ดอกไม้ของซาตาน (เทพิตา)

ดอกไม้ของซาตาน (เทพิตา)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786165086417
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 400.00 บาท 100.00 บาท
ประหยัด: 300.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

ดอกไม้ของซาตาน

เทพิตา

            ตอนที่ 1

       ทุ่งดอกไม้หลายสิบไร่ถูกปลกคลุมด้วยไม้ดอกหลากหลายพันธุ์ไกลสูดลูกหูลูกตา

            ส่วนใหญ่จะเป็น ดอกไม้เมืองหนาว

            ประกอบด้วย กุหลาบหลากหลายสีทั้ง ขาว แดง เหลือง ส้ม ยังมีดอกเบญจมาศ เยลบิร่า คัทลียา ทิวลิป ลิลลี่ และอีกมากมาย...

            แมลงต่างๆ ทั้งผีเสื้อ ผึ้งต่างบินตอมเกสรดอกไม้เพื่อดูดกินหาอาหาร

            ที่นี่คือ ไร่รัชพล

            ตั้งอยู่บนเทือกเขาหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ที่ภูมิประเทศมีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี

             ดอกไม้ กับ อากาศหนาว ดูจะเป็นของคู่กัน หากที่ไหนอากาศหนาวเย็นดอกไม้จะเจริญงอกงาม สมบูรณ์แบบ ทางภาคเหนือของไทยที่มีอากาศหนาวและเย็นสบายจึงทำให้เกษตรกรมีอาชีพและรายได้จากการปลูกดอกไม้เมืองหนาวกันเยอะ

อากาศหนาวเย็นทำให้ผลผลิตมีความสวยงามอย่างที่ต้องการ   

เจ้าของไร่ดอกไม้แห่งนี้ก็คือ รัชพล ตามชื่อไร่

พ่อของเขาตั้งชื่อนี้ให้ลูกชายที่เกิดมา และยังใช้เป็นชื่อไร่ตอนเริ่มจับธุรกิจปลูกดอกไม้เหมืองหนาวขาย

ใครๆ ก็เรียกเขา ‘พ่อเลี้ยงรัชพล’

อายุแค่ 26 เอง แต่เขาก็บริการธุรกิจส่วนตัวนี้ให้เจริญก้าวหน้า

นอกจากปลูกดอกไม้ขาย ยังมีรีสอร์ตอยู่ในพื้นที่ด้วย

ชายหนุ่มคนหนึ่งค่อยๆ โน้มใบหน้าไปใกล้กุหลาบแดงดอกใหญ่ดอกหนึ่ง แล้วเขาก็ดมมัน

เขาก็คือ รัชพล เจ้าของไร่ดอกไม้แห่งนี้

เขา กับ ดอกไม้ ดูจะไม่ค่อยเข้ากันสักเท่าไร

ชายหนุ่มที่ใครก็ว่าหยาบกระด้าง ไม่มีความละมุนละไม ละเอียดอ่อน

ถ้าจะมีชายหนุ่มคนใดตรงกับคำอธิยายที่ว่า ดาร์ค ทอลล์ แอนด์ แฮนซั่ม ดูเขาจะตรงที่สุด

รัชพลสูงโปร่งกับส่วนสูงราว 185 เซนติเมตร ร่างกายกำยำ บึกบึน ผิวเข้มจากการตรากตรำควบคุมงานในไร่ แต่มันก็รับกับใบหน้าที่คมคายของเขา แถมยังมีหนวดและเคราแบบพอประมาณ ไม่รกรุงรังจนเกินไป ช่วยเพิ่มความเข้มบนใบหน้าเขาเข้าไปอีก

แต่แววตาชายหนุ่มกลับซ่อนความเศร้าเอาไว้มากมาย

ใครๆ ก็ว่าเขาเป็นผู้ชายตาโศก

นั่นเพราะชีวิตต้องแบกรับมรสุมชีวิต กับปัญหาครอบครัวที่ทำให้เขากลายเป็นเงียบขรึมจนบางครั้งดูน่ากลัวและเย็นชา

“มาอยู่ตรงนี้นี่เอง”

ความสงบถูกทำลายด้วยน้ำเสียงหญิงสาวคนหนึ่ง

ชลลดา คือ ชื่อเสียงเรียงนามของเธอ

เธอคนนั้นเข้าไปควงแขนชายหนุ่ม แสดงความเป็นข้าวเจ้าของทันที แถมยังคลอเคลียด้วยการซุกใบหน้าที่หน้าอกของเขา

แสดงออกอย่างไม่อาย เพราะเธอรักและหลงเขา

ความจริงเธอไม่ใช่สาวเชียงใหม่ เป็นสาวกรุงเทพฯ

เมื่อ 3 เดือนก่อนเธอมาเที่ยวรีสอร์ตของรัชพล

แล้วทันทีที่เจอเจ้าของไร่ เธอก็ตกหลุมรัก และหอบผ้าหอบผ่อนมาอยู่กับเขาทันทีโดยไม่กลับกรุงเทพฯเลย

ทำอย่างนั้นได้เมื่อเธอเป็นลูกสาวคนเดียว เป็นลูกสาวคนเล็กของบ้าน ถูกเลี้ยงมาแบบตามใจ อยากได้อะไรต้องได้ สมาชิกในครอบครัวไม่มีใครขัดใจ

เพียงแต่เธอปิดบังเรื่องนี้กับครอบครัว ขืนบอกพ่อแม่ และพี่ชายที่แม้จะรักและตามใจเพียงใดก็ต้องลากตัวเธอกลับกรุงเทพฯแน่นอน

เป็นผู้หญิงทำแบบนี้มันไม่งาม

คำโกหกต่อครอบครัว คือ เธอมาพักอยู่กับเพื่อนรัก ติดใจธรรมชาติและอากาศบริสุทธิ์เลยไม่อยากกลับบ้านที่กรุงเทพฯ

รัชพลยอมให้ชลลดาเข้ามาในชีวิต เรียกว่าเป็น ‘เมีย’ แม้ไม่ถูกต้องตามกฎหมายโดยไม่ได้คิดมาก เมื่อชีวิตคู่ในอดีตที่ผิดพลาดทำให้เขามองเรื่องนี้ไม่สลักสำคัญอะไร

ปัญหาครอบครัวที่ทำให้เขากลายเป็นคนเงียบขรึมและเย็นชาทำให้ภรรยาที่รักหนีจากเขาไปอย่างไม่มีเยื่อใย

นับจากวันนั้น ผู้หญิงในสายตาเขาก็ไม่ได้มีคุณค่า เป็นแค่ ‘คู่นอน’ ก็เท่านั้น

“มีอะไร”

น้ำเสียงที่ถามกลับไปของชายหนุ่มนิ่ง ฟังแล้วบอกถึงความเย็นชา

“ทำไมต้องทำเสียงแบบนี้กับลดาด้วย”

“แล้วมีอะไรล่ะ”

“ลดาก็จะมาตามพี่ไปทานมื้อเช้า”

“พี่ไม่หิว”

“ไม่หิวก็ต้องกิน ไปกันเถอะค่ะ”

หญิงสาวไม่หยุดคะยั้นคะยอ

“ปล่อยพี่ก่อนก็ได้ พี่อึดอัด”

“พูดแบบนี้ลดาก็เสียใจแย่สิคะ แต่มันไม่เหมือนลดานะคะ ลดามีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้พี่”

นอกจากมีนิสัยช่างตื๊อ เธอยังขี้อ่อนอีกต่างหาก

“ก็ได้”

เขาที่ไม่อยากทนรำคาญเลยยอมตามใจ

“ถ้าอย่างนั้นก็ไปกันเถอะค่ะ”

ชลลดาลากรัชพลเดินไปจากตรงนั้น ตรงไปยังบ้านหลังใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนหุบเขา และอยู่ไม่ไกลจากทุ่งดอกไม้เท่าไร

ทั้งสองไปแล้ว ใครคนหนึ่งโผล่มาจากพุ่มต้นกุหลาบหลังจากแอบดูมานาน

“หมั่นไส้นัก ระริกระรี้ไม่มีใครเกิน”

เสียงด่าทอของเรียม สาวใช้ภายในบ้านของรัชพล

ด่าทอ เพราะหึงหวงรัชพล

สาวใช้อย่างเธอหลงรักเจ้านายหนุ่ม โดยไม่ได้เจียมตัวเลยสักนิดว่าตัวเองเป็นแค่สาวใช้

“เป็นอะไรของแกวะนังเรียม”

ขวัญ คนงานหนุ่มในไร่ดอกไม้ของรัชพลที่เดินมาเพื่อดูแลไม้ดอกถามขึ้น

“ก็จะอะไรอีก แกไม่เห็นเหรอว่านังผู้หญิงเมืองกรุงนั่นออเซาะพ่อเลี้ยงแค่ไหน เห็นแล้วมันขัดลูกกะตาชะมัด อยากจะเข้าไปกระชากมาตบให้หน้าเยินเลย”

พูดแล้วเรียมออกอาการคันไม้คันมือขึ้นมา

“ขืนแกทำแบบนั้นแกถูกไล่ออกแน่ ฉันรับประกัน”

“ตอนนี้ฉันยังกลั้นอารมณ์ไว้ได้ แต่วันไหนทนไม่ไหว ฉันก็จะไม่ทน”

“แล้วแกไปเกี่ยวอะไรด้วย คุณลดาเธอเป็นผู้หญิงคนล่าสุดของพ่อเลี้ยง”

“ก็ฉันไม่ชอบขี้หน้ามันนี่ มีอย่างที่ไหนเป็นผู้หญิงแท้ๆ แต่หอบผ้าหอบผ่อนมาอยู่กับผู้ชายหน้าตาเฉย โดยไม่อาย”

“ทำไมแกถึงไม่เจียมตัวบ้าง”

“แกหมายความว่ายังไง”

“ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าแกแอบหลงรักพ่อเลี้ยง แต่อย่าลืมสิว่าเอ็งเป็นใคร แล้วพ่อเลี้ยงเป็นใคร”

“แกไม่ต้องมายุ่ง มันไม่ใช่เรื่องของแก”

“ฉันหวังดีกับแก ไม่อยากให้แกต้องเจ็บปวด เพราะยังไงพ่อเลี้ยงก็ไม่มีทางสนใจแก สู้แกรักคนที่เขารักแกไม่ดีกว่าเหรอ”

“แกหมายถึงตัวแกใช่หรือเปล่า”

เรียมถามออกมาตรงๆ

“ใช่ ฉันรักแก แล้วก็พร้อมจะดูแลแก”

ขวัญตอบตามตรง พร้อมกับเอียงหน้าไปใกล้ แต่อีกฝ่ายกลับเบี่ยงตัวหนีทันทีทันควัน

“หลบไปเลยนะ ไม่ต้องมาเข้าใกล้ฉันเลย แล้วฉันจะบอกด้วยว่าฉันไม่ได้รักแก ฉันจะต้องได้ผู้ชายที่ดีกว่าแก”

“ทั้งๆ ที่สวรรค์สร้างให้แกเกิดมาคู่กับฉัน”

“แกพูดอะไร ฉันไม่เข้าใจ”

เรียมเป็นงงในคำพูดของอีกฝ่าย

“ก็ฉันคือไอ้ขวัญ ส่วนแกคือนางเรียม ขวัญกับเรียม อย่างนี้ไม่เรียกว่าเกิดมาคู่กันได้ยังไง”

“เชิญเพ้อเจ้อไปคนเดียวเถอะ ฉันไม่พูดกับแกแล้ว”

เรียมเดินหนีไปอย่างไม่สนใจ

แม้ผู้หญิงที่ตัวเองหลงรักจะไม่เคยมองเขาในสาย แต่ขวัญหาได้ยอมแพ้ไม่ ด้วยความหวังว่าวันหนึ่งจะเป็นวันของเขา

“ฉันไม่ยอมแพ้หรอก สักวันแกต้องใจอ่อนกับฉัน”

“มัวแต่จีบกันอยู่นั่นแหละ คิดจะอู้งานหรือไง”

เจิม คนงานในไร่เช่นเดียวกับขวัญเดินเข้ามาต่อว่า

เจิม กับ ขวัญ เป็นคู่ปรับที่ไม่ค่อยจะลงรอยกัน

“ใครกันแน่ที่คิดอู้งาน ข้าเห็นแกแอบนอนหลับในไร่ดอกไม้ทุกวัน”

 “หรือมึงคิดจะเอาเรื่องนี้ไปฟ้องพ่อเลี้ยง”

“ถ้าข้าคิดจะฟ้องจริง ข้าทำไปนานแล้ว ในเมื่อมันไม่ใช่ครั้งแรก แกแอบหลับแบบนี้มาแทบจะทุกวัน แต่ถ้าตอนนี้แกยังพูดมาก ไม่ไปทำงาน บางทีข้าอาจจะฟ้องพ่อเลี้ยงก็ได้”

“ไปก็ได้วะ อย่าให้ถึงทีข้าบ้างก็แล้วกันไอ้ขี้ฟ้อง”

เจิมรีบเดินหนีเมื่อรู้ว่าไอ้ขวัญเป็นคนจริง

กลัวการอู้งานของมันจะไปถึงหูพ่อเลี้ยงรัชพล ขืนเป็นเช่นนั้นพ่อเลี้ยงจอมเฮี้ยบไล่เขาออกจากงานเป็นแน่

------------------------------------------------

ชลลดาเดินควงแขนรัชพลมาที่โต๊ะอาหารภายในบ้าน

ที่โต๊ะอาหารมีคนนั่งรออยู่แล้ว อย่างน้อยก็สามคน

คนที่นั่งตรงหัวโต๊ะ รจเรข...สาวใหญ่วัยสี่สิบกว่ากะรัต แต่ยังดูสวยพริ้งทั้งการแต่งหน้ารวมถึงเสื้อผ้าอาภรณ์ที่สวมใส่ที่ประณีตและพิถีพิถัน

ยอมอะไรก็ยอมได้ แต่รจเรขไม่ยอมแก่

เธอเป็นแม่ของรัชพล

คุณแม่ยังสาวของลูกชายคนเดียว

ส่วนคนที่นั่งติดกับเธอทางด้านขวามือเป็นหนุ่มแน่นหน้าตาหล่อเหลาแบบเจ้าเล่ห์

เขาชื่อ... อานัน

อายุเท่ากับรัชพล ไม่ใช่แค่อายุเท่ากัน แต่ยังเป็นเพื่อนรักกันตอนเรียนมหาวิทยาลัย

แต่ถึงตอนนี้ตรงกันข้าม เมื่อวันเวลาเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง

จาก ‘เพื่อนรัก’ กลายเป็น ‘เพื่อนแค้น’

มิตรภาพแปรเปลี่ยนเมื่ออานันเป็นพวกทะเยอทะยานอยากมีชีวิตที่ร่ำรวยและสุขสบาย ครอบครัวเขาเป็นพวกปากกัดตีนถีบ หาเช้ากินค่ำ

            เขาใช้โอกาสตอนมาเที่ยวบ้านรัชพลเข้าตีสนิทกับรจเรขเมื่ออ่านแววตาเธอออกว่าก็สนใจเขาเหมือนกัน

            สาวแก่หลงรักเด็กหนุ่มคราวลูก

            ความใกล้ชิดกลายเป็นความเลยเถิด สัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างทั้งคู่จึงเกิดขึ้น

            ตอนแรกทุกอย่างเป็นความลับ แต่เมื่อความลับไม่มีในโลก ความลับก็แตกตอนที่ กมล สามีของรจเรข พ่อของรัชพลได้เห็นภาพบาดตาบาดใจที่ภรรยาหลับนอนกับเด็กหนุ่มคราวลูก

            เมื่อทุกอย่างกลายเป็นเรื่องไม่คาดฝัน กมลที่มีโรคหัวใจเป็นโรคประจำตัวเลยช็อกตาย

            เหตุการณ์ในวันนั้นเปลี่ยนแปลงชีวิตของรัชพลให้กลายเป็นคนเก็บกดจนถึงทุกวันนี้

เขาเสียใจเมื่อพ่อต้องตาย

เขาโกรธและเกลียดแม่ที่มีส่วนในการฆ่าพ่อ ไม่คิดเลยว่าแม่จะทำเรื่องน่าละอายแบบนี้

นับจากวันนั้นจนถึงวันนี้ระหว่างเขากับแม่มีแต่ความห่างเหินให้แก่กัน

ส่วนเพื่อนรักก็กลายเป็นเพื่อนแค้น ทั้งโกรธและเกลียดอานันที่ทรยศหักหลังด้วยการมายุ่งกับแม่ของเขา เขาไม่เคยคิดว่าทุกอย่างจะเป็นแบบนี้

ถึงเพื่อนรักเพื่อนแค้นกลายมาเป็นพ่อเลี้ยง แต่รัชพลไม่สนใจ

และรู้ว่าอานันต้องการอะไรจากแม่ของเขา ทั้งเงิน และการฮุบกิจการไร่ดอกไม้ ซึ่งเขายอมไม่ได้ เคยพูดกับแม่ แต่เมื่อแม่ไม่เชื่อ เชื่อในคำโกหกของอานันมากกว่าเขาที่เป็นลูก ที่สำคัญรจเรขหลงรสสวาทที่อานันปรนเปรอให้ เธอจึงเชื่อเขามากกว่าลูกชาย จำเป็นที่รัชพลต้องอยู่เป็นก้างขวางคออานันไม่ให้ทำอะไรได้สะดวกทั้งๆ ที่อยากหนีจากความจริงที่เจ็บปวดไปให้ไกลแสนไกล

อานันก็รู้ว่ารัชพลอยู่เป็นมารชีวิต แต่เขาก็ต้องทำทุกวิถีทางที่จะฮุบทรัพย์สมบัติทั้งหมดมาเป็นของตัวเอง

สายตาที่รัชพลมองเพื่อนแค้นเต็มไปด้วยความแค้นเคือง

ส่วนสายตาอานันที่ส่งกลับมาเป็นสายตาเย้ยหยันของคนที่ต้องการเอาชนะ

สำหรับหญิงสาวที่นั่งถัดจากอานัน คือ มุตา เธอคือ พี่สาวของอานันตามที่เขาแนะนำกับทุกคน

เธอย้ายตามเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้เมื่อรักความสบายไม่ต่างจากน้องชาย

แต่เพราะอยากจะเป็นผู้หญิงของรัชพล สายตาที่เธอส่งมอบให้เขาจึงเป็นสายตาที่ซ่อนความปรารถนาร้อนแรงไว้

ความจริงตอนอานันย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ และเอาพี่สาวมาอยู่ด้วย เขาต้องการให้พี่สาวรวบรัดจับรัชพลเมื่อทุกอย่างจะได้ง่ายขึ้น

นอกเหนือจากแผนการ มุตายังหลงรักรัชพลจริง

เพียงแต่เขาไม่ได้สนใจเธอสักนิด เธอเป็นพี่สาวของผู้ชายที่ทำลายครอบครัวเขา เขาจะสนใจได้อย่างไร

แต่สำหรับชลลดาแล้วเธอรู้ว่ามุตาคิดแบบไหนกับผู้ชายของเธอ สายตาที่ส่งตรงไปหาเธอคนนั้นจึงเป็นความไม่พอใจอย่างยิ่ง

เมื่อคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะอาหารล้วนเป็นคนที่ไม่อยากเสวนาด้วย รัชพลจึงพยายามหาทางออกให้กับความอึดอัด

“พี่ไม่หิวแล้ว ไม่อยากกิน”

“อย่าเลยค่ะ ทานเป็นเพื่อนลดาเถอะนะคะ ลดาทานไม่ลงแน่ถ้าไม่มีพี่”

ชลลดายังไม่หยุดอ้อนเขา นั่นทำให้มุตาออกอาการหมั่นไส้

“อยากจะอ้วก”

เธอพึมพำในลำคอ

“ก็ได้”

รัชพลลงนั่งตรงกันข้ามกับอานัน สายตาที่ทั้งสองมองกันยังเป็นการเอาชนะคะคาน

“ตักข้าวสิ ยืนเป็นบื้ออยู่ทำไม”

ชลลดาสั่งการเรียมที่ตามมาให้ต้องหน้าม้าน

หลังจากเรียมตักข้าวใส่จานให้ทุกคนเรียบร้อย มุตาไม่รีรอจะตักผัดผักใส่ให้ในจานของรัชพลเป็นการตัดหน้าชลลดา

“ผัดผักนี่น่าทานนะคะคุณรัช ทานนะคะ”

ชลลดาไม่พอใจอย่างแรง สายตาเคียดแค้นจึงเพิ่มมากขึ้น แต่เธอไม่ยอมแพ้ง่ายๆ

“จืดชืดแบบคนตักให้อย่าไปทานเลย ทานแกงเผ็ดนี่ดีกว่า ร้อนแรงกว่าถึงไหนๆ”

“คุณสองคนทานกันไปเถอะ ผมตักเองได้”

รัชพลต้องเป็นฝ่ายตัดบทให้สองสาวหน้าจ๋อย

สำหรับอานันรู้หน้าที่ตัวเองดีว่าต้องทำอะไร ทุกอย่างก็เพื่อย่ำยีให้รัชพลต้องเจ็บปวด

เขาตักกับข้าวหลากหลายชนิดใส่ให้ในจานของรจเรข

“ทานเยอะๆ นะครับพี่รจ ช่วงนี้ดูพี่ผอมๆ ไป”

“จริงเหรอที่พี่ผอม”

“จริงสิครับ ผมไม่ชอบให้พี่ผอมแบบนี้เลย รู้สึกว่ามันไม่เต็มไม้เต็มมือยังไงบอกไม่ถูก”

อานันยิ่งยั่วรัชพล

“พูดอะไรแบบนั้น พี่เขินนะ”

“ก็ผมพูดจริงนี่ครับ”

“ถ้าอย่างนั้นพี่ต้องทานเยอะๆ แล้ว เดี๋ยวนันจะเบื่อพี่เสียก่อน”

“ผมไม่มีทางเบื่อพี่รจหรอกครับ พี่รจน่ารักเสมอ และจะอยู่ในใจผมคนเดียวตลอดไป”

อานันเป็นผู้ชายปากหวานจนน่าหมั่นไส้ ซึ่งความอดทนของรัชพลก็หมดลง เขาไม่อาจทนอยู่ในสถานการณ์นี้ได้อีก เขารวบช้อนเสียงดัง

“ทานไม่ลงแล้ว เลี่ยนจนจะอ้วก”

พูดใส่หน้าแม่และสามีใหม่ของแม่แล้วลุกหนีไปจากตรงนั้น

“กลับมาก่อนนะตารัช ทำไมถึงไร้มารยาทแบบนี้ แกนี่มันเป็นลูกที่ไม่เคยทำให้ฉันสบายใจเลย”

รจเรขตะโกนไล่หลังลูกชายไป นั่นทำให้อานันพึงพอใจ แต่เขายังต้องสร้างภาพเป็นคนดีต่อไป

“พี่อย่าไปตำหนิรัชเขาเลยครับ เขาคงโกรธผมที่เอาใจพี่ ความจริงผมก็ไม่น่าจะแสดงออกอะไรมากเลย”

“ไม่ต้องไปสนใจมันหรอก มันก็แค่คนขี้อิจฉาที่ไม่อยากเห็นคนอื่นมีความสุข แล้วสิ่งที่นันทำมันดีอยู่แล้ว และพี่ก็ชอบ อย่าเลิกเอาอกเอาใจพี่เลยนะ”

“ครับ อะไรที่เป็นความสุขของพี่ ผมทำได้ทั้งนั้น”

“น่ารักที่สุด...ทานกันต่อเถอะ อย่าไปสนใจพวกแกะดำเลย”

ความหลงใหลของรจเรขต่อตัวเขาทำให้อานันกระหยิ่มใจเมื่อสามารถทำให้รัชพลต้องเจ็บปวดได้

------------------------------------------------

            รัชพลเดินหนีเรื่องหงุดหงิดใจที่ทำให้อารมณ์เสียมาที่ระเบียงบ้านหลังใหญ่ของเขา

            ทำไมทุกอย่างถึงต้องเป็นแบบนี้ด้วย

            ตัวเขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน

            ไม่คิดว่าแม่จะเปลี่ยนไปมากเพียงนี้ แม่คนเดิมหายไปไหน เขาอยากได้แม่คนนั้นกลับคืนมา

            ความหลงใหลเปลี่ยนแปลงแม่ไปมากจริงๆ

            เพราะไอ้อานันคนเดียวที่ทำอย่างนั้น ทำลายครอบครัวที่มีความสุขของเขา

            ความคิดทุกอย่างถูกทำลายลงเมื่ออานันเดินเข้ามาหลังทานข้าวเสร็จ เขาไม่รีรอจะย่ำยีให้รัชพลต้องเจ็บปวด

“ถึงกับทานไม่ลงจนต้องเดินหนีมาเลยเหรอ”

“แค่ฉันเห็นหน้าแก ฉันก็ทานอะไรไม่ลงแล้ว”

“ใจเย็นๆ สิ อย่าลืมสิว่าฉันเป็นพ่อเลี้ยงแก บางทีถ้าแกยอมๆ ฉัน ก็ไม่ได้มากมายอะไรนัก บางทีบ้านอาจสงบสุขมากกว่านี้”

            “ตั้งแต่วันที่แกเล่นชู้กับแม่ฉันจนทำให้พ่อฉันต้องตาย บ้านฉันที่ลุกเป็นไฟก็ไม่มีทางกลับมาสงบสุขเหมือนเดิมได้”

            รัชพลกล่าวด้วยความแค้นในใจ

            “ทำไมจะต้องรื้อฟื้นอดีตด้วย อดีตมันก็คืออดีต ยิ่งเป็นอดีตที่ไม่น่าจดจำด้วยแล้ว”

            อานันพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน

            “ฉันไม่มีทางลืมว่าแกเป็นคนทำลายความสุขในครอบครัวฉัน ฆ่าพ่อฉัน แล้วยังแย่งความรักจากแม่ไปจากฉัน”

            “ที่แท้ก็อิจฉาที่แม่ไม่รัก”

            “วันหนึ่งแม่จะต้องเห็นธาตุแท้ของแกว่าเป็นพวกหน้าไหว้หลังหลอก แล้วที่แกมายุ่งกับแม่ฉันก็เพราะหวังฮุบสมบัติ”

            “ไม่มีวันนั้นเสียให้ยาก แกก็เห็นว่าแม่แกเชื่อฉันแค่ไหน ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้”

            “วันพระไม่ได้มีหนเดียว สักวันแม่ฉันต้องตาสว่าง เห็นความเลวในตัวแก”

            “ฉันเดินมาไกลขนาดนี้ ฉันไม่พลาดง่ายๆ หรอก”

            “อย่ามั่นใจไปนักเลย”

            “ส่วนเรื่องทรัพย์สมบัติที่เป็นของแก ฉันจะต้องเอามาเป็นของฉันให้ได้”

            อานันพูดด้วยแรงปรารถนาอันแรงกล้า

            “ตราบใดที่ฉันยังอยู่ ฉันไม่มีทางยอมให้แกทำแบบนั้นได้”

            “แล้วเราจะได้เห็นดีกัน”

            สองหนุ่มต่างท้าทายกันด้วยสายตาที่ต้องการเอาชนะ

            ก่อนที่รจเรขจะเดินเข้ามาขัดจังหวะ

            “คุยอะไรกันอยู่”

            “เอ่อ...ผมมาขอโทษรัชเขาที่ทำให้เขาไม่พอใจเรื่องบนโต๊ะอาหาร”

            เรื่องโกหกสร้างภาพให้ดูดี โดยเฉพาะในสายตารจเรข บ่อเงินบ่อทองของเขาต้องยกให้อานัน

            “แกนี่มันจอมตลบตะแลงจริงๆ น่าจะให้รางวัลตุ๊กตาทองสักตัวที่เล่นละครได้แนบเนียนสมจริง”

            “ทำไมพูดแบบนี้กับฉัน นายก็รู้ว่าที่ฉันพูดเป็นความจริง ฉันไม่ได้โกหกแม่ของนายเลย”

            “ทำไมจะต้องใส่ร้ายนันเขาด้วย นันเขาเป็นเพื่อนรักของแกนะ”

            รจเรขหูเบาอีกตามเคย เชื่ออานัน และต่อว่าลูกชาย

            “เพื่อนทรยศสิไม่ว่า ถ้าเป็นเพื่อนรักกันจริงมันคงไม่ทำให้ครอบครัวของเราเป็นแบบนี้ ครอบครัวที่มีความสุขต้องกลายเป็นแตกสลาย และมันก็เป็นคนที่ทำให้พ่อต้องตาย”

            “พ่อแกเป็นโรคหัวใจ แกก็รู้”

            “แต่ถ้าพ่อไม่ไปเห็นภาพทุเรศๆ ระหว่างแม่กับมัน พ่อก็คงไม่หัวใจวายตาย แม่ทำได้ยังไง แม่ทรยศพ่อด้วยการลงมาเกลือกกลั้วกับเด็กหนุ่มคราวลูก”

            รัชพลพูดแทงใจดำแม่ เธอจึงเงื้อมือจะตบหน้าเขา

            “ตบสิครับ มันไม่ใช่ครั้งแรกอยู่แล้ว แม่ตบผมมาหลายต่อหลายครั้งตั้งแต่ไอ้ผู้ชายคนนี้เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้”

            อานันอยากให้รจเรขตบหน้าลูกชายตัวเอง มันคงทำให้เขาสะใจมากขึ้นอีก

            แต่รจเรขกลับลดมือลง

            “ตบแกมันก็ไม่ช่วยให้แกดีขึ้น”

            “ถ้าให้ผมดีกับมันเหมือนที่แม่ดีด้วย ไม่มีทาง...มันกับผมต้องเป็นศัตรูกันไปชั่วชีวิต แล้วความจริงผมก็ไม่น่าพูดให้แม่เห็นธาตุแท้ของไอ้ผู้ชายคนนี้ เพราะแม่หลงมันหัวปักหัวปำ มันทำอะไรก็ถูกไปเสียหมด”

            “ผมขอโทษนะครับที่ทำให้พี่กับลูกต้องมาทะเลาะกัน”

            อานันยังไม่หยุดเล่นละครเป็นคนดี

            “เลิกเล่นละครได้แล้ว ฉันไม่มีทางเชื่อคนอย่างแก”

            “ทำไมถึงพูดไม่รู้เรื่องนะ เลิกใส่ร้ายนันเขาเสียที”

            “ผมไม่หยุด แล้วก็ไม่หยุดด้วยจนกว่าผมจะกระชากหน้ากากของมันให้แม่ได้เห็น”

            “หน้ากากหน้าเกิกอะไร ไร้สาระ”

            “ฉันรู้นะว่านายอิจฉาที่แม่นายรักฉัน แต่ฉันไม่เคยคิดว่าจะแย่งความรักของแม่นายจากนายเลย ฉันรู้ว่ายังไงฉันก็ไม่มีทางแทนที่นายที่เป็นลูกได้ เข้าใจฉันเถอะนะ”

            ทำเป็นพูดดี แต่สายตาอานันกลับยั่ว นั่นทำให้รัชพลหมดความอดทน

            “ไอ้โกหก!”

            จากนั้นหมัดของรัชพลก็ซัดเข้าไปเต็มหน้าอานันจนเซ แล้วเขาถลาจะไปเล่นงานต่อ แต่รจเรขก็ขวางเขาไว้แถมยังตบหน้าลูกชายไปฉาดใหญ่

            เพียะ!

            “แม่ใจร้าย แม่ไม่รักผม แม่เห็นคนอื่นสำคัญกว่าผมที่เป็นลูกของแม่ ผมเกลียดแม่ เกลียดที่สุดเลย”

            ความเสียใจทำให้เขาต่อว่าแล้ววิ่งหนีไปจากตรงนั้น

            แม้ต้องเจ็บตัว แต่อานันกลับสะใจที่เห็นรัชพลโดนรจเรขตบหน้า และเจ็บปวดกว่าเขาเสียอีก

            แต่เมื่อรจเรขหันหน้ามาหา เขาจำเป็นต้องเล่นละครต่อ

            “ผมขอโทษนะครับที่ทำให้พี่กับลูกต้องทะเลาะกัน”

            “พูดอะไรอย่างนั้น มันไม่ใช่ความผิดของนันเลย แต่เรื่องทั้งหมดเกิดจากไอ้ลูกนอกคอกของพี่”

            “หรือว่า...”

            “หรือว่าอะไร”

            “หรือว่าผมจะไปจากบ้านหลังนี้ ไปจากชีวิตพี่ บางทีทุกอย่างอาจดีกว่านี้”

            เขาแกล้งทดสอบบางอย่าง

            “ไม่นะ พี่ไม่ยอมให้นันไปไหนทั้งนั้น นันไม่ได้ผิด แล้วพี่ก็ขาดนันไม่ได้”

            “แล้วมีวิธีไหนบ้างที่จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น พี่กับรัชกลับมารักกันเหมือนเดิม”

            “ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพี่เอง”

            “แต่ผมอยากช่วย”

            “ช่วยเป็นกำลังใจให้พี่ดีกว่า นันเป็นกำลังใจดีที่สุดของพี่เลยรู้หรือเปล่า”

            “ครับ”

            “ว่าแต่โดนต่อย เจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่า”

            รจเรขจับตรงมุมปากอานัน ตรงที่เขาโดนต่อย

            ไม่ได้เจ็บเท่าไร แต่ต้องแกล้งเพื่อเรียกคะแนนสงสาร

            “โอ๊ย! เจ็บครับ หมัดรัชหนักมากๆ”

            “ไอ้ลูกเลว ไม่รู้ว่าไปเอานิสัยอันธพาลมาจากใคร”

            “อย่าไปต่อว่ารัชเลย รัชคงเจ็บปวดมากที่โดนพี่ตบหน้าไป”

            “มันยังน้อยถ้าเทียบกับที่มันทำกับนันของพี่ ทั้งๆ ที่นันก็พยายามอธิบายให้มันเข้าใจ”

            “ครับ”

            “อย่าไปพูดถึงมันเลย พี่พานันเข้าไปทายาให้ดีกว่าจะได้หายเจ็บ”

            “ครับ กำลังใจจากพี่มันคงทำให้ผมหายเจ็บเป็นปลิดทิ้ง”

            อานันที่เดินประคองกับรจเรขเหมือนแม่กับลูกเข้าบ้านไปเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์หลังจากทำให้แม่ลูกต้องผิดใจกันและเกลียดกันมากขึ้น

            เกลียดกันมากเท่าไรยิ่งเป็นผลดีกับตัวเขาในการเป็นผู้ครอบครองทรัพย์สมบัติทุกชิ้น

            แล้วเมื่อกลับเข้าห้องมา ขณะรจเรขทำแผลจากที่โดนต่อยให้ อานันก็ไม่วายจะอ้อนเธอเพื่อขอเงินไปช็อปปิ้ง

            แล้วมีหรือที่การออดอ้อนจะไม่เป็นผล มันสำเร็จทุกครั้ง ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน

            เธอเซ็นเช็คให้เขาห้าหมื่นบาทในการไปช็อปปิ้งให้หายเครียด

            ใครจะว่าเขาเป็นแมงดา เกาะชายกระโปรงผู้หญิงคราวแม่กิน แต่อานันไม่สนเมื่อมันทำให้เขาสบาย ไม่ต้องกลับไปมีชีวิตปากกัดตีนถีบแบบในอดีต

--------------------------------------------------------------------

            รัชพลวิ่งหนีความเสียใจที่โดนแม่ตบหน้ามาที่มุมหนึ่งของบ้าน

เจ็บกายไม่เท่าไร แต่เจ็บใจมากกว่า เมื่อไรแม่จะเชื่อคำพูดเขาบ้าง เชื่อแต่คำโกหกพกลมของเพื่อนเลวๆ

ก่อนที่มือของมุตาที่เห็นเหตุการณ์รจเรขตบหน้ารัชพลจะแตะที่บ่าเขาอย่างนุ่มนวล ทุกอย่างก็เพื่อให้กำลังใจเขา

เมื่อเหลือบเห็นว่าเป็นมุตา รัชพลรีบสะบัดตัวหนี ไม่ให้เธอแตะต้องตัวเขา

“ไม่ต้องมายุ่งกับผม”

“ทำไมล่ะคะ มุตาเป็นห่วงคุณนะ”

“ไม่ต้องมาห่วง”

“เจ็บหรือเปล่าคะที่โดนคุณป้าตบหน้า”

“ทุกอย่างก็เพราะน้องชายของเธอ ฉันถึงต้องเป็นแบบนี้ ตั้งแต่น้องชายเธอเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ ไม่มีวันไหนที่ฉันมีความสุขเลย”

“เพราะคุณรัชโกรธนายนันเลยพาลมาโกรธมุตาด้วย มันคนละคนกันนะคะ แล้วมุตาก็รักคุณนะคะ”

มุตาใช้มารยาเข้าไปกอดคลอเคลีย ก่อนเขาจะทำอะไร ชลลดาก็เข้ามาเห็นภาพนั้น มันทำให้เธอเดือดจนปรอทแตก

รีบเข้าไปดึงมือไม้ที่ยั้วเยี้ยยังกับหนวดปลาหมึกของมุตาแล้วผลักเจ้าหล่อนจนกระเด็น

“ปล่อยพี่รัชของฉันนะ แกมีสิทธิ์อะไรมาเกาะแกะเขา”

โดนทำแบบนี้มีหรือมุตาจะไม่โกรธ

“เธอมีสิทธิ์แค่ไหนในตัวคุณรัช ฉันก็มีสิทธิ์แค่นั้น”

“หน้าด้าน พูดไม่อายปาก”

“ทำไมฉันจะต้องอาย ก็ในเมื่อฉันพูดความจริง”

“ใครๆ ก็รู้ว่าฉันเป็นเมียพี่รัช”

“เมียเหรอ เคยถามคุณรัชหรือเปล่าว่าเขาคิดว่าเธอเป็นเมียหรือเปล่า เธอเป็นคนหอบผ้าหอบผ่อนมาอยู่กับเขาเอง”

“แก!”

ชลลดาแค้นเมื่อโดนเล่นงานอย่างเจ็บแสบ

“หรือฉันพูดผิด”

“อย่างน้อยฉันกับพี่รัชก็เป็นของกันและกันแล้ว มีแต่แกเท่านั้นที่รอให้เขาสนองตอบอารมณ์เปลี่ยวของแก แต่เขาก็ไม่ทำสักที ถึงต้องอดอยากปากแห้งคิดจะมาจ้องลักกินขโมยกินเขาอยู่อย่างนี้”

“แก!”

คราวนี้เป็นมุตาบ้างที่โดนย้อนอย่างแสบสันต์

เมื่อทุกอย่างถึงที่สุด สองสาวก็เงื้อมือเตรียมจะเล่นงานอีกฝ่าย

รัชพลไม่อยากทนอยู่ในสภาพนี้ เขาจึงเดินหนีไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ

สองสาวจำต้องยุติสงครามฝ่ามือ

“รอมุตาด้วยสิคะคุณรัช”

“หลบไปเลย พี่รัชเป็นของฉัน ไม่ใช่ของแก”

สองสาวเบียดกันเพื่อจะไปถึงตัวรัชพล

จังหวะนั้นเรียมถือกะละมังที่มีน้ำอยู่เดินมาตรงนั้น เห็นโอกาสจะเล่นงานผู้หญิงสองคนที่มาวุ่นวายกับชีวิตพ่อเลี้ยงที่เธอแอบหลงรัก เธอจึงตรงเข้าไปชน น้ำในกะละมังกระเด็นจนเปียกเสื้อผ้าของทั้งชลลดาและมุตา

“อ๊าย! อีบ้า เดินไม่ดูตาม้าตาเรือเลยหรือไง เสื้อผ้าฉันเปียกหมดแล้ว”

ชลลดาเล่นงานสาวใช้จอมเสนอหน้าแล้วเดินกลับห้องแทนที่จะตามรัชพลไปอย่างที่ตั้งใจ

เช่นเดียวกับมุตาที่ขอกลับห้องตัวเองเหมือนกัน แต่ก่อนไปไม่วายจะหงุดหงิดใส่เรียม

“ซุ่มซ่ามแบบนี้นะสิถึงได้เป็นแค่คนรับใช้ ชาตินี้ไม่มีทางเป็นได้มากกว่าคนใช้หรอก”

แม้จะโดนด่าจากสองสาวเจ้าอารมณ์ แต่เรียมหาได้สะทกสะท้านไม่ อย่างน้อยก็เล่นงานคนทั้งคู่ได้

“สมน้ำหน้า อยากมายุ่งกับพ่อเลี้ยงของฉันดีนัก...แล้ววันไหนที่ฉันได้เป็นเมียพ่อเลี้ยงล่ะก้อ วันนั้นแกสองคนจะไม่มีความหมายในสายตาพ่อเลี้ยง”

เรียมอยู่ในอาการฝันกลางวัน

---------------------------------------------

รายละเอียด

เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นเมื่อ "รัชพล" หนุ่มหล่อเจ้าของไร่ดอกไม้ ต้องถูกประณามว่า 'กักขฬะ' และ 'ป่าเถื่อน' จากผู้หญิงคนแล้วคนเล่าที่ถูกเขาทอดทิ้งราวกับซาตานผู้ไร้หัวใจ สาวสวยอย่าง "มีนา" จึงตัดสินใจเดินทางไปพิสูจน์ข้อกล่าวหานั้น พร้อมกับการคิดจะมอบบทเรียนให้เขาอย่างเจ็บปวด แต่แล้ว..กามเทพเจ้ากรรมก็ดันกลั่นแกล้งมีนาให้หวั่นไหวกับผู้ชายจอมโหดคนนี้เข้าจนได้ และแล้วเส้นทางรักของทั้งคู่จะเป็นเช่นไร? ขอเชิญคุณผู้อ่านมาติดตามร่วมกันได้แล้วในนิยาย "ดอกไม้ของซาตาน" เล่มนี้

เขียนโดย "เทพิตา"

 

576 หน้า


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (94 รายการ)

www.batorastore.com © 2024