ลองรักพ่อผัว (มัสยา บุรินทร์)
ประหยัด: 52.50 บาท ( 35.00% )
เนื้อหาบางส่วน
1
บ้าน สิทธิรังสรรค์ ในวันที่ประมุขของบ้านล้มป่วยลง ก็ดูเหมือนกับว่าเข้าสู่โหมดแห่งความระส่ำระสายไปหมด
สะใภ้ใหญ่ สะใภ้รอง และสะใภ้เล็ก รับรู้ถึงปัญหาความยุ่งยากของตัวเอง
ธุรกิจของตระกูลส่อเค้ามีปัญหามานาน บวกกับความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องที่ระหองระแหงมาตลอด เพราะความเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้
อำนาจของคนเป็นพ่อ ผู้ก่อตั้ง และพยายามยื้ออย่างที่สุดเพื่อจะให้ธุรกิจอยู่ให้ได้ เริ่มจะหมดหวัง เมื่อแบ็งก์ไม่ยอมปล่อยเงินกู้เพิ่ม
สินทรัพย์ถูกถ่ายเทออกไปสู่กระเป๋าของลูก ๆ แต่ละคนโดยเฉพาะพี่ใหญ่กับพี่รอง
น้องเล็กดูเหมือนจะได้รับเพียง...มูลค่าหนี้
บ้านหลังใหญ่ที่ยังติดจำนองธนาคารอยู่ ธุรกิจที่กำลังจะเจ๊ง
และหมายรวมถึง...เสี่ย เวทิน ประมุขแห่ง สิทธิรังสรรค์ ผู้เป็นพ่อด้วย
ในที่สุด ความเลวร้ายทั้งหลายทั้งปวงก็ประเดประดังเข้ามา
วาทิต ลูกชายคนเล็กดื่มทุกวัน พราวเดือนผู้เป็นภรรยาในฐานะสะใภ้เล็กมองเห็นความชอกช้ำ อ่อนแอในดวงตาของเขา
ก็เข้าใจ
เขาต่างจากเธออยู่มากมาย
ปัญหาที่เขาเจอ แม้จะเรียกว่าหนักหนาสาหัส แต่ไม่เทียบกับชีวิตของหล่อนหรอก
หล่อนเจอมาหนักกว่าเขามาก
มันไม่ใช่แค่การเสียศักดิ์ศรี แต่มันคือความหิวโหย คนเราในยามหิว ศักดิ์ศรีมันไม่ได้สำคัญอะไร
ชีวิตอันลำเค็ญของลูกผู้หญิงที่ต้องอยู่อาศัยกับพ่อเลี้ยงหื่น ๆ
รอดพ้นจากจุดนั้นมาได้อย่างหมิ่นเหม่ หลังแม่เสีย
เมื่อพบรักกับชายหนุ่ม หล่อนคิดว่าชีวิตเหมือนเกิดใหม่ ปัญหาของเขาคือปัญหาของหล่อน เพราะฉะนั้นในวันที่เขากำลังจะล้ม หล่อนจึงไม่กลัวที่จะอยู่เคียงข้างเขา
บ้านสิทธิรังสรรค์เวลานี้ เหมือนกับแพแตกจริง ๆ
ทุกคนไปคนละทิศละทาง
เหลือเพียงสะใภ้เล็ก กับคุณหนูลูกชายคนเล็กของบ้าน ที่สภาพดูเหมือนจะไม่พร้อมสำหรับปัญหาที่กำลังถาโถมเข้ามาในชีวิตอย่างมากมาย
พ่อป่วย หนี้สินพะรุงพะรัง เจ้าหนี้มากกว่า 20 ราย รวมทั้งทุกสถาบันการเงินกำลังรอให้เขาเจรจา
“ผมมันแย่มากใช่ไหม”
“ไม่เลยค่ะที่รัก ไม่เกี่ยวกับคุณเลย”
ความเข้มแข็งของผู้เป็นประมุขของตระกูล หรือพ่อผัวของพราวเดือน นั้นช่างแตกต่างกับความอ่อนแอที่ลูกชายของเขามีอย่างสิ้นเชิง
ราวกับรู้ดีว่า ถ้าไม่สามารถลุกขึ้นมายืนหยัดได้ จะสิ้นชื่อไปทั้งหมด ไม่มีอะไรเหลือ
พราวเดือน ดูแลเสี่ยเวทินตลอดเวลา เหตุผลง่ายสุดเลยคือ ประหยัดค่าจ้างพยาบาล อะไรที่พอจะประหยัดได้ก็ต้องทำ
เธอยอมเหนื่อยหน่อย
ดูแลทั้งหมด
เปลี่ยนผ้าอ้อมผู้ใหญ่ อาบน้ำ อาหารการกิน จนดูเหมือนกับว่าระยะหลัง เธอจะมีเวลาอยู่กับเสี่ยเวทินมากกว่า วาทิตผู้เป็นสามีเสียด้วยซ้ำ
ยิ่งได้เห็นพัฒนาการ เห็นความเอาจริงเอาจังของเสี่ยเวทิน พราวเดือนยิ่งมีกำลังใจที่จะทำ คำพูดที่พยายามจะเปล่งออกมาจากปาก แววตาที่แสดงถึงความมุ่งมั่น ล้วนแล้วแต่ทำให้เธอมีพลังในแง่บวกเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น
จนกระทั่ง...
พราวเดือนรู้แล้วละว่า เพราะอะไร เสี่ยเวทินถึงได้เต็มไปด้วยพลัง มีอยู่วันหนึ่งที่เธอถึงกับกลืนน้ำลายฝืดคอ เมื่อเห็นอาการตื่นตัวของแกนกาย
เธอเป็นคนจัดการเรื่องผ้าอ้อม ดูแลทำความสะอาดทั้งตัวตั้งแต่แรก ๆ เพราะฉะนั้นจึงได้เห็นทุกสัดส่วนของเขา
อลังการงานสร้าง!
ไม่คิดว่าผู้ชายวัยขนาดนี้จะมีอาวุธน่าสะทกสะท้านหัวใจได้ถึงเพียงนี้
ยิ่งระยะหลัง วาทิตแทบจะไม่ได้เอาใจใส่เธอ เขาแสดงความไม่เอาไหน แต่ละวันหมดไปกับเหล้า บุหรี่ ร่างกายทรุดโทรมอย่างเห็นได้ชัด ไม่เพียงเท่านั้น ยังโมโหฉุนเฉียวจนเข้าใกล้ไม่ได้ บ่นเพ้อแต่เรื่องราวที่ผ่านมาแล้ว แต่ไม่เคยคิดจะลุกขึ้นมาเพื่อจัดการทุกอย่างให้มันดีขึ้น
โรงงานเหลือโรงเล็ก ๆ แห่งเดียว คนงานสิบกว่าคน ที่นี่...พราวเดือนเข้าไปจัดการจนกระทั่งสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับพวกคนงาน คนเหล่านั้นพร้อมจะทุ่มเท ยอมล้มลุกคลุกคลานไปด้วยกัน พราวเดือนก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งในการปลุกปลอบกำลังใจของพวกเขา แต่ลึก ๆ แล้วคนงานผูกพันกับเจ้านายเก่าอย่างเสี่ยเวทินมากกว่า
แม้ในยามรุ่งเรืองสุดขีด เสี่ยก็ไม่เคยคิดจะเปลี่ยนแปลงโรงงานแห่งนี้ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นในชีวิตธุรกิจของเสี่ย กล่าวคือไม่ยุบไปรวมกับที่อื่น ๆ
คนเก่าแก่สามารถอยู่ต่อ ที่นี่ผลิตสินค้าเต็มศักยภาพ ด้วยแรงงานคน ไม่มีเครื่องจักรเข้ามาเกี่ยวข้องมากนัก
เงินเดือนสวัสดิการต่าง ๆยังคงมีเหมือนเดิม
แม้แต่ในยามนี้ก็ตาม จนคนงานเองนั่นแหละที่ต้องเข้ามาขอลดเงินเดือนของพวกเขาลง เพื่อจะช่วยให้ทุกอย่างมันดีขึ้นโดยเร็ว
การเห็นอกเห็นใจกันในยามยาก ถือว่าเป็นเรื่องดีงามที่สุดของชีวิต ทว่า...วาทิต ผู้ที่ควรจะเข้ามาทุ่มเทให้กับโรงงานที่เหลือ กลับยังติดอยู่ในอดีตที่ผ่านมาแล้ว และไม่มีวันกลับไปได้เหมือนเดิมอีกแล้ว นอกจากฮึดสู้เพื่อสร้างขึ้นมาใหม่
กำลังใจของเขาไม่มีหลงเหลือ ทั้ง ๆที่มีผู้หญิงอย่างพราวเดือนที่พร้อมจะล้มลุกคลุกคลานไปด้วยกัน
เรื่องบนเตียงระหว่างพราวเดือนกับวาทิตยิ่งห่างเหินไปโดยปริยาย
เขาไม่แตะต้องเธอเลย!
ขณะที่อีกคนตรงกันข้าม
คุณเวทิน... เวลานั้น ยังพูดไม่คล่อง แต่สามารถลุกขึ้น ทำกายภาพบำบัดได้บ้างแล้ว อาการดีวันดีคืนอย่างเหลือเชื่อ
มีอยู่วันหนึ่ง วาทิตทะเลาะกับพราวเดือนก่อนจะขับรถออกจากบ้านไป พราวเดือนกลั้นสะอื้น เวลานี้ความทุกข์ยากทั้งหมดประเดประดังถาโถมเข้ามาในชีวิตของเธอไม่รู้จักจบจักสิ้น ยังคงต้องรับมือกับเจ้าหนี้ ยังต้องมีการเจรจา กลับต้องมารับมือกับอารมณ์แปรปรวนฉุนเฉียวของวาทิตอีก นี่ถ้าเป็นคนอื่นคงเปิดตูดเผ่นไปนานแล้ว
ความทุกข์มากมายที่ถาโถมเข้ามาในชีวิตในห้วงเวลานี้ ทำให้พราวเดือนถึงกับน้ำตาคลอ เธอดื่มเข้าไปจนมึน อารมณ์เริ่มเย็นลงจึงเริ่มคิด
ยังมีอีกคนรอเธออยู่
เสี่ยเวทิน!
จริงอย่างที่คิด
“พ่อนึกว่าหนูจะหนีพ่อไปแล้ว”
คำพูดตะกุกตะกักที่เล็ดลอดออกมาจากปากของพ่อผัว หัวใจนักสู้ ทำให้พราวเดือนอดน้ำตาคลอไม่ได้
“ไม่ค่ะ หนูจะอยู่กับพ่อ”
พราวเดือนเข้าไปโอบกอดร่างของเสี่ยเวทิน หลังจากนั้น พ่อผัวกับลูกสะใภ้ก็ปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมาเองจากความรู้สึกคับแค้นที่ซ่อนอยู่ข้างใน
“ผมจะไปจากที่นี่”
วาทิตเอ่ยกับพราวเดือนในอีกหลายวันต่อมา ท่าทางของเขาดูแย่มาก ไม่เหมือนเดิม สายตาของเขาไม่เหลือความเป็นคนหนุ่ม ผู้ที่พร้อมจะสานต่อกิจการของพ่อ ไม่เหลือความเป็นผัวที่พร้อมจะเคียงคู่ไปกับพราวเดือน
“คุณจะไปไหนคะ”
“ที่ไหนก็ได้ ที่ไม่ใช่ที่นี่”
“แล้วฉันล่ะคะ คุณพ่อล่ะคะ”
“ผมไม่รู้ ผมไม่รู้”
วาทิตจากไปจริง ๆ เหมือนทิ้งทุกอย่างเอาไว้เบื้องหลัง โดยไม่มีใครสามารถทัดทานได้ มันคือการตัดสินใจที่ทำให้พราวเดือนเจ็บปวดอย่างที่สุด
เขาทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้เบื้องหลัง ไม่เหลือแม้แต่ความคิดที่จะรับผิดชอบใด ๆ คนที่ควรจะจากไปควรจะเป็นเธอมากกว่าไม่ใช่เขา เพราะเธอเป็นคนอื่น
พราวเดือนแทบจะหมดสิ้นเรี่ยวแรง หากแต่เมื่อเห็นเสี่ยเวทิน ความอ่อนแอของเธอก็ค่อย ๆ กลับมาเข้มแข็งอีกครั้ง
บ้านสิทธิรังสรรค์เวลานี้เหลือเพียงแค่...เสี่ยเวทินที่ยังอยู่ในขั้นฟื้นฟูร่างกาย และดูเหมือนว่าเขาจะสามารถเดินได้คล่องขึ้นบ้างแล้ว
สมองยังเต็มเปี่ยม
แววตายังคงความมุ่งมั่น
2
“คุณหนู อย่าทิ้งพวกเราไปนะครับ...นะคะ...”
คนงานในโรงงานเล็ก ๆ ซึ่งเป็นที่พึ่งสุดท้ายของครอบครัวสิทธิรังสรรค์ ต่างพากันมารอพบพราวเดือน เพื่อขอร้องเธอ
แต่ละคนพร้อมจะต่อสู้เคียงข้างไปกับเธอ พวกเขาเรียกพราวเดือนว่าคุณหนู ตั้งแต่แรก ๆ ทั้ง ๆ ที่พราวเดือนมีฐานะเป็นแค่สะใภ้เล็กของบ้านเท่านั้น
อาจเป็นเพราะ เธอไม่ค่อยถือเนื้อถือตัว เป็นกันเองกับพวกเขาตั้งแต่แรก เธอจึงได้รับความเมตตาจากคนเก่าคนแก่ทุกคน
“หนูสัญญาค่ะ”
พราวเดือนเอ่ยอย่างมั่นใจ เธอตัดสินใจแล้วไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม จะอยู่ต่อไปเพื่อช่วยให้เสี่ยเวทินสามารถพลิกฟื้นกิจการทั้งหมดให้กลับคืนมาอีกครั้ง
มันอาจไม่ใช่เรื่องง่ายนัก แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อ...เสี่ยเวทินมีพื้นฐานดีมาก เขาเป็นนักธุรกิจที่ตรงไปตรงมา คำไหนคำนั้น
หนี้สินที่มีอยู่อาจจะมหาศาลก็จริง แต่ยังมีโอกาส และจะว่าไปแล้วช่วงเวลานี้คือการพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งก็ว่าได้
ยังมีโรงงานเล็ก ๆ ยังมีคนงานที่พร้อมจะร่วมหัวจมท้าย
ไม่เห็นจะต้องกลัวอะไรอีกแล้ว
“ถ้าพ่อไม่ได้หนู ป่านนี้ไม่รู้จะเป็นไงบ้าง”
เสี่ยเวทินเอ่ยกับพราวเดือน ขณะที่เธอมาช่วยทำกายภาพบำบัด ทุกอย่างยังคงดำเนินไปเหมือนเดิม
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณพ่อก็ให้หนูเยอะเหมือนกัน ถ้าไม่ได้คุณพ่อ...”
“อย่าพูดแบบนั้นสิ พ่อต่างหากที่ควรต้องพูด”
พราวเดือนเพิ่งสังเกตว่า กางเกงของเสี่ยเวทินพองโตขึ้น ขณะที่มือของเธอเฉียดกรายไปโดนเข้า
หญิงสาวบอกตัวเองไม่ถูกเหมือนกันว่า รู้สึกอย่างไร ที่แน่ ๆ เธอไม่ได้รังเกียจอะไรเขาเลย นึกสนุกด้วยซ้ำ
“มีอารมณ์เหรอคะคุณพ่อ”
แกล้งถาม “แหม...เดี่ยวนี้แข็งแรงใหญ่แล้วนะคะ”
เสี่ยเวทินหน้าม้าน จนหญิงสาวนึกสงสาร
“คุณพ่อคะ หนูรู้นะคะว่า จริง ๆ แล้วคุณพ่อยังมีความต้องการเหลือเฟือ”
คราวนี้ อะไรสักอย่างดลใจให้เธอตัดสินใจทำ
มือที่นวดเฟ้น เลื่อนขึ้นมาที่หน้าขา แล้ว...วินาทีนั้นเอง พราวเดือนก็ทำในสิ่งที่ไม่น่าจะทำเลย มือเรียวของเธอวางประกบลงบนเอ็นเนื้อที่กำลังพองตัวของเสี่ยเวทิน
“หนู...”
เสี่ยเวทินถึงกับหลุดปากออกมา เสียงแหบพร่า ใบหน้าแดง
รายละเอียด
โปรย
ความรักความปรารถนาที่ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างบังเอิญ
แต่มันเป็นความจงใจ
คุณอาจจะเรียกว่าความต่ำช้าทางอารมณ์