
สุดทางฝันวันฟ้าใส (โบตั๋น)
ประหยัด: 140.00 บาท ( 35.00% )
เนื้อหาบางส่วน
1
เจนตามองน้องสาวด้วยสีหน้ารำคาญใจ ขวัญนภานั่งกอด
เข่าเจ่าจุกอยู่ที่ศาลาท่าน้ำมานานเป็นชั่วโมงแล้วตั้งแต่กลับจาก
มหาวิทยาลัยในตอนเย็น
“เป็นอะไร นั่งท่านี้น่ะมันท่าคนอมทุกข์นะ แก มีเรื่อง
อะไรนักหนา รึว่าอกหัก”
“ยิ่งกว่าอกหักอีก” น้องสาวตอบ “มันเจ็บปวด มัน
โกรธคนไปหมดทั้งโลก ทั้งอาจารย์ที่มหาลัย คนรอบข้าง แล้วก็อี
นังคนสวยปากยื่นบ้านฝั่งคะโน้น พี่สาวแฟนแกไง”
เจนตาถอนใจ
“แกอย่าพูดแบบนี้นะ ขวัญ พี่ไม่ได้เป็นแฟนกะนัส พี่
ไม่ใช่คนชอบกินเด็ก นัสเขาอยู่แค่มอห้ามอหกเอง อ่อนกว่าพี่
เกือบสิบปี ว่าแต่แกไปโกรธอะไรพี่สาวเขา แกหมายถึงคุณแอ๊ดรึ
เขาเป็นญาติกันเท่านั้นแหละ ไม่ได้เป็นพี่น้องแท้ ๆ คุณแอ๊ดเขา
เป็นลูกลุง คนละนามสกุลด้วยซ้ำ แม่นัสเป็นน้องสาวพ่อคุณแอ๊ด
แกโกรธเขาเรื่องอะไร มีอะไรที่มหาลัย แกก็อยู่คนละคณะกับเขา
เขาอยู่ปีสามแล้ว แกเพิ่งเข้า”
“เรื่องทุนเด็กยากจนไง เจนเชื่อไหม ขวัญขอไปแต่ไม่ได้
คุณแอ๊ดได้ แล้วเขาจนที่ไหน อยู่บ้านใหญ่อย่างกะวัง แต่งตัวสวยเช้ง
ยกเว้นตอนแต่งเครื่องแบบ เป็นหลานสาวคนโตของมหาเศรษฐี
แต่ไม่รู้ว่าเขาไปโกหกคณะกรรมการพิจารณายังไง คนจน ๆ อีก
ตั้งหลายคน รวมทั้งขวัญไม่ได้ ขวัญยืนขอกู้เรียนก็ไม่ได้ เขาว่า
รายได้พ่อแม่เกินกำหนด โธ่เอ๊ย พ่อรับเหมาก่อสร้างไม่ใช่ผู้รับ
เหมารายใหญ่ แม่อยู่บ้านเลี้ยงหลาน วัน ๆ จะกินให้อิ่มย่ำแย่
บ้านช่องต้องอาศัยที่วัดปลูก น้ำไฟอาศัยวัด กับข้าวบางทีต้อง
ขอหลวงพ่อ อาศัยทำงานช่วยวัดมั่ง พี่ต้องทำงานวันละสิบหก
ชั่วโมงมาช่วยทางบ้าน ขวัญเองปิดเทอมก็ต้องทำงานงก ๆ แต่
เขาไม่อนุมัติ ทียายแอ๊ดขอเขาพิจารณาให้ เดือนละสองพันนะ
พี่เจน มันคงช่วยเราได้มาก ไม่มีข้อผูกมัดด้วย คนบริจาคน่ะเขา
ให้เปล่า เอาจากดอกเบี้ยเงินก้อนที่ตั้งกองทุนไว้ช่วย เงินเป็นร้อย
ล้านเลยนะ ดอกเบี้ยปี ๆ ตั้งแยะ ให้ทุนนักศึกษาได้ตั้งสิบกว่าคน
แต่ขวัญไม่ได้”
“ทำไมคุณแอ๊ดถึงได้ เพราะทางมหาลัยเขาพิจารณา
จากหลักฐานที่เขาส่งไปใช่ไหมล่ะ พี่เข้าใจนะ ไม่ได้มาตรวจถึง
บ้านถึงช่อง”
“คงงั้นมั้ง”
“ถ้างั้นเขาก็มีโอกาสได้มากกว่าขวัญ'นะ”
“บ้าน่ะสิ พี่ดูซิ เขามีรถขับด้วยนะ บางทีมีคนขับรถไป
ส่งด้วย บางวันเขาก็หัดขับรถกับอีตาลุงสมาน นายโบนัสก็ขับรถ
เป็นใช่ไหมล่ะ เห็นเคยขับมาอวดพี่”
“ถ้าพี่เป็นเขาพี่คงไม่ขอทุนหรอก สงสารคนที่เดือดร้อน
จริง ๆ”
“แต่เขากล้าขอหล่ะ”
“เขาเป็นเด็กกำพร้า อาศัยย่ากับอาผู้หญิงเลี้ยง พ่อ
แต่งงานใหม่ อยู่ไหนไม่รู้ แม่หนีหายไป ไม่เคยเจอหน้ากันมา
เกือบยี่สิบปีแล้ว น่าสงสารไหมล่ะ บ้านเขาเชื้อสายจีน ไม่มีใคร
รักหรือคิดส่งเสียเด็กผู้หญิงให้เรียนหรอก ยิ่งเป็นหลานสาวคนโต
ต้องช่วยอาม่าดูแลบ้าน เลี้ยงลูกของอา เท่ากับต้องทำงานแลกที่
อยู่ที่กิน ดีหน่อยตรงเรียนเก่ง สอบเข้ามหาลัยได้ เขาก็ยอมให้เรียน
แต่ให้เงินไม่พอใช้ น้องชายไม่อดทนเท่าเขาเลยมีปัญหาเป็นเด็ก
ติดยา ต้องติดคุกหรือสถานบำบัดอะไรนี่แหละ ทำใจคิดให้ยุติธรรม
ขวัญจะโกรธอาจารย์กับคณะกรรมการพิจารณาให้ทุนมันก็ไม่ถูก
เขาไม่ได้อยู่ใกล้เพียงแค่คั่นคลองอย่างเรา ได้รู้ได้เห็นความจริง ส่วน
ขวัญมีพ่อมีแม่ มีพี่ชายพี่สาวทำงานแล้ว พี่ชายเอาหลานมาให้
แม่ช่วยเลี้ยงก็ธรรมดา ๆ พี่สาวทำงานช่วยส่งเสีย ไม่เดือดร้อน
เท่าไหร่หรอกตามสายตาคนอยู่ไกล ปลูกบ้านบนที่วัดแทบจะไม่
เสียค่าเช่า ใช้แรงกายช่วย เพราะเป็นผู้รับเหมา ซ่อมโน่นซ่อมนี่ เวลา
มีงานศพก็รับทำข้าวต้มเลี้ยงแขก ได้กำไร ขวัญช่วยแม่เสิร์ฟ พี่ว่าง
พี่ก็ช่วย มีรายได้เลี้ยงกันไป”
“แล้วความจริงมันเป็นอย่างนั้นหรือ เขารู้ไหมว่าไอ้พี่รุ่ง
มันเอาหลานมาให้แม่เลี้ยง ไม่เคยช่วยค่านมค่ากิน ตอนนี้ไอ้อ้วน
อยู่อนุบาลมันก็ไม่เคยจ่ายค่าเล่าเรียน มันสองคนผัวเมียเงินเดือน
เท่าไหร่ อยู่แฟลตสุโขสโมสร ภาระไม่มี เที่ยวสบาย บอกแม่ให้
ขอค่านมมันมั่ง แม่ก็ไม่ทำ ลากสังขารเลี้ยงให้ ค่านม ค่าหมอ ค่า
เล่าเรียน ลูกชายคนเดียวนี่นะ เขาเคยสงสารพี่มั่งไหม”
เจนตาเรียนจบแค่พณิชยการเทียบเท่ามัธยมปลายเท่านั้น
หล่อนจบสาขาคอมพิวเตอร์ก็แค่เบื้องต้นใช้งานเป็นเท่านั้นเอง ไม่
ได้เก่งสารพัดแบบคนจบมหาวิทยาลัย อาศัยเป็นคนเสาะหาความ
รู้จึงเก่งกว่าเพื่อน ๆ ได้ทำงานในศูนย์ข้อมูลของสำนักพิมพ์ใหญ่
แห่งหนึ่ง ไม่ไกลจากบ้านนัก หล่อนมีหน้าที่คีย์ข้อมูลหนังสือที่
พิมพ์ออกมาขายกับหนังสือที่สำนักพิมพ์อื่นนำฝากจัดจำหน่าย งาน
ไม่หนักแรงแต่ต้องใช้สายตามาก อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งวัน
เจนตาอยากเรียนต่อระดับอุดมศึกษา แต่หล่อนไม่มี
โอกาส ขณะที่หล่อนเรียนจบอาชีวะ รุ่งธรรมพี่ชายกำลังเรียน
มหาวิทยาลัย ต้องใช้เงินมาก พ่อแม่บอกว่าให้หล่อนหางานทำ
เพราะส่งพร้อมกันสองคนไม่ไหว ขวัญนภายังเรียนอยู่ชั้นมัธยม
ต้นในโรงเรียนของรัฐใกล้บ้าน ค่าใช้จ่ายไม่มาก พอพี่ชายเรียนจบ
เจนตาเตรียมตัวจะไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยบ้างก็พอดีพี่ชายทำ
ผู้หญิงท้อง ต้องจัดงานแต่งงานให้ ต้องหาเงินก้อนหนึ่งไปขอขมา
พ่อแม่ฝ่ายหญิง จะหาจากไหนล่ะ นอกจากยืมเงินเก็บของเจนตา
โอกาสของเจนตาจึงไม่เคยมาถึง หล่อนทำงานหนัก
กลางคืนไปทำงานในร้านสะดวกซื้อปากซอย เก็บเงินไว้เผื่อเรียนต่อ
ได้นอนเพียงคืนละสามสี่ชั่วโมงเท่านั้น ดีที่หล่อนเป็นคนหลับง่าย
เวลาไม่มีลูกค้าหล่อนก็นั่งหลับ ตอนเที่ยง ๆ หล่อนก็นั่งหลับที่โต๊ะ
ทำงาน หัวหน้าไม่ว่าอะไร ถือว่าพักสายตา เพราะเขาเองก็หลับ เพ่ง
หน้าจอวันละหลาย ๆ ชั่วโมงก็ล้ากันทุกคน
หล่อนเก็บเงินได้มากโข คิดว่าความรู้คอมพิวเตอร์ที่นั่ง
ทำงานอยู่ทุกวันกับเรียนด้วยตนเองจากหนังสือที่หยิบจับอยู่ทุกวัน
ก่อนส่งไปขาย มีหลายเล่มสอนเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ หล่อนน่า
จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยของรัฐได้ แต่เมื่อไปสมัครสอบปรากฏว่า
หล่อนสอบเข้าไม่ได้ เจนตาไม่ใช่คนคิดมากหรือท้อง่าย ๆ คิดว่า
ปีหน้าเอาใหม่ ไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยราชภัฏก็ได้ น่าจะง่ายกว่า
มหาวิทยาลัยดัง ๆ
แต่พอดีขวัญนภาน้องสาวจบมัธยมปลายและหล่อน
สอบเข้าได้มหาวิทยาลัยของรัฐ แต่คณะและมหาวิทยาลัยที่ขวัญ
นภาเข้าได้อยู่ไกลบ้านมาก ขวัญนภาต้องไปอยู่หอพัก ค่าใช้จ่าย
แต่ละเทอมสูง พ่อแม่หาเงินได้ไม่พอส่งเสีย เจนตาจึงต้องควักเงิน
เก็บจ่ายให้น้องสาวไป ขวัญนภาไปยื่นเรื่องขอกู้เรียนแต่ปรากฏว่า
ไม่ได้ เจนตาไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทางการพิจารณากันอย่างไร
คนจน ๆ อย่างครอบครัวหล่อนจึงขอกู้เรียนไม่ได้ ในขณะที่ครอบครัว
เจ้าที่ดิน มีไร่นาตั้งร้อยไร่แต่ไม่เต็มใจส่งลูกสาวเรียน อยากให้
แต่งงานกับลูกชายร้านทองในตลาด สาวน้อยยื่นเรื่องขอกู้ได้
เพราะไม่ต้องการแต่งงานไปนั่งขายทอง เรียนไปก็โดนพ่อแม่ด่าไป
ว่าโง่ มีคนรวยๆมาขอแล้วไม่เอา ด่าอยู่หลายปีกระทั่งมารู้ภาย
หลังว่าลูกชายร้านทองคนนั้นเป็นคนไม่เอาไหนจึงเลิกด่า ผู้หญิง
คนที่แต่งงานกับเขาขอเลิกเพราะทนไม่ไหวที่เจ้าหนุ่มเอาแต่เล่น
การพนัน ดูบอล การงานไม่ทำ ฐานะทางร้านก็ไม่ได้รวยจริง หนี้
สินมากมาย ทำไมเขาขอกู้แล้วได้รับอนุมัติ ทำไมขวัญนภาขอกู้ได้
รับการปฏิเสธ เขาเอาอะไรมาวัดกันนะ ขวัญนภาอารมณ์เสีย
หงุดหงิดอยู่นาน พี่สาวรำคาญหนักจึงเอ็ดเอาว่า
“แกจะมาอารมณ์เสียใส่ฉัน ใส่คนรอบตัวทำไมวะ คิด
ซะมั่งสิ ทุกคนเขาก็ช่วยแกเต็มที่แล้ว เรียนก็ได้เรียน ฉันซะอีก กี่
หนแล้วที่จะเข้ามหาลัยแล้วไม่ได้เข้าเพราะมีแต่เรื่องน่ะ แล้วฉัน
เคยมาหงุดหงิดงุ่นง่านใส่แกไหม”
ขวัญนภาเลยเงียบไป มาหนนี้ก็อีก มานั่งกอดเข่าอยู่
ท่านี้ให้ยุงหามเสียงั้นแหละ
“แกจะมานั่งให้ยุงหามไปทำไม ฉันทำงานกลับมา
เหนื่อย ๆ แม่ก็บ่นว่าแกเอาแต่นั่งเฉย ๆ ไม่ยอมช่วยอะไร ฉันก็
เหนื่อยและหงุดหงิดเป็นเหมือนกันนะ ขวัญ ไปช่วยแม่หยิบจับทำ
อะไร ๆ มั่ง”
“ก็มันกลุ้ม เทอมนี้แกช่วยออกค่าหน่วยกิตค่าหอให้ฉัน
แล้วเทอมหน้าจะเอาที่ไหนจ่าย พอมีเงินเก็บสักนิดสักหน่อยก็มี
แต่เรื่อง”
“แกไม่ต้องคิดอะไร แค่ใช้เงินให้มันประหยัด ๆ ก็พอ มี
เวลามีงานทำก็ทำ ฉันจะหาทางให้เอง พอแกเรียนจบแล้ว มีงาน
ทำก็ช่วยฉันมั่ง ไม่ใช่ทำตัวแบบพี่รุ่ง”
เจนตาคิดว่าจะไปขอกู้เงินกองทุนสวัสดิการพนักงาน
ของบริษัทแล้วหักเงินเดือนใช้ดีกว่าไปกู้นอกระบบ หล่อนทำงาน
มาหลายปีแล้วพอจะคุยกับหัวหน้าได้ ส่วนที่หล่อนเอ่ยปากกับ
น้องว่ามีงานทำเมื่อไรให้ช่วยหล่อนบ้างนั้นหล่อนพูดไปอย่างนั้นเอง
ไม่เคยหวัง ดูตัวอย่างจากพี่ชายก็ทำให้หล่อนไม่อยากจะหวังอะไร
อีกแล้ว พอตัวเองรอด พี่น้องก็คงถีบส่งหล่อน เจนตาก็คงเป็น
เสมียนหรือแคชเชียร์ร้านค้าไปจนตายแหละ จะทำอะไรได้ดีกว่านั้น
จะหาเวลาเรียนมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชก็ยังไม่รู้จะเอา
เวลาตอนไหนมาอ่านหนังสือเลย หล่อนทำงานสองที่รวมกันแล้ว
สิบหกชั่วโมงต่อวัน จะนอนยังไม่เคยได้นอนเต็มตาเลย
ที่พอจะหาเวลาได้ก็คือว่ายน้ำในคลองวันละครึ่งค่อน
ชั่วโมง หล่อนขาดการออกกำลังกาย รู้ตัวว่าต้องทำอะไรสักอย่าง
ไม่อย่างนั้นสุขภาพจะแย่ ทีแรกหล่อนคิดจะวิ่ง แต่ไม่มีเงินซื้อ
รองเท้าวิ่งใส่ หล่อนอ่านหนังสือมากและรู้ว่าขืนวิ่งโดยใช้รองเท้า
ธรรมดาส้นเท้ากับหัวเข่าจะแย่เอา จึงต้องเลือกว่ายน้ำ ไม่มีเงินซื้อ
ชุดว่ายน้ำก็ใส่กางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดนั่นแหละ ไม่ต้องไปว่ายที่
สระสวย ๆ ที่ไหน ว่ายมันในคลองหน้าวัดเพราะไม่ค่อยมีเรือสัญจร
ไปมาและน้ำยังใสอยู่ พอเลิกก็อาบน้ำสระผมให้สะอาดแล้วรีบไป
นั่งเฝ้าเครื่องคอมพิวเตอร์ร้านสะดวกซื้อต่อ
ขอบคุณโชคชะตาที่หางานทำได้ใกล้บ้านและพ่อมี
มอเตอร์ไซค์ใช้งานคันหนึ่งพอให้หล่อนขี่ไปทำงานตอนกลางคืนได้
ส่วนตอนกลางวันน่ะนั่งรถเมล์ไป ไม่ไกลเท่าไหร่
เพราะหล่อนว่ายน้ำทุกเย็นจึงได้รู้จักกับพรณัฐหรือโบนัส
หนุ่มน้อยบ้านเศรษฐีฝั่งคลองตรงข้ามในหมู่บ้านจัดสรรสำหรับ
คนรวย พรณัฐชอบเล่นคอมพิวเตอร์ เขาเคยเห็นหล่อนที่ร้าน
สะดวกซื้อแต่ไม่เคยได้คุยกันเพราะหล่อนต้องทำงาน พรณัฐชอบ
ออกมานั่งทำการบ้านที่ศาลาริมคลองบ้านของเขา เห็นเจนตาว่าย
นํ้าทุกเย็นจึงทักทายคุยด้วย กิริยาของเขาไม่ใช่การจีบหญิงและ
เขาเด็กกว่าหล่อนหลายปี เป็นเพียงอยากคุยด้วยเพราะเหงา เมื่อ
ความสนใจตรงกันเรื่องคอมพิวเตอร์จึงคุยกันได้นาน เจนตา
แนะนำหนังสือคอมพิวเตอร์ โปรแกรมใหม่ ๆ ให้เขาเพราะหล่อน
อยู่กับสำนักพิมพ์ซึ่งเป็นบริษัทจัดจำหน่ายด้วยจึงรูดีว่าเดือน ๆ มี
หนังสืออะไรออกใหม่ ทั้งความรู้และเกมแปลก ๆ พรณัฐจึงฝากหล่อน
ซื้อหนังสือให้เขาเสมอ คุยกันก่อนหล่อนออกไปทำงานกะกลางคืน
หล่อนสนิทกับเขาจนขวัญนภากล่าวหาว่าเจนตากับพรณัฐเป็น
แฟนกัน
เจนตาตัวเล็ก ผิวคล้ำ ใบหน้าคมเข้มแต่ดูอ่อนกว่าวัยมาก
ความทุกข์ยากไม่ได้ทำให้หล่อนทรุดโทรมหรือดูเคร่งเครียด เจนตา
สามารถละวางทุกสิ่งได้ในขณะทำงานหรือหมกมุ่นกับอะไรอยู่ ขวัญ
นภาเสียอีกหล่อนชอบหน้านิ่วคิ้วขมวด หงุดหงิดกับชีวิตอยู่เรื่อย ๆ
พรณัฐสูงใหญ่ กินดีอยู่ดี มีเงินใช้ แต่คนในบ้านมักจะ
ลืมเขาเสมอ พรณัฐเคยปรารภถึงปัญหาของเขาให้เจนตาฟัง เด็ก
หนุ่มย่นจมูก เล่าว่า
“อาม่าก็ห่วงแต่แอ๊ดกับอรรถ สงสารว่าไม่มีพ่อมีแม่ดูแล
แล้วเขาเป็นหลานย่า อรรถน่ะเท่ากับเป็นทายาทสืบสกุล แต่ตอน
นี้เข้าไปสืบสกุลอยู่ในสถานบำบัดคนติดยาเสพติด”
“ตอนอยู่ระนองนะเรายิ่งไม่มีใครดูแล พ่อกับแม่ไปแพปลา
ดูเรือลงปลา มีแต่ปัญหา เรือประมงมีอยู่สามลำ เรือใหญ่นะ ออก
ทะเลทีเป็นเดือน เดี๋ยวก็มีปัญหาคนงาน มีปัญหารุกล้ำน่านนํ้า
บางทีก็ถูกจับเพราะไปเติมนํ้ามันหนีภาษี จริง ๆ น่ะมันหน้าที่ลุงโต
พ่อพี่แอ๊ด แต่เขามีแต่เรื่องวุ่นเรื่องเมียเขา แม่พี่แอ๊ดไง ทะเลาะกัน
ตีกัน โอ๊ย ไม่รู้อะไร พ่อแม่เราเลยต้องรับเหมางานเละแล้วก็ไม่ใช่
ว่าอากงอาม่าจะเห็นความดีนะ ถูกด่าทุกวัน ลูกสาวคนโตนี่ ไม่
ช่วยก็ไม่ได้ อีกอย่างพ่อเราเขาก็มีหุ้นลงทุนเรือด้วยตั้งหลายล้าน มี
ปัญหาก็ต้องช่วยกัน พอลุงโตแกไปซะกับเมียใหม่ พ่อแม่ก็ต้อง
ทำงานทั้งหมด อากงก็ตาย อาม่าแกไม่อยากอยู่บ้านเก่า แม่
ก็ตามใจมาซื้อบ้านนี้ให้ บอกว่าจะได้เอาเด็ก ๆ มาเรียนกรุงเทพฯ
ให้หมด เพราะน้องชายนัสเริ่มมีปัญหาหนักขึ้นทุกกัน”
“น้องนัสเป็นอะไร”
“เขาเรียกแอสเพอร์เกอร์หรือไงนี่แหละ คล้าย ๆ ออทิสติก
เขาระงับอารมณ์ไม่ได้เลย เวลามันโกรธมันกรี๊ด เคยถึงกับเอา
รองเท้าพละปาหัวครู ถูกไล่ออกจากโรงเรียนไม่รู้กี่แห่ง ครูเขาไม่
ยอมเชื่อว่ามันไม่สบาย เขาว่ามันเกเร แต่ถ้ากินยาตามหมอสั่งมัน
ก็ดีขึ้นนะ พอย้ายมาอยู่กรุงเทพฯได้หมอเก่ง มันก็ดีขึ้นหน่อย อีก
อย่างป้าโฉมเขารักมัน สงสารมัน ดูแลมันดียิ่งกว่าพ่อแม่อีก”
ป้าโฉมเป็นภรรยาลุงสมานคนขับรถประจำบ้าน เป็นแม่
บ้านใหญ่ ดูแลบ้าน ดูแลอาม่า
“ดูแลน้องชายนัสซะมากกว่า ส่วนเราไม่มีใครสนใจ”
เจนตามองหน้าพรณัฐบอกว่า
“คิดในแง่ดีนะ นัส ดีซะอีก ไม่มีใครมาวุ่น ขอแต่ให้จ่าย
เงินให้ใช้เถอะ นัสโตแล้วก็ดูแลตัวเองได้ไง ไม่ดีรึ อย่างคบกะพี่เจน
ก็ไม่มีใครว่าใช่ไหม ถ้าพ่อแม่หรืออาม่าจับจ้องนัส รับรองโดนด่า
มาคบผู้หญิงลูกชาวบ้านข้างวัด ถึงจะไม่ได้มีอะไรลึกซึ้งก็เถอะ พี่
มันตัวเล็ก คนมองผ่าน ๆ นึกว่าวัยเดียวกับโบนัส” เจนตาพูดแล้วก็
หัวเราะ “ที่บ้านพี่ยังกล่าวหาว่าพี่หลอกกินเด็ก บ้าแท้ ๆ พี่เจน
โตกว่าโบนัสตั้งหลายปี นัสคงไม่คิดอะไรบ้าๆนะ ยังเป็นเด็กมัธยม
ตั้งหน้าตั้งตาเรียนซะ”
โบนัสหรือพรณัฐหัวเราะ แต่แววตาระยิบระยับผิดปกติ
เขาพูดทีเล่นทีจริงว่า
“นัสอยากคิดนะ มีแฟนก็ดี มีคนเป็นห่วง เกิดมาไม่มี
ใครรักใครห่วง”
“ไม่จริงแน่ ๆ พ่อแม่เขาก็ต้องรักต้องห่วง แต่เขาไม่มีเวลา
ไม่งั้นเขาจะทำบัตรเสริมให้ใช้รูดซื้อโน่นนี่รึ เดือนละกี่พันล่ะ”
พรณัฐยิ้ม ไม่ตอบ เจนตาคิดว่าเงินพันน่ะมากแล้ว
สำหรับนักเรียนมัธยมปลาย สักเดือนละสี่ห้าพันก็เหลือแหล่จะใช้
ไม่ต้องเสียค่ารถไปกลับ แค่กินขนมกับซื้อของ แต่จริง ๆ แล้วพรณัฐ
ใช้เงินได้ถึงเดือนละสองหมื่นห้าพันบาท เพียงแต่เขาไม่เคยใช้ถึง
แอ๊ดญาติผู้พี่ก็มีบัตรเครดิตใช้เงินได้ถึงเดือนละห้าหมื่นบาท อาม่า
ตามใจหนัก ให้มาก เพราะคิดว่าแอ๊ดต้องใช้เงินซื้อของไปเยี่ยม
น้องชายที่สถานบำบัดยาเสพติด และตัวสาวแอ๊ดเองมีโรคประจำตัว
เกี่ยวกับไทรอยด์ ต้องจ่ายเงินค่ายารักษาตัว พบแพทย์ทุกเดือน
จริง ๆ แล้วค่ายาเดือนหนึ่ง ๆ ไม่ถึงสี่พันบาท ไปเยี่ยมน้องชายก็
นาน ๆ ไปครั้ง ซื้อข้าวของอะไรต่อมิอะไรไปให้ก็เดือนละสองพัน
อย่างมาก แอ๊ดใช้เงินฟุ่มเฟือยซื้อโน่นซื้อนี่ราคาแพง ๆ เปลี่ยน
โทรศัพท์มือถือเป็นว่าเล่น
ที่พรณัฐนึกไม่ถึงก็คือแอ๊ดกล้าไปขอทุนช่วยเด็กยากจน
และกู้กองทุนกู้ยืมเรียนของกองทุนรัฐอีกเพราะหล่อนต้องแสดง
ตัวเลขการใช้จ่ายให้อาม่าดูว่าหล่อนไม่ได้ใช้เงินจนเกลี้ยงบัญชี มี
เหลือทุกเดือนนะ อาม่าก็ชมว่าหลานสาวเป็นเด็กดี รู้จักใช้เงิน ไม่
เหมือนแม่
พออาม่าพูดถึงแม่สีหน้าของแอ๊ดก็เปลี่ยนไป หล่อนไม่
ชอบให้อาม่าพูดจากระทบด่าแม่ของหล่อนแต่อาม่าก็มักจะอด
ปากไว้ไม่อยู่
“แม่แกน่ะมันเด็กใจแตก มีผัวตั้งแต่อายุสิบห้า แล้วก็มี
แอ๊ดกับอรรถ ไม่เคยดูเคยแลลูก อาม่าก็ต้องดู สงสารแม่ไม่เอาไหน
พ่อก็เจ้าชู้เอาแต่ไล่จีบเด็กสาว ๆ”
พรณัฐดูออกเลยว่าแอ๊ดเก็บกด โกรธอาม่าแต่ปากหวาน
เอาใจคนแก่เสมอ เลยเป็นหลานรัก อาม่ามีหลานผู้หญิงอีกคน น้อง
สาวของพรณัฐชื่อรัตนาวลีหรืออั่งเปา สาวน้อยตัวอ้วนกลม หล่อน
เลือกจะอยู่กับย่าที่หาดใหญ่ ไม่ยอมย้ายมากรุงเทพฯอยู่กับยาย
อาม่าก็เลยเหลือหลานสาวอยู่คนเดียวใกล้ชิดอาม่าประเภทเกลียด
ตัวกินไข่ ไม่ชอบสะใภ้แต่รักหลาน ตามใจจนจะเสียคนอยู่แล้ว
ตามสายตาของพรณัฐ
พรณัฐเคยถามน้องสาวว่าทำไมหล่อนจึงเลือกอยู่กับย่า
ทั้งที่ย่าไม่ตามใจหลานเท่ายายให้เงินใช้น้อยกว่าด้วย
“มันสบายใจกว่า” อั่งเปาตอบ “ย่าให้เงินใช้น้อยแต่ก็
พอใช้ ไม่พอก็ขอพ่อแม่มั่ง ไม่เดือดร้อน อยู่บ้านนี้เปาเป็นเด็กคน
เดียวในบ้าน แสนจะสบาย อยากเรียนไวโอลินก็ได้เรียน อยู่กับ
อาม่ายอมให้เรียนรึ คงหาว่าเรียนดนตรีจะไปสีซอขอทานรึไง
รำคาญจะตาย อาม่ารักแต่แอ๊ดกับอรรถ สงสัยสำนึกผิดที่เป็นต้น
เหตุให้พ่อแม่เขาเลิกกัน แต่ไม่กล้าพูดออกจากปาก แม่พี่แอ๊ดเขา
ไปเพราะทนอาม่าไม่ไหว ไม่ใช่เพราะพ่อเจ้าชู้หรอก ตอนอยู่บ้าน
เดียวกันนะ เปาได้ยินทุกวัน อาม่าแกด่าแม่พี่แอ๊ดกระทบซ้าย
กระทบขวาทุกเรื่อง อะไร ๆ ก็ชั่ว แล้วบางทีนะ ด่าถึงโคตรเหง้าศักราช
เขาด้วย เขาก็ไปสิ จะอยู่ทำไม ลุงโตก็มีเอ๊าะ ๆ อยู่เรื่อย เขาก็หา
ใหม่มั่งซิ ป้าอี๊ดแกออกจะสวย สวยกว่าแม่เราเป็นไหน ๆ”
ใช่ว่าเป็นลูกคนมีเงินแล้วจะไม่มีปัญหา
“นัสเบื่อไอ้โน้ตบุ๊คนี่แล้วละ ว่าจะเปลี่ยนไปใช้สมาร์ท
โฟน” เขาบอกเจนตา
“อะไร เพิ่งซื้อมาไม่ถึงปี”
“เชยแล้ว”
“พูดง้ายง่ายนิ ไอ้ขวัญมันไม่มีจะใช้ ไปเข้าคิวใช้ที่มหาลัย
ทำการบ้านส่งแทบไม่ทัน พี่ต้องเอาไปช่วยทำให้ที่บริษัท แอบ ๆ
เขาทำ ตอนไม่มีใครอยู่”
“งั้นก็เอาของนัสไปใช้ ยกให้”
“ไม่ดีมั้ง เดี๋ยวแม่หรืออาม่ารู้ นัสจะโดนด่านะ เอางี้ เจน
ซื้อต่อแล้วกัน คิดถูก ๆ”
“เอาไปเหอะ ไม่มีใครสนหรอกว่าโน้ตบุ๊คฃองนัสหายไป
ไหน เอ้า ทำเป็นยืมก็ได้ ใครถามก็บอกว่าเพื่อนไม่มีใช้ เลยยืมไป
ทำการบ้าน เท่านั้นแหละ เรื่องจิ๊บจ๊อย”
พรณัฐเคยให้เจนตายืมมือถือมาแล้วเครื่องหนึ่ง ตอนที่
เครื่องเก่าแก่ของหล่อนเสีย
เจนตารู้สึกไม่ดีนักเหมือนหล่อนหลอกเด็ก รับของแพง
ของเขามาเรื่อย แต่หล่อนก็ต้องรับเพราะความจำเป็น
เมื่อขวัญนภารับโน้ตบุ๊คจากมือพี่สาวหล่อนดีใจจนเนื้อ
เต้น
“ซื้อมือสองมา ใช้ถนอม ๆ นะ ของมันแพง เสียไปไม่มี
เงินซื้ออีกนะ” เจนตาบอกน้อง
ใครจะกล้าพูดล่ะว่าพรณัฐให้มา แค่คุยกันคนก็มองไปใน
แง่ชู้สาวแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งแอ๊ด หล่อนเคยเห็นพรณัฐคุยกับ
เจนตาที่ท่าน้ำ สายตาของแอ๊ดที่มองแสดงความรู้สึกอย่างแจ่มชัด
“ใครน่ะ โบนัส เข้าบ้านมาทางไหน ทำไมตัวเปียกยังงั้น”
“อ๋อ เพื่อนณัฐ เขาอยู่ฝั่งคะโน้น” ชี้มือไปที่วัดตรงข้าม
“เพื่อนรึ” แอดพูดเสียงสูง “เพื่อนที่ไหน ณัฐเรียน
โรงเรียนชายล้วน ไปรู้จักกันมาได้ไง”
“ซักอะไรนักหนาวะ ไม่ใช่แม่นะ” พรณัฐรำคาญ
“ริคบผู้หญิงละซี ชักจะเป็นหนุ่มแล้วนี่” ญาติผู้พี่หรี่ตา
มอง
“บ้าน่ะ ไม่มีอะไร เขาอยู่ร้านหนังสือที่เราไปซื้อหนังสือ
คอมบ่อย ๆ เลยรู้จักกัน พอดีเขาอยู่ฝั่งโน้นก็เลยว่ายน้ำข้ามมาคุย
กัน น้องสาวเขาเรียนอยู่มหาลัยเดียวกับแอ๊ดด้วย เขาโตกว่านัส
เยอะแยะ ไม่มีอะไร คุยเรื่องเกมคอม เรื่องโปรแกรม”
“แน่นะ ไม่มีอะไรแน่นะ ไม่งั้นฉันจะฟ้องอาม่านะ”
“ก็ฟ้องซีวะ ถ้าฟ้องนัสก็จะฟ้องอาม่าเหมือนกันว่าพี่
แอ๊ดน่ะไปขอทุนเด็กยากจนที่มหาลัย ไปโกหกอาจารย์ว่าลำบาก
ยากแค้น เอาเงินอุดหนุนเด็กยากจนมาใช้ทั้งที่ตัวเองได้เงินเดือน
นึง ๆ เยอะแยะ ขนาดเคยไปเรียนเมืองนอกกะนัสมาแล้ว”
แอ๊ดหน้าเขียวด้วยความโกรธ สะบัดหน้าจากไป พรณัฐ
ย่นจมูกใส่
“ถ้าปากเสีย เราก็จะปากเสียเหมือนกันนะ” เขาตะโกน
ไล่หลังแอ๊ดไป ก่อนจะพึมพำว่า
“แก่กว่าก็แก่กว่าซีวะ ถ้าพี่เจนเขารับกูเป็นแฟน กูก็จะ
คบเป็นแฟน ใครจะทำไม”