ตามหลังพ่อ (เพชรลดา)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: -
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 150.00 บาท 37.50 บาท
ประหยัด: 112.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

บทเริ่ม

ลูกสาวพ่อ

            เสียงไก่ขันเมื่อตอนเช้ามืดนั้นฉันได้ยินแล้ว แต่ยังไม่อยากลุกจากที่นอน ไก่โอ้กของพ่อนั้นขันตั้งแต่ตีห้ากว่า ๆ  แล้วมันก็ขันเรื่อย ๆ เป็นระยะ ระยะ  ช่างไม่สนใจเลยว่าใครจะลุกจากที่นอนแล้วหรือใครยังไม่ลุก พ่อลุกไปตั้งนานแล้ว แม่ก็ลุกไปหุงข้าวแล้วด้วย ทุกทีฉันจะยังไม่ลุกจากที่นอนเพราะยังไม่ตื่น แต่วันนี้เจ้าโอ้กของพ่อกับเจ้าโต้งของฉันนั้นมันขันดังมากไปหน่อยฉันเลยนอนตาค้างอยู่บนที่นอน ที่จริงฉันจะยังไม่ลุกจากที่นอนหรอกไม่ว่าจะรู้สึกตัวหรือยังเพราะจะรอจนกว่าพี่หนูดีจะมาปลุกฉันนั่นแหละ  ฉันจึงจะตื่นลุกจากที่นอน

            ฉันมองไปยังน้องสามคนที่นอนเรียงราย และหลับอยู่ในอาการต่าง ๆ กัน หน้านี้เป็นหน้าร้อนน้อง ๆ นอนไม่ห่มผ้าก็มี หนูเดชนั้นนอนไม่เคยห่มผ้า หนูดาวหนูเดือนชอบห่มผ้าแม้จะเป็นหน้าร้อน แต่อากาศที่บ้านนาของเราเย็นสบายทุกคืน ยามลมพัดแรง ๆ กิ่งใบของมะม่วงข้างบ้านจะระสังกะสีมีเสียงดังแกรก ๆ  กราก ๆ ฉันชอบฟังเสียงใบไม้ระหลังคาสังกะสีนัก คิดเอาเองว่าเป็นเสียงดนตรีอะไรสักอย่างหนึ่ง ดังได้ที่ดีมากเลยละ  และบางคืนฉันก็จะร้องเพลงกำกับไปกับเสียงใบไม้ระหลังคาไปด้วยเบา ๆ อย่างเช่น

            “อึ่งอ่าง อึ่งอ่างมานั่งข้างโอ่ง มานั่งหลังโก่งจะคอยกินมด  เด็กดีเขาไม่พูดปด เพราะจะเป็นมดที่เป็นอาหารอึ่งอ่าง อึ่งอ่าง อึ่งอ่าง......”

            แต่เช้านี้ลมไม่ค่อยแรง ฉันได้ยินเสียงแม้สับเชื้อฟืนเพื่อก่อไฟหุงข้าว สักพักฉันก็จะได้กลิ่นควันไฟ และตามมาด้วยจะได้กลิ่นข้าวหอมมาจากหม้อใหญ่ ๆ ของแม่ แน่นอนว่าพวกเราจะได้กินน้ำข้าวข้น ๆ ของแม่กันด้วยคนละถ้วยก่อนที่ฉันจะไปโรงเรียน

            ตอนนี้ฉันเรียนประถมปีที่สี่แล้ว ปีหน้าฉันก็จะขึ้นชั้นประถมปีที่หกฉันกำลังดีใจว่าเสื้อผ้าที่ฉันใส่อยู่นี่คงจะใส่ได้พอดีเสียทีเพราะมันหลวมมาตั้งแต่ประถมปีที่สามแล้วนะนี่ พ่อนั่นแหละที่ซื้อชุดนักเรียนมาให้ฉันเสียหลวมมากเลย พ่อยังพูดว่า ซื้อไว้ใส่ยันประถมปีที่หกเลย

            “หนูดา..ตื่นเถิดนะจ๊ะ...” แว่วเสียงพี่หนูดีเรียกมาจากหน้าห้อง ฉันแกล้งทำหลับต่อ อยากให้พี่หนูดีเปิดมุ้งเข้ามาหา ตัวพี่หนูดีห๊อมหอม พี่เขาอาบน้ำตั้งแต่เช้ามืด เพราะต้องใส่บาตรหลวงตาเข้มในตอนเช้าทุกวัน พี่หนุดีเขาใช้แป้งอะไรไม่รู้หอมมากเลยและฉันก็ชอบที่จะกอดพี่เขาทุกเช้าและให้เขาหอมแก้มปลุกในตอนเช้าพร้อม ๆ กับน้องอีกสามคน พ่อบอกพี่หนูดีใช้แป้งร่ำมันเป็นเป็นอย่างไรก็ไม่รู้เหมือนกันรู้แต่ว่าหอมนั่นแหละ

            “ตื่นเถิดชาวไทย อย่าหลับใหลลุ่มหลง.......ชาติจะเรืองดำรง ก็เพราะเราทั้งหลาย...” เสียงพี่หนูเด่นจะตามมาอีกคนข้างนอก ไม่นอกชานก็ตรงบันไดบ้าน พี่หนูเด่นจะแบบนี้แหละร้องเพลงปลุกน้อง ๆ แบบนี้ พ่อว่าพี่หนูเด่นจำมาจากวิทยุกองพลปอตอออ หรือไม่ก็กองพลรักษาดินแดนของทหารเขา

            “วันนี้พ่อจะไปส่งที่โรงเรียนนะ...ตื่นเร็วจ้ะคนสวยของพี่ มาหอมก่อนก็ได้นะพี่อาบน้ำแล้ว เดี๋ยวไปกินน้ำข้าวกันนะ วันนี้ค้นข้น แม่ใส่เกลือไปนิดหนึ่งแล้ว หนูดากับหนูเดชรีบกินข้าวแล้วไปกับพ่อนะจ๊ะ “

            ฉันค่อย ๆ คลานออกจากมุ้ง กลิ่นแป้งยังติดอยู่ที่จมูกจนอยากจะหอมกอดพี่สาวอีกแต่พี่สาวก็อุ้มน้องออกจากมุ้งไปเสียแล้ว น้องดาวน้องเดือนก็แบบนี้แหละ โตไม่เป็นสักที

            “พ่อจ๋า.....” เมื่อเห็นพ่อที่นั่งทำอะไรสักอย่างอยู่นอกชานเรือน ฉันก็ผวาไปหาตามประสาลูกรัก พ่อก็กอดเอาไว้ปากก็ว่า

            “ไปอาบน้ำก่อนลูกแล้วมากินข้าวนะ พ่อจะป้อนให้.....”

            “โตเท่าลูกควาย........” เสียงพี่หนูเด่นค่อนแคะมาจากทางหนึ่ง พี่หนูเด่นชอบว่าฉันแบบนี้แหละ หาว่าฉันโตไม่เป็นทั้งที่อายุสิบขวบกว่าเข้าไปแล้ว น้อง ๆ เล็ก ๆ อีกหลายคนยังไม่อ้อนเท่าฉัน

            “พ่อ...พี่เด่นว่าหนู “

            “ปากมันหมาลูกอย่าไปฟัง  เดี๋ยวพ่อจะเตะให้นะ ไป ไปอาบน้ำ เด่นไปหาเสื้อผ้าน้องมาลูกแล้วแต่งตัวให้น้องด้วยนะ พ่อจะเลยไปตลาดด้วยน้ำปลาหมด เกลือก็ไม่มีแล้ว “

            “จ้า.......” แต่ยังไงพี่หนูเด่นก็รักน้อง แต่งตัวให้น้องไปโรงเรียนทุกวัน พี่หนูเด่นกำลังเป็นหนุ่ม เขาเรียนจบชั้นประถมปีที่หกแล้วก็ช่วยพ่อทำงานสารพัด บ้านเรามีกันหลายคน ฉันนับได้เก้าคนพอดี แม้ว่าบ้านเราจะมีคนเยอะแต่บ้านเราก็มีอาหารการกินสมบูรณ์มากที่สุด บ้านเรามีปลาที่พ่อและพี่หนูเด่นชอบหา แม่กับพี่หนูดีชอบไปหาผัก และชอบปลุกผักเต็มหลังบ้านรั้วบ้านเราที่ทำด้วยกิ่งไผ่ พี่หนูดีกับพี่หนูเด่นก็ยังปลูกบวบ  ปลูกถั่วพู และถั่วฝักยาว เวลาเจริญเติบโต ทั้งดอกทั้งใบทั้งลำต้นของพวกมันจะพันไปมาจนเต็มรั้วไปหมด ออกดอกทีก็สีเหลืองสีม่วง สีขาวสวยงามเหมือนดอกไม้ในวังในหนังสือนิทานที่โรงเรียนเลย

            วันนี้หลังจากดื่มน้ำข้าวเสร็จแล้วพ่อก็ตักข้าวใส่ชามใบใหญ่ เอาปลาที่แม่ย่างจนเนื้อหอมมาแกะใส่ข้าว เอาน้ำปลาเหยาะลงไป แล้วพ่อก็จะใช้มือขยำให้เนื้อปลากับข้าวและน้ำปลาเข้ากัน พวกเราชอบกินข้าวที่พ่อทำนักหนา บางวันหากแม่หุงข้าวแฉะหน่อยพ่อก็จะปั้นข้าวกับปลาเป็นก้อนกลม ๆ ป้อนในปากพวกเราทีละคนทีละคน ข้าวปั้นปลาของพ่ออร่อยมาก พวกเราจะนั่งรอพ่อในขณะที่พ่อขยำข้าว บางที่ฉันก็เห็นน้องนั่งกลืนน้ำลายเพราะอยากกินเร็ว ๆ

            วันนี้เป็นปลาช่อนนาย่างตัวใหญ่ พี่หนูเด่นเป็นนักหาปลาชั้นยอด ที่พ่อต้องยกมือให้ พี่หนูดีผัดบวบใส่ไข่มาตั้งกลางสำรับ พร้อมกับผักต้มชามใหญ่ บ้านเราต้องมีน้ำพริกปลาย่างทุกวัน ไม่ก็อาจจะเป็นน้ำพริกปลาร้าแมงดานา ส่วนผักก็จะมีทั้งผักสดและผักต้มแต่ผักบางอย่างแม่ก็จะบอกว่า แค่ลวกน้ำร้อนก็กินได้จะไม่เสียวิตามิน ไม่ต้องต้มนาน ๆ แบบฟักทองหรือมันเทศ

            “พรุ่งนี้พ่อจะไปเก็บผักกะเฉดที่นายายหนู “ พ่อบอกขณะที่ป้อนข้าวคำใหญ่ใส่ปากฉัน ข้าวที่พ่อป้อนมันช่างอร่อยเหลือเกิน เค็ม ๆ  หวานเนื้อปลา ทั้งหวานมันทั้งหอมอีกต่างหาก แม่ย่างปลาอร่อยทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นปลาหมอ ปลาดุกหรือปลาช่อน แม่บอกว่าปลาย่างจะอร่อยก็ต้องคลุกเกลือแล้ววางไว้สักพักก่อนค่อยย่าง ถึงจะอร่อย การย่างปลาโดยไม่คลุกเกลือแล้วมาทำน้ำจิ้มทีหลังนั้นจะสู้ย่างไปพร้อมคลุกเกลือแล้วไม่ได้รสชาติอร่อยจะต่างกัน แม่บอกว่าอีกหน่อยหนูดาโตขึ้นแม่จะสอนให้ทำกับข้าวทุกอย่างเหมือนพี่หนูดีคนสวยของฉัน

            “หนูอยากไปด้วย” ฉันจะร้องบอกพ่อขอไปด้วยทุกครั้งไม่ว่าพ่อจะเอ่ยปากบอกคนในบ้านว่าจะไปไหน พ่อจะตามใจฉันทุกครั้ง และฉันจะเดินตามหลังพ่อไปทุกที่ ไม่ว่าจะบุกป่า ลงนา ขึ้นเขาไปหาหน่อไม้กับพ่อ หรือบางครั้งก็ไปตลาดด้วย โดยถือผ้าขาวม้าบ้างตะกร้าเก็บผักบ้างตามพ่อไปแล้วแต่ว่าจะไปทางไหน  แม่จะตามใจแต่บางครั้งพี่หนูเด่นจะไม่ให้ไปเพราะเกรงอันตรายที่จะเกิดกับน้อง เพราะน้องนั้นยังเด็กในสายตาของพี่หนุเด่นตลอดเวลา นี่ขนาดฉันเรียนชั้นประถมปีที่สี่แล้วพี่หนุเด่นก็ยังเห็นว่าหนูเด็กเหมือนน้อง ๆ

            “อยากไปก็กลับบ้านมาทำการบ้านเร็ว ๆ นะ พรุ่งนี้มีการบ้านก็ทำที่โรงเรียนเลยก็ได้ “ พี่หนูเด่นว่า และฉันก็รับปากว่าจะทำการบ้านให้เสร็จเร็ว ๆ เสียที่โรงเรียนเลย

            กินข้าวเสร็จแล้วพ่อก็พาฉันกับน้องหนูเดชไปโรงเรียนโดยพ่อขี่จักรยานคันใหญ่เอาเราสองคนพ่วงท้ายไป ฉันชอบนั่งจักรยานคันใหญ่ของพ่อมาก โดยให้น้องนั่งตรงกลางฉันนั่งด้านหลังปกป้องน้องเอาไว้ด้วยความรัก หนูเดชจะขี้กลัวขนาดนาน ๆ จะมีรถสิบล้อสวนมาสักคันน้องยังทำเสียง ฮือ ฮือ บอกพ่อว่าหนูกลัว หนูกลัว อยู่นั่นแหละ ถนนบ้านเราเป็นถนนลูกรังฝุ่นตลบอบอวลเวลารถสิบล้อคันใหญ่มาสักคัน พ่อเก่งมากเก่งเหมือนยอดมนุษย์ พ่อไม่กลัวอะไรเลย พอรู้ว่าสิบล้อจะสวนมาพ่อก็ตั้งใจถีบจักรยานอย่างมั่นคงเต็มที่ ฉันอุ่นใจที่สุดในโลกเลย

            ที่จริงโรงเรียนกับบ้านนั้นอยู่ไม่ไกลกันนักพ่อว่าประมาณหนึ่งกิโลเมตรครึ่ง ตอนเย็นหากพ่อไม่อยู่พี่หนูดีจะเดินไปรับพวกเราที่โรงเรียนโดยกางร่มไปด้วย แล้วก็จะมีหมวกสองใบให้น้องสวมโดยพี่หนุดีจะกางร่มให้ตัวเองบ้างให้น้องบ้าง บางทีน้องก็เดินเร็วเพราะฉะนั้นพี่หนูดีก็จะไม่ห่วงเพราะน้องมีหมวกแล้วนั่นเอง

            เวลาเดินกลับบ้านนั้นฉันมีความสุขที่สุดได้ชมดอกไม้ริมทางมาตลอดทาง ดอกไม้ข้างทางสวยมาก สารพัดดอกสารพัดสี  ใครมาปลูกเอาไว้ฉันก็ไม่รู้หรอกรู้แต่ว่ามันช่างสวยจริง ๆ อยากเก็บไปบูชาพระ แต่ก็กลัวว่ามันจะคิดถึงต้น กลัวต้นของดอกไม้จะเสียใจ เลยไม่ได้เก็บสักทีตอนนั้นทั้ง ๆ ที่อยากเก็บใจจะขาด

            พอถึงบ้านแล้วพี่หนูดีจะหาข้าวให้น้องกิน พี่หนูดีชอบเจียวไข่มาก ไข่เจียวของพี่หนูดีจะมีผักด้วย พี่หนูดีจะซอยถั่วฝักยาวละเอียดยิบใส่ลงไป บางทีก็ถั่วพู บางทีพี่หนูดีจะทำผัดแตงใส่ไข่ที่ฉันโปรดมากเพราะทั้งหวานทั้งหอม พี่หนูดีชอบขยำข้าวให้กินด้วย แต่พี่หนูดีชอบขยำข้าวกับน้ำมันหมูที่มีกากหมูอร่อยชั้นหนึ่ง ที่บ้านเรามีน้ำมันหมูในอวยใหญ่ประจำบ้าน พ่อซื้อหมูสามชั้นมาทีละสองกิโล เจียวเอาน้ำมันกับกากหมูไว้ให้ลูก ๆ ขยำข้าวร้อน ๆ กินกับน้ำปลา แต่ของพ่อกับพี่หนูเด่นนั้นต้องมีพริกป่นใส่ลงไปด้วยถึงจะอร่อย แต่พวกเรากินเผ็ดอย่างพ่อไม่ได้เลยต้องกินข้าวกับกากหมูและน้ำปลาอย่างเดียวก็อร่อยมากแล้ว

            ที่บ้านเรามีหมาสามตัว พ่อไปเอามาจากวัด ตัวสีดำพ่อตั้งชื่อมันว่า ไอ้ขาว  ตัวสีขาวพ่อตั้งชื่อมันว่าไอ้หมีดำ ส่วนตัวลายน้ำตาลขาวพ่อตั้งชื่อมันว่า  ไอ้หมี

            “ทำไมพ่อตั้งชื่อมันแบบนั้นล่ะจ๊ะ ทำไมพ่อไม่ตั้งตามสีของมัน อย่างไอ้สีดำนั่นก็น่าจะชื่อไอ้ดำนะจ๊ะพ่อ “ ฉันเคยถามพ่อ พ่อก็ว่า

            “ไม่ได้หรอกลูก เราต้องตั้งชื่อแบบที่ขโมยมันคาดเดาไม่ได้ เผื่อเวลามันจะมาย่องเบาบ้านเรา มันเอาลูกชิ้นมายื่นให้หมาเราแล้วเรียกไอ้ดำ ไอ้ดำมันก็ไป เรียกไอ้ขาว ไอ้ขาวก็ไป  แบบนี้เสียทีโจรไหมลูก”

            แหมแต่พ่อ.....ฉันนึกในใจ ก็บ้านเรามีทั้งไอ้ดำไอ้ขาว แบบนี้โจรมันก็เรียกไปทั้งสองตัวนั่นแหละ แต่ฉันไม่ได้ค้านพ่อ พวกเรารักพ่อมาก พ่อว่าอะไรก็ดีไปหมดนั่นแหละ......

            เสาร์อาทิตย์ของฉันนั้นสนุกมาก ฉันชอบไปเล่นกับเพื่อน ๆ ที่เป็นลูกหลานของชาวนาเราจะไปเล่นกลางทุ่งโดยมีควายไปด้วยหลายตัว ในยามหน้าแล้งพวกเราก็ปล่อยให้ควายเดินและเล็มหญ้า ฟาง ไปเรื่อย ๆ พวกเราก็จะเล่นหมากเก็บ  เล่นอีหึ่ม และเล่นตี่จับ บางวันเบื่อเราก็จะเล่นกระโดดยาง ไม่ก็ทำว่าวเล่นกันไปตามประสาเด็ก ตอนกลับบ้านเราก็จะขี่ควายกลับกันคนละตัว ฉันมีควายของยายคูณชื่อไอ้เกเป็นขาประจำกัน มันชอบให้ฉันขี่มันมาก เพราะฉันร้องเพลงให้มันฟังมาตลอดทาง เวลาขี่ควายนั้นฉันชอบที่สุดเพราะได้โยกร่างกายไปตามจังหวะเดินของมันเป็นการออกกำลังกายไปด้วยในตัว แล้วฉันก็จะมีกระป๋องนมใบหนึ่งเป็นเสมือนไมโครโฟนที่แหกปากร้องเพลงดัง ๆ ให้ควายฟังมาตลอดทาง ในยามหน้าแล้งหากฉันไม่ได้ไปขายของกับพ่อที่ไหน ฉันจะมาขี่ควายกับเพื่อนนี่แหละ  มันทำให้ฉันมีความสุขมากที่ได้นั่งอยู่บนหลังควาย และเฝ้ารอคอยว่าเมื่อไหร่น้า ฝนจะตกลงมาสักที ฉันชอบหน้าฝนที่สุดเลย..

รายละเอียด

คำนำ

            พี่หนูดีกับน้องหนูดา...เป็นลูกสาวชาวนาจน ๆ พ่อแม่มีอาชีพรับจ้างทำนา เมื่อหมดหน้านาพ่อของหนูดาก็พาลูกสาวขายของงานวัด พ่อของหนูดาขายน้ำแข็งเย็นซ่าในหน้าร้อน แต่พอหน้าหนาวที่มีงานประจำปีงานวัดต่าง ๆ พ่อของหนูดาจะขายขนมรังผึ้ง หรือขนม ถังแตก หนูดาเก็บเกี่ยวภาพการทำนาของพ่อแม่และตายายข้างบ้านผู้เป็นเจ้าของนาเอาไว้อย่างน่ารัก ตั้งแต่ฝนแรกตกลงมาสู่พื้นนา เสียงกบเสียงเขียด เสียงเพลงรักลูกทุ่งจากวิทยุของพ่อ เสียงลิเกจากวิทยุของแม่ และเสียงละครวิทยุจากพี่สาว ภาพบรรยากาศงานวัดต่าง ๆ ทั้งหนังกลางแปลง โรงลิเก เมียงู สาวน้อยตกน้ำ ชิงช้าสวรรค์ รถไต่ถัง ยิงเป้าตุ๊กตาด้วยปืนยาว

            เด็กบ้านนอกคอกนาอย่างหนูดาหนูดีมีวิถีชีวิตที่แตกต่างจากเด็กในเมือง การเอาตัวรอดอย่างไรในบ้านนอกที่ยังมีควายให้เห็น หนูดีจะสะท้อนออกมาอย่างน่ารัก นอกจากภาพงานวัดแล้ววิถีชีวิต ขนบธรรมเนียมประเพณีหลายอย่างที่หนูดีและหนูดาพบเห็นจะเป็นภาพออกมาให้อ่านอย่างชัดเจนและน่ารัก จึงอยากนำเสนอเรื่องราวการตามหลังพ่อของสาวบ้านนาน้อย ๆ นี้ให้ได้อ่านกัน แม้ว่าเรื่องนี้หนูดาจะเขียนไว้นานแล้ว แต่เรื่องราวทั้งหมดนี้ก็ยังทันสมัยน่าอ่านและเรียนรู้เหมาะสำหรับห้องสมุดของโรงเรียนในเมืองหลวง เพราะนักเรียนบางคนอาจจะไม่รู้จักควาย ท้องนา รวงข้าว  การหาปลา การวิดปลานั้นเป็นอย่างไร หรืออาจจะรู้จากเทคโนโลยีใหม่ ๆ แต่หากได้อ่านหนังสือเล่มนี้ เด็ก ๆ จะซึมซับความงดงามได้มากกว่าหลายเท่าทีเดียว

                                                    จากใจจริง

สารบัญ

 

1.ลูกสาวพ่อ

2.ฝนแรก

3.ลงนาจับปู...โอ๊ย เจ๊บ เจ็บ

4.หัดถอนกล้า..ดำนา ย๊าก..ยาก

5.มนต์รักเพลงลูกทุ่ง..เพราะจัง

6.ลูกสาวเจ้าปัญหา

7.ไปวางเบ็ดกับพี่ชาย

8.งานบุญเข้าพรรษา

9.นิทานของพ่อ

10.เมื่อหนาวมาเยือน หน๊าวหนาว...

11.ประกวดร้องเพลงงานวัด

12.อยากเป็นนางเอกลิเก

13.อ้อมอกพ่อ อุ๊น อุ่น


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (78 รายการ)

www.batorastore.com © 2024