กลิ่นดอกส้ม (โบตั๋น)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9789742983222
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 250.00 บาท 62.50 บาท
ประหยัด: 187.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

พ่อบอกว่าเราเป็นเกษตรกรที่ โชคดี เรามีที่ดินของเราเอง การคมนาคมก็สะดวก ไม่ต้องอาศัยพ่อค้าคนกลางมากนัก เราสามารถขายผลิตผลจากสวนของเราเอง ได้ เพราะเราเป็นชาวสวนในบริเวณชานเมือง หลวง การขนส่งเราอาศัยเรือ มีทั้งเรือพาย เรือแจว และเรือเครื่อง ลำคลองมากมาย อยู่รอบบริเวณอำเภอที่เราอยู่ ถนนมีน้อย หมู่บ้านของเรานั้นไม่มีถนนตัดผ่าน แต่ถนนสายที่ใกล้ที่สุดก็อยู่ห่างเพียงแค่แจวเรือ ชั่วโมงเดียว ถ้าใช้เรือหางยาวเสียเวลาไม่กี่นาที เราก็สามารถขนผลไม้ของเราไปใส่รถบรรทุกเล็กนำไปตลาดได้

 

 

 

 

 

 

ตั้งแต่จำความได้ ฉันก็อยู่บ้านใต้ถุนสูงหลังนี้ในสวน แห่งนี้ พ่อเล่าว่าเราตั้งรกรากอยู่ที่นี่มาตั้งแต่สมัยปู่ทวด บ้านหลังนี้เพิ่งปลูกได้สิบปีกว่า บ้านหลังเก่าเป็นบ้านฝาขัดแตะอยู่ไม่สบาย เมื่อพ่อมีลูกคนแรก พ่อโชคดี ขายของได้เงินก้อน พ่อจึงนำมาปลูกบ้านใหม่เรือนไม้ใต้ถุนสูง พื้นชั้นล่างเป็นดิน ทุบเรียบ พ่อเคยบอกว่าอีกหน่อยอาจจะราดซีเมนต์ แต่แม่คัดค้านว่าไม่จำเป็น

“เก็บเงินไว้ให้โอมันเรียนหนังสือดีกว่า” แม่ว่า “พื้นดิน ทุบอย่างนี้แหละสบายดี ข้างบนกว้างขวางเหลือจะพอ เรามีลูกกะเขาสามคนแค่นี้”

พี่โอหรือส้มโอเป็นลูกสาวคนโตของพ่อ ชื่อจริงของ พี่โอนั้นไพเราะมาก หลวงปู่ที่วัดตั้งให้ พี่คนรองเป็นผู้ชายชื่อ ทองดี เป็นชื่อเล่นอีกเหมือนกัน ส่วนฉันชื่อเขียวหวาน ทุกคน เรียกฉันว่าไอ้หวาน เพราะฉันไม่ค่อยจะเป็นผู้หญิงเท่าไหร่

“เรามันหากินกับดิน กับส้ม ให้ลูกมันชื่อเป็นส้มเสีย ทุกคนเลย” พ่อหัวเราะบอกกับเพื่อนบ้านเมื่อมีคนทักว่าลูกของ พ่อทุกคนชื่อเป็นส้มทั้งนั้น “ทีนี้ถ้ามีอีกคนสองคนก็ให้ชื่อไอ้กล้วย หรือไอ้หมาก มะพร้าวก็ได้”

พี่โอเรียนหนังสือเก่ง เก่งขนาดที่ทุกคนยอมรับ ลูกสาว ชาวสวนนั้นส่วนใหญ่เรียนโรงเรียนประชาบาล จบเพียงประถมสี่ก็ออกมาอยู่บ้าน ช่วยกันทำสวน หากจะมีคนไหนมีโอกาส ได้เรียนชั้นสูงกว่านั้นก็ต้องเป็นผู้ชาย ลูกชายของเพื่อนบ้าน หลายคนเป็นทหาร เป็นครู มีอยู่คนหนึ่งเป็นวิศวกร นับเป็นคนพิเศษสุด เก่งที่สุดเท่าที่เคยมี พี่โอเรียนเก่ง สอบได้คะแนน

 

ยอดเยี่ยม ครูใหญ่บอกพ่อว่าน่าจะส่งให้พี่โอเรียนต่อ

“ลูกผู้หญิงเรียนมากๆ จะดีหรือครับ” พ่อสงสัย “อีก

หน่อยก็ต้องมีผัว มีลูก วิชาก็สูญเปล่า”

“จะเป็นไรล่ะ เดี๋ยวนี้ผู้หญิงเขาเข้ามหาวิทยาลัย เป็น ครู เป็นหมอ เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่กันถมไป คุณกลิ่นก็ไม่ได้ยากจน มีที่ทาง น่าจะส่งให้เรียน ทองดีเสียอีกเรียนไม่ดีเลย เรียนเก่งมาก ๆ อย่างส้มโอถ้าไม่ได้เรียนต่อก็น่าเสียดาย”

แม่นั้นสนับสนุนเรื่องเรียนต่อเต็มที่ หากพ่อไม่ยินยอม เห็นทีพ่อจะต้องโกรธทั้งกับแม่และกับพี่โอด้วย

“เอ้า เรียนก็เรียนซีวะ เอ็งสอบเข้าโรงเรียนชั้นสูงได้ ไปเรื่อย ๆ พ่อก็ส่งเอ็งเรียนจนถึงที่สุดแหละวะ”

พี่โอต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการเรียน บ้านเราอยู่ไกล พี่โอต้องลงเรือไปขึ้นรถเมล์ที่ท่าน้ำวัดใหญ่ แล้วยังต้องไปต่อรถเมล์อีกทอดหนึ่ง พี่โอตื่นตั้งแต่ตีสี่ทุกวัน กลางคืนกว่าจะได้นอนก็ห้าทุ่ม ฉันตื่นขึ้นมากลางดึก เห็นพี่โอ นั่งอยู่หน้าตะเกียงน้ำมันก๊าดทุกคืน บ้านเราไม่มีไฟฟ้า ไม่มี น้ำประปา ไม่มีบริการสาธารณูปโภคอะไรทั้งนั้น ไฟใช้ตะเกียง น้ำใช้น้ำคลอง กินน้ำฝน แต่เราเคยชิน ไม่รู้สึกลำบากอะไร

พ่อกับแม่เป็นคนรอบคอบมาก พวกเรารู้ดีถึงสภาพ

การเงินในบ้าน ค่าใช้จ่ายกินอยู่แต่ละเดือนได้มาจากการขาย หมาก มะพร้าว กล้วย มะนาว มะละกอ ต้นไม้เหล่านี้ให้ผลมาก และทยอยกันแก่จัดทั้งปี รายได้แต่ละเดือนของเราไม่มาก แต่ก็พอใช้จ่าย เราซื้อข้าวสาร ของใช้จำเป็นบางอย่าง เสื้อผ้า หนังสือเรียน กับข้าวน่ะหรือ ผักหลังบ้านมีเยอะแยะ ปลาใน

 

ท้องร่องก็ชุม ร่องในสวนส้มนั้นขุดลอกกันแทบทุกปี น้ำลึก พ่อกั้นเลี้ยงปลาบ้าง ปลากุ้งที่มีตามธรรมชาติบ้าง อาหารจำพวกเนื้อสัตว์ก็ซื้อแต่หมู ไก่เราก็เลี้ยงเอง มีไข่กินเหลือเฟือ จนต้องขายเสียบ้าง เงินรายได้ก้อนใหญ่ของเราได้มาจากส้มโอ สามขนัดใหญ่ แม้จะได้ผลเพียงปีละครั้ง แต่ราคาส้มโอค่อนข้างดี ส้มเขียวหวานมีอยู่สองขนัดเล็กๆ ก็ได้ผลพอสมควร

พ่อจะกันเงินรายได้จากส้มนี้ไว้ซื้อปุ๋ย ไว้เป็นค่าเล่าเรียนของพี่โอ ยิ่งเรียนสูงขึ้นพี่โอก็ยิ่งต้องใช้เงินมากขึ้น และเมื่อพี่โอได้เรียนต่อ น้องอีกสองคนก็รบเร้าขอเรียนต่อ เหมือนกัน ฉันจึงได้เรียนมัธยมต่อเหมือนพี่ๆ

“เราเสียค่าใช้จ่ายในการเล่าเรียนของลูกมาก ต้องกัน ไว้ จะอาศัยที่ได้แต่ละเดือนน่ะไม่ได้หรอก แต่พ่อชักใจคอไม่ดี เสียแล้ว นี่อีกหน่อยพวกนี้มิทิ้งสวนไปทำงานอื่นกันหมดหรือ” พ่อบ่นกับแม่ต่อหน้าพวกเรา

“ถึงทำงานอื่นก็ทำสวนไปด้วยได้นี่พ่อ ผมได้ข่าวว่า เขาจะตัดถนนต่อมาอีกนะ ทีนี้ละจากบ้านเราไปถึงถนนใหญ่ก็ แค่เดินตัดสวนไปสักครึ่งชั่วโมงเท่านั้น เมืองมันกำลังขยาย” พี่ ทองดีว่า

“พ่อกลัวเมืองจะรุกสวนจะหมดน่ะซี ดูแถวตลาดพลู ซิ มองไม่เห็นสวนแล้ว เห็นแต่ตลาดกับตึกแถว”

“มันอยู่ที่เรานี่พ่อ ถ้าเราทำ สวนเราก็อยู่ สวนของ

เราแท้ๆ”

“เผื่อถูกเวนคืนทำถนนล่ะ” พี่โอมองด้านร้าย

 

“จ้างให้ เราอยู่ลึกออกยังงี้ โน่น เขาไปทางวัดโน่นคนละแนวกันเลย วันก่อนยังเห็นพวกทำถนนมาวัดๆ ที่กันเลย” พี่ทองดีเรียนอยู่ที่โรงเรียนมัธยมในวัดที่เขาเอ่ยถึง “พี่โอไม่ ชอบรึที่เมืองจะขยายมาน่ะ เผื่อจะมีไฟฟ้าใช้กะเขามั่ง พวกที่ ริมคลองใหญ่เขามีใช้กันทั้งนั้น เรามันอยู่ข้างในไม่มีใช้ ต้องจุดตะเกียงทำการบ้านน่ะ”

“พี่ไม่เห็นชอบ ถ้าเมืองขยายมา คนก็เยอะเข้า จะมี คนขายที่ให้คนปลูกบ้านอยู่กันเต็ม ๆ แน่นไปหมด ที่แค่ห้าสิบ

วา สามสิบวาก็เป็นบ้านแต่ละหลังแล้ว หนวกหูรู้ไหม สู่อยู่สงบ ๆ อย่างบ้านเราไม่ได้ ท่องหนังสือก็มีสมาธิดี พอมีไฟฟ้าใช้นะทองดี ก็เป็นอย่างบ้านเพื่อนพี่ เพื่อนบ้านเปิดโทรทัศน์ เปิดวิทยุแข่งกันดังลั่นไปหมด เราเคยอยู่บ้านห่างๆ มีบริเวณ สวนตั้งสีสิบห้าสิบไร่ ขืนอยู่อย่างนั้นประสาทกิน พี่ชอบบ้าน สวนของเรามากกว่า น้ำคลองก็สะอาด ขืนคนเยอะ น้ำคลอง สกปรก เราจะลงไปว่ายเล่นไม่ได้อีกแล้วละ เหมือนคลองผดุงฯ” พี่โอมีความเห็นต่างออกไป

“พี่ต่อต้านความเจริญสมัยใหม่ แล้วพี่คิดเรียนหมอ ทำไมน่ะ” ทองดีสงสัย

“ไม่ได้ต่อต้าน เจริญจริงๆ สะอาดจริงๆ พี่จะไปว่า อะไร นี่มันครึ่งๆ กลางๆ จึงไม่ดี”

“พ่อฟัง ๆ แล้วเข้าใจว่าถึงโอจะเรียนหมอจนจบ โอก็ ไม่คิดจะไปอยู่กรุงเทพฯ ใช่ไหม ยังอยู่บ้านเรา” พ่อถาม พ่อคงหวังจะได้ยินคำตอบรับจากพี่โอ

 

“โอว่างั้นนะเราอยู่ชานเมืองเข้าไปทำงานในกรุงเทพฯ ได้ไม่ถึงกับลำบากแล้วจะต้องรนไปอยู่ที่อื่นทำไม ถ้าโอเป็นหมอ โออยู่บ้านน่ะดีนะ ใครเจ็บใครป่วยจะได้ไม่ต้องนั่งเรือไปจนถึง ศิริราช แล้วไปตกคลั่กเป็นปลาในบ่ออยู่ที่นั่น บ้านเราไม่เห็น มีหมอสักคน ใกล้ที่สุดก็โน่นนั่งเรือไปต่อรถอีกทอด กว่าจะถึง ก็ครึ่งชั่วโมง”

พี่โอคนเก่งของเราสอบเข้าแพทย์ได้จริงๆ ตื่นเต้น กันไปทั้งหมูบ้านเลย แม่คุยไม่รู้จบ ไปวัดคราวใดก็มีคนถาม ถึงเรื่องพี่โอสอบเข้าแพทย์ได้ แต่ก็มีคนค้านอยู่เหมือนกัน

“ให้หมอผู้หญิงรักษา ข้าไม่เอาหรอก กลัว พอเห็น เลือดเข้าขี้คร้านจะมือสั่น ขืนให้ฉีดยาให้ข้าจะได้แทงผิดแทงถูกปะไรวะ” คนว่าก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน คงจะใช้ความใจอ่อน ของตัวเองเป็นเครื่องวัด “ทำมั้ยไม่เรียนครูเรียนอะไรที่มันเหมาะ กับผู้หญิงหน่อย”

“แกมันกลัวไม่เข้าเรื่องถ้ามันเห็นเลือดมือสั่นอาจารย์ มันก็ไม่ให้มันจบออกมาหรอกวะ เขาต้องให้มันออก ให้มันไป เรียนอะไรอย่างอื่นถ้ามันสอบได้มันก็ต้องทำได้” น้าออดคัดค้าน “แล้วนังโอมันเก่งออก เข้มแข็งยิ่งกว่าผู้ชาย วันก่อนยังเห็นมัน ช่วยพ่อลอกขี้เลนในท้องร่องเลย ทำงานเหมือนผู้ชาย”

“นั่นซิ บ้านเราจะได้มีหมอกะเขาสักคน ไม่ต้องถ่อ สังขารไปศิริราชโน่น”

รัศมีของวิศวกรหนุ่มลูกชาวสวนส้ม เลยถูกรัศมีคุณ หมอโอในอนาคตบดบังเสียแทบสิ้นแสงไปเลย แต่ตัวพี่โอเอง ไม่ค่อยสนใจ เอาแต่เรียน

 

พี่โอไม่เคยเกี่ยงงานในสวนหากว่ามีเวลาว่าง แต่พี่โอเรียนหนักจริงๆ ต้องไปนอนหอพักนักเรียนแพทย์ กลับแต่ วันหยุดอยู่นานทีเดียว พี่โอผอมไปมาก แต่กลับสดชื่นขึ้น ฉันสังเกตเห็นความผิดปรกติอะไรบางอย่าง พี่โอพาเพื่อนๆ มาเที่ยวบ้านสวนของเรา ทั้งผู้หญิงผู้ชาย พ่อแม่และพี่ทองดีดูไม่ ออก แต่ฉันดูออกถึงสายตาของนักเรียนแพทย์หนุ่มสวมแว่นตา หนาเตอะคนที่ชื่อ เวช คนนั้น เขามาบ่อยกว่าคนอื่น เกือบทุกสัปดาห์ทีเดียว สายตาของเขาที่มองพี่โอมันหวานหยาดเยิ้ม หนุ่มอื่นที่มาด้วยไม่ได้มองพี่โอแบบนั้น

“บ้านประคำกรองน่าสบายจังนะ ถึงจะไม่มีน้ำไม่มีไฟ ก็เถอะ” พี่เวชชมบ้านของเรา “พักผ่อนหลังงานหนักนี่ดีที่สุด อากาศบริสุทธิ์ ว่ายน้ำเล่นก็ได้เพราะน้ำสะอาดไม่เหมือนคลอง ในกรุงเทพฯ”

“ว่ายน้ำเล่นต้องไปว่ายตรงโน้น คลองใหญ่กว่านี่ คลองบ้านเรามันเป็นแค่คลองซอยเข้าสวน เป็นคลองขุดน่ะ ไม่ใช่คลองธรรมชาติ” พี่โอบอก “ไหนว่าไม่มีน้ำไม่มีไฟไง มีน้ำ คลอง น้ำฝน มีไฟตะเกียง อยากให้สว่างมากๆก็จุดเจ้าพายุเอา สว่างโร่เลย ธรรมดาก็ใช้ตะเกียงน้ำมันก๊าด”

“แล้วเรื่องกินอยู่ไม่ลำบากหรือ ผมไม่เห็นมีตลาด”

“มี ตลาด พายเรือไปซื้อเอา บางอย่างก็มีเรือมา ขายถึงหน้าบ้าน หมูก็มี ขนมก็มี อยู่ชินก็ไม่ลำบาก เราอยู่นี่ ยังไปมหาวิทยาลัยทันนี่นา ถ้าไม่จำเป็นต้องอยู่หอเราก็อยู่บ้าน ก็ไปเรียนทันทุกที ไม่เห็นมีปัญหา ทองดีกับไอ้หวานก็ไปเรียน หนังสือเช้าไปเย็นกลับทุกวัน ไม่มีปัญหาอะไร เพียงแต่ต้อง

 

ตื่นเช้าหน่อย”

บ้านเราจึงเป็นที่พักผ่อนในวันหยุดของนักเรียนแพทย์ กลุ่มโต บางเสาร์พวกเขามาเช้าแล้วกลับเย็น กลางวันกิน ก๋วยเตี๋ยวเรือกันสนุกสนาน ไปหัดพายเรือ เล่นน้ำกัน บางเสาร์ พวกเขาขอนอนค้างกลับบ่ายวันอาทิตย์ เรื่องอาหารไม่ต้อง ห่วงเขาหรอก พวกเขาหากันมาเสร็จ เอามาทำกินกัน แม่ชอบใช้เตาฟืน แต่แม่ก็มีเตาอั้งโล่ให้พวกเขาติดถ่านใช้ ถ้าฉันว่างก็จะมาร่วมสนุกกับเขาด้วย พี่เวชมาทุกอาทิตย์ ฉันจึงเลียบเคียงถามพี่โอดูเพราะอยากรู้อยากเห็นเต็มที

“นี่ พี่โอ พี่เวชน่ะเขาเป็นเพื่อนพี่โอเฉยๆหรือ”

“ไอ้หวาน ถามยังงี้หมายความว่าไง” พี่โอทำตาดุใส่ ฉัน

“ก็ไม่หมายความว่าไงหรอก อยากรู้ ตาว้านหวานนี่ คุณประคำกรอง หวานฟังแล้ว อุ๊ย เสียวไปถึงหัวใจ คำกรองครับ คำกรองขา”

“แกนี่ ยุ่ง พ่อแม่ยังไม่เคยถามฉันเลย”

“พ่อแม่เคยมีเวลามาดูเมื่อไหร่เล่า เพื่อนพี่มา พ่อแม่เขาก็เข้าสวนตามปรกติ ไม่ได้มานั่งเฝ้านั่งคุมนี่ แต่หวานเห็นเพราะหวานอยู่บ้านมากกว่าพ่อแม่”

“อยากรู้นักนะ เป็นเด็กเป็นเล็กอย่ามาวุ่น”

“หวานเป็นเด็ก แล้วพี่โอล่ะเป็นสาวแล้วซี”

“งั้นสิ แกอย่าลืมว่าฉันอายุยี่สิบแล้วนะยะ อีกสามปี ก็จะเป็นแพทย์แล้ว แต่แกน่ะเพิ่งอยู่มัธยมหนึ่ง อย่าเพิ่งวุ่นทำเป็นแสนรู้เกินตัว” พี่โอดุฉัน “รู้แล้วก็เท่านั้น”

 

“เขาเป็นแฟนพี่ใช่ไหมล่ะ” ฉันไม่ยอมแพ้

“ยังหรอก แต่อนาคตไม่แน่” พี่โอลอยหน้าตอบ "เขา เป็นลูกจีนหลานจีน จะคบกันได้แค่ไหนก็ยังไม่รู้ เขาพวกมี โรงงาน พี่น้องผู้ชายเยอะแยะ ฐานะร่ำรวย ไม่ใช่ไทยชาวสวน อย่างเรา พี่ชอบชีวิตสงบ ๆ แบบของเรา ไม่ใช่ชีวิตที่เต็มไปด้วย ญาติ โรงงาน คนงาน อยู่กับดินกับธรรมชาติอย่างเราสบายกว่า”

พี่โออดระบายความในใจกับฉันไม่ได้ ปากว่าฉันเป็น เด็ก แต่พี่โอจะพูดให้ใครฟังได้นอกจากไอ้หวานน้องจอมวุ่นคนนี้ พ่อแม่น่ะรู้แต่เรื่องทำสวนกับเข้าวัดเท่านั้น ไม่สนใจเรื่องอื่น ชื่อของพวกเราหลวงปู่ที่วัดตั้งให้ทุกคน

“หลวงปู่ท่านเป็นกวีเก่า ตั้งชื่อให้พวกเราเพราะทุก คน ทำไมพี่โอไม่ชอบชื่อตัวเอง ประคำกรอง หวานจะตาย” พี่ ทองดีชอบชื่อของตัวเขามาก ประคองทรัพย์ ส่วนฉันไอ้หวาน ของทุกคน ชื่อประดับใจ “ชื่อเราคล้องจองกันดี ผมรึชอบ”

“ฉันไม่ชอบเพราะมันใกล้เคียงกันฝีประคำร้อยย่ะ โดนเพื่อนล้อเรื่อย ดีว่าเขาขี้เกียจเรียกยาวๆ เลยเรียกแค่คำกรอง ค่อยยังชั่วหน่อย” พี่โอไม่วายบ่น

“อยู่กะพวกหมอละยังงี้ หาโรแมนติกหาความเป็นกวีไม่เจอเล้ย” พี่ทองดีค่อนว่า ตัวเขาชอบแต่งโคลงกลอน อยาก เป็นกวีหนุ่มแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โปรดอ่านบทกวีของท่าน อังคารที่สุด ของคุณเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ และนักกลอนอื่นๆ อีกหลายคน หลายปีก่อนนักกลอนคนหนึ่งถูกดินถล่มทับตาย ที่ภูกระดึง พี่ทองดีนั่งร้องไห้เสียดายคุณสุรศักด์ ศรีประพันธ์ เสียจนพ่อถามว่าเพื่อนสนิทตายหรืออย่างไร พอได้คำตอบว่า

 

นักกลอนตาย พ่อนั่งส่ายหน้าดิก ไม่เข้าใจความอ่อนไหวของ หนุ่มน้อยลูกชายคนเดียว

“อย่างหวานใครมาตัดชื่อตัวหน้าหวานออก หวาน โกรธตายเลย” ฉันหัวเราะ “คำกรองคร้าบ เพราะนะ แต่ถ้าเรียก ดับใจคร้าบ ต้องตบ”

การเรียนแพทย์เป็นงานหนัก เพื่อน ๆของพี่โอที่มา ค้างบ่อยๆ ค่อยๆหายหน้าไปทีละคนสองคน ตอนหลังก็มีแต่ พี่เวชมาเพียงคนเดียว พวกเขาคงเบื่อโหนรถแล้วยังต้องมานั่งเรือให้น้ำกระเซ็นเปียกเสื้อผ้าต่ออีก พี่เวชมาอย่างน้อยก็ทุกเดือน มาค้างคืนสองคืนแล้วก็กลับ เขาทำท่าว่าชอบพี่โอจริงๆ พ่อเพิ่งดูออกเมื่อเขาไปๆ มาๆ ตั้งสองสามปีแล้ว

“นายแว่นคนนั้นเขาชอบโอหรือ” พ่อถามตรงๆ พี่โอ อายุกว่ายี่สิบแล้ว พ่อคงไม่เห็นแปลกที่จะมีผู้ชายมาชอบพอ รักใคร่ แต่ถ้าเป็นฉัน มีเด็กหนุ่มคนไหนมาวอแวพ่อจะทำตาขวางเข้าใส่

พี่โอพยักหน้ารับ

“แล้วโอล่ะ ชอบเขาหรือเปล่า” พ่อซักอีก พี่โอส่าย

หน้า

“โอยังไม่รู้เลยค่ะ พ่อ ชีวิตครอบครัวเขาต่างกับเรา มาก โอไม่แน่ใจ อีกอย่างพอเรียนจบที่นี่แล้ว เวชเขาจะต้องไปเรียนต่อเมืองนอก เวชเขาเรียนเก่งค่ะ เขาคงอยู่กรุงเทพฯ ส่วนโอ โออยากอยู่บ้านเรา โอชอบบ้านสวน โอเลยไม่ค่อยแน่ใจว่าเราจะไปด้วยกันได้”

“ชีวิตครอบครัวเขาต่างกับเราหรือ พ่อแม่เขาทำ

 

 

อะไร เป็นข้าราชการขุนนางใหญ่โตหรือไง”

“ไม่ใช่หรอกค่ะ เขามีกิจการโรงงานทำเครื่องกระป๋อง เขาเป็นหลานจีนค่ะ พ่อ บ้านเขาอยู่กันแบบคนจีนเก่าๆ น่ะค่ะ ญาติพี่น้องเยอะแยะแล้วก็ร่ำรวย ญาติๆ เขาอาจจะไม่ชอบโอก็ ได้ เพราะโอเป็นไทยแท้ แล้วก็จน พวกคนรวยๆเขาชอบให้ ลูกหลานแต่งงานกับคนรวยๆ อาชีพอยู่ในแวดวงเดียวกัน ไม่ก็แต่งกับลูกข้าราชการใหญ่ๆ จะได้อาศัยอิทธิพลกันได้ แต่เราไม่มีอะไรให้เขาภูมิใจได้สักอย่าง”

“อ้าว โอเป็นหมอ จะเอายังไงอีก ถึงเราจนก็ไม่ได้ จนกรอบอะไร เรามีที่ทางทำมาหากินของเรา น้องๆ ก็มีการศึกษาดี พ่อเองถึงไม่ได้เรียนสูงก็อ่านออกเขียนได้ละ แม่ก็เหมือนกัน ได้ลูกสะใภ้มีปริญญาหมอแล้ว จะเอายังไงอีก”

“นั่นซี พ่อ แม่ก็ว่างั้น โอน่ะไม่มีอะไรน้อยหน้าคนอื่นเลยนะ ปีก่อนพ่อเขาขายส้มได้เยอะนะ พอโอเรียนจบพ่อยังว่าจะซื้อรถให้โอไว้ขับไปโรงพยาบาลเลย ฝากไว้ที่บ้านคน รู้จักกันที่ปลายคลองได้” แม่พยักพเยิดกับพ่อ “ถ้าเขาชอบโอจริงๆ โอก็ให้เขาแยกออกมาอยู่ต่างหากได้นี่ โอไม่ต้องห่วง พ่อแม่ร้อก ยังมีเจ้าทองดีกับไอ้หวานอีก โออย่าหาบ้านให้มันไกลบ้านเรานักแล้วกัน พ่อแม่ไปเยี่ยมไม่ไหว ให้มันใกล้ๆหน่อย เผื่อพ่อแม่เจ็บป่วยจะได้อาศัยมั่ง”

“ยังอีกนานหรอกแม่ อย่าเพิ่งนึกถึงเลย เราก็คบกัน

ไปเรื่อยๆ”

พี่โออธิบายว่าการไปเรียนแพทย์ต่อที่เมืองนอก เพี่อ เอาใบรับรองแพทย์ผู้ชำนาญเฉพาะโรคนั้นกินเวลาหลายปีนัก

ถึงกระนั้นหมอเวชอาจจะเปลี่ยนใจไปแล้วก็ได้ ความว้าเหว่ที่ เมืองนอกอาจจะทำให้หมอเวชแต่งงานกับใครที่โน่นก็ได้

“มันยังอีกนานนัก โอจึงต้องเผื่อหัวใจตัวเองไว้สำหรับ ความผิดหวัง”

พี่ทองดีเข้ามาได้ยินประโยคนี้เข้าพอดี เขาล้อพี่โอ ว่า “รักใครอย่ารักให้หมดใจ เผื่อเอาไว้สำหรับความผิดหวัง เพิ่งเคยได้ยินพี่โอพูดอะไรโรแมนติกวันนี้เอง นะหมอโอ”

“เดี๋ยวจะโดน ล้อเลียนพี่ได้เรอะ” แม่แหวเอา “พี่เขา โตกว่าแกตั้งเท่าไหร่”

เราสามคนพี่น้องอายุห่างกันหลายปี พ่อแม่ไม่ใช่ ครอบครัวลูกดกอย่างชาวสวนทั่วไป พี่โอแก่กว่าพี่ทองดีถึงห้าปี และแก่กว่าฉันถึงแปดปี แต่พี่ทองดีโตเร็ว และความเป็นคนเจ้าบทเจ้ากลอน ทำให้เขาดูเหมือนหนุ่มก้อร่อก้อติก โดนแม่ด่าเอาบ่อยๆว่าทำท่าเหมือนพวก ‘เจ้าชู้ประตูดิน’ สมัยก่อน

“คิดจะไปนอกกับเขาบ้างไหมล่ะถ้ามีหนทางก็ไปเถอะนะ แม่อยู่กันได้ มีน้องอีกสองคนอยู่เป็นเพื่อน” แม่สนับสนุน การเรียนต่อของลูกๆ เสมอ พ่อเสียอีกบางทียังคิดอะไรแบบ เก่าที่ว่าลูกผู้หญิงอีกหน่อยก็มีลูกมีผัว เรียนมาก ๆก็แค่ประดันตัว ต้องมัวเลี้ยงลูกไกวเปลเห่กล่อม ซักผ้าอ้อมผ้านุ่ง

พี่โอยิ้มชอบใจ “หนทางมันก็พอมีหรอก แม่ แต่ยัง ไม่รู้จะมีหวังไหม”

“ก็เอามันให้ได้ชีวะ โอ เอ็งมันเก่ง แม่รู้ ถ้าพยายาม แล้วต้องได้”


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (93 รายการ)

www.batorastore.com © 2024