย่าทำอะไรเป็นเล่นนักเลย เรียนจบแล้วก็หางานทำเสียทีอุตส่าห์ได้เกียรตินิยม”

                “ไม่หา มายจะหาผู้ชายรวย ๆ ดี ๆ สักคนมาแต่งงานมีลูกสักคน ให้ผู้ชายเลี้ยงมายดีกว่า ผู้ชายที่มายชอบต้อง สูงยาว เข่าดีประเภทยอดขุนพลค่ะมายจะทำหน้าที่เมียที่สุดเซ็กซี่ที่สุดในโลกให้”

                “ตายแล้วพูดจาก๋ากั่นอะไรอย่างนี้”

                “คุณเมย์ขา “น้องสาวลากเสียงยาว “ สมัยนี้ยุคโลกไร้พรมแดนแล้ว ถอดแว่นแล้วมองไปกว้าง ๆ ไกล ๆ สิคะ”

 เธอหยอกพี่สาวด้วยการดึงแว่นตาพี่สาวออกแล้วไม่คืนให้ เมทินีสายตาสั้นมากมองไม่ชัดเจนจึงตามไม่ทัน มีนากลั้วหัวเราะ เอ่ยต่อไปว่า

                “โถพี่เมย์ของน้องออกอย่างนี้ ใส่แว่นยัยแก่แร้งทึ้งนี่ทำไมกันคะ ใส่คอนแทคเลนส์ได้แล้วคะพี่เมย์ขา”

                “เอาแว่นมาคืนพี่ แล้วหยุดพูดเล่นเรื่องผู้ชาย มาพูดเรื่องงาน เร็วๆเข้า เก่งๆอย่างมายไปทำงานให้ตรงสาขาที่ไหนก็รับ”

                “เจ้าค่ะเจ้าค่ะ เบื่อเที่ยวแล้วเหมือนกันเจ้าค่ะ แต่ว่าไปทำงานบริษัทที่มีเจ้านายหล่อๆดีกว่า ทำไปอ่อยไปด้วย” มีนายังพอใจต่อการยั่ว ซึ่งพี่สาวเป็นคนยั่วขึ้นเสียด้วยจึง เอ็ดอึงเสียงเขียวทีเดียว

                ขณะนั้นสาวใช้เดินนำแขกแปลกหน้าที่ทำให้สองสาวพี่น้องชะงักงันในความรู้สึกเดียวกันคนนี้ สูงยาวเข่าดี

                “สวัสดีครับ” เขาค้อมศีรษะเป็นเชิงทักทาย

 สองสาวทักทายตอบหากไม่ไหว้ชายแปลกหน้าสวมเสื้อโปโลกับกางเกงสแลคส์ ผิวขาวสะอาดใบหน้าคมคาย หนวดเคราโกนใหม่จนได้กลิ่นน้ำยาหอมไรเครายังเขียวครึ้ม ดวงตาคู่ซนของมีนาแอบมองลึกในอกเสื้อซึ่งไม่กลัดกระดุม ไรขนอ่อนโผล่กระจายให้เห็น วายเซ็กซี่ชะมัด หญิงสาวแอบคิด

                “ผมชื่อภูชิสะเป็นพี่ชายของอคิราภ์ อยากรู้จักคุณมายครับ”

                “ฉันเป็นพี่สาวมายค่ะชื่อเมย์ แล้วนี่น้องมาย”

                สายตาคมดุตวัดฉับมองสำรวจหญิงสาวผู้ที่ถูกแนะนำว่าชื่อมาย หญิงสาวสวยสะดุดตาค่อย ๆ หย่อนกายนั่งให้ดูเรียบร้อย ท่อนขาขาวถูกพับเอนชิดจนดูเหมือนนางเงือกนั่งทิ้งหาง

                “ถ้าอย่างนั้นคุณก็คือคนรักของอคิราภ์น้องชายผมใช่มั้ย” เขาย้ำถาม

                “ไม่ใช่ค่ะ” เธอตอบสั้นชัดเจนจนเขาแทบไม่เชื่อหูต้องยืดกายตรงย้อนถาม

                “ผมฟังผิดหรือเปล่า”

                “ไม่ผิดค่ะ มายเป็นเพื่อนกับอคิราภ์และมายก็ยังไม่มีคนรัก” ประโยคท้ายทอดสะพาน หากเขามองเธอเหมือนตัวประหลาด

                “อคิราภ์ให้ผมมาทาบทามสู่ขอคุณ เขาว่าคุณบอกเขา”

                “มายไม่ได้พูดอะไรนะ เอหรือว่า มายล้อเล่น”มีนาตอบพลางทำท่าครุ่นคิด แล้วค่อยพยักหน้ารับ “สงสัยมายจะล้อเล่น  แล้วทำไมเล็กเก็บไปจริงจังอย่างนั้น มายจะแต่งงานกับคนอย่างเล็กได้ยังไงกันคะคุณพี่”

                “ล้อเล่น” เขาย้ำลุกพรวด เดือดดาลสุดขีด ชายหนุ่มตวาดสองพี่น้องไม่ไว้หน้า

                “ผู้หญิงอย่างคุณช่างทุเรศสิ้นดี สนุกมากนักเหรอที่เห็นผู้ชายเป็นควาย

เป็นครั้งแรกที่สองพี่น้องถูกบริภาษอย่างรุนแรงเช่นนี้ เมทินีอกไม่ยินยอม เธอเผชิญหน้า อย่างไม่ยอมทิ้งให้น้องสาวต่อปากต่อคำกับคนตัวโตตามลำพัง

                “น้องสาวของฉันไม่เห็นใครเป็นควายและจะไม่มีทางเป็นผู้หญิงทุเรศอย่างที่คุณกล่าวหา ทำไมไม่คิดดูเองว่า น้องชายของคุณจะมีปัญญาผู้นำชีวิตใครได้ เรียนจวนจะครบกำหนดเส้นไล่ออกแล้วยังเรียนไม่จบเล้ย”

                “ถ้าคิดอย่างนั้นเธอก็ไม่มีสิทธิ์หลอกลวงเขา”

                “มายไม่ได้หลอกลวงเลย เล็กต่างหากเก็บไปคิดเองเออเอง”

                ภูชิสะขบกรามจนเป็นสันนูน หันกายกลับอย่างสุดแค้นใจ เขาคิดว่าถ้าตรงข้ามคือผู้ชายเขาต้องชกให้คว่ำหรือไม่ก็ยิงทิ้งให้รู้แล้วกันไป

                “มายจะทำยังไง” พี่สาวถามอย่างร้อนใจ กลับท่าทีไม่ทุกข์ร้อนของน้อง ที่ทำให้คนตัวโตหลับไปอย่างโกรธสุดขีด

                “มายไม่กลัวหรอก มายไม่ได้พูดจริงจังนี่นา พี่ภูจะมาโกรธมายได้ยังไง แต่ ถ้าอคิราภ์ได้สักครึ่งพี่ชาย+เขา มายจะกระโดดใส่เชียวล่ะ”

                “อพิโธ่เอ๋ย ช่างพูดเล่นออกมาได้อีกนะน้องสาวของฉัน” เมทินียกมือทาบอกทำท่าจะเป็นลม

 ขณะที่มีนาคิดอย่างที่พูดจริง ภูสิสะงามสง่าดังนักรบ ท่วงท่างามดังราชสีห์ ชายหนุ่มมีความเป็นผู้นำชัด เธอชอบผู้ชายคนที่ด่าว่าเธอหลอกลวง เธอชอบเขาจริงๆเสียด้วยสิ


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (76 รายการ)

www.batorastore.com © 2025