ด้วยรักฤาเสน่หา (นางแก้ว) (EBOOK)

ด้วยรักฤาเสน่หา (นางแก้ว) (EBOOK)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: ด้วยรักฤาเสน่หา
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 150.00 บาท 37.50 บาท
ประหยัด: 112.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

ตอนที่ 1 แอบหลงรัก

คืนนี้ที่บ้านดวงนภา มีงานคล้ายวันเกิดของนิศากร

รอบบ้านประดับประดาแสงไฟกระพริบสวยงาม มีแสงไฟสปอร์ตไลท์ ขับผิวขาวนวลให้ดูผุดผาดเปล่งประกาย นิศากรเป็นเด็กสาวอายุสิบเจ็ดปี ผมยาวสลวยของเธอถูกยีเป็นลูกตาลดูเปรี้ยว แม้ใบหน้างามออกหวานเศร้า 

ที่ศาลาลมเยื้องสนามไม่ไกลมองเวทีการแสดงชัด  ภายในมีโต๊ะอัลลอยด์ฉลุลาย นั่งด้วย ชายหนึ่งหญิงสองคน หญิงที่มีอายุมากกว่าใครมีรูปร่างอ้วนนาม นภา เธอปล่อยผมแซมขาวอย่างไม่สนใจแต่งกลบอายุ  ถึงแม้จะมีเค้าว่าสวยในวัยสาว หากดวงหน้าเธอแฝงความดุไว้มากเช่นกัน  เธอเป็นเหมือนประมุขบ้าน อีกหญิงสาวสวยผมเกล้าตึง นามว่ามิลันตรี เป็นน้องสาว คนรอง เธอมีดวงหน้างาม นั่งเคียงกับชายหนุ่มรูปงามซึ่งรู้กันว่าเป็นคนรักของมิลันตรี นามรวี ชายหนุ่มดูมีเสน่ห์ ร่างสูงผิวขาวใบหน้าคมแกมเขียวด้วยไรเคราขนข้างหนึ่งโอบไหล่หญิงสาวสวย

ทั้งสามเป็นผู้ใหญ่สุดของงานเลี้ยงในคืนนี้จึงได้นั่งสนทนากันตามลำพัง บ้างครั้งการสนทนามีเรื่องของเจ้าของงานวันเกิดในคืนนี้อยู่ประปราย โดยไม่ได้เข้าไปร่วมการเล่น

                กลุ่มวัยรุ่นชายหญิงหลายสิบคนส่งเสียงฮาเฮกันอย่างสนุกสนานอยู่กลางสนาม มีพื้นไม้กันเหยียบย่ำหญ้ามิให้เสียหาย    

วงดนตรีวัยรุ่นเล่นเพลงกระหึ่มเร้าใจจนจบ แล้วกลุ่มวัยรุ่นเรียกร้องให้เจ้าของงานขึ้นร้องเพลง

“นิศาโชว์หน่อยจ้าโชว์หน่อย” แววตากรี้ดกร้าดกว่าใคร

 นิศากรสวมสายวันพีซสายเดี่ยวสีแดง ยิ้มรับแสนหวาน ไม่ขัดใจเมื่อถูกแรงยุให้ขึ้นเวทีร้องเพลง เธอก้าวขึ้นไปด้วยความมั่นใจ  ยิ่งเพื่อน เป่าปาก หวีด ว้าย เฮฮาทั้งชายหญิง เธอยิ่งมีความกล้าบ้าบิ่นมากขึ้นไปอีกเท่าตัว

นักร้องหยอกเอิน เมื่อเห็นเจ้าของงานสวยมาก และแต่งกายได้เร้าใจหนุ่มวัยเขามาก จึงแซวปนจีบ

“มาแล้วครับเจ้าของงานวันเกิดแสนสวยของผม เอ่อของเรา เชิญครับคุณนิสากร ดวงจันทร์ที่สวยเด่นของค่ำคืนคืนนี้”

วัยรุ่นพึงพอใจ ต่อคำเกี้ยวพาต่อหน้าต่อตา แต่คุณนภานึกขวางเพราะความแหนหวงหลานสาว อดบ่นกระปอดกระแปดไปตามประสาไม่ได้

“ดูนิศาแต่งตัวเข้าสิ อยากหยิกให้เนื้อเขียวช่างสรรหาไอ้ชุดโป๊ๆนี้มาใส่เสียจริง”

                “ยังเด็กอยู่ครับพี่ภาวิ่งไปตามแฟชั่น” รวีเข้าข้าง เด็กสาวอย่างคนสมัยใหม่

                “จริงค่ะพี่ภาพึ่งสิบเจ็ดเท่านั้นค่ะ”มิลันตรีผู้เป็นน้องคุณนภาสนับสนุนคำพูดของคนรัก

คุณนภาค้อนขวัก ผู้ที่ตนเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยเพราะกำพร้าผู้ให้กำเนิดทั้งสองคนหากในใจนั้นรักและเมตตายิ่งนักดาวเดือนถ้าสอยให้ได้คุณนภาจะสอยให้ทันทีที่ต้องการนิศากรจึงเป็นเด็กที่เอาแต่ใจแต่ก็รักเคารพผู้เป็นป้ายิ่งนัก

นิสากรร้องเพลงหวานซึ้ง  I don’t like to sleep alone.

                “เออร้องเพลงเพราะเสียด้วยสิครับ”รวีกล่าวชมเมื่อเด็กสาวร้องเพลงสากลได้หวานซึ้ง แต่คุณนภาขัดทันที

“ร้องเพลงอะไรแก่แดดอย่างนั้น”

“โธ่พี่ภาครับ ไม่มีใครชอบนอนคนเดียวหรอกครับ เพลงนี้เป็นเพลงโปรดของผมเลยนะครับ ผมไม่ชอบนอนคนเดียว”คนกล่าว กล่าวพลางเลื่อนมือจากบ่าคนรักลงมาโอบเอวบางกระชับแน่น ราวกับบอกฝาก เขาอยากมีคนมานอนเคียงข้างเสียที

มิลันตรียิ้มรับต่อสัมผัสของชายหนุ่ม เอ่ยเห็นพ้องออกมาว่า

                “ส่งเทปประกวดดีมั้ยคะพี่ภา”

                “ฮุ่ย....ไม่เอา....ไอ้เข้ไอ้โขงมันจะขย้ำเอา” คุณนภาปฏิเสธ เสียงลั่นทันที

                “พี่ภาก็เป็นผู้จัดการสิครับ....ผมว่าไม่มีใครกล้ากับพี่ภาหรอกครับ”

รวีไม่ได้พูดเกินจริงเพราะรักใคร่กับมิลันตรีมานานหลายปีเขาต้องผ่านด่านเข้มทุกอย่างจนหมั้นหมายแล้วจึงได้เที่ยวตามลำพังได้คนที่บ้านเขารู้ฤทธิ์คุณนภาทั้งนั้น  เด็ดขาดคำไหนคำนั้น

                “คุณรังก็พูดซะใครเห็นภาพว่าพี่ใจยักษ์ใจมารไป”

                “ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ”

                “เอ๊....คุณรัง”นภา   รวีหยุดพูดเล่นว่าที่พี่ภรรยาในอนาคต ซึ่งไม่เคยพูดเล่นกับใครเขาเผลอลืมตัวไปนิด

                “ไปอวยพรวันเกิดให้นิศากันเถอะค่ะ”มิลันตรีตัดบทขยับลุกรวีตามคนรักเช่นเดียวกับนภา กลุ่มวัยรุ่นรวมตัวกันมุงที่โต๊ะใหญ่ตั้งเค้กหลายชั้น

                “นิศาทำเองนะ”คุณนภาชื่นชมรู้ว่าหลานหัวไม่ดี แต่เก่งงานเรือน

นิศากรปลายดวงตาคู่หวานมาทางผู้ใหญ่ทั้งสาม...โดยเฉพาะชายหนุ่มอายุห่างจากตนเอง ชายสง่างามผู้นี้ทำให้ใจดวงนิดไหววาบและเจ็บแปลบ

...เธอเตือนตัวเองเสมอเขาผู้นี้เป็นของน้าสาว พวกเขาเหมาะสมกันทุกประการทั้งฐานะความรู้อายุหรือแม้แต่ความสวยงาม  

และเมื่อย้อนกลับมาที่ตัวเอง นิศากรเห็นตนเองเป็นเพียงเด็กกะโปโลเกียจคร้านการเรียน เป็นเด็กกำพร้าที่ได้รับการอุปการะจากคุณนภา เธอได้แต่แอบรักชายผู้เป็นคนรักของน้าสาวมานานหลายปี

แววตาสะกิดเพื่อน เอ่ยเรียกเบาๆอย่างรู้ใจเพื่อนเป็นอย่างดี

“นิศา”

นิศารู้สึกตัว จึงหันไปโปรยยิ้มให้เพื่อนๆที่ร่วมร้องเพลงอวยพรวันเกิด ซ้ำวนหลายรอบคำ

อวยพรหลั่งไหลโดยรอบแววตาเอ่ยเสียงดังแจ่มใสเน้นคำพูดพอรู้กันกับนิศากร

                “ขอให้นิศาสมหวังทุกประการโดยเฉพาะสิ่งที่อยากได้ที่สุดนะจ้ะนิศา”แววตาย้ำอย่างรู้ใจกัน

                “แวว”แววตาจุ๊บแก้มเนียนใส

เพื่อนชายรีบยื่นมาบ้าง  คุณนภากระแอมไอเสียงดังทุกคนชะงักรู้ฤทธิ์เสือ

                “คุณป้าเธอคงเลี้ยงเสือให้เชื่องเป็นแมวได้แหง”

เพื่อนเคยนินทา  รวีอวยพรให้กับเด็กรุ่นด้วยเสียงทุ้มไม่มีเจตนาใดๆแฝงมีแต่ความเอ็นดูในฐานะลูกหลาน

                “ขอให้นิศามีความสุขสมหวังเรียนเก่งๆนะครับ”

เด็กสาวช้อนดวงตาคู่หวานสานสบ...

            ‘นิศาจะสุขสมหวัง...น้ารังรักนิศาบ้างสิคะ’

...รวียื่นกล่องกำมะหยี่สี่เหลี่ยมยาวห้านิ้วสีแดง เธอยกมือไหว้ขอบคุณรับมากำแน่นไม่วาง

 แววตาดึงมือเพื่อนเอ่ยเตือน

 “ตัดเค้กสิจ๊ะนิศา”

“จ้ะๆ”

หลังงานเลี้ยงเลิกไปแล้ว

                ที่ห้องนอนกว้างตั้งเตียงนอนมุมหนึ่งของใช้ในห้องถูกจัดเป็นระเบียบสวยงามแววตานอนค้างกับเพื่อนช่วยแกะของขวัญ

 นิศากรไม่สนใจของขวัญจากใครนอกเสียจากกล่องกำมะหยี่สีแดงไม่ยอมเปิดออกดูทั้งสองอาบน้ำผลัดเปลี่ยนอยู่ในชุดนอน  คุณนภาเคาะประตูครั้งเดียวและเปิดเข้ามาดูหลานสาวแววตาและนิศากรหันมามองเด็กรุ่นรีบแอบวางกล่องกำมะหยี่ปนกับของขวัญอื่นๆราวกับไม่ให้ความสำคัญ

                “คุณป้ายังไม่นอนอีกหรือคะ”

                “มาดู...ไงของขวัญมากนี่นะ”ปลายตาคมฉับค้อนชุดนอนวาบหวิวของหลานสาว

                “อยากได้ของคุณป้ามากที่สุดเลย”เธอกอดเอาใจ จุ๊บแก้มอูมประจบคุณนภา ซึ่งทำมองค้อนหลานสาวแต่ใจจริงชอบใจนัก แต่แกล้งว่า

                “เอ๊า...ฉันยังให้แกไม่พออีกหรือนิศา”

                “ความรักมีมากเท่าไหร่ก็ไม่พอหรอกค่ะคุณป้า ยิ่งได้ยิ่งมากก็ยิ่งดีค่ะคุณป้า”

                “ขวางคนดีแต่ฉลาดพูด แต่เรียนไม่เอาไหนจริงๆ...เอ้า”คุณนภาส่งซองสีน้ำตาลให้อย่างเตรียมมาแล้ว

                นิศากรรับมาดูเป็นเช็คของขวัญตัวเลขทำให้ตาโต

“โอ้โห...รักคุณป้าที่สุดเลยค่ะนิศาจะเก็บไว้เปิดร้านดอกไม้นะคะคุณป้า”

                “ไม่เอานะนิศา ป้าอยากให้แกเรียนไปก่อน”

“ไม่อยากเรียนต่อเลยค่ะ นิศาอยากทำงานแล้วนี่คะ ทำเร็วรวยเร็วนะคะ”เธอกระเง้ากระงอด

คุณนภากลับไม่โกรธ แต่ถ้าเป็นคนอื่นไม่ยอมฟังคำสั่งคงโดนดี แต่นี่เป็นหลานที่เธอสุดแสนเมตาตาจึงได้แต่พร่ำสอนกลับไปว่า

                “จบแค่ปวช.จะไปทำอะไรได้รู้ไว้มากๆจะได้ทันคน ยังไงก็ฝืนเรียนไปให้จบๆ เรียนมหาวิทยาลัยง่ายๆก็ได้แต่ต้องเรียนต่อ”

                “แหมคุณป้าก็....จะจบปวส.หรือปริญญานิศาก็เปิดร้านขายของอยู่ดีจะเสียเวลาเรียนทำไมคะตั้งหลายปี”

                “มีแต่คนที่อยากเดือดร้อนกับคนไม่มีโอกาสเรียนเขาถึงจะคิดอย่างนี้ แกอายุแค่กระจี๊ดเรียนไปให้สูงน่ะดีแล้วจะได้ไม่ลำบาก เอาล่ะป้าจะไปนอนแล้วอย่านอนดึกล่ะ จะสอบแล้วนี่นะ ป้าไม่อยากเห็นเกรดเกือบร่วงของแกเต็มทีแล้วนิศา”ท่านออกไปในทันทีโดยปิดล็อกห้องให้เสร็จสรรพ

 เมื่อญาติผู้ใหญ่ไปแล้วนิศากรปราดไปที่โต๊ะของขวัญ  แววตา ยุนิศากรให้แกะออกดูเธอทำตาม นาฬิกาเรือนทองสายเล็กมากราคาเพราะทำจากทองคำแท้

                “สวยจังเลย”

                “ยี้....น้ารังให้นาฬิกาไม่ไหวเขาไม่คิดอะไรเลยจริงๆนะเนี่ย”แววตาเผลอหลุดปาก

หากนิศากรรีบนำมาสวมข้อมือซึ่งตึงไปเธอทำหน้าผิดหวัง

                “วัดจากข้อมือน้าตีแหงๆ”เพื่อนเหยียดปาก

                “น้าตีเขาผอมกว่าเธอมากเลยนะ”เด็กสาวถอนใจยาวใบหน้าสวยดูหมองหม่น  

แววตาวางกล่องของขวัญเดินเข้าไปโอบไหล่เพื่อน

                “ตัดใจเถอะนิศา....เขาก็แก่กว่าเราเกินรอบเลยนะ ถึงเธอจะรักเขามากแค่ไหนแต่คิดถึงความจริงสิ อีกสิบปีข้างหน้า เธอยี่สิบเจ็ด แต่เขาก็ตะกายเข้าไปเกือบห้าสิบ...แหว่ะ....รีบๆตัดใจเหอะ อย่ามาทำแบบฉันเลย ที่ฉันทำอย่างทุกวันนี้เพราะฉันไม่มีทางเลือก ฉันอยากเรียนสูงๆ แต่ฉันไม่มีเงินมากพอ ฉันมันจำเป็นจำเปลือย”

                “ถ้าฉันทำได้ฉันทำไปเมื่อสามปีแล้วล่ะ แต่ฉันมันบ้า...รักเขามากจริงๆ...รักตั้งแต่ยังไม่รู้ปะสาด้วยซ้ำ ฉันพยายามตัดใจแต่ฉันทำไม่ได้”เธอเอ่ยตอบเพื่อนสาว เดินไปนั่งขอบเตียงก่อนจะทอดกายลงนอน ในมือยังถือนาฬิกาเรือนทอง

แววตาขึ้นเตียงไปนอนด้วยแต่มีหมอนข้างกั้นกลาง นิศากรหันไปเอ่ยกับเพื่อน

“เธอเคยผ่านมาแล้วคงจะรู้ใช่มั้ยความรู้สึกบ้าๆนั่นกับคนที่ตัวเองรักหรือใคร่”

แววตาฟังคำถามตรงไม่อ้อมค้อมอย่างรู้ความหมายกันดี เธอยิ้มจืดเจื่อนกับตัวเอง

เธอมีเสี่ยเลี้ยงเพื่ออาศัยฐานะของเขาให้ส่งเสียได้เรียนหนังสือ ซึ่ง เพื่อนๆเข้าใจว่าเสี่ยเป็นญาติผู้ใหญ่ มีเพียงแต่นิศากรที่รู้ว่ามิใช่ญาติ

                “ความจำเป็นของฉันนั้นเรื่องจำเป็นมาก่อน ฉันไม่ได้รัก หรือใคร่เขาสักนิดเดียว ฉันออกขยะแขยงเขาด้วยซ้ำ เมื่อครั้งแรกฉันท่องคาถา...เงิน...เงิน...เงิน...ทุกวันนี้ก็ยังไม่รู้ว่ารักเขามั้ย แต่ฉันก็พยายามซื่อสัตย์และตั้งหน้าเรียนต่อให้จบ”

นิศากรกระพริบตาถี่ไล่น้ำตาที่เร้นรื้นขึ้นขังขอบ อำนาจดำบางอย่างเรียกร้องความต้องการจากส่วนลึก เธอมีทุกอย่างเพียบพร้อมกว่าแววตา หากเธอกลับไม่เคยสนใจคิดเรื่องเรียน กลับไปฝันถึงอ้อมแขนเรือนกายสง่างาม   อยากเป็นเจ้าของรวี บอกตัวเองอย่างไม่อายว่าต้องการ ‘สมรัก’กับชายหนุ่ม

                “ฉันมันคิดร่านรักใช่มั้ยแวว ฉันอยากนอนกับน้ารัง...อยากให้เขารักฉัน”

                “นิศา...อันตรายนะอย่าคิด...อย่างไรเสียเขาก็เป็นคนต้องห้ามที่สุดนะจ๊ะ”

                “ฉันรู้...ฉันรู้...แต่ฉันก็เกลียดเมื่อเห็นน้ารังกอดจูบน้าตี”

แววตาเลื่อนหมอนข้างออกเอื้อมมือมาจับแขนเพื่อนปลอบใจ นิศากรล้มตัวลงนอน กายอวบอิ่มสะเทือนตามแรงที่ล้มตัวลงมา

 

                          ด้วย          .......ดวงจิต.......น้อยนิด.......พลีให้

                            รัก            ......เทิดไว้.........สูงค่า  ..........กว่าอื่น

                             ฤๅ            ......ชั่วคิด..........พิศวาส.......แรมคืน

                          เสน่หา      ....ขมขื่น....รุมเร้า............เผาทรวง

 

คฤหาสน์สีเบจตั้งเด่นกลางเนินหญ้าเขียวขจี บ้านของรวี

จัดแบ่งเป็นสวนไม้ดัดสวยงามและสระน้ำสีฟ้าใสถนนลาดสีส้มแดงจากประตูรั้วอัลลอยด์ทอดไปสู่บันไดหินอ่อนรูปครึ่งวงกลม 

 ก่อนเข้าคฤหาสน์มีเก้าอี้ชุดสีทองประดับมากกว่าจะไว้รับแขกจริง ภายในดูโอ่โถงสวยงามด้วยหินอ่อนที่สั่งตรงมาจากเมืองนอกบันไดอัลลอยด์เล่นลายไม้สวยสง่า ชั้นบนมีชุดรับแขกพิเศษ  เวลานี้นั่งด้วยสุภาพสตรีเรือนร่างโปร่งบางผิวขาวผมซอยสั้นสวมแว่น แม้จะทั้งนวดทั้งดึงแล้วก็ยังเห็นรอยย่นตามวัย ท่านชื่อว่าเรืองรอง

ด้านข้างคุณเก้าอี้เดี่ยว  รวีกางหนังสือพิมพ์อ่านเขายังอยู่ในชุดนอนคลุมทับด้วยเสื้อคลุมสีเข้มตาจ้องหนังสือแต่ปากคอยตอบคำถามมารดาซึ่งเป็นคนเชื่อโชคลางอยู่มาก

                “แม่พึ่งเอาดวงลูกไปผูกมา...ลูกจะต้องมีเมียถึงสองคน”

                “คุณแม่ก็พูดอะไรอย่างนั้น...ถ้าตีมาได้ยินเข้าผมก็แย่สิครับ”

                “ลูกมีใครอีกหรือเปล่านอกจากหนูตี”

                “ไม่มีครับรับรองได้....ผมรักตีเพียงคนเดียว...สงสัยหมอดูคนนี้คงจะไม่แม่น”

                “เคยทักแม่นมากนี่นา บอกคุณพ่อจะประสบอุบัติเหตุถึงชีวิตก็จริง...นี่แม่เห็นว่าลูกรักใคร่ชอบพอกับหนูตีมานานก็เลยเอาดวงมาไปผูกหมอก็ยังย้ำว่าต้องมีเมียสองคน”

                “งั้นก็คงดีครับ” เขากลั้วหัวเราะ”  “สนุกดีไม่ต้องไปมีอีหนู”

                “พวกผู้ชายนี่ล่ะ พอบอกสองเมียก็ระริกระรี้ขึ้นมาทันทีเชียว”

                “โธ่....คุณแม่ครับ ยังมองไม่เห็นเลยว่าผมจะมองใครได้อีกอย่าไปเชื่อเลยหมอดู”

 “ตกลงจะแต่งงานเมื่อไหร่ หรือจะทำตามสมัยใหม่ไม่ป่องไม่แต่ง”

                “ผมกับตีไม่ถึงขั้นนั้นหรอกครับ เขากุลสตรีแค่ได้กอดได้หอมเท่านั้นเองครับคุณแม่”

                “ดีเหมือนกัน ที่ยังมีคนหลงเหลือรักขนบธรรมเนียมดีงามไว้บ้าง แล้วที่ถามเรื่องแต่งงานล่ะเมื่อไหร่”

                “คงปลายปีนี้ครับ”

“หนูตีอายุพอๆกันกับลูก มีลูกไวๆจะได้ไม่แก่เกินไป”

                “สมัยนี้ยี่สิบเก้าเขาก็ยังถือว่าสวยอยู่ครับ”

                “ตอนแต่งงานกันใหม่ก็รักกันหวานชื่น แต่อย่าลืมไปว่าผู้หญิงแก่เร็วกว้าผู้ชาย ดู หนังสือพิมพ์ในมือสิ ในหน้าข่าวมีอะไรบ้าง....เจ้าเฒ่าขบสาวเผาะๆกี่ข่าว....นี่ถ้าแต่งงานกันแก่เกินไป เกิดเบื่อหน่ายกันขึ้นมา แม่ไม่อยากให้รังเป็นเจ้าเฒ่าตัณหากลับอย่างนั้นนะ”

คราวนี้รวีหัวเราะชอบใจ

“คนเราจะมีนิสัยเหมือนกันทั้งหมดเลยหรือครับคุณแม่ ผมว่าคงไม่ เพราะผมลูกคุณพ่อนะครับ รักเดียวใจเดียว ผมไม่ใช่คนตะกละเรื่องแบบนี้เสียด้วยสิครับ แต่ถ้านายรักษ์ละก็ นั่นน่าห่วงมากกว่าครับ”

  คุณเรืองรองพลอยเห็นขันไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงลูกชายคนเล็ก ไปเรียนต่อเมืองนอกตั้งแต่จบมัธยม

 นานทีปีหนจึงจะกลับมาเยี่ยมผู้ให้กำเนิดและพี่ชาย เรื่องสำเนียงเสียงภาษาล่ะก็อย่าพูดถึงเลย คุณเรืองรองอยากจับลูกชายไปเรียนประถมสี่ เน้นภาษาไทยใหม่สักครั้งด้วยซ้ำ

 หากว่าเมื่อคิดถึงลูกชายคนเล็กเหมือนได้ยาดีมาชุ่มใจ ท่านรู้สึกสดชื่นทุกครั้งเพราะลูกชายคนนี้สดใสไม่ว่าเมื่อไหร่ รังรักษ์จะเป็นคนขี้เล่นให้คนใกล้ได้เป็นสุขเสมอ

                                                               

                คุณนภาขยับแว่นตานิดเพ่งมองเกรดเฉลี่ยผลสอบของหลานสาว มิลันตรียิ้มในสีหน้าขณะที่เจ้าของผลการเรียนทำท่าเจี๋ยมเจี้ยม แก้ตัวไม่เต็มเสียนักว่า

                “คุณป้าขานิศาพยายามเต็มที่แล้วนะคะ”

                “พยายามแล้วเนี่ยนะ นี่แกเรียนวิทยาลัยเอกชน เกรดยังแย่ขนาดนี้ ถ้าเรียนโรงเรียนรัฐมิโดนรีไทร์หรือนี่โอยกรรรมแท้ๆ นิศานี่แกจะเอาปัญญาที่ไหนไปหางานทำได้เล่า”

                “แหมนิศาไม่เคยคิดไปเป็นลูกจ้างใครเลยนะคะ นิศาจะเปิดร้านขายดอกไม้หรือไม่ก็ร้านทำขนม นิศาจะเป็นเจ้าของกิจการเองค่ะคุณป้า ขอให้คุณป้าออกทุนให้ก็พอ”

ขณะนั้นรวีพาร่างสูงเดินเข้าไปร่วมวงสนทนาที่ห้องนั่งเล่นด้วยนิศากรรีบหยิบใบแสดงผลการเรียนมาไว้ในมือทันที

  “อายเอยอะไรกันนิศาใครๆก็รู้ว่าหัวแกมันทื่อ”

  “แหมคุณป้า”

คุณนภาไม่คิดว่าคำพูดของท่านจะทำให้เด็กสาวสะเทือนใจขนาดเรียกน้ำตารื้นได้  เพราะปกติอีกฝ่ายดื้ออย่างทนยังกับอะไรดีขนาดวิรันตียังเคยว่า

 “พูดสอนไปเถอะค่ะ นิศาไม่มีหัวสมองจะคิดตามทันหรอก หัวขี้เลื่อยจริงๆหลานคนนี้”

หากวันนี้ต่อหน้าชายคนที่นิศากรแสนรัก เธอไม่อยากได้รับการตำหนิในความไม่เอาไหนของเธอ

                “เอ้า....เป็นอะไรไป....แกนี่ถ้าจะประสาท นี่มีใครที่บ้านคุณรังเรียนแย่แบบนี้บ้างมั้ย”คุณนภาอยากกระตุ้นให้หลานสาวอยากฮึดสู้เรียนขึ้นมาบ้าง รวียิ้มในสีหน้าเมื่อเอ่ยถึงอีกคน

                “ผมเรียนปานกลางครับ แต่น้องชายที่เรียนเมืองนอกตั้งแต่เด็กคนนั้นขยันเรียน เรียนเก่งหัวดี แต่ขี้โกงหน่อย”

                “แหมจะให้นิศาไปหัวดีเหมือนคนทั้งประเทศเลยหรือคะ แค่ขยันอย่างเดียวก็พอแล้วค่ะ”

“ขยันแล้วโง่ได้โดนหลอกใช้ตายสิ ไปๆจะพาไปหาทำเลทำร้านให้....ไปแต่งตัวให้ดี”

                “ว้ายจริงนะคะ”เด็กสาววี้ดว้ายดีอกดีใจยิ่งนักรีบผละจากไปทันที   รวีไต่ถามด้วยความสงสัย

                “ดูร้านทำอะไรกันหรือครับ”

                “นิศาน่ะสิเข็นให้เรียนก็ไม่เอา จะเปิดร้านทำดอกมงดอกไม้อะไรก็ไปโน่น”

คุณนภาชี้แจงหมั่นไส้ปนเอ็นดู  มิลันตรีเครียดขรึมไปนิดหนึ่งไม่เห็นด้วย

                “นิศายังเด็กเกินไปรู้เรื่องตลาดแค่ไหนกันคะพี่ภาอย่าหาเรื่องเสียเงินเลยค่ะให้เรียนอีกหน่อยดีกว่า”

                “บังคับไปก็เท่านั้นคนมันไม่รักหนังสือช่างมันจะลองลงทุนให้”

                “ไม่ใช่หมื่นสองหมื่นนะคะ”

                “เอ๊ะแม่ตีนี่ยังไงกัน....ฉันไปเอาเงินใครเสียที่ไหนลูกผัวฉันก็ไม่มีเงินทองฉันก็ยกให้นิศามัน....ทำไมจะทำไม่ได้”พี่สาวไม่พอใจยิ่งขึ้นเมื่อถูกขัดใจมิลันตรีจึงจำเงียบ แต่ภายในนั้นทั้งน้อยใจ

และอดคิดไม่ได้คุณนภาลำเอียง   ครู่ใหญ่นิศากรวิ่งลงจากบันไดจนคุณนภาเหลือบเห็นเด็กสาวรีบชะงักแล้วแกล้งก้าวเยื้องย่างทำหยอกเล่นจนคุณนภายิ้มแก้มแทบปริ  

รวีโอบไหล่คนรักเข้ามาชิดกายเอ่ยเบา

                “มีแต่นิศานี่แหละที่กล้าล้อพี่ภาเล่น”

                “หัวแก้วหัวแหวนค่ะคุณรังกับตีล่ะก็นิดเดียวก็ไม่ได้”

คุณนภาทำหูไม่ได้ยิน แต่ชื่นชมการแต่งกายในชุดเสื้อสีครีมกางเกงสี่ส่วนสีเดียวกัน

                “ชุดนี้เรียบร้อยดีนิศา”เด็กสาวนั่งแอบข้างผู้เป็นป้าเอ่ยตอบ

                “แก่จะตายค่ะชุดนี้ความจริงต้องขยายตัวอีกนิดให้คุณป้าใส่ รับรองเลยว่าสวยสมวัย”

                “เดี๋ยวหยิก”คำว่าเดี๋ยวใช่ว่าไม่โดนคุณนภาหยิกหมับที่แขนนิศากรทำหน้ายู่ด้วยความเจ็บแต่ไม่ร้องสักคำ    “ดูความหนาของมัน”คุณนภาต่อว่าอีก “หยิกแรงขนาดนี้ยังไม่รู้สึกรู้สาเลย”

                “นิศารักคุณป้าค่ะ ถึงคุณป้าจะทุบจะตีให้ตายนิศาจะไม่ร้องสักแอะ”

กล่าวจบเธอซบหน้ากับแขนอวบๆของญาติผู้ใหญ่ออดอ้อนในที   คุณนภายิ่งทำหน้าบานได้มากกว่าเดิมขึ้นไปอีกขอตัวจากรวีพานิศากรเดินจากไป

                “คุณไม่เอาใจพี่ภาบ้างล่ะตี”

“ไม่ล่ะค่ะคุณรัง อะไรที่ตีไม่ชอบตีก็จะไม่ทำค่ะ ปล่อยเขาลุ่มหลงไปเถอะ อย่างที่พี่ภาว่าเงินทองเป็นของเขา”

 “โถ...พูดยังกับน้อยใจพี่สาว”เธอค้อนคมคนรักแง่งอนไม่พูดด้วย รวีต้องงอนง้อเอาใจเป็นครู่

                “พี่ภารักน้อยก็ไม่เป็นไรครับผมรักของผมมากก็แล้วกัน”

หญิงสาวเอนกายพิงอ้อมอกกว้างที่รอรับอยู่

                “ไม่อยากรออีกเลยคุณตี...ผมรักคุณจนแทบล้นออกจากอกอยู่แล้ว”

                “อีกไม่นานแล้วนี่คะตีอยากเก็บไว้ให้คุณภูมิใจ” “ตี”เขาจุมพิตริมฝีปากบางเป็นครู่

                “รู้มั้ยผมตื่นเต้นกับการรอคอยแค่ไหน”

                “ไม่ใช่แต่คุณหรอกค่ะที่รอ”เธอสารภาพ 

รวีเป็นชายหนุ่มรูปงามเรือนกายแข็งแรงผิวสะอาดปกคลุมด้วยขนละเอียดมิหยาบแข็ง...หญิงใดจะไม่ปรารถนา...

ทั้งสองนั่งพลอดรักและสนทนาพร้อมชมรายการโทรทัศน์ไม่สนใจเวลาที่ผ่านเพราะเป็นวันหยุด   รวีเป็นเจ้าของธุรกิจที่มั่นคง  มิลันตรีเป็นผู้จัดการของบริษัทเขาใครๆต่างชมว่าสมกัน


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (77 รายการ)

www.batorastore.com © 2024